• Welcome to ลงประกาศฟรี โพสฟรี โปรโมทเว็บไซด์ให้ติดอันดับ SEO ด้วย PBN.
 

poker online

ปูนปั้น

Menu

Show posts

This section allows you to view all posts made by this member. Note that you can only see posts made in areas you currently have access to.

Show posts Menu

Topics - Panitsupa

#3501


ลอรีอัล กรุ๊ปได้รายงานผลการดำเนินงานรอบครึ่งปีแรกของปี 2564 โดยเติบโตขึ้น 20.7% ในสถานการณ์โควิด-19 ตลาดผลิตภัณฑ์ความงามภาพรวมฟื้นตัวขึ้นทีละน้อย และเติบโตสองหลัก โดยลอรีอัล กรุ๊ปครองส่วนแบ่งตลาดสูงขึ้นในทุกแผนกและในทุกภูมิภาค และมีผลการดำเนินงานที่ดีกว่าตลาดรวม โดยเฉพาะไตรมาส 2 ที่บริษัทฯ มีการเติบโตที่แข็งแกร่ง และสามารถหวนคืนสู่การเติบโตในระดับเดียวกับช่วงก่อนเกิดการแพร่ระบาดของโควิดถึง 6.6% เทียบกับช่วงครึ่งแรกของปี พ.ศ. 2562 และเพิ่มขึ้น 8.4% ในไตรมาส 2 เมื่อเทียบกับปี พ.ศ. 2562

ความเป็นเลิศด้านเทคโนโลยีดิจิทัลของบริษัทฯ ทำให้แบรนด์ต่างๆ สร้างและรักษากลุ่มลูกค้า รวมทั้งพันธมิตร โดยช่องทางอี-คอมเมิร์ซเติบโตในระดับปานกลางที่ 29.2% เนื่องจากช่องทางร้านค้าปลีกสามารถกลับมาเปิดให้บริการได้ ยอดขายอี-คอมเมิร์ซคิดเป็นสัดส่วน 27.3% ของยอดขายทั้งหมด ขณะที่กลุ่มค้าปลีกท่องเที่ยวนั้นได้ฟื้นตัวขึ้น โดยได้รับอานิสงส์จากการฟื้นตัวขึ้นเล็กน้อยของการเดินทางระหว่างประเทศ และความสำเร็จในตลาดไหหลำ ขณะเดียวกัน ในเดือนมิถุนายนที่ผ่านมาบริษัทได้เปิดตัวแคมเปญของลอรีอัล กรุ๊ป เป็นครั้งแรกทั่วโลก เพื่อให้ลูกค้า ผู้ถือหุ้น รวมทั้งผู้มีส่วนได้ส่วนเสียในธุรกิจทั้งหมด การเปิดตัว "L'Oréal For Youth" โครงการระดับโลกเพื่อส่งเสริมการจ้างงานผู้ที่มีอายุต่ำกว่า 30 ปี ให้เพิ่มอีก 30%

นายนิโคลา ฮิโรนิมุส ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของลอรีอัล กล่าวว่า "ลอรีอัล กรุ๊ปเติบโตในช่วงครึ่งปีแรก และจะเติบโตในอัตราการขยายตัวระดับเดียวกับช่วงก่อนที่จะเกิดวิกฤต ด้วยการใช้เทคโนโลยี data และ AI เพื่อก้าวขึ้นเป็นบริษัท Beauty Tech โดยครึ่งหลังปี 2564 นี้เราจะใช้กลยุทธ์เปิดตัวผลิตภัณฑ์เชิงรุก จะลงทุนในปัจจัยที่ขับเคลื่อนการเติบโตเพื่อกระตุ้นการขยายตัวในอนาคต มั่นใจมากที่จะเติบโตอัตราสูงกว่าตลาด และปีนี้จะประสบความสำเร็จในการเติบโตของยอดขายและผลประกอบการ"



ทั้งนี้ การเติบโตแบ่งตามแผนกธุรกิจ
1. แผนกผลิตภัณฑ์ช่างผมมืออาชีพ เติบโต 41% จากเทรนด์ในตลาด 3 ส่วน คือ การใช้เทคโนโลยีดิจิทัลของซาลอนและร้านเสริมสวยต่างๆ การพัฒนาสไตลิสต์ที่เป็นฟรีแลนซ์ และการขยายตัวของอี-คอมเมิร์ซ
2. แผนกผลิตภัณฑ์อุปโภคบริโภค เติบโต 6.3% โตสูงกว่าตลาด และเติบโตในทุกภูมิภาค โดยเฉพาะในจีน บราซิล อินโดนีเซีย และประเทศหลักในยุโรป
ช่องทางอี-คอมเมิร์ซเติบโตมาก สัดส่วน 20% ของยอดขายรวม
3. แผนกผลิตภัณฑ์ความงามชั้นสูง เติบโต 28.1% โตสูงกว่าตลาดในทุกภูมิภาค จากการกลับมาเปิดให้บริการของหน้าร้านบางส่วน และแผนกนี้ยังมีส่วนแบ่งตลาดเพิ่มขึ้นในกลุ่มผลิตภัณฑ์ทั้งสามประเภทที่มี
4. แผนกผลิตภัณฑ์เวชสำอาง เติบโต 37.5% โดยมีการปรับผลิตภัณฑ์แบรนด์สกินแคร์ให้ตอบรับกับความต้องการของตลาดที่เพิ่มมากกว่าเดิมในช่วงการระบาดของโควิด



สำหรับข้อมูลแบ่งตามโซนภูมิภาค ครึ่งปีแรก พ.ศ. 2564 ลอรีอัล กรุ๊ปได้ปรับการจัดภูมิภาคขึ้นใหม่ โดย ณ วันที่ 30 มิถุนายน 2564 ยอดขายตามโซนภูมิภาครายงานตามการจัดโครงสร้างดังกล่าว โดยภูมิภาคที่จัดขึ้นใหม่ คือ ยุโรป อเมริกาเหนือ เอเชียเหนือ SAPMENA (เอเชียแปซิฟิกใต้ ตะวันออกกลาง แอฟริกาเหนือ และแอฟริกาใต้ซาฮารา) และละตินอเมริกา

SAPMENA เติบโต 19.9% ประเทศแถบแปซิฟิก และกลุ่มประเทศรอบอ่าวอาหรับเริ่มฟื้นตัวขึ้น แต่สถานการณ์โควิด-19 ในอินเดียยังคงส่งผลกระทบต่อยอดขายในไตรมาส 2 ขณะที่หลายประเทศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เช่น มาเลเซีย ไทย ฟิลิปปินส์ และอินโดนีเซีย ยังมีการใช้มาตรการควบคุมการแพร่ระบาดอย่างเข้มงวด ส่วนเวียดนามยังเติบโตต่อเนื่อง การเติบโตของตลาด SAPMENA ได้รับแรงหนุนจากแผนกผลิตภัณฑ์อุปโภคบริโภคจากแบรนด์การ์นิเย่ และเมย์เบลลีน นิวยอร์ก รวมทั้งจากแผนกผลิตภัณฑ์ความงามชั้นสูงในกลุ่มน้ำหอม และสกินแคร์ และแผนกผลิตภัณฑ์เวชสำอางที่มีแบรนด์ลา โรช-โพเชย์ช่วยเสริม ขณะที่อี-คอมเมิร์ซเติบโตอย่างมากในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และอินเดีย ช่วยผลักดันให้ทุกแผนกเติบโตขึ้นเช่นกัน ส่วนในแอฟริกาใต้ซาฮารานั้นยอดขายตลาดแอฟริกาใต้สูงขึ้นสองหลัก

ส่วนเอเชียเหนือเติบโต 27.3% ขณะที่ยุโรปเติบโต 11.9% (ครอบคลุมถึงยุโรปตะวันตก และยุโรปตะวันออก และเป็นโซนที่ใหญ่ที่สุดของลอรีอัล กรุ๊ป ในแง่ยอดขาย) ทางด้านอเมริกาเหนือเติบโต 23.2% และละตินอเมริกาเติบโต 32.8%



ทั้งนี้ ลอรีอัล กรุ๊ป มีพอร์ตโฟลิโอผลิตภัณฑ์ความงาม 35 แบรนด์ มียอดขายผลิตภัณฑ์ 2.799 หมื่นล้านยูโร ในปี 2563 มีผลิตภัณฑ์จัดจำหน่ายผ่านทุกช่องทาง
ส่วนลอรีอัล ประเทศไทย นำเข้าและจัดจำหน่ายแบรนด์ระดับสากล ใน 4 แผนกผลิตภัณฑ์
1. แผนกผลิตภัณฑ์อุปโภค : ลอรีอัล ปารีส, การ์นิเย่ และเมย์เบลลีน นิวยอร์ก
2. แผนกผลิตภัณฑ์ความงามชั้นสูง : ลังโคม, ไบโอเธิร์ม, จิออร์จิโอ อาร์มานี, คีลส์, ชู อูเอมระ, อีฟส์ แซงต์ โลรองต์, เออเบิน ดีเคย์ และอิท คอสเมติกส์
3. แผนกผลิตภัณฑ์ช่างผมมืออาชีพ : ลอรีอัล โปรเฟสชันแนล และเคเรสตาส
4. แผนกผลิตภัณฑ์เวชสำอาง : ลา โรช-โพเซย์, วิชี่ และเซราวี
#3502


ถือเป็นโครงการเมกะโปรเจ็กต์ที่ใช้เวลาในการผลักดันอย่างยาวนานกว่า 2 ปีสำหรับโครงการ "ท่าเรือแหลมฉบังเฟส 3" โครงการสำคัญในพื้นที่เขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (อีอีซี) ซึ่งการล่าช้ามาจากข้อขัดแย้งของเอกชน 2 กลุ่มที่เข้ายื่นซองแข่งขันการประมูล ก่อนที่กลุ่มหนึ่งจะถูกตัดสิทธิ์จากข้อผิดพลาดเรื่องเอกสารทำให้มีการไปฟ้องร้องศาลปกครองเป็นคดีความอยู่นานกว่า 1 ปี ทำให้ขั้นตอนการอนุมัติโครงการ การเซ็นสัญญาล่าช้ามาเป็นเวลาพอสมควร 

ล่าสุดโครงการนี้มีความชัดเจนและความคืบหน้าที่สำคัญ เมื่อที่ประชุมคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (กพอ.) เมื่อวันพุธที่ 4 สิงหาคม 2564 ที่มี พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ในฐานะประธานกรรมการ กพอ. เป็นประธานได้พิจารณา ผลการคัดเลือกเอกชน ผลการเจรจา และร่างสัญญาร่วมลงทุน โครงการพัฒนาท่าเรือแหลมฉบัง ระยะที่ 3 ในส่วนของท่าเทียบเรือ F ตามที่ คณะกรรมการคัดเลือกฯ ได้ดำเนินการตาม มติ ครม. เมื่อวันที่ 7 เมษายน 2564 

คณิศ แสงสุพรรณ เลขาธิการอีอีซี กล่าวว่าขณะนี้ได้มีการส่งสัญญาร่วมลงทุนระหว่างภาครัฐกับเอกชนให้สำนักงานอัยการสูงสุดพิจารณา จากนั้นจะนำเอาสัญญาที่ผ่านการพิจารณาแล้วเข้าสู่การพิจารณาของ กพอ.นัดพิเศษ และนำเสนอที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เมื่อผ่านความเห็นชอบแล้วก็จะมีการเซ็นสัญญากับภาคเอกชนโดยกลุ่มกิจการร่วมค่า GPC กับการท่าเรือแห่งประเทศไทย คาดว่าจะดำเนินการได้ในเดือน ส.ค.นี้

ส่วนการก่อสร้างท่าเรือ F1 คาดว่าจะดำเนินการแล้วเสร็จในปี 2568 และท่าเรือ F2 จะดำเนินการให้แล้วเสร็จในปี 2572 จากนั้นจะเปิดประมูลท่าเรือใกล้เคียงในบริเวณดังกล่าว ได้แก่ ท่าเรือ E ซึ่งจะมีการเชิญชวนเอกชนมาร่วมลงทุนอีกโครงการ 

อนุมัติผลประโยชน์ตอบแทนทางการเงินที่ภาครัฐได้รับจากโครงการฯ เป็นค่าสัมปทานคงที่ คิดเป็นมูลค่าปัจจุบัน 29,050 ล้านบาท และค่าสัมปทานผันแปรที่ 100 บาทต่อ TEU (หน่วยนับตู้คอนเทนเนอร์ซึ่งมีขนาด 20 ฟุต)

โดยคณะกรรมการคัดเลือกฯ ในการประชุมเมื่อวันที่ 20 เมษายน 2564 ได้มีมติให้กลุ่มกิจการร่วมค้า GPC เป็นผู้ผ่านการประเมินข้อเสนอซองที่ 4 ซึ่งได้เสนอผลประโยชน์ตอบแทนทางการเงินที่ภาครัฐได้รับ ตามที่ มติ ครม. ได้อนุมัติไว้

นอกจากนี้ ยังได้เจรจาผลตอบแทนเพิ่มเติม อาทิ เอกชนตกลงเพิ่มเงื่อนไขการสร้างท่าเรือ F2 ให้เร็วขึ้น หากแนวโน้มตู้สินค้าเพิ่มขึ้นกว่าที่คาดการณ์ไว้ เอกชนจะสมทบเงินเข้ากองทุนเยียวยาความเสียหาย ในอัตรา 5,000 บาท/ไร่/ปี นับตั้งแต่วันเริ่มประกอบการท่าเทียบเรือ เป็นต้น

ทั้งนี้ คณะทำงานเจรจาร่างสัญญา ฯ ที่มีผู้แทนสำนักงานอัยการสูงสุดเป็นประธาน ได้ดำเนินการเจรจาร่างสัญญาร่วมลงทุนกับเอกชน รวมทั้งสิ้น 14 ครั้ง โดย ยึดหลักเจรจาตามเอกสารการคัดเลือกเอกชน ระเบียบและกฎหมายที่เกี่ยวข้องอย่างโปร่งใส รัดกุม และประเทศได้ประโยชน์สูงสุด จนได้ข้อยุติในเบื้องต้น จากนั้นคณะกรรมการคัดเลือกฯ ได้เจรจาร่างสัญญาร่วมลงทุนกับเอกชนเพิ่มเติมอีก 4 ครั้ง จนได้ข้อยุติในทุกประเด็น

และในการประชุมเมื่อวันที่ 28 มิถุนายน 2564 คณะกรรมการคัดเลือกฯ มีมติว่าได้ดำเนินการเจรจาร่างสัญญาร่วมลงทุนครบถ้วนทุกประเด็นแล้ว จึงเสนอให้การท่าเรือแห่งประเทศไทย (กทท.) และ สกพอ. พิจารณาดำเนินการต่อไป โดย กทท. ได้ส่งร่างสัญญาร่วมลงทุนให้สำนักงานอัยการสูงสุดตรวจพิจารณา ทั้งนี้ได้ข้อตกลงในร่างสัญญาร่วมลงทุนกับเอกชนเรียบร้อยแล้ว และอยู่ระหว่างการพิจารณาจากสำนักงานอัยการสูงสุด  โดยจะเร่งนำเสนอ ครม. พิจารณา และลงนามสัญญาต่อไป

โครงการนี้จะก่อให้เกิดการลงทุนรวมกว่า 7.92 หมื่นล้านบาท เป็นการลงทุนของภาครัฐประมาณ 4.83 หมื่นล้านบาท และการลงทุนของเอกชนประมาณ 3.08 หมื่นล้านบาท

ก่อนหน้านี้มีการรายงานผลตอบแทนโครงการ และการวิเคราะห์ทางการเงินให้ที่ประชุม ครม.รับทราบเกี่ยวกับโครงการดังกล่าวจากข้อเสนอซองที่ 4 ด้านผลประโยชน์ตอบแทนนั้น กลุ่มกิจการร่วมค้า GPC เสนอค่าสัมปทานคงที่คิดเป็นมูลค่าปัจจุบันสุทธิ (NPV) ที่ 12,051 ล้านบาท และค่าสัมปทานผันแปรที่ 100 บาทต่อทีอียู ซึ่งค่าสัมปทานคงที่ดังกล่าวต่ำกว่าที่รัฐคาดหมายตามมติ ครม. โดยคณะกรรมการคัดเลือกฯ ได้เจรจาผลประโยชน์ตอบแทนทางการเงินกับกลุ่มกิจการร่วมค้า GPC จำนวน 6 ครั้ง โดยข้อเสนอสุดท้ายอยู่ที่ 29,050 ล้านบาท และค่าสัมปทานผันแปรคงเดิมที่ 100 บาทต่อทีอียู

ขณะเดียวกัน กทท.และ สกพอ.ได้เสนอความเห็นร่วมกันว่า ผลตอบแทนโครงการเฉพาะส่วนของท่าเทียบเรือ F จะมีอัตราผลตอบแทนทางการเงิน (FIRR) อยู่ที่ 11.01% และมีมูลค่าปัจจุบันสุทธิ (NPV ) อยู่ที่ 30,032 ล้านบาท และหากนำมูลค่าที่ดินของ กทท.มาคำนวณเป็นมูลค่าสุดท้าย (Terminal Value) จะมีอัตราผลตอบแทนทางการเงินอยู่ที่ 11.54% และมีมูลค่าปัจจุบันสุทธิอยู่ที่ 39,959 ล้านบาท ซึ่งอยู่ในระดับที่ดีสำหรับการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานขนาดใหญ่

  

สำหรับ "กลุ่มกิจการร่วมค้า GPC" เป็นการร่วมทุนกันของ บริษัท กัลฟ์ เอ็นเนอร์จี ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) หรือ "GULF"  บริษัท พีทีที แทงค์ เทอร์มินัล จำกัด หรือ "PTT Tank" และ บริษัท ไชนาร์ฮาเบอร์ เอ็นจิเนียร์ริ่ง จำกัด โดยถือหุ้นในสัดส่วน 40% 30% และ 30% ตามลำดับ  
#3503


อุตสาหกรรมอาหารของไทยนอกจากเป็นหนึ่งในอุตสาหกรรมที่มีศักยภาพในพื้นที่ EEC เพราะเป็นอุตสาหกรรมเป้าหมายในกลุ่ม First S-Curve แล้ว ยังสร้างรายได้ให้กับประเทศจากการส่งออกถึงกว่า 1 ล้านล้านบาทต่อปี แต่จากแนวโน้มพฤติกรรมผู้บริโภคที่ให้ความสำคัญกับความปลอดภัยของอาหาร สุขภาพ สวัสดิภาพแรงงาน และความยั่งยืนด้านสิ่งแวดล้อมมากขึ้น จึงต้องการรู้ที่มาที่ไปของอาหาร ขณะที่เทคโนโลยีการตรวจสอบย้อนกลับอาหารมีความก้าวหน้ามากขึ้น โดยเฉพาะเทคโนโลยี Blockchain ที่ได้รับการจับตามองมากขึ้นเรื่อยๆ และถูกคาดหมายว่าจะพลิกโฉมระบบการตรวจสอบย้อนกลับอาหารในอนาคต

หลายท่านอาจสงสัยว่าเทคโนโลยี Blockchain ช่วยในการตรวจสอบย้อนกลับอาหารได้อย่างไร แต่ก่อนที่จะตอบคำถามนี้ ผู้อ่านคงต้องเข้าใจก่อนว่า ความท้าทายจากความต้องการรู้ที่มาที่ไปของอาหารของผู้บริโภคจะส่งผลกระทบต่อธุรกิจอาหารในรูปแบบใด

ในระยะข้างหน้าความต้องการรู้ที่มาที่ไปของอาหารจะมาในรูปแบบมาตรฐานและกฎระเบียบทางการค้าที่จะเป็นอุปสรรคสำหรับ

ผู้ส่งออกอาหารของไทย อาทิ นโยบาย Farm to Fork ของสหภาพยุโรป ซึ่งเป็นมาตรการทางการค้าที่กำหนดให้อาหารจะต้องตรวจสอบย้อนกลับได้และเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมตั้งแต่กระบวนการผลิตไปจนถึงผู้บริโภค หรือมาตรฐานของสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยาของสหรัฐอเมริกาที่กำหนดให้การตรวจสอบย้อนกลับอาหารเป็นในรูปแบบอิเล็กทรอนิกส์มากขึ้นเพื่อช่วยให้ผู้บริโภคสามารถตรวจสอบแหล่งที่มาที่ไปของอาหารได้สะดวกมากยิ่งขึ้น ซึ่งจะมีผลบังคับใช้ในปี 2023

กลับมาคำถามที่ว่า เทคโนโลยี Blockchain ช่วยในการตรวจสอบย้อนกลับอาหารได้อย่างไร?

Blockchain ช่วยในการจัดเก็บข้อมูลที่จำเป็นตลอดห่วงโซ่การผลิต เช่น ข้อมูลแหล่งผลิตฟาร์มและเพาะเลี้ยง ชนิดพันธุ์พืชหรือพันธุ์สัตว์ ปริมาณการใช้สารเคมีและยาฆ่าแมลง ข้อมูลการแปรรูป เพื่อให้สามารถตรวจสอบย้อนกลับอาหารได้แบบเรียลไทม์ จึงทำให้ผู้บริโภคมีความเชื่อมั่นในคุณภาพของอาหารมากยิ่งขึ้น สำหรับตัวอย่างผู้ประกอบการในต่างประเทศที่น่าสนใจซึ่งใช้เทคโนโลยี Blockchain มาช่วยในการตรวจสอบย้อนกลับอาหาร ได้แก่ บริษัทสตาร์ทอัพที่ชื่อว่า Beefchain ของสหรัฐอเมริกา ที่นำเทคโนโลยี Blockchain มาใช้เก็บข้อมูลตั้งแต่กระบวนการเลี้ยงสัตว์ไปจนถึงผู้บริโภค เพื่อให้ผู้บริโภคมีความเชื่อมั่นในคุณภาพของสินค้า ซึ่งในกรณีที่มีการระบาดของโรคในสัตว์ Beefchain ช่วยลดเวลาที่ต้องใช้ในการติดตามสต็อกที่ติดเชื้อ โดยข้อมูลที่ได้รับการบันทึกในระบบแล้วจะไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้ จึงทำให้เกิดความน่าเชื่อถือของข้อมูล

อีกตัวอย่างที่น่าสนใจ ได้แก่ Walmart บริษัทยักษ์ใหญ่ค้าปลีกของโลกในสหรัฐอเมริกา ได้นำเทคโนโลยี Blockchain มาใช้ในการติดตามการขนส่งกุ้งมาจากประเทศคู่ค้าอย่างอินเดีย โดยใช้แพลตฟอร์ม IBM Food Trust ทำงานร่วมกับบริษัทสัญชาติอินเดียอย่าง Sandhya Aqua เพื่อบริหารจัดการกับระบบสต็อกสินค้าและการจัดเก็บอาหารทะเล 

นอกจากนี้ ผู้บริโภคสามารถตรวจสอบได้ทันทีว่ากุ้งได้ถูกส่งมาจากที่ไหน ช่วยยกระดับความน่าเชื่อถือและเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันการส่งออกสินค้าทางการเกษตรของอินเดีย

โดยสรุปแล้ว ไทยซึ่งเป็นประเทศที่พึ่งพาการส่งออกสินค้าในกลุ่มอาหารจะต้องปรับตัวให้สอดคล้องกับมาตรฐานและกฎระเบียบทางการค้าในด้านการตรวจสอบย้อนกลับ รวมถึงผู้ประกอบการต้องให้ความสำคัญกับการประยุกต์ใช้เทคโนโลยีในการเชื่อมโยงข้อมูลเพื่อตรวจสอบย้อนกลับได้ตลอดห่วงโซ่การผลิต โดย Quick Win ที่จะทำให้ผู้ประกอบการไทยรับมือกับความท้าทายดังกล่าว คือ การร่วมมือกันทั้ง Ecosystem ตั้งแต่เกษตรกร ผู้ผลิต ผู้ค้า และผู้เชี่ยวชาญเทคโนโลยีด้านการตรวจสอบย้อนกลับอาหาร รวมไปถึงหน่วยงานภาครัฐที่ให้การรับรองมาตรฐานและให้คำปรึกษาด้านมาตรฐานอาหาร
#3504


แม้ความท้าทายในแวดวงสาธารณสุข จะเกิดขึ้นมายาวนานก่อนไวรัสโควิด-19 เห็นจากแนวโน้มด้านประชากรศาสตร์ เช่น โครงสร้างสังคมผู้สูงอายุทั่วโลก การเพิ่มขึ้นอย่างมากของโรคเรื้อรังต่างๆ เช่น โรคอ้วน และเบาหวาน การขาดแคลนบุคลากรด้านสาธารณสุข 

องค์กรอนามัยโลก คาดการณ์ว่า โลกจะขาดแคลนบุคลากรด้านสาธารณสุขราว 13 ล้านคนภายในปี 2035 หรือค่าเวชภัณฑ์ที่เพิ่มขึ้นต่อเนื่อง ทำให้ความมั่นคงด้านการเงินของระบบสาธารณสุขเป็นเรื่องที่น่ากังวลเช่นเดียวกัน

"นครินทร์ เทียนประทีป" ผู้จัดการฝ่ายการตลาด บริษัท ยิบอินซอย จำกัด กล่าวในประเด็นนี้ว่า การแพร่ระบาดของโควิด-19 ทั่วโลกกลายเป็น disruption อย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน ส่งผลให้ระบบบริการด้านสาธารณสุขทั่วโลกถูกทดสอบอย่างหนัก และโครงสร้างสังคมผู้สูงอายุทั่วโลกที่รวมถึงประเทศไทยที่ก้าวสู่สังคมสูงอายุโดยสมบูรณ์แล้วในปี 2564 นี้ 

การเปลี่ยนผ่านด้านเทคโนโลยีเข้าสู่ยุคดิจิทัล เช่น ระบบระเบียนสุขภาพอิเล็กทรอนิกส์ (EHR) การจัดการกับข้อมูลที่เพิ่มขึ้นมหาศาลด้วย "เอไอ" หรือ "แมชชีน เลิร์นนิ่ง" เพื่อส่งมอบบริการที่ดีขึ้นให้คนไข้ หรือเพื่อประโยชน์ด้านวิจัยของวงการการแพทย์ จึงมีบทบาทสำคัญ ช่วยยกระดับขีดความสามารถบริการด้านสาธารณสุข ที่ก้าวข้ามความท้าทายเหล่านี้ ไม่จำเป็นต้องใช้เงินลงทุนด้านเทคโนโลยีอย่างมหาศาลอีกต่อไป 

เพียงใช้เทคโนโลยีทุกอย่างภายใต้การบริการ หรือ Everything-as-a-service จะทำให้ประสบการณ์ของผู้ใช้บริการด้านสาธารณสุขเป็นไปอย่างราบรื่น

ระบบ EHR ตัวแปรเปลี่ยนผ่าน

ระบบระเบียนสุขภาพอิเล็กทรอนิกส์ หรือ EHR (The Electronic Health Record) หนึ่งตัวแปรสำคัญของการเปลี่ยนผ่านด้านเทคโนโลยีของวงการสาธารณสุขเข้าสู่โลกของดิจิทัล เริ่มจากเก็บข้อมูลสุขภาพผู้ป่วย ข้อมูลตรวจวินิจฉัย และผลลัพธ์อื่นผ่านอุปกรณ์คอมพิวเตอร์ โน้ตบุ๊ค อุปกรณ์ในห้องตรวจวินิจฉัยโรค หรืออุปกรณ์อื่นขึ้นสู่ระบบดิจิทัล เพื่อแพทย์และพยาบาลสามารถเข้าถึงข้อมูลสุขภาพของผู้เข้ารับการรักษาแค่เพียงปลายนิ้ว

ระบบ EHR รุ่นใหม่ ไม่ใช่แค่ปรับปรุงบริการด้านคลินิค การดำเนินงาน แต่ยังรวมถึงการส่งมอบประสบการณ์การสื่อสารที่ดีขึ้นระหว่างพยาบาล ผู้ป่วยคู่กับการปกป้องความเป็นส่วนตัวและความปลอดภัยข้อมูลขั้นสูง 

ยิ่งกว่านั้น ยังมีส่วนสำคัญให้เกิดการเปลี่ยนแปลงจาก การจ่ายเงินแลกบริการ (fee-for-service) เป็น ดูแลแบบเน้นคุณค่า (value-based care) เพื่อเชื่อมกระบวนการเบิกค่ารักษาพยาบาลที่สะดวกรวดเร็ว พัฒนาขีดความสามารถระบบ workflow ใช้ข้อมูลเพื่อให้มีประสิทธิภาพ เพิ่มการตัดสินใจที่แม่นยำในการดูแลรักษาผู้ป่วยให้ได้รับความพึงพอใจสูงสุด

แพลตฟอร์ม EHR มุ่งเน้นโครงสร้างจัดการแบบยืดหยุ่น ขยายผลสู่การให้บริการการสาธารณสุขทางไกล ที่มีการผลักดันอย่างมากก่อนการระบาดของโควิด-19 ต่างเห็นตรงกันว่า เป็นแพลตฟอร์มสำคัญต่อการพัฒนารูปแบบการดูแลผู้ป่วยแบบยั่งยืน ทำงานผ่านแอพพลิเคชั่น ที่ประกอบด้วย รูปแบบบริการตนเองและเฝ้าติดตามสุขภาพแบบอัตโนมัติ การควบคุมเข้าถึงหรือเคลื่อนย้ายข้อมูลด้าน EHR ผ่านช่องทางหรืออุปกรณ์ต่าง ๆ โดยเฉพาะอุปกรณ์เคลื่อนที่ได้อย่างปลอดภัย พร้อมการตอบรับความต้องการของผู้ป่วยด้านความสะดวกรวดเร็วในการเข้าถึงบริการได้สมบูรณ์ในแพลตฟอร์มเดียว

ตอบโจทย์ข้อมูลที่เพิ่มมากขึ้น

เดิมการใช้คลาวด์สาธารณะน่าจะเป็นคำตอบสำหรับระบบจัดการข้อมูลด้านสาธารณสุขที่เต็มไปด้วย ด้วยปริมาณข้อมูลที่เติบโตชนิดคาดการณ์ไม่ได้ รวมถึงความซับซ้อนและหลากหลายของข้อมูล เช่น จากแผนกรังสีวิทยา แผนกโรคหัวใจ ภาพนิ่งจากศูนย์รักษาแผล (Wound Care Center) วิดีโอจากการศึกษาเรื่องการนอน การเดิน, ศัลยกรรม และอีกมากมาย แต่เรื่องความปลอดภัยของข้อมูล และข้อบังคับเรื่องความเป็นส่วนตัวในแต่ละประเทศ (jurisdictions) อาจทำให้การใช้คลาวด์สาธารณะเป็นเรื่องยุ่งยาก ยิ่งกว่านั้น อาจจะยิ่งผลักดันต้นทุนการเข้าถึงข้อมูลบนคลาวด์สาธารณะสูงตามไปอีกด้วย

ดังนั้น การสร้างระบบจัดเก็บข้อมูลที่ปลอดภัยในองค์กร (on-premises storage) ซึ่งทางเทคนิคอาจหมายถึงการจัดเก็บในดาต้าเซ็นเตอร์ขององค์กรเอง หรือจากการใช้บริการ co-location จึงเป็นทางเลือกที่ตอบโจทย์ได้ดีกว่า ซึ่งการจัดหาอุปกรณ์จัดเก็บข้อมูล (storage) สามารถทำได้หลายระดับขึ้นอยู่กับความต้องการในการเข้าถึงข้อมูล หรือจากวิกฤตของความต้องการใช้งาน HPE Nimble Storage Adaptive Flash Arrays เป็นทางเลือกเริ่มต้นที่เข้มแข็ง เหมาะกับทั้งการทำงานในระดับ primary และ secondary และยิ่งร่วมกับความสามารถในการวิเคราะห์จาก HPE InfoSight แล้ว ก็จะยิ่งทำให้การคาดการณ์และป้องกันปัญหาทั้งระบบของการจัดเก็บข้อมูลเป็นไปได้ดียิ่งขึ้น ยิ่งกว่านั้น ความสามารถอื่นเช่น intelligent deduplication ก็ยิ่งเพิ่มประสิทธิภาพการจัดเก็บในระดับที่หาตัวจับยาก และช่วยให้ใช้การจัดเก็บข้อมูลได้อย่างเต็มความจุ

นอกจากนี้ ยังมีตัวแปรสำคัญอื่นที่ท้าทายต่อการลงทุน คือ ระยะเวลาที่ยาวนานของการจัดสรรงบประมาณและกระบวนการจัดซื้อ ทางออกปัญหาด้านงบประมาณ คือ การจ่ายค่าบริการตามการใช้งานจริง ซึ่งเริ่มถูกนำมาใช้มากขึ้นเพื่อตอบโจทย์องค์กรในการก้าวข้ามผ่านความท้าทายเหล่านี้ หลีกเลี่ยงการลงทุนด้วยเงินก้อนใหญ่ตั้งแต่เริ่มต้น ขณะเดียวกัน ยังได้ความคล่องตัวสร้างนวัตกรรมด้านดิจิทัล ด้วยค่าใช้จ่ายด้านไอทีที่น้อยลงเท่ากับปริมาณที่ใช้งานจริงเท่านั้น

ยิบอินซอย ยกตัวอย่างถึง ผลศึกษาฟอร์เรสเตอร์ระบุถึงการนำ HPE Green Lake บริการด้านฮาร์ดแวร์ โซลูชั่น และควบคุมค่าใช้จ่ายเป็นรายเดือนในรูปแบบของคลาวด์ตามการใช้งานจริง ไปปรับใช้ในองค์กรสาธารณสุข พบว่า มีผลตอบแทนการลงทุนเพิ่มขึ้น 163% ประหยัดเวลาพัฒนาบริการสาธารณสุขเพื่อส่งต่อให้ลูกค้า คิดเป็นตัวเงินได้สูงถึง 2.5 ล้านดอลลาร์ 

ทั้งนี้ HPE GreenLake เป็นวิธีการให้บริการแบบ Everything-As-a-Service ช่วยให้ธุรกิจ และองค์กรทั่วโลกนำเทคโนโลยีเข้ามาใช้เสริมประสิทธิภาพดำเนินงานได้รวดเร็ว ง่าย และหลากหลาย ส่งต่อประสบการณ์ทำงานแบบคลาวด์ให้เกิดขึ้นได้ในองค์กร บริการดูแลจัดการชนิดเต็มรูปแบบ คิดค่าบริการตามการใช้งานจริง

 
#3505


หนึ่งในเทรดใหญ่ของโลกที่เห็นได้ชัดเจนคือ "พลังงานสะอาด" จนทำให้อุตสาหกรรมที่เกี่ยวของต่างหันมาลงทุนเปิดตัวธุรกิจให้สอดคล้อง   จนทำให้ธุรกิจเดิมจาก พลังงานฟอสซิล อย่าง "ถ่านหิน" หรือ  "น้ำมัน"  อาจจะกลายเป็นของล้าหลังในอีก 10 ปีข้างหน้า  

ทำให้หุ้นที่เกี่ยวข้องไร้เสน่ห์การลงทุนแต่ทำไหมยังเห็นตัวเลขราคาน้ำมันหรือถ่านหินกลับเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง  เฉพาะราคาน้ำมันหลังจุดต่ำสุดปี 2563 สามารถปรับตัวขึ้นได้ต่อเนื่องอยู่ที่ระดับ 70 ดอลลาร์บาร์เรล อานิสงค์การลดมาตรการล็อกดาวน์ ในต่างประเทศ ทำให้เกิดความต้องการที่ถูกอั้นเอาไว้ดึงราคาเพิ่มสูงขึ้น ส่งผลดีต่อธุรกิจหุ้นน้ำมัน และ ปิโตรเคมี


อีกด้านราคาถ่านหินที่ถือว่าหลายประเทศไม่สนับสนุนให้เกิดธุรกิจดังกล่าว มีการกีดกันด้วยซ้ำจาก ภาษีคาร์บอนเครดิต ไม่ปล่อยสินเชื่อลงทุน ไม่เปิดสัมปทานเหมืองถ่านหินใหม่ๆ  เพื่อหันไปใช้พลังงานสะอาดแทนแต่กลับทำให้ราคาถ่านหินครึ่งปีแรก2564  ทะลุหลักร้อย ที่ 152.37 ดอลลาร์ต่อตัน ( 30 ก.ค.64)

เมื่อเปรียบเทียบกับช่วงปลายปี 2563 ราคาถ่านหินอยู่ที่ระดับ 70 ดอลลาร์ต่อตัน ส่งผลทำให้ 6 เดือนแรก ราคาขยับขึ้นมาถึง 117 %  วึ่งระหว่างทางราคายังขึ้นไปทำสูงสุดที่ 146 ดอลลาร์ต่อตัน สูงสุดในรอบ 12 ปี ท่ามกลางความต้องการใช้ที่สูงขึ้นตามการฟื้นตัวของเศรษฐกิจและสถานการณ์โควิด-19 ในหลายประเทศเริ่มคลี่คลาย

โดยยังมีความต้องการจากผู้บริโภครายใหญ่จีน อินเดีย เวียดนาม ไต้หวัน เกาหลี เข้ามาเพิ่มเติมยิ่งจีนที่ใช้มาตรการเข้มในธุรกินี้จนห้ามนำเข้าถ่านหินจากออสเตรเลียเลยออกผลไปที่จีนต้องนำเข้าจากแหล่งอื่นทดทแน เช่น อินโดนีเซีย

ดังนั้นหุ้นที่เกี่ยวข้องกับราคาถ่านหินโดยตรงจึงปรับตัวขึ้นเนื่องต่อเนื่อง รายเล็กใตลาด บริษัท ลานนารีซอร์สเซส จำกัด (มหาชน) หรือ LANNA  ราคาหุ้นขยับจากระดับ 5 บาท (พ.ค. 64) จนไปยืนที่ 15-16 บาท (มิ.ย.64 ) จนเกือบไปแตะที่ 20 บาท ซึ่งวานนี้ (3 ส.ค.) ราคาหุ้นปิดที่ 18.60 บาท ไม่เปลี่ยนแปลง

บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) คิงส์ฟอร์ด ให้ราคาเป้าหมายที่  24.50 บาท ในฐานผู้ที่มีแหล่งผลิตถ่านหินในอินโดนีเซียที่ได้รับประโยชน์จากราคาถ่านหินในตลาด Seaborne ที่ยังปรับตัวขึ้นต่อเนื่อง เป็นผลความต้องการใช้ที่สูงขึ้นตามการฟื้นตัวของเศรษฐกิจและสถานการณ์ โควิด-19 ในหลายประเทศเริ่มคลี่คลาย

ถัดมาหุ้น บริษัท บ้านปู จำกัด  (มหาชน) หรือ BANPU เป็นรายใหญ่ในตลาด ที่กำลังเข้าสู่พลังงานสะอาดมากขึ้นผ่านการลงทุนของบนิษัทลูก บริษัท บ้านปูเพาเวอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ BPP   ทำให้มีการเปิดแผนการเพิ่มทุนเป็นเท่าตัวจนราคาหุ้นสะดุดลงหลังขึ้นมาถึง 16 บาท กลางมิ.ย. ที่ผ่านมา

ด้วยแผนเพิ่มทุนออกมากว่า 30000 ล้านบาท ก่อนจะมีการปรับตัวเลขใหม่เป็นเพิ่มทุน 2.96 หมื่นล้านบาท  (ลดลงจากแผนเดิม 7%) ด้วยการออกหหุ้นเพิ่มทุนให้ผู้ถือหุ้นเดิม 1,692 ล้านหุ้น สัดส่วน 3 หุ้นเดิมต่อ1 หุ้นใหม่  และใบสำคัญแสดงสิทธิหรือวอร์แรนต์ ( BANPU-W4 แจกฟรีราคาใช้สิทธิ 5 บาท และ BANPU-W5 แจกฟรี ที่ราคาใช้สิทธิ 7.50 บาท )  พร้อมยกเลิกแผนออก BANPU-W6   ซึ่งจะมีการประชุมขออนุมัติผู้ถือหุ้น 9 ส.ค. นี้

ส่งผลทำให้ราคาหุ้นกลับมารีบาวด์ภายใต้การแผนเพิ่มทุนมุ่งเน้นไปที่การเข้าซื้อกิจการและขยายธุรกิจพลังงานสะอาด   ขณะที่ธุรกิจหลัก บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) เคจีไอ (ประเทศไทย) คาดไตรมาส 2 ปี 2564 กำไร 1.4 พันล้านบาท  (จากขาดทุนสุทธิ 2.5 พันล้านบาท ใน 2Q63, -10% QoQ) จากราคาถ่านหินเพิ่มขึ้นถึง 98% ( YoY )และ 21% ( QoQ)  มีราคาขายถ่านหินเฉลี่ย (ASP) จะเพิ่มขึ้น 18% (QoQ) เป็น 78 ดอลลาร์ต่อตัน  
#3506


เทร ยัง ซูเปอร์สตาร์ แอตแลนตา ฮอว์กส ต่อสัญญา 5 ปี มูลค่า 207 ล้านเหรียญสหรัฐ (ประมาณ 6,800 ล้านบาท) ตามการยืนยันของ โอมาร์ วิลก์ส เอเยนต์ส่วนตัว ต่อสำนักข่าว "อีเอสพีเอ็น (ESPN)" ของ สหรัฐอเมริกา

สัญญาระบุเงื่อนไข ปรับค่าจ้างขึ้น 30 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งจะส่งผลให้เงินการันตี 172 ล้านเหรียญ (ราว 5,700 ล้านบาท) เพิ่มเป็น 207 ล้านเหรียญ (6,800 ล้านบาท) กรณี ยัง ติดทีมยอดเยี่ยม บาสเกต. เอ็นบีเอ (NBA) 1 ใน 3 ทีม และสามารถปฏิเสธอ็อปชัน หลังครบ 4 ซีซัน

ข้อตกลงจะมีผล ตั้งแต่ฤดูกาล 2022-23 กระทั่งสิ้นสุดฤดูกาล 2026-27

การเจรจาต่อสัญญาเต็มมูลค่าของ ยัง ไม่มีอะไรซับซ้อน หลังแบก ฮอว์กส ทะลุถึงรอบชิงชนะเลิศ สายตะวันออก ทั้งที่ไม่เคยสัมผัสเพลย์ออฟตลอด 3 ซีซันล่าสุด

ผลผลิตของมหาวิทยาลัยโอกลาโฮมา เป็นแกนหลักของแฟรนไชส์ เขี่ยทีมวางอันดับสูงกว่าอย่าง นิว ยอร์ก นิกส์ กับ ฟิลาเดลเฟีย เซเวนตีซิกเซอร์ส และทำให้ มิลวอคกี บัคส์ ต้องออกแรงถึง 6 เกม กว่าจะเข้ารอบชิงชนะเลิศ

การ์ดจ่ายวัย 22 ปี ทำคะแนนเฉลี่ย 28.8 แต้ม 9.5 แอสซิสต์ เฉพาะเพลย์ออฟ พิสูจน์ฝีมือว่าเป็นอนาคตของแฟรนไชส์ นับตั้งแต่ถูก ดัลลัส มาเวอริกส์ ปล่อยตัวเพื่อแลกกับ ลูกา ดอนซิช เมื่อปี 2018
#3507



สุดาพร สีสอนดี กำปั้นหญิงทีมชาติไทย โชว์ฟอร์มปราบแชมป์ยูธโอลิมปิกจากสหราชอาณาจักร ก่อนการันตีมีเหรียญทองแดงคล้องคอเรียบร้อยในศึกโอลิมปิก 2020 ที่กรุงโตเกียว ญี่ปุ่น เมื่อันที่ 3 สิงหาคม 2564

ศึกมวยสากลสมัครเล่น โตเกียว 2020 ที่สนามเรียวโกคุ โกกุกิกัง ประเทศญี่ปุ่น รุ่นน้ำหนัก 60 กก.หญิง สุดาพร สีสอนดี ความหวังสุดท้ายที่เหลืออยู่ของทัพกำปั้นไทย เดินขึ้นสังเวียนรอบ 8 คนสุดท้าย เพื่อลุ้นชิงเหรียญรางวัล

ไฟต์สำคัญนี้ สุดาพร เผชิญหน้า แคโรไลน์ ดูบัวส์ เจ้าของแชมป์ ยูธ โอลิมปิก จากสหราชอาณาจักร ยกแรก ต่างฝ่ายต่างระแวดระวัง แต่ สุดาพร ก็หาจังหวะส่งหมัดเข้าเป้าเก็บคะแนนได้ดี จนชนะไปก่อนยกแรก 3-2 เสียง

ยกสอง ดูบัวส์ แก้เกมหาจังหวะสวนหมัดใส่นักชกไทยได้ดีจนกรรมการให้นักชกจากจีบีชนะยกนี้ 3-2 เสียง สุดท้ายยกตัดสิน ดูบัวส์ เดินลุยเหวี่ยงหมัดเพื่อตัดสินแต่ "เจ้าแต้ว" รอหาจังหวะแล้วสวนหมัดใส่แบบเยือกเย็น สุดท้ายกรรมการตัดสินให้นักชกไทย ชนะ 3-2 เสียง

ผลงานไฟต์นี้ทำให้ สุดาพร เข้าไปเจอกับ เคลลี แฮร์ริงตัน จากไอร์แลนด์ และแน่นอนที่สุดคือมีเหรียญทองแดง การันตีไว้ให้อุ่นใจเป็นที่เรียบร้อย
#3508


คู่รักดาราในวงการบันเทิงหลายคู่ที่หลังแต่งงานแล้ว วางแผนอยากจะมีลูกน้อยมาเป็นโซ่ทองคล้องใจ แต่ทำทุกวิถีทางก็ยังไม่ท้องสักที จนต้องพึ่งกระบวนการทางการแพทย์ในการรักษาผู้มีบุตรยาก โดยการทำเด็กหลอดแก้ว หรือ เรียกว่า อิ๊กซี่ (ICSI) บ้างคู่ทำอิ๊กซี่หลายครั้ง สูญเงินหลักล้าน เบบี๋ก็ยังไม่มาสักที แต่มีอีกหลายคู่ที่เคยมีปัญหามีบุตรยากและประสบความสำเร็จในการทำอิ๊กซี่ตั้งแต่ครั้งแรก เช่น คู่ของ "แอปเปิ้ล สีสะเหงียน – ฟลุค จิระ", "เจม กาลย์กัลยา - เชน ธนาตรัยฉัตร", "ครี-พัสวีพิชญ์ - ประเสริฐ เวชมัชฌิมาบุญ" , "บุ้ง ใบหยก - เวฟ สาริน", "บุ๋ม มินตยา -ต๊ะ บอยสเก๊าท์" และอีกคู่ที่เพิ่งประกาศข่าวดีว่าท้องแล้วไปเมื่อไม่นานมานี้ "บี มาติกา – กร กรกฤช" ซึ่งแต่ละคู่ต่างก็กระซิบบอกมาว่า ทำอิ๊กซี่สำเร็จตั้งแต่ครั้งแรกไม่ใช่เรื่องง่าย แต่ที่ทำได้เพราะว่ามีที่ปรึกษาดี นั้นคือ "ครูก้อย -นัชชา ลอยชูศักดิ์" ภรรยาคนเก่ง "เจมส์ - เรื่องศักดิ์ ลอยชูศักดิ์" ที่มีดีกรีเป็นถึงครูวิทยาศาสตร์ และเคยมีปัญหามีบุตรยากมาก่อน ผ่านการรักษาผู้มีบุตรยากมาแล้วทุกกระบวนการ จนเอ็กซ์เปิร์ทด้านผู้มีบุตรยากไปแล้ว



เพราะหลังจากที่ "ครูก้อย" ประสบปัญหามีบุตรยากจึงทำให้ครูก้อยหันมาศึกษางานวิจัยเกี่ยวกับผู้มีบุตรยากและการเตรียมตัวก่อนเข้าสู่กระบวนทางการแพทย์ทั้งในไทยและต่างประเทศเพื่อเพิ่มโอกาสความสำเร็จในการตั้งครรภ์ โดยหันมาเน้นโภชนาการส่งเสริมภาวะเจริญพันธุ์ (Fertility Diet) หรือ เรียกว่า "คัมภีร์อาหารที่คนอยากท้องต้องกิน" โดยเน้นทานอาหารที่หลากหลายครบ 5 หมู่ ซึ่งประกอบไปด้วย อาหารหมู่หลัก (Macronutrients) 70% และ วิตามินและแร่ธาตุ (Micronutrients) 30 % ภายใต้ 5 Keys to Success ในการเตรียมตั้งครรภ์สำหรับผู้มีบุตรยาก ได้แก่ 1.เพิ่มโปรตีน 2.ลดคาร์บ 3.งดหวาน 4.ทานกรดไขมันดี5.เน้นสารแอนตี้ออกซิแดนท์ และเสริมด้วยวิตามินบำรุง ก่อนเข้าสู่กระบวนการทำอิ๊กซี่ จนประสบความสำเร็จตั้งครรภ์ "น้องเมดา" และปัจจุบันยังมีตัวอ่อนคัดโครโมโซมผ่าน เหลืออีก 2 ตัว หญิง 1 ชาย 1 พร้อมใส่ตัวอ่อนต้นปีหน้า จึงทำให้ครูก้อย เข้าใจปัญหาของผู้มีบุตรยากเป็นอย่างดี พร้อมเผยแพร่ความรู้เกี่ยวกับการเตรียมตัวก่อนตั้งครรภ์ และมีตัวอย่างเคสผู้มีบุตรยากจำนวนมาก ผ่านทางเว็บไซต์ ยูทูป และเพจภายใต้ชื่อเดียวกันที่ babyandmom.co.th



โดย "แอปเปิ้ล สีสะเหงียน" ภรรยา "ฟลุค- จิระ" หนึ่งในคู่รักดาราที่มีบุตรยากได้เล่าว่า มาพบกับครูก้อย หลังจากผ่านการรักษาด้วยการทำ IUI แล้ว แต่ไม่สำเร็จ เพราะไม่ได้บำรุงเตรียมตัวก่อนไปทำ ตอนนั้นแอปเปิ้ลอายุเพียง 30 ปี แม้อายุยังไม่เยอะมาก แต่เปิ้ลเป็น PCOS ไข่ใบเล็กจำนวนมากหรือถุงน้ำในรังไข่ และพบติ่งเนื้อในมดลูก พร้อมกับอยากมีลูกปีกุน ซึ่งหากช้ากว่านี้จะหลุดปีกุน จึงมาพบกับครูก้อยด้วยความมุ่งมั่นตั้งใจมาก และก็เริ่มศึกษาวิธีการเตรียมตั้งครรภ์ก่อนทำอิ๊กซี่ ตาม "คัมภีร์อาหารที่คนอยากท้องต้องกิน" ซึ่งเปิ้ลได้ความรู้จากครูก้อยเยอะมาก รวมถึงเข้าใจกระบวนการทำเด็กหลอดแก้วมากขึ้น รู้ไปถึงระดับเซลล์เลยว่า แบบไหนเรียกว่าไข่สวย ตัวอ่อนหลังปฎิสนธิแบ่งตัวอย่างไร ทำให้เรารู้ว่า หลังเตรียมมาดี ผลลัพธ์ออกมาเป็นอย่างไรบ้าง ซึ่งหลังการเตรียมตัวประมาณ 3 เดือน ก็เปลี่ยนมาทำคลินิกเดียวกับครูก้อย หลังเก็บไข่เปิ้ลได้ไข่สวยโตตามเกณฑ์ 20 - 22 มิล. เก็บไข่ได้ 17 ใบ เป็นไข่สุก 14 ใบ หลังการทำอิ๊กซี่ได้ ตัวอ่อน Day 1 ปฏิสนธิ 8 ตัว เลี้ยงจนถึง Day 3 เหลือ 5 ตัว และเลี้ยงถึง Day 5 เหลือ 5 ตัวเท่าเดิม ซึ่งครูก้อยบอกว่าตามสถิติแล้ว ตัวอ่อน Day3 ไปเป็น Day5 จะต้องถึงบลาสโตซีสท์ 50 % ก็ถือว่าดีมาก แต่ของเปิ้ลถึง 100% ครูก้อยบอกว่าสุดยอดมาก หลังจากนั้นใช้เวลาเตรียมผนังมดลูก อีก 1 รอบเดือนตามคัมภีร์ครูก้อย ใส่ตัวอ่อนครั้งแรกและติดเลยค่ะ และตัวอ่อนในวันนั้นก็เป็น "น้องจูนี่" ในวันนี้ ส่วน "น้องจูน่า" เปิ้ลชิลมากเตรียมผนังมดลูกตามคัมภีร์เตรียมตั้งครรภ์เหมือนเดิม และไปรับตัวอ่อนที่ฟรีซไว้ ใส่ครั้งเดียวติดเช่นกันค่ะ



ด้าน "เจม กาลย์กัลยา" ภรรยาของ "เชน – ธนาตรัยฉัตร" ได้เล่าถึงเส้นทาง กว่าจะเป็นคุณแม่ว่า ตอนนั้นเจมอายุ 29 และพี่เชนก็อายุ 30 ต้นๆ คิดว่าเราทั้งคู่ไม่น่าจะมีปัญหามีลูกยากหลังแต่งงานคิดว่าเที่ยวกัน2คนและฮันนีมูนกันก่อน แต่พออยากจะมีลูก ลูกก็ไม่มาสักทีพร้อมกับดูฤกษ์ไว้แล้ว ถ้าช้าก็จะหลุดปีนั้นไป ได้เจอกับ "พี่เจมส์ เรืองศักดิ์" ก็คุยกับพี่เจมส์ว่าหนูก็อยากมีลูก ปล่อยแล้วยังไม่มา แล้ว "พี่เจมส์"บอกให้มาคุยกับ "ครูก้อย" เพราะครูก้อยเขาเอ็กซ์เปิร์ทด้านนี้ไปแล้ว และก็ได้คุยกัน ตอนที่ไปตรวจเพื่อเตรียมเข้ากระบวนการทำเด็กหลอกแก้ว คุณหมอบอกว่า เจมมีปัญหาไข่น้อย เมื่อเทียบกับคนอายุเท่ากัน ซึ่งอาจเป็นสาเหตุที่ทำให้ท้องยาก จึงปรึกษากับครูก้อยและ บำรุงตาม "คัมภีร์อาหารที่คนอยากท้องต้องกิน" เพื่อเตรียมบำรุงไข่ให้มีคุณภาพก่อนเข้าสู่กระบวนการทำอิ๊กซี่ ซึ่งหลังจากการเตรียมตัวมาดีทำให้ไข่โตตามเกณฑ์ ได้ตัวอ่อนคุณภาพดีเกรด A และเตรียมผนังมดลูก 1 เดือนใส่ตัวอ่อนรอบเดียวติด แล้วก็ได้แบบ "น้องสเปซ" เลย สมบูรณ์มาก ส่วนลูกคนที่สอง "น้องสเตลล่า" คือตั้งใจไปทำอิ๊กซี่รอบ 2 แต่ปรากฏว่าหลังบำรุงมาดีตามคัมภีร์ครูก้อยน้องมาธรรมชาติค่ะ



ส่วน ครี - พัสวีพิชญ์ ศรณ์อัครภา และสามีนักธุรกิจ ประเสริฐ เวชมัชฌิมาบุญ คุณแม่ของน้อง"พิโนต์" เผยว่า รู้จักเพจครูก้อยจากเพื่อนแนะนำ เนื่องจากผิดหวังมาหลายครั้ง ทั้งวิธีธรรมชาติ นับวันตกไข่ กินยาจีน และฉีดน้ำเชื้อเข้าสู่โพรงมดลูก (IUI) แต่ก็ไม่สำเร็จ เนื่องจากไม่ได้เตรียมตัวอะไรเลย และมีปัญหา PCOS ไข่ใบเล็กจำนวนมาก ในรังไข่ พอเพื่อนแนะนำว่า ให้ลองไปติดตามครูก้อย babyandmom.co.th มีคนทำอิ๊กซี่ครั้งเดียวติด ด้วยพื้นฐานครีเป็นคนละเอียดทำอะไรจะศึกษาก่อน อ่านทุกอย่าง ดูทุกคลิป รอดูครูก้อยไลฟ์ ทุกอย่างมันเมคเช้นส์ และครูก้อยอธิบายละเอียดมาก ทุกอย่างมีที่มาที่ไป ทุกอย่างคือวิทยาศาสตร์ และเริ่มปรึกษาครูก้อย และกินตาม"คัมภีร์อาหารที่คนอยากท้องต้องกิน" และทำตามครูก้อยแนะนำอย่างจริงจัง ไปเที่ยวต่างประเทศยังโหลดอาหารบำรุงขึ้นเครื่องไปด้วย ใช้เวลาเตรียมตัวเข้ม 3 เดือน ได้ไข่สวย 20 ใบ เลี้ยงตัวอ่อน Day 3 ได้13ตัว และเลี้ยงถึง Day 5 ระยะบลาสต์โตซิส 13 ตัว ตัวอ่อนไม่ฝ่อเลย ทุบสถิติทางการแพทย์ เพราะปกติตามสถิติ ถึงบลาสต์ แค่ 50% "นักวิทยาศาสตร์ที่คลินิกบอกเลยว่า ตั้งแต่เปิดคลินิกมา ยังไม่เคยเห็นคนอายุ 37 ปี ได้ตัวอ่อนถึง บลาสต์ในDay 5 แบบ 100% เลย" หลังจากนั้นเตรียมผนังมดลูกสองรอบเดือน อัดโปรตีนทุกวัน ดื่มชาดอกคำฝอยขับประจำเดือนเก่าที่คั่งค้าง และทำ Castor oil pack บำบัดมดลูก ได้ผนังมดลูกหนา 12 มิล สวย เรียงสามชั้น ใส่ตัวอ่อนรอบเดียวติดเลยค่ะ



"บุ้ง -สะธี ใบหยก" ภรรยา "เวฟ- สาริน" คุณแม่ "น้องบุญ" ทายาทหมื่นล้านตึกใบหยก ได้เผยถึงเส้นทางก่อนจะมาปรึกษากับครูก้อยว่า คิดว่าถ้า 1 ปีไม่มีลูก ก็จะทำอิ๊กซี่ ปีนิดๆก็ยังไม่มี บุ้งก็เลยปรึกษาหมอค่ะ แต่พอฉีดยากระตุ้นไข่ หมอบอกว่าผนังมดลูกบุ้งเป็นคลื่น เดิมก็เป็นคนประจำเดือนมาไม่สม่ำเสมอ หลังกระตุ้นไข่ ได้ไข่ 20 ฟอง คัดโครโมโซมผ่าน10 ตัว ก่อนใส่ตัวอ่อนเลยปรึกษากับครูก้อย เตรียมผนังมดลูกตาม "คัมภีร์อาหารที่คนอยากท้องต้องกิน" เน้นโปรตีนเพื่อให้ผนังมดลูกหนาฟู ใช้เวลาเตรียมผนังมดลูก2 เดือน หมอชมผนังหนาตามเกณฑ์ใส่ตัวอ่อน ทำอิ๊กซี่(ICSI) ครั้งเดียวติด บุ้งขอเป็นกำลังใจให้ทุกคนนะคะ บุ้งคิดว่า "สิ่งที่สำคัญที่สุดคือการเตรียมตัว บำรุงให้พร้อม และไม่เครียด"



ด้าน "บุ๋ม มินตยา" ภรรยา "ต๊ะ บอยสเก๊าท์" หรือ ต๊ะ–ฌานิศ ใหญ่เสมอ ที่ประสบปัญหาเรื่อง ซีสต์รังไข่ คุณภาพของไข่ จึงปรึกษากับครูก้อย และเตรียมบำรุงไข่ "คัมภีร์อาหารที่คนอยากท้องต้องกิน" ของครูก้อย ก่อนเข้าสู่กระบวนการทำอิ๊กซี่ แม้จะได้ตัวอ่อนเกรดบี แต่ก็คัดโครโมโซมผ่าน รวมถึงเตรียมผนังก่อนใส่ตัวอ่อนได้ผนังหนา 10 มิล. เรียง 3 ชั้นสวย ใส่ตัวอ่อนครั้งเดียวติด ได้ลูกสาว "น้องปิ๊งปิ๊ง" มาเติมเต็มชีวิตครอบครัวให้สมบูรณ์ยิ่งขึ้น



และคุณแม่ป้ายแดงที่เพิ่งประกาศข่าวดีตั้งครรภ์ไปเมื่อไม่นานมานี้ "บี-มาติกา" และ สามีนักธุรกิจหนุ่ม "กร กรกฤช" ได้แชร์ประสบการณ์มีลูกยากว่า บีมีปัญหาจำนวนไข่ตั้งต้นน้อยมาก ผลตรวจฮอร์โมนบอกจำนวนไข่ตั้งต้น AMH=0.18 ซึ่งตอนนั้นอายุเพียง 33 ปี และเคยกระตุ้นไข่มาแล้วหลายครั้ง และในทุกรอบ กระตุ้นไข่ได้แค่ 1-2 ใบ และไม่เคยได้ตัวอ่อนถึงบลาสโตซีสท์เลย ครูก้อยบอกบีว่า "ไม่เป็นไร มีไข่น้อย เราก็ต้องบำรุงให้มาก" บีตั้งใจมากส่งรายงานการกินตาม "คัมภีร์อาหารที่คนอยากท้องต้องกิน" ทุกวันเป็นเวลา 4 เดือนเต็ม บำรุงกระตุ้น บำรุงกระตุ้น จนได้ผลตอบสนองดีมาเรื่อยๆ เชื่อไหมว่า...หลังจากปรับหลักโภชนาการตามคัมภีร์ของครูก้อย บีได้ตัวอ่อนคัดโครโมโซมผ่านถึง 3 ตัว และใส่ครั้งเดียวติด



"ครูก้อย นัชชา ลอยชูศักดิ์" ได้ฝากเคล็ดลับพิชิตเบบี๋ทำอิ๊กซี่ครั้งเดียวติดว่า สำหรับแม่ๆที่มีบุตรยากและวางแผนจะเข้าปรึกษาแพทย์เพื่อเตรียมทำเด็กหลอดแก้วหรือว่าอิ๊กซี่ แนะนำให้เตรียมความพร้อมก่อนตั้งครรภ์อย่างน้อย 3 เดือน เพราะโอกาสของความสำเร็จนั้นขึ้นอยู่กับคุณภาพไข่ คุณภาพสเปิร์ม ความหนาตัวและความแข็งแรงของเยื่อบุโพรงมดมดลูก รวมถึงฮอร์โมนตั้งต้นที่สมดุล โดยสามารถติดตามเคล็ดลับเตรียมตั้งครรภ์ได้ที่ เว็บไซต์ เพจ หรือแอดไลน์มาสอบถามรายละเอียดได้ ภายใต้ชื่อเดียวกันที่ babyandmom.co.th
#3509


ฌอน สตริคแลนด์ นักสู้ชาวอเมริกัน ยังคงรักษาฟอร์มเอาไว้ได้อย่างยอดเยี่ยม หลังอาศัยทักษะชั้นเชิงการต่อสู้ โดยเฉพาะพลังหมัดเอาชนะคะแนน ยูเรียห์ ฮอลล์ คู่ต่อกรชาวจาเมกาไปได้ ในการต่อสู้คู่เอกของศึก UFC FIGHT NIGHT: Hall VS Strickland เมือช่วงเช้าวันอาทิตย์ที่ 1 สิงหาคม ที่ผ่านมา

ไฮไลท์ของรายการเป็นการต่อสู้ในพิกัดรุ่นมิดเดิลเวต ระหว่าง "TARZAN" วัย 30 ปี ที่ยังไม่เคยแพ้แบบซับมิทชันให้กับผู้ใดและชนะมาแล้ว 4 ไฟต์ติดต่อกัน พบกับ "PRIMETIME" จอมโหดจากจาเมกาวัย 36 ปี เริ่มยกแรก สตริคแลนด์ ดูดีกว่าเล็กน้อย โดยเฉพาะจังหวะเดินออกหมัด ในขณะที่ ฮอลล์ รอกะระยะบวกหวังปิดบัญชีเร็วเช่นกัน ยก 2 TARZAN ยังคงมีอาวุธหมัดชุดไว้ทิ้งระยะไม่ให้ ฮอลล์ ที่เริ่มมีลูกเตะ ได้เข้าประชิด

ยกที่ 3 สตริคแลนด์ สบโอกาสเทคดาวน์ใส่ ฮอลล์ และเป็นฝ่ายคอนโทรลเกมได้จนจบยก ยกที่ 4 สตริคแลนด์ ได้ใจเดินรุกไล่ทันทีหวังน็อคให้ได้แต่สุดท้ายก็ไม่สำเร็จ เข้าสู่ยกสุดท้าย ฮอลล์ รู้ตัวว่าเป็นรองเป็นฝ่ายเดินเข้าใส่ แต่เหมือนยิ่งเดินยิ่งเจ็บ เมื่อ สตริคแลนด์ มีแย็ปสกัดจังหวะการเข้าทำของ PRIMETIME สวยๆหลายครั้ง ครบ 5 ยก ฌอน สตริคแลนด์ ชนะคะแนน ยูเรียห์ ฮอลล์ ไปได้อย่างเป็นเอกฉันท์

หลังเก็บชัยชนะ 5 ไฟต์ติดต่อกัน และยังเพิ่มสถิติเป็นชนะ 24 แพ้ 3 เจ้าของฉายา TARZAN ให้สัมภาษณ์กับ UFC ถึงฟอร์มของตัวเองว่า "ผมยังคงทำงานอย่างหนัก ทุกคนรู้ว่าไม่ใช่ไฟต์ง่าย มันก็สนุกดีนะ มันโคตรจะเหนื่อยเลยกับการต่อสู้แบบ 5 ยกและถึงตอนนี้ผมต้องมองไปที่คู่แข่งคนต่อไปแล้ว"

ในขณะที่รองคู่เอกเป็นการต่อสู้ในรุ่นสตรอว์เวตหญิงระหว่าง เชยานเน บายส์ สาวน้อยอเมริกันวัย 26 ปี เจ้าของสถิติชนะ 5 แพ้ 2 ขึ้นสังเวียนพบกับ กลอเรีย เด เปาลา คู่แข่งวัย 26 ปี จากบราซิล ที่มีสถิติชนะ 5 แพ้ 3 และไม่เคยถูกน็อคหรือแพ้ซับมิทชัน โดยการต่อสู้คู่นี้จบลงด้วยเวลาเพียงแค่นาทีแรกของยกที่ 1 เท่านั้น เมื่อ ชายาเน บายส์ ได้จังหวะวางแข้งซ้ายใส่ปลายคาง เด เปาลา ในจังหวะลุกขึ้นยืน ก่อนตามถล่มจนกรรมการสั่งยุติการต่อสู้

ผลการแข่งขันอย่างเป็นทางการศึก UFC FIGHT NIGHT: Hall VS Strickland

คู่หลักในรายการ

คู่เอก - รุ่นมิดเดิลเวต
ฌอน สตริคแลนด์ ชนะคะแนน ยูเรียห์ ฮอลล์

รองคู่เอก - รุ่นสตรอว์เวตหญิง
เชยานเน บายส์ ชนะ TKO กลอเรีย เด เปาลา ยกที่ 1

รุ่นเวลเตอร์เวต
เจสัน วิตต์ ชนะคะแนน ไบรอัน บาร์เบเรนา

รุ่นเวลเตอร์เวต
จาเร็ด กูเดน ชนะ TKO นิคลาส สโตลเซ ยกที่ 1

รุ่นฟลายเวต
ซารุคห์ อดาเชฟ ชนะคะแนน ไรอัน เบอนัวต์

รุ่นเฟเธอร์เวต
เมลซิค บัคห์ดาซาร์ยาน ชนะ TKO คอลลิน แอนกลิน ยกที่ 2

รุ่นไลต์เวต
คริส กรูสซ์ตเซมัคเชอร์ ชนะคะแนน ราฟา การ์เซีย

รุ่นเฟเธอร์เวต
แดนนี ชาเวซ เสมอ ไค คามากา

รุ่นสตรอว์เวตหญิง
ยินห์ ยู เฟรย์ ชนะคะแนน แอชลีย์ โยเดอร์

รุ่นเวลเตอร์เวต
ฟิลิป โรว์ ชนะ TKO โอเรียน กอสซี ยกที่ 2
#3510


กสิกรไทย ออกแคมเปญแรง "ร่วมด้วย ช่วยเปย์" จ่ายมื้ออร่อยให้สูงสุด 100 บาท/ออเดอร์ แค่สั่งผ่าน Grab หรือ LINE MAN ช่วยกันอุดหนุนร้านค้าให้มีแรงสู้ต่อ

ธนาคารกสิกรไทย ระดมกำลังช่วยเหลือร้านอาหารกว่า 80,000 ร้านให้มีแรงสู้ต่อ เปิดตัวแคมเปญแรง "ร่วมด้วย ช่วยเปย์" คุณช่วยสั่ง เราช่วยจ่าย เพียงสั่งอาหารผ่าน Grab หรือ LINE MAN กสิกรไทยช่วยจ่ายมื้ออร่อยให้สูงสุด 100 บาท/ออเดอร์ ได้อิ่มท้องและอิ่มใจ ช่วยเติมกำลังให้ร้านอาหารเล็กๆ ได้มีแรงสู้ต่อ เริ่มตั้งแต่วันที่ 2 สิงหาคม – 31 สิงหาคม 2564 นี้

"ร่วมด้วย ช่วยเปย์" คุณช่วยสั่ง เราช่วยจ่าย สั่งอาหารผ่าน Grab หรือ LINE MAN

 *   จ่ายผ่านบัตรเดบิต/บัตรเครดิตกสิกรไทย, บัตรเดบิต LINE BK หรือ GrabPay Wallet
 *   ใส่โค้ด: KBANK
 *   กสิกรไทยช่วยจ่ายมื้ออร่อยให้สูงสุด 100 บาท/ออเดอร์ เมื่อสั่งขั้นต่ำ 100 บาท/ออเดอร์
 *   จำกัดท่านละ 2 สิทธิ์ต่อแอปพลิเคชัน ตลอดแคมเปญ สิทธิ์มีจำนวนจำกัดต่อวัน
#3511


ท่ามกลางสถานการณ์โควิด-19 ที่รุนแรง ทำให้มีความกังวลว่าโครงการรถไฟชานเมืองสายสีแดง ช่วงบางซื่อ-รังสิต และช่วงบางซื่อ-ตลิ่งชัน อาจจะต้องเลื่อนเปิดให้บริการจากวันที่ 2 ส.ค. 2564 ออกไปก่อนหรือไม่ ซึ่ง "ศักดิ์สยาม ชิดชอบ" รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม รีบยืนยันว่ารถไฟสายสีแดงปักหมุดเปิดให้บริการ (Soft Opening) วันที่ 2 ส.ค. 2564 แน่นอน...ไม่เลื่อน โดยตามกำหนดการ พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี จะเป็นประธานในพิธีเปิดผ่านระบบออนไลน์ จากตึกภักดีบดินทร์ ทำเนียบรัฐบาล โดยจะให้ประชาชนทดลองใช้บริการฟรีเป็นเวลา 3 เดือน (ส.ค.-ต.ค. 2564)

สำหรับรถไฟสายสีแดงถือเป็นตำนานโครงการรถไฟฟ้าที่ใช้ระยะเวลาก่อสร้างยาวนานมากที่สุดเส้นทางหนึ่ง และเป็นรถไฟฟ้าสายที่ประชาชนคนกรุงเทพฯ และปริมณฑลจับตา และรอคอยสายหนึ่ง

โดยช่วงบางซื่อ-รังสิต หากนับจากวันที่เริ่มต้นสัญญาก่อสร้างงานโยธาเมื่อ 10 ก.พ. 2556 จนถึง 2 ส.ค. 2564 ที่รถไฟสายสีแดงขบวนแรกจะเปิดหวูดให้ประชาชนได้ทดลองนั่งฟรี ใช้ระยะเวลากว่า 8 ปี โดยตลอดเวลาที่ผ่านมาโครงการมีปัญหาอุปสรรคมากมาย จนทำให้ต้องมีการขยายระยะเวลาสัญญาก่อสร้าง และปรับเพิ่มวงเงินค่าก่อสร้างมาแล้ว 5 ครั้ง จากกรอบเริ่มต้น 52,220 ล้านบาท เป็น 93,950 ล้านบาท ซึ่งยังเหลือครั้งล่าสุดที่จะเสนอขอปรับอีก 10,345 ล้านบาท ซึ่งเป็นค่าก่อสร้างเพิ่มเติม (Variation Order : VO) โดยจะทำให้กรอบวงเงินโครงการสายสีแดงรวมช่วงบางซื่อ-รังสิต เพิ่มเป็น 104,295 ล้านบาท


"ศักดิ์สยาม" ปักหมุดเปิดให้บริการ จี้ รฟท.เร่งแก้ปัญหาติดขัดทุกมิติ

ก่อนหน้านี้ รฟท.กำหนดเปิดให้บริการรถไฟสายสีแดงอย่างไม่เป็นทางการในเดือน ม.ค. 2564 "ศักดิ์สยาม ชิดชอบ" ประกาศนโยบายปักหมุดเปิดให้บริการรถไฟสายสีแดงภายในปี 2564 หลังจากตรวจเช็กการก่อสร้างงานโยธา 2 สัญญา และความก้าวหน้าสัญญา 3 งานระบบไฟฟ้าและเครื่องกล วางไทม์ไลน์ ปิดจ็อบ และเมื่อรถไฟฟ้า 2 ขบวนแรกเดินทางมาถึง ณ ท่าเรือแหลมฉบัง อำเภอศรีราชา จังหวัดชลบุรี เมื่อวันที่ 12 ต.ค. 2562 และเข้าประจำการ ณ โรงซ่อมบำรุงสถานีกลางบางซื่อ ในเดือนพ.ย. 2562 รฟท.เดินหน้าเข้าสู่โหมดการทดสอบระบบตามขั้นตอน

นอกจากนี้ "ศักดิ์สยาม ชิดชอบ" รมว.คมนาคม ยังได้มีการติดตามการดำเนินการในทุกๆ ด้านอย่างใกล้ชิด โดยตั้งคณะอนุกรรมการเตรียมการเปิดให้บริการและการบริหารโครงการระบบรถไฟชานเมือง (สายสีแดง) และสถานีกลางบางซื่อจำนวน 5 คณะ ประกอบด้วย

1. ด้านการเดินรถของการรถไฟแห่งประเทศไทยทั้งระบบ รวมทั้งการเชื่อมต่อการให้บริการระบบขนส่ง 2. ด้านสถานี 3. ด้านราคาค่าโดยสารและบัตรโดยสาร 4. ด้านการสื่อสารสาธารณะ 5. ด้านการกำหนดจุดเปลี่ยนถ่ายผู้โดยสารและสินค้า (Gateway/Hub)

นอกจากนี้ ยังมีคณะอนุกรรมการด้านการพัฒนาสถานีกรุงเทพ (หัวลำโพง) และพื้นที่ช่วงสถานีกลางบางซื่อ และคณะอนุกรรมการด้านการพิจารณาดำเนินการขอพระราชทานชื่อโครงการ 2 สายทาง สายทางละ 3 ชื่อ ซึ่ง รฟท.ได้จัดทำหนังสือถึงสำนักงานราชบัณฑิตยสภาและกรมศิลปากรเพื่อพิจารณาชื่อที่จะขอพระราชทาน

โครงการสายสีแดงเข้ม (บางซื่อ-รังสิต) เสนอ 3 ชื่อ ได้แก่ เฉลิมมหามงคล อาทรวัฒนวิถี และสวัสดิลีลาศ

โครงการสายสีแดงอ่อน (บางซื่อ-ตลิ่งชัน) เสนอ 3 ชื่อ ได้แก่ ฉลองมหานคร สิทธิรังสีรัถยา และ ประพาสภิรมย์



ช่วงทดลองให้บริการฟรี วิ่งความถี่ 15-30 นาที

รถไฟสายสีแดง ช่วงบางซื่อ-รังสิต ระยะทาง 26 กม. มี 10 สถานี ได้แก่ สถานีกลางบางซื่อ, สถานีจตุจักร, สถานีวัดเสมียนนารี, สถานีบางเขน, สถานีทุ่งสองห้อง, สถานีหลักสี่, สถานีการเคหะ, สถานีดอนเมือง, สถานีหลักหก และสถานีรังสิต ใช้เวลาในการเดินทางประมาณ 25 นาที ช่วงบางซื่อ-ตลิ่งชัน ระยะทาง 15 กม. มี 3 สถานี ได้แก่ สถานีบางซ่อน สถานีบางบำหรุ และสถานีตลิ่งชัน ใช้เวลาในการเดินทางประมาณ 15 นาที

แหล่งข่าวจากการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) กล่าวว่า ที่ผ่านมา รฟท.โดยบริษัท รฟฟท. จำกัด ได้มีการทดลองระบบการเดินรถ มีการฝึกซ้อมแผนเผชิญเหตุต่างๆ ตามมาตรฐานความปลอดภัย โดยวิศวกรที่ปรึกษาอิสระ (Independent Certification Engineer : ICE) ของโครงการได้เข้าตรวจสอบและออกใบรับรองให้แล้ว พร้อมที่จะเปิดให้ประชาชนร่วมใช้บริการโดยไม่เก็บค่าโดยสารตามแผนงาน

ในช่วงทดลองตั้งแต่วันที่ 2 ส.ค.นี้จะกำหนดความถี่ในการให้บริการเวลาเร่งด่วน 15 นาที นอกเวลาเร่งด่วน 30 นาที วิ่งเฉลี่ย 78 เที่ยว/วัน ใช้รถประมาณ 12 ขบวน โดยสายบางซื่อ-รังสิตจะใช้รถแบบ 6 ตู้/ขบวน จำนวน 8 ขบวน สายบางซื่อ-ตลิ่งชันใช้รถแบบ 4 ตู้/ขบวน จำนวน 4 ขบวน

ตารางการเดินรถสายบางซื่อ-รังสิต เที่ยวแรกออกจากบางซื่อ เวลา 06.00 น. ส่วนเที่ยวแรกออกจากรังสิต เวลา 06.00 น. เที่ยวสุดท้ายออกจากบางซื่อ เวลา 19.30 น. เที่ยวสุดท้ายออกจากรังสิต เวลา 19.30 น.

สายบางซื่อ-ตลิ่งชัน เที่ยวแรกออกจากบางซื่อ เวลา 06.00 น. ส่วนเที่ยวแรกออกจากตลิ่งชัน เวลา 06.06 น. เที่ยวสุดท้ายออกจากบางซื่อ เวลา 19.30 น. เที่ยวสุดท้ายออกจากตลิ่งชัน เวลา 19.36 น.



ระบบฟีดเดอร์เชื่อมเข้าสถานียังไม่สมบูรณ์

สำหรับการเดินทางเข้าสู่สถานีกลางบางซื่อและสถานีรายทางนั้น ต้องยอมรับว่าการจัดระบบฟีดเดอร์และโครงสร้างพื้นฐานยังไม่สมบูรณ์ 100% ซึ่งคาดว่าก่อนจะถึงกำหนดเปิดเดินรถเชิงพาณิชย์เดือน พ.ย.จะมีความพร้อมมากขึ้น

โดยองค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.) ได้จัดรถเมล์ 4 สาย ได้แก่ สาย 49 สาย 67 สาย 79 และ สาย 522 ปรับปรุงเส้นทางเดินรถให้เชื่อมเข้าสถานีสายสีแดง

ขณะที่การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) ก่อสร้างทางเดินเชื่อมต่อกับบริเวณทางเดินชั้นใต้ดินของสถานีกลางบางซื่อ จำนวน 2 จุด คือ บริเวณทางเดินผู้โดยสารของสถานีรถไฟฟ้า MRT บางซื่อ และทางเดินเชื่อมต่อบริเวณชั้นจำหน่ายบัตรโดยสารของสถานีรถไฟฟ้า MRT บางซื่อ

"ขณะที่สถานีกลางบางซื่อนั้นมีลานจอดรถใต้ดินรองรับได้ถึง 1,600 คัน คาดว่าจะเพียงพอต่อจำนวนผู้โดยสารในช่วงแรกที่คาดว่ายังมีไม่มากนัก"



เร่งปรับปรุงถนนเชื่อมเข้าสถานีรังสิต เกตเวย์ด้านเหนือ

สำหรับสถานีรังสิต ซึ่งเป็นเกตเวย์จุดเปลี่ยนถ่ายผู้โดยสารและสินค้า ซึ่งก่อนหน้านี้ได้มีการดำเนินการพัฒนาโครงข่ายจุดเชื่อมต่อผู้โดยสารเสร็จแล้ว คือ ปรับปรุงถนนหน้าสถานี (ฝั่งตะวันตก) รฟท.ดำเนินการ และการปรับปรุงทางเข้าสถานีจาก ทล.346 (ทิศทางจากรังสิต) วงเงิน 4 แสนบาท (กรมทางหลวง ดำเนินการ)

ส่วนที่จะต้องดำเนินการเพิ่มเติมอีกคือ ก่อสร้างสะพานกลับรถด้านทิศใต้ วงเงินรวม 206 ล้านบาท ระยะเวลาก่อสร้าง 12 เดือน คาดแล้วเสร็จเดือน มี.ค. 2566, ปรับปรุงจุดกลับรถใต้สะพานข้ามทางรถไฟ ทางเท้า และระบบระบายน้ำ (ทิศทางจากปทุมธานี) วงเงิน 4.6 ล้านบาท ดำเนินการช่วงปี 2565 โดยกรมทางหลวง (ทล.)

ในส่วนของการจ้างบริการเพื่อเตรียมความพร้อมการเปิดใช้สถานีกลางบางซื่อและสถานีรถไฟฟ้า 12 สถานี ประกอบด้วย 1. จ้างงานรักษาความปลอดภัย (รปภ.) และจราจร 2. จ้างบริการทำความสะอาดอาคารและบริเวณสถานี 3. งานบริหารจัดการงานอาคารและสถานที่บริเวณสถานี 4. จ้างบริการรักษาความปลอดภัยและทำความสะอาดภายในอาคารและพื้นที่โดยรอบของโรงซ่อมบำรุงรถไฟฟ้าสายสีแดง (CT Depot) และทำความสะอาดขบวนรถไฟฟ้าสายสีแดง 5. จ้างติดตั้งระบบจัดการจราจรภายในบริเวณลานจอดรถสถานีกลางบางซื่อ และจัดเก็บค่าบริการจอดรถ ขณะนี้อยู่ระหว่างการดำเนินการจัดหาตามขั้นตอน

ด้านการจัดประโยชน์พื้นที่เชิงพาณิชย์ อยู่ระหว่างจัดทำร่างประกาศเชิญชวนเพื่อคัดเลือกเอกชนดำเนินการบริหารจัดการพื้นที่เชิงพาณิชย์และป้ายโฆษณาบริเวณอาคารสถานีกลางบางซื่อและสถานีรถไฟฟ้าสายสีแดง 12 สถานี คาดว่าจะเสนอบอร์ด รฟท.พิจารณาอนุมัติร่างทีโออาร์ในเดือน ส.ค.นี้ คาดว่าจะได้เซ็นสัญญาและเริ่มดำเนินการในเดือน พ.ย. 64 โดยจะแบ่งเป็นเฟสเพื่อเปิดให้บริการได้รวดเร็วขึ้น

โดยมี 4 ฉบับ คือ 1. ประกาศเชิญชวน เสนอผลตอบแทนการใช้ประโยชน์พื้นที่เชิงพาณิชย์ บริเวณอาคารสถานีกลางบางซื่อ

2. ประกาศเชิญชวน เสนอผลตอบแทนการเช่าสิทธิติดตั้งป้ายโฆษณาบริเวณอาคารสถานีกลางบางซื่อ

3. ประกาศเชิญชวน เสนอผลตอบแทนการใช้ประโยชน์พื้นที่เชิงพาณิชย์บริเวณสถานีรถไฟฟ้า 12 สถานี

4. ประกาศเชิญชวน เสนอผลตอบแทนการเช่าสิทธิติดตั้งป้ายโฆษณาบริเวณสถานีรถไฟฟ้า 12 สถานี



โจทย์สุดหิน...ห้ามขาดทุน

การให้บริการโครงการรถไฟฟ้ารายได้มาจาก 2 ส่วน คือ จากค่าโดยสาร และจากการพัฒนาพื้นที่เชิงพาณิชย์ ซึ่งรายได้จากค่าโดยสารจะมากหรือน้อยขึ้นกับปริมาณผู้โดยสาร แต่... สถานการณ์ในปัจจุบัน ปริมาณการเดินทางลดลงไปอย่างมาก โดยล่าสุดพบว่าผู้โดยสารระบบรางทั้งระบบเหลือเพียง 98,453 คน/วันเท่านั้น หรือลดลงถึง 91.82% เมื่อเปรียบเทียบกับปริมาณผู้โดยสารช่วงปี 2562 ก่อนที่จะเกิดโรคโควิด-19 ที่ระบบรางมีผู้โดยสารรวมถึงกว่า 1.2 ล้านคน/วัน

ขณะที่ปริมาณผู้โดยสารและอัตราค่าโดยสารจะผันแปรโดยตรงกับรายได้ ซึ่งรถไฟสายสีแดงมี 13 สถานี ระยะทาง 41.56 กม. กำหนดอัตราเริ่มต้นที่ 12 บาท สูงสุด 42 เฉลี่ย 1.01 บาท/กม.

ทั้งนี้ ตามผลการศึกษาเดิม คาดการณ์ปริมาณผู้โดยสารในปีแรกที่เปิดให้บริการเฉลี่ยที่ 86,620 คน/วัน โดยคาดว่าจะมีรายได้ในปีแรกรวมประมาณ 1,153 ล้านบาท โดยมาจากค่าโดยสารราว 673 ล้านบาท และมีรายได้เชิงพาณิชย์ 480 ล้านบาท

ส่วนรายจ่ายรวมอยู่ที่ 1,267 ล้านบาท หลักๆ จะเป็นค่าใช้จ่ายด้านบุคลากรประมาณ 376.6 ล้านบาท ค่าไฟฟ้าประมาณ 327 ล้านบาท ค่าประปา 7.5 ล้านบา ค่ารักษาความปลอดภัยและรักษาความสะอาดอีกราว 284.1 ล้านบาท ค่าซ่อมแซมบำรุงรักษา 90.3 ล้านบาท

ภายใต้สมมติฐานรายรับ รายจ่ายนี้ เท่ากับในปีแรกสายสีแดงจะยังขาดทุนประมาณ 113 ล้านบาท โดยยังไม่หักค่าดอกเบี้ย เงินกู้งานไฟฟ้าและเครื่องกลอีกกว่า 317 ล้านบาท ซึ่งจะทำให้มีผลขาดทุนสุทธิ 431 ล้านบาท

สำหรับประมาณการผู้โดยสารนั้น ในข้อเท็จจริงมีการปรับลดลงมากกว่าครึ่ง ประกอบกับในช่วงสถานการณ์โควิด-19 รุนแรงหนักหน่วงเช่นนี้ คงไม่สามารถคาดการณ์ปริมาณผู้โดยสารได้เลย ...คงได้แต่รอลุ้นว่าในเดือน พ.ย. 2564 ที่จะมีการเปิดเดินรถเชิงพาณิชย์ และเริ่มเก็บค่าโดยสารสถานการณ์โควิด-19 จะคลี่คลายลงแล้วหรือไม่

อย่างไรก็ตาม หากสถานการณ์กลับคืนปกติ รฟท.คาดหวังว่าจะสามารถใช้โปรโมชันการปรับลดอัตราค่าโดยสาร การจัดทำตั๋วเดือน เข้ามาใช้เพื่อจูงใจให้เพิ่มผู้ใช้บริการรถไฟสายสีแดง

หากมีการเปิดประเทศ การเดินทางกลับสู่ปกติ สนามบินดอนเมืองเปิด สายการบินให้บริการนักท่องเที่ยวกลับมา คาดหมายว่าสนามบินดอนเมืองจะป้อนผู้โดยสารเข้าสายสีแดงอย่างน้อย 10,000 คน/วัน ขณะที่ "ศักดิ์สยาม ชิดชอบ" รมว.คมนาคม ทุบโต๊ะห้ามสีแดงขาดทุน...โจทย์สุดหิน! ที่ รฟท.ต้องหาคำตอบให้เจอ...

https:// m.mgronline.com/business/detail/9640000075315
#3512


"โปรเมียว" ปาจรีย์ อนันต์นฤการ เปิดใจขอบคุณทุกคนที่อยู่เคียงข้างโดยเฉพาะพ่อ เพราะสิ่งนี้เป็นแรงผลักดันที่ทำให้ปลดล็อคคว้าแชมป์ แอลพีจีเอ ทัวร์ รายการแรกได้สำเร็จในศึก "ไอเอสพีเอส ฮานดะ เวิลด์ อินวิเตชันแนล"

การแข่งขันกอล์ฟรายการไอเอสพีเอส ฮันดะ เวิลด์ อินวิเทชั่น ชิงเงินรางวัลรวม 1.5 ล้านดอลลาร์หรือราว 46.5 ล้านบาท รายการร่วมของ แอลพีจีเอ ทัวร์ เลดี้ส์ ยูโรเปี้ยน ทัวร์ และ ยูโรเปี้ยน ทัวร์ ระหว่างวันที่ 29 กรกฎาคม-1 สิงหาคม 2564 โดยสองรอบแรกแข่งขันที่สนาม กัลกอร์ม คาสเซิ่ล กอล์ฟ คลับ พาร์ 73 และ สนามมาสเซอรีน กอล์ฟ คลับ พาร์ 72 หลังจากนั้นรอบ 3 และ 4 แข่งขันที่สนาม กัลกอร์ม คาสเซิ่ล กอล์ฟ คลับ ผ่านไปสามวันแรกนั้น "โปรเมียว" ปาจรีย์ อนันต์นฤการ นำร่วม

วันสุดท้ายเมื่อวันอาทิตย์ที่่ 1 สิงหาคม ตามเวลาท้องถิ่น ปาจรีย์ อนันต์นฤการ ออกสตาร์ทในฐานะผู้นำร่วม และทำสามเบอร์ดี้ใน 3 หลุมแรกนำร่วมที่สกอร์รวม 16 อันเดอร์พาร์ แต่เธอไปพลาดออกทริปเปิ้ลโบกี้หลุม 6 พาร์ 4 เสียตำแหน่งผู้นำก่อนจะแก้กลับมาทำอีกเบอร์ดี้หลุม 8 และ 9 จากนั้นทำเบอร์ดี้หลุม 13 ขึ้นไปรั้งอันดับ 2 ตามหลัง เจนนิเฟอร์ คุปโช โปรชาวอเมริกันผู้นำอยู่แค่สโตรกเดียว และทั้งคู่เสียโบกี้หลุม 16 คัพโช ยังคงนำเดี่ยว 16 อันเดอร์พาร์ ปาจรีย์ 15 อันเดอร์พาร์ เมื่อเหลือสองหลุมสุดท้าย

อย่างไรก็ตาม ปาจรีย์ ขึ้นไปนำร่วมหลังทำเบอร์ดี้หลุม 17 พาร์ 4 สกอร์รวม 16 อันเดอร์พาร์ โดยที่ คุปโช ทำพาร์ และเอ็มม่า ทัลเลย์ โปรชาวอเมริกันนำร่วมอีกคนเมื่อเธอทำเบอร์ดี้หลุมเดียวกัน และหลุม 18 คุปโช เสียโบกี้จบลงสกอร์ 2 อันเดอร์พาร์ 71 สกอร์รวม 15 อันเดอร์พาร์ 276 จบลงอันดับ 3

ในขณะที่ ปาจรีย์ และ ทัลเลย์ ทำพาร์ สกอร์จบลง 3 อันเดอร์พาร์ 70 เหมือนกันสกอร์รวม 16 อันเดอร์พาร์ 275 เท่ากัน ต้องไปเล่นเพลย์ออฟตัดสินแชมป์

การเล่นเพลย์ออฟหลุมแรกใช้หลุม 18 พาร์ 5 ทั้งสองต่างก็ทำพาร์ต้องไปเล่นต่อหลุมที่สองก็ใช้หลุม 18 เหมือนเดิมโดยที่ปาจรีย์ ทำพาร์หลังจาก ทัลเลย์ ออกโบกี้ทำให้ปาจรีย์ ชนะคว้าแชมป์ไปครองนับเป็นแชมป์แรกในการเล่นอาชีพแอลพีจีเอ ทัวร์ รับเงินรางวัลไป 225,000 ดอลลาร์หรือราว 7.2 ล้านบาท

โปรสาววัย 22 ปี เผยหลังการคว้าแชมป์รายการแรกในแอลพีจีเอ ทัวร์ ว่า"เมียวไม่รู้จะพูดอย่างไรดี แต่อยากจะขอบคุณทุกๆคนที่สนับสนุนเมียวมาตลอด และเชื่อมั่นเมียวมาระยะเวลายาวนานมันจะคงจะไม่มีวันนี้ได้หากไม่มีพวกเขา เมียว มีพี่โม พี่เม เป็นแบบอย่างก็ตั้งใจเอาไว้ว่าสักวันหนึ่งเมียวก็อยากจะเป็นคนไทยอีกคนหนึ่งที่คว้าแชมป์แอลพีจีเอ ทัวร์ และเมียวจะทำหน้าที่ตัวเองให้ดีทีสุดเพื่อเป็นตัวแทนของประเทศเราด้วย"

และเธอ ยังได้กล่าวถึงคุณพ่อวีระพล ซึ่งเข้าไปแสดงความดีใจสุดหลังจากเธอคว้าแชมป์ว่า"คุณพ่ออยู่เคียงข้างฉันมาตั้งแต่เริ่มต้นการเล่นกอล์ฟของฉัน ดังนั้นฉันก็สามารถได้ร่วมแชร์ทุกสิ่งทุกอย่างทุกๆสิ่งที่พิเศษกับท่าน"

ปาจรีย์ กลายเป็นนักกอล์ฟไทยคนที่ 4 ที่คว้าแชมป์ในแอลพีจีเอ ทัวร์ปีนี้ ต่อจาก ปภังกร ธวัชธนกิจ โมรียา-เอรียา จุฑานุกาล และยังเป็นคนไทยคนที่ 5 ที่คว้าแชมป์อาชีพในแอลพีจีเอ ทัวร์ ต่อจาก "โปรเม" เอรียา(12) และ "โปรโม" โมรียา จุฑานุกาล(2) โปรจัสมิน สุวัณณะปุระ(2) และ"โปรเหมียว" ปภังกร ธนวัชธนกิจ(1) ทำให้ขณะนี้นักกอล์ฟไทยคว้าแชมป์ในแอลพีจีเอ ทัวร์ ไปแล้ว 18 แชมป์

ไม่เพียงแค่นั้น ปาจรีย์ กลายเป็นนักกอล์ฟคนที่ 5 ที่คว้าแชมป์อาชีพรายการแรกของตัวเองในแอลพีจีเอ ทัวร์ ปีนี้ ต่อจาก ปภังกร ธวัชธนกิจ แชมป์เอเอ็นเอ อินสปิเรชั่น(เมเจอร์) ซวี เว่ยหลิง จากจีนไทเปแชมป์เพียวร์ ซิลค์ แชมเปี้ยนชิพ ยูกะ ซาโสะ จากฟิลิปปินส์ แชมป์ยูเอส วีเมนส์ โอเพ่น(เมเจอร์) และมาทิลดา คาสเตรน จากฟินแลนด์แชมป์แอลพีจีเอ เมดีฮีล แชมเปี้ยนชิพ

และการคว้าแชมป์ของ ปาจรีย์ ในครั้งนี้จะให้เธอได้สิทธิ์เล่นในทัวร์ 2 ปี และได้สิทธิ์เล่นรายการไดมอนด์ส รีสอร์ท ทัวร์นาเมนส์ ออฟ แชมเปี้ยนส์ รายการเปิดฤดูกาลของแอลพีเอ ทัวร์ฤดูกาล 2022 และ 2023

https:// m.mgronline.com/sport/detail/9640000075337
#3513



นางมัลลิกา บุญมีตระกูล มหาสุข ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า จากการระบาดโรคโควิด-19 สายพันธุ์เดลต้าที่ระบาดไปทั่วโลก ทำให้ตลาดโลกมีความต้องการสินค้าอาหารที่ปลอดภัย ได้คุณภาพ และมุ่งตอบโจทย์ข้อกังวลทางด้านสุขภาพมากยิ่งขึ้น เรื่องนี้นายจุรินทร์นทร์  ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เสนอการสร้างความมั่นใจในความปลอดภัยของอาหารไทยให้กับผู้ซื้อและผู้บริโภคทั่วโลก ในรูปแบบหนังสือรับรอง COVID-19 Prevention Best Practice สำหรับผู้ประกอบการไทยที่ต้องการส่งออกสินค้าอาหารซึ่งเมื่อเดือนก.ย.2563 ที่ผ่านมานายจุรินทร์เป็นประธานสักขีพยานในการลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือของ 4 หน่วยงานหลัก ได้แก่ กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงสาธารณสุข และกระทรวงมหาดไทย


ล่าสุดกรมประมงได้ออกหนังสือรับรองดังกล่าวให้แก่โรงงานอาหารทะเลแช่เย็นและแช่แข็ง และโรงงานผลิตอาหารทะเลกระป๋อง ให้กับโรงงานผู้ส่งออกแล้ว กว่า 237 โรงงานแล้ว สำหรับผู้ประกอบการที่ต้องการขอหนังสือรับรองดังกล่าวเพื่อเพิ่มความมั่นใจให้กับผู้ซื้อ สามารถติดต่อกระทรวงเกษตรและสหกรณ์เพื่อดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องก่อนส่งออกไปยังผู้นำเข้าในประเทศต่างๆ ทั่วโลกได้


นอกจากนี้นายจุรินทร์ยังติดตามการสร้างการตระหนักรับรู้ และตอกย้ำให้เกิดความเชื่อมั่นว่าสินค้าอาหารไทยมีคุณภาพ และปลอดภัยในทุกๆ ขั้นการผลิตและการจัดส่งถือมือผู้บริโภคภายใต้แคมเปญ 'Thailand Delivers with Safety' ผ่านทูตพาณิชย์ที่เป็นเซลส์แมนประเทศ ซึ่งประจำการในประเทศต่างๆ ทั่วโลกอีกด้วย

สำหรับภาพรวมการส่งออกสินค้าอาหาร ไม่รวมน้ำตาล โดยในช่วงครึ่งปีแรกตั้งแต่ม.ค. – มิ.ย. 2564 มูลค่ากว่า 441,014 ล้านบาท  โดยมีสินค้าประเภทผัก ผลไม้สด แช่เย็น แช่เข็ง และแห้ง ผลิตภัณฑ์มันสำปะหลัง อาหารทะเลสด แช่เย็นแช่แข็ง กระป๋อง และแปรรูป ไก่สดแช่แข็ง และแปรรูป และเครื่องดื่มทุกชนิด ที่ส่งออกมากที่สุดตามลำดับ

https:// www.bangkokbiznews.com/news/detail/952206
#3514



คนรักเลขแห่ขอโชค มะพร้าวพญานาค 2 เศียร ไม่พลาดจุดธูปขอเลข ตะลึงได้ "เลขเด็ด" เหมือน "แม่น้ำหนึ่ง" เตรียมเสี่ยงโชคงวด 1/8/64

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า บริเวณด้านหลังที่พักของ เจ้าหน้าที่ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยเทศบาลเมืองชัยนาท มีต้นมะพร้าวแตกแขนง แตกยอดออกมา คล้ายพญานาค 2 เศียร พอชาวบ้านและผู้อาศัยใกล้เคียงทราบข่าว ก็รีบนำน้ำแดง พวงมาลัย ธูป เทียน มาจุดขอโชคลาภ ขอพร ให้ถูกรางวัลกันยกใหญ่ โดยบอกกล่าวว่า หากถูกรางวัล ไม่ว่ารางวัลใดก็ตาม จะนำหัวหมูมาถวายให้อย่างแน่นอน


ทั้งนี้ ภายหลังจากกราบไหว้เสร็จ ก็ไม่พลาดที่จะจุดธูปขอเลขเด็ด ได้เป็นเลข 901 ซึ่งก็ไปตรงกับเลขเด็ดของแม่น้ำหนึ่ง 409 อย่างไม่น่าเชื่อ คือเลข 90, 09 ทำให้ทุกคนต่างก็รีบหยิบโทรศัพท์มาจด กลับไปหาซื้อสลากกินแบ่งรัฐบาลลุ้นโชคงวดวันที่ 1 ส.ค. 2564


อย่างไรก็ตาม ต้นมะพร้าวนั้น เป็นของเจ้าหน้าที่ในหน่วยฯ ปลูกมะพร้าวน้ำหอม เพราะเป็นคนชอบปลูกต้นไม้ ตั้งแต่ปลูกมาก็ไม่เคยเจอแบบนี้มาก่อนทำให้คอหวยต่างก็เชื่อว่าต้องมาให้โชคลาภอย่างแน่นอน.
#3515
ป้ายไฟวิ่ง LED เปลี่ยนข้อความผ่านมือถือ ใช้งานได้ทั้งภายในและภายนอก ทนแดด ทนฝน

ป้ายไฟวิ่งLED เปลี่ยนข้อความผ่านappมือถือ(เชื่อมต่อทางwi-fi) หรือส่งผ่านระบบLAN  ขนาดป้าย 105x25cm ใช้งานได้ทั้งภายในและภายนอก ทนแดด ทนฝน มีให้เลือก 4สี แดง,เขียว,น้ำเงิน ราคา 2,900บาท และFull colors  ราคา4,200 บาท ใส่คำ,ข้อความ,วันที่,เวลา,รูปภาพต่างๆได้ ป้ายติดตั้งง่าย โครงสร้างแข็งแรงทนทาน

ทางร้านลงคำให้ฟรีในครั้งแรกและสอนวิธีการใช้งานให้ลูกค้าสามารถลงข้อมูลได้ด้วยตัวเอง แถมขายึดป้ายฟรี

สนใจติดต่อ 0945102033
Line :@gentech
หน้าร้านเซียร์รังสิต ชั้น 1


#3516



เยลลี่ "ปีโป้" เป็นหนึ่งในสินค้าและแบรนด์เรือธวของ บริษัท ยูโรเปี้ยนฟู้ด จำกัด (มหาชน) หนึ่งในผู้เล่นรายสำคัญของตลาดขนม โดย "ปีโป้" มีฐานผู้บริโภคกลุ่มเป้าหมายเป็นวัยเด็ก วัยทีนหรือวัยรุ่น เป็นหลัก จะเห็นว่าในการสื่อสารการตลาด ช่วงเวลาที่แบรนด์จะยึดเพื่อสร้างแบรนด์ให้ผู้บริโภครับรู้จะเป็นช่วงเวลาเช้า ที่มีรายการเด็ก โดยเฉพาะเสาร์-อาทิตย์ ที่มีการ์ตูนเอาใจคุณหนูๆน้องๆเป็นส่วนใหญ่ 

ทว่า ปัจจุบันการดื่มด่ำตัวเลขเติบโตทางธุรกิจอยู่ในขอบเขตกลุ่มเป้าหมายหลักเดิมๆที่มี ไม่เพียงพอ และการทำตลาดโดยอาศัยจุดแข็งของแบรนด์ตนเองฝ่ายเดียวคงไม่ได้ หมดยุคโชว์เดี่ยวหรือ One Man Show อีกต่อไป ยิ่งในยุคโรคโควิด-19 ระบาด หลายธุรกิจ สินค้ายอดขายหดตัว ต้องหันมาประหยัดงบประมาณ ดูแลบริหารจัดการต้นทุนให้ดี หาก "ผนึกพันธมิตร" เพื่อแชร์ทรัพยากร สินทรัพย์ที่มี ต่อยอดธุรกิจ เกิด Win-win strategy ย่อมเป็นเรื่องดี 

"ปีโป้" เป็นอีกแบรนด์ที่เดินหน้าใช้กลยุทธ์ความร่วมมือ(Collaboration)กับแบรนด์สินค้าอื่นที่มีความแข็งแรง มีโจทย์และเป้าหมายธุรกิจเดียวกัน มาร่วมสร้างสีสันให้เกิดขึ้นในตลาด ล่าสุดกับการจับมือเครื่องดื่มชูกำลัง "M-150" ของค่าย "โอสถสภา" ออกเยลลี่ "ปีโป้กลิ่น M-150" เข้าทำตลาดแบบลิมิเต็ด เอดิชั่น 

"ปีโป้ X M-150" จะเกิด Win-win อะไรบ้าง กรุงเทพธุรกิจ ชวนวิเคราะห์จุดแข็งของทั้ง 2 แบรนด์ คือการเป็น "ผู้นำตลาด" ในเซ็กเมนต์ที่ตัวเองอยู่นั่นคือ เยลลี่และเครื่องดื่มชูกำลัง และมีฐานผู้บริโภคกลุ่มเป้าหมายใหญ่ที่ "แตกต่างกัน" 

ผู้บริโภคเยลลี่ คือวัยเด็ก วัยรุ่น ส่วนเครื่องดื่มชูกำลัง M-150 เป็นวัยทำงาน โดยเฉพาะชนชั้นแรงงาน แต่หลายปีที่ผ่านมา แบรนด์เลือกพี่ตูน บอดี้สแลม เป็นพรีเซ็นเตอร์ ใช้กลยุทธ์การตลาดทางดนตรี(Music Marketing) รวมถึงการตลาดเชิงกีฬา(Sport Marketing) สร้างการรับรู้ ชูภาพลักษณ์แบรนด์สู่คนรุ่นใหม่ เป็นการขยายฐานที่กว้างขึ้น เมื่อ 2 แบรนด์โคจรมา Collaboration กัน จึงทำให้ช่วยขยายฐานกลุ่มเป้าหมายให้กว้างขึ้น โดยเฉพาะกับ "ปีโป้" สอดคล้องกับภารกิจแบรนด์ที่ย้ำว่าเป็นสินค้าไม่ว่าเจนเนอเรชั่นไหนก็อร่อยได้


แม้ทุกคนจะเคยผ่านวัยเด็ก วัยรุ่น และรับประทานเยลลี่ปีโป้มาก่อน แต่เมื่อเติบโตจนถึงวัยผู้ใหญ่ การบริโภคสินค้าดังกล่าวจะลดลง หันไปบริโภคสินค้าอื่นๆที่มีความหลากหลาย ตอบไลฟ์สไตล์ตามแต่ละช่วงอายุแตกต่างกันไป 


เมื่อทุกคนต่างรู้จัก รับรู้แบรนด์เยลลี่ ปีโป้ อย่างดี แต่การจะบริโภคทุกวัน ถี่เหมือนวันเด็ก วัยรุ่นคงไม่ได้ หากแบรนด์ต้องการกระตุ้นให้ผู้บริโภคกลับมาทานเยลลี่เหมือนวันวานต้องออกสินค้าใหม่สร้างความตื่นเต้น หนุนให้เกิดการ "ทดลอง" สินค้า ซึ่ง "ปีโป้ กลิ่น M-150" เป็นคำตอบที่แบรนด์เลือกทำตลาด เพราะวัยทำงาน วัยผู้ใหญ่ อาจต้องการย้อนสู่วัยใส 14 อีกครั้ง และไม่ต้องทานแค่ "ปีโป้" กลิ่น รสชาติทั่วไปที่มีในตลาด แต่ต้องเป็นสิ่งที่แบรนด์สร้างสรรค์เพื่อตอบโจทย์คนกลุ่มนี้โดยเฉพาะ 

ส่วน M-150 ได้สร้างโอกาสใหม่ ในการขยายตลาดต่อยอดสู่ผลิตภัณฑ์อื่นๆที่ไม่ใช่เครื่องดื่มชูกำลัง แต่สามารถผสานในหมวดขนม หรืออาจเป็นหมวดอื่นๆได้ด้วย ซึ่งเป็นโจทย์ที่ฝ่ายพัฒนาผลิตภัณฑ์จะหา "ช่องว่างและโอกาส" ทางการตลาดให้เจอ เพื่อเพิ่มการขายสินค้าให้หลากหลาย ผลักดันการเติบโตต่อไป  

อย่างไรก็ตาม ก่อนสินค้าใหม่ออกสู่ตลาด ยูโรเปี้ยนฟู้ด ได้ปลุกกระแสนำร่องผ่านโลกออนไลน์ ถึงการ Collaboration กับพันธมิตรใหม่ เพื่อหยั่งเสียงกลุ่มเป้าหมาย ซึ่งหลายคนตั้งตารอ ทันทีที่ปล่อยสินค้าออกมา ผลตอบรับถือว่าเป็นไปในทิศทางที่ดี 

สำหรับ "ปีโป้ กลิ่น M-150" ผลิตจำหน่ายแบบลิมิเต็ดเอดิชั่น ขนาดบรรจุ 50 ถ้วย ในราคา 99 บาท  จำหน่ายผ่านช่องทางออนไลน์ ช้อปปี้ ลาซาด้า, เจดี, โรบินฮู้ด, ไลน์และเฟซบุ๊กของ ยูโรเปี้ยนฟู้ด เป็นต้น 

กระแสของ "ปีโป้" ไม่เคยจางหายไปจากตลาด เพราะผู้บริโภคที่เคยซื้อสินค้าจะรู้ดีว่า "ปีโป้" มี 5 สี ได้แก่ สีแดง (สตรอว์เบอร์รี) และสีส้ม (ส้ม) สีเขียว (แอปเปิ้ล), สีขาว (ลิ้นจี่), สีม่วง (องุ่น) แต่บางครั้งผู้บริโภคที่ซื้อสินค้าผสมกับเครื่องดื่มปั่นอื่นๆ มักจะอดทาน ปีโป้สีม่วง จนเกิดการทวีตบนทวิตเตอร์ เกิดไวรัส #saveปีโป้ม่วง ทำให้แบรนด์ยังอยู่ในสายตา การรับรู้ของกลุ่มเป้าหมายเสมอ

 นอกจากการ Callaboration กับ M-150  ที่ผ่านมายังมี ปีโป้โยเกิร์ต สร้างสีสัน ความตื่นเต้นให้ตลาดเยลลี่ ยิ่งกว่านั้นกลยุทธ์ความร่วมมือยังปูทางสู่การผลักดันยอดขายให้เติบโตแก่ทั้ง 2 แบรนด์ด้วย 


นอกจากยูโรเปี้ยนฟู้ด จะมีปีโป้ เป็นแบรนด์เรือธง แต่พอร์ตโฟลิโอสินค้าที่บุกตลาดขนมมีมากมาย เช่น ลูกอม Hitto, เวเฟอร์ปักกิ่ง, เค้กเอลเซ่ และเวเฟอร์ชนิดแท่งสอดไส้ครีม โจโจ้ เป็นต้น 
#3517



สงครามต่อสู้กับโควิด-19 เปลี่ยนไป สืบเนื่องจากตัวกลายพันธุ์เดลตาที่แพร่เชื้อได้ง่ายมาก จากคำกล่าวของศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคแห่งชาติสหรัฐฯ(ซีดีซี) ส่งสารอย่างชัดเจนเกี่ยวกับการบังคับเจ้าหน้าที่สาธารณสุขฉีดวัคซีนและกลับมาสวมหน้ากากโดยทั่วไป ท่ามกลางข้อมูลที่พบว่ามีเคสฉีดวัคซีนครบแล้วแต่ยังติดเชื้อ(breakthrough cases) จำนวนมาก ในนั้นติดเชื้ออาการหนักและเสียชีวิตแล้วกว่า 6,500 ราย

สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานอ้างอิงเอกสารภายในของซีดีซีระบุว่าตัวกลายพันธุ์เดลตา ซึ่งพบครั้งแรกในอินเดียและตอนนี้กลายเป็นสายพันธุ์หลักทั่วโลก สามารถติดต่อได้ง่ายพอ ๆ กับ โรคอีสุกอีใส และสามารถแพร่กระจายได้รวดเร็วและง่ายกว่าไข้หวัด มันสามารถแพร่กระจายเชื้อได้แม้กระทั่งจากคนที่ฉีดวัคซีนแล้ว และอาจเป็นต้นตอของอาการป่วยหนักกว่าสายพันธุ์อื่นๆก่อนหน้านี้

เอกสารที่มีชื่อว่า "ปรับปรุงการสื่อสารเกี่ยวกับเคสฉีดวัคซีนครบแล้วแต่ยังติดเชื้อและประสิทธิภาพของวัคซีน (Improving communications around vaccine breakthrough and vaccine effectiveness)" ระบุว่าด้วยตัวกลายพันธุ์นี้ จำเป็นต้องใช้แนวทางใหม่เพื่อช่วยให้ประชาชนตระหนักถึงอันตราย ในนั้นรวมถึงส่งสารอย่างชัดเจนว่าบุคคลที่ยังไม่ฉีดวัคซีนมีโอกาสป่วยหนักหรือเสียชีวิตมากกว่าคนที่ฉีดวัคซีนแล้วกว่า 10 เท่า

"ยอมรับว่าสงครามเปลี่ยนไปแล้ว" เอกสารระบุ "ปรับปรุงการสื่อสารเกี่ยวกับความเสี่ยงรายบุคคลในหมู่คนฉีดวัคซีนแล้ว"

ในคำแนะนำด้านมาตรการป้องกันไว้ก่อนต่างๆนานานั้น รวมไปถึงการบังคับฉีดวัคซีนสำหรับผู้ประกอบอาชีพด้านสาธารณสุข เพื่อปกป้องกลุ่มคนอ่อนแอ และหวนกลับมาสวมหน้ากากป้องกันโดยทั่วไป

ซีดีซียอมรับว่าเอกสารฉบับนี้เป็นของจริง หลังจากหนังสือพิมพ์วอชิงตันโพสต์นำเสนอรายงานข่าวนี้เป็นแห่งแรก

แม้คนที่ฉีดวัคซีนแล้วมีความเป็นไปได้น้อยที่จะติดเชื้อ แต่ครั้งที่พวกเขาติดเชื้อตัวกลายพันธุ์เดลตาในลักษณะ breakthrough cases เวลานี้พวกเขาก็เหมือนๆกับคนที่ยังไม่ฉีดวัคซีน ที่สามารถแพร่เชื้อสู่คนอื่นๆได้เช่นกัน ซึ่งต่างจากตัวกลายพันธุ์อื่นๆก่อนหน้านี้

กรณีนี้นับว่าน่ากังวลมาก เพราะผู้ที่ได้รับวีคซีนแล้วติดเชื้อสายพันธุ์เดลตา คือกลุ่มที่เป็นตัวแปรสำคัญในการแพร่เชื้อโดยไม่รู้ตัว ทำให้ผู้ที่ยังไม่ได้รับวัคซีน แล้วได้รับเชื้อจากคนกลุ่มนี้ ยิ่งเสี่ยงต่อการเจ็บป่วยรุนแรง

เมื่อวันศุกร์(30ก.ค.) ซีดีซีเผยแพร่ข้อมูลจากผลการวิจัยหนึ่งซึ่งศึกษาการแพร่ระบาดในรัฐแมสซาชูเซตส์ พบว่า 3 ใน 4 ของผู้ติดเชื้อ เป็นกลุ่มคนที่ฉีดวัคซีนแล้ว ซึ่งผลการศึกษาดังกล่าวเป็นส่วนสำคัญยิ่งในการตัดสินใจของซีดีซีเมื่อช่วงกลางสัปดาห์ที่ผ่านมา ที่แนะนำให้บุคคลที่ฉีดวัคซีนแล้วกลับมาสวมหน้ากากในบางสถานการณ์ จากการเปิดเผยของโรเชลล์ วาเลนสกี ผู้อำนวยการซีดีซี

ซีดีซีรายงานว่าจนถึงวันที่ 26 กรกฎาคม มีเคสฉีดวัคซีนครบแล้วแต่ยังติดเชื้อ(breakthrough cases)อาการหนักหรือเสียชีวิต 6,587 ราย ในขณะที่ซีดีซีหยุดรายงานเคสฉีดวัคซีนครบแล้วแต่ยังติดเชื้ออาการเล็กๆน้อยๆมาตั้งแต่ต้นเดือนพฤษภาคม แต่ในรายงานล่าสุด พวกเขาประมาณการว่าน่าจะมีผู้ติดเชื้อแบบแสดงอาการราวๆ 35,000 รายต่อสัปดาห์ในสหรัฐฯ

อย่างไรก็ตามตัวเลขของซีดีซียังชี้ให้เห็นว่า วัคซีนนั้นยังมีความสามารถในการป้องกันอาการป่วยรุนแรงและการเสียชีวิตจากโควิดสายพันธุ์เดลตา โดยที่นายจอห์น มัวร์ ผู้เชี่ยวชาญด้านไวรัสวิทยาจากนิวยอร์ก กล่าวว่า "โดยรวมแล้ว โควิดสายพันธุ์เดลตานั้นคือสายพันธุ์ที่สร้างความลำบากให้เรามากที่สุดเท่าที่เห็นมา แต่ฟ้าก็ยังไม่ถล่มเสียทีเดียว และวัคซีนนั้นก็ยังสามารถป้องกันไม่ให้สถานการณ์มันแย่ไปมากกว่านี้"

เวลานี้มีประชากรวัยผู้ใหญ่สหรัฐฯเกือบ 1 ใน 3 ที่ฉีดวัคซีนเข็มแรกไปแล้ว แต่พื้นที่ต่างๆที่มีอัตราการฉีดวัคซีนระดับต่ำ พบเห็นเคสผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วในช่วงไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา และเจ้าหน้าที่เกรงว่าอีกไม่นานจำนวนผู้เข้ารักษาตัวในโรงพยาบาลและเสียชีวิตจำเพิ่มขึ้นเป็นเงาตามตัว

นายแพทย์แอนโธนี เฟาซี ผู้เชี่ยวชาญด้านโรคติดเชื้อระดับสูงของสหรัฐฯ เปิดเผยกับรอยเตอร์ คาดหวังว่าวัคซีน ซึ่งเวลานี้เพิ่งอยู่ในขั้นได้รับอนุมัติใช้ในกรณีฉุกเฉิน จะเริ่มได้รับอนุมัติจากคณะผู้ควบคุมกฎระเบียบโดยสมบูรณ์ในเดือนสิงหาคม ซึ่งมันน่าจะช่วยโน้มน้าวให้ประชาชนเข้าฉีดวัคซีนกันมากขึ้น

(ที่มา:รอยเตอร์/วอชิงตันโพสต์) https:// m.mgronline.com/around/detail/9640000075092
#3518
WFH กล้วยๆ ด้วย Zoom app downloadใครหลายๆ คนน่าจะคุ้นเคยกับการเรียน หรือ การทำงานแบบ work from home กันอยู่ช่วงนี้นะครับ ซึ่งไม่ยอมไม่ได้เลยว่า โปรแกรมสุดชอบระดับโลกนั่นก็คือ โปรแกรม ZOOM ซึ่งผมคิดว่า ไม่ต้องเอ่ยปากกันเยอะสำหรับโปรแกรมนี้ ที่มันจำเป็นจริงๆ
โดยปรกติ เราน่าจะสนิทสนมกับการใช้โปรแกรมนี้ผ่านคอมพิวเตอร์ สำหรับเรียน หรือ ทำงานกันบ้างแล้ว แต่ไม่ค่อยมีคนพูดถึงเกี่ยวกับการใช้งานผ่านโทรศัพท์มือถือเท่าใดนัก เนื่องจากว่า มันอาจไม่ค่อยสะดวกเท่าไหร่ สำหรับงานดังกล่าว
แต่ก็มีการใช้งานบ่อยอยู่ครับ เนื่องจากบางทีเป็นการประชุมเร่งด่วนขณะอยู่บนรถ หรือ ขณะเที่ยว ซึ่งในอุปกรณ์มือถือ
จะต้องไปที่ Zoom app download ซึ่งมีอยู่ได้ทั้ง 2 ระบบ คือ IOS และ Andriod ซึ่งดาวน์โหลดได้ฟรี แต่อาจมีข้อจำกัด หากต้องการสร้างห้องประชุมเอง จะรองรับคนไม่เกิน 100 คน และ ไม่เกิน 40 นาทีเท่านั้น ซึ่งอาจต้องซื้อ Licensed เพื่อปลดล็อคเรื่องเหล่านี้ ซึ่งผมมองว่า มันคุ้มค่ามากเพราะในปัจจุบันยังไงเราก็ต้องใช้งานอยู่แล้ว

 โดยเข้าไปที่ App Stor หรือ Google play พิมพ์ค้นหาชื่อแอปว่า Zoom meeting แล้วดาวน์โหลดได้เลยครับหรือ จะเข้าไปดาวน์โหลดที่ลิงค์ของตัวแทนจำหน่ายก็ได้ เพื่อจะได้สอบถามข้อมูลกับเจ้าหน้าที่ได้ ตามลิงค์ที่ผมแนบได้เลยครับ  (Zoom app download)



























  >> ดาวน์โหลดทีนี่Tag : Zoom  / Zoom app download
#3519



ก้าวมาถึงจุดที่ "ความฝัน" กลายเป็น "ความจริง" ในชีวิตของนักแสดงหนุ่ม "ไมค์-พิรัชต์ นิธิไพศาลกุล" หลังภาพยนตร์ฮอลลีวูดเรื่องแรกในชีวิต "The Misfits" ประกบซุปเปอร์สตาร์ เพียร์ซ บรอสแนน พระเอกระดับตำนานเจมส์บอนด์ 007 ที่นั่งแท่น Executive Producer ได้เข้าฉายในอเมริกาแล้ว กว่าจะมาถึงเส้นทางนี้ไม่ง่าย

เลยต้องถามความรู้สึกของไมค์ ณ วันนี้ "ไมค์" เปิดใจว่า

"ครั้งนี้เป็นเหมือนกับการเปิดประตูใหม่ๆให้กับโอกาสทางการงานของไมค์ด้วย แล้วก็การได้ร่วมงานกับนักแสดงระดับท็อปๆของฮอลลีวูดก็ทำให้ตลาดนี้เปิดกว้างขึ้นด้วย"

พอใจฟีดแบ็กมากน้อยแค่ไหน? "ถือว่าดีเลย พอใจในระดับหนึ่ง แล้วก็คิดว่ามันก็เป็นจุดเริ่มต้นที่ดีสำหรับการเปิดตลาดใหม่ด้วยครับ ถ้าไม่ติดสถานการณ์โควิด ตัวเราต้องเดินทางไปร่วมโปรโมตหนังที่อเมริกาที่คุยกับทางทีมเขาไว้ก็คือว่าถ้ามีการเดินพรมแดงหรือเปิดตัวหนังเค้าก็อยากให้ไปเพื่อมีโอกาสไปร่วมด้วย แต่ด้วยสถานการณ์ตอนนี้ก็คือไม่สามารถไปไหนได้เลย ถามว่าแอบเสียดายมั้ย ก็เสียดายครับ จริงๆ 2ปีที่ผ่านมามันก็มีหลายโอกาสที่เสียไปค่อนข้างเยอะ"

ความยากที่สุดในหนังเรื่องนี้คือเรื่องอะไร? "ด้วยความที่เรื่องนี้มันเป็นเรื่องแรกที่เป็นหนังพูดภาษาอังกฤษของไมค์ ความยากของมันก็คือเรื่องภาษา มันก็อาจจะต้องทำการบ้านค่อนข้างเยอะหน่อยในการที่จะให้สำเนียงไปได้ใกล้เคียงที่สุดเท่าที่จะทำได้ครับ"

กับนักแสดงที่ต้องเข้าฉากด้วยตื่นเต้นแค่ไหน? "ตื่นเต้นมากครับ อย่างเพียร์ซ บรอสแนน เค้าคือเจมส์บอนด์ 007 ที่เราเห็นเค้ามาตั้งแต่เด็ก แล้วพอได้ไปเจอตัวจริงมันก็เหมือนกับเป็นความฝันของเราที่อยากจะร่วมงานกับดาราฮอลลีวูดคนนี้ด้วย จำได้เลยว่าตอนจับมือเราก็มือสั่นๆ นิดหน่อย"


คาแรกเตอร์ของไมค์ในภาพยนตร์ เรื่อง The Misfits เป็นอย่างไร?
"ตัวละครตัวนี้ชื่อว่าวิค (Wick) เป็นฝ่ายเทคโนโลยีของกลุ่มนี้ เป็นคนประดิษฐ์ระเบิด เค้าบอกว่าตัวละครตัวนี้เป็นตัวละครที่สนุก ซึ่งผมก็พยายามใส่ความสนุกในแบบผมลงไป ก็มีพาร์ตที่ต้องเต้นด้วย เรียกว่าฟรีสไตล์เลย บทไมค์เป็นแค่นักประดิษฐ์ เลยไม่ได้ต่อสู้บู๊เท่าไหร่ ส่วนใหญ่การต่อสู้จะเป็นของคนอื่น"

อยากให้เล่าถึงการร่วมงานกันกับนักแสดงคนอื่นๆ เป็นอย่างไรบ้าง? "The Misfits เป็นการรวมตัวกันของคนจากหลากหลายพื้นที่ มารวมตัวกันเพื่อทำภารกิจปล้นจากคนรวยนำมาให้กับคนที่จำเป็นต้องใช้ คล้ายๆโรบินฮู้ด ซึ่งทีมนี้จะประกอบไปด้วย เพียร์ซ บรอสแนน เป็นคนนำทีม รามี เจเบอร์, เฮอร์ไมโอนี คอร์ฟีลด์, เจมี ชุง ฯลฯ มารวมตัวกัน ซึ่งแต่ละคนมีความสามารถที่แตกต่างกันไป"


ไมค์ได้เรียนรู้หรือเก็บเกี่ยวประสบการณ์อะไรจากเพียร์ซ บรอสแนน บ้าง?
"ด้วยความที่ได้เข้าฉากกับเค้าค่อนข้างเยอะ โดยส่วนตัวผมเองค่อนข้างเกร็ง เค้าเลยค่อนข้างให้กำลังใจ เป็นคนที่ให้พลังบวกกับกองถ่ายเยอะ เวลาเค้าอยู่ใกล้ๆ ทำให้เราเกิดความมั่นใจมากขึ้น มันทำให้การแสดงของเรามีประสิทธิภาพมากขึ้นและเกร็งน้อยลง"

มีคำไหนของเพียร์ซ บรอสแนน ทำให้ไมค์ประทับใจบ้าง? "คือจริงๆประทับใจแทบจะทุกอย่างเลย เวลาเข้าฉากกับเค้า เค้าก็รู้ว่าเราเกร็ง เค้าก็บอกให้เรารีแลกซ์ ให้ทำไปเดี๋ยวมันก็ผ่านไปได้ด้วยดี เราทำได้ดีแน่นอน คือเค้าให้กำลังใจและให้พลังงานด้านบวกตลอดเวลา"

หลายคนมองว่าฮอลลีวูดต้องเป๊ะมากพอไปสัมผัสแล้วเป็นอย่างนั้นรึเปล่า? "เป๊ะทุกอย่างครับ โดยเฉพาะเรื่องเวลา คือเราไม่ต้องกังวลว่านอกเหนือจากหน้าที่การแสดงแล้ว เราจะต้องไปโฟกัสอย่างอื่น ไม่ว่าจะเป็นเสื้อผ้า หน้า ผม คือเราไม่ต้องกังวลเลย"


คาดหวังหรือวางเส้นทางในวงการฮอลลีวูดไว้อย่างไรบ้าง?
"ส่วนตัวไม่ได้คาดหวังเลยครับ ผมเชื่อว่าถ้าทำไปเรื่อยๆ ผลลัพธ์ของการ กระทำของเรามันก็จะพาเราไปสู่จุดที่เราคาดไม่ถึงก็ได้ เราตั้งเป้าไว้แค่นี้แต่มันอาจจะไปได้ไกลกว่านั้น อยู่กับปัจจุบัน และพยายามทำต่อไป"

ไมค์เขินมั้ยเวลาที่คนอาจจะบอกว่าเราเป็นนักแสดงฮอลลีวูด? "โดยส่วนตัวผมก็ยังไม่ได้ขนาดนั้น ผมรู้สึกว่าตรงนี้มันเป็นแค่จุดเริ่มต้น ซึ่งยังไม่รู้ว่าในอนาคตจะไปต่อในเส้นทางไหน"

ถือเป็นรางวัลของความไม่ท้อของตัวเอง? "ใช่ๆ มันอาจจะใช้เวลานานหน่อย คือจริงๆมันเป็นความฝันตั้งแต่เด็ก ซึ่งมันก็กลายเป็นเป้าหมายของเราในชีวิต แล้วพอเราทำให้มันเกิดขึ้นมันก็กลายเป็นความจริงของเรา ซึ่งเราก็ได้ไปถึงจุดนั้น แล้วก็คาดว่าก็คงอยากจะไปต่อในอนาคต"

แล้วงานในไทยตอนนี้มีอะไรบ้าง?
"จริงๆตอนนี้ก็ยังไม่ได้มีอะไรมากมาย ส่วนใหญ่จะเป็นงานพรีเซนเตอร์ ในอนาคตก็ไม่แน่ว่าผมอาจจะมีการทำงานเกี่ยวกับเบื้องหลังมากขึ้น เพราะมันก็เป็นสิ่งที่ชอบส่วนตัวอยู่แล้ว และก็มีแพชชันในเรื่องกำกับ เขียนบท และ สร้างหนัง ในอนาคตก็อาจได้เห็นในมุมนี้มากขึ้น"

แล้วงานในประเทศจีนล่ะ? "จริงๆมีอยู่เรื่อยๆคือว่าผมไม่ได้กลับจีนมาประมาณ 2 ปีแล้ว จริงๆแพลนไว้ว่าปลายปีที่แล้วจะกลับไปรับงานที่เมืองจีน แต่เพราะติดงานเลยยังกลับไม่ได้ บวกกับเรื่องสถานการณ์หลายๆอย่างมันก็หลับไม่ได้ เอาจริงๆ 2 ปีนี้ เสียโอกาสไปค่อนข้างเยอะมากเลย เนื่องจากมีงานใหม่ๆที่ต้องปฏิเสธไปเพราะไปไม่ได้"


ถามเรื่องโอนเงินวันเกิดให้น้องแม็กซ์-เวลล์ ลูกชาย มีทั้งการบริจาคช่วยโควิด-19 ทำไมถึงอยากทำบุญให้ลูก และหลายคนประทับใจที่สอนลูกว่าโตขึ้นขอให้เป็นผู้ให้ รู้สึกยังไง?
"สถานการณ์ในตอนนี้ทุกคนต่างต้องการความช่วยเหลือครับ แล้วเดือนนี้ก็เป็นเดือนเกิดของ แม็กซ์ด้วย ปกติแล้วถ้าผมได้อยู่กับแม็กซ์ในวันเกิดเราก็จะมีกิจกรรมร่วมกัน มีพาไปทำบุญอยู่แล้วในทุกๆปี สำหรับปีนี้ที่ผมไม่สามารถไปเจอเค้าได้ด้วยตัวเองเนื่องจากสถานการณ์โควิด ผมเลยอยากเป็นตัวแทนแม็กซ์ช่วยเหลือสังคม ผมคิดว่าถ้าลูกโตขึ้นเป็นผู้ให้ความสุขจากการให้มันสุขมากกว่าการเป็นผู้รับและผมอยากให้ลูกได้รับรู้ ความรู้สึกนั้น ผมในฐานะที่เป็นพ่อก็ภาวนาว่าให้ผลบุญที่ได้ทำส่งเสริมให้เค้าอยู่รอดปลอดภัย เป็นเด็กดีเป็นที่รักของทุกคน

ส่วนเรื่องการเก็บเงินเข้าบัญชีผมแค่ต้องพยายามทำให้ดีที่สุดตามกำลังที่ผมมีในวันนี้ ผมแค่มองว่าตอนนี้สถานการณ์มันเป็นแบบนี้มันไม่มีอะไรการันตีว่าในอนาคตมันจะไม่เกิดขึ้นอีก เพราะฉะนั้นเราก็ไม่มีวันรู้หรอกว่าในอนาคตงานเราจะยังเป็นแบบนี้อยู่อีกหรือเปล่า เพราะผมเองก็เป็นกังวลว่าจนกว่าจะถึงตอนนั้น ถ้าหากว่ารายรับของผมมันไม่เสถียรหรือว่ามันหยุดนิ่ง ผมจะได้มั่นใจว่าในอนาคตอย่างน้อยที่สุดเค้ามีต้นทุนการศึกษาที่ผมเก็บไว้ให้ เราต่างไม่สามารถรู้อนาคตได้ สิ่งที่ผมทำได้ในวันนี้ก็แค่อยากทำให้ดีที่สุดในฐานะพ่อคนนึง แค่อยากช่วยเหลือให้มากที่สุดตามกำลังของเราและผมจะทำต่อไปเรื่อยๆแน่นอน"

เวลาที่เราได้ทำงานใหญ่ๆอย่างการถ่ายหนังฮอลลีวูดที่มีอุปสรรคทำให้ท้อ มีอะไรยึดเหนี่ยวจิตใจที่ทำให้ฮึดได้ทุกครั้ง?
"เป้าหมายครับ เป้าหมายที่อยากเป็นคนที่ดีขึ้น แต่เป้าหมายของผมคงเป็นขั้นบันไดหมายถึงว่าเมื่อผมได้เดินไปแตะถึงเป้าหมายนี้ ผมก็อยากทำสิ่งใหม่ต่อที่ท้าทายและพัฒนาตัวเองให้ดีขึ้น แล้วมันก็เป็นแบบนี้มาตั้งแต่ผมทำงาน ซึ่งก็ 20 ปีแล้วครับที่เป้าหมายใหม่ๆมันถูกกำหนดเอาไว้เสมอก่อนที่เป้าหมายอันเก่าใกล้จะสำเร็จ ทุกเส้นทางที่จะไปถึงเป้าหมายมันมีอุปสรรคอยู่แล้วครับไม่ว่าผมหรือใคร สิ่งยึดเหนี่ยวจิตใจของผมมันมีหลายองค์ประกอบรวมกัน แน่นอนว่าหนึ่งในนั้นก็คือกำลังใจจากครอบครัวจากคนที่ผมรัก จากคนที่รักผม จากแฟนคลับของผม มันเป็นเรื่องปกติของทุกคนในโลกนี้ที่ต้องเคยท้อแท้ไม่อยากสู้ต่อ แต่ทุกครั้งกำลังใจต่างๆก็ทำให้ผมลุกขึ้นมาสู้ง่ายขึ้นเร็วขึ้น"

มองอนาคตกับงานในวงการบันเทิงไว้อย่างไรบ้าง?
"ผมเริ่มมาสนใจงานเบื้องหลังแบบจริงจังช่วงนี้เลยครับ คิดว่าน่าจะเป็นเป้าหมายใหม่กับอนาคตในวงการบันเทิงที่ผมวางไว้ หวังว่าจะไปให้ถึงจุดนั้น งานเบื้องหน้าก็ยังทำอยู่อย่างต่อเนื่องครับ ผมอยากเอาประสบการณ์ทั้งหมดที่ผมมี ที่ได้จากการทำงานเบื้องหน้าและได้รู้จักกับทีมงานเบื้องหลัง แต่ถ้าผมกลับไปทำงานที่จีนแล้วงานส่วนนี้อาจ จะพักเอาไว้ก่อนก็ต้องทำงานเบื้องหน้าไปก่อนครับ ไม่ได้ไปกำหนดว่าจะต้องเกิดขึ้นเมื่อไหร่หรอกครับ แต่ว่าโอกาสไหนมาก่อนก็คว้าโอกาสนั้นไว้ก่อน ทำสิ่งที่อยู่ตรงหน้าให้สำเร็จลุล่วงไปก่อน เวลานอก เหนือจากนั้นก็ศึกษา หา ความรู้อื่นๆ ที่เป็นประ-โยชน์กับตัวเอง"

อยากบอกอะไรแฟนๆที่คอยซัพพอร์ต "ไมค์" มาตลอด?
"ขอบคุณที่อยู่เคียงข้างกันมาเสมอ ทั้งแฟนคลับที่ไทยและที่จีนและทุกๆที่ที่ซัพพอร์ตผมตลอดมา ช่วงเวลาที่ผ่านมานี้ผมมีเวลาหยุดและประเมินหลายสิ่งหลายอย่างในชีวิตที่ผ่านมากับตัวเอง ก็มานั่งคิดว่าหลายคนเค้าอยู่กับเราในทุกช่วงเวลา อยู่กับผมตั้งแต่ผมยังมีความคิดเป็นเด็ก ยังไม่มีความคิดเป็นของตัวเอง ยังตัดสินใจอะไรผิดพลาด เค้าอยู่เคียงข้างกับผลลัพธ์ของมันกับผมมาโดยตลอด ผมไม่คิดว่าผมในวันนี้เป็นผมที่ดีที่สุด แต่ผมจะเป็นคนที่ดีขึ้น เพื่อตอบแทนกำลังใจและการซัพพอร์ตเป็นการตอบแทนให้กับพวกเค้าที่ไม่เคย ทอดทิ้งผมเช่นกัน".

เรื่อง: สุภลัคน์ วุฒิกรีธาชัย https:// www.thairath.co.th/entertain/news/2153573
#3520



ดัชนีดาวโจนส์ ปิดวันศุกร์ (30 ก.ค.)ร่วง 149 จุด หลุดระดับ 35,000 จุด ขณะที่นักลงทุนเทขายหุ้นอเมซอน ท่ามกลางความผิดหวังต่อผลประกอบการของบริษัท นอกจากนี้ นักลงทุนยังมีความวิตกต่อการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์เดลตาในสหรัฐ

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ ปรับตัวลง 149.06 จุด หรือ 0.4% ปิดที่ 34,935.47 จุด ดัชนีเอสแอนด์พี 500 ร่วงลง 0.5% ปิดที่ 4,395.26 จุด และดัชนีแนสแด็ก ร่วงลง 0.7% ปิดที่ 14,672.68 จุด

ทั้งนี้ ดัชนีดาวโจนส์สามารถปรับตัวในแดนบวกในช่วงแรก ขณะที่นักลงทุนคลายความกังวลเกี่ยวกับเงินเฟ้อ หลังจากที่สหรัฐเปิดเผยดัชนีราคาการใช้จ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคล (พีซีอี) ที่ต่ำกว่าคาด

นอกจากนี้ การที่สหรัฐเปิดเผยตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ที่ต่ำกว่าคาดการณ์เมื่อวานนี้ ก็ช่วยให้ตลาดคลายความวิตกเกี่ยวกับการที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะปรับลดวงเงินในการซื้อพันธบัตรตามมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (คิวอี)

ทั้งนี้ หุ้นแอมะซอนดิ่งลงกว่า 7% ในวันนี้ หลังรายงานรายได้ในไตรมาส 2 ต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้

นพ.สก็อตต์ ก็อตลิบ อดีตประธานสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยาสหรัฐ (เอฟดีเอ) กล่าวว่า ผู้ที่ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ในสหรัฐมีจำนวนมากกว่าตัวเลขที่เจ้าหน้าที่รายงานอย่างเป็นทางการ ท่ามกลางการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์เดลตา

"ผมจะไม่ประหลาดใจถ้าหากเราพบว่าผู้ติดเชื้อรายวันมีจำนวนถึง 1,000,000 คนในขณะนี้ ซึ่งตัวเลขทางการรายงานไม่ถึง 10% ของตัวเลขผู้ติดเชื้อที่แท้จริง" นพ.ก็อตลิบกล่าว

ประกันโควิด เจอ จ่าย จบ! รับเลย 100,000 บาท
ทั้งนี้ ข้อมูลจากมหาวิทยาลัยจอห์น ฮอปกินส์ระบุว่า ค่าเฉลี่ยในรอบ 7 วันของจำนวนผู้ติดเชื้อโควิด-19 รายวันในสหรัฐอยู่ที่ 67,000 คน โดยเพิ่มขึ้น 53% เมื่อเทียบกับสัปดาห์ก่อนหน้านี้

นพ.ก็อตลิบกล่าวเสริมว่า ผู้ที่ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 จำนวนมากไม่ได้ถูกรวมอยู่ในรายงานของทางการ เนื่องจากผู้ป่วยโควิดที่ไม่แสดงอาการหรือมีอาการน้อย ต่างก็ไม่ได้เข้ารับการตรวจหาเชื้อ และการที่ประชาชนสามารถซื้ออุปกรณ์มาตรวจหาเชื้อได้เองในบ้าน ทำให้จำนวนผู้ติดเชื้อดังกล่าวไม่มีการรายงานต่อเจ้าหน้าที่

ด้านศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคแห่งสหรัฐ (ซีดีซี) ออกเอกสารเสนอต่อสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐ โดยได้เตือนว่า ไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์เดลตาสามารถติดต่อได้ง่ายเหมือนโรคอีสุกอีใส และมีช่วงเวลาในการแพร่ระบาดยาวนานกว่าไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์ดั้งเดิม

ซีดีซี ระบุว่า ไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์เดลตา ซึ่งขณะนี้มีการแพร่ระบาดใน 132 ประเทศทั่วโลก และได้กลายเป็นสายพันธุ์หลักในสหรัฐ สามารถแพร่ระบาดรวดเร็วกว่าไข้หวัดใหญ่ตามฤดูกาล ไข้หวัดสเปน ไข้ทรพิษ เชื้ออีโบลา โรคซาส์ (SARS) และโรคเมอร์ส (MERS)

ทั้งนี้ มีเพียงโรคหัด (measles) เท่านั้นที่มีการระบาดได้เร็วกว่าไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์เดลตา

ด้านกระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า ดัชนี พีซีอีพื้นฐาน ซึ่งไม่นับรวมหมวดอาหารและพลังงาน และเป็นมาตรวัดอัตราเงินเฟ้อที่เฟดให้ความสำคัญ ดีดตัวขึ้น 3.5% ในเดือนมิ.ย. เมื่อเทียบรายปี ซึ่งเป็นการพุ่งขึ้นมากที่สุดนับตั้งแต่เดือนก.ค.2534

ยอด 'โควิด-19' วันนี้ ยิ่งหนัก! พบเสียชีวิตสูง 178 ราย ติดเชื้อเพิ่ม 18,912 ราย
จ่าย 'เยียวยาประกันสังคม' นายจ้าง-ลูกจ้าง ม.33 เร็วขึ้น 'คนละครึ่ง' เชื่อม 'ฟู้ดเดลิเวอรี่' จ่อคิว ต.ค.
เคาะ! 'ประกันโควิด' ป่วย-ตายที่บ้าน เคลมค่ารักษาพยาบาลได้
อย่างไรก็ดี ดัชนีพีซีอีพื้นฐานดังกล่าวต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 3.6% หลังจากเพิ่มขึ้น 3.4% ในเดือนพ.ค.

เมื่อเทียบรายเดือน ดัชนีพีซีอีพื้นฐานเพิ่มขึ้น 0.4% ในเดือนมิ.ย. ต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 0.6%

ส่วนดัชนีพีซีอีทั่วไป ซึ่งรวมหมวดอาหารและพลังงาน ดีดตัวขึ้น 4.0% ในเดือนมิ.ย. เมื่อเทียบรายปี ซึ่งเป็นการพุ่งขึ้นมากที่สุดนับตั้งแต่เดือนส.ค.2551 หลังจากเพิ่มขึ้น 3.9% ในเดือนพ.ค.

ทั้งนี้ ดัชนีพีซีอีถือเป็นมาตรวัดเงินเฟ้อที่สามารถตรวจจับการเปลี่ยนแปลงในพฤติกรรมของผู้บริโภค และครอบคลุมราคาสินค้าและบริการในวงกว้างมากกว่าข้อมูลดัชนีราคาผู้บริโภค (ซีพีไอ) จากกระทรวงแรงงานสหรัฐ

กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยตัวเลขประมาณการครั้งที่ 1 สำหรับผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศประจำไตรมาส 2/2564 เมื่อวานนี้ โดยระบุว่า เศรษฐกิจสหรัฐมีการขยายตัว 6.5% ในไตรมาส 2 หลังจากที่ขยายตัว 6.4% ในไตรมาส 1

https:// www.bangkokbiznews.com/news/detail/952071