• Welcome to ลงประกาศฟรี โพสฟรี โปรโมทเว็บไซด์ให้ติดอันดับ SEO ด้วย PBN.
 

poker online

ปูนปั้น

Menu

Show posts

This section allows you to view all posts made by this member. Note that you can only see posts made in areas you currently have access to.

Show posts Menu

Topics - deam205

#3421


ศูนย์ข้อมูลโควิด-19 สสจ.ลำปาง รายงานความคืบหน้าการฉีด "วัคซีนโควิด" ของจังหวัดลำปางว่า ขณะนี้ประชาชนยังคงทยอยเข้ารับบริการฉีดวัคซีนที่วิทยาลัยพยาบาลบรมราชชนนีนครลำปาง ซึ่งเป็นศูนย์สถานที่กลางในการฉีดวัคซีนของ อ.เมืองลำปาง กันอย่างต่อเนื่อง ส่วนวัคซีน "ไฟเซอร์" สำหรับแพทย์ด่านหน้า พร้อมฉีด 8 ส.ค.นี้

จากสถานการณ์การระบาดของโควิด-19 สายพันธุ์เดลตาที่ระบาดมากขึ้น จึงมีการขยับเวลาฉีดเข็ม 2 แอสตร้าเซเนกาเร็วขึ้น โดยผู้ที่ฉีดวัคซีนแอสตร้าเซเนกา เข็มแรกช่วงระหว่างวันที่ 7 – 21 มิถุนายน 2564 ที่ผ่านมา ตามกำหนดเดิม จะฉีดห่างกัน 16 สัปดาห์ แต่ปรับการฉีดให้เร็วขึ้นเป็น 12 สัปดาห์แทน ตามประกาศของคณะกรรมการโรคติดต่อแห่งชาติ ซึ่งจะมีการนัดหมายผ่านระบบหมอพร้อมอีกครั้ง

จนถึงขณะนี้ มีประชาชนเข้ารับการฉีดวัคซีนไปแล้วทั้งหมด 72,325 เข็ม แบ่งเป็นเข็มแรก 54,643 คน , เข็ม 2 จำนวน 16,884 คน และมีการฉีดบูสเตอร์เข็ม 3 ให้บุคลากรทางการแพทย์ 798 คน จำนวนผู้ได้รับวัคซีนของ จ.ลำปาง ยอดสะสม อยู่ที่จำนวน 54,643 คน

นพ.ประเสริฐ กิจสุวรรณรัฐ นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดลำปาง เปิดเผยว่า ล่าสุดทางจังหวัดลำปางได้รับวัคซีนไฟเซอร์แล้ว 2,400 โดส เพื่อเตรียมฉีดให้กับบุคลากรด่านหน้า โดยแบ่งเป็น 3 กลุ่ม คือ กลุ่มที่ 1 และกลุ่มที่ 2 จะเป็นบุคลากรด่านหน้าที่ได้รับวัคซีนเข็มที่ 1 ต้องการปิดเข็ม 2 ด้วยไฟเซอร์ และกลุ่มที่ 3 คือคนที่ยังไม่ได้รับวัคซีนเลย เพราะก่อนหน้านั้นลังเล เมื่อมีไฟเซอร์มาจึงเปลี่ยนใจฉีด

"วัคซีนไฟเซอร์ที่ได้มา คิดเป็น 40% ของบุคลากรด่านหน้าทั้งจังหวัด จึงมีการจัดสรรคิวให้คนที่ฉีดซิโนแวค 2 เข็ม ได้รับการฉีดกระตุ้นก่อน ส่วนจำนวนบุคลากรด่านหน้าที่แจ้งความประสงค์จะฉีดไฟเซอร์มีประมาณ 5,000-6,000 โดส ก็จะเป็นลำดับต่อไป"

ส่วนจุดฉีดยังคงใช้ที่เดียวเพราะต้องใช้ห้องเก็บวัคซีนของโรงพยาบาลลำปาง ซึ่งวัคซีนไฟเซอร์ต้องมีการรักษาอุณหภูมิและเวลาจะใช้การดูดวัคซีนออกมายากมากทำให้กระจายจุดฉีดไม่ได้

ทั้งนี้ จังหวัดลำปางจะเริ่มฉีดวัคซีนไฟเซอร์ให้กับบุคลากรด่านหน้าในวันจันทร์ที่ 8 ส.ค. 2564 นี้
#3422


ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) สรุปมูลค่าการซื้อขายตามกลุ่มนักลงทุนวันที่ 6 ส.ค.2564 พบว่า สถาบันในประเทศ (กองทุน) มียอดขายสุทธิ 135.90  ล้านบาท บัญชีบริษัทหลักทรัพย์ (โบรกเกอร์) ขายสุทธิ 363.93ล้านบาท นักลงทุนต่างประเทศ ขายสุทธิ 2,078.31 ล้านบาท และนักลงทุนทั่วไปในประเทศ (รายย่อย) ซื้อสุทธิ 2,578.14 ล้านบาท

ทั้งนี้ ส่งผลให้มูลค่าการซื้อขายสะสมในช่วง 1 -ุ 6 ส.ค.  กองทุน ซื้อสุทธิ 3,899.62 ล้านบาท โบรกเกอร์ ซื้อสุทธิ 12.84 ล้านบาท นักลงทุนต่างประเทศ ขายสุทธิ 8,148.43 ล้านบาท และรายย่อย ซื้อสุทธิ 4,235.97ล้านบาท

โดยส่งผลให้มูลค่าการซื้อขายสะสมในช่วง 1 ม.ค. - 20 ก.ค. กองทุน ขายสุทธิ 40,447.97 ล้านบาท โบรกเกอร์ ซื้อสุทธิ 9,473.75ล้านบาท นักลงทุนต่างประเทศ ขายสุทธิ 101,430.69 ล้านบาท และรายย่อย ซื้อสุทธิ 132,404.92 ล้านบาท
#3423


เมื่อเกือบสิบปีก่อน "ทีโม่ ทรังก์ส" (TIMO TRUNKS) แบรนด์แฟชั่นกางเกงว่ายน้ำชายของไทย โลดแล่นอยู่ในวงการแฟชั่นไทยแบบไม่หวือหวามากนัก แต่วันนี้ ทีโม่ โด่งดังระดับอินเตอร์ จำหน่ายใน 14 ประเทศทั่วโลก และไม่ได้มีเพียงกางเกงว่ายน้ำแบบขาสั้นเท่านั้น แต่ยังมีไลน์กางเกงว่ายน้ำแบบบิกินีทรงเต็มตัว (Square Cut) ออกแบบมาเพื่อนักว่ายน้ำโดยเฉพาะ เหมาะกับช่วงนี้ที่หลายคนกำลังสนใจการแข่งขันกีฬาโอลิมปิกที่ประเทศญี่ปุ่น และกางเกงเล่นเซิร์ฟ ที่เน้นความเนี้ยบ เท่ ตัดเย็บอย่างทันสมัย ลายผ้าอันลือลั่น พร้อมด้วยเรื่องราวอันแหวกแนวของที่มาแต่ละลวดลาย ที่สำคัญ นับตั้งแต่ก่อตั้งทีโม่ขึ้นเมื่อปี 2011 "สรรพสิทธิ์ ฟุ้งเฟื่องเชวง" หรือ "เป๋า" ยังคงรับหน้าที่เป็นผู้อำนวยการฝ่ายสร้างสรรค์มาโดยตลอด



เมื่อไม่นานมานี้ ทีโม่ได้รับความสนใจจากคอลัมนิสต์แฟชั่นชื่อดัง ของสื่อที่ทรงอิทธิพลอีกครั้ง อย่าง "ฟอร์บ สหรัฐอเมริกา" (Forbes USA) ได้ไปสัมภาษณ์ถึงดีเอ็นเอของ ทีโม่ ทรังก์ส และกลยุทธ์การตลาดอันเฉียบคม ทั้งยังมองว่า ทีโม่จะเป็นกางเกงว่ายน้ำชายอันนำสมัยในอนาคตอีกด้วย

"โจเซฟ ดีอะเซติส" แฟชั่นคอลัมนิสต์ชื่อดัง ฟอร์บ สหรัฐอเมริกา ได้เขียนถึงทีโม่ว่า เป็นแบรน์ที่ได้สร้างมาตรฐานใหม่ให้แก่วงการชุดว่ายน้ำชายของโลก ซึ่งจะเป็นตัวกำหนดว่าสินค้าจะพัฒนาไปในทิศทางใดในอนาคต เพราะชุดว่ายน้ำชายทีโม่ออกแบบมาได้อย่างลงตัว ที่มีครบทุกองค์ประกอบ อย่างแรกคือ มีความทนทานและมีฟังก์ชั่นแบบชุดกีฬา เน้นการออกแบบที่เรียกว่า Performance Wear ที่มีความเบาสบาย แถมยังใช้ "ผ้าที่แห้งเร็วมาก" แต่สีไม่จางไปตามกาลเวลา



องค์ประกอบอย่างที่สองคือ การมีอัตลักษ์ด้านดีไซน์ชัดเจน การออกแบบลวดลายที่เหมือนการนำอตีดกับอนาคตมาบรรจบกัน แบบที่ไม่เคยมีแบรนด์ไหนทำมาก่อน อาทิ ลวดลายรูปทรงเรขาคณิตแบบคลาสสิกโบราณ มาปรับให้กลายเป็นลายมินิมอล ดูมีทั้งความคลาสสิกและล้ำสมัยในตัวเดียวแบบไม่มีวันตกยุค รวมทั้งการร่วมมือออกแบบกับศิลปินดังทั่วโลก ไปจนถึงการออกแบบร่วมกับเด็กออทิสติก หรือการให้โอกาสตรีในทัณฑสถาน ได้มีส่วนร่วมในการผลิตสินค้า หากใครอยากจะดูโดดเด่นในกางเกงว่ายน้ำขาสั้น ลายที่เท่ทรงพลังของทีโม่จะเป็นที่ถูกใจอย่างแน่นอน

องค์ประกอบที่สามคือ การสร้างสินค้าแบบบูรณาการ ด้วยการผลิตสินค้าที่ช่วยลดคาร์บอนฟุตพรินต์ (Carbon Footprint) หรือเรียกได้ว่าการผลิตที่ช่วยให้โลกยั่งยืน

เมื่อทีโม่ขยับพลิกโฉมวงการชุดว่ายน้ำชาย ด้วยการพัฒนาสินค้าชั้นเยี่ยมสุดพิถีพิถัน ครบฟังก์ชั่นแบบกีฬา สร้างสรรค์ระดับแนวหน้าแฟชั่นระดับอินเตอร์ และการผลิตแบบใส่ใจโลก ทั้งหมดเป็นการสร้างแบบฉบับมาตรฐานใหม่ ให้แก่วงการชุดว่ายน้ำของโลก ซึ่งอาจกล่าวได้ว่า นี่คือชุดว่ายน้ำแห่งอนาคตอย่างแท้จริง โดยคอลเลกชันใหม่ของทีโม่ ได้เผยโฉมกางเกงว่ายน้ำแบบสั้นเข้ากับรูปทรงเต็มตัว (Square-Cut Brief) ที่ได้แรงบันดาลใจมาจากแฟชั่นยุค 1970s และกางเกงโต้คลื่นที่มีความล้ำอนาคต พร้อมเผยความมุ่งมั่นกับการตั้งฐานการผลิตใกล้จุดขาย เพื่อลดคาร์บอนฟูตพรินต์ และเจาะลึกว่าอะไรที่เป็นเทคนิคการสร้างสินค้า ที่จะมีพลังสามารถดึงดูดความสนใจจากกลุ่มลูกค้าผู้ชาย ที่เรียกได้ว่าเป็นตลาดสินค้าแฟชั่นที่หินมาก



