• Welcome to ลงประกาศฟรี โพสฟรี โปรโมทเว็บไซด์ให้ติดอันดับ SEO ด้วย PBN.
 

poker online

ปูนปั้น

Menu

Show posts

This section allows you to view all posts made by this member. Note that you can only see posts made in areas you currently have access to.

Show posts Menu

Topics - Joe524

#3341


นายสนั่น อังอุบลกุล ประธานสภาหอการค้าไทย กล่าวว่า  จากการที่ ศบค.ขยายล็อกดาวน์อีก 14 วัน ไปจนถึง 31 ส.ค. 2564 ก็ถือว่าเป็นไปตามที่หลายฝ่ายคาดการณ์ไว้ เพราะเหตุผลที่ต้องมีการขยายเวลาล็อคดาวน์เพิ่มเติมอาจมาจากตัวเลขของผู้ติดเชื้อ และ ผู้เสียชีวิต ที่ไม่ได้ลดลง อย่างที่หลายฝ่ายอยากให้เกิดขึ้น แต่กลับมีตัวเลขที่เพิ่มสูงขึ้นในบางช่วงด้วยซ้ำซึ่งการขยายการล็อคดาวน์ เพิ่มเป็น 14 วัน หอการค้าไทย มองว่าคงมีความจำเป็น แต่สิ่งที่อยากสะท้อนให้ภาครัฐมองในมุมของเศรษฐกิจ และความเป็นอยู่ของประชาชนควบคู่กันไปด้วย โดยขอให้รัฐบาลพิจารณามาตรการเสริมมาเยียวยาให้รวดเร็ว เพราะเท่าที่ผ่านมาถึงแม้ว่าหลายส่วนจะเห็นด้วยหรือไม่ในการล็อคดาวน์ของรัฐบาล แต่ทุกคนก็ปฏิบัติตามมาตรการที่ประกาศออกมาอยู่แล้ว และต้องยอมรับว่าไม่เฉพาะผู้ประกอบการที่บอบช้ำจากการหยุดกิจการชั่วคราว แต่ยังกระทบถึงคนใน supply chain ในธุรกิจนั้น ๆ อีกมากมาย ซึ่งหลีกเลี่ยงไม่ได้ว่าประชาชนทั่วไปก็ต่างรับผลกระทบทั้งสิ้น
                 

หอการค้าเห็นด้วยที่จะต้องควบคุมการแพร่ระบาดในลดลงกว่านี้ให้เร็วที่สุด แต่ตอนนี้รัฐบาลอาจจะต้องพิจารณาแนวทางการช่วยเหลือมาเสริมทันทีด้วย ไม่ว่าจะเป็นการชดเชยกลุ่มต่าง ๆ ให้ครอบคลุม  รวมถึงอาจจะต้องพิจารณาผ่อนปรนให้สำหรับบางกิจการเพื่อให้สามารถเปิดธุรกิจได้อีกครั้ง โดยรัฐบาลต้องมีเกณฑ์หรือตัวชี้วัดเพื่อเป็นมาตรฐานสำหรับกิจการที่จะเปิด ซึ่งขอย้ำว่าการควบคุมการระบาดต้องควบคู่กับการเดินหน้าประคองเศรษฐกิจไปด้วย
             

"ภาคเอกชนมองว่าการล็อคดาวน์อาจจะไม่ใช่แนวทางที่ดีที่สุด หากไม่มีการเร่งตรวจเชิงรุกด้วย ATK และต้องเร่งบริหารจัดการให้มีราคาที่ถูกลงกว่าที่เป็นอยู่ ให้ประชาชนหาซื้อง่ายก็จะยิ่งเพิ่มความถี่ในการตรวจและทั่วถึงมากขึ้น ทำให้การแยกผู้ป่วยออกมารักษาด้วยมาตรการ Isolation ในระดับต่าง ๆ ตามความรุนแรงของอาการได้อย่างรวดเร็ว และรัฐต้องเร่งจัดหาวัคซีนเพื่อทำให้ประชาชนเข้าถึงวัคซีนให้ได้มากที่สุด"

ทั้งนี้ รัฐบาลจะต้องพิจารณาผ่อนคลายกฎระเบียบบางประการที่ทำให้เกิดอุปสรรคในการควบคุมการแพร่ระบาด เช่น กฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการนำเข้าวัคซีน ยาและเวชภัณฑ์ ลดขั้นตอนและระยะเวลาการพิจารณาต่าง ๆ ให้สั้นลง เพราะสถานการณ์เช่นนี้ไม่ได้เป็นสถานการณ์ปกติทั่วไป หากยังคงใช้กฎเกณฑ์เดิมจะทำให้การควบคุมการระบาดยิ่งล่าช้าออกไป และในทางกลับกันตัวเลขอาจจะยังคงสูงขึ้นพร้อมๆ กับเศรษฐกิจที่จะทรุดลงอย่างรวดเร็ว หากผู้ประกอบการหยุดหรือปิดตัวลงก็จะส่งผลกระทบเป็นลูกโซ่ไปยังประชาชนอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้เช่นกัน


นายสนั่น กล่าวว่า ในระหว่างนี้ รัฐบาลก็ต้องเตรียมแผนที่จะฟื้นฟูและเปิดประเทศ หากสถานการณ์เริ่มดีขึ้น เพราะหอการค้าเชื่อว่า หลังจากนี้หลายธุรกิจจะประสบปัญหาด้านการเงิน และมีบางธุรกิจที่ต้องปิดกิจการอย่างถาวร โดยประเด็นนี้ก็จะต้องจัดเตรียมแนวทางช่วยเหลือและฟื้นฟูให้กิจการที่ยังอยู่กลับมาแข่งขันได้ ในขณะที่แผนเปิดประเทศจะต้องจัดเตรียมให้รอบด้านเพราะจำเป็นที่จะต้องเปิดประเทศควบคู่กับการอยู่ร่วมกับโควิด - 19 ไปอีกระยะหนึ่ง จะรอเปิดประเทศภายหลังโรคระบาดหมดไปคงเป็นไปไม่ได้
             

ส่วนโมเดลภูเก็ต Sand Box ที่ได้ดำเนินการมาถือเป็นการทดสอบความพร้อมด้านต่าง ๆและรัฐต้องเร่งปรับปรุงในส่วนที่เห็นว่าเป็นปัญหา ซึ่งวันนี้ภาคเอกชนเห็นด้วยกับมติของศบค.ที่เห็นชอบแนวทางการเปิดพื้นที่รับนักท่องเที่ยวจากจังหวัดภูเก็ต (PhuketSandbox) เดินทางเชื่อมต่อจังหวัดนำร่องอื่น เริ่มจาก สุราษฎรธานี (เกาะสมุย เกาะพะงันเกาะเต่า) กระบี่ (เกาะพีพี เกาะไหง ไร่เล) และ พังงา (เขาหลัก เกาะยาวน้อย เกาะยาวใหญ่) ภายใต้มาตรการ 7+7 คือ หลัง 7 วันแรกตรวจไม่พบเชื้อ สามารถเดินทางไปยังอีก 3จังหวัดดังกล่าวเพื่อพักอยู่อีก 7 วัน ภายใต้มาตรการด้านสาธารณสุขที่เข้มงวด โดยจะเริ่มตั้งแต่วันที่ 16 ส.ค.64 หากประสบความสำเร็จก็ควรจะพิจารณาขยายโมเดลไปยังจังหวัดท่องเที่ยวในภูมิภาคอื่น ๆ ก็จะช่วยเสริมความเชื่อมั่นกับนักท่องเที่ยวต่างชาติในขนาดเดียวกันเศรษฐกิจก็ยังคงเดินหน้าต่อไปได้


นายสนั่น กล่าวว่า  สำำหรับการผ่อนคลายที่ให้สถาบันการเงินเปิดในห้างได้ ก็จะสามารถช่วยบรรเทาผลกระทบจากการที่ปิดได้ส่วนหนึ่ง ส่วนธุรกิจที่เหลือก็คงต้องรอการพิจารณาผ่อนคลายต่อไป เพราะตอนนี้จำนวนผู้ติดเชื้อยังสูง และกังวลว่าจะเป็นเหตุให้ผู้คนออกเดินทาง เชื่อว่าทางรัฐบาลและทางสาธารณสุขเป็นกังวลในส่วนนี้ แต่ทาง หอการค้าไทย ก็ยังหวังว่า เราต้องมีมาตรการเพิ่มเติมเพื่อให้แต่ละธุรกิจกลับมาเปิดดำเนินการควบคู่กับการระบาดไปให้ได้

ส่วนมาตรการคุมเข้มเพิ่มเติมกรณีทำ company isolation ตรวจ ATK ก่อนคลายล๊อคดาว์นนั้น ก็เป็นสิ่งที่ดี รวมถึงที่จะมีระบบจัดทำ thai covid pass นั้น ก็ตรงกับข้อเสนอที่หอการค้าเสนอ ให้มี superapp เพื่ออำนวยความสะดวกและเปิดดำเนินการกิจการได้ สิ่งที่เป็นห่วงตอนนี้ คือ การหา ATK ที่มีคุณภาพให้ประชาชน และสถานประกอบการให้เข้าถึงง่าย ในราคาที่เหมาะสม รวมถึง ควรมีมาตรการลดหย่อนภาษีจากค่าใช้จ่ายในส่วนนี้ ให้กิจการที่มีสนับสนุนการป้องกันตัวเอง ช่วยแบ่งเบาภาระภาครัฐ ตรงนี้จะสามารถให้ร่วมมือกัน ได้มากขึ้นอีกส่วนหนึ่ง จำนวนตัวเลข 50 คนและ 100 คน ที่กำหนดนั่นอยากจะให้พิจารณาตามลักษณะของแต่ละธุรกิจ ว่ามีความเสี่ยงที่ต่างกันด้วย เพื่อให้มาตรการที่ออกมาสามารถปฏิบัติได้จริง
#3342


แม้จะยังไม่ได้รับอิสรภาพอย่างสมบูรณ์แต่ล่าสุด "บริตนีย์ สเปียร์ส" ก็น่าจะได้หลุดจากการควบคุมดูแลของ "เจมี สเปียร์ส" พ่อของเธอซะที เมื่อฝ่ายผู้เป็นพ่อได้ประกาศตัดสินใจยุติการทำหน้าที่ผู้ดูแลตามกฎหมายของลูกสาว หลังมีกระแสกดดันจากทุกฝ่าย

ข่าวดังกล่าวได้รับการยืนยันจากเอกสารทางกฎหมายที่ระบุว่า เจมี สเปียร์ส ต้องการที่จะออกจากตำแหน่งและยืนยันว่า เขาจะขอเปลี่ยนผ่านหน้าที่ให้กับผู้ดูแลคนใหม่ต่อไป หลังเขาทำหน้าที่นี้มาตั้งแต่ปี 2008

โดยการตัดสินใจดังกล่าวเกิดขึ้นหลังแฟน ๆ ได้พยายามกดดัน เพื่อเรียกร้อง สภาพให้กับศิลปินเจ้าของฉายา "เจ้าหญิงแห่งวงการเพลงป๊อป" ด้วยโครงการ #FreeBritney ซึ่งพวกเขามองว่า ตลอดหลายปีที่ผ่านมา บริตนีย์ สเปียร์ส ถูกคนรอบตัวใช้อำนาจของกฎหมายเอาเปรียบเธอมานาน

อย่างไรก็ตาม เจมี สเปียร์ส ก็ยังยืนยันความบริสุทธิ์ใจของตัวเอง และเชื่อว่าตนเองไม่ได้ทำอะไรผิด แต่ที่เขาต้องยอมสละนาที ก็เพราะรู้สึกว่าตัวเองได้กลายเป็นเป้าโจมตี โดยไม่มีเหตุมีผลจากสาธารณชน

สุดท้ายแล้วเขาจึงมองว่าการยุติหน้าที่เป็นผู้ดูแล น่าจะเป็นสิ่งที่ดีที่สุดสำหรับลูกสาวในขณะนี้



อย่างไรก็ตามแหมแม้ตัวเองจะไม่ได้ทำหน้าที่แล้วผู้เป็นพ่อก็ยังเชื่อว่าลูกกสาวยังมีภาวะทางอารมณ์ที่ไม่มั่นคง และยังคงต้องการผู้ดูแลที่จะคอยจัดการเรื่องต่างๆในชีวิตให้ต่อไป ซึ่งเขาก็พร้อมที่จะส่งผ่านหน้าที่ให้กับผู้ดูแลคนใหม่

นอกจากนั้นเขายังกล่าวว่าแม้ตนจะไม่ได้ทำหน้าที่ผู้ดูแลตามกฎหมายแล้ว แต่เขาก็ คือพ่อของลูกตลอดไป จึงจะรักเธอโดยไม่มีข้อแม้ใด ๆ แล้วจะทำทุกอย่าง ให้ดีที่สุดเพื่อเธอ เหมือนเดิม

ฝ่ายทนายความของ บริตนีย์ ได้แสดงความเห็นว่าทั้งฝ่ายเขารู้สึกยินดี กับสิ่งที่เกิดขึ้น แต่ทีมกฎหมายของก็ยังรู้สึกผิดหวังที่คู่กรณียังคงใส่ความ และให้ข่าวโจมตีต่อไป ทีมกฎหมายยังมองว่า เจมี สเปียร์ส ควรจะเลิกถ่วงเวลา และออกจากตำแหน่งไปทันทีในตอนนี้ด้วยซ้ำไป และทีมทนายจะยังคงสืบสวนหาหลักฐาน เกี่ยวกับพฤติกรรมที่ เจมี สเปียร์ส สูบเงินจากลูกสาวไปหลายล้าน เหรียญสหรัฐ ฯ ในตลอด 13 ปี ที่ผ่านมาต่อไปด้วย

ตลอดปีที่ผ่านมา บริตนีย์ สเปียร์ส ได้พยายามต่อสู้เพื่ออิสรภาพของตัวเอง แล้วเพิ่งให้ข่าวว่าเธออาจจะไม่กลับขึ้นเวทีคอนเสิร์ตอีกแล้ว ถ้าต้องใช้ชีวิตภายใต้การบงการของคนอื่นแบบนี้
#3343


นางสาวยุพาพิน วังวิวัฒน์ กรรมการบริหาร และประธานเจ้าหน้าที่บริหารด้านการเงิน บริษัท กัลฟ์ เอ็นเนอร์จี ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) หรือ GULF เปิดเผยว่า  GULF ประกาศผลการดำเนินงานไตรมาส 2 ปี 2564 โดยมีกำไรจากการดำเนินงาน (Core Profit) จำนวน 1,401 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 412 ล้านบาท หรือคิดเป็น 42% จากไตรมาสเดียวกันในปีก่อน

สาเหตุหลักมาจากการรับรู้ผลกำไรของโครงการโรงไฟฟ้ากัลฟ์ ศรีราชา (GSRC) หน่วยที่ 1 ขนาดกำลังการผลิตไฟฟ้าติดตั้ง 662.5 เมกะวัตต์ ที่เปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์ไปเมื่อวันที่ 31 มีนาคม 2564 โดยมี Load Factor เฉลี่ยเท่ากับ 88% ในไตรมาสนี้ ประกอบกับโครงการโรงไฟฟ้า 12 SPP ภายใต้กลุ่ม GMP และโครงการโรงไฟฟ้า 7 SPP ภายใต้กลุ่ม GJP ที่รับรู้ Core Profit เพิ่มขึ้นจากปริมาณการขายไฟฟ้าให้แก่ลูกค้าอุตสาหกรรมที่สูงขึ้นในทุกภาคอุตสาหกรรม โดยเฉพาะกลุ่มยานยนต์ กลุ่มชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ และกลุ่มผลิตภัณฑ์เหล็ก โดย 12 SPP มี Load Factor เฉลี่ยของกลุ่มลูกค้าอุตสาหกรรมในไตรมาสนี้ เท่ากับ 63% เทียบกับ 51% ปีที่แล้ว

ขณะที่ 7 SPP มี Load Factor เฉลี่ยเท่ากับ 66% ในไตรมาสนี้ เทียบกับ 57% ในปีก่อน นอกจากนี้ โรงไฟฟ้า 2 IPP ภายใต้กลุ่ม GJP ยังมีปริมาณการขายไฟฟ้าให้แก่การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทยเพิ่มขึ้น 148% เมื่อเทียบกับไตรมาส 2 ปี 2563 ส่งผลให้โรงไฟฟ้าเดินเครื่องอย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น อีกทั้ง ในไตรมาส 2 ปี 2564 ยังรับรู้ส่วนแบ่งกำไรจาก PTT NGD จำนวน 63 ล้านบาท จากการที่ GULF เข้าไปลงทุนในสัดส่วน 42% ด้วย


ทั้งนี้ เมื่อเทียบกับไตรมาส 1 ปี 2564 Core Profit ในไตรมาสนี้ลดลง 989 ล้านบาท หรือคิดเป็น 41.4% เนื่องจากไม่มีการบันทึกเงินปันผลรับจาก INTUCH ในไตรมาสนี้ และโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานลมในทะเล Borkum Riffgrund 2 (BKR2) มีปริมาณการขายไฟฟ้าที่ลดลงจากปัจจัยด้านฤดูกาล ซึ่งไตรมาส 2 และไตรมาส 3 นับเป็น low season เมื่อเทียบกับ ไตรมาส 1 และ ไตรมาส 4 ซึ่งถือเป็น high season ของพลังงานลมในทะเลที่ประเทศเยอรมนี

ในไตรมาส 2 ปี 2564 GULF มีรายได้รวม (Total Revenue) 11,845 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 2,707 ล้านบาท หรือคิดเป็น 29.6% จากไตรมาส 2 ปี 2563 จากการรับรู้รายได้จากโครงการโรงไฟฟ้า GSRC หน่วยที่ 1 ที่เปิดดำเนินการในไตรมาส 1 ปี 2564 และโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานลมในทะเล BKR2 ที่รับรู้รายได้ครั้งแรกในไตรมาส 4 ปี 2563

อีกทั้ง ยังรับรู้รายได้ที่เพิ่มขึ้นจากการขายไฟฟ้าและไอน้ำให้แก่ลูกค้าอุตสาหกรรมของกลุ่ม GMP อย่างไรก็ตาม รายได้จากการขายไฟฟ้าของโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ GTN1 และ GTN2 ที่ประเทศเวียดนาม ลดลงเล็กน้อยจากการจำกัดการรับซื้อไฟฟ้าชั่วคราว (Temporary Curtailment) เนื่องจากการแพร่ระบาดของ COVID-19 ส่งผลกระทบต่อความต้องการใช้ไฟฟ้าของประเทศเวียดนาม

อัตรากำไร EBITDA Margin ในไตรมาส 2 ปี 2564 เท่ากับ 35.6% เพิ่มขึ้นจาก 31.9% ในไตรมาสเดียวกันของปีก่อน สาเหตุหลักจากต้นทุนค่าก๊าซธรรมชาติที่ลดลง 8.7% จากปีก่อน แม้ว่าค่า Ft เฉลี่ยจะลดลงก็ตาม


นางสาวยุพาพิน วังวิวัฒน์ กรรมการบริหาร และประธานเจ้าหน้าที่บริหารด้านการเงิน บริษัท กัลฟ์ เอ็นเนอร์จี ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน)

GULF มีกำไรสุทธิ (Net Profit) ส่วนที่เป็นของบริษัทใหญ่ ซึ่งรวมผลกระทบจากอัตราแลกเปลี่ยน เท่ากับ 1,407 ล้านบาท ลดลง 25.2% เทียบกับผลกำไรสุทธิ 1,881 ล้านบาทในไตรมาส 2 ปี 2563 เนื่องจากในปีก่อนมีผลกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยนที่ยังไม่เกิดขึ้นจริง (Unrealized Gain) จำนวน 892 ล้านบาท เทียบกับ 6 ล้านบาทในไตรมาส 2 ปีนี้

ณ วันที่ 30 มิถุนายน 2564 GULF มีอัตราส่วนหนี้สินที่มีภาระดอกเบี้ยสุทธิต่อส่วนของผู้ถือหุ้น (Net Interest-Bearing Debt to Equity) เท่ากับ 1.75 เท่า ซึ่งยังต่ำกว่าข้อกำหนดสิทธิสำหรับหุ้นกู้ (Bond Covenant) ที่ 3.50 เท่า

นางสาวยุพาพิน กล่าวเพิ่มเติมว่า หลังจากที่ GULF ได้ทำคำเสนอซื้อหลักทรัพย์ของบริษัท อินทัช โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) หรือ INTUCH แล้วเสร็จ ทำให้มีสัดส่วนการถือหุ้น INTUCH ทั้งสิ้น เท่ากับ 42.25% โดย GULF ได้ทำการกู้ยืมเงินจากสถาบันการเงินในประเทศทั้งสิ้นจำนวน 48,612 ล้านบาท โดย GULF มีแผนในการออกและเสนอขายหุ้นกู้มูลค่ารวมประมาณ 20,000 ล้านบาทภายในปีนี้ โดยจะนำเงินที่ได้จากการเสนอขายหุ้นกู้ไปลงทุนเพื่อขยายธุรกิจ และชำระคืนเงินกู้ที่ใช้ในการซื้อหุ้น INTUCH ในบางส่วน นอกจากนี้ บริษัทฯ จะรับรู้เงินปันผลรับทันที ประมาณ 1,600 ล้านบาทในไตรมาส 3 นี้

สำหรับแผนการดำเนินงานในครึ่งปีหลังของปี 2564 GULF ยังมีโครงการที่จะเปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์ ได้แก่ โครงการโรงไฟฟ้าพลังงานลมในทะเลที่ประเทศเวียดนาม (Mekong Wind) ระยะที่ 1-3 กำลังการผลิตไฟฟ้าติดตั้งรวม 128 เมกะวัตต์ ที่จะทยอยเปิดดำเนินการระหว่างไตรมาส 3-4 ปีนี้, โครงการโรงไฟฟ้า GSRC หน่วยที่ 2 กำลังการผลิตไฟฟ้าติดตั้ง 662.5 เมกะวัตต์ ที่กำหนดเปิดดำเนินการในเดือนตุลาคม 2564

โครงการโรงไฟฟ้าก๊าซธรรมชาติที่ประเทศโอมาน (DIPWP) จำนวน 326 เมกะวัตต์ ระยะที่ 1 ขนาดกำลังการผลิตไฟฟ้าติดตั้ง 40 เมกะวัตต์ ที่จะเปิดดำเนินการระหว่างไตรมาส 3-4 และโครงการ solar rooftop ภายใต้ Gulf1 กำลังการผลิตไฟฟ้าติดตั้งรวม 20 เมกะวัตต์ ที่จะทยอยเปิดดำเนินการภายในสิ้นปี ส่งผลให้ GULF มีกำลังการผลิตไฟฟ้าติดตั้งรวมทั้งสิ้น 7,922 เมกะวัตต์ ณ สิ้นปี 2564
#3344


ถึงนาทีนี้ธุรกิจโรงแรมยังมองไม่เห็นหนทางฟื้นจากอาการโคม่า ล่าสุดแบงก์ชาติเผยผลสำรวจผู้ประกอบการโรงแรมยังอ่วมพิษโควิด-19 ทรุดลงต่อเนื่อง สภาพคล่องหดหายอยู่ได้อีกไม่เกิน 3 เดือน ขณะที่อัตราการเข้าพักดิ่งสุดเหลือแค่ 10% ร้องขอวัคซีน-พักหนี้-พยุงการจ้างงาน 

ผลสำรวจดัชนีความเชื่อมั่นผู้ประกอบการที่พักแรม (HSI) ซึ่ง ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) หรือแบงก์ชาติ ร่วมกับสมาคมโรงแรมไทย จัดทำขึ้นเป็นประจำทุกเดือนยังไม่มีทีท่าจะผ่านพ้นวิกฤต หนำซ้ำกลับหนักหน่วงขึ้นเรื่อยๆ แม้รัฐบาลจะพยายามกระตุ้นการท่องเที่ยวภายในประเทศและเปิดรับนักท่องเที่ยวต่างชาติเข้ามา ด้วยโครงการนำร่อง  "ภูเก็ตแซนด์บอกซ์"  เชื่อมโยงกับจังหวัดท่องเที่ยวอื่นๆ ก็ตาม

ล่าสุด ผลสำรวจฯ ในเดือนกรกฎาคม 2564 จากผู้ประกอบการที่พักแรม 304 แห่ง (เป็น ASQ 28 แห่ง Hospitel 4 แห่ง) ระหว่างวันที่ 13-26 กรกฎาคม 2564 พบว่า ผู้ประกอบการที่พักแรมได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 ระลอกใหม่ต่อเนื่อง โดยอัตราการเข้าพักยังอยู่ในระดับต่ำมาก เฉลี่ยอยู่ที่ 10% ซึ่งทรงตัวจากเดือนก่อนหน้า ส่งผลให้เกือบ 60% ของโรงแรมที่เปิดกิจการอยู่มีสภาพคล่องลดลงจากเดือนก่อน และเพียงพอในการดำเนินธุรกิจไม่เกิน 3 เดือน ขณะที่การเปิดรับนักท่องเที่ยวต่างชาติส่งผลบวกต่ออัตราการเข้าพักโดยรวมไม่มากนัก

ทั้งนี้ หากไม่รวมกลุ่มที่ปรับตัวมารับลูกค้าต่างชาติที่ทำงานในไทย และ workation, staycation รวมถึงกลุ่มที่เปิดรับนักท่องเที่ยวต่างชาติตามโครงการ "แซนด์บ็อกซ์" ซึ่งส่วนมากเป็นโรงแรมขนาดใหญ่ อัตราการเข้าพักเฉลี่ยในเดือนกรกฎาคม 2564 จะอยู่ที่เพียง 6.5% เท่านั้น ส่วนคาดการณ์อัตราการเข้าพักทั้งประเทศในเดือนสิงหาคม 2564 จะปรับลดลงเฉลี่ยอยู่ที่ 8% โดยทุกภูมิภาคของประเทศไทยมีอัตราการเข้าพักเฉลี่ยต่ำกว่า 10%

อัตราการเข้าพักที่ลดลงดังกล่าว ได้ส่งผลกระทบทำให้ 58% ของโรงแรมที่เปิดกิจการอยู่ มีสภาพคล่องลดลงมากกว่า 20% เมื่อเทียบกับเดือนมิถุนายน 2564 และเพียงพอในการดำเนินธุรกิจได้ไม่เกิน 3 เดือน และมีอีก 23% ที่มีสภาพคล่องเพียงพอไม่ถึง 1 เดือน ซึ่งกระจายอยู่ในทุกภูมิภาคของประเทศ ขณะที่ 57% ของโรงแรมที่เปิดกิจการอยู่ทั้งหมด รายได้ยังกลับมาไม่ถึง 10% เมื่อเทียบกับช่วงก่อนเกิดการระบาดของโควิด-19

จากการสำรวจสถานะกิจการของผู้ประกอบการ 272 แห่ง (ไม่รวม ASQ และฮอสพิเทล) มีโรงแรมเพียง 40.1% ที่ยังเปิดกิจการปกติ ที่เหลือ 38.2% เปิดกิจการเพียงบางส่วน และอีกกว่า 21.7% ที่ยังปิดกิจการชั่วคราว โดยสัดส่วนของโรงแรมที่ปิดกิจการชั่วคราวเพิ่มขึ้นจากเดือน มิ.ย.เล็กน้อย 2.2%

ผลสำรวจยังบ่งชี้ว่า จากโรงแรมจำนวน 272 แห่ง (ไม่รวมโรงแรมที่เป็น ASQ และ Hospitel) พบว่า 56% ของโรงแรมที่ปิดกิจการชั่วคราวนั้น คาดว่าจะกลับมาเปิดกิจการได้อีกครั้งในไตรมาส 4/2565 และราว 13.6% คาดว่าจะกลับมาเปิดกิจการได้ในไตรมาส 1/2565 ส่วนอีก 6.8% คาดว่าจะกลับมาเปิดกิจการได้ในไตรมาส 2/2565 และอีก 11.9% จะกลับมาเปิดดำเนินกิจการได้ในช่วงครึ่งหลังของปี 2565

 ขณะที่สถานการณ์รายได้ในเดือนกรกฎาคม พบว่าโรงแรมส่วนใหญ่ยังมีรายได้อยู่ในระดับต่ำ โดยมากกว่าครึ่งหนึ่งหรือ 56.9% ของโรงแรมที่เปิดกิจการอยู่ทั้งหมด มีรายได้กลับมาไม่ถึง 10% เมื่อเทียบกับช่วงก่อนเกิดวิกฤติโควิด-19 ส่วนโรงแรมที่มีรายได้ที่ระดับ 11-30% มีสัดส่วน 18.3%, โรงแรมที่มีรายได้ระดับ 31-50% มีสัดส่วน 3.6%, โรงแรมที่มีรายได้ระดับ 51-70% มีสัดส่วน 7.1% และโรงแรมที่มีรายได้ระดับมากกว่า 70% มีสัดส่วน 14.2% 

สำหรับการเปิดรับนักท่องเที่ยวต่างชาติได้ส่งผลบวกต่ออัตราการเข้าพักโดยรวมไม่มากนัก โดยพบว่า 50% ของโรงแรมในจังหวัดภูเก็ต มองว่าอัตราการเข้าพักของโรงแรมที่สามารถเปิดรับนักท่องเที่ยวต่างชาติได้เป็นไปตามที่คาด ซึ่งมีอัตราการเข้าพักเฉลี่ยอยู่ที่ 16% ขณะที่อีก 43% ของโรงแรมในจังหวัดสุราษฎร์ธานี มองว่าอัตราการเข้าพักของโรงแรมที่สามารถเปิดรับนักท่องเที่ยวต่างชาติได้แย่กว่าที่คาด โดยมีอัตราการเข้าพักเฉลี่อยู่ในระดับต่ำเพียง 6% เท่านั้น และพบว่าผู้ประกอบการโรงแรมกว่า 69% เห็นด้วยกับการเปิดรับนักท่องเที่ยวต่างชาติ ส่วนกลุ่มที่ไม่เห็นด้วยส่วนใหญ่เป็นโรงแรมในภาคตะวันออกเฉียงเหนือและภาคเหนือ

ทั้งนี้ ผู้ประกอบการโรงแรมกลับมาจ้างงานเฉลี่ย 53% ของช่วงก่อนเกิดโควิด-19 (หากไม่รวมกลุ่มปิดกิจการชั่วคราวจะเฉลี่ยอยู่ที่ 59%)



 นางมาริสา สุโกศล หนุนภักดี นายกสมาคมโรงแรมไทย (ทีเอชเอ) ระบุว่า ปัจจุบันการจ้างงานในภาคการท่องเที่ยวลดลงแล้วกว่า 50% หากดูตัวเลขในภาวะปกติจะมีโรงจดทะเบียนกับสมาคม 16,282 โรงแรม มีพนักงานในระบบมากกว่า 860,000 คน แต่หลังจากโควิด-19 คาดว่ามีพนักงานตกงานมากกว่า 460,000 คน และออกจากภาคธุรกิจการท่องเที่ยวไปแล้ว ที่เหลืออีกประมาณ 400,000 คน อาจได้รับเงินเดือนไม่เต็มเดือน ลดเวลาทำงาน เพราะโรงแรมไม่มีรายได้เลย

หลังเกิดการแพร่ระบาดของโควิด-19 ซึ่งส่งผลกระทบต่ออุตสาหกรรมการท่องเที่ยวทั้งระบบ สมาคมโรงแรมไทย ได้เรียกร้องต่อรัฐบาลให้เข้ามาช่วยเหลือ เช่น การจัดหาและกระจายวัคซีนให้เร็วกว่าแผน, มาตรการช่วยเหลือเงินกู้และพักชำระเงินต้นหรือดอกเบี้ย เพื่อพยุงไม่ให้ผู้ประกอบการขายกิจการทิ้ง, ขอลดต้นทุนค่าไฟฟ้า รวมทั้งการสนับสนุนค่าจ้างเพื่อพยุงการจ้างงานรอวันธุรกิจฟื้นคืน

อย่างไรก็ตาม สำหรับ  "โครงการโกดังพักหนี้"  ที่รัฐบาลออกมาช่วยเหลือผู้ประกอบการธุรกิจโรงแรมนั้น นายกสมาคมโรงแรมไทย สะท้อนว่า ผู้ประกอบการเข้าร่วมโครงการน้อยกว่าเท่าที่ควร เนื่องจากแบงก์พาณิชย์มีเงื่อนไขมากมาย เช่น ให้เฉพาะลูกหนี้ชั้นดี มูลค่าหนี้ต่ำ ทำให้ยากเข้าถึงความช่วยเหลือ

ส่วนมาตรการกระตุ้นการท่องเที่ยวเปิดรับนักท่องเที่ยวต่างชาตินำร่อง "ภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์" นั้น การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) รายงานว่า ช่วง 40 วันของโครงการ นับจากวันที่ 1 กรกฎาคม – 9 สิงหาคม 25664 มีจำนวนนักท่องเที่ยวเข้าร่วมโครงการสะสม 18,654 คน ไม่พบผู้ติดเชื้อ 18,602 คน คัดกรองพบผู้ติดเชื้อโควิด-19 จำนวน 52 คน

ด้านยอดจองห้องพักโรงแรมที่ได้มาตรฐาน SHA+ พบว่าตลอดไตรมาส 3/2564 มีจำนวน 353,529 คืน แบ่งเป็นเดือนกรกฎาคม 190,843 คืน เดือนสิงหาคม 143,566 คืน และเดือนกันยายน 19,120 คืน ส่วนยอดการจองในช่วงฤดูกาลท่องเที่ยวหรือไฮซีซั่นตั้งแต่เดือนตุลาคม 2564 – กุมภาพันธ์ 2565 มีจำนวน 9,797 คืน

แต่อย่างไรก็ตาม ความพยายามดึงดูดนักท่องเที่ยวต่างชาติเข้ามาเที่ยวไทยท่ามกลางสถานการณ์แพร่ระบาดของโควิด-19 ที่มียอดผู้ติดเชื้อรายวันทะลุขึ้นหลัก 2 หมื่นคนแล้วนั้น ยังยากที่จะประสบผลสำเร็จ หลายชาติมีคำเตือนต่อพลเมืองที่จะเดินทางมายังไทย โดยล่าสุดหน่วยงานป้องกันและควบคุมโรคสหรัฐ หรือ ซีดีซี (U.S. Centers for Disease Control and Prevention) ยกระดับให้ไทยเป็นประเทศที่มีความเสี่ยงสูงมากต่อการระบาดของโรคโควิด-19 ขณะเดียวกัน กระทรวงการต่างประเทศของสหรัฐฯ ยังปรับคำเตือนสูงสุดขั้นที่ 4 สำหรับผู้ที่จะเดินทางมาประเทศไทย ซึ่งขณะนี้มีประมาณ 70 ประเทศที่อยู่ในกลุ่มที่ 4 เช่นเดียวกับไทย เช่น บราซิล ชิลี อินโดนีเซีย และมาเลเซีย ขณะที่ก่อนหน้านี้ สหภาพยุโรปได้ถอดรายชื่อประเทศไทยออกจากลิสต์ประเทศที่ปลอดภัย (EU White List) จากการระบาดของโควิด-19

 นับเป็นมหาวิกฤตของธุรกิจโรงแรมและการท่องเที่ยวที่ยังคงมืดมนอนธการ ไม่ต่างไปจากอนาคตของประเทศไทยในยามนี้ 
#3345


โรเจอร์ เฟเดอเรอร์ นักเทนนิสขวัญใจแฟนๆ ตลอดกาล ฉลองวันเกิดอายุ 40 ปีไปเมื่อวันที่ 8 สิงหาคม ที่ผ่านมา ก่อนบอกข่าวร้ายว่ายังไม่มีกำหนดกลับคืนสังเวียนเทนนิสเร็วๆ นี้

เฟเดอเรอร์ เพิ่งลงสนามไปเพียง 13 แมตช์ ในปี 2021 หลังมีอาการบาดเจ็บที่หัวเข่าจนต้องเข้ารับการผ่าตัด และไม่ได้ลงแข่งมหกรรมโอลิมปิก 2020 ให้กับทีมชาติสวิตเซอร์แลนด์

ด้วยวัยที่เพิ่มขึ้นแตะหลัก 4 ทำให้ "เฟดเอ็กซ์" ต้องยอมรับความจริงว่าการฟื้นฟูร่างกายนั้นไม่เร็วเท่าสมัยหนุ่ม จนไม่สามารถบอกแน่ชัดได้ว่าจะกลับมาลงสนามหวดแร็กเก็ตได้เมื่อไหร่

"ผมสบายดี ได้หยุดพักผ่อน แต่ก็ไม่ได้ทำอะไรมาสักพักแล้วเพราะอาการที่หัวเข่า ดังนั้นผมเลยต้องหยุดทำทุกอย่างตั้งแต่จบศึกวิมเบิลดัน ซึ่งสัปดาห์นี้ต้องไปพบแพทย์และทีมงาน แล้วมาดูกันว่าจะเกิดอะไรขึ้นต่อไป ซึ่งทุกอย่างก็ยังไม่มีอะไรแน่นอน"

"ทุกอย่างมันต่างไปจากเดิม คำถามก็มีแต่เรื่องง่ายๆ อันดับโลกของผมเป้นยังไง แล้วจะกลับมาแข่งรายการไหน ผมรู้สึกอย่างไรเมื่อจะได้กลับไปซ้อม เป้าหมายคืออะไร ถึงจะกระตือรือร้นกว่าแต่ก่อน แต่ก็ตอบได้ยากอยู่เหมือนกัน"
#3346


เมื่อภาคธุรกิจไม่ปล่อยให้ "วิกฤติ" โควิด-19 สูญเปล่า นำมาเป็น "บทเรียน" ปรับตัว สร้างสรรค์โมเดลใหม่ๆ ต่อลมหายใจกิจการ ยิ่งร้านอาหาร พยายามปั้นจิ๊กซอว์ สู่การเติบโต "โม โม พาราไดซ์" คิดใหม่ มองเงินสดไหลออก คือการลงทุนเพื่ออนาคต

วิกฤติโควิด-19 ระบาด รับงัดไม้แข็งบริหารจัดการไว้รัส มีคำสั่งเข้มงวดกับธุรกิจ"ร้านอาหาร"  รอบแรกเจอการ  "ล็อกดาวน์" ถ้วนหน้า ผู้ประกอบการเดือดร้อนเท่ากัน แต่ล่าสุด การห้ามร้านที่มีสาขาในห้างค้าปลีกเปิดบริการนั่งรับประทาน(Dine-in) ห้ามซื้อกลับบ้าน(Takeaway) ทำได้แค่ "เดลิเวอรี่" เท่านั้น เป็นการปิดตายยอดขายอย่างสิ้นเชิง 

"โม โม พาราไดซ์" ร้านชาบูชาบูและสุกี้ยากี้จากญี่ปุ่น ซึ่งมีสาขาทั้งหมดอยู่ในห้างค้าปลีก รับผลกระทบเต็มๆ และการปรับตัวทางธุรกิจไม่ง่าย แต่ไม่ทำย่อมไม่ได้ เพราะนั่นหมายถึงการสูญเสียโอกาสทำเงิน แม้มีอยู่เพียงน้อยนิด   

สุรเวช เตลาน เจ้าของร้านโม โม พาราไดซ์ บอกเล่าประสบการณ์ทำธุรกิจร้านอาหารในช่วงเวลาวิกฤติผ่านงานสัมมนาออนไลน์ "เปิดสูตรลับ!! ปรับกลยุทธ์ ธุรกิจอาหารต้องรอด" ว่า โม โมฯ มีร้านทั้งสิ้น 20 สาขา มีแบรนด์น้องใหม่ที่ยังไม่โปรโมทสร้างแบรนด์ และร้านอาหารพรีเมี่ยมอีก 2 สาขา แต่ผลกระทบการล็อกดาวน์ล่าสุด บริษัทต้องปิดให้บริการโมโมฯ 100% ถือว่าได้รับผลกระทบหนักมาก โดยยอดขายที่เคยมี ปัจจุบันทำได้เพียง 3-5% เท่านั้น สวนทางกับภาระค่าใช้จ่ายที่ไหลออกทุกวัน โดยเฉพาะต้นทุนคงที่จากการจ้างงาน ที่มีพนักงานนับ "ร้อยชีวิต"  

นอกจากนี้ ร้านอาหารมีวัตถุดิบเป็นของสดจำนวนมาก โดยเฉพาะ "ผักสด" ซึ่งมีการสูญเสียมากสุด เมื่อปิดให้บริการ จึงกระทบต้นทุนอย่างมาก 

สำหรับธุรกิจร้านอาหารถือว่ามีความโดดเด่นด้านการทำเงินหรือรายได้เข้ามา โดยแต่ละวันผู้ประกอบการจะได้รับเงินสดเข้ามาเต็มเม็ดเต็มหน่วย ส่วนค่าวัตถุดิบจะเป็นการนำผัก อาหารสดต่างๆมาใช้ก่อน แล้วจ่ายให้กับคู่ค้าซัพพลายเออร์ภายหลังหรือเครดิตเทอมนั่นเอง 


ทว่า ร้านอาหารจำนวนไม่น้อยที่ "ขายดีจนเจ๊ง" เนื่องจากผู้ประกอบการสนใจเพียงงบ "กำไร-ขาดทุน" เท่านั้น ไม่ดู "งบดุล" หรือสถานะทางการเงิน ไม่พิจารณารายจ่ายที่ออกไปแต่ละวัน เดือนมีมากแค่ไหน ซึ่งตามหลักการควรให้ความสำคัญ 3 ส่วนทั้ง กระแสเงินสด งบดุล งบกำไรขาดทุนใหถี่ถ้วน

นอกจากนี้ ในภาวะวิกฤติโควิด-19 ระบาด การตระหนักด้าน "การเงิน" ต้องเพิ่มทวีคูณ โดยเฉพาะกระแสเงินสดที่ไหลออก แต่ไม่มีรายรับเข้ามายังร้าน อย่างไรก็ตาม ห้วงเวลายากลำบากนี้ การบริหารสภาพคล่องเป็นเรื่องยากมาก แต่อยากให้ผู้ประกอบการมองเงินสดที่ไหลออกในเวลานี้ต่อยอดธุรกิจในอนาคตให้ได้ 

"การจัดการเงินสด หมุนเงินตอนนี้ลำบากมาก แต่บริษัทให้ความสำคัญในการบริหารอย่างเหมาะสมมาก่อนแล้ว หลักการง่ายๆคือต้องมีเงินเข้ามากกว่าออก ไม่ใช่ขายดี แล้วร้านจะฟุ่มฟือยเต็มที่จนเกิดปัญหาต้องมีทุนสำรองไว้ ส่วนท่ามกลางสถานการณ์โควิดระบาด มองอนาคตร้านอาหารจะมีทิศทางที่ดีขึ้น เงินที่ไหลออกเวลานี้ให้มองเป็นสิ่งที่ต่อยอดธุรกิจในอนาคตให้ได้หรือเป็น Investing clash flow เพื่อเดินต่อไปข้างหน้า เช่น โม โมฯ ที่ลุกขึ้นมาลุยบริการเดลิเวอรี่ได้จริง จากเดิมไม่คิดจะทำ เพราะไม่เหมาะกับบุฟเฟ่ต์ ที่ต้องมอบประสบการณ์ให้ผู้บริโภคทานในร้าน แต่จากการปรับตัวเดลิเวอรี่ สามารถสร้างยอดขายได้เท่ากับร้าน 1 สาขา รวมถึงการลงทุนขยายบริการส่งโมโม พาราไดซ์ทั่วไทยด้วย" 

ทั้งนี้ สุรเวช ย้ำว่า ร้านชาบูบุฟเฟต์ไม่โจทย์และไม่จำเป็นต้องมีบริการเดลิเวอรี่ แต่การล็อกดาวน์ครั้งแรก ทำให้บริษัทต้องปรับตัว ทดลองปรับเมนู รักษาคุณภาพอาหาร การบรรจุภัณฑ์ การควบคุณอุณหภูมิอาหาร รวมถึงใช้พันธมิตรในการขนส่ง ฯ เพื่อให้มาตรฐานยังทียบเท่าที่ร้านสูงสุด 

นอกจากนี้ ยังเปิดบริการโม โม พาราไดซ์ ส่งทั่วไทยไปเคียงข้างคุณ เพื่อเสิร์ฟชาบูให้กับลูกค้าทั่วประเทศไทยภายในระยะเวลา 2 วัน ซึ่งปัจจุบันเกือบครอบคลุมกลุ่มเป้าหมายทั้ง 77 จังหวัดแล้ว 

การพลิกหาโมเดลธุรกิจและบริการใหม่ๆ ตอบโจทย์ผู้บริโภค ไม่เพียงพอที่จะอยู่รอดในวิกฤติ จึงย้ำให้ผู้ประกอบการร้านอาหารบริหารค่าใช้จ่ายให้ดี คุมต้นทุนเพื่อให้ร้านอยู่ให้ได้ รักษาคนให้ได้ดีที่สุด 

"เราโชคดีที่มีเงินทุนสำรอง เพื่อดูแลบริษัทไปได้ ส่วนจะยาวนานแค่ไหนตอบยาก แต่ละคนขึ้นอยู่กับสายป่านสั้นยาว สามารถพยุงตัวเองได้ไม่เท่ากัน แต่เรายังมุ่งลดต้นทุนให้ต่ำสุด เพราะยังไงต้องเผชิญขาดทุน แต่เชื่อว่าร้านอาหารยังมีแสงสว่างปลายอุโมงค์ วิกฤติโรคโควิดไม่อยู่ไปตลอด ตอนนี้ต้องทำยังไงให้มีลมหายใจยาวสุด" 
#3347


รัสเซลล์ เฮนลีย์ นักกอล์ฟมือ 56 ของโลกชาวอเมริกัน รักษาเก้าอี้ผู้นำศึก วินด์แฮม แชมเปียนชิพ อย่างเหนียวแน่นด้วยสกอร์ 14 อันเดอร์พาร์ ขณะที่ กิรเดช อภิบาลรัตน์ หนึ่งเดียวจากเมืองไทย ผ่านตัดตัวเข้าไปลุยต่อจนจบ

ศึกกอล์ฟ พีจีเอ ทัวร์ รายการ วินด์แฮม แชมเปียนชิพ ชิงเงินรางวัลรวม 6.4 ล้านเหรียญสหรัฐ (ประมาณ 212 ล้านบาท) ณ สนาม เซดเกฟิลด์ คันทรี คลับ ระยะ 7,127 หลา พาร์ 70 สหรัฐอเมริกา เมื่อวันที่ 13 สิงหาคม ที่ผ่านมา เข้าสู่การดวลสวิงวันที่สอง

ปรากฏว่า รัสเซลล์ เฮนลีย์ สวิงชาวอเมริกัน ยังเกาะตำแหน่งผู้นำต่อ หลังออกไปตีเพิ่มอีก 6 อันเดอร์ รวมสกอร์เป็น 14 อันเดอร์พาร์ เหนือกว่า รอรี ซับบาตินี, เว็บบ์ ซิมป์สัน, สกอตต์ เพียร์ซี อันดับ 2 ร่วมทั้ง 3 คนอยู่ 4 สโตรก

ด้านสวิงมือดังคนอื่นๆ จัสติน โรส จอมเก๋าชาวอังกฤษ เก็บได้อีก 5 อันเดอร์ สกอร์ขยับเป็น 9 อันเดอร์พาร์ ขึ้นมาที่ 5 ร่วม ตามด้วย ทอมมี ฟลีตวูด ขวัญใจชาวเมืองผู้ดี สกอร์ 6 อันเดอร์พาร์ อยู่อันดับ 23 ร่วม

ส่วนฝั่งของ "โปรอาร์ม" กิรเดช อภิบาลรัตน์ หนึ่งเดียวจากไทย รอบนี้ตี 3 เบอร์ดี เสีย 1 โบกี จบวันได้มา 2 อันเดอร์ สกอร์เพิ่มเป็น 6 อันเดอร์พาร์ อยู่อันดับ 23 ร่วม ได้เชียร์กันต่อในอีกสองวันที่เหลือจากนี้
#3348


เจมี คาร์ราเกอร์ อดีตกองหลังของ ลิเวอร์พูล แสดงทัศนะว่า ทัพนักเตะ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ที่มีมูลค่ารวมกันมหาศาล ไม่สมควรพลาดหยิบแชมป์ พรีเมียร์ ลีก อังกฤษ ฤดูกาลนี้

แมนฯยู มีคิวเปิดศึก พรีเมียร์ ลีก ซีซันใหม่ เจอกับ ลีดส์ ยูไนเต็ด ที่บ้านของตัวเอง วันที่ 14 สิงหาคม ขณะเดียวกัน ยังนับเป็นปีที่ 3 แล้วที่ โอเล กุนนาร์ โซลชา เข้ามารับตำแหน่งผู้จัดการทีม

"ผีแดง" ซีซันนี้ใช้เงินก้อนโตจ่ายค่าตัวนักเตะบิ๊กเนมอย่าง เจดอน ซานโช ที่ 73 ล้านปอนด์ และ ราฟาเอล วาราน กองหลังคนใหม่ 42 ล้านปอนด์ ซึ่งหากเมื่อนับค่าตัวของนักเตะชุดปัจจุบันทั้งทีม ก็อยู่ที่ 500 ล้านปอนด์

และนั่นทำให้ คาร์ราเกอร์ อดีตแนวรับ ลิเวอร์พูล มองว่า ถึงเวลาแล้วที่ลูกทีมของ โซลชา ต้องรีดฟอร์มยอดเยี่ยมไปคว้าแชมป์ พรีเมียร์ ลีก ให้ได้โดยไม่มีข้อแก้ตัวใดๆ เพราะถือว่ามีขุมกำลังที่เพียบพร้อมที่สุดแล้วในปีนี้

"โซลชา กำลังเข้าสู่การทำงานปีที่ 3 ในโอลด์ แทร็ฟฟอร์ด และสโมสรก็ต่อสัญญากับเขาอีก 3 ปี มันถึงเวลาแล้วที่ ยูไนเต็ด จะต้องลุยเพื่อแชมป์ลีก นั่นคือ ความคาดหวังที่แท้จริง และคุณไม่สามารถลดระดับความทะเยอะทะยานนั้นได้"

"ซีซันที่แล้ว ยูไนเต็ด มีศักยภาพที่จะชิงแชมป์ แต่กลับล้มเหลวเมื่อถึงเดือนมกราคม พวกเขาต้องดีกว่านี้ ยูไนเต็ด มี 11 ตัวจริงที่ราคาแพงที่สุดที่ 500 ล้านปอนด์ ดีกว่า แมนเชสเตอร์ ซิตี ที่มี แจ๊ค เกรียลิช ในราคา 100 ล้านปอนด์"

"นี่คือทีมที่ดีและมีราคาแพงทีเดียว ซึ่งน่าจะส่งผลถึงความกดดันที่มีต่อ ยูไนเต็ด ด้วยเช่นกัน กระนั้น พวกเขาผ่านช่วงเวลาแห่งการเปลี่ยนแปลงแล้ว"
#3349


นางลินดา ลีสหะปัญญา กรรมการผู้จัดการ บริษัท โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ จำกัด (มหาชน)หรือ BH แจ้งผลการดำเนินงานไตรมาส2ปี2564 จำนวน 216.46 ล้านบาท เพิ่มขึ้น387.2% จากช่วงเดียวกันปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 44.42 ล้านบาท เนื่องจากมีรายได้รวม3,020 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 23.2% โดยเป็นรายได้จากกิจการโรงพยาบาลจำนวน 2,980 ล้านบาท เพิ่มขึ้น23% จาก2,422 ล้านบาท ในไตรมาส 2 ปี 2563

ทั้งนี้สาเหตุหลักเป็นผลจากการเพิ่มขึ้นของรายได้จากกลุ่มผู้ป่วยชาวไทยและชาวต่างประเทศ 27.3%และ 18.5% ตามลําดับ เป็นผลให้รายได้จากกลุ่มผู้ป่วยชาวไทยคิดเป็นสัดส่วน 53.6%จากทั้งหมด ในขณะที่รายได้จากกลุ่มผู้ป่วยต่างประเทศคิดเป็น46.4% ในไตรมาส 2 ปี 2564 เทียบกับ 51.8% และ 48.2%ตามลําดับในไตรมาส 2 ปี 2563

ส่วนผลการดำเนินงานงวดครึ่งปีแรก2564 มีกำไรสุทธิ 307.59 ล้านบาท ลดลง 62%จากช่วงเดียวกันปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 809.62 ล้านบาท เนื่องจากมีรายได้ 5,694 ล้านบาท ลดลง13.5% จากครึ่งปีแรก2563 ที่มีรายได้รวม 6,586 ล้านบาท 

ทั้งนี้สาเหตุหลักเป็นผลจากการลดลงของรายได้จากกลุ่มผู้ป่วยชาวต่างชาติ 32.3% หักลบกับการเพิ่มขึ้นของราไยด้จากกลุ่มผู้ป่วยชาวไทย13.1% เป็นผลทำให้รายได้จากลุ่มผู้ป่วยชาวไทยคิดเป็น53.7% จากทั้งหมด ในขณะที่รายได้จากกลุ่มผู้ป่วยต่างประเทศคิดเป็น46.3%ในครึ่งปีแรกของปี2564เทียบกับ41%และ59%ตามลำดัล ในครึ่งปีแรกของปี2563

ขณะที่คณะกรรมการบริษัท (บอร์ด)อนุมัติจ่ายเงินปันผลเป็นเงินสดสำหรับผลดำเนินงานงวดครึ่งปีแรกปี 2564 (1ม.ค.-30มิ.ย.2564) ในอัตรา1.15 บาทต่อหุ้น โดยกำหนดรายชื่อผู้มีสิทธิได้รับปันผล (Record date) วันที่ 26 ส.ค. 2564 และวันที่ไม่ได้รับสิทธิปันผล(XD) วันที่ 25 ส.ค. 2564 กำหนดจ่ายวันที่ 8 ก.ย.2564
#3350


"ท่าอากาศยานนานาชาติชิงเต่า เจียวตง" สนามบินแห่งใหม่ ณ เมืองชิงเต่า มณฑลซานตงทางตะวันออกของจีน เปิดใช้อย่างเป็นทางการแล้ว เชื่อมต่อการเดินทางทั้งในและต่างประเทศ

สำนักข่าวซินหัว สื่อทางการของจีน เปิดเผยข้องมูลเมื่อวันที่ 12 ส.ค. ว่า มณฑลซานตงทางตะวันออกของจีน เปิดใช้งานท่าอากาศยานนานาชาติชิงเต่า เจียวตง ซึ่งเป็นสนามบินนานาชาติแห่งใหม่ของซานตงอย่างเป็นทางการ

ท่าอากาศยานนานาชาติชิงเต่า เจียวตง มีสถานะ 4เอฟ (4F) ซึ่งสูงสุดในการจัดระดับสนามบินของจีน สามารถรองรับอากาศยานขนาดใหญ่ อาทิ แอร์บัส เอ380 เครื่องบินโดยสารขนาดใหญ่ที่สุดในโลก

ท่าอากาศยานนานาชาติชิงเต่า เจียวตง (ภาพจาก สำนักข่าวซินหัว)
ท่าอากาศยานนานาชาติชิงเต่า เจียวตง (ภาพจาก สำนักข่าวซินหัว)

ชิงเต่า แอร์พอร์ต กรุ๊ป ระบุว่าโครงการระยะแรกของท่าอากาศยานฯ ครอบคลุมพื้นที่ 16.25 ตารางกิโลเมตร มีมูลค่าการลงทุนเกือบ 3.6 หมื่นล้านหยวน (ราว 1.8 แสนล้านบาท)

โครงการระยะแรกดังกล่าวจะสามารถรองรับปริมาณผู้โดยสารรายปีสูงถึง 35 ล้านคน ปริมาณสินค้า 5 แสนตัน และการขึ้นบิน-ลงจอดของอากาศยาน 3 แสนลำ ภายในปี 2025

นอกจากนั้นท่าอากาศยานฯ จะเชื่อมต่อชิงเต่ากับ 130 จุดหมายปลายทางในประเทศ ครอบคลุมเมืองและภูมิภาคสำคัญ รวมถึง 50 เมืองใหญ่ในต่างประเทศ ซึ่งมี 17 เมืองอยู่ในญี่ปุ่นและเกาหลีใต้

ท่าอากาศยานนานาชาติชิงเต่า เจียวตง (ภาพจาก สำนักข่าวซินหัว)
ท่าอากาศยานนานาชาติชิงเต่า เจียวตง (ภาพจาก สำนักข่าวซินหัว)

บรรดาผู้โดยสารสามารถเดินทางเข้าออกท่าอากาศยานฯ ซึ่งถือเป็นศูนย์กลางการคมนาคมขนส่งหลักอย่างสะดวกสบายผ่านบริการรถไฟใต้ดินและรถไฟความเร็วสูง

นักธุรกิจชาวเกาหลีใต้คนหนึ่งในเมืองชิงเต่าของซานตง เผยว่าการเปิดท่าอากาศยานฯ ช่วยให้นักธุรกิจ โดยเฉพาะธุรกิจการค้าระหว่างประเทศ เดินทางพบปะลูกค้าทั่วโลกง่ายดายยิ่งขึ้น

ขณะเดียวกันท่าอากาศยานฯ ยังเอื้ออำนวยประโยชน์แก่การขยับขยายเครือข่ายโลจิสติกส์ นำไปสู่การตัดลดต้นทุนการขนส่งอย่างมีนัยสำคัญอีกด้วย

ปัจจุบันการก่อสร้างโครงการระยะที่ 2 เริ่มดำเนินงานแล้ว หากเสร็จสิ้นจะทำให้ท่าอากาศยานฯ รองรับผู้โดยสารปีละ 55 ล้านคน สินค้า 1 ล้านตัน และเครื่องบินขึ้นลง 452,000 ลำ

ทั้งนี้ เมืองชิงเต่าได้ปิดบริการท่าอากาศยานนานาชาติชิงเต่า หลิวถิง หลังจากเปิดใช้งานท่าอากาศยานแห่งใหม่แล้ว
#3351


นายธนโชติ รุ่งสิทธิวัฒน์ กรรมการผู้จัดการ บลจ.เอ็มเอฟซี จำกัด (มหาชน) เผยว่า บริษัทจะทำการเสนอการลงทุนแบบแอคทีฟของกองทุนรวมผสม ที่ลงทุนแบบไม่มีความเสี่ยงต่างประเทศ จัดตั้งเป็นกองทุนเปิด MFC Thai Opportunity Drama-Addict Fund Series 1 (กองทุนเปิดเอ็มเอฟซี ไทย ออพพอร์ทูนิตี้ ซีรี่ส์ 1) หรือ MTOP1

MTOP1 มีจุดเด่นคือ กองทุนคาดหวังผลตอบแทนเป้าหมาย 5% ใน 5 เดือน เทียบกับอัตราดอกเบี้ยเงินฝากปัจจุบันที่ 1% ต่อปี โดยสามารถปรับเปลี่ยนสัดส่วนการลงทุนในหุ้นได้ตั้งแต่ 0-100% ตามภาวะตลาด ซึ่งการลงทุนจะพิจารณาจากปัจจัยเร่งที่จะสามารถทำให้กองทุนบรรลุผลตอบแทนเป้าหมายใน 5 เดือน

ที่ผ่านมาทาง MFC มีกองทุนหลากหลายที่ลงทุนในหุ้นหรือตราสารหนี้ในต่างประเทศซึ่งสามารถสร้างผลตอบแทนได้อย่างน่าพอใจ ในขณะเดียวกันเราเห็นว่า การลงทุนในประเทศไทยก็มีความน่าสนใจไม่น้อยแม้จะอยู่ในช่วงวิกฤต COVID-19 ที่หนักหน่วง แต่ในหลายกลุ่มอุตสาหกรรมยังสร้างผลประกอบการได้เป็นอย่างดี ทั้งเป็นการลงทุนแบบไม่มีความเสี่ยงต่างประเทศ กองทุน MTOP1 จึงเข้าลงทุนในตราสารแห่งทุน ที่มีปัจจัยพื้นฐานดี ตราสารแห่งหนี้ ที่ออกโดยสถาบันการเงินที่มีความมั่นคงสูง และได้รับการจัดอันดับความน่าเชื่อถืออยู่ในระดับที่สามารถลงทุนได้ (Investment grade) ตราสารกึ่งหนี้กึ่งทุน หรือตราสารอนุพันธ์ โดยลงทุนในสัญญาซื้อขายล่วงหน้าใน SET50 Index Futures เป็นต้น

ภาพรวมตลาดมีปัจจัยสนับสนุนให้กองทุนนี้น่าลงทุน 3 ปัจจัย ได้แก่ 1) การเร่งผลิตและแจกจ่ายวัคซีนทั่วโลกซึ่งจะทำให้เกิดภูมิคุ้มกันหมู่และส่งผลให้แต่ละประเทศสามารถเปิดประเทศได้ส่งผลบวกโดยตรงต่อกิจกรรมทางเศรษฐกิจทั่วโลกรวมถึงไทย 2) มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจจากภาครัฐ 3) การฟื้นตัวของกิจกรรมทางเศรษฐกิจทั่วโลกส่งผลดีต่อภาคการส่งออกไทย โดยทางผู้จัดการกองทุนมีกลยุทธ์การจัดพอร์ตโฟลิโอโดยเน้นลงทุนในหุ้นรายตัวที่มีพื้นฐานดี และมีปัจจัยสนับสนุน เฉพาะตัว ซึ่งแม้การแพร่ระบาดระลอกสามในประเทศจะยังควบคุมไม่ได้ในทันที แต่กำไรของหุ้นเหล่านี้ก็จะยังสามารถเติบโตได้ดีและราคาหุ้นมีความแข็งแกร่งแม้ในช่วงตลาดปรับฐาน

ยกตัวอย่างเช่น หุ้นที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจส่งออกและการขนส่งระหว่างประเทศ ซึ่งจะมีผลดำเนินงานแข็งแกร่งสอดคล้องกับการฟื้นตัวของเศรษฐกิจทั่วโลก รวมถึงหุ้นในกลุ่มธุรกิจ New S-Curve หรือหุ้นที่ได้รับประโยชน์จาก mega trend เช่น หุ้นที่เกี่ยวข้องกับกัญชง หลังรัฐบาลไทยได้ปลดล็อกกัญชงให้เอกชนสามารถนำพืชชนิดนี้มาใช้ในผลิตภัณฑ์ต่างๆได้ และหุ้นกลุ่มการเงินที่ประกอบธุรกิจบริหารหนี้เสียและทวงหนี้ จากปริมาณหนี้เสียและหนี้พักชำระในประเทศที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นในช่วงการระบาดของไวรัสโควิด-19 ทางธนาคารพาณิชย์จึงต้องทยอยขายหนี้ออกมาปริมาณมาก ปัจจัยนี้จะช่วยให้หุ้นในกลุ่มบริหารหนี้เสียสามารถมีกำไรเติบโตได้ดี

ทั้งนี้ MTOP1 เปิดขายและให้จองซื้อได้ระหว่างวันที่ 16 - 20 สิงหาคม 2564 มูลค่าขั้นต่ำของการซื้อในแต่ละครั้ง 1,000 บาทกองทุน กองทุนสามารถซื้อขายได้ทุกวันทำการ และมีนโยบายไม่จ่ายเงินปันผล อย่างไรก็ตามในช่วงระยะเวลา 5 เดือนแรก นับแต่วันจดทะเบียนกองทรัพย์สินเป็นกองทุนรวม ผู้ลงทุนไม่สามารถขายคืนหรือ สับเปลี่ยนหน่วยลงทุนออกจากกองทุนนี้
#3352
ข้อมูลการติดต่อหน่วยงานสถานการณ์โควิด สำหรับผู้ป่วยโควิท และ ประชาชนทั่วไป ร่วมกันช่วยเหลือคนที่ได้รับความเดือนร้อนจากโควิด19  ให้ข้อมูลต่างๆเกี่ยวกับสถาณการ์โควิท สำหรับผู้ป่วยโควิท และ ประชาชนทั่วไป


 ข้อมูลการติดต่อหน่วยงานสถานการณ์โควิด สำหรับผู้ป่วยโควิท และ ประชาชนทั่วไป ร่วมกันช่วยเหลือคนที่ได้รับความเดือนร้อนจากสถานการณ์โควิดได้ที่  www.jitasa.care

 ข้อมูลการติดต่อหน่วยงานสถานการณ์โควิด เว็บ JITASA.CARE จิตอาสาดูแลไทย (สำหรับอาสาสมัคร)  ร่วมกันช่วยเหลือคนที่ได้รับความเดือนร้อนจากโควิด19

เว็บ ร่วมกันช่วยเหลือคนที่ได้รับความเดือนร้อนจากโควิด19  ให้ข้อมูลต่างๆเกี่ยวกับสถาณการ์โควิท สำหรับผู้ป่วยโควิท และ ประชาชนทั่วไป
.
สายด่วนสถานการณ์โควิด-19, ข้อมูลการติดต่อหน่วยงานสถานการณ์โควิด (กรุงเทพมหานคร),แนวทางปฏิบัติในการแยกกักตัวที่บ้าน (Home Isolation),
แนวทางการจัดการศพผู้ป่วยติดเชื้อโควิด-19

และ ข้อมูลติดต่อฉุกเนิน ต่างๆเช่น

-สายด่วนกรมการแพทย์ ช่วยเหลือผู้ป่วยในการหาเตียง โทร 1668
-สถาบันการแพทย์ฉุกเฉินแห่งชาติ สำหรับผู้ป่วยฉุกเฉินทันที /โทร 1669
-สายด่วน สปสช. ช่วยเหลือผู้ติดเชื้อที่ยังไม่ได้รับการดูแลรักษาในโรงพยาบาล โทร 1330
-ศูนย์บริการข้อมูลภาครัฐเพื่อประชาชน โทร 1111
-สบายดีบอต หาเตียง Line Official: https://bit.ly/Covid-SaBaiDee
-กรุงเทพมหานคร Line ID: @bkkcovid19connect หรือ https://bit.ly/Covid-BKK
-เราต้องรอด Facebook: www.facebook.com/savethailandsafe Line ID: @iwillsurvive หรือ https://bit.ly/ Covid-iwillsurvive
-โควิดติดล้อถึงเตียง Facebook: www.facebook.com/CC.Kontumngan


และข้อมูลอื่นๆ คลิก JITASA.CARE 

รายละเอียดเพิ่มเติม
https://prakasfree.website/ข้อมูลการติดต่อหน่วยงา/



คำค้น
#ช่วยเหลือโควิท, #ร่วมกันช่วยเหลือคนเดือดร้อนจากโควิท19, สายด่วน สถานการณ์โควิด-19, ข้อมูลการติดต่อหน่วยงานสถานการณ์โควิด,
แนวทางปฏิบัติในการแยกกักตัวที่บ้าน (Home Isolation), แนวทางการจัดการศพผู้ป่วยติดเชื้อโควิด-19
 
#3353


วันที่ 11 ส.ค. 2564 รศ.นพ.สุริยเดว ทรีปาตี กุมารแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านเด็กและวัยรุ่น ผู้อำนวยการศูนย์คุณธรรม ร่วมสนทนาในรายการ "คนเคาะข่าว" ออกอากาศทางสถานีโทรทัศน์ผ่านดาวเทียม ช่อง "นิวส์วัน" ในหัวข้อ "วิกฤตโควิด เรียนออนไลน์ หรือ หยุดเรียน 1 ปี ?"

โดย รศ.นพ.สุริยเดว กล่าวว่า ระบบการศึกษาของไทยเป็นระบบ.สูง สอบได้สอบตก แล้วเด็กแต่ละคนมีความถนัดต่างกัน แต่ถูกจับเข้าระบบคล้ายกับอุตสาหกรรมการศึกษา ทำให้เด็กมีความตึงเครียดสูง ปกติเวลาไปโรงเรียน เด็กก็จะคลายเครียดด้วยการเล่นในเวลาพักเบรก แต่ตอนนี้ต้องอยู่หน้าจอตลอดเวลา

แล้วตอนนี้น่าเห็นใจพ่อแม่มาก ภาระทุกอย่างอยู่ที่บ้าน ตนพูดตั้งแต่ปีที่แล้ว สถานการณ์โควิดควรพลิกวิกฤติเป็นโอกาส ไม่ใช่เอาวิชาทั้งหมดมาทำเป็นเรียนออนไลน์ เด็กวันนึงอยู่หน้าจอหลายชั่วโมง ไม่สามารถออกนอกบ้านได้ ไม่สามารถเจอเพื่อนฝูงได้ แถมเรื่องไหนที่ไม่เข้าใจ พ่อแม่ก็ต้องช่วยลูก มันจึงไม่ใช่ตึงเครียดแค่เด็ก แต่เครียดทั้งบ้าน

รศ.นพ.สุริยเดว กล่าวอีกว่า สิ่งที่กระทรวงศึกษาฯ ควรทำ คือต้องปลดล็อก ถ้ายังมีทัศนคติให้เอาเนื้อหาวิชาที่เรียนอยู่ตอนไม่มีโควิด เอาทั้งหมดมาแปรรูปไว้ในออนไลน์ ให้เด็กเรียนแต่เช้าจนบ่ายสาม แล้วให้การบ้าน ถ้ายังทำลักษณะนี้ อย่าว่าแต่เด็กเลย ผู้ใหญ่มานั่งเรียนแบบนี้ก็เครียด

ยิ่งเด็กเล็กปฐมวัย ผิดหลักพัฒนาการอีก เพราะเด็กเล็กสมาธิสั้น เรียนคุณครูทุกท่าน เด็กเล็กสมาธิสั้นทั้งโลกไม่ใช่เฉพาะเด็กไทย การเรียนของเด็กอนุบาล ควรเรียนรู้ผ่านการเล่น การนั่งหน้าจอผิดหลักการแน่นอน

ตนเสนอให้สำรวจพ่อแม่ ซึ่งควรทำตั้งแต่ปีที่แล้ว ว่ามีกี่ครอบครัวที่พร้อมเป็นโฮมสคูลได้ กี่ครอบครัวไม่มีอินเตอร์เน็ต กี่ครอบครัวที่พ่อแม่ไม่มีเวลา จากนั้นจัดให้มีอาสามัครการศึกษาขึ้นมา ให้เกิดการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ แล้วโรงเรียนคอยให้คำแนะนำพ่อแม่ว่าต้องเรียนอะไรบ้าง โดยให้แต่ละครอบครัวไปใช้เวลาว่างของตัวเอง ไม่ใช่ต้องเข้าเรียนเลิกเรียนตามเวลา

สอง ยกเลิกระบบแพ้คัดออก ยกเลิกการตัดเกรดออกทั้งหมด โดยเฉพาะในเด็กอนุบาลและประถมทั้งหมด โดยเด็กอนุบาลให้ดูที่พัฒนาการของเขาเอา

ระดับ ป.1-6 กระทรวงต้องใจกล้าประกาศเป็นหลักสูตรสมรรถนะ ยกเลิกรายวิชาที่มันมีกี่สาระการเรียนรู้เต็มไปหมด และหลักสูตรตามชั่วโมง ยกเลิกให้หมด และยกเลิกการตัดเกรดไปด้วย โดยให้ครูมาเป็นช่วง ๆ แล้วมีจังหวะให้พักได้ เช่นชั่วโมงเช้าเรียนรู้อะไร ช่วงบ่ายให้เวลาเด็กไปเรียนรู้ ทดลอง โดยใช้ข้าวของในบ้านเลยก็ได้

ระดับมัธยม วิชาไหนไม่มีความจำเป็น ยกเลิกได้ก็ดี ในวัยนี้เขาสามารถเรียนออนไลน์ได้ แต่มันไม่ใช่การเรียนเต็มเหนี่ยว ควรปล่อยครึ่งวันให้โล่ง ให้เขาไปทบทวนบทเรียน

อีกอันที่ตนเสนอไปที่รัฐมนตรีแล้วด้วย คือควรแปรรูปกิจกรรมโฮมรูมเป็น 3 คำถาม คือ ถามลูกว่าเรียนมาทั้งวันรู้สึกอย่างไรบ้าง ได้เรียนอะไร แล้วสิ่งที่เรียนมาจะเอาไปปรับใช้ทำอะไรได้บ้าง

รศ.นพ.สุริยเดว กล่าวต่ออีกว่า โรงเรียนต้องเป็นศูนย์กลางโฮมสคูล คอยสนับสนุนพ่อแม่ คนที่พร้อมก็ช่วยอัปสกิลให้ ส่วนคนที่ไม่พร้อมก็มีอาสามัครลงพื้นที่

รศ.นพ.สุริยเดว กล่าวอีกว่า เรื่องข้อเสนอหยุดเรียน 1 ปี ถ้ากระทรวงทำเท่ากับยกธงขาวยอมแพ้ ทำไมถึงไม่ทำตามที่ตนเสนอ ทำไมโรงเรียนจะเป็นศูนย์กลางการเรียนรู้แห่งโลกออนไลน์ไม่ได้ โดยที่ไม่ต้องเข้าแถวเวลาพร้อมกัน ให้เป็นเรื่องของแต่ละบ้านแต่ละท้องถิ่น

การเรียนรู้หยุดไม่ได้ แต่อย่าทำผิดหลักธรรมชาติ หลักจิตวิทยาพัฒนาการ และต้องต้องไม่ผิดหลักสังคม พ่อแม่มีภาระมากมาย อะไรที่ติดขัดเพราะกฎหมายก็ล้างมันซะ นี่มันเป็นสงครามโรค เลิกยึดติดกรอบเดิม ๆ
#3354


ดัชนีดาวโจนส์ ปิดวันอังคาร (10 ส.ค.)ปรับตัวขึ้น 162 จุด โดยได้แรงหนุนจากการคาดการณ์ที่ว่า วุฒิสภาสหรัฐจะลงมติให้ความเห็นชอบต่อร่างกฎหมายการใช้จ่ายด้านโครงสร้างพื้นฐานวงเงิน 1 ล้านล้านดอลลาร์ในวันนี้ ซึ่งจะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจสหรัฐ
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์เพิ่มขึ้น 162.82 จุด หรือ 0.46% ปิดที่ 35,264.67 จุด ดัชนีเอสแอนด์พี500 เพิ่มขึ้น 4.40 จุด หรือ 0.10% ปิดที่ 4,436.75 จุด และดัชนีแนสแด็ก ลดลง 72.09 จุด หรือ 0.49% ปิดที่ 14,788.09 จุด

ตลาดหุ้นวอลล์สตรีทได้ปัจจัยบวกจากการที่วุฒิสภาสหรัฐลงมติให้ความเห็นชอบต่อร่างกฎหมายการใช้จ่ายด้านโครงสร้างพื้นฐานวงเงิน 1 ล้านล้านดอลลาร์ในวันนี้ ก่อนส่งต่อเข้าสู่การพิจารณาของสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐ โดยโครงการดังกล่าวเป็นหนึ่งในโครงการที่ประธานาธิบดีโจ ไบเดนให้ความสำคัญเป็นอันดับแรก

ทำเนียบขาวระบุว่า โครงการดังกล่าวรวมถึงการใช้จ่ายงบประมาณครั้งใหม่วงเงิน 5.5 แสนล้านดอลลาร์ ซึ่งจะรวมทั้งโครงการสร้างถนน สะพาน ทางรถไฟ ปัจจัยพื้นฐานสำหรับรถยนต์ไฟฟ้า อินเทอร์เน็ตความเร็วสูง และโครงการอื่นๆ

ขณะที่ราคาหุ้นกลุ่มพลังงานดีดตัวขึ้นในวันนี้ หลังจากดิ่งลงอย่างหนักวานนี้ตามการทรุดตัวของราคาน้ำมัน ขณะที่หุ้นกลุ่มที่ได้ประโยชน์จากการเปิดเศรษฐกิจ เช่น กลุ่มธุรกิจเรือสำราญและกลุ่มสายการบิน ปรับตัวขึ้นเช่นกัน

หุ้นกลุ่มธนาคารพุ่งขึ้นในวันนี้ตามการดีดตัวขึ้นของของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐ

ตลาดจับตาตัวเลขเงินเฟ้อของสหรัฐในสัปดาห์นี้ โดยกระทรวงแรงงานสหรัฐจะเปิดเผยดัชนีราคาผู้บริโภค (ซีพีไอ) ซึ่งเป็นมาตรวัดเงินเฟ้อจากการใช้จ่ายของผู้บริโภค ในวันพุธ และเปิดเผยดัชนีราคาผู้ผลิต (พีพีไอ) ซึ่งเป็นมาตรวัดเงินเฟ้อจากการใช้จ่ายของผู้ผลิต ในวันพฤหัสบดี

นักลงทุนวิตกว่า หากสหรัฐเปิดเผยตัวเลขเงินเฟ้อที่พุ่งขึ้นเกินคาด หลังจากที่มีการเปิดเผยตัวเลขการจ้างงานที่แข็งแกร่ง ก็จะเป็นปัจจัยสนับสนุนให้ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) เริ่มปรับลดวงเงินในโครงการซื้อพันธบัตรตามมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (คิวอี) รวมทั้งปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเร็วกว่าที่คาดไว้ ซึ่งจะเป็นปัจจัยลบต่อตลาดหุ้นวอลล์สตรีท

นักลงทุนคาดว่าเฟดจะส่งสัญญาณที่ชัดเจนมากขึ้นเกี่ยวกับทิศทางอัตราดอกเบี้ย รวมทั้งแนวโน้มการปรับลดวงเงินคิวอีในการประชุมประจำปีของเฟดที่เมืองแจ็กสัน โฮล รัฐไวโอมิง ในวันที่ 26-28 ส.ค.

นายริชาร์ด แคลริดา รองประธานเฟด ส่งสัญญาณในการกล่าวถ้อยแถลงก่อนหน้านี้ว่า เฟดจะปรับลดวงเงินคิวอีภายในปีนี้ ก่อนที่จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในปี 2566

ขาดแคลนแรงงาน:ปัญหาใหญ่นิวซีแลนด์
ทั้งนี้ นายแคลริดากล่าวว่า เศรษฐกิจสหรัฐมีแนวโน้มที่จะบรรลุเป้าหมายด้านการจ้างงานและเงินเฟ้อของเฟดภายในปลายปีหน้า ซึ่งจะทำให้เฟดปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในปี 2566

"ผมเชื่อว่าเศรษฐกิจจะบรรลุเงื่อนไขที่จำเป็นต่อการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของเฟดภายในปลายปีหน้า และการกลับมาใช้นโยบายการเงินแบบปกติในปี 2566 จะสอดคล้องกับกรอบเป้าหมายเงินเฟ้อเฉลี่ยแบบยืดหยุ่นของเฟด" นายแคลริดากล่าว

"หากการคาดการณ์ของผมเป็นจริง ก็คาดว่าเฟดจะเริ่มประกาศปรับลดวงเงินในการซื้อพันธบัตรภายในปีนี้" เขากล่าว

คำกล่าวของนายแคลริดาสอดคล้องกับถ้อยแถลงของนายคริสโตเฟอร์ วอลเลอร์ ซึ่งเป็นหนึ่งในผู้ว่าการของเฟด โดยนายวอลเลอร์ระบุว่า เฟดควรจะเริ่มปรับลดวงเงินคิวอีภายในเดือนต.ค.
#3355

  • ไฟตกหมึกใต้น้ำ แบบใช้หย่อนลงในน้ำ
  • โคมไฟใต้น้ำรุ่นนี้จะมีหลอดไฟLEDทั้งหมด 180LED มีกำลังวัตต์ประมาณ18w ให้แสงสีเขียว ใช้งานง่ายโดยนำสายไฟมาต่อขั้วบวกและลบเข้าแบตเตอรี่แล้วจุ่มไฟลงในน้ำ เพียงเท่านี้ก็เปิดล่อหมึกได้แล้ว แสงสีเขียวจะสว่างส่องในทิศทางรอบตัวโคม ซึ่งจะกระจายแสงได้ดี อีกทั้งแสงสีเขียวของโคมนั้นสามารถทะลุทะลวงชั้นผิดน้ำทะเลได้ดีอีกด้วย
  • การหย่อนโคมไฟลงใต้น้ำควรคำนึงถึงแรงกดอากาศด้วย ยิ่งหย่อนลงลึกเท่าไหร่แรงกดอากาศจะยิ่งเพิ่มขึ้นมากเท่านั้น (แนะนำควรใช้งานไม่เกินความลึกที่2เมตร)
  • คุณสมบัติไฟตกหมึกใต้น้ำ 15W 12V แสงสีเขียว
  • -หลอด LED สีเขียว ความสว่าง 900 Lumens
  • -ใช้แรงดันไฟ 12 v 18 Watts.
  • -ประกอบด้วยหลอด LED ทั้งหมด 180 หลอด
  • -ใช้สำหรับล่อปลา ล่อหมึก
  • -การใช้งานหย่อนลงใต้น้ำล่อปลา ปลาหมึกใต้น้ำ ใต้ท้องเรือ
  • สายยาว 5 เมตร
สั่งซื้อ https://bit.ly/2VBceGl

 
#3356


ประเทศไทยถือเป็นประเทศที่ขึ้นชื่อในเรื่องของสมุนไพรต่างๆ เช่นเดียวกับสมุนไพรประเภทที่ช่วยในเรื่องของการขับถ่าย สาวใต้วัย 23 ปี จึงถือกำเนิดแบรนด์ "Suamtaek" น้ำสมุนไพรที่ช่วยในเรื่องของการขับถ่าย ผลตอบรับล้นหลามจึงปรับโดยการแปรรูปเป็น เจลลี่ เพื่อขายกลุ่มลูกค้า ให้สามารถกินได้ง่ายกว่าเดิม



ปภาวรินท์ พึ่งเกียรติรัศมี หรือปันปัน เจ้าของแบรนด์ "Suamtaek" วัย 23 ปี เล่าว่า หลังจากเรียนจบจากสาธารณรัฐประชาชนจีน ก็กลับมาช่วยงานที่บ้าน ในจังหวัดสงขลา ระหว่างนั้นก็ต้องการที่จะมีธุรกิจเป็นของตัวเองด้วย โดยตนก็เริ่มจากการขายสมุนไพรอบแห้ง และพัฒนามาเป็น สมุนไพรแบบบรรจุขวดพร้อมดื่ม แต่ก็ติดปัญหาตรงที่ไม่สามารถส่งให้ลูกค้าที่อยู่ในระยะไกลได้



ทั้งนี้ตนยังต้องการที่จะพัฒนาสินค้าให้แปลกและแตกต่างไปจากผู้ประกอบการรายอื่นๆ ทำให้สมุนไพรนี้สามารถกินได้ง่ายขึ้น ไม่มีกลิ่น หรือรส ที่เป็นสมุนไพร ทำให้ลูกค้ากลุ่มที่ไม่ชื่นชอบน้ำสมุนไพรแบบต้ม ได้มาลองในรูปแบบเจลลี่ รสองุ่น จึงเริ่มขึ้นมาเป็นแบรนด์ "Suamtaek" ซึ่งเปิดตัวมาได้นาน 3 เดือนแล้ว



สำหรับส่วนประกอบหลักๆ ที่มีอยู่ในเจลลี่ "Suamtaek" คือ ไคโตซาน ไซเลี่ยมฮัสก์ เมล็ดกาแฟสด บร็อคโคลี่ พุทรา และดอกเก็กฮวย เป็นต้น ช่วยในเรื่องของระบบขับถ่าย เหมาะสำหรับคนที่ท้องผูก ซึ่งส่วนประกอบทั้งหมดนี้เรียกได้ว่าเป็นออร์แกนิค และผลิตในโรงงานที่ได้มาตรฐานการผลิตอีกด้วย



"ตอนที่ตัดสินใจทำส่วนตัวเรียกได้ว่าเป็นคนธาตุหนักขับถ่ายยาก บวกกับเป็นริดสีดวง หลักจากเรียนจบกลับมาก็อยากหาอะไรทำ จึงเลือกทำเป็นสมุนไพรดีท็อกซ์ ลองขายหลายรูปแบบ ล่าสุดพัฒนาแปรรูปให้เป็น เจลลี่ ดีท็อกซ์ เรียกได้ว่าเราเป็นเจ้าแรกที่ทำสมุนไพรดีท็อกซ์ ในรูปแบบเจลลี่แบบนี้ด้วยค่ะ ผลตอบรับจากลูกค้าถือว่าดีมากเพราะว่าลูกค้าที่เคยซื้อไปลองแล้ว ยังกลับมาซื้อซำ้อีกบ่อยๆ จนตอนนี้สินค้าที่ผลิตออกมาล็อตแรกๆ ใกล้หมดแล้ว และเตรียมสั่งล็อตต่อไปเรียบร้อย"



สินค้าใน 1 กล่องจะมีทั้งหมด 5 ชิ้น ราคากล่องละ 290 บาท ซึ่งงานทั้งหมดจะทำเองเรียกได้ว่าตั้งแต่ต้นจนไปถึงมือลูกค้า ดูแลในเรื่องของการติดต่อโรงงาน การตลาด ทั้งการโปรโมท ลงโฆษณา แผนการขายโปรโมชั่น วางแผนทำเองทุกอย่างทั้งหมดด้วยตัวเอง และในการทำธุรกิจตั้งแต่อายุยังน้อยเช่นนี้ การเริ่มต้นจะต้องมีทุน แน่นอนว่าการทำธุรกิจจะต้องมีเงินทุน และอีกอย่างหนึ่งในการทำธุรกิจคือต้องมีไอเดีย เรียกได้ว่าเป็นส่วนที่สำคัญที่สุด



ในการทำธุรกิจนอกจากมีทุน และไอเดียแล้ว ยังต้องมีในเรื่องของความพร้อม พร้อมในที่นี้คือ พร้อมที่จะทำธุรกิจ ต้องมีการวางแผนให้ดี ไม่วู่วาม สำรวจตลาดให้ดี รอบคอบ เช่น การทำธุรกิจในครั้งนี้จะทำอย่างไรให้แตกต่างจากผู้ประกอบการรายอื่นๆ



สำหรับการเริ่มต้นธุรกิจในช่วง โควิด-19 เช่นนี้ ทำให้การทำงานยากขึ้นไปอีก เนื่องจากการวางแผนในครั้งแรกคือเรื่องของราคา การตั้งราคาที่สูงทำให้ลูกค้าตัดสินใจซื้อยาก และด้วยสินค้าของ "Suamtaek" ถือเป็นสินค้าในกลุ่มสินค้าฟุ่มเฟือย (Luxury goods) คือจะมีหรือไม่มีก็ได้ ทำให้ยากในเรื่องการปิดยอดขาย



ในอนาคตตั้งเป้าไว้ว่า จะเพิ่มในรสชาติของเจลลี่ดีท็อกซ์ ให้มีเพิ่มมากขึ้น พร้อมทั้งผลิตสินค้าใหม่ๆ เพิ่มขึ้นมา ที่เกี่ยวกับรังนกที่เป็นธุรกิจของที่บ้าน อาจจะเลือกเพิ่มสินค้าในไลน์อื่นๆ เพิ่มขึ้น เพื่อเป็นการเสริมกับธุรกิจของครอบครัวอีกช่องทางหนึ่ง

สนใจติดต่อ เฟซบุ๊ก : Suamtaek_detox
#3357


The 1 ผู้นำดิจิทัลไลฟ์สไตล์และลอยัลตี้แพลตฟอร์มอันดับ 1 ของไทย ภายใต้กลุ่มเซ็นทรัล ผนึกกลยุทธ์ Omnichannel ร่วมกับเครือเซ็นทรัล เดินหน้ามอบความสะดวกสบายและความเอ็กซ์คลูซีฟให้กับสมาชิกกลุ่ม The 1 Exclusive ลูกค้าคนพิเศษของ The 1 ในช่วงโควิด ด้วยฟีเจอร์ล่าสุด ปุ่มโทรออกถึง Personal Shopper ติดต่อผู้ช่วยช้อปส่วนตัวได้โดยตรงในคลิกเดียว

เพียงสมาชิก The 1 Exclusive ดาวน์โหลดแอปพลิเคชั่น The 1 แล้วกดปุ่มโทรออกที่หน้าโปรไฟล์หรือหน้า The 1 Exclusive Hub แอปฯ จะทำการโทรออกถึงผู้ช่วยส่วนตัวที่ The 1 ได้มอบหมายให้ดูแลคุณโดยเฉพาะไว้ก่อนหน้าโดยไม่จำเป็นต้องบันทึกเบอร์โทรศัพท์ พิเศษยิ่งกว่า! เฉพาะสมาชิก The 1 Exclusive ที่ช้อปผ่านผู้ช่วยช้อปส่วนตัว จะได้รับคะแนน The 1 เพิ่มเป็น 3 เท่า สำหรับทุกการสั่งซื้อที่ห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัลและห้างสรรพสินค้าโรบินสัน ตั้งแต่ 1 สิงหาคม 2564 - 31 สิงหาคม 2564

สัมผัสประสบการณ์พิเศษจาก The 1 Exclusive ได้แล้ววันนี้ โดยสมาชิก The 1 สามารถอัปเกรดสถานะสมาชิกเป็น The 1 Exclusive ในเดือนถัดไปหลังจากเพียงสะสมยอดใช้จ่ายในกลุ่มเซ็นทรัลตั้งแต่ 250,000 บาทขึ้นไป หรือ 400,000 บาทเมื่อรวมกับยอดใช้จ่ายจากร้านค้าผู้เช่าในศูนย์การค้าเซ็นทรัลและเซ็นทรัล เอ็มบาสซีที่เข้าร่วม ผ่านการยื่นใบเสร็จ ณ จุดแลกของสมนาคุณทุกสาขา โดยสามารถเช็คยอดใช้จ่ายสะสมแบบ Real Time ได้ผ่านแอปพลิเคชั่น The 1 ซึ่งจะเแสดงผลยอดซื้อสะสม ทั้งแบบเฉพาะเครือเซ็นทรัล รีเทล และแบบรวมยอดทั้งเครือเซ็นทรัล รีเทล และร้านค้าผู้เช่าในศูนย์การค้าเซ็นทรัล และเซ็นทรัล เอ็มบาสซีที่เข้าร่วม

อัพเดต / ดาวโหลด แอป The 1 เวอร์ชั่นใหม่ ได้แล้ววันนี้ เพื่อสัมผัสประสบการณ์ที่ดีกว่าได้ทุกวัน ทั้งบน App Store, Play Store และ Huawei AppGallery
https:// go.the1.co.th/UohD/78f4c04
#3358


การระบาดของโรคโควิด-19 ระลอกใหม่ส่งผลให้มีผู้ป่วยสะสมนับตั้งแต่วันที่ 1 เม.ย.2564 ถึงวันที่ 10 ส.ค.2564 รวม 767,088 ราย และมผู้ป่วยที่กำลังรักษา 211,223 ราย 

ในขณะที่จำนวนเตียงที่รองรับการรักษาข้อมูลล่าสุดวันที่ 4 ส.ค.2564 ทั่วประเทศมีเตียง 197,837 ราย ใช้ไปแล้ว 151,103 เตียง คิดเป็น 76.38% และมีเตียงว่าง 46,516 เตียง แบ่งเป็นเตียงว่างในกรุงเทพฯ 5,331 เตียง และในต่างจังหวัด (รวมปริมณฑล) 41,185 เตียง ซึ่งขณะนี้สถานการณ์เตียงในระบบสาธารณสุขจึงน่าเป็นห่วง

ทั้งนี้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี จะเป็นประธานเปิดหน่วยคัดกรองผู้ป่วยโควิด-19 และโรงพยาบาลสนามครบวงจร (End-to-End) ในโครงการ "ลมหายใจเดียวกัน" ของกลุ่ม ปตท. วันที่ 11 ส.ค.2564 ที่ทำเนียบรัฐบาล โดยมี นายอรรถพล ฤกษ์พิบูลย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปตท.จำกัด (มหาชน) เข้าร่วม

รายงานข่าวจาก ปตท.ระบุว่า กลุ่ม ปตท.ได้จัดตั้ง "โครงการลมหายใจเดียวกัน" เพื่อสนับสนุนการแก้ปัญหาวิกฤติโควิด-19 ของประเทศ ร่วมเป็นพลังต่อลมหายใจของประชาชน รวมถึงเศรษฐกิจของประเทศให้เดินหน้าต่อไป โดยในระยะแรกได้เร่งส่งมอบเครื่องช่วยหายใจ เครื่องให้ออกซิเจนอัตราไหลสูง พร้อมสนับสนุนออกซิเจนเหลวแก่โรงพยาบาลในพื้นที่วิกฤติ และมีความจำเป็นเร่งด่วนเพื่อใช้ในการรักษาอาการผู้ป่วยโควิด-19 ทั้งในกรุงเทพฯ ปริมณฑลและต่างจังหวัดรวมกว่า 200 แห่ง ทั่วประเทศ

รวมทั้งในระยะต่อมาได้สนับสนุนงบประมาณและอุปกรณ์ทางการแพทย์ในการจัดตั้งโรงพยาบาลสนาม 7 แห่ง ร่วมกับกรุงเทพมหานคร จัดหน่วยวัคซีนเคลื่อนที่เชิงรุกใน 4 พื้นที่เปราะบางและมีความเสี่ยงสูง รวมถึงเดินหน้าโครงการ Restart Thailand ต่อเนื่องทำให้มีอัตราการจ้างงานภายในประเทศเพิ่มขึ้นกว่า 25,000 อัตรา ในช่วงที่สภาวะเศรษฐกิจชะลอตัว ซึ่งนับตั้งแต่ต้นปี 2563 จนถึงปัจจุบัน กลุ่ม ปตท.ได้สนับสนุนความช่วยเหลือบุคลากรทางการแพทย์ ร่วมบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชนในภาวะวิกฤติโควิด-19 แล้วรวมเป็นงบประมาณจำนวนกว่า 1,700 ล้านบาท

ในขณะที่สถานการณ์โควิด-19 ในปัจจุบันยังไม่คลี่คลาย และมีผู้ป่วยหนักสูงขึ้น ซึ่งกลุ่ม ปตท.มีแผนช่วยเหลือประชาชนและแบ่งเบาภาระภาครัฐ โดยร่วมกับกระทรวงสาธารณสุข และพันธมิตรทางการแพทย์ จัดตั้งหน่วยคัดกรองและโรงพยาบาลสนามครบวงจรแบบ End-to-End ภายใต้โครงการลมหายใจเดียวกัน เพื่อรองรับจำนวนผู้ป่วยที่ยังคงมีตัวเลขที่สูงขึ้น ซึ่งจะช่วยลดการเสียชีวิต ช่วยบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชน และเพื่อหยุดยั้งการแพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19 เร็วที่สุด



สำหรับหน่วยคัดกรองและโรงพยาบาลสนามครบวงจร (End-to-End) วางแนวทางการดำเนินงานที่มุ่งเน้น "ตรวจเร็ว แยกเร็ว รักษาเร็ว" ซึ่งจะเป็นการตรวจรักษาแบบครบวงจรแห่งแรกที่เอกชนร่วมกับภาครัฐ ประกอบด้วย 4 จุดหลัก ได้แก่

จุดที่ 1 หน่วยคัดกรอง โครงการลมหายใจเดียวกัน ณ อาคาร Energy Terminal (Enter) ของบริษัทเอนเนอร์ยี่ คอมเพล็กซ์ จำกัด กลุ่ม ปตท. ถนนวิภาวดีรังสิต กรุงเทพฯ เพื่อเป็นจุดคัดกรองสำหรับกลุ่มเสี่ยง โดยวางระบบดิจิทัลเพื่อลงทะเบียน และเริ่มจากการตรวจโดยใช้ชุดตรวจ Antigen test kit และหากพบว่ามีการเสี่ยงติดเชื้อ จะนำส่งตรวจ RT-PCR 

สำหรับผู้ป่วยระดับสีเขียวที่ตรวจพบสามารถทำการดูแลตนเองเบื้องต้นที่บ้านหรือในชุมชน (Home or Community Isolation) โดยจะได้รับมอบ "กล่องพลังใจ คนไทยไม่ทิ้งกัน" ประกอบไปด้วยชุดอุปกรณ์การทางแพทย์และยาที่จำเป็น รวมทั้งระบบติดตามอาการ

สร้างโรงพยาบาลสนามพันเตียง

จุดที่ 2 , 3 และ 4 จัดเตรียมเป็นโรงพยาบาลสนามครบวงจร โครงการลมหายใจเดียวกัน เพื่อรองรับการรักษาผู้ป่วยที่ตรวจพบเชื้อโควิด-19 ตามระดับความรุนแรง โดยโรงพยาบาลสนามครบวงจรแห่งนี้ นับเป็นการระดมกำลังของกลุ่ม ปตท.ทุกด้าน ทั้งด้านเทคโนโลยี นวัตกรรม ผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ หวังแบ่งเบาภาระและบรรเทาปัญหาการขาดแคลนเตียงในกรุงเทพฯ โดยแบ่งการจัดตั้งโรงพยาบาลสนาม ดังนี้

1.โรงพยาบาลสนาม สำหรับผู้ป่วยระดับสีเขียว เปิดให้บริการในรูปแบบของ Hospitel กระจายไปในหลายโรงแรม จำนวน 1,000 เตียง รองรับผู้ป่วยที่ส่งต่อมาจากหน่วยคัดกรองอย่างเป็นระบบ

2.โรงพยาบาลสนาม สำหรับผู้ป่วยระดับสีเหลือง ซึ่งผู้ป่วยที่มีอาการในระดับหนักขึ้น เปิดให้บริการ ณ โรงแรมเดอะบาซาร์ กรุงเทพ มีเตียงผู้ป่วยจำนวน 300 เตียง มีระบบไฮโดรเจน ต่อ Direct Tube ส่งตรงถึงทุกเตียงผู้ป่วย 

พร้อมทั้งมีเทคโนโลยีและผลิตภัณฑ์นวัตกรรมของกลุ่ม ปตท. เพื่อให้การดูแลคนไข้ทำได้อย่างมีประสิทธิภาพ อาทิ เตียงพลาสติกรับน้ำหนักสูง หุ่นยนต์ ปิ่นโต เป็นหุ่นยนต์ลำเลียงเพื่อช่วยบุคคลากรทางการแพทย์ในการดูแลคนไข้ รวมถึงหุ่นยนต์ฆ่าเชื้อ Xterlizer UV Robot

3.โรงพยาบาลสนาม สำหรับผู้ป่วยระดับสีแดง โดยจัดสร้างโรงพยาบาลสนาม ICU บนพื้นที่ 4 ไร่ สำหรับผู้ป่วยจำนวน 120 เตียง ให้บริการสำหรับผู้ป่วยอาการหนัก โดยปรับพื้นที่โล่งของโรงพยาบาลปิยะเวทเป็นสถานที่ก่อตั้ง โดยจัดทำห้องรักษาความดันลบแยกรายผู้ป่วย ห้องละ 1 เตียง ซึ่งเป็นครั้งแรกของโรงพยาบาลสนามในประเทศ พร้อมระบบ Direct Tube ส่งท่อออกซิเจนตรงทุกห้องผู้ป่วย และมีการติดตั้งถังออกซิเจนเหลวขนาด 10,000 ลิตรพร้อมห้องฉุกเฉินให้บริการตลอด 24 ชั่วโมง
#3359


บรรยากาศโรงเรียนต่างๆ ในรัฐฟลอริดา เปิดการเรียนการสอนเป็นวันแรกเมื่อวันอังคาร (10 ส.ค.) ท่ามกลางการถกเถียงเรื่องควรให้นักเรียนสวมหน้ากากป้องกันหรือไม่ ทั้งนี้ทั้งนั้น รอน ดีแซนทิส ผู้ว่าการรัฐฟลอริดา ซึ่งสังกัดพรรครีพับลิกัน เป็นผู้ที่ตั้งแง่ตั้งข้อสงสัยเกี่ยวกับโรคโควิด-19 มาโดยตลอด คราวนี้ถึงขนาดออกกฎห้ามโรงเรียนบังคับการสวมหน้ากาก ขณะที่รัฐฟลอริดากำลังกลายเป็นรัฐที่โควิด-19 ระบาดหนักที่สุดในสหรัฐฯเวลานี้



หน่วยงานหลักในการต่อสู้โรคติดต่อของสหรัฐฯ เตือนคนอเมริกันงดเดินทางมาไทย อิสราเอล ฝรั่งเศส ไอซ์แลนด์ และอีกหลายประเทศที่โควิด-19 กำลังระบาดรุนแรง ขณะที่ยอดผู้ติดเชื้อในอเมริกาพุ่งขึ้นวันละแสนต่อเนื่อง 3 วันติด แถมอัตราการป่วยรุนแรงสูงขึ้น 40% และเสียชีวิตเพิ่มขึ้น 18% เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ด้านเพนตากอนเตรียมขอไบเดนอนุมัติการฉีดวัคซีนให้กำลังทหารมะริกัน ภายในเดือนหน้า

ศูนย์เพื่อการควบคุมและป้องกันโรค (ซีดีซี) หน่วยงานหลักในการต่อสู้กับโรคติดเชื้อของสหรัฐฯ เมื่อวันจันทร์ (9 ส.ค.) ประกาศยกระดับคำเตือนเรื่องจำนวนผู้ติดเชื้อโควิด-19 สู่ระดับ 4 ซึ่งหมายถึง "สูงมาก" สำหรับไทย อิสราเอล เขตเวสต์แบงก์ กาซา อารูบา และเฟรนช์โปลีนีเซีย

หลังจากนั้นกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ ได้ออกคำแนะนำ "ระดับ 4: ห้ามเดินทาง" สำหรับฝรั่งเศส ไทย และไอซ์แลนด์ โดยอิงจากคำแนะนำของซีดีซี

แต่สำหรับในอเมริกาเอง สถานการณ์การระบาดล่าสุดก็อยู่ในระดับรุนแรงขึ้นเช่นเดียวกัน โดยตามรายงานของรอยเตอร์ จำนวนผู้ติดเชื้อเฉลี่ยอยู่ที่วันละ 100,000 คนติดต่อกัน3 วันซ้อน หรือเพิ่มขึ้น 35% จากสัปดาห์ที่แล้ว ทั้งนี้ ลุยเซียนา ฟลอริดา และอาร์คันซอส์ เป็นรัฐที่พบผู้ติดเชื้อมากที่สุดเมื่อเทียบกับจำนวนประชากร ในสัปดาห์ที่ผ่านมา

ขณะที่อัตราการป่วยรุนแรงทั่วประเทศสูงขึ้น 40% และเสียชีวิตเพิ่มขึ้น 18% เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว

อาซา ฮัตชินสัน ผู้ว่าการรัฐอาร์คันซอส์ ซึ่งสังกัดพรรครีพับลิกัน เผยว่า จำนวนผู้เข้ารักษาตัวในโรงพยาบาลรายวันพุ่งทำสถิติสูงสุดและขณะนี้ทั้งรัฐเหลือเตียงผู้ป่วยวิกฤตเพียง 8 เตียง

ฮัตชินสันยังเรียกร้องให้ประชาชนเข้ารับการฉีดวัคซีนโควิด ขณะที่ผู้คนมากมายยังลังเลเนื่องจากได้รับข้อมูลผิดๆ เกี่ยวกับวัคซีน

ส่วนที่เทกซัส เกร็ก แอ็บบอตต์ ผู้ว่าการรัฐขอให้โรงพยาบาลต่างๆ เลื่อนการผ่าตัดที่ไม่เร่งด่วนออกไปก่อนเพื่อสงวนทรัพยากรไว้สำหรับผู้ป่วยโควิด

แอ็บบอตต์ที่ออกคำสั่งห้ามรัฐบาลท้องถิ่นบังคับสวมหน้ากากป้องกันเมื่อเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา สำทับว่า จะเพิ่มจำนวนคลินิกเพื่อให้ผู้ป่วยโควิดเข้ารับการฉีดแอนติบอดี้

ด้านฟลอริดา รัฐที่กำลังระบาดหนักที่สุดในเวลานี้ เมื่อวันอาทิตย์ (8) รายงานเคสใหม่รายวันทำสถิติสูงสุดที่ 28,317 คน ขณะที่จำนวนผู้เข้ารักษาตัวในโรงพยาบาลทุบสถิติ 8 วันซ้อน

นักเรียนส่วนใหญ่ในรัฐฟลอริดายังมีกำหนดกลับเข้าเรียนตามปกติในสัปดาห์นี้ โดยที่เขตการศึกษาบางแห่งยังถกเถียงกันว่า ควรบังคับให้นักเรียนสวมหน้ากากป้องกันหรือไม่ เนื่องจากรอน ดีแซนทิส ผู้ว่าการรัฐ ซึ่งสังกัดพรรครีพับลิกัน ออกคำสั่งห้ามโรงเรียนของรัฐ ตลอดจนถึงภาคธุรกิจ และหน่วยงานรัฐ บังคับการสวมหน้ากาก โดยอ้างว่า เพื่อป้องกันการเลือกปฏิบัติและปกป้องความเป็นส่วนตัว

ขณะเดียวกัน จำนวนผู้ป่วยเด็กในอเมริกาเพิ่มขึ้นอย่างชัดเจน ซึ่งผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพระบุว่า เป็นผลจากการระบาดของไวรัสกลายพันธุ์สายพันธุ์เดลตาที่มีแนวโน้มทำให้เด็กติดเชื้อได้มากกว่าสายพันธุ์อัลฟาที่ระบาดหนักในอเมริกาก่อนหน้านี้

วิกฤตไวรัสที่กลับมาส่งผลกระทบกับการใช้ชีวิตของชาวอเมริกันอีกครั้ง ผลักดันให้มีการรณรงค์ฉีดวัคซีนสำหรับผู้ที่ยังลังเลรอบใหม่

ในวันจันทร์ ลอยด์ ออสติน รัฐมนตรีกลาโหมสหรัฐฯ ประกาศผ่านบันทึกภายในฉบับหนึ่งว่า จะขออนุมัติจากประธานาธิบดีโจ ไบเดน ให้บังคับกำลังพลฉีดวัคซีนในช่วงกลางเดือนกันยายน ถึงแม้สำนักงานอาหารและยา (เอฟดีเอ) ยังไม่ได้อนุมัติให้ใช้วัคซีนโควิดได้อย่างสมบูรณ์ ไม่ว่าตัวไหนก็ตาม

การใช้วัคซีนในสหรัฐฯเวลานี้ ก็เช่นเดียวกับในประเทศต่างๆ ส่วนใหญ่ หน่วยงานกำกับตรวจสอบเพียงแค่อนุมัติสำหรับการใช้ฉุกเฉินเท่านั้น สถานการณ์เช่นนี้ทำให้ทางกองทัพยังไม่บังคับให้กำลังพลฉีดเหมือนวัคซีนตัวอื่นๆ เพราะอาจเปิดช่องให้มีการฟ้องร้องทางกฎหมาย เว้นแต่ได้รับอนุมัติจากไบเดนก่อนเท่านั้น โดยที่ทางประมุขทำเนียบขาวแถลงแสดงท่าทีแล้วว่า พร้อมสนับสนุนการตัดสินใจของเพนตากอนเต็มที่

อย่างไรก็ดี เจ้าหน้าที่สหรัฐฯ หลายคนเชื่อว่า เอฟดีเอจะอนุมัติอย่างสมบูรณ์ให้แก่วัคซีนโควิด อย่างน้อยก็ของไฟเซอร์ ภายในต้นเดือนกันยายนนี้

(ที่มา: รอยเตอร์, เอเอฟพี, เอพี)
#3360


เมื่อวันที่ 10 ส.ค. 64 ที่สโมสรทหารราบที่ 23 ค่ายสุรธรรมพิทักษ์ กองทัพภาคที่ 2 อ.เมืองนครราชสีมา จ.นครราชสีมา พล.ต.ไพวัลย์ จุ้ยเจริญ ผู้บัญชาการกองพลพัฒนาที่ 2 พร้อมด้วย นายกอบชัย บุญอรณะ ผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา นพ.นรินทร์รัชต์ พิชญคามินทร์ นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัด นางยลดา หวังศุภกิจโกศล นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด ร่วมกันตรวจความพร้อมและเปิดสถานกักกันโรคแห่งรัฐ ตำบลโพธิ์กลาง State Quarantine เพื่อใช้เป็นสถานที่กักตัวกลุ่มเสี่ยงที่เดินทางมาจากต่างจังหวัด ที่รอผลการตรวจหาเชื้อวิด-19


พล.ต.ไพวัลย์ จุ้ยเจริญ ผู้บัญชาการกองพลพัฒนาที่ 2 กล่าวว่า ทางกองทัพภาคที่ 2 มีนโยบายสนับสนุนงานด้านสาธารณสุขในแต่ละจังหวัด ป้องกันและควบคุมการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ซึ่งกองบัญชาการกองพลพัฒนาที่ 2 ค่ายสุรธรรมพิทักษ์ มีความพร้อมที่จะช่วยเหลือพี่น้องประชาชน ทั้งด้านแพทย์ พยาบาล และกำลังพล ที่จะช่วยเหลือประชาชน จึงได้ร่วมกับทางสาธารณสุขจังหวัด เทศบาลตำบลโพธิ์กลาง เปิดสถานกักกันโรคแห่งรัฐ ตำบลโพธิ์กลาง State Quarantine ขึ้น เพื่อเป็นศูนย์คัดกรอง ช่วยเหลือด้านสาธารณสุข แบ่งเบาภาระของโรงพยาบาลหลัก ทั้งแพทย์ พยาบาล และระบบสาธารณสุข ซึ่งสถานกักกันโรคแห่งรัฐ ตำบลโพธิ์กลาง แห่งนี้สามารถรองรับประชาชนกลุ่มเสี่ยงที่ต้องกักตัว ได้จำนวน 50 เตียง

ด้าน นพ.นรินทร์รัชต์ พิชญคามินทร์ นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดนครราชสีมา เปิดเผยถึงสถานการณ์การแพร่ระบาดล่าสุดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ในพื้นที่จังหวัดนครราชสีมา ว่า วันนี้พบผู้ติดเชื้อรายใหม่ 488 ราย ไม่มีผู้เสียชีวิต แยกเป็นติดเชื้อนอกจังหวัด 311 ราย ติดเชื้อในจังหวัด 177 ราย โดยผู้ป่วยรายใหม่ พบในพื้นที่ อ.สูงเนิน 119 ราย อ.โนนไทย 52 ราย อ.ประทาย 49 ราย อ.สีคิ้ว 32 ราย อ.ครบุรี 30 ราย อ.เสิงสาง 26 ราย อ.เมือง 23 ราย อ.ห้วยแถลง 21 ราย อ.พิมาย 18 ราย อ.ขามสะแกแสง 16 ราย อ.โนนสูง 16 ราย อ.บัวใหญ่ 16 ราย อ.ด่านขุนทด 11 ราย อ.วังน้ำเขียว 11 ราย อ.ปักธงชัย 8 ราย อ.บ้านเหลื่อม 7 ราย อ.พระทองคำ 7 ราย อ.ชุมพวง 6 ราย อ.ลำทะเมนชัย 6 ราย อ.สีดา 5 ราย อ.จักราช 4 ราย อ.บัวลาย 3 ราย และ อ.ขามทะเลสอ 2 ราย