• Welcome to ลงประกาศฟรี โพสฟรี โปรโมทเว็บไซด์ให้ติดอันดับ SEO ด้วย PBN.
 

poker online

ปูนปั้น

Menu

Show posts

This section allows you to view all posts made by this member. Note that you can only see posts made in areas you currently have access to.

Show posts Menu

Topics - Panitsupa

#3501



เยลลี่ "ปีโป้" เป็นหนึ่งในสินค้าและแบรนด์เรือธวของ บริษัท ยูโรเปี้ยนฟู้ด จำกัด (มหาชน) หนึ่งในผู้เล่นรายสำคัญของตลาดขนม โดย "ปีโป้" มีฐานผู้บริโภคกลุ่มเป้าหมายเป็นวัยเด็ก วัยทีนหรือวัยรุ่น เป็นหลัก จะเห็นว่าในการสื่อสารการตลาด ช่วงเวลาที่แบรนด์จะยึดเพื่อสร้างแบรนด์ให้ผู้บริโภครับรู้จะเป็นช่วงเวลาเช้า ที่มีรายการเด็ก โดยเฉพาะเสาร์-อาทิตย์ ที่มีการ์ตูนเอาใจคุณหนูๆน้องๆเป็นส่วนใหญ่ 

ทว่า ปัจจุบันการดื่มด่ำตัวเลขเติบโตทางธุรกิจอยู่ในขอบเขตกลุ่มเป้าหมายหลักเดิมๆที่มี ไม่เพียงพอ และการทำตลาดโดยอาศัยจุดแข็งของแบรนด์ตนเองฝ่ายเดียวคงไม่ได้ หมดยุคโชว์เดี่ยวหรือ One Man Show อีกต่อไป ยิ่งในยุคโรคโควิด-19 ระบาด หลายธุรกิจ สินค้ายอดขายหดตัว ต้องหันมาประหยัดงบประมาณ ดูแลบริหารจัดการต้นทุนให้ดี หาก "ผนึกพันธมิตร" เพื่อแชร์ทรัพยากร สินทรัพย์ที่มี ต่อยอดธุรกิจ เกิด Win-win strategy ย่อมเป็นเรื่องดี 

"ปีโป้" เป็นอีกแบรนด์ที่เดินหน้าใช้กลยุทธ์ความร่วมมือ(Collaboration)กับแบรนด์สินค้าอื่นที่มีความแข็งแรง มีโจทย์และเป้าหมายธุรกิจเดียวกัน มาร่วมสร้างสีสันให้เกิดขึ้นในตลาด ล่าสุดกับการจับมือเครื่องดื่มชูกำลัง "M-150" ของค่าย "โอสถสภา" ออกเยลลี่ "ปีโป้กลิ่น M-150" เข้าทำตลาดแบบลิมิเต็ด เอดิชั่น 

"ปีโป้ X M-150" จะเกิด Win-win อะไรบ้าง กรุงเทพธุรกิจ ชวนวิเคราะห์จุดแข็งของทั้ง 2 แบรนด์ คือการเป็น "ผู้นำตลาด" ในเซ็กเมนต์ที่ตัวเองอยู่นั่นคือ เยลลี่และเครื่องดื่มชูกำลัง และมีฐานผู้บริโภคกลุ่มเป้าหมายใหญ่ที่ "แตกต่างกัน" 

ผู้บริโภคเยลลี่ คือวัยเด็ก วัยรุ่น ส่วนเครื่องดื่มชูกำลัง M-150 เป็นวัยทำงาน โดยเฉพาะชนชั้นแรงงาน แต่หลายปีที่ผ่านมา แบรนด์เลือกพี่ตูน บอดี้สแลม เป็นพรีเซ็นเตอร์ ใช้กลยุทธ์การตลาดทางดนตรี(Music Marketing) รวมถึงการตลาดเชิงกีฬา(Sport Marketing) สร้างการรับรู้ ชูภาพลักษณ์แบรนด์สู่คนรุ่นใหม่ เป็นการขยายฐานที่กว้างขึ้น เมื่อ 2 แบรนด์โคจรมา Collaboration กัน จึงทำให้ช่วยขยายฐานกลุ่มเป้าหมายให้กว้างขึ้น โดยเฉพาะกับ "ปีโป้" สอดคล้องกับภารกิจแบรนด์ที่ย้ำว่าเป็นสินค้าไม่ว่าเจนเนอเรชั่นไหนก็อร่อยได้


แม้ทุกคนจะเคยผ่านวัยเด็ก วัยรุ่น และรับประทานเยลลี่ปีโป้มาก่อน แต่เมื่อเติบโตจนถึงวัยผู้ใหญ่ การบริโภคสินค้าดังกล่าวจะลดลง หันไปบริโภคสินค้าอื่นๆที่มีความหลากหลาย ตอบไลฟ์สไตล์ตามแต่ละช่วงอายุแตกต่างกันไป 


เมื่อทุกคนต่างรู้จัก รับรู้แบรนด์เยลลี่ ปีโป้ อย่างดี แต่การจะบริโภคทุกวัน ถี่เหมือนวันเด็ก วัยรุ่นคงไม่ได้ หากแบรนด์ต้องการกระตุ้นให้ผู้บริโภคกลับมาทานเยลลี่เหมือนวันวานต้องออกสินค้าใหม่สร้างความตื่นเต้น หนุนให้เกิดการ "ทดลอง" สินค้า ซึ่ง "ปีโป้ กลิ่น M-150" เป็นคำตอบที่แบรนด์เลือกทำตลาด เพราะวัยทำงาน วัยผู้ใหญ่ อาจต้องการย้อนสู่วัยใส 14 อีกครั้ง และไม่ต้องทานแค่ "ปีโป้" กลิ่น รสชาติทั่วไปที่มีในตลาด แต่ต้องเป็นสิ่งที่แบรนด์สร้างสรรค์เพื่อตอบโจทย์คนกลุ่มนี้โดยเฉพาะ 

ส่วน M-150 ได้สร้างโอกาสใหม่ ในการขยายตลาดต่อยอดสู่ผลิตภัณฑ์อื่นๆที่ไม่ใช่เครื่องดื่มชูกำลัง แต่สามารถผสานในหมวดขนม หรืออาจเป็นหมวดอื่นๆได้ด้วย ซึ่งเป็นโจทย์ที่ฝ่ายพัฒนาผลิตภัณฑ์จะหา "ช่องว่างและโอกาส" ทางการตลาดให้เจอ เพื่อเพิ่มการขายสินค้าให้หลากหลาย ผลักดันการเติบโตต่อไป  

อย่างไรก็ตาม ก่อนสินค้าใหม่ออกสู่ตลาด ยูโรเปี้ยนฟู้ด ได้ปลุกกระแสนำร่องผ่านโลกออนไลน์ ถึงการ Collaboration กับพันธมิตรใหม่ เพื่อหยั่งเสียงกลุ่มเป้าหมาย ซึ่งหลายคนตั้งตารอ ทันทีที่ปล่อยสินค้าออกมา ผลตอบรับถือว่าเป็นไปในทิศทางที่ดี 

สำหรับ "ปีโป้ กลิ่น M-150" ผลิตจำหน่ายแบบลิมิเต็ดเอดิชั่น ขนาดบรรจุ 50 ถ้วย ในราคา 99 บาท  จำหน่ายผ่านช่องทางออนไลน์ ช้อปปี้ ลาซาด้า, เจดี, โรบินฮู้ด, ไลน์และเฟซบุ๊กของ ยูโรเปี้ยนฟู้ด เป็นต้น 

กระแสของ "ปีโป้" ไม่เคยจางหายไปจากตลาด เพราะผู้บริโภคที่เคยซื้อสินค้าจะรู้ดีว่า "ปีโป้" มี 5 สี ได้แก่ สีแดง (สตรอว์เบอร์รี) และสีส้ม (ส้ม) สีเขียว (แอปเปิ้ล), สีขาว (ลิ้นจี่), สีม่วง (องุ่น) แต่บางครั้งผู้บริโภคที่ซื้อสินค้าผสมกับเครื่องดื่มปั่นอื่นๆ มักจะอดทาน ปีโป้สีม่วง จนเกิดการทวีตบนทวิตเตอร์ เกิดไวรัส #saveปีโป้ม่วง ทำให้แบรนด์ยังอยู่ในสายตา การรับรู้ของกลุ่มเป้าหมายเสมอ

 นอกจากการ Callaboration กับ M-150  ที่ผ่านมายังมี ปีโป้โยเกิร์ต สร้างสีสัน ความตื่นเต้นให้ตลาดเยลลี่ ยิ่งกว่านั้นกลยุทธ์ความร่วมมือยังปูทางสู่การผลักดันยอดขายให้เติบโตแก่ทั้ง 2 แบรนด์ด้วย 


นอกจากยูโรเปี้ยนฟู้ด จะมีปีโป้ เป็นแบรนด์เรือธง แต่พอร์ตโฟลิโอสินค้าที่บุกตลาดขนมมีมากมาย เช่น ลูกอม Hitto, เวเฟอร์ปักกิ่ง, เค้กเอลเซ่ และเวเฟอร์ชนิดแท่งสอดไส้ครีม โจโจ้ เป็นต้น 
#3502



สงครามต่อสู้กับโควิด-19 เปลี่ยนไป สืบเนื่องจากตัวกลายพันธุ์เดลตาที่แพร่เชื้อได้ง่ายมาก จากคำกล่าวของศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคแห่งชาติสหรัฐฯ(ซีดีซี) ส่งสารอย่างชัดเจนเกี่ยวกับการบังคับเจ้าหน้าที่สาธารณสุขฉีดวัคซีนและกลับมาสวมหน้ากากโดยทั่วไป ท่ามกลางข้อมูลที่พบว่ามีเคสฉีดวัคซีนครบแล้วแต่ยังติดเชื้อ(breakthrough cases) จำนวนมาก ในนั้นติดเชื้ออาการหนักและเสียชีวิตแล้วกว่า 6,500 ราย

สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานอ้างอิงเอกสารภายในของซีดีซีระบุว่าตัวกลายพันธุ์เดลตา ซึ่งพบครั้งแรกในอินเดียและตอนนี้กลายเป็นสายพันธุ์หลักทั่วโลก สามารถติดต่อได้ง่ายพอ ๆ กับ โรคอีสุกอีใส และสามารถแพร่กระจายได้รวดเร็วและง่ายกว่าไข้หวัด มันสามารถแพร่กระจายเชื้อได้แม้กระทั่งจากคนที่ฉีดวัคซีนแล้ว และอาจเป็นต้นตอของอาการป่วยหนักกว่าสายพันธุ์อื่นๆก่อนหน้านี้

เอกสารที่มีชื่อว่า "ปรับปรุงการสื่อสารเกี่ยวกับเคสฉีดวัคซีนครบแล้วแต่ยังติดเชื้อและประสิทธิภาพของวัคซีน (Improving communications around vaccine breakthrough and vaccine effectiveness)" ระบุว่าด้วยตัวกลายพันธุ์นี้ จำเป็นต้องใช้แนวทางใหม่เพื่อช่วยให้ประชาชนตระหนักถึงอันตราย ในนั้นรวมถึงส่งสารอย่างชัดเจนว่าบุคคลที่ยังไม่ฉีดวัคซีนมีโอกาสป่วยหนักหรือเสียชีวิตมากกว่าคนที่ฉีดวัคซีนแล้วกว่า 10 เท่า

"ยอมรับว่าสงครามเปลี่ยนไปแล้ว" เอกสารระบุ "ปรับปรุงการสื่อสารเกี่ยวกับความเสี่ยงรายบุคคลในหมู่คนฉีดวัคซีนแล้ว"

ในคำแนะนำด้านมาตรการป้องกันไว้ก่อนต่างๆนานานั้น รวมไปถึงการบังคับฉีดวัคซีนสำหรับผู้ประกอบอาชีพด้านสาธารณสุข เพื่อปกป้องกลุ่มคนอ่อนแอ และหวนกลับมาสวมหน้ากากป้องกันโดยทั่วไป

ซีดีซียอมรับว่าเอกสารฉบับนี้เป็นของจริง หลังจากหนังสือพิมพ์วอชิงตันโพสต์นำเสนอรายงานข่าวนี้เป็นแห่งแรก

แม้คนที่ฉีดวัคซีนแล้วมีความเป็นไปได้น้อยที่จะติดเชื้อ แต่ครั้งที่พวกเขาติดเชื้อตัวกลายพันธุ์เดลตาในลักษณะ breakthrough cases เวลานี้พวกเขาก็เหมือนๆกับคนที่ยังไม่ฉีดวัคซีน ที่สามารถแพร่เชื้อสู่คนอื่นๆได้เช่นกัน ซึ่งต่างจากตัวกลายพันธุ์อื่นๆก่อนหน้านี้