ด้าน "เป๋า สรรพสิทธิ์" ผู้ก่อตั้งและผู้อำนวยการสร้างสรรคทีโม่ เปิดเผยว่า "ผมพัฒนาและออกแบบโรงแรม รีสอร์ต มาแล้วหลายแห่ง ในช่วงเวลาหลายปีนั้น ผมเดินทางไปท่องเที่ยวตามเกาะต่างๆ หลายที่ แต่ยังไม่เจอชุดว่ายน้ำแบบที่ผมชอบเลย ดังนั้น ผมจึงตัดสินใจว่าจะเป็นผู้ผลิตสินค้าแฟชั่นด้านนี้เอง โดยเน้นเอกลักษณ์ของแบรนด์ไปที่การสร้างลวดลาย โดยแต่ละซีซันส์ ทีโม่จะออกแบบลายผ้าที่คิดว่าสวยและใหม่ที่สุดมากถึง 30 ลาย แต่จะมีเพียง 12 ลายที่ดีที่สุดเท่านั้น ที่ถูกเลือกเข้ามาอยู่ในคอลเลกชันนี้ จึงทำให้เราเรียกได้ว่าเป็น "นวัตกรรมแฟชั่น" ระดับโลกอย่างแท้จริง"

"เราเลือกเฉพาะลายที่ใหม่ที่สุด และลายที่ไม่เคยมีใครในโลกทำมาก่อน ปัจจุบันเราได้นำเสนอลวดลายใหม่ๆ ออกสู่ตลาดไปแล้วหลายร้อยลวดลาย จนถึงขั้นต้องจัดทำคลังเก็บลวดลายผ้าไว้ในศูนย์ ฐานข้อมูลที่สตูดิโอ ซึ่งผู้ชายจะไม่เหมือนกับผู้หญิง ตรงที่เวลาไปเที่ยวทะเลจะต้องมีชุดว่ายน้ำหลากหลายแบบ แต่ผู้ชายจะไม่ได้ซื้อชุดว่ายน้ำใหม่กันบ่อยๆ จึงจะใส่ชุดว่ายน้ำตัวเดิมซ้ำๆ กัน ดังนั้น การจะดึงดูดความสนใจของผู้ชาย จึงต้องมีลวดลายที่ไม่เพียงสะดุดตาเท่านั้น แต่จะต้องเป็นลวดลายที่เข้าใจถึงความชอบของเขาอย่างลึกซึ้ง ชนิดที่เห็นแล้วต้องซื้อทันที"



สำหรับปัจจัยที่ทำให้ยังคงพยายามขับเคลื่อนการลดคาร์บอนฟูตพรินต์ต่อไปนั้น เป๋า สรรพสิทธิ์ เผยว่า "เราเดินหน้าผลิตสินค้าของ TIMO ในโซนที่เรามีการจัดจำหน่ายสินค้าแบบรีเทล ยกตัวอย่างเช่น ตลาดในสหภาพยุโรป เราเริ่มจับมือเป็นพันธมิตรกับผู้ผลิตในอิตาลี โดยมีแผนที่จะผลิตกางเกงว่ายน้ำ มุ่งหน้าลดคาร์บอนฟุตพรินต์ ที่เลือกวัสดุสินค้าที่ไม่จำเป็นต้องขนส่งไปรอบโลกหลายครั้ง กว่าจะถึงมือลูกค้าเหมือนแต่ก่อน โดยตั้งแต่คอลเลกชัน 2023 เป็นต้นไป สินค้าที่จะจัดจำหน่ายในตลาดสหภาพยุโรป ก็จะผลิตในภูมิภาคนั้น หรือสินค้าที่จะจำหน่ายในสหรัฐอเมริกา เราก็จะตั้งฐานการผลิตที่นั่นเลย ส่วนตลาดเอเชียสินค้าของเราทั้งหมดจะใช้ฐานการผลิตในประเทศไทย"

เมื่อถามถึงสไตล์ที่อินเทรนด์กับโทนสีของฤดูกาลนี้ ผู้ก่อตั้งและผู้อำนวยการฝ่ายสร้างสรรค์ TIMO มองว่า ลวดลายรูปทรงเรขาคณิตและมินิมัลยังคงเป็นสินค้ายอดฮิตเหมือนเช่นฤดูกาลก่อนๆ "นอกจากนี้ เรายังใช้เทคนิคพื้นเมือง อย่างเช่น การมัดย้อมแบบญี่ปุ่นในสีแบบดั้งเดิมสำหรับการผลิต ที่เห็นได้ชัดว่าผู้บริโภคหันมาให้ความสำคัญกับฟังก์ชั่นแบบกีฬา ที่ใช้เทคโนโลยีขั้นสูงมากขึ้น เน้นการใช้งานและความทนทานไปพร้อมๆ กับสไตล์ ด้วยเหตุนี้เราถึงเปิดตัวคอลเลกชันกางเกงว่ายน้ำแบบบรีฟ (Brief) ที่มีความแนบเนื้อ ปลายขาตรงแบบเต็มตัว ที่ออกแบบมาสำหรับคนที่ว่ายน้ำแบบกีฬาในสระโดยเฉพาะ

รวมทั้งยังมีคอลเลกชัน ทีโม่ เซิร์ฟ (TIMO Surf) ที่นำเสนอกางเกงขาสั้นสำหรับเล่นกระดานโต้คลื่นอันทันสมัย พร้อมกลิ่นอายสุดคลาสสิกของยุค 1970s ตลอดจนเสื้อกีฬาอันล้ำสมัย และลวดลายเด็ดๆ แห่งอนาคต" เป๋า สรรพสิทธิ์ กล่าวทิ้งท้าย
#3424


กรุงเทพฯ 5 ส.ค. 2564 –ทีเอ็มบีธนชาต หรือ ทีทีบี (ttb) เปิดตัวประกันชีวิตควบการลงทุน "ทีทีบี เฟล็กซี่ อัลติเมท โพรเทค" (ยูนิตลิงค์) ตอบโจทย์ผู้บริหารและเจ้าของธุรกิจ ที่ต้องการความคุ้มครองสูงและต่อเนื่องระยะยาว ควบคู่กับโอกาสรับผลตอบแทนจากการลงทุน ชูจุดเด่นคุ้มครองยาว 99 ปี คุ้มครองชีวิตสูงถึง 120 เท่า ของเบี้ยประกันภัยหลัก คุ้มครองเพิ่มเป็นสองเท่า สูงสุดรวม 240 เท่า ของเบี้ยประกันหลักภัย กรณีเสียชีวิตจากอุบัติเหตุ และปรับเปลี่ยนได้ในแต่ละช่วงของชีวิต

ทีเอ็มบีธนชาต มุ่งมั่นสร้างชีวิตทางการเงินที่ดีขึ้นให้กับคนไทยทั้งวันนี้และอนาคต โดยสนับสนุนให้คนไทยหันมาให้ความสำคัญและเล็งเห็นความจำเป็นของการมีประกันชีวิตที่เพียงพอและเหมาะสม เพื่อเป็นตัวช่วยรองรับความเสี่ยง เมื่อเกิดเหตุการณ์ที่ไม่คาดฝัน ธนาคารจึงร่วมกับบริษัท พรูเด็นเชียล ประกันชีวิต (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) พัฒนาผลิตภัณฑ์ประกันชีวิต "ทีทีบี เฟล็กซี่ อัลติเมท โพรเทค" (ยูนิตลิงค์) ที่ตอบโจทย์ความต้องการของกลุ่มผู้บริหารและเจ้าของธุรกิจที่เป็นเสาหลักของครอบครัว ที่ต้องการมีหลักประกันความคุ้มครองสูงในระยะยาวให้กับตนเองและครอบครัว โดยมอบหลักประกันความคุ้มครองสูงสุดนาน 99 ปี คุ้มครองชีวิตสูงถึง 120 เท่าของเบี้ยประกันภัยหลัก คุ้มครองเพิ่มเป็นสองเท่า สูงสุดรวม 240 เท่า ของเบี้ยประกันภัยหลัก กรณีเสียชีวิตจากอุบัติเหตุ และให้ความมั่นใจ ด้วยสิทธิคุ้มครองต่อเนื่อง 10 ปีแรก แม้มูลค่าบัญชีกรมธรรม์ไม่เพียงพอชำระค่าธรรมเนียมกรมธรรม์ก็ตาม (เงื่อนไขเป็นไปตามที่กรมธรรม์กำหนด)

นอกจากนี้ ทีทีบี เฟล็กซี่ อัลติเมท โพรเทค (ยูนิตลิงค์) ยังมีความยืดหยุ่นเหมาะสมกับช่วงชีวิตในแต่ละช่วง หากไม่อยากชำระเบี้ยฯ ยาวนาน สามารถปรับเปลี่ยนแผนได้ตามความต้องการที่เปลี่ยนไปในแต่ละช่วงชีวิต ด้วยการวางแผนจ่าย หรือหยุดพักชำระเบี้ยฯ หลักได้ มีน้อยจ่ายน้อย มีมากจ่ายมากขึ้น เพื่อลงทุนในจังหวะที่เหมาะสม เจ้าของธุรกิจจึงมั่นใจได้ว่าจะมีหลักประกันที่แน่นอนให้กับครอบครัวที่รักและธุรกิจที่สร้างมากับมือ มีทั้งความคุ้มครองชีวิต พร้อมทั้งเพิ่มโอกาสรับผลตอบแทนจากการลงทุน ซึ่งเป็นการสร้างรากฐานชีวิตทางการเงินที่ดีขึ้นให้แก่ตนเองและครอบครัวได้ต่อไป

ผู้สนใจผลิตภัณฑ์ ทีทีบีเฟล็กซี่ อัลติเมท โพรเทค (ยูนิตลิงค์) สามารถสอบถามข้อมูลได้จาก ที่ปรึกษาทางการเงินและการลงทุนส่วนบุคคลของท่าน หรือ ttb ทุกสาขา และเว็บไซต์ ttbbank.com/th/personal/insurance/detail/flexi-ultimate-protect
#3425


นายธนารัตน์ งามวลัยรัตน์ ผู้จัดการธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) เปิดเผยว่า ธ.ก.ส. เปิดรับฝาก "สลากออมทรัพย์ ธ.ก.ส. ชุดเกษตรมั่งคั่ง 6" จำนวน 1,000 ล้านหน่วย หน่วยละ 100 บาท รวมวงเงิน 100,000 ล้านบาท เพื่อระดมเงินฝากจากประชาชนทั่วไปสำหรับนำไปใช้เป็นทุนสนับสนุนภาคเกษตร อันเป็นรากฐานที่สำคัญของประเทศ และเป็นการตอบสนองความต้องการของลูกค้าผู้ถือสลากออมทรัพย์ที่จะครบกำหนดไถ่ถอนให้สามารถฝากเงินกับ ธ.ก.ส.ได้อย่างต่อเนื่อง อีกทั้งยังเป็นทางเลือกสำหรับการออมเงินที่ได้รับดอกเบี้ย ไม่เสียภาษีและยังมีสิทธิ์ลุ้นเงินรางวัลมากมาย โดยแบ่งการเปิดรับฝากเป็น 2 ช่วง ได้แก่ ช่วงที่ 1 ตั้งแต่วันที่ 20 สิงหาคม 2564 เป็นต้นไป วงเงินรับฝาก 50,000 ล้านบาท และช่วงที่ 2 วันที่ 18 ตุลาคม 2564 เป็นต้นไป วงเงินรับฝาก 50,000 ล้านบาท ณ ธ.ก.ส. ทุกสาขาทั่วประเทศและผ่านช่องทาง แอปพลิเคชัน ธ.ก.ส. A-Mobile

สลากออมทรัพย์ ธ.ก.ส. ชุดเกษตรมั่งคั่ง 6 มีอายุรับฝาก 3 ปี เมื่อฝากครบกำหนดไถ่ถอนจะได้รับดอกเบี้ยหน่วยละ 0.15 บาท หรือคิดเป็นอัตราดอกเบี้ยร้อยละ 0.05 ต่อปี นอกจากนี้ยังได้ลุ้นรางวัลทุกวันที่ 16 ของเดือน และวันที่ 17 มกราคม ของทุกปี รวม 36 ครั้ง ประกอบด้วย รางวัลที่ 1 มี 1 รางวัลมูลค่า 10,000,000 บาท รางวัลที่ 1 ต่างหมวด มี 99 รางวัล ๆ ละ 10,000 บาท รางวัลที่ 2 มี 300 รางวัล ๆ ละ 5,000 บาท รางวัลที่ 3 มี 1,000 รางวัล ๆ ละ 3,000 บาท รางวัลที่ 4 มี 2,000 รางวัล ๆ ละ 1,000 บาท รางวัลที่ 5 มี 10,000 รางวัล ๆ ละ 500 บาท รางวัลเลขท้าย 4 ตัว มี 100,000 รางวัล ๆ 50 บาท และรางวัลเลขท้าย 3 ตัว มี 2,000,000 รางวัล ๆ ละ 10 บาท รวมรางวัลทั้งสิ้น 2,113,400 รางวัล เป็นเงิน 47,490,000 บาทต่อเดือน โดยจะออกรางวัลครั้งแรกวันที่ 16 กันยายน 2564 ที่สำคัญดอกเบี้ยและเงินรางวัลได้รับการยกเว้นภาษีสำหรับบุคคลทั่วไปและยังสามารถนำไปใช้เป็นหลักทรัพย์ในการค้ำประกัน (Bank Guarantee) ได้อีกด้วย


ทั้งนี้ สามารถตรวจผลการออกรางวัลและรับชมการถ่ายทอดสดการออกสลากออมทรัพย์ได้ทางสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย คลื่นความถี่ AM 891 กิโลเฮิรตซ์ เว็บไซต์ www.baac.or.th Facebook Page "ธกส BAAC Thailand" และ "ธกส บริการด้วยใจ" Youtube Channel "BAAC Thailand" หรือทาง ธ.ก.ส. A-Mobile โดยท่านที่สนใจสามารถติดต่อสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับสลากออมทรัพย์ได้ที่ ธ.ก.ส. ทุกสาขาทั่วประเทศ หรือที่ Call Center 02 555 0555
#3426


นางสาวยุพาพิน วังวิวัฒน์ กรรมการบริหาร และประธานเจ้าหน้าที่บริหารด้านการเงิน บริษัท กัลฟ์ เอ็นเนอร์จี ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) หรือ GULF เปิดเผยว่า บริษัทฯ ขอแจ้งให้ทราบว่า ในวันที่ 5 ส.ค.2564 บริษัทฯ ในฐานะผู้ทำคำเสนอซื้อในการเข้าทำคำเสนอซื้อหลักทรัพย์ที่เหลือทั้งหมดของ บริษัท อินทัช โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) หรือ INTUCH ได้ยื่นแบบรายงานผลการซื้อหลักทรัพย์ของ บริษัท อินทัช โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) (แบบ 256-2) ต่อสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์แล้ว

ตามที่ บริษัทฯ ได้ทำคำเสนอซื้อหลักทรัพย์โดยสมัครใจแบบมีเงื่อนไขก่อนการทำคำเสนอซื้อ (Conditional Voluntary Tender Offer) ของ บริษัท อินทัช โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) จำนวน 2,599,720,233 หุ้น หรือคิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 81.07 ของหุ้นที่ออกและชำระแล้วทั้งหมดของกิจการ และคิดเป็น 81.07% ของสิทธิออกเสียงทั้งหมดของกิจการ (ไม่รวมหุ้นสามัญของกิจการที่ผู้ทำคำเสนอซื้อถืออยู่เป็นจำนวน 606,878,314 หุ้น คิดเป็นสัดส่วน 18.93% ของจำนวนหุ้นที่ออกและจำหน่ายได้แล้วทั้งหมดของกิจการ) โดยมีกำหนดระยะเวลาการรับซื้อทั้งสิ้น 25 วันทำการ ตั้งแต่วันที่ 29 มิ.ย. - 4 ส.ค.2564 นั้น

เพื่อให้เป็นไปตามประกาศคณะกรรมการกำกับตลาดทุน ที่ ทจ. 12/2554 เรื่อง หลักเกณฑ์ เงื่อนไข และวิธีการในการเข้าถือหลักทรัพย์เพื่อครอบงำกิจการ ลงวันที่ 13 พ.ค.2554 (รวมทั้งที่ได้แก้ไขเพิ่มเติม) ผู้ทำคำเสนอซื้อขอนำส่งแบบรายงานผลการซื้อหลักทรัพย์ของกิจการ (แบบ 256-2) ต่อสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ และตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เพื่อทราบและเป็นข้อมูลที่เกี่ยวกับการทำคำเสนอซื้อหลักทรัพย์ของกิจการในครั้งนี้

โดยหุ้นที่บริษัทฯ ถืออยู่ก่อนทำคำเสนอซื้ออยู่ที่ 606,878,314 หุ้น หรือ 18.93% หุ้นที่เสนอซื้อ 2,599,720,233 หุ้น หรือ 81.07% ส่วนหุ้นที่มีผู้แสดงเจตนาขายอยู่ที่ 747,874,638 หุ้น หรือ 23.32% ส่งผลให้หุ้นที่รับซื้อไว้อยู่ที่ 747,874,638 หุ้น หรือ 23.32% ดังนั้น จำนวนหลักทรัพย์ที่บริษัทฯ จะถือภายหลังการรับซื้อจะอยู่ที่ 1,354,752,952 หุ้น หรือ 42.25%

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ข้อมูลผู้ถือหุ้นใหญ่ INTUCH ณ วันที่ 23 ก.พ.2564 ได้แก่ 

1. SINGTEL GLOBAL INVESTMENT PTE. LTD. 673,348,264 หุ้น 21.00%

2. บริษัท กัลฟ์ เอ็นเนอร์จี ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) 505,918,114 หุ้น 15.78%

3. บริษัท ไทยเอ็นวีดีอาร์ จำกัด 463,009,866 หุ้น 14.44%

4. THE HONGKONG AND SHANGHAI BANKING CORPORATION LIMITED 166,753,460 หุ้น 5.20%

5. SOUTH EAST ASIA UK (TYPE C) NOMINEES LIMITED 45,803,886 หุ้น 1.43%

6. สำนักงานประกันสังคม 43,645,100 หุ้น 1.36%

7. STATE STREET EUROPE LIMITED 33,219,794 หุ้น 1.04%

8. THE BANK OF NEW YORK MELLON 31,611,600 หุ้น 0.99%

9. นาย เพิ่มศักดิ์ เก่งมานะ 31,023,100 หุ้น 0.97%

10. GIC PRIVATE LIMITED 21,620,700 หุ้น 0.67%

ส่งผลให้ภายหลังเทนเดอร์ GULF จะขึ้นเป็นผู้ถือหุ้นเบอร์ 1 ของ INTUCH
#3427


นายกรมเชษฐ์ วิพันธ์พงษ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท แอสเซทไวส์ จำกัด (มหาชน) หรือ ASW ผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ กล่าวว่า สถานการณ์แพร่ระบาดต่อเนื่องของไวรัสโควิด-19 ส่งผลกระทบทั้งด้านเศรษฐกิจและสังคม ทำให้หลายธุรกิจต้องหยุดชะงัก โดยเฉพาะกลุ่มผู้ประกอบการร้านค้าที่ได้รับผลกระทบเป็นอย่างมาก

แอสเซทไวส์ ได้มองหาโอกาสในการพัฒนากลยุทธ์ในด้านต่างๆ เพื่อตอบโจทย์กลุ่มลูกค้ามากที่สุด รวมถึงจับมือกับพันธมิตรหลากหลายรูปแบบ เช่น ผู้ประกอบการร้านอาหารที่อยู่ในทำเลใกล้ แอทโมซ คอนโด (Atmoz Condo) เช่น ร้านสถานีมีหอย พร้อมด้วย TikTokInfluencer ไม่ว่าจะเป็น พรฟ้า ปุณิกา รองอันดับ 2 มิสยูนิเวิร์สไทยแลนด์ 2020 และ สไปรท์บะบะบิ "ร่วมรีวิวโครงการ" โดยเฉพาะมุมไฮไลท์เอ็กซ์คลูซีฟของคอนโดมิเนียมภายใต้แบรนด์แอทโมซ (Atmoz) บนทำเลท็อปฮิต ลาดพร้าว, รัชดา-ห้วยขวาง และ แจ้งวัฒนะ พร้อมแจกโค้ดส่วนลดพิเศษแคมเปญ "Atmoz FAST พร้อมอยู่ ไวเว่อร์" เฉพาะลูกค้าที่จองคอนโดแอทโมซ ประกอบด้วย แอทโมซ ลาดพร้าว 15, แอทโมซ ลาดพร้าว 71, แอทโมซ รัชดา-ห้วยขวาง และ แอทโมซ แจ้งวัฒนะ ผ่านร้านค้าที่ร่วมรายการ เพื่อช่วยสนับสนุนผู้ประกอบการ และพันธมิตรที่ได้รับผลกระทบในช่วงนี้ เพื่อให้ธุรกิจรอดไปด้วยกัน

แอสเซทไวส์ ยังเดินหน้าลุยกลยุทธ์การตลาดออนไลน์ทุกมิติ เพื่อปลุกกำลังซื้อในกลุ่มลูกค้าที่มีความต้องการที่อยู่อาศัย ด้วยแคมเปญ "Kave แร๊ป LIVE FAST 8.8" ยกขบวนคอนโดมิเนียมใกล้มหาวิทยาลัย 4 โครงการ ได้แก่ เคฟ ทาวน์ สเปซ,เคฟ ทาวน์ ชิฟท์, เคฟ ทียู และ เคฟ ศาลายา จัดโปรโมชั่นห้องราคาพิเศษ โดยมีแขกรับเชิญป๊อป-อภิวัฒน์ ชินอักษร หรือ SIRPOPPA แร็ปเปอร์ชื่อดังและปูน-ธนพัต ยิ้มสู้ เจ้าของเพจพ่อบ้านบ้าคอนโด มาบอกเล่าถึงความอลังการของแคมปัสคอนโด ภายใต้แบรนด์ "เคฟ" ผ่าน Facebook LIVE วันที่ 8 ส.ค. เวลา 15.00-17.30 น. ที่Facebook Fanpage KAVE CONDO ผู้สนใจร่วมกิจกรรม ลุ้นรับรางวัลมากมาย

ขณะเดียวกัน ส่งมอบประสบการณ์เสมือนจริง ด้วย "AssetWise Real Time" ผ่าน Virtual Tour 360 เยี่ยมชมโครงการเสมือนสัมผัสด้วยตาตัวเอง ครบทุกมุมมองกับ 12 โครงการพร้อมอยู่ และโครงการใหม่จากแอสเซทไวส์ เพิ่มความสะดวกให้ลูกค้าสามารถเยี่ยมชมโครงการเสมือนเดินเข้าไปชมในตำแหน่งต่างๆ รอบทิศทาง 360 องศา และลูกค้าสามารถจองโครงการผ่านช่องทางออนไลน์ได้ทันที ขณะที่ลูกค้าที่สนใจมาเยี่ยมชมโครงการ แอสเซทไวส์ มีมาตรการเข้มข้น 5 ขั้นตอนในการดูแลความสะอาด เพื่อสร้างความมั่นใจในความปลอดภัย
#3428


นับเป็นอีกหนึ่งข่าวอื้อฉาวสนั่นวงการ ไม่ต่างจากคราวของ 'เจิ้งส่วง' เลยทีเดียว สำหรับกรณีของ 'คริส วู' (Kris Wu) หรือ 'อู๋อี้ฟ่าน' (吴亦凡) ที่เมื่อช่วงหนึ่งเดือนที่ผ่านมาได้กลายเป็นประเด็นร้อนเกี่ยวกับคดีล่อลวง-ล่วงละเมิดทางเพศ โดยล่าสุดหลังจากที่ดาราหนุ่มถูกตำรวจควบคุมตัวเพื่อนำไปสอบสวนเพิ่มเติมและเริ่มมีหลาย ๆ แพล์ตฟอร์มของจีนได้ทยอยออกมาลบข้อมูลทั้งหมดของ 'คริส วู' ออกจากระบบ ก็ทำให้ชาวเน็ตจีนจำนวนมากเกิดความกังวลอย่างมากเกี่ยวกับสถานการณ์ในอนาคตของซีรีส์ "บันทึกปิ่น" ที่นำแสดงโดย 'คริส วู' และ 'หยางจื่อ' ว่าจะเป็นอย่างไรกันต่อไป...

เรียกได้ว่านับวันข่าวคราวเรื่องคดีความของ 'คริส วู' ก็ยิ่งมีแต่จะทวีความรุนแรงมากขึ้นเรื่อย ๆ โดยหลังจากเกิดเหตุการณ์ที่ 'คริส วู' ถูกตำรวจจากสถานีเฉาหยางในกรุงปักกิ่งควบคุมตัวไปสอบสวนเพิ่มเติมในวันที่ 31 ก.ค. วันถัดมาทางแพล์ตฟอร์ตสื่อมีเดียต่าง ๆ อาทิเช่น QQ Music, NetEase Music, KuGou Music, iQIYI ฯลฯ ได้ทยอยออกมาทำการลบข้อมูลเพลงและนักร้องของ 'คริส วู' ออกจากระบบทั้งหมด นอกจากนั้นช่องทางบนโลกโซเชียลของ 'คริส วู' ทั้งแอคเคาน์เว่ยป๋อ (Weibo) ของเจ้าตัวและสตูดิโอ รวมถึง Douyin (Tiktok ของฝั่งจีน) ต่างถูกระบบระงับการใช้งานไปแล้วทั้งสิ้น

ไม่เพียงแค่นั้นห้อง Super Topic บนเว่ยป๋อในชื่อของ 'อู๋อี้ฝาน' ซึ่งเหล่าแฟนคลับเคยใช้เป็นพื้นที่พูดคุยเรื่องราวต่าง ๆ เกี่ยวกับ 'คริส วู' ก็ได้ถูกลบออกจากระบบ อีกทั้งซ้ำร้ายยังมีการทยอยปิดกลุ่มแฟนคลับ 'คริส วู' รวมถึงแอคเคาน์ที่เกี่ยวข้องไปแล้วเกือบหนึ่งพันบัญชีอีกด้วย


หลังจากข่าวอื้อฉาวต่าง ๆ นานาของ 'คริส วู' ได้ถูกเผยแพร่ออกมา สถานการณ์ของพีเรียดจีน "บันทึกปิ่น" หรือ "The Gloden Hairpin" (青簪行) ซึ่งเป็นผลงานซีรีส์เรื่องแรกในชีวิตของ 'คริส วู' ที่ได้มาประกบคู่กับ 'หยางจื่อ' (杨紫) และกำลังรอออกอากาศฉายอยู่นั้น ก็ไม่วายได้รับความสนใจและถูกจับตามองอย่างต่อเนื่องจากบรรดาคอซีรีส์และแฟน ๆ ที่กำลังรอติดตาม โดยล่าสุดเมื่อวันที่ 1 ส.ค. ที่ผ่านมา (หลังจากมีการคุมตัว 'คริส วู') ทางแอคเคาน์หลักของซีรีส์ก็ได้ทำการลบทุกอย่างที่เกี่ยวข้องกับ 'คริส วู' ออกจากหน้าเว่ยป๋อด้วยเช่นกัน จากจุดนี้เองอาจเป็นลางบอกเหตุกลาย ๆ ว่ายังไงแล้วการจะได้เห็นซีรีส์เรื่องนี้ในเวอร์ชั่นที่ยังมีหน้าของดาราหนุ่มนำแสดงอยู่ด้วยนั้นคงจะเป็นไปได้ยากอย่างแน่นอน

แอคเคาน์หลักของซีรีส์ บันทึกปิ่น ได้ออกมาลบโพสต์ทุกอย่างที่เกี่ยวข้องกับ คริส วู จนเหลือแต่รูปเพียงไม่กี่รูปเท่านั้น 
แอคเคาน์หลักของซีรีส์ บันทึกปิ่น ได้ออกมาลบโพสต์ทุกอย่างที่เกี่ยวข้องกับ คริส วู จนเหลือแต่รูปเพียงไม่กี่รูปเท่านั้น

แน่นอนว่าเมื่อซีรีส์หรือภาพยนตร์ที่ได้ถ่ายทำไปแล้ว หากแต่ถ้าไม่สามารถออกอากาศหรือเข้าฉายได้ ทางทีมงานย่อมต้องเผชิญกับความสูญเสียครั้งใหญ่ โดยในกรณีนี้ของซีรีส์ "บันทึกปิ่น" มีสื่อจีนหลายฝ่ายต่างออกมานำเสนอข้อมูลที่ว่า เมื่อเผชิญกับสถานการณ์ที่นักแสดงถูกแบนเช่นนี้ ทางทีมผู้จัดของซีรีส์อาจมีการดำเนินการแก้ไขปัญหาได้สองวิธี อย่างแรกคือเปลี่ยนนักแสดง ให้นักแสดงคนใหม่ถ่ายทำฉากของ 'คริส วู' ซ้ำแล้วตัดต่อลงในซีรีส์เรื่องนี้ใหม่ อย่างที่สองคือนำเทคโนโลยี AI Face-changing เข้ามาใช้ในการเปลี่ยนหน้านักแสดงแทน


ซึ่งการแก้ไขปัญหาในกรณีที่นักแสดงถูกแบนทั้งแบบการถ่ายซ้ำโดยเปลี่ยนคนแสดงหรือการใช้เทคโนโลยี AI เข้ามาช่วยเปลี่ยนหน้านั้นล้วนแต่เคยเกิดขึ้นมาแล้วทั้งสิ้น โดยกรณีของการถ่ายซ้ำโดยเปลี่ยนคนแสดงเคยเกิดขึ้นกับซีรีส์เรื่อง "จักรวรรดิฉิน พลิกแผ่นดินมังกร ภาค 3" (The Qin Empire III: 大秦帝国之崛起) ที่ 'หวังเสวี๋ยปิง' (王学兵) เจ้าของเดิมของบท "ขุนพลไป๋ฉี่" ได้ถูกแบนจากกรณีข่าวลือที่ว่าเขาอาจมีส่วนเกี่ยวข้องกับยาเสพติด (ตอนหลังได้รับการพิสูจน์แล้วว่าไม่เป็นความจริง) ทางทีมงานได้เชิญ 'สิงเจียต้ง' (邢佳栋) ให้มาถ่ายซ้ำตามฉากที่ 'หวังเสวี๋ยปิง' เคยแสดงและทำการตัดต่อฝังลงไปใหม่ โดยจากการแก้ไขปัญหาเช่นนี้แม้ซีรีส์เรื่องนี้จะมีโอกาสที่ได้ออกอากาศตามกำหนดการปกติ แต่ก็ต้องแลกมาด้วยการใช้ทุนสร้างอีกจำนวนมาก ซึ่งส่งผลให้ช่วงหลังซีรีส์เรื่องนี้ประสบกับการมีทุนสร้างไม่เพียงพอ ฉากสงครามที่ควรจะเป็นไฮไลท์ของเรื่องกลับทำออกมาได้ไม่ดีเท่าที่ควร ตอนหลังกระแสของซีรีส์จึงค่อนข้างตกลงไปมาก
#3429


นายระพีภัทร์ จันทรศรีวงศ์ รองปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เป็นประธานร่วมในการประชุม APEC High Level Policy Dialogue on Agricultural Biotechnology (HLPDAB) 2021 ผ่านระบบวีดีทัศน์ทางไกล โดยมีประเทศนิวซีแลนด์เป็นเจ้าภาพ เพื่อแลกเปลี่ยนแนวคิดและบทบาทของเทคโนโลยีชีวภาพด้านต่าง ๆ


        โดยการประชุมดังกล่าว นายระพีภัทร์ จันทรศรีวงศ์ ได้มุ่งเน้นประเด็นหลัก 5 เรื่อง ได้แก่ 1) ความปลอดภัยด้านอาหารและความสามารถในการเข้าถึงทรัพยากรอย่างเพียงพอ 2) การบูรณาการระบบอาหารที่ยั่งยืนโดยใช้ทรัพยากรธรรมชาติแบบเป็นมิตรกับธรรมชาติมากที่สุด 3) "การนำนโยบาย 3-S" 'ความปลอดภัย' (Safety), 'ความมั่นคง' (Security) และ 'ความยั่งยืน' (Sustainability) ในการปรับใช้ด้านการเกษตร 4) การนำปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงและเกษตรทฤษฎีใหม่เป็นหลักการพื้นฐานสำหรับการพัฒนาประเทศไทย


5) การปรับตัวสู่ระบบอาหารและการเกษตรที่ยั่งยืน นับเป็นวาระแห่งชาติในการกำหนด Food Security Roadmap ถึงปี 2030 ซึ่งเทคโนโลยีชีวภาพทางการเกษตรจะเป็นอีกเครื่องมือสำคัญที่ช่วยเกษตรกรทั้งในด้านการเพิ่มผลผลิต การควบคุมคุณภาพ การควบคุมแมลงศัตรูพืช และช่วยเพิ่มรายได้ให้แก่เกษตรกร ช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจ รวมไปถึงการลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมได้ในระยะยาว

ซึ่งมีความสอดคล้องกับของประเทศไทยที่นำโมเดลเศรษฐกิจสู่การพัฒนาที่ยั่งยืน (BCG Model (Bio-Circular-Green Economy)) เป็นวาระแห่งชาติ รวมถึงการประชุม UN 2021 Food Systems Summit ที่จัดขึ้น ณ กรุงโรม ประเทศอิตาลี เมื่อวันที่ 26 – 28 กรกฎาคม ที่ผ่านมา ว่าระบบการผลิตอาหารได้สร้างผลกระทบต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ส่งผลกระทบต่อทรัพยากรธรรมชาติ และทำให้เกิดการสูญเสียความหลากหลายทางชีวภาพ

ดังนั้น "ระบบอาหารและเกษตรที่ยั่งยืน" จึงเป็นสิ่งสำคัญสำหรับอนาคตของทุกประเทศทั่วโลก ซึ่งนับเป็นโอกาสอันดีที่ประเทศไทยได้เป็นเจ้าภาพในการจัดการประชุม APEC High Level Policy Dialogue on Agricultural Biotechnology (HLPDAB) ในปีถัดไป (2565)

        "การเสริมสร้างเครือข่ายความร่วมมือโดยการแลกเปลี่ยนความคิดเห็น และนำนวัตกรรมในด้านเทคโนโลยีชีวภาพใหม่ ๆ มาประยุกต์ใช้ จะช่วยยกระดับการพัฒนาระบบอาหารและเกษตรที่ยั่งยืน โดยต้องคำนึงถึงปัจจัยที่อาจส่งผลกระทบต่อสังคม เศรษฐกิจ และสิ่งแวดล้อม เพื่อผลักดันให้ประเทศไทยเป็น Green Kitchen of the World ได้อย่างแท้จริง" นายระพีภัทร์ กล่าว
#3430


เพราะความคิดถึง(แซลมอน)มันห้ามไม่ไหว !!! วันนี้พวกเราเหล่าร้านอาหารญี่ปุ่นในเครือโออิชิ ประกอบด้วย โออิชิ แกรนด์, โออิชิ อีทเทอเรียม, และ โออิชิ บุฟเฟต์ จึงพร้อมใจกันสั่งนำเข้าวัตถุดิบชั้นดีจากต่างประเทศ และตระเตรียม "ปลาแซลมอน" คุณภาพ สดใหม่ ไว้บริการนักกิน - แซลมอน เลิฟเวอร์ส อย่างเต็มที่...ให้หายคิดถึง พร้อมแล่สด ๆ แบบซาชิมิ มีให้เลือกตั้งแต่ ขนาดอิ่มจัดหนัก "แซลมอน ซาชิมิ" ขนาดน้ำหนัก 500 กรัม (ครึ่งกิโลกรัม) สำหรับ 1 – 2 คน ราคาสุทธิเพียง 595 บาท ไปจนถึง ขนาดอร่อยจัดเต็ม "แซลมอน ซาชิมิ" ขนาดน้ำหนัก 1 กิโลกรัม สำหรับ 3 – 4 คน ราคาสุทธิเพียง 1,190 บาท ซึ่งเสิร์ฟพร้อมวาซาบิและโชยุครบครัน โดยพร้อมให้บริการแบบจัดส่ง (Delivery) แล้ววันนี้ ผ่าน "โออิชิ เดลิเวอรี่" ความอร่อยแบบญี่ปุ่นส่งตรงถึงบ้าน โทร. 1773 หรือคลิก OISHIDELIVERY.COM นอกจากนี้ ยังสามารถสั่งซื้อผ่านเว็บไซต์ SHOPTEENEE.COM ได้อีกด้วย

ติดตามข้อมูลข่าวสาร หรือโปรโมชั่นที่น่าสนใจเพิ่มเติม คลิกแฟนเพจโออิชิฟู้ดสเตชั่น : www.facebook.com/OishiFoodStation
#3431


นายชัชวัสส์ เกรียงสันติกุล หุ้นส่วน บริษัท มาซาร์ส ประเทศไทย จำกัด กล่าวถึงผลกระทบจากวิกฤตการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด -19 ที่ยืดเยื้อยาวนานกว่าปีครึ่ง ตั้งแต่เมื่อต้นปี 2563 เป็นต้นมา ทำให้อุตสหกรรมและธุรกิจขนาดกลางและขนาดเล็กหลายแห่งต้องปิดตัวลงไป แถมยังมีอีกหลายกิจการที่ยังคิดไม่ตกว่าจะเลือกทางไหนดี จะสู้ต่อ ปิดตัวชั่วคราว หรือปิดกิจการไปเลย จากประสบการณ์ของมาซาร์ส ในการให้คำปรึกษาแนะนำลูกค้าธุรกิจที่เผชิญปัญหาจากปัจจัยต่าง ๆ โดยนำปัจจัยที่เกี่ยวข้องต่างๆ มาวิเคราะห์และประเมินองค์กรอย่างเป็นกลาง เพื่อหาแนวทางที่เหมาะสมในการดำเนินการต่อไป

     สำหรับสิ่งที่มาซาร์สให้ความสำคัญที่สุดคือ กระแสเงินสดหมุนเวียนในการดำเนินอุตสาหกรรมและธุรกิจ ในการคงสภาพคล่องของกิจการ เพื่อให้สามารถดำเนินธุรกรรมต่างๆต่อไปได้ ซึ่งธุรกิจหลายๆประเภทได้รับผลกระทบโดยตรงจากการขาดรายได้ หรือมีรายได้ลดลง จนทำให้กระแสเงินสดรับมีไม่เพียงพอต่อการดำเนินธุรกิจต่อไป จากสภาวการณ์ปัจจุบันที่รัฐได้ออกข้อจำกัดต่างๆเพื่อควบคุมการระบาดของโรค และข้อจำกัดเหล่านั้นได้ส่งผลต่อธุรกิจในหลายประเภท ทั้งที่ไม่สามารถดำเนินกิจการได้เลย หรือสามารถดำเนินกิจการได้เพียงบางส่วน และธุรกิจที่ดำเนินกิจการได้ตามปกติแต่ต้องปรับเปลี่ยนรูปแบบการดำเนินธุรกิจให้สอดคล้องกับข้อกำหนดต่างๆ นั้น ทำให้เกิดสภาวะการขาดสภาพคล่องในการดำเนินธุรกิจ เนื่องจากการขาดรายได้ การมีรายได้ลดลง และมีภาระค่าใช้จ่ายที่มากขึ้น หลายๆ ธุรกิจจึงต้องหาเงินทุนหมุนเวียนเพิ่มเติม เพื่อนำมาใช้ในการดำเนินกิจการ ทั้งจากการเพิ่มทุน และการกู้ยืมเงินจากแหล่งต่างๆ และต้องพยายามคงสภาพคล่องของกิจการ โดยการลดค่าใช้จ่ายที่ไม่จำเป็นลง เช่น การปลดพนักงานบางส่วนออก การเจรจาต่อรองกับคู่ค้า และ เจ้าหนี้ รวมไปถึงการขอลดค่าเช่า ค่าสินค้า หรือค่าบริการต่างๆลงเท่าที่สามารถจะทำได้ การขอพักชำระหนี้ ขอลดดอกเบี้ย ขอชะลอการจ่ายดอกเบี้ยและเงินต้น หรือบางรายอาจจะจำเป็นต้องหยุดชำระหนี้ แล้วเจรจาขอประนอมหนี้ ปรับโครงสร้างหนี้ หรือเข้าสู่กระบวนการฟื้นฟูกิจการตามกฎหมาย หรือดำเนินการทางกฎหมายเพื่อให้ธุรกิจนั้นล้มละลายไป

    ในความเป็นจริง การเจรจากับเจ้าหนี้เพื่อขอพักชำระหนี้โดยไม่ผ่านกระบวนการฟื้นฟูกิจการในศาล อาจจะทำได้ยาก โดยเฉพาะสำหรับผู้ประกอบการรายย่อยที่ไม่มีอำนาจในการเจรจาต่อรองมากนัก การร้องขอให้ศาลมีคำสั่งให้ฟื้นฟูกิจการ เพื่อให้เกิดสภาวะพักการชำระหนี้ (Automatic Stay) จึงน่าจะเป็นทางเลือกซึ่งผู้ประกอบการขนาดเล็กและขนาดกลาง SMEs ควรจะพิจารณามากขึ้น เพราะสามารถทำได้ในจำนวนหนี้ตั้งแต่ 2 ล้านบาทขึ้นไป สำหรับบุคคลธรรมดา และตั้งแต่ 3 ล้านบาทขึ้นไปสำหรับนิติบุคคล ทั้งนี้ ศาลผู้พิจารณารับคำขอฟื้นฟูกิจการจะพิจารณาถึงเหตุอันสมควรและมีช่องทางในการฟื้นฟูกิจการของลูกหนี้หรือไม่ โดยความเห็นชอบของเจ้าหนี้ไม่น้อยกว่า 2 ใน 3 ของจำนวนหนี้ทั้งหมด และเมื่อศาลพิจารณารับคำขอฟื้นฟูกิจการของลูกหนี้ สภาวะพักการชำระหนี้จะเกิดขึ้นโดยอัตโนมัติตามกฎหมาย และทำให้ลูกหนี้สามารถเก็บกระแสเงินสดรับไว้ใช้จ่ายในกิจการชั่วคราวเพื่อเพิ่มสภาพคล่องก่อนทำแผนและเสนอศาลเพื่อพิจารณาอนุมัติแผนฟื้นฟูกิจการของลูกหนี้ต่อไป

      ทั้งนี้ไม่ว่าผู้ประกอบการจะเลือกนำบริษัทเข้าสู่แผนการฟื้นฟูกิจการในศาล หรือจะเจรจาประนอมหนี้กับเจ้าหนี้และคู่ค้าที่เกี่ยวข้อง ผู้ประกอบการควรพิจารณาปรับเปลี่ยนวิธีการทำงานควบคู่กันไปด้วย เช่น การให้พนักงานทำงานจากที่บ้าน การนำระบบไอทีมาใช้ การสร้างระบบความปลอดภัยทางไอที และอื่น ๆ โดยในการให้คำแนะนำกับลูกค้า มาซาร์ส จะวิเคราะห์ผลกระทบที่ธุรกิจได้รับจากการที่จะต้องดำเนินการตามมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 และกระแสเงินสดเป็นสำคัญ
สำหรับกิจการที่ยังสามารถดำเนินธุรกิจต่อไปได้ ก็ควรพิจารณาว่า ควรปรับแผนธุรกิจ วางแผนการเงิน การบริหารกระแสเงินสด ค่าใช้จ่ายต่างๆ และหนี้ที่มีอยู่อย่างไร หากต้องกู้เงินมาใช้จ่ายเพิ่มเติมในการดำเนินงาน จะสามารถจ่ายดอกเบี้ยและใช้คืนเงินต้นได้หรือไม่  หรือจะต้องหาแหล่งเงินทุนอื่น เช่น จากผู้ถือหุ้นเดิม หรือแหล่งอื่นๆ ในกรณีที่ไม่สามารถทำธุรกิจได้เลย เพราะข้อห้ามตามกฎหมาย ในการที่จะหยุดกิจการชั่วคราวนั้น จะต้องพิจารณาถึงรายจ่ายที่ไม่สามารถตัดให้ลดลงได้ และจำนวนเงินสดในมือด้วยว่าสามารถหยุดกิจการได้นานแค่ไหน เพียงใด และหากพิจารณาแล้ว เห็นว่าไม่สามารถแบกรับค่าใช้จ่ายต่าง ๆ ที่มี ไปจนกว่าจะกลับสู่สถานการณ์ปกติได้ ก็ควรพิจารณาเลิกกิจการ และดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมายที่เกี่ยวข้อง

    มาซาร์ส ให้บริการอย่างครบวงจร ตั้งแต่การตรวจเช็คสถานะของธุรกิจ การให้คำปรึกษาแนะนำ และดำเนินการต่างๆ ไม่ว่าผู้ประกอบการจะตัดสินใจหยุดกิจการชั่วคราว เลิก หรือทำธุรกิจต่อ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการตรวจทานสัญญาต่างๆ การเข้าร่วมเจรจากับคู่ค้า และเจ้าหนี้ การเปลี่ยนแปลงสภาพการจ้างแรงงาน หรือเลิกจ้างพนักงาน การดำเนินการทั้งหลายที่เกี่ยวข้องกับใบอนุญาตต่างๆที่มี การเข้าสู่กระบวนการฟื้นฟูกิจการ การทำแผนธุรกิจ แผนฟื้นฟูกิจการ ตลอดจนการเลิกและชำระบัญชี ซึ่งความโดดเด่นที่ได้เปรียบของมาซาร์ส คือ การเป็นบริษัทที่ให้บริการแบบเบ็ดเสร็จครบวงจร (one stop service)   นอกจากนี้ มาซาร์ส ยังมีบริการให้คำปรึกษาด้านทำบัญชี ด้านตรวจสอบบัญชี ด้านการเงิน และ ภาษี มาช่วยลูกค้าอีกด้วย

     นายชัชวัสส์   กล่าวต่อไปว่า มาซาร์ส เป็นบริษัทที่มีการให้บริการเป็นที่ปรึกษาอย่างมีเอกลักษณ์เฉพาะตัวในตลาดเมืองไทย เราให้บริการลูกค้าทุกขนาดตั้งแต่บริษัทขนาดเล็ก ขนาดกลาง ไปจนถึงกลุ่มธุรกิจระดับโลก ตลอดจนธุรกิจสตาร์ทอัพและองค์กรหน่วยงานสาธารณะ และสามารถบริการให้คำปรึกษาได้ในทุกขั้นตอนของการดำเนินธุรกิจ บริษัท มาซาร์ส ประเทศไทย มีบุคลากรผู้เชี่ยวชาญรวมมากกว่า 280 คน จุดเด่นของการดำเนินธุรกิจของเราอยู่ที่ความหลากหลายของผู้เชี่ยวชาญมืออาชีพที่มาจากประเทศต่าง ๆหลากหลายสัญชาติ ทำให้มั่นใจได้ว่า เราคือที่ปรึกษาที่ให้คำแนะนำแก่ลูกค้าได้ทั้งธุรกิจในประเทศและธุรกิจข้ามชาติได้เป็นอย่างดี

      นอกจากนี้ กลุ่มมาซาร์ส เป็นองค์กรธุรกิจชั้นนำระดับนานาชาติที่มีความเชี่ยวชาญทางด้านงานผู้สอบบัญชี งานจัดทำบัญชี ที่ปรึกษาทางธุรกิจ ภาษีและที่ปรึกษาทางกฎหมาย กลุ่มมาซาร์สทำงานร่วมกับเครือข่ายพันธมิตรธุรกิจมากกว่า 90 ประเทศทั่วโลก มีบุคลากรซึ่งประกอบไปด้วยผู้เชี่ยวชาญในสาขาต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องที่พร้อมให้บริการลูกค้าทุกธุรกิจ ทุกขนาดและให้บริการได้ทุก ๆขั้นตอนของธุรกิจ อยู่ทั่วทุกมุมโลกมากกว่า 42,000 คน ในจำนวนนี้เป็นบุคลากรภายในกลุ่มมาซาร์ส 26,000 คน และอีก 16,000 คนเป็นผู้เชี่ยวชาญในเครือข่ายพันธมิตรธุรกิจมาซาร์สในทวีปอเมริกาเหนือและแคนาดา สามารถตรวจสอบข้อมูลได้ที่ http:// www.mazars.co.th
#3432












ขายบ้านเดี่ยว ริมน้ำ ติดแม่น้ำเจ้าพระยา เนื้อที่ 126.8 ตารางวา ต.หาดอาษา อ.สรรพยา จ.ชัยนาท ราคา 850,000 บาท ติดถนนคอนกรีต ถนนดำ มีทางเลียบแม่น้ำเจ้าพระยา ตรงข้ามทำเขื่อนแล้ว น้ำไม่ท่วม เนื้อที่ระดับสูงเท่าถนนคอนกรีต พร้อมโอน ร่มรื่น ชุ่มฉ่ำ วิวดี ที่สวย เหมาะแก่การอยู่อาศัยอย่างสงบสุข อุดมสมบูรณ์ตามวิถีไทยพื้นบ้าน ห่างถนนสายเอเชีย ถนนพหลโยธิน เพียง 800เมตร ติดถนนคอนกรีต ใกล้สถานที่ราชการสำคัญ ไม่ไกลตัวเมือง อยู่ในแหล่งชุมชนเจริญ มีสาธารณูปโภคครบครัน 

โทร 083-712-4115
line id : 0837124115

https://www.google.com/maps/place/15%C2%B010'22.6%22N+100%C2%B013'47.1%22E/@15.1729469,100.2297417,17z

https://m.facebook.com/story.php?story_fbid=108667977897412&id=100062626307647
 
#3433


นายภูสิต รัตนกุล เสรีเริงฤทธิ์ ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า (สนค.) เปิดเผยว่า สนค. ได้ทำการศึกษาแนวโน้มตลาดของสินค้าต่าง ๆ ตามนโยบายที่ได้รับจากนายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เพื่อให้นำมาแจ้งทิศทางและช่วยแนะนำให้ผู้ผลิต ผู้ส่งออกของไทยได้มีการปรับตัว และเพิ่มโอกาสในการทำตลาด โดยได้ทำการศึกษาแนวคิดเศรษฐกิจหมุนเวียน (Circular Economy) ในอุตสาหกรรมแฟชั่น ซึ่งพบว่าแนวคิดแฟชั่นหมุนเวียน (Circular Fashion) กำลังเป็นที่นิยมที่นำมาใช้ในการวางแผนและออกแบบการผลิตเพื่อลดการเกิดของเสียและมลพิษ การผลิตเสื้อผ้าจากวัสดุที่ปลอดภัยและสามารถนำกลับมาใช้ใหม่ได้ การเพิ่มระยะเวลาใช้งานเสื้อผ้า รวมทั้งการนำเสื้อผ้าเก่ามาผลิตเป็นเสื้อผ้าใหม่ เกิดการหมุนเวียนเป็นวงจรต่อเนื่อง เพื่อให้เกิดการใช้ประโยชน์ทรัพยากรได้อย่างสูงสุด

ทั้งนี้ นอกจากผลกระทบทางสิ่งแวดล้อมที่ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงรูปแบบการดำเนินธุรกิจของอุตสาหกรรมแฟชั่นแล้ว สถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ก็เป็นอีกหนึ่งตัวเร่งให้เกิดการเปลี่ยนแปลงเช่นกัน เพราะการที่ร้านค้าต้องปิดตัวลง ผู้คนต้องทำงานที่บ้าน และลดการใช้ชีวิตทางสังคม ทำให้ยอดการจำหน่ายเสื้อผ้าลดลง ซึ่งผลการสำรวจข้อมูลเชิงลึกของผู้บริโภคทั่วโลกในปี 2563 ระบุว่า การแพร่ระบาดของโควิด-19 ทำให้ผู้บริโภคมีรายได้ลดลง และอุตสาหกรรมแฟชั่นถูกคาดการณ์ว่าจะได้รับผลกระทบอย่างหนัก เนื่องจากผู้บริโภคกว่า 51% จะลดการใช้จ่ายในการซื้อเสื้อผ้ารองเท้าลงและมีพฤติกรรมการใช้จ่ายที่เปลี่ยนไป โดยให้ความสำคัญต่อความคุ้มค่าในการใช้จ่ายมากขึ้น และต้องการสินค้าที่มีคุณภาพ ใช้งานได้ยาวนานและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมมากขึ้น

นอกจากนี้ ได้มีผลการสำรวจว่า ผู้บริโภคกลุ่ม Millennial (ผู้ที่อายุระหว่าง 24-37 ปี) และ Gen Z (ผู้ที่อายุระหว่าง 13-23 ปี) ใส่ใจเป็นพิเศษต่อสินค้ารักษ์โลก และกังวลเกี่ยวกับผลกระทบของอุตสาหกรรมที่มีต่อสิงแวดล้อม รวมทั้งมีความตระหนักถึงการลดการใช้พลาสติกและคาดหวังให้แบรนด์สินค้าต่าง ๆ สนับสนุนแนวคิดเรื่องการรักษาสิ่งแวดล้อมเช่นกัน

นายภูสิตกล่าวว่า จากแนวโน้มดังกล่าว ทำให้เห็นว่าแฟชั่นหมุนเวียน เป็นแนวคิดที่จะช่วยสร้างช่องทางการตลาดใหม่ เพื่อตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคในสถานการณ์ปัจจุบันไปพร้อม ๆ กับช่วยลดขยะและลดการใช้ทรัพยากรธรรมชาติได้อย่างยั่งยืน ซึ่งจะเห็นได้จากในวงการแฟชั่นเริ่มเปลี่ยนแนวทางการทำธุรกิจบ้างแล้ว เช่น ธุรกิจให้เช่าเสื้อผ้า ธุรกิจขายเสื้อผ้ามือสอง รวมไปถึงการผลิตเสื้อผ้าจากวัสดุรีไซเคิล หรือวัสดุที่สามารถนำกลับมาใช้ใหม่ได้ ผู้ผลิต ผู้ส่งออกของไทย ก็ควรที่จะศึกษาและวางแผนการทำตลาดภายใต้แนวคิดนี้เพิ่มขึ้น

อย่างไรก็ตาม สนค.เห็นว่า ในส่วนของผู้บริโภค หากตระหนักถึงการเป็นส่วนหนึ่งในการช่วยลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม อาจทำได้โดยเลือกสินค้าที่มีคุณภาพหรือเลือกใช้เสื้อผ้าจากระบวนการผลิตที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม พิจารณาให้ถี่ถ้วนก่อนทิ้งเสื้อผ้า พยายามซ่อมแซมเสื้อผ้าเพื่อใช้งานให้นานขึ้น บริจาคเสื้อผ้า และแยกขยะเสื้อผ้า สิ่งทอ เมื่อต้องการทิ้ง เพราะเสื้อผ้าสิ่งทอเหล่านี้ สามารถนำไปรีไซเคิลให้กลายเป็นเสื้อผ้าใหม่หรือสินค้าประเภทอื่นได้

ปัจจุบัน ความเสียหายที่เกิดขึ้นกับสิ่งแวดล้อมตามการเติบโตของธุรกิจแฟชั่น โดยเฉพาะกระแส Fast Fashion ซึ่งเป็นเทรนด์เสื้อผ้าที่เปลี่ยนแปลงรวดเร็วและผู้ประกอบการต้องผลิตสินค้าออกมาให้ทันความต้องการ เพื่อให้ผู้บริโภครู้สึกถึงความทันสมัยและซื้อบ่อยขึ้น อาจกลับทำให้สินค้าคุณภาพด้อยลง ใช้งานได้ไม่นาน และใช้ซ้ำได้น้อยครั้ง เสื้อผ้าปริมาณมหาศาลจึงต้องกลายเป็นขยะในที่สุด โดยแต่ละปีจะพบว่ามีเสื้อผ้าและสิ่งทอกว่า 85% ถูกทิ้ง และมีเพียง 15% ที่ได้รับการรีไซเคิลหรือนำไปบริจาค
#3434


โบรกฯ มองแนวโน้มดัชนีเช้านี้ลุ้นรีบาวนด์ทะลุด่าน 1,550 เล็งกำไร บจ.ขับเคลื่อน ขณะที่สถานการณ์โควิด-19 ยังหนัก ส่วนเงินบาทยังอ่อนค่า

นายถนอมศักดิ์ สหรัตน์ชัย ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการและหัวหน้าฝ่ายวิจัย บล.กรุงไทย ซีมิโก้ กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้มีโอกาสรีบาวนด์ต่อทดสอบแนว 1,550 จุด แต่หากยังไม่ผ่านอาจเผชิญกับแรงขายทำกำไรสลับออกมา โดยมีกำไรของบริษัทจดทะเบียนเป็นตัวขับเคลื่อนหลัก ท่ามกลางแรงกดดันจากโควิด-19 ยังหนักวันนี้จำนวนผู้ติดเชื้อพุ่งทะลุ 20,000 รายทำนิวไฮ ขณะที่เงินบาทยังอ่อนค่า

ด้านตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชียเช้านี้เคลื่อนไหวทั้งในแดนบวก-ลบ เพราะยังเผชิญกับโควิด-19 ที่ยังระบาดหนักเช่นกัน ทำให้เชื่อว่าเม็ดเงินลงทุนคงจะยังอยู่ทางฝั่งสหรัฐฯ และยุโรป

ทิศทางตลาดบ้านเราคงจะแกว่งแคบจนกว่าจะมีสัญญาณชัดเจน คาดว่านักลงทุนจะเลือกลงทุนเฉพาะตัว เน้นกลุ่มกำไรดี อย่างกลุ่มส่งออก ขนส่ง เดินเรือ ซึ่งได้รับประโยชน์จากเงินบาทอ่อนค่าด้วย

วันนี้ยังต้องติดตามการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) การทยอยประกาศผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียน ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคบริการของสหรัฐฯ ตลาดเชื่อว่าจะออกมาลดลง

พร้อมให้แนวรับ 1,530 จุด ส่วนแนวต้าน 1,550-1,560 จุด
#3435


มาเก๊าสั่งตรวจหาเชื้อโควิด-19 ในประชากรทั้งหมด 600,000 คน หลังพบผู้ติดเชื้อยืนยันรวม 4 รายเมื่อวานนี้ (3 ส.ค.)

หนังสือพิมพ์ The Standard ของฮ่องกงรายงานว่า ทางการมาเก๊าพบสมาชิกในครอบครัวเดียวกัน 4 คนติดโควิด-19 ซึ่งทำให้เกิดความกังวลว่าเชื้ออาจจะแพร่ออกสู่ชุมชน

ก่อนหน้านั้น หน่วยงานด้านสาธารณสุขเมืองจูไห่ (Zhuhai) ได้แจ้งเตือนไปยังหน่วยงานสาธารณสุขของมาเก๊า ว่า มีชาวมาเก๊า 2 คนเข้ารับการตรวจเชื้อที่เมืองแห่งนี้ และผลออกมาเป็นบวก

สามีภรรยาคู่นี้ได้เดินทางกลับไปยังมาเก๊าแล้วตอนที่มีการแจ้งเตือน และได้ถูกส่งตัวไปตรวจและเข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาลแห่งหนึ่ง ซึ่งต่อมาบุตร 2 คนของทั้งคู่ก็ได้รับการยืนยันว่าติดโควิด-19 ด้วย

ผู้ใช้สื่อสังคมออนไลน์ในมาเก๊ารายงานว่า มีการล็อกดาวน์อาคารที่อยู่อาศัยแห่งหนึ่งใกล้ๆ กับโรงพยาบาล Kiang Wu Hospital เมื่อวันอังคาร (3 ส.ค.)

สำนักข่าวรอยเตอร์ระบุว่า ทางการมาเก๊าได้ตั้งสถานีตรวจกรดนิวคลิอิกขึ้น 41 แห่งทั่วเมือง ซึ่งจะทำการตรวจเชื้ออย่างต่อเนื่องไม่หยุดเป็นเวลาอย่างน้อย 3 วัน โดยประชาชนสามารถเข้ารับการตรวจได้ทันทีโดยไม่ต้องนัดหมายล่วงหน้า

ตามข้อมูลจากฝ่ายบริหารฮ่องกง มาเก๊ามียอดผู้ติดเชื้อโควิด-19 สะสมเพียง 59 ราย และยังไม่มีผู้เสียชีวิตเลย

ขณะเดียวกัน ฝ่ายบริหารฮ่องกงได้ประกาศถอดมาเก๊าออกจากรายชื่อสถานที่ที่ประชาชนสามารถเดินทางกลับเข้าฮ่องกงได้โดยไม่ต้องกักตัว ทำให้ตอนนี้บัญชี 'Return2HK' เหลือเพียงสถานที่ต่างๆ ในจีนแผ่นดินใหญ่เท่านั้น

ที่มา : รอยเตอร์, The Standard (HK)
#3436


วัคซีนโควิด-19 ของซิโนแวค มีประสิทธิภาพ 58.5% ในการป้องกันการติดเชื้อโควิด-19 แบบแสดงอาการในประชาชนชาวชิลีที่ได้รับวัคซีนระหว่างเดือนกุมภาพันธ์ถึงกรกฎาคม จากการเปิดเผยของเจ้าหน้าที่สาธารณสุขชิลีในวันอังคาร (3 ส.ค.) ขณะที่ไฟเซอร์มีประสิทธิภาพ 87.7% และแอสตร้าเซนเนก้า มีประสิทธิภาพ 68.7% แต่สุดท้ายเชื่อว่าวัคซีนทุกตัวคงต้องฉีดเข็ม 3 รับมือกับตัวกลายพันธุ์เดลตา

ตัวเลขดังกล่าวเป็นข้อมูลล่าสุดที่เผยแพร่โดยกระทรวงสาธารณสุข เกี่ยวกับประสิทธิภาพของวัคซีนต่างๆ จากการใช้งานจริงกับประชาชนชาวชิลี

ชิลีเป็นหนึ่งในชาติที่เริ่มโครงการฉีดวัคซีนแก่ประชาชนรวดเร็วที่สุดในโลก โดยพวกเขาเริ่มฉีดวัคซีนแก่ประชาชนในเดือนธันวาคม และเวลานี้มีประชาชนชาวชิลีที่ฉีดวัคซีนครบถ้วนแล้วคิดเป็นสัดส่วนกว่า 60% ของจำนวนประชากร ส่วนใหญ่ฉีดวัคซีนโคโรนาแวค ของบริษัทสัญชาติจีน "ซิโนแวค"

นายแพทย์ราฟาเอล อาราออส เจ้าหน้าที่สาธารณสุขกล่าวระหว่างแถลงข่าวในวันอังคาร (3 ส.ค.) ว่าวัคซีนโคโรนาแวค มีประสิทธิภาพป้องกันการติดเชื้อเข้าโรงพยาบาล 86% ป้องกันการป่วยหนักถึงขึ้นเข้าห้องไอซียู 89.7% และป้องกันการเสียชีวิต 86% ในบรรดาประชาชนที่ฉีดวัคซีนระหว่างเดือนกุมภาพันธ์ถึงเดือนกรกฎาคม

ในเดือนเมษายน ผลการศึกษาเดียวกันพบว่าโคโรนาแวค มีประสิทธิภาพป้องกันการติดเชื้อแบบแสดงอาการ 67% ป้องกันการติดเชื้อเข้ารักษาตัวในโรงพยาบาล 85% และป้องกันการเสียชีวิต 80% จากตัวเลขดังกล่าวบ่งชี้ว่าพอเวลาผ่านไปมันยังคงมีประสิทธิภาพระดับสูงในการป้องกันการป่วยหนัก แต่ประสิทธิภาพในการป้องกันการติดเชื้อแบบแสดงอาการลดลง

อาราออส ระบุว่า พอเวลาผ่านไป ประสิทธิภาพการป้องกันที่ลดลงของวัคซีนเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ โดยเฉพาะการคืบคลานเข้ามาและอัตราความชุกของตัวกลายพันธุ์ต่างๆ อย่างเช่นตัวกลายพันธุ์เดลตา

"ถ้าเดลตาแพร่ระบาดมากกว่านี้และวัคซีนก่อการตอบสนองที่อ่อนแอลง เราอาจได้เห็นประสิทธิภาพของวัคซีนลดลงเร็วกว่านี้" เขากล่าว พร้อมส่งเสียงเรียกร้องขอวัคซีนเข็มที่ 3 หรือวัคซีนเข็มกระตุ้น ที่เป็นประเด็นถกเถียงกันในเวลานี้

รัฐบาลยังเผยแพร่ข้อมูลประสิทธิภาพของวัคซีนตัวอื่นๆ ที่ฉีดในชิลี ได้แก่ ไฟเซอร์/ไบออนเทค และแอสตร้าเซนเนก้า

นายแพทย์อาราออส ระบุว่า วัคซีนของไฟเซอร์ มีประสิทธิภาพในการป้องกันการติดเชื้อแบบแสดงอาการ 87.7% ในช่วงเวลาเดียวกัน มีประสิทธิภาพป้องกันการติดเชื้ออาการหนักเข้าห้องไอซียู 98% และป้องกันการเสียชีวิต 100%

ส่วนวัคซีนแอสตร้าเซนเนก้า มีประสิทธิภาพป้องกันการติดเชื้อแบบแสดงอาการ 68.7% ในช่วงเวลาเดียวกัน มีประสิทธิภาพป้องกันการติดเชื้ออาการหนักเข้าห้องไอซียู 98% และป้องกันการเสียชีวิต 100% เช่นกัน จากการเปิดเผยของอาราออส

การศึกษาของชิลี เป็นการศึกษาประสิทธิภาพของวัคซีนในกลุ่มประชากรต่างๆ ที่ทั้งได้รับวัคซีนครบ 2 เข็มแล้ว ได้รับ 1 เข็ม หรือยังไม่ได้ฉีดวัคซีน

อย่างไรก็ตาม เป็นที่น่าสังเกตว่าในการวิจัยนั้น วัคซีนซิโนแวคมีกลุ่มประชากรเป็นส่วนหนึ่งในการศึกษามากถึง 8.6 ล้านคน ไฟเซอร์/ไบออนเทค ใช้กลุ่มประชากร 4.5 ล้านคน และแอสตร้าเซนเนก้า ศึกษาประสิทธิภาพของวัคซีนจากประชาชน 2.3 ล้านราย

(ที่มา : รอยเตอร์)
#3437












ขายคอนโด สวย หรู สง่างาม ที่ตั้งอยู่ติดถนนใหญ่อยู่ติดกับนิคมอุตสาหกรรมบางกะดี่ ย่านบางกะดี่ ตำบลบางกะดี่ อำเภอเมือง จังหวัดปทุมธานี ห้องชุดอยู่ชั้น 7
เนื้อที่ห้องชุด 76.84 ตร.ม. ขาย1,200,000 บาท เช่า 15,000 บาท/เดือน
ปาล์มสปริงคอนโด ตกแต่งแล้ว พร้อมเข้าอยู่ได้เลย ติดถนนใหญ่ คอนโดหรูโครงการหรู โครงสร้างทันสมัย
วิวสวย บรรยายกาศดี เหมาะแก่การพักอยู่อาศัย สาธารณูปโภคครบครัน สระว่ายน้ำ สนามเทนนิส รปภ. ยามรักษาความปลอดภัยตลอด 24 ชม. 
ทางเข้านิคมอุตสาหกรรมบางกะดี่ เชื่อมต่อ เข้าออกถนนหลักๆได้หลายสาย เข้าออกง่ายสบาย
เดินทางสะดวกสบาย

โทร  083-712-4115
LINE ID : 0837124115

ปาล์มสปริงคอนโดมิเนี่ยม
ตำบล บางกะดี อำเภอเมืองปทุมธานี ปทุมธานี 12000
https://maps.app.goo.gl/qMEqgSPk5wDKNJ489
 
#3438


สศท. หรือ สถาบันส่งเสริมศิลปหัตถกรรมไทย (องค์การมหาชน) หรือชื่อเดิมคือ ศูนย์ส่งเสริมศิลปาชีพระหว่างประเทศ (องค์การมหาชน) (ศ.ศ.ป) ประเดิมจัดเรียลลิตี้โชว์ประชันฝีมืองานคราฟต์ "SACICT WAR CRAFT สงครามทำมือ" ดึงดารา – เซเลบ วงการบันเทิงอย่าง แพนเค้ก – ตูมตาม – บุ๊กโกะ – จิ๊บ – นิว ร่วมปะทะกับ 3 เมนเทอร์ฝีปากกล้า นำทัพโดย หมู พลพัฒน์, นุ้ย สุจิรา และกรกต อารมย์ดี เตรียมรับชมสงครามแห่งไอเดียงานคราฟต์ เริ่มตอนแรก 7 สิงหาคมนี้ ทางช่องอมรินทร์ทีวี 34



สศท. จัดเวทีประลองไอเดียของคนรุ่นใหม่ในการออกแบบผลิตภัณฑ์จักสานร่วมสมัย ในรูปแบบเรียลิตี้โชว์ที่เฟ้นหาสุดยอดทีมออกแบบผลิตภัณฑ์จักสานรุ่นใหม่ เพื่อชิงรางวัลพระราชทานจากสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารี และยังมีโอกาสได้ร่วมต่อยอดทางธุรกิจกับสถาบันส่งเสริมศิลปหัตถกรรมไทย (องค์การมหาชน) ในกิจกรรมต่างๆ ที่ทางหน่วยงานจัดขึ้น



ในการแข่งขันครั้งนี้ จะมีดาราและเซเลบริตี้แนวหน้าของวงการบันเทิงทั้ง 5 ท่าน จะคอยมาเป็นพี่เลี้ยงดูแลและให้คำแนะนำแก่ผู้เข้าแข่งขันทุกทีม นำโดย แพนเค้ก เขมนิจ นางเอกที่ผ่านมาแล้วทุกบทบาท พ่วงด้วยดีกรีสุดยอดนางแบบโลกปี 2004, ตูมตาม ยุทธนา พระเอกเสียงดีมาดเข้ม, บุ๊กโกะ ธนัชพันธ์ เจ้าหญิงแห่งวงการวิทยุ, จิ๊บ ปกฉัตร นางเอกสายแซ่บ และนิว ชัยพล พระเอกหนุ่มเจ้าบทบาท พร้อมที่จะมาถ่ายทอดความรู้ให้กับผู้เข้าแข่งขันอย่างสุดความสามารถ พร้อมประชันฝีปากกับเมนเทอร์ทั้ง 3 ท่าน อย่าง หมู Asava – พลพัฒน์ อัศวะประภา ดีไซเนอร์แนวหน้าของเมืองไทย, นุ้ย – สุจิรา อรุณพิพัฒน์ ที่เรียนด้านการออกแบบเสื้อผ้าเครื่องแต่งกายมาแล้วทุกประเภท รวมถึงมีประสบการณ์ในวงการบันเทิงมากกว่า 20 ปี และกรกต อารมย์ดี เจ้าของแบรนด์ KORAKOT ที่สร้างสรรค์งานหัตถกรรมไม้ไผ่จนโด่งดังไปทั่วโลก



SACICT WAR CRAFT สงครามทำมือ จะเป็นอีกหนึ่งรายการที่จะมาเปิดโลกทางความคิดสร้างสรรค์ให้กับผู้ที่สนใจด้านงานศิลปหัตถกรรมไทย ซึ่งเชื่อมั่นเป็นอย่างยิ่งว่ารายการนี้จะเป็นประโยชน์ต่อนักศึกษา นักออกแบบ และผู้ที่กำลังมองหาธุรกิจใหม่ในการสร้างอาชีพ ตลอดจนสามารถสร้างความนิยมให้กับงานศิลปหัตถกรรมไทยเพิ่มมากขึ้น



พลาดไม่ได้... "SACICT WAR CRAFT สงครามทำมือ" เริ่มตอนแรก 7 สิงหาคมนี้ ทุกวันเสาร์ เวลา 16.30 – 17.00 น. ทางช่องอมรินทร์ทีวี 34 หรือติดตามและรับชมย้อนหลังได้ทาง www.sacict.or.th หรือ Facebook: www.facebook.com/sacict และ YouTube: JSLGlobalMedia
#3439


นายมนัส วงษ์จันทร์ ผู้อำนวยการสำนักจัดการหนี้ของเกษตรกร สำนักงานกองทุนฟื้นฟูและพัฒนาเกษตรกร หรือ กฟก. เปิดเผยว่า จากที่มีพระราชบัญญัติกองทุนฟื้นฟูและพัฒนาเกษตรกร (ฉบับที่ 3) พ.ศ. 2563 และมีผลบังคับใช้เมื่อวันที่ 24 กันยายน 2563 ที่ผ่านมา ถือว่าเป็นประโยชน์ต่อเกษตรกร เพราะส่งผลให้การดำเนินงานด้านการแก้ไขปัญหาหนี้สิน เป็นไปด้วยความคล่องตัว โดยเฉพาะกรณีแก้ปัญหาหนี้ที่ใช้บุคคลค้ำประกัน และได้นำมาสู่การออกระเบียบคณะกรรมการกองทุนฟื้นฟูและพัฒนาเกษตรกรว่าด้วยการจัดการหนี้ของเกษตรกร กรณีหนี้ที่มีบุคคลค้ำประกันพ.ศ. 2563 ที่ทำให้กองทุนฟื้นฟูฯ มีอำนาจในการเข้าไปแก้ไขหนี้ที่เกิดจากอาชีพการเกษตรด้วยการกู้ยืมโดยใช้บุคคลค้ำประกัน จากสถาบันการเงินต่าง ๆ เช่น สหกรณ์ ธกส. ธนาคารพาณิชย์ และนิติบุคคล รวมทั้งธนาคารของรัฐ เป็นต้น

" ทั้งนี้ตามกฎหมายเดิมนั้น ไม่ได้ครอบคลุมถึงหนี้ที่ใช้บุคคลค้ำประกัน ทำให้กองทุนฟื้นฟูฯจัดการได้เฉพาะหนี้ที่ใช้หลักทรัพย์ค้ำประกัน พอรัฐบาลได้รับทราบถึงปัญหาที่เกิดขึ้น จึงได้ผลักดันให้แก้กฎหมายจนสำเร็จ และส่งผลให้กองทุนฟื้นฟูฯเข้าไปแก้ไขปัญหาหนี้บุคคลค้ำประกันได้ ดังนั้นจึงขอฝากไปยังพี่น้องเกษตรกรว่า อย่าปล่อยให้ปัญหาหนี้ลุกลามจนถึงขั้นถูกฟ้องล้มละลาย หรือถูกฟ้องดำเนินคดีบังคับคดีขายทอดตลาด เมื่อมีปัญหาหนี้สินขอให้พี่น้องเกษตรกรเดินเข้ามาปรึกษา กองทุนฟื้นฟูฯ พร้อมให้คำปรึกษาหาทางออก เพื่อให้ทุกคนสามารถรักษาที่ดินทำกินให้กับลูกหลานไว้ต่อไป "


ผู้อำนวยการสำนักจัดการหนี้ของเกษตรกร กล่าวต่อไปว่า การเข้าไปจัดการหนี้ให้พี่น้องเกษตรกรตามระเบียบฯ กรณีหนี้ที่มีบุคคลค้ำประกันพ.ศ. 2563 ต้องไม่เกิน 500,000 บาท และ ต้องมีบุคคลมาค้ำประกันซึ่งแบ่งเป็น หนึ่ง หนี้เงินต้นคงค้างไม่เกิน 200,000 บาท ให้องค์กรเกษตรกรร่วมกับเกษตรกรหาผู้ค้ำประกัน 2 คน เช่น ให้บุคคลเดิมมาค้ำประกัน แต่ถ้าบุคคลเดิมหรือทายาทไม่มาค้ำประกัน หรือค้ำประกันแล้วยังไม่พอ สามารถที่จะเอาสมาชิกองค์กรเกษตรกรมาค้ำให้ได้รวม 2 คน สอง หนี้เงินต้นคงค้างตั้งแต่ 200,000 บาทขึ้นไป แต่ไม่เกิน 500,000 บาท ให้องค์กรเกษตรกร ร่วมกับเกษตรกรหาผู้ค้ำประกัน 3 คน โดยให้บุคคลเดิมค้ำรวมทั้งทายาท ถ้ายังไม่พอให้สมาชิกองค์กรเกษตรกรมาค้ำประกัน และสาม หนี้เงินต้นคงค้างตั้งแต่ 500,000 บาทขึ้นไป ให้องค์กรเกษตรกรร่วมกับเกษตรกรหาผู้ค้ำประกัน 4 คน ประกอบด้วย ทายาท 1 คน และสมาชิกองค์กรเกษตรกร 3 คน

"แต่กรณีไม่มีทายาทมาค้ำประกัน ตามระเบียบได้เปิดโอกาสให้ให้องค์กรเกษตรกรมอบหมายกรรมการองค์กรเกษตรกรหรือสมาชิกองค์กรเกษตรกรมาค้ำประกันแทนได้ ถือเป็นข้อดีและเป็นประโยชน์ ถือเป็นหัวใจสำคัญ และเป็นคำตอบว่า ทำไม กองทุนฟื้นฟูฯจึงต้องกำหนดให้เกษตรกรสังกัดองค์กร สืบเนื่องจาก เกษตรกรที่จะมาเป็นสมาชิกกองทุนฟื้นฟูฯ ต้องไปเป็นสมาชิกองค์กรเกษตรกรที่ขึ้นทะเบียนไว้กับกองทุนฟื้นฟูฯ ดังนั้นการทำกิจกรรมหรือทำภาระผูกพันใดๆ องค์กรเกษตรกรต้องรับรู้ รวมทั้งมาค้ำประกัน นั่นหมายความว่า สมาชิกเองต้องเข้าร่วมกิจกรรม กรรมการองค์กรก็ต้องเข้ามาดูแลสมาชิก ทำให้เป็นความผูกพัน เกิดการช่วยเหลือกัน นำมาซึ่งความเข้มแข็งให้กับองค์กรเกษตรกร " นายมนัส กล่าวในที่สุด
#3440









เช่ารถโควิดแสนถูก600บาท/วัน เช่านานยิ่งคุ้ม แสนถูก เช่าง่าย รถสะอาดปลอดภัย คุ้มค่า วีออส  ยาริส ซิตี้ อัลเมร่า แคมรี่ อัลติส ซีวิค กระบะมิตซูไททั้น ตู้Volkswagen
รับรถแคราย นนทบุรี สถาบันโรคทรวงอก  
มีบริการส่งถึงที่ ประกันรถ 5000 โทร

083-7124115  
Line id : 0837124115
www.รถเช่าดี.com

https://www.facebook.com/profile.php?id=100004405322209