กรณีนี้นับว่าน่ากังวลมาก เพราะผู้ที่ได้รับวีคซีนแล้วติดเชื้อสายพันธุ์เดลตา คือกลุ่มที่เป็นตัวแปรสำคัญในการแพร่เชื้อโดยไม่รู้ตัว ทำให้ผู้ที่ยังไม่ได้รับวัคซีน แล้วได้รับเชื้อจากคนกลุ่มนี้ ยิ่งเสี่ยงต่อการเจ็บป่วยรุนแรง

เมื่อวันศุกร์(30ก.ค.) ซีดีซีเผยแพร่ข้อมูลจากผลการวิจัยหนึ่งซึ่งศึกษาการแพร่ระบาดในรัฐแมสซาชูเซตส์ พบว่า 3 ใน 4 ของผู้ติดเชื้อ เป็นกลุ่มคนที่ฉีดวัคซีนแล้ว ซึ่งผลการศึกษาดังกล่าวเป็นส่วนสำคัญยิ่งในการตัดสินใจของซีดีซีเมื่อช่วงกลางสัปดาห์ที่ผ่านมา ที่แนะนำให้บุคคลที่ฉีดวัคซีนแล้วกลับมาสวมหน้ากากในบางสถานการณ์ จากการเปิดเผยของโรเชลล์ วาเลนสกี ผู้อำนวยการซีดีซี

ซีดีซีรายงานว่าจนถึงวันที่ 26 กรกฎาคม มีเคสฉีดวัคซีนครบแล้วแต่ยังติดเชื้อ(breakthrough cases)อาการหนักหรือเสียชีวิต 6,587 ราย ในขณะที่ซีดีซีหยุดรายงานเคสฉีดวัคซีนครบแล้วแต่ยังติดเชื้ออาการเล็กๆน้อยๆมาตั้งแต่ต้นเดือนพฤษภาคม แต่ในรายงานล่าสุด พวกเขาประมาณการว่าน่าจะมีผู้ติดเชื้อแบบแสดงอาการราวๆ 35,000 รายต่อสัปดาห์ในสหรัฐฯ

อย่างไรก็ตามตัวเลขของซีดีซียังชี้ให้เห็นว่า วัคซีนนั้นยังมีความสามารถในการป้องกันอาการป่วยรุนแรงและการเสียชีวิตจากโควิดสายพันธุ์เดลตา โดยที่นายจอห์น มัวร์ ผู้เชี่ยวชาญด้านไวรัสวิทยาจากนิวยอร์ก กล่าวว่า "โดยรวมแล้ว โควิดสายพันธุ์เดลตานั้นคือสายพันธุ์ที่สร้างความลำบากให้เรามากที่สุดเท่าที่เห็นมา แต่ฟ้าก็ยังไม่ถล่มเสียทีเดียว และวัคซีนนั้นก็ยังสามารถป้องกันไม่ให้สถานการณ์มันแย่ไปมากกว่านี้"

เวลานี้มีประชากรวัยผู้ใหญ่สหรัฐฯเกือบ 1 ใน 3 ที่ฉีดวัคซีนเข็มแรกไปแล้ว แต่พื้นที่ต่างๆที่มีอัตราการฉีดวัคซีนระดับต่ำ พบเห็นเคสผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วในช่วงไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา และเจ้าหน้าที่เกรงว่าอีกไม่นานจำนวนผู้เข้ารักษาตัวในโรงพยาบาลและเสียชีวิตจำเพิ่มขึ้นเป็นเงาตามตัว

นายแพทย์แอนโธนี เฟาซี ผู้เชี่ยวชาญด้านโรคติดเชื้อระดับสูงของสหรัฐฯ เปิดเผยกับรอยเตอร์ คาดหวังว่าวัคซีน ซึ่งเวลานี้เพิ่งอยู่ในขั้นได้รับอนุมัติใช้ในกรณีฉุกเฉิน จะเริ่มได้รับอนุมัติจากคณะผู้ควบคุมกฎระเบียบโดยสมบูรณ์ในเดือนสิงหาคม ซึ่งมันน่าจะช่วยโน้มน้าวให้ประชาชนเข้าฉีดวัคซีนกันมากขึ้น

(ที่มา:รอยเตอร์/วอชิงตันโพสต์) https:// m.mgronline.com/around/detail/9640000075092
#3503
WFH กล้วยๆ ด้วย Zoom app downloadใครหลายๆ คนน่าจะคุ้นเคยกับการเรียน หรือ การทำงานแบบ work from home กันอยู่ช่วงนี้นะครับ ซึ่งไม่ยอมไม่ได้เลยว่า โปรแกรมสุดชอบระดับโลกนั่นก็คือ โปรแกรม ZOOM ซึ่งผมคิดว่า ไม่ต้องเอ่ยปากกันเยอะสำหรับโปรแกรมนี้ ที่มันจำเป็นจริงๆ
โดยปรกติ เราน่าจะสนิทสนมกับการใช้โปรแกรมนี้ผ่านคอมพิวเตอร์ สำหรับเรียน หรือ ทำงานกันบ้างแล้ว แต่ไม่ค่อยมีคนพูดถึงเกี่ยวกับการใช้งานผ่านโทรศัพท์มือถือเท่าใดนัก เนื่องจากว่า มันอาจไม่ค่อยสะดวกเท่าไหร่ สำหรับงานดังกล่าว
แต่ก็มีการใช้งานบ่อยอยู่ครับ เนื่องจากบางทีเป็นการประชุมเร่งด่วนขณะอยู่บนรถ หรือ ขณะเที่ยว ซึ่งในอุปกรณ์มือถือ
จะต้องไปที่ Zoom app download ซึ่งมีอยู่ได้ทั้ง 2 ระบบ คือ IOS และ Andriod ซึ่งดาวน์โหลดได้ฟรี แต่อาจมีข้อจำกัด หากต้องการสร้างห้องประชุมเอง จะรองรับคนไม่เกิน 100 คน และ ไม่เกิน 40 นาทีเท่านั้น ซึ่งอาจต้องซื้อ Licensed เพื่อปลดล็อคเรื่องเหล่านี้ ซึ่งผมมองว่า มันคุ้มค่ามากเพราะในปัจจุบันยังไงเราก็ต้องใช้งานอยู่แล้ว

 โดยเข้าไปที่ App Stor หรือ Google play พิมพ์ค้นหาชื่อแอปว่า Zoom meeting แล้วดาวน์โหลดได้เลยครับหรือ จะเข้าไปดาวน์โหลดที่ลิงค์ของตัวแทนจำหน่ายก็ได้ เพื่อจะได้สอบถามข้อมูลกับเจ้าหน้าที่ได้ ตามลิงค์ที่ผมแนบได้เลยครับ  (Zoom app download)



























  >> ดาวน์โหลดทีนี่Tag : Zoom  / Zoom app download
#3504



ก้าวมาถึงจุดที่ "ความฝัน" กลายเป็น "ความจริง" ในชีวิตของนักแสดงหนุ่ม "ไมค์-พิรัชต์ นิธิไพศาลกุล" หลังภาพยนตร์ฮอลลีวูดเรื่องแรกในชีวิต "The Misfits" ประกบซุปเปอร์สตาร์ เพียร์ซ บรอสแนน พระเอกระดับตำนานเจมส์บอนด์ 007 ที่นั่งแท่น Executive Producer ได้เข้าฉายในอเมริกาแล้ว กว่าจะมาถึงเส้นทางนี้ไม่ง่าย

เลยต้องถามความรู้สึกของไมค์ ณ วันนี้ "ไมค์" เปิดใจว่า

"ครั้งนี้เป็นเหมือนกับการเปิดประตูใหม่ๆให้กับโอกาสทางการงานของไมค์ด้วย แล้วก็การได้ร่วมงานกับนักแสดงระดับท็อปๆของฮอลลีวูดก็ทำให้ตลาดนี้เปิดกว้างขึ้นด้วย"

พอใจฟีดแบ็กมากน้อยแค่ไหน? "ถือว่าดีเลย พอใจในระดับหนึ่ง แล้วก็คิดว่ามันก็เป็นจุดเริ่มต้นที่ดีสำหรับการเปิดตลาดใหม่ด้วยครับ ถ้าไม่ติดสถานการณ์โควิด ตัวเราต้องเดินทางไปร่วมโปรโมตหนังที่อเมริกาที่คุยกับทางทีมเขาไว้ก็คือว่าถ้ามีการเดินพรมแดงหรือเปิดตัวหนังเค้าก็อยากให้ไปเพื่อมีโอกาสไปร่วมด้วย แต่ด้วยสถานการณ์ตอนนี้ก็คือไม่สามารถไปไหนได้เลย ถามว่าแอบเสียดายมั้ย ก็เสียดายครับ จริงๆ 2ปีที่ผ่านมามันก็มีหลายโอกาสที่เสียไปค่อนข้างเยอะ"

ความยากที่สุดในหนังเรื่องนี้คือเรื่องอะไร? "ด้วยความที่เรื่องนี้มันเป็นเรื่องแรกที่เป็นหนังพูดภาษาอังกฤษของไมค์ ความยากของมันก็คือเรื่องภาษา มันก็อาจจะต้องทำการบ้านค่อนข้างเยอะหน่อยในการที่จะให้สำเนียงไปได้ใกล้เคียงที่สุดเท่าที่จะทำได้ครับ"

กับนักแสดงที่ต้องเข้าฉากด้วยตื่นเต้นแค่ไหน? "ตื่นเต้นมากครับ อย่างเพียร์ซ บรอสแนน เค้าคือเจมส์บอนด์ 007 ที่เราเห็นเค้ามาตั้งแต่เด็ก แล้วพอได้ไปเจอตัวจริงมันก็เหมือนกับเป็นความฝันของเราที่อยากจะร่วมงานกับดาราฮอลลีวูดคนนี้ด้วย จำได้เลยว่าตอนจับมือเราก็มือสั่นๆ นิดหน่อย"


คาแรกเตอร์ของไมค์ในภาพยนตร์ เรื่อง The Misfits เป็นอย่างไร?
"ตัวละครตัวนี้ชื่อว่าวิค (Wick) เป็นฝ่ายเทคโนโลยีของกลุ่มนี้ เป็นคนประดิษฐ์ระเบิด เค้าบอกว่าตัวละครตัวนี้เป็นตัวละครที่สนุก ซึ่งผมก็พยายามใส่ความสนุกในแบบผมลงไป ก็มีพาร์ตที่ต้องเต้นด้วย เรียกว่าฟรีสไตล์เลย บทไมค์เป็นแค่นักประดิษฐ์ เลยไม่ได้ต่อสู้บู๊เท่าไหร่ ส่วนใหญ่การต่อสู้จะเป็นของคนอื่น"

อยากให้เล่าถึงการร่วมงานกันกับนักแสดงคนอื่นๆ เป็นอย่างไรบ้าง? "The Misfits เป็นการรวมตัวกันของคนจากหลากหลายพื้นที่ มารวมตัวกันเพื่อทำภารกิจปล้นจากคนรวยนำมาให้กับคนที่จำเป็นต้องใช้ คล้ายๆโรบินฮู้ด ซึ่งทีมนี้จะประกอบไปด้วย เพียร์ซ บรอสแนน เป็นคนนำทีม รามี เจเบอร์, เฮอร์ไมโอนี คอร์ฟีลด์, เจมี ชุง ฯลฯ มารวมตัวกัน ซึ่งแต่ละคนมีความสามารถที่แตกต่างกันไป"


ไมค์ได้เรียนรู้หรือเก็บเกี่ยวประสบการณ์อะไรจากเพียร์ซ บรอสแนน บ้าง?
"ด้วยความที่ได้เข้าฉากกับเค้าค่อนข้างเยอะ โดยส่วนตัวผมเองค่อนข้างเกร็ง เค้าเลยค่อนข้างให้กำลังใจ เป็นคนที่ให้พลังบวกกับกองถ่ายเยอะ เวลาเค้าอยู่ใกล้ๆ ทำให้เราเกิดความมั่นใจมากขึ้น มันทำให้การแสดงของเรามีประสิทธิภาพมากขึ้นและเกร็งน้อยลง"

มีคำไหนของเพียร์ซ บรอสแนน ทำให้ไมค์ประทับใจบ้าง? "คือจริงๆประทับใจแทบจะทุกอย่างเลย เวลาเข้าฉากกับเค้า เค้าก็รู้ว่าเราเกร็ง เค้าก็บอกให้เรารีแลกซ์ ให้ทำไปเดี๋ยวมันก็ผ่านไปได้ด้วยดี เราทำได้ดีแน่นอน คือเค้าให้กำลังใจและให้พลังงานด้านบวกตลอดเวลา"

หลายคนมองว่าฮอลลีวูดต้องเป๊ะมากพอไปสัมผัสแล้วเป็นอย่างนั้นรึเปล่า? "เป๊ะทุกอย่างครับ โดยเฉพาะเรื่องเวลา คือเราไม่ต้องกังวลว่านอกเหนือจากหน้าที่การแสดงแล้ว เราจะต้องไปโฟกัสอย่างอื่น ไม่ว่าจะเป็นเสื้อผ้า หน้า ผม คือเราไม่ต้องกังวลเลย"


คาดหวังหรือวางเส้นทางในวงการฮอลลีวูดไว้อย่างไรบ้าง?
"ส่วนตัวไม่ได้คาดหวังเลยครับ ผมเชื่อว่าถ้าทำไปเรื่อยๆ ผลลัพธ์ของการ กระทำของเรามันก็จะพาเราไปสู่จุดที่เราคาดไม่ถึงก็ได้ เราตั้งเป้าไว้แค่นี้แต่มันอาจจะไปได้ไกลกว่านั้น อยู่กับปัจจุบัน และพยายามทำต่อไป"

ไมค์เขินมั้ยเวลาที่คนอาจจะบอกว่าเราเป็นนักแสดงฮอลลีวูด? "โดยส่วนตัวผมก็ยังไม่ได้ขนาดนั้น ผมรู้สึกว่าตรงนี้มันเป็นแค่จุดเริ่มต้น ซึ่งยังไม่รู้ว่าในอนาคตจะไปต่อในเส้นทางไหน"

ถือเป็นรางวัลของความไม่ท้อของตัวเอง? "ใช่ๆ มันอาจจะใช้เวลานานหน่อย คือจริงๆมันเป็นความฝันตั้งแต่เด็ก ซึ่งมันก็กลายเป็นเป้าหมายของเราในชีวิต แล้วพอเราทำให้มันเกิดขึ้นมันก็กลายเป็นความจริงของเรา ซึ่งเราก็ได้ไปถึงจุดนั้น แล้วก็คาดว่าก็คงอยากจะไปต่อในอนาคต"

แล้วงานในไทยตอนนี้มีอะไรบ้าง?
"จริงๆตอนนี้ก็ยังไม่ได้มีอะไรมากมาย ส่วนใหญ่จะเป็นงานพรีเซนเตอร์ ในอนาคตก็ไม่แน่ว่าผมอาจจะมีการทำงานเกี่ยวกับเบื้องหลังมากขึ้น เพราะมันก็เป็นสิ่งที่ชอบส่วนตัวอยู่แล้ว และก็มีแพชชันในเรื่องกำกับ เขียนบท และ สร้างหนัง ในอนาคตก็อาจได้เห็นในมุมนี้มากขึ้น"

แล้วงานในประเทศจีนล่ะ? "จริงๆมีอยู่เรื่อยๆคือว่าผมไม่ได้กลับจีนมาประมาณ 2 ปีแล้ว จริงๆแพลนไว้ว่าปลายปีที่แล้วจะกลับไปรับงานที่เมืองจีน แต่เพราะติดงานเลยยังกลับไม่ได้ บวกกับเรื่องสถานการณ์หลายๆอย่างมันก็หลับไม่ได้ เอาจริงๆ 2 ปีนี้ เสียโอกาสไปค่อนข้างเยอะมากเลย เนื่องจากมีงานใหม่ๆที่ต้องปฏิเสธไปเพราะไปไม่ได้"


ถามเรื่องโอนเงินวันเกิดให้น้องแม็กซ์-เวลล์ ลูกชาย มีทั้งการบริจาคช่วยโควิด-19 ทำไมถึงอยากทำบุญให้ลูก และหลายคนประทับใจที่สอนลูกว่าโตขึ้นขอให้เป็นผู้ให้ รู้สึกยังไง?
"สถานการณ์ในตอนนี้ทุกคนต่างต้องการความช่วยเหลือครับ แล้วเดือนนี้ก็เป็นเดือนเกิดของ แม็กซ์ด้วย ปกติแล้วถ้าผมได้อยู่กับแม็กซ์ในวันเกิดเราก็จะมีกิจกรรมร่วมกัน มีพาไปทำบุญอยู่แล้วในทุกๆปี สำหรับปีนี้ที่ผมไม่สามารถไปเจอเค้าได้ด้วยตัวเองเนื่องจากสถานการณ์โควิด ผมเลยอยากเป็นตัวแทนแม็กซ์ช่วยเหลือสังคม ผมคิดว่าถ้าลูกโตขึ้นเป็นผู้ให้ความสุขจากการให้มันสุขมากกว่าการเป็นผู้รับและผมอยากให้ลูกได้รับรู้ ความรู้สึกนั้น ผมในฐานะที่เป็นพ่อก็ภาวนาว่าให้ผลบุญที่ได้ทำส่งเสริมให้เค้าอยู่รอดปลอดภัย เป็นเด็กดีเป็นที่รักของทุกคน

ส่วนเรื่องการเก็บเงินเข้าบัญชีผมแค่ต้องพยายามทำให้ดีที่สุดตามกำลังที่ผมมีในวันนี้ ผมแค่มองว่าตอนนี้สถานการณ์มันเป็นแบบนี้มันไม่มีอะไรการันตีว่าในอนาคตมันจะไม่เกิดขึ้นอีก เพราะฉะนั้นเราก็ไม่มีวันรู้หรอกว่าในอนาคตงานเราจะยังเป็นแบบนี้อยู่อีกหรือเปล่า เพราะผมเองก็เป็นกังวลว่าจนกว่าจะถึงตอนนั้น ถ้าหากว่ารายรับของผมมันไม่เสถียรหรือว่ามันหยุดนิ่ง ผมจะได้มั่นใจว่าในอนาคตอย่างน้อยที่สุดเค้ามีต้นทุนการศึกษาที่ผมเก็บไว้ให้ เราต่างไม่สามารถรู้อนาคตได้ สิ่งที่ผมทำได้ในวันนี้ก็แค่อยากทำให้ดีที่สุดในฐานะพ่อคนนึง แค่อยากช่วยเหลือให้มากที่สุดตามกำลังของเราและผมจะทำต่อไปเรื่อยๆแน่นอน"

เวลาที่เราได้ทำงานใหญ่ๆอย่างการถ่ายหนังฮอลลีวูดที่มีอุปสรรคทำให้ท้อ มีอะไรยึดเหนี่ยวจิตใจที่ทำให้ฮึดได้ทุกครั้ง?
"เป้าหมายครับ เป้าหมายที่อยากเป็นคนที่ดีขึ้น แต่เป้าหมายของผมคงเป็นขั้นบันไดหมายถึงว่าเมื่อผมได้เดินไปแตะถึงเป้าหมายนี้ ผมก็อยากทำสิ่งใหม่ต่อที่ท้าทายและพัฒนาตัวเองให้ดีขึ้น แล้วมันก็เป็นแบบนี้มาตั้งแต่ผมทำงาน ซึ่งก็ 20 ปีแล้วครับที่เป้าหมายใหม่ๆมันถูกกำหนดเอาไว้เสมอก่อนที่เป้าหมายอันเก่าใกล้จะสำเร็จ ทุกเส้นทางที่จะไปถึงเป้าหมายมันมีอุปสรรคอยู่แล้วครับไม่ว่าผมหรือใคร สิ่งยึดเหนี่ยวจิตใจของผมมันมีหลายองค์ประกอบรวมกัน แน่นอนว่าหนึ่งในนั้นก็คือกำลังใจจากครอบครัวจากคนที่ผมรัก จากคนที่รักผม จากแฟนคลับของผม มันเป็นเรื่องปกติของทุกคนในโลกนี้ที่ต้องเคยท้อแท้ไม่อยากสู้ต่อ แต่ทุกครั้งกำลังใจต่างๆก็ทำให้ผมลุกขึ้นมาสู้ง่ายขึ้นเร็วขึ้น"

มองอนาคตกับงานในวงการบันเทิงไว้อย่างไรบ้าง?
"ผมเริ่มมาสนใจงานเบื้องหลังแบบจริงจังช่วงนี้เลยครับ คิดว่าน่าจะเป็นเป้าหมายใหม่กับอนาคตในวงการบันเทิงที่ผมวางไว้ หวังว่าจะไปให้ถึงจุดนั้น งานเบื้องหน้าก็ยังทำอยู่อย่างต่อเนื่องครับ ผมอยากเอาประสบการณ์ทั้งหมดที่ผมมี ที่ได้จากการทำงานเบื้องหน้าและได้รู้จักกับทีมงานเบื้องหลัง แต่ถ้าผมกลับไปทำงานที่จีนแล้วงานส่วนนี้อาจ จะพักเอาไว้ก่อนก็ต้องทำงานเบื้องหน้าไปก่อนครับ ไม่ได้ไปกำหนดว่าจะต้องเกิดขึ้นเมื่อไหร่หรอกครับ แต่ว่าโอกาสไหนมาก่อนก็คว้าโอกาสนั้นไว้ก่อน ทำสิ่งที่อยู่ตรงหน้าให้สำเร็จลุล่วงไปก่อน เวลานอก เหนือจากนั้นก็ศึกษา หา ความรู้อื่นๆ ที่เป็นประ-โยชน์กับตัวเอง"

อยากบอกอะไรแฟนๆที่คอยซัพพอร์ต "ไมค์" มาตลอด?
"ขอบคุณที่อยู่เคียงข้างกันมาเสมอ ทั้งแฟนคลับที่ไทยและที่จีนและทุกๆที่ที่ซัพพอร์ตผมตลอดมา ช่วงเวลาที่ผ่านมานี้ผมมีเวลาหยุดและประเมินหลายสิ่งหลายอย่างในชีวิตที่ผ่านมากับตัวเอง ก็มานั่งคิดว่าหลายคนเค้าอยู่กับเราในทุกช่วงเวลา อยู่กับผมตั้งแต่ผมยังมีความคิดเป็นเด็ก ยังไม่มีความคิดเป็นของตัวเอง ยังตัดสินใจอะไรผิดพลาด เค้าอยู่เคียงข้างกับผลลัพธ์ของมันกับผมมาโดยตลอด ผมไม่คิดว่าผมในวันนี้เป็นผมที่ดีที่สุด แต่ผมจะเป็นคนที่ดีขึ้น เพื่อตอบแทนกำลังใจและการซัพพอร์ตเป็นการตอบแทนให้กับพวกเค้าที่ไม่เคย ทอดทิ้งผมเช่นกัน".

เรื่อง: สุภลัคน์ วุฒิกรีธาชัย https:// www.thairath.co.th/entertain/news/2153573
#3505



ดัชนีดาวโจนส์ ปิดวันศุกร์ (30 ก.ค.)ร่วง 149 จุด หลุดระดับ 35,000 จุด ขณะที่นักลงทุนเทขายหุ้นอเมซอน ท่ามกลางความผิดหวังต่อผลประกอบการของบริษัท นอกจากนี้ นักลงทุนยังมีความวิตกต่อการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์เดลตาในสหรัฐ

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ ปรับตัวลง 149.06 จุด หรือ 0.4% ปิดที่ 34,935.47 จุด ดัชนีเอสแอนด์พี 500 ร่วงลง 0.5% ปิดที่ 4,395.26 จุด และดัชนีแนสแด็ก ร่วงลง 0.7% ปิดที่ 14,672.68 จุด

ทั้งนี้ ดัชนีดาวโจนส์สามารถปรับตัวในแดนบวกในช่วงแรก ขณะที่นักลงทุนคลายความกังวลเกี่ยวกับเงินเฟ้อ หลังจากที่สหรัฐเปิดเผยดัชนีราคาการใช้จ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคล (พีซีอี) ที่ต่ำกว่าคาด

นอกจากนี้ การที่สหรัฐเปิดเผยตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ที่ต่ำกว่าคาดการณ์เมื่อวานนี้ ก็ช่วยให้ตลาดคลายความวิตกเกี่ยวกับการที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะปรับลดวงเงินในการซื้อพันธบัตรตามมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (คิวอี)

ทั้งนี้ หุ้นแอมะซอนดิ่งลงกว่า 7% ในวันนี้ หลังรายงานรายได้ในไตรมาส 2 ต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้

นพ.สก็อตต์ ก็อตลิบ อดีตประธานสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยาสหรัฐ (เอฟดีเอ) กล่าวว่า ผู้ที่ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ในสหรัฐมีจำนวนมากกว่าตัวเลขที่เจ้าหน้าที่รายงานอย่างเป็นทางการ ท่ามกลางการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์เดลตา

"ผมจะไม่ประหลาดใจถ้าหากเราพบว่าผู้ติดเชื้อรายวันมีจำนวนถึง 1,000,000 คนในขณะนี้ ซึ่งตัวเลขทางการรายงานไม่ถึง 10% ของตัวเลขผู้ติดเชื้อที่แท้จริง" นพ.ก็อตลิบกล่าว

ประกันโควิด เจอ จ่าย จบ! รับเลย 100,000 บาท
ทั้งนี้ ข้อมูลจากมหาวิทยาลัยจอห์น ฮอปกินส์ระบุว่า ค่าเฉลี่ยในรอบ 7 วันของจำนวนผู้ติดเชื้อโควิด-19 รายวันในสหรัฐอยู่ที่ 67,000 คน โดยเพิ่มขึ้น 53% เมื่อเทียบกับสัปดาห์ก่อนหน้านี้

นพ.ก็อตลิบกล่าวเสริมว่า ผู้ที่ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 จำนวนมากไม่ได้ถูกรวมอยู่ในรายงานของทางการ เนื่องจากผู้ป่วยโควิดที่ไม่แสดงอาการหรือมีอาการน้อย ต่างก็ไม่ได้เข้ารับการตรวจหาเชื้อ และการที่ประชาชนสามารถซื้ออุปกรณ์มาตรวจหาเชื้อได้เองในบ้าน ทำให้จำนวนผู้ติดเชื้อดังกล่าวไม่มีการรายงานต่อเจ้าหน้าที่

ด้านศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคแห่งสหรัฐ (ซีดีซี) ออกเอกสารเสนอต่อสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐ โดยได้เตือนว่า ไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์เดลตาสามารถติดต่อได้ง่ายเหมือนโรคอีสุกอีใส และมีช่วงเวลาในการแพร่ระบาดยาวนานกว่าไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์ดั้งเดิม

ซีดีซี ระบุว่า ไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์เดลตา ซึ่งขณะนี้มีการแพร่ระบาดใน 132 ประเทศทั่วโลก และได้กลายเป็นสายพันธุ์หลักในสหรัฐ สามารถแพร่ระบาดรวดเร็วกว่าไข้หวัดใหญ่ตามฤดูกาล ไข้หวัดสเปน ไข้ทรพิษ เชื้ออีโบลา โรคซาส์ (SARS) และโรคเมอร์ส (MERS)

ทั้งนี้ มีเพียงโรคหัด (measles) เท่านั้นที่มีการระบาดได้เร็วกว่าไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์เดลตา

ด้านกระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า ดัชนี พีซีอีพื้นฐาน ซึ่งไม่นับรวมหมวดอาหารและพลังงาน และเป็นมาตรวัดอัตราเงินเฟ้อที่เฟดให้ความสำคัญ ดีดตัวขึ้น 3.5% ในเดือนมิ.ย. เมื่อเทียบรายปี ซึ่งเป็นการพุ่งขึ้นมากที่สุดนับตั้งแต่เดือนก.ค.2534

ยอด 'โควิด-19' วันนี้ ยิ่งหนัก! พบเสียชีวิตสูง 178 ราย ติดเชื้อเพิ่ม 18,912 ราย
จ่าย 'เยียวยาประกันสังคม' นายจ้าง-ลูกจ้าง ม.33 เร็วขึ้น 'คนละครึ่ง' เชื่อม 'ฟู้ดเดลิเวอรี่' จ่อคิว ต.ค.
เคาะ! 'ประกันโควิด' ป่วย-ตายที่บ้าน เคลมค่ารักษาพยาบาลได้
อย่างไรก็ดี ดัชนีพีซีอีพื้นฐานดังกล่าวต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 3.6% หลังจากเพิ่มขึ้น 3.4% ในเดือนพ.ค.

เมื่อเทียบรายเดือน ดัชนีพีซีอีพื้นฐานเพิ่มขึ้น 0.4% ในเดือนมิ.ย. ต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 0.6%

ส่วนดัชนีพีซีอีทั่วไป ซึ่งรวมหมวดอาหารและพลังงาน ดีดตัวขึ้น 4.0% ในเดือนมิ.ย. เมื่อเทียบรายปี ซึ่งเป็นการพุ่งขึ้นมากที่สุดนับตั้งแต่เดือนส.ค.2551 หลังจากเพิ่มขึ้น 3.9% ในเดือนพ.ค.

ทั้งนี้ ดัชนีพีซีอีถือเป็นมาตรวัดเงินเฟ้อที่สามารถตรวจจับการเปลี่ยนแปลงในพฤติกรรมของผู้บริโภค และครอบคลุมราคาสินค้าและบริการในวงกว้างมากกว่าข้อมูลดัชนีราคาผู้บริโภค (ซีพีไอ) จากกระทรวงแรงงานสหรัฐ

กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยตัวเลขประมาณการครั้งที่ 1 สำหรับผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศประจำไตรมาส 2/2564 เมื่อวานนี้ โดยระบุว่า เศรษฐกิจสหรัฐมีการขยายตัว 6.5% ในไตรมาส 2 หลังจากที่ขยายตัว 6.4% ในไตรมาส 1

https:// www.bangkokbiznews.com/news/detail/952071
#3506
8 เหตุผล ที่คุณต้องใช้ โปรแกรมหวย RICHMANTOOLโปรแกรมหวย ของ Ricmantool เป็นโปรแกรมที่สร้างขึ้นมา เพื่อช่วยอำนวยความสะดวก แก่เจ้ามือหวย ลดขั้นตอนการทำงาน ลดขั้นตอนการผิดพลาดที่ อาจจะเกิดการตกหล่น จดซ้ำซ้อน จนทำให้เกิดความเสียหายไปดึงด้านการทำบัญชี และการเงินได้ แนะนำ 8 ข้อดีของ โปรแกรมหวย RICHMANTOOL1.มีหลายเวอร์ชั่นให้เลือกใช้งาน เหมาะสมกับธุรกิจของคุณโปรแกรมของเรา พัฒนามาเพื่อเจ้ามือโดยเฉพาะ เราจึงคำนึงถึงการใช้งานเป็นหลัก ที่เรามีหลายเวอร์ชั่น เพื่อต้องการให้เจ้ามือได้ลองเลือกใช้ หากเป็นรายใหญ่มีตัวแทนเยอะ ก็มีระบบที่สามารถใช้ได้หลายคน หรือ บางท่านทำแค่ภายในครอบครัว ก็สามารถซื้อแบบเวอร์ชั่นเล็กสำหรับใช้งานคนเดียวได้2.พัฒนาโปรแกรมตลอดเวลาโปรแกรมของเราพัฒนาขึ้นเองโดยเจ้าของโปรแกรม ไม่ได้มีการจ้างโปรแกรมเมอร์อื่นๆเข้ามาทำ ดังนั้น เราจึงสามารถพัฒนาเวอร์ชั่นได้อย่างต่อเนื่อง และ อัพเดทได้ ไม่มีวันหมดอายุ3.มีผู้ใช้งานมากกว่า 100,000 Userเราพัฒนาระบบนี้มามากกว่า 5 ปี พร้อมนำฟีดแบ็คจากผู้ใช้งานมาปรับปรุงประสิทธิภาพอย่างสม่ำเสมอ4.มีทีมงาน Support ตลอดเวลาทีมงาน Support ของเรา สแตนบายเพื่อคอยให้การช่วยเหลือ หรือ แก้ไข กับผู้ใช้งาน สามารถติดต่อได้ผ่านช่องทาง email และ Line OA จึงทำให้สามารถตอบคำถาม หรือ แก้ไขปัญหาได้ทันที5.ลดขั้นตอนการทำงานเชื่อได้ว่า ทุกวันที่ 1 และ 16 ของเดือน หลายๆเจ้าจะต้องมีปวดหัวกับการต้องมานั่งจดเลขทีละตัว หรือ ต้องมานั่งเช็คอีกรอบเพื่อกันการผิดพลาด เพียงแค่มี โปรแกรมหวย richmantool6.ใช้งานง่าย ส่งมาทางไหนก็เอาอยู่ไม่ว่าจะเป็นไฟล์จาก excel หรือ ส่งมาทาง Line ก็สามารถดึงตัวเลขเข้าโปรแกรมได้ทันที นอกจากนี้  ยังสามารถ คีย์เลขชุด 24,60,120,210 ประตู (4,5,6,7 ตัว ) ได้อีกด้วย7.ไม่ต้องกลัวว่าข้อมูลจะหายเรามีระบบสำรองข้อมูล และ ป้องกันการผิดพลาดของฐานข้อมูลไว้ให้ทุกท่านได้ใช้งาน และยังสามารถนำเข้าข้อมูลมาในโปรแกรมได้อีกด้วย8.สรุปยอด วิเคราะห์ระบบสามารถสรุปยอด กำไร - ขาดทุน และวิเคราะห์ความเสี่ยงก่อนออกตัว ทำให้เจื้อ สามารถเห็นความเป็นไปได้ในการดำเนินการของรอบนั้นๆ ลดการขาดทุนแก่เข้ามือได้อีกด้วยไม่เพียงแค่ 8 ข้อนี้เท่านั้น ที่ระบบเราทำได้ ยังมีอีกเยอะแยะมากมาย อยากแนะนำมาทดลองใช้กันก่อน เพื่อเพิ่มความแม่นยำ และ ลดความเสี่ยงที่จะก่อให้เกิดการขาดทุนได้ เรามีทีมงานทีจะคอยแนะนำการใช้งานให้ท่านเสมอ โปรแกรมของเรา ยอดดาวน์โหลดอันดับ 1 ในประเทศไทย

โปรแกรมคำนวนเลข
#3507



วันนี้ (30 กรกฎาคม 2564) สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (สกสว.) จัดการประชุม Science and Technology Organization Forum (STO Forum) ครั้งที่ 3/2564 โดยเชิญผู้บริหารหน่วยงานด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีของประเทศไทย เข้าร่วมระดมสมองหารือถึงแนวทางการใช้ประโยชน์โครงสร้างพื้นฐานด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี และแนวทางการสนับสนุนงบประมาณกองทุนส่งเสริมวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (กองทุนส่งเสริม ววน.) สำหรับโครงการพัฒนาวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของการขับเคลื่อนระบบวิทยาศาสตร์เพื่อการพัฒนาประเทศ

โอกาสนี้ รศ.ดร. ปัทมาวดี โพชนุกูล ผู้อำนวยการ สกสว. กล่าวว่า การประชุมในครั้งนี้เป็นการแสดงให้เห็นถึงความร่วมมือของ สกสว. กับหน่วยงานด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีของประเทศไทย ในการร่วมกันกำหนดเป้าหมายและทิศทางการพัฒนาระบบวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีของประเทศ ซึ่งเป็นความคืบหน้าจากการดำเนินการตามแผนงานต่าง ๆ ความร่วมมือการพัฒนานี้จะนำไปสู่การพัฒนาวิทยาศาสตร์ไทยแบบไร้รอยต่อ อย่างไรก็ตามคณะกรรมการส่งเสริมวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (กสว.) ได้มีนโยบายเกี่ยวกับการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานด้านวิทยาศาสตร์ของประเทศที่สามารถก่อให้เกิดการใช้ประโยชน์ร่วมกันเพื่อให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด


ทางด้าน ดร.ณิรวัฒน์ ธรรมจักร์ ผู้อำนวยการกลุ่มภารกิจการพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี สกสว. ได้นำเสนอถึงแนวทางการสนับสนุนงบประมาณกองทุนส่งเสริมวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม สำหรับโครงการพัฒนาวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี โดยที่ผ่านมา สกสว. ได้ระดมความคิดเห็นจากผู้ทรงคุณวุฒิและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทำให้ได้กรอบกิจกรรมสำคัญและรายละเอียดของลักษณะโครงการที่มีเป้าหมายในการพัฒนาวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี จากนั้น สกสว. ได้เสนอกรอบแนวคิดและแนวทางการสนับสนุน "โครงการพัฒนาวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี" ซึ่งที่ผ่านมาได้นำเสนอต่อคณะอนุกรรมการด้านการพัฒนาระบบนวัตกรรม และคณะกรรมการขับเคลื่อนการปฏิรูปการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อววน.)

โดยกองทุนส่งเสริม ววน. มีวัตถุประสงค์ในการส่งเสริมและสนับสนุนด้านวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (ววน.) ในหลากหลายมิติ ครอบคลุมถึงการพัฒนาต้นทุนทรัพยากรที่เป็นโครงสร้างพื้นฐานด้านวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี การวิจัยและนวัตกรรม โครงสร้างพื้นฐานด้านคุณภาพ และการส่งเสริมการใช้ประโยชน์จากองค์ความรู้ เทคโนโลยี และโครงสร้างพื้นฐานเพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันและการพัฒนาอย่างยั่งยืน

การพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีนั้นเป็นไปตามกรอบนโยบายและยุทธศาสตร์ อววน. โดยมีกิจกรรมสำคัญสำหรับการพัฒนาวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี 5 ด้าน ประกอบด้วย 1) การพัฒนากำลังคนด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี 2) การพัฒนาเทคโนโลยีเพื่อเชื่อมโยงและตอบโจทย์การพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีที่สำคัญ 3) การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้าน ววน. และโครงสร้างพื้นฐานทางคุณภาพของประเทศ 4) การให้บริการเทคโนโลยีและการประยุกต์ใช้เทคโนโลยีอย่างแพร่หลาย 5) การสื่อสารและสร้างเครือข่ายเชิงกลยุทธ์ด้าน ววน.

ทางด้าน รศ.ดร.ธวัชชัย อ่อนจันทร์ ผู้อำนวยการสถาบันเทคโนโลยีนิวเคลียร์แห่งชาติ (สทน.) ได้นำเสนอแนวทางการบริหารและใช้ประโยชน์จากศูนย์ไซโคลตรอน โดยอธิบายว่า เครื่องไซโคลตรอนถือเป็นโครงสร้างพื้นฐานทางด้านเทคโนโลยีนิวเคลียร์ของประเทศ โดยปัจจุบัน สทน. อยู่ระหว่างการดำเนินการสร้างศูนย์ไซโคลตรอนของประเทศ ซึ่งไซโคลตรอนนั้นเป็นเครื่องเร่งอนุภาคไอออน ปัจจุบันการนำมาใช้ประโยชน์ทั้งในภาคธุรกิจรวมถึงทางด้านการแพทย์ ซึ่งจะเป็นส่วนสำคัญในการผลิตสารเภสัชรังสี อย่างเช่นไอโซโทปที่ใช้สำหรับการตรวจและรักษาโรคมะเร็ง ปัจจุบันมีการนำเครื่องไซโคลตรอนมาใช้ประโยชน์ในการผลิตสารเภสัชรังสีเกี่ยวกับการทำ Proton Therapy การรักษาโรคมะเร็งด้วยอนุภาคโปรตอน มีข้อดีคือสามารถปล่อยพลังงานเฉพาะตำแหน่งที่ต้องการ ไม่ทำให้เกิดแผล สามารถปล่อยพลังงานเพื่อทำลายเซลล์มะเร็งในตำแหน่งที่ต้องการ ลดความเสี่ยงจากการผ่าตัด เช่น สามารถใช้ในการรักษามะเร็งสมอง เป็นเทคนิคที่กำลังได้รับความนิยมในปัจจุบัน 

อย่างไรก็ตาม สทน. มีแผนการพัฒนาศูนย์ไซโคลตรอนเพื่อให้บริการงานวิจัยในด้านต่างๆ ด้วย ซึ่งการติดตั้งเครื่องคาดว่าจะแล้วเสร็จในช่วงปลายปี 2564 สามารถเป็นศูนย์กลางในการให้บริการผลิตสารเภสัชรังสี ทำให้คนไทยสามารถเข้าถึงการรักษาโรคด้วยเภสัชรังสีในราคาที่เข้าถึงได้ ถือเป็นการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านวิทยาศาสตร์ที่สำคัญของประเทศ

นอกจากนี้การประชุมในวันนี้ ที่ประชุมยังได้ร่วมกันระดมสมองเกี่ยวกับการร่วมกันพัฒนาระบบวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีของประเทศ รวมถึงแนวทางการสนับสนุนและใช้ประโยชน์โครงสร้างพื้นฐานด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีที่เป็นกลไกสำคัญในการพัฒนาประเทศ
#3508



นายนรสิทธิ์ สิทธิเวชวิจิตร รองประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการพาณิชย์ LINE ประเทศไทย กล่าวว่า ทิศทางธุรกิจ LINE for Business ปี 2021-2022 เดินหน้าเป็นแพลตฟอร์มหลักที่ส่งเสริมการขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทย ตอกย้ำการเป็นโครงสร้างพื้นฐานทางดิจิทัลให้คนไทย ทั้งการดำเนินชีวิต และการดำเนินธุรกิจ 

พร้อมให้ความรู้พร้อมพัฒนาต่อเนื่องเครื่องมือธุรกิจบนแพลตฟอร์ม เพื่อเป็นตัวเร่งสำคัญสำหรับการเติบโตและแข่งขันของเศรษฐกิจไทยอย่างยั่งยืนหลังวิกฤติ

โดยเน้นความสำคัญในส่วนกลุ่มธุรกิจขนาดกลางและขนาดเล็ก (SME) ซึ่งถือเป็นรากฐานสำคัญของเศรษฐกิจไทย ท่ามกลางวิกฤตินี้ LINE พบว่า อัตราการเติบโตของ LINE OA โดยธุรกิจกลุ่มร้านอาหารมีอัตราการเปิดใช้งาน LINE OA เพิ่มขึ้น (YoY) สูงสุดสุงถึง 212% รองลงมาคือธุรกิจกลุ่มค้าปลีกที่ 191% 

ด้วยเหตุนี้ LINE ประเทศไทยจึงมุ่งพัฒนาแพลตฟอร์มและเครื่องมือเพื่อขับเคลื่อนกลุ่มธุรกิจไทยเหล่านี้โดยเฉพาะ เพื่อยกระดับการใช้งาน LINE จากแค่เครื่องมือในการสื่อสาร เป็นเครื่องมือในการเพิ่มประสิทธิภาพในการทำธุรกิจ เพื่อที่จะสามารถแข่งขันในโลกยุคหลังโควิดต่อไป   

สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ หรือ สศช. เผยว่า กลุ่มธุรกิจ SME ที่ได้รับผลกระทบหนักสุดในช่วงวิกฤตโควิด-19 คือ ธุรกิจอาหาร โดยลดลงถึง 37% รองลงมาคือ ธุรกิจขนส่ง และค้าปลีก ในอัตราส่วนที่ลดลง 21% และ 3.7% ตามลำดับ


สำหรับ กลุ่มธุรกิจอาหาร ออกแบบ MyRestuarant เครื่องมือช่วยเสริมประสิทธิภาพ LINE OA สำหรับธุรกิจร้านอาหารในประเทศไทยโดยเฉพาะ ในการจัดการหน้าร้าน ไปถึงการจัดการหลังร้าน การวิเคราะห์ข้อมูลจากอาหารที่สั่ง และ การเชื่อมถึงการจัดส่งกับบริการ LINE Man โดยตรง 

กลุ่มธุรกิจค้าปลีก ออกแบบ MyShop เครื่องมือที่ช่วยเสริมประสิทธิภาพ LINE OA ด้านการขายของ ที่ใช้งายที่สุดเทียบเคียงกับการใช้ LINE ด้วยระบบหน้าร้านออนไลน์ ระบบจัดการสินค้าคงคลัง รองรับการซื้อสินค้าผ่านการพูดคุย หรือ Chat Commerce แบบเต็มรูปแบบ ระบบการชำระเงินเชื่อมต่อกับ Rabbit LINE Pay ระบบการเชื้อเชิญลูกค้ากับ LINE POINT ระบบการโฆษณากับ LINE ADS PLATFORM ระบบขนส่งสินค้ากับทุกบริษัท 

ปีที่ผ่านมา มีร้านค้าเปิดใช้งาน MyShop เพิ่มขึ้นกว่า 7 เท่า มีร้านค้าที่แอคทีฟเพิ่มขึ้นถึง 257% (เปรียบเทียบการเติบโต YoY เดือนเม.ย. ปี 2563 – 2564) และมูลค่าผลิตภัณฑ์มวลรวม (GMV) อยู่ที่ประมาณ 2,000 บาท โดยธุรกิจด้านแฟชั่นและเครื่องสำอางค์เป็นกลุ่มสินค้าที่เปิดร้าน MyShop สูงสุด ทั้งนี้ สำหรับธุรกิจ SME แฟชั่น LINE ยังมีโครงการ LINE FASHION ANNUALE ที่จัดขึ้นในปีนี้ เพื่อผลักดันผู้ประกอบการไทยไปสู่เวทีโลก 

นอกจากภาคธุรกิจแล้ว กลุ่มองค์กรที่สำคัญที่สุดต่อการขับเคลื่อนประเทศไทย คือ กลุ่มบริการสาธารณะ ด้วยศักยภาพของแพลตฟอร์ม LINE ที่เข้าถึงคนไทยกว่า 49 ล้านคน LINE OA จึงกลายเป็นตัวกลางสำคัญสำหรับกลุ่มบริการสาธารณะ และองค์กรภาครัฐมากมาย ในการอัพเดทข้อมูล ให้ความรู้ และให้บริการให้ด้านต่างๆ แก่ประชาชนคนไทย อาทิ โรงพยาบาล สาธารณูปโภค น้ำ ไฟ การบริหารส่วนจังหวัด อำเภอ ชุมชนต่างๆ รวมถึงหน่วยงานราชการ 


เขากล่าวว่า วิกฤติโควิด 19 ทำให้ภาคธุรกิจปรับตัวมาเป็นดิจิทัลกันแทบทั้งหมด หากแต่ยังมีความท้าทายรออยู่อีกมาก LINE จึงพร้อมที่จะเป็นเครื่องมือหลักในการทำธุรกิจของคนไทย เป็นตัวกลางเชื่อมโยงการทำธุรกิจออฟไลน์สู่โลกออนไลน์ ผลักดันให้ทุกองค์กรธุรกิจสามารถสร้างสรรค์ประสบการณ์ที่ดีสำหรับผู้ใช้งาน เพิ่มประสิทธิภาพต่อยอดสู่การเติบโตที่ยั่งยืนในยุคดิจิทัล เพื่อเป้าหมายในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจองค์รวมของไทยให้พร้อมในการแข่งขันกับธุรกิจในตลาดโลก บนบริบทใหม่ที่จะมาถึง" 

10 ปีที่ผ่านมา LINE ได้มีบทบาทสำคัญในการเชื่อมโยงคนและเทคโนโลยีเข้าด้วยกัน ภายใต้ภารกิจ Closing the distance และพัฒนากลายเป็นโครงสร้างพื้นฐานการใช้ชีวิตดิจิทัลให้คนไทย เมื่อเกิดวิกฤติโควิด-19 ยิ่งได้เห็นการปรับตัวของคนไทยเข้าสู่ดิจิทัลอย่างเต็มตัวผ่านการเชื่อมต่อกับแพลตฟอร์ม LINE เพิ่มมากขึ้นในหลากหลายกลุ่มธุรกิจ 
 
#3509



นายกอบศักดิ์ ภูตระกูล รองผู้จัดการใหญ่ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) ในฐานะกรรมการในคณะกรรมการที่ปรึกษาเพื่อกำกับการปฏิรูปกฎหมายของรัฐบาล เปิดเผยว่า คณะกรรมการได้จัดทำข้อเสนอในการปฏิรูปกฎหมายในระยะเร่งด่วนของประเทศไทยเพื่อใช้เป็นแรงจูงใจที่สำคัญในการชักจูงให้เกิดการลงทุนจากต่างประเทศ รวมทั้งดึงดูดให้คนที่มีความสามารถสูงเข้ามาทำงานและใช้ชีวิตในประเทศไทยซึ่งถือว่าเป็นการเตรียมความพร้อมและฟื้นฟูประเทศไทยหลังสถานการณ์โควิดคลี่คลายลง

โดยในส่วนนี้ต้อมีการปรับปรุงกฎหมายหลายส่วนโดยเฉพาะเกกณฑ์การซื้อที่อยู่อาศัยและวีซ่าสำหรับผู้พำนักระยะยาว ในส่วนของกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับที่อยู่อาศัยและอสังหาริมทรัพย์ได้เสนอผ่านคณะกรรมการฯไปยังนายกรัฐมนตรีว่าให้มีการปรับปรุงในส่วนของข้อกำหนดเดิมที่ให้ชาวต่างชาติที่ทำงานในประเทศไทยซึ่งต้อการจะซื้อที่อยู่อาศัยประเภทคอนโดมิเนียมในประเทศสามารถกู้เงินจากสถาบันการเงินในประเทศไทยได้ จากเดิมกำหนดว่าจะต้องใช้แหล่งเงินจากภายนอกประเทศเข้ามาซื้อ ซึ่งในส่วนนี้จะช่วยจูงใจให้ต่างชาติเข้ามาทำงานและอาศัยในไทยในระยะยาวมากขึ้น 

และช่วยเพิ่มกำลังซื้อให้กับภาคอสัหาริมทรัพย์ในปัจจุบันซึ่งในสต็อกของคอนโดเหลืออยู่จำนวนมาก ซึ่งในส่วนนี้ได้มีการหารือกับธนาคารพาณิชย์ ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) และกรมที่ดินแล้ว โดยขั้นตอนต่อไปจะต้องเสนอให้มีการแก้ไขกฎหมายที่เกี่ยวข้อง เช่น พ.ร.บ.คอนโดฯ คาดว่าจะสามารถดำเนินการได้ภายใน 1 เดือน ซึ่งในส่วนนี้จะปลดล็อกเฉพาะคอนโคฯก่อนไม่เกี่ยวกับการซื้อบ้านซึ่งในส่วนนั้นมีประเด็นของกรรมสิทธิ์ที่ดินซึ่งยังไม่ได้ข้อสรุปในขณะนี้ 

"นักธุรกิจ และชาวต่างชาติที่ทำงานในเมืองไทยจำนวนหนึ่ง ต้องการที่จะซื้อคอนโดมิเนียมที่มีราคาแพงมากเป็นพรีเมี่ยมแต่กฎหมายกำหนดว่าไม่ให้คนกลุ่มนี้กู้เงินจากสถาบันการเงินในประเทศมาซื้อคอนโดฯ หากสามารถปลดล็อกในส่วนนี้ได้ก็จะช่วยให้สามารถระบายสต็อกคอนโดที่มีอยู่จำนวนมากได้ส่วนหนึ่ง"

สำหรับการต่ออายุคอนโดมิเนียมประเภทการซื้อที่ให้สิทธิการเช่าที่ถือครองกรรมสิทธิ์ตามช่วงระยะเวลาที่กำหนดหรือ "ลีสโฮลด์" (Leasehold) คณะกรรมการฯก็ได้เสนอให้ขยายสิทธิ์จากเดิม 30 ปี เป็น 50 ปีเพื่อให้เหมาะสมกับสถานการณ์ปัจจุบันและการขยายระยะเวลาเช่ากรรมสิทธิ์ให้ยาวขึ้นก็จูงใจให้มีการทำธุรกรรมในรูปแบบนี้มากขึ้น

สำหรับการแก้ไขเรื่องการให้วีซ่าของนักท่องเที่ยวต่างชาติที่ต้องการมาอาศัยระยะยาวในประเทศไทย (long stay Visa) ซึ่งส่วนใหญ่เป็นกลุ่มที่เกษียณอายุหรือเป็นกลุ่มที่มีอายุมากไม่ได้ทำงานแล้วเข้ามาพักผ่อนในประเทศไทยแบบระยะยาว ได้เสนอให้มีการพิจารณาปรับปรุงจากการให้วีซ่าในระยะเวลา 1 ปีต่อครั้ง เป็น 5 ปีต่อครั้งซึ่งจะจูงใจกลุ่มผู้สูงอายุในกลุ่มประเทศแสกนดิเนีวยร์ ญี่ปุ่น และออสเตรเลียให้มาอยู่ในประเทศไทยได้มากขึ้น ซึ่งเมื่อกลุ่มนี้มาอยู่ในระยะยาว 5 ปีก็จะคิดเรื่องการซื้อที่อยู่อาศัยซึ่งกฎเกณฑ์เรื่องการกู้เงินเพื่อซื้อคอนโดในประเทศไทยได้ก็จะเอื้อให้ตัดสินใจได้ง่ายขึ้น

นายกอบศักดิ์กล่าวต่อว่าในส่วนของการผลักดันเรื่องการปฏิรูปกฎหมายในระยะเร่งด่วน และการตัดลดกฎหมายที่ไม่จำเป็น (regulatory guillotine) ได้ทำงานร่วมกับสถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย (ทีดีอาร์ไอ) ซึ่งจากการศึกษาพบว่าข้อกฎหมายที่ไม่มีความจำเป็น ไม่ทันสมัยหรือเข้ากับสถานการณ์ซึ่งพบว่ามีอยู่ประมาณ 1,000 กระบวนงานข้อกฎหมาย คำสั่ง หรือกฎกระทรวงต่างๆ ที่เป็นปัญหา

ซึ่งได้ส่งแบบสอบถามไปยังหน่วยงานต่างๆที่เป็นเจ้าของกฎหมายแล้วซึ่งมีการสอบถามว่าจะปรับเปลี่ยน แก้ไขได้อย่างไรซึ่งมีการตอบกลับมาแล้ว 50% 30% มีความเห็นด้วยว่าจะต้องแก้ไขปัญหาและจำนวนไม่น้อยขั้นตอนจำนวนมากสามารถแก้ไขได้ที่หน่วยงานราชการนั้นเองให้มีความรวดเร็วขึ้น คล่องตัวขึ้น เหมือนกับการทำ 5 ส. ส่วนที่ไม่สามารถแก้ไขได้ต้องแก้กฎหมายก็จะมีการเสนอให้รัฐบาลดำเนินการต่อไป

อย่างไรก็ตามในส่วนที่สามารถแก้ไขได้จากการปรับลด แก้ไขกระบวนงานซึ่งลดลงได้ 20 - 30% จะได้เกือบ 200 - 300 ข้อ ซึ่งหากคิดเป็นการลดต้นทุนของประชาชนและภาคธุรกิจลงได้กว่า 3 หมื่นล้านบาท โดยในการปรับลดกฎหมายและตัดลดกฎหมายที่ไม่จำเป็นหรือแนวทาง "5 ส.กฎหมาย" ในส่วนของราชการ ได้วางแนวทางในการพิจารณาของหน่วยงานราชการไว้ 3 ข้อได้แก่

1.เป็นระเบียบ ข้อกำหนดที่ไม่มีกฎหมายรองรับ

2.เป็นกฎหมายที่ไม่เอื้อต่อการพัฒนาธุรกิจ

และ 3.เป็นกฎหมายไม่เหมาะสมกับยุคสมัย 

"หลายประเทศในอาเซียนกำลังให้ความสำคัญและจริงจังกับการปฎิรูปและสะสางกฎหมายที่ไม่มีความจำเป็น เป็นภาระให้ประชาชน ภาคธุรกิจ หรือเป็นกฎหมายที่ล้าสมัย เนื่องจากทุกประเทศรับทราบข้อมูลที่ตรงกันว่าการดำเนินการปฏิรูปกฎหมายจะมีผลต่อการดึงดูดการลงทุน และขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศและมีผลต่อการจัดอันดับความยากง่ายในการดำเนินธุรกิจ (Ease of doing business) ซึ่งหากประเทศไทยไม่ดำเนินการในเรื่องนี้ก็จะเสียเปรียบและตกขบวนการพัฒนาและการลงทุนจากต่างประเทศที่จะเกิดขึ้นอย่างแน่นอน"นายกอบศักดิ์กล่าว 
#3510


เป็นเรื่องธรรมดาที่คนเป็นนักการทูตประเทศไหนก็มักต้องเรียนภาษาประเทศนั้นเพื่อการสื่อสารที่ลึกซึ้งกับประชาชนเจ้าของพื้นที่ จึงไม่แปลกใจหากเอกอัครราชทูตต่างชาติหลายคนพูดภาษาไทยได้ แต่ไม่ใช่กับ "อัลลัน แมคคินนอน" เอกอัครราชทูตออสเตรเลียประจำประเทศไทย

เขาผู้นี้เรียนภาษาไทยตั้งแต่สมัยเป็นนักศึกษาโดยยังไม่ทราบด้วยซ้ำว่าวันหนึ่งจะได้มาเป็นทูตในเมืองไทย 

เนื่องในวันภาษาไทยแห่งชาติ (29 ก.ค.) กรุงเทพธุรกิจ คุยกับทูตออสเตรเลียถึงเบื้องลึกเบื้องหลังและประสบการณ์สนุกๆ ในการเรียนภาษาไทย เริ่มต้นจากสิ่งที่เป็นแรงบันดาลใจ ทำไมถึงเลือกเรียนภาษานี้ ซึ่งเจ้าตัวเผยว่า การเลือกเรียนภาษาไทยเรียกได้ว่า "แทบจะเป็นเรื่องบังเอิญ" 

"ปริญญาใบแรกที่ผมได้จากมหาวิทยาแห่งชาติออสเตรเลียคือเศรษฐศาสตร์ แต่ผมสนใจเอเชียตลอดมา ทุกอย่างของเอเชียเลยครับ!  และผมก็อยากเรียนภาษาเอเชียสักภาษา ซึี่งตอนนั้นยังไม่แน่ใจว่าภาษาไหน พอดีอาจารย์วิชาประวัติศาสตร์จีนท่านแนะนำว่า ภาษาไทยก็ดีนะ น่าเรียน มหาวิทยาลัยแห่งชาติออสเตรเลียเป็นศูนย์การเรียนไทยศึกษาที่แข็งแกร่งอยู่แล้ว ผมก็เลยเรียนภาษาไทย แต่ไม่เคยมีโอกาสได้ใช้ในหน้าที่การงานเลย จนกระทั่ง 30 ปีต่อมาตอนผมมารับตำแหน่งในไทยนี่ล่ะครับ" 

แน่นอนว่าทักษะการสื่อสารทั้ง 4 ด้าน ไม่ว่าจะเป็น ฟัง พูด อ่าน เขียน สำหรับคนที่เรียนภาษาต่างประเทศย่อมเป็นเรื่องหนักหนาสาหัส แต่ละทักษะมีความยากแตกต่างกันไป สำหรับทูตแมคคินนอน เขายอมรับ

 "การฟังยากที่สุดครับ ถ้าคุณเข้าใจสิ่งที่ได้ยินส่วนใหญ่ คุณก็คุยได้ แต่ถ้าคุณไม่เข้าใจอะไรเลย คุณสนทนากับเขาไม่ได้ ทักษะการอ่านผมใช้ได้ แต่ก็ยังเปิดพจนานุกรมอยู่มาก" 


ได้ฟังความยากของท่านทูตแบบนี้ทำให้นึกถึงปัญหาของคนไทยหลายคนที่ฝึกภาษาอังกฤษแล้วพบว่า ฟังไม่ออก แล้วท่านทูตพัฒนาการฟังอย่างไร 

"ผมฝึกฝนการฟังด้วยการคุยกับครูคนไทย บางครั้งผมก็ดูภาพยนตร์ไทย ซึ่งก็ช่วยได้  ผมได้ยินคนพูดถึงซีรีส์ใหม่เรื่อง เด็กใหม่  (Girl from Nowhere) กันมาก  ก็เลยดูด้วย" 

ได้ยินเคล็ดลับอย่างนี้แล้ว ยิ่งตอกย้ำว่า การดูภาพยนตร์ภาษาต่างประเทศช่วยฝึกทักษะการฟังได้จริงๆ และเมื่อฟังแล้วก็ต้องพูดด้วย โดยเฉพาะการพูดกับเจ้าของภาษา ด้วยนิสัยเป็นกันเองของทูตแมคคินนอน เขามักพูดภาษาไทยกับคนไทยเสมอเมื่อมีโอกาส และเจอเรื่องสนุกพร้อมปฏิกริยาน่ารักๆ จากคนไทย แต่ประสบการณ์หนึ่งที่เขาไม่ลืมเลยคือ การพูดภาษาไทยกับพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม 

"แม้จะมีหลายครั้งที่ผมพยายามสื่อสารภาษาไทยกับนายกฯ ประยุทธ์ แต่ท่านก็ไม่เข้าใจภาษาไทยของผม เราต่างคนต่างพูดเร็วแถมยังสวมหน้ากากเสมอ ก็เลยทำให้เข้าใจยาก แต่มีอยู่ครั้งหนึ่งที่ผมมีประสบการณ์หน้าแตกกับท่านนายกฯ ในงานใหญ่งานหนึ่งซึ่งนายกฯ ต้องขึ้นไปพูดบนเวที เมื่อท่านลงมาก็เดินตรงมาหาผมแล้วทักทาย

ผมทราบล่ะครับว่าท่านทักทายแต่ไม่ได้ยินอะไรเลย เพราะลืมไปว่ายังใส่หูฟังอยู่ เพลงและเสียงประกาศจากบนเวทีจึงดังก้องในหูผม  จนกระทั่งท่านนายกฯ เลิกพูดแล้วเดินจากไป ผมเพิ่งนึกขึ้นได้ว่า ยังสวมหูฟังช่องที่มีเสียงเพลงดังมาก พอถอดออกปุ๊บ...เงียบเลย นี่เป็นเรื่องหน้าแตกของผมครับ" 


"ประชาชนทั่วไปจริงๆ แล้วเขาชอบมากเลยถ้าคุณพูดภาษาไทยได้ โดยเฉพาะนอกกรุงเทพฯ บางครั้งพวกเขาปรบมือให้ด้วย ครั้งหนึ่งผมเคยไปเยี่ยมชมโครงการติดตั้งระบบสูบน้ำด้วยพลังงานแสงอาทิตย์ เพื่อใช้พัฒนาศักยภาพการเกษตรกรรมระดับชุมชนในเขตพื้นที่ชนบท ซึ่งเป็นทุนช่วยเหลือโดยตรงของรัฐบาลออสเตรเลีย (Direct Aid Program: DAP) ที่ อ.เชียงดาว จ.เชียงใหม่ ชาวบ้านตื่นเต้นมากที่เห็นฝรั่งแต่งชุดชาวเขาแถมยังพูดไทยได้ ชอบใจกันใหญ่" ทูตแมคคินนอนเล่าพลางยิ้มพลาง เมื่อรำลึกถึงประสบการณ์สุดประทับใจ 

ในเมื่อเรียนภาษาไทยมาขนาดนี้ กรุงเทพธุรกิจอดถามไม่ได้ว่า คำหรือประโยคไหนในภาษาไทยที่ยากมากสำหรับท่านทูต คำตอบคือ 

"คำที่ออกเสียงคล้ายๆ กันชวนสับสนครับ อย่างคำว่า  คอย เคย/จาน ชาม/ส้อม ซ่อม/ข่าว ข้าว/ร้าน ล้าน/เต่า เต้า/ขัน คัน/ รวมทั้งโทนเสียง โดยเฉพาะเสียงสูง เป็นความท้าทายมากด้วยครับ และพวกคำพูดและเสียงที่คนไทยใช้กันอย่างไม่เป็นทางการเพื่อแสดงความเคารพ ความโกรธ เศร้า และอื่นๆ อันนี้ก็ยาก ภาษาอังกฤษไม่มีคำเล็กคำน้อยแบบนี้ จึงยากมากที่คนต่างชาติจะเข้าใจว่า คำๆ เดียวท้ายประโยคสำคัญและมีความหมายมากแค่ไหน"  

ไม่เพียงเท่านั้นทูตแมคคินนอนยังพบสีสันกับคำแสลงของไทย อย่างคำว่า "แกง" หรือ "สุดปัง"

 "ตอนผมได้ยินคำว่าแกงครั้งแรกผมสับสนมากเลยครับ แกงหรือซุปเนี่ยมาแปลว่าแกล้งกันได้ไง ไม่ได้การล่ะ ผมต้องรีบแชร์ข้อมูลสำคัญนี้ให้คนออสเตรเลียและชาวต่างชาติคนอื่นๆ ได้ทราบ ก็เลยทวีตเปรียบเทียบกับการแกล้งของชาวออสเตรเลีย ตัวอย่างเช่นป้าย 'ยินดีต้อนรับสู่นครเพิร์ธ' บนหลังคาตึกใกล้รันเวย์ท่าอากาศยานนครซิดนีย์แกงคนไปหลายคน

 ทูตออสเตรเลียกล่าวด้วยว่า เมื่อสังคมเปลี่ยนภาษาก็เปลี่ยน 

"อย่างเมื่อก่อนผมรู้จักสแลง  'เปิ๊ดสะก๊าด' ที่เพี้ยนมาจากภาษาอังกฤษว่า 'เฟิร์สคลาส' ตอนนี้ไม่มีใครใช้แล้ว มีแต่โอเคนัมเบอร์วัน

หลังจากอยู่ที่นี่มาหลายปีผมพบว่า คนไทยโดยเฉพาะชาวเน็ตมีความคิดสร้างสรรค์และอารมณ์ขันสุดๆ เหมือนกันเลยกับคนออสเตรเลีย ผมรู้ว่าสแลงไม่ใช่วิธีการพูดที่ถูกต้องเหมาะสมเสมอไป ต้องใช้ให้ถูกบริบท แต่ในฐานะคนที่รักและศึกษาภาษาและวัฒนธรรมไทย การเข้าใจสแลงเปิดให้ผมเข้าสู่โลกแห่งวัฒนธรรมไทยร่วมสมัยที่สนุกสนาน"

นั่นคือมุมมองของทูตออสเตรเลียต่อภาษาไทย ในทางกลับกันคนไทยหลายคนรู้สึกว่าภาษาอังกฤษยากมาก บางคนถอดใจไปก่อน สำหรับทูตแมคคินนอนในฐานะคนพูดภาษาอังกฤษเป็นภาษาแม่แล้วมาเรียนภาษาไทย น่าจะมีคำแนะนำดีๆในการเรียนภาษาอังกฤษให้กับคนไทยได้บ้าง

"ภาษาอังกฤษยากครับ ถ้าจะให้ดีก็ควรหาเพื่อนหรือเพื่อนร่วมงานต่างชาติที่อยากเรียนภาษาไทย และควรเป็นคนที่ใช้ภาษาได้ระดับเดียวกัน แล้วผลัดกันสอนก็สนุกดีครับ การดูภาพยนตร์และข่าวเป็นภาษาอังกฤษก็ช่วยได้"

 ปัจจุบันทูตแมคคินนอนยังเรียนภาษาไทยสัปดาห์ละ 3-4 ชั่วโมง รวมทั้งฝึกฝนด้วยตนเองจากการอ่านหนังสือและชมซีรีส์ กรุงเทพธุรกิจจึงอดสงสัยไม่ได้ว่า ถ้าคะแนนเต็ม 10 ท่านทูตจะให้คะแนนภาษาไทยของตนเองสักเท่าใด 

"ผมให้คะแนนตัวเอง 6 เต็ม 10 ครับ เพราะว่าผมพูดกับครูได้ค่อนข้างคล่องแม้แต่เรื่องยากๆ แต่เป็นเพราะว่าครูคุ้นเคยกับภาษาของลูกศิษย์และทักษะการพูดของผมอยู่แล้ว แต่นอกจากครูผมยังสื่อสารกับคนไทยทั่วไปได้ไม่ราบรื่น ซึ่งผมกำลังพยายามทำอยู่ตอนนี้ครับ" 

ก่อนจากกันกรุงเทพธุรกิจสอบถามถึงแผนการส่งเสริมการศึกษาและวัฒนธรรมระหว่างสองประเทศหลังยุคโควิด ทูตแมคคินนอนย้ำว่าความร่วมมือระหว่างสองประเทศอันหลากหลายสาขาได้รับการส่งเสริมมาต่อเนื่องไม่เว้นแม้แต่ช่วงโควิดระบาด ตั้งแต่ด้านความมั่นคงไปจนถึงการศึกษาและเกษตรกรรม

 "เดือน พ.ย.2563 พล.อ.ประยุทธ์ และนายกรัฐมนตรีสกอตต์ มอร์ริสันของออสเตรเลียยกระดับความสัมพันธ์เป็นหุ้นส่วนทางยุทธศาสตร์ ส่งสัญญาณว่าเรามีความประสงค์กระชับความสัมพันธ์ในทุกสาขาร่วมกัน และความร่วมมือด้านการศึกษานั้นก็สำคัญมากสำหรับเรา ไม่ว่าจะเป็นนักศึกษาไทยที่กำลังศึกษาในมหาวิทยาลัยออสเตรเลีย หรือนักศึกษาออสเตรเลียที่กำลังศึกษาในไทยตามแผนการโคลอมโบใหม่ ไปจนถึงการศึกษาสายอาชีพและอื่นๆ อีกมากมาย ในการนี้สถานทูตของเราจับมือกับเอเชียฟาวเดชัน พัฒนาเว็บไซต์Thailandlearning.org เชื่อมต่อนักศึกษาไทยกับอาจารย์แบบที่เดียวจบ ด้วยทรัพยากรการศึกษาออนไลน์คุณภาพสูงที่สามารถเรียนได้จากที่บ้าน

แม้โควิด-19 ระบาด เรายังเดินหน้าทำงานร่วมกับกระทรวงศึกษาธิการและกระทรวงการอุดมศึกษาฯ จัดกิจกรรม เช่น ฝึกอบรมออนไลน์ จัดเวิร์กชอป จัดเวทีให้ครูอาจารย์ไทยได้แลกเปลี่ยนความรู้และประสบการณ์จากออสเตรเลีย เมื่อโรคระบาดผ่านพ้นไป เรารอต้อนรับเพื่อนคนไทยไปเรียน ทำงาน และใช้ชีวิตในออสเตรเลียอีกครั้ง และนักศึกษาออสเตรเลียกลับมาเรียนในไทยเช่นกันครับ" นั่นคือคำมั่นจากอัลลัน แมคคินนอน ทูตออสเตรเลียผู้รักภาษาไทย 
#3511



โรคโควิด-19 ที่ระบาดมาเป็นปีๆ มีขึ้นมีลงไปหลายระลอก จนบริษัทยาต่างๆ ต้องรีบทำวิจัยวัคซีนออกมาหยุดยั้งการระบาด สร้างภูมิคุ้มกันหมู่ให้เกิดให้ได้

เฉพาะในสหรัฐอเมริกาแห่งเดียว ก็มีบริษัทยาเป็นสิบๆ แห่งที่ทำวิจัยวัคซีนโควิด-19 หลายแห่งยังไม่ประสบความสำเร็จ แต่มี 2 แห่งใหญ่ๆ ที่ได้วัคซีนประเภท mRNA ออกมาใช้ในภาวะฉุกเฉินและได้รับความนิยมทั่วโลก อย่าง ไฟเซอร์ และโมเดอร์นา ส่วนที่จะตามมาในปีหน้า โดยมุ่งหมายจะเป็นวัคซีนตัวบูสเตอร์ ต้านเชื้อร้ายที่กลายพันธุ์ ยังมี โนวาแวกซ์

ขณะที่ มหาวิทยาลัยออกซ์ฟอร์ด ได้ทำวิจัยวัคซีนโควิด-19 ชนิด ไวรัลเวคเตอร์ อย่างแอสตรา ซีเนกา ส่วนประเทศต้นทางของเชื้อโควิด-19 อย่างจีน ผลิตวัคซีนโดยอาศัยเชื้อตายออกมา ทั้งชิโนแวค และชิโนฟาร์ม

เรามาทำความรู้จักหน้าค่าตาของผู้นำบริษัทยาเหล่านี้กัน...



:: อัลเบิร์ต บูร์ลา - ไฟเซอร์

บริษัทยาอเมริกันที่มีรายได้เป็นพันล้านดอลลาร์สหรัฐต่อปี โดยที่มาของรายได้ส่วนใหญ่อยู่ในสหรัฐเอง 52% กับอีก 6% จากจีนและญี่ปุ่น และ 36% ที่เหลือจากที่อื่นๆ ทั่วโลก



ประธานบริษัทไฟเซอร์ อัลเบิร์ต บูร์ลา เป็นสัตวแพทย์ชาวกรีก เข้ามาร่วมงานกับไฟเซอร์ในปี 1993 โดยได้ทำงานบริหารแผนกต่างๆ ของบริษัทหลายแผนก ก่อนจะขึ้นเป็นกรรมการบริษัทและเป็นประธานในที่สุด

อัลเบิร์ต ได้รับยกย่องว่าเป็นผู้มาเปลี่ยนโฉมหน้าของการผลิตยา โดยเฉพาะการไม่เบียดเบียนสัตว์ รวมทั้ง การพยายามต่อสู้ด้านราคาและสิทธิบัตรยา ซึ่งเขาเห็นว่า มีความสำคัญในการค้นคว้าวิจัยยาอื่นๆ ในอนาคต และประสบความสำเร็จอย่างยิ่ง ในความร่วมมือกับ ไบออนเทค ของเยอรมนี ในการผลิตวัคซีนโควิด-19 โดยเขาเป็นผู้ผลักดันให้ทีมวิจัยเร่งทำงานให้เร็วขึ้น



:: สเตฟาน บองเซล - โมเดอร์นา

บริษัทยาอเมริกันในเคมบริดจ์ แมสซาชูเซตส์ ที่ผลิตวัคซีนโควิด-19 ชนิด mRNA อีกเจ้าหนึ่ง ซึ่งชื่อโมเดอร์นา ก็มาจากเทคโนโลยีในการผลิต nucleoside-modified messenger RNA (modRNA) นั่นเอง

ก่อนหน้าวัคซีนโควิด-19 โมเดอร์นาเคยผลิตวัคซีนป้องกันโรคไข้หวัดใหญ่ เอชไอวี และอื่นๆ มาแล้วกว่า 24 ชนิด พวกเขามี สเตฟาน บองเซล มหาเศรษฐีชาวฝรั่งเศสนั่งเป็นซีอีโอ



สเตฟานจบปริญญาโทด้านวิศวกรรมศาสตร์ จากมหาวิทยาลัยปารีส-ซาคเลย์ วิทยาเขตซองทรัลซูเปเลค และที่มหาวิทยาลัยมินเนโซตา นอกจากนี้ยังได้เอ็มบีเอจากฮาร์วาร์ด บิซิเนส สกูล อีกด้วย

เขาเริ่มงานครั้งแรกด้วยการเป็นผู้อำนวยการฝ่ายขาย ของบริษัทยาอเมริกัน อีไล ลิลลี แอนด์ โค. โดยไปประจำอยู่ที่สาขาเบลเยียม ก่อนจะย้ายไปเป็นซีอีโอของบริษัทยาฝรั่งเศส ไบโอเมริเยอร์ซ และเข้ามาเป็นซีอีโอของบริษัท โมเดอร์นา ในปี 2011

ว่ากันว่า หลังจากการทดลองเฟส 2 ของวัคซีนโควิด-19 ของโมเดอร์นา หุ้นที่สเตฟาน บองเซล ถืออยู่ก็มีมูลค่าพุ่งไปกว่า 1,000 ล้านดอลลาร์ ตอนนี้ก็อย่าได้ไปพูดถึง



:: ลิฟ โยฮันสัน + ปาสกัล โซริโอต์ - แอสตราซีเนกา

บริษัทร่วมทุนอังกฤษ-สวีเดน ที่มีสำนักงานใหญ่อยู่ในคณะชีววิทยาศาสตร์การแพทย์ มหาวิทยาลัยเคมบริดจ์ อังกฤษ ในการผลิตวัคซีนโควิด-19 พวกเขาอาศัยเทคโนโลยีจากการวิจัยของออกซ์ฟอร์ด ที่เป็นวัคซีนแบบไวรัล เวคเตอร์ หรือจำลองดีเอ็นเอของตัวเชื้อไวรัสขึ้นมา ให้ร่างกายสร้างภูมิขึ้นมาต้านทาน

นักธุรกิจชาวสวีเดน ลิฟ โยฮันสัน นั่งในตำแหน่งประธานของแอสตราซีเนกา โดยก่อนหน้านี้ เขาเคยเป็นประธานและซีอีโอของวอลโว กรุ๊ป และเคยเป็นประธานบริษัท อีริคสัน เขาจัดว่าเป็นผู้ทรงอิทธิพลลำดับที่ 6 ของสวีเดน

ลิฟ จบปริญญาตรีทางวิทยาศาสตร์ และปริญญาโทด้านวิศวกรรมศาสตร์ ในโกเตนเบิร์ก เขาทำงานในอุตสาหกรรมของสวีเดนมาตลอดชีวิต เริ่มจากเป็นกรรมการผู้จัดการบริษัทมอเตอร์ไซค์ฮุสกวานา เคยเป็นซีอีโออีเลคโทรลักซ์ และเป็นประธานกับซีอีโอของวอลโว ประธานบริษัท อีริคสัน ก่อนจะมาเป็นประธานของแอสตราซีเนกา



บุคคลสำคัญของแอสตราซีเนกาอีกคน คือ ปาลกัล โซริโอต์ ที่เพิ่งได้รางวัลสุดยอดซีอีโอโลก 100 ของนิตยสารฮาร์วาร์ด บิซิเนส รีวิว ในปี 2019 โดยดูจากผลประกอบการ รวมทั้งการใส่ใจต่อสิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมาภิบาล

ปาลกัล ได้รับยกย่องว่า เป็นผู้ปฏิวัติการทำงานในแอสตราซีเนกา เขาดูแลพนักงานฝ่ายต่างๆ กว่า 60,000 ให้ปฏิบัติงานอย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น โดยเฉพาะการตอบสนองความคาดหวังของคนในการพัฒนาวัคซีนโควิด-19

ปาลกัล ศึกษาจบด้านสัตวแพทย์ศาสตร์ ก่อนจะศึกษาเพิ่มเติมด้านเอ็มบีเอ ในปี 1986 เขาเข้าทำงานในบริษัท รุสเซล ยูคลัฟ บริษัทยาที่ใหญ่เป็นอันดับ 2 ของฝรั่งเศส ในตำแหน่งพนักงานขายโดยไปประจำอยู่ในออสเตรเลีย แล้วย้ายไปประจำที่กรุงโตเกียว

ในปี 2000 เขาย้ายไปบริษัท อะเวนติส สหรัฐ ตามด้วย โรช ฟาร์มา ในปี 2006 และได้ขึ้นเป็นซีอีโอในปี 2010 Ffp.oxu 2012 ได้กลายมาเป็นซีอีโอของแอสตาซีเนกา บริษัทยาที่ใหญ่เป็นอันดับ 5 ของโลก



:: สแตนลีย์ เอิร์ค - โนวาแวกซ์

วัคซีนที่คาดกันว่าจะเป็นความหวังของมนุษยชาติ ผลิตโดยบริษัทยาอเมริกันในแมรีแลนด์ ซึ่งก่อนหน้านี้ได้เคยประสบความสำเร็จในการผลิตวัคซีนป้องกันโรคอีโบลา ไข้หวัดใหญ่ และไวรัสอาร์เอสวี มาแล้ว

สแตนลีย์ เอิร์ค ประธาน ซีอีโอ และผู้ก่อตั้งบริษัทโนวาแวกซ์ บริษัทยาเกิดใหม่วัย 10 ปี ของอเมริกา เห็นว่า วัคซีนโควิด-19 เป็นโอกาสสำคัญที่จะช่วยให้บริษัทเติบโต และก้าวไปในแนวทางที่ต้องการ แม้ว่าในขณะนี้ยังมีเครือข่ายไม่มากพอ ทำให้การวิจัยพัฒนาไม่ราบรื่นเท่าที่ควร

สแตนลีย์ จบการศึกษาด้านบริหารธุรกิจจากมหาวิทยาลัย ชิคาโก บูธ เขาเชี่ยวชาญด้านเชื้อโรคและภูมิคุ้มกันหมู่ จากประสบการทำงานที่ผ่านๆ มาของเขาในหลายๆ แห่ง ก่อนหน้าจะมาก่อตั้งโนวาแวกซ์



:: อินเว่ยตง - ชิโนแวค ไบโอเทค

วัคซีนเชื้อตายเมดอินไชน่า ที่กลายเป็นข้อถกเถียงถึงประสิทธิภาพในการป้องกันเชื้อโควิด-19 เป็นอย่างมาก

ชิโนแวค ไบโอเทค มี อินเว่ยตง นั่งเป็นประธาน หลังจากจบทางด้านวิทยาศาสตร์การแพทย์ในบ้านเกิดแล้ว เขาก็ไปเรียนต่อทางด้านไวรัสวิทยาที่มหาวิทยาลัยสิงคโปร์ จึงไม่แปลกที่จะเข้าทำงานอยู่ในสายการผลิตยามาโดยตลอด ตั้งแต่ ชิโนไบโอเวย์ กรุ๊ป ถังซาน ไบโอเอนจิเนียริง และชิโนแวค ไบโอเทค

ก่อนหน้านี้ เขาเคยประสบความสำเร็จในการวิจัยและพัฒนาวัคซีนป้องกันโรคไข้หวัดนก โรคซาร์ส รวมทั้งไข้หวัดใหญ่ และกวาดรางวัลทางด้านวิทยาศาสตร์การแพทย์ของจีนมามากมาย
#3512



จากการตั้งคำถามของประชาชน รวมถึงการทำงานของสื่อมวลชนที่ยากต่อการนำข้อมูลที่เป็นประโยชน์มาเผยแพร่ เมื่อวันที่ 26 ก.ค. 64 เครือข่ายนักวิชาการและสื่อมวลชน ซึ่งมีการร่วมลงชื่อกว่า 333 คน ได้ออกแถลงการณ์ เสนอเปิดเผย "ข้อมูลบริหารจัดการและกระจายวัคซีนโควิด-19 ตามหลัก Open data" โดยใจความระบุว่า การบริหารจัดการวัคซีนที่มีประสิทธิภาพ ทั่วถึง และเป็นธรรม คือ กุญแจสำคัญในการผ่านวิกฤตในครั้งนี้ "การเปิดเผยข้อมูลบริหารจัดการและกระจายวัคซีนโควิด-19 ตามหลัก Open data"

จะเป็นส่วนสำคัญที่ช่วยสื่อสารว่ารัฐบาลมีความตั้งใจที่จะบริหารจัดการวัคซีนอย่างโปร่งใส เปิดโอกาสให้สังคมได้มีส่วนร่วมรับรู้ข้อมูล เข้าใจในกระบวนการตัดสินใจของภาครัฐ และนำไปสู่บรรยากาศของความร่วมมือกันระหว่างภาครัฐ และภาคสังคม ซึ่งจะช่วยให้สังคมมีแหล่งข้อมูลที่น่าเชื่อถือ ตรวจสอบได้ ให้ความมั่นใจกับประชาชน และลดปัญหาความสับสนจากปัญหาข่าวลือและข่าวปลอม

โดยข้อมูลที่ต้องเปิดเผยให้เป็นไปตามมาตรฐาน Open Data Standard ของสำนักงานพัฒนารัฐบาลดิจิทัลที่ให้สื่อมวลชนและประชาชนสามารถเข้าถึงและนำไปใช้ประโยชน์ต่อได้ง่าย มีความละเอียด ครบถ้วน สมบูรณ์ อัพเดทอย่างสม่ำเสมอ และอยู่ในรูปแบบที่เครื่องสามารถอ่านได้ (Machine-Readble Format) เช่น ข้อมูลที่อยู่ในรูปแบบไฟล์ XLS หรือ CSV

ไทย มีโอเพ่นดาต้าหรือไม่ 
ที่ผ่านมา ข้อมูลเปิดที่ทุกคนสามารถนำไปใช้ได้อย่างอิสระ หรือ โอเพ่นดาต้า (Open Data) เริ่มมีการพูดถึงและนำมาใช้ในหลายภาคส่วน แต่ของไทยอาจจะยังไม่มากเมื่อเทียบกับในต่างประเทศ ซึ่งประโยชน์ที่ได้รับโอเพ่นดาต้า โดยเฉพาะข้อมูลของภาครัฐให้ประชาชนและภาคประชาสังคมเข้าถึงข้อมูลและสามารถตรวจสอบการดำเนินของภาครัฐตามนโยบายที่ประกาศให้ไว้กับประชาชน


ศูนย์กลางข้อมูลเปิดภาครัฐ ได้ระบุว่า ในยุคดิจิทัล ข้อมูลเป็นทรัพยากรที่สำคัญสำหรับสร้างนวัตกรรม การเปิดเผยข้อมูลของภาครัฐเป็นแหล่งข้อมูลหนึ่งที่ช่วยผลักดันการสร้างนวัตกรรมและบริการใหม่ๆ เผยแพร่สู่สังคมและเชิงพาณิชย์ ขณะเดียวกัน ประชาชนซึ่งเป็นผู้มีส่วนได้ส่วนเสียได้มีส่วนร่วมแสดงความคิดเห็นต่อการดำเนินงานของภาครัฐ ที่มีผลต่อชีวิตความเป็นอยู่

รวมทั้งนำความคิดเห็นดังกล่าวไปประกอบการพิจารณากำหนดนโยบายและการตัดสินใจของภาครัฐเป็นการสร้างปฏิสัมพันธ์ กับประชาชนมากขึ้น โดยประเทศไทยมีศูนย์กลางข้อมูลเปิดภาครัฐ (Open Government Data of Thai) ซึ่งมีชุดข้อมูลอยู่ราว 3,569 ชุดข้อมูล


โอเพ่นดาต้า ลดเฟคนิวส์ ลดดราม่า

"รองศาสตราจารย์ พิจิตรา ศุภสวัสดิ์กุล" คณะนิเทศศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย อธิบายว่า จากแถลงการณ์เครือข่ายนักวิชาการและสื่อมวลชน เสนอเปิดเผย "ข้อมูลบริหารจัดการและกระจายวัคซีนโควิด-19 ตามหลัก Open data" เป็นการทำงานและประชุมร่วมกันจากหลายภาคส่วน ตอนนี้สังคมมีเฟคนิวส์เยอะ เพราะฉะนั้นทางเครือข่าย จึงมองว่า ควรมีโอเพ่นเดต้า ที่เปิดให้ให้สาธารณชนได้รับรู้


ซี่งควรจะต้องมีข้อมูลการจัดหาและการกระจายวัคซีนเป็นข้อมูลเปิด เพื่อให้สาธารณชนได้รับรู้และสร้างความน่าเชื่อถือกับรัฐบาล ลดทอนเฟคนิวส์ หรือข่าวปลอมที่เกิดขึ้น เมื่อเอาดาต้ามาคลี่ จะลดความดราม่าในสังคม จึงรวมกลุ่มกันในการเรียกร้องให้รัฐบาลเปิดโอเพ่นดาต้า รวมถึงเครือข่ายสื่อมวลชน นักวิชาการ ตามข้อเรียกร้อง 5 ข้อที่เสนอไป ได้แก่


1.) เปิดเผยกระบวนการเสนอ อนุมัติ และลงนามในสัญญาจัดซื้อวัคซีนที่ผ่านมาและในอนาคต รวมถึงเงื่อนไขสำคัญๆ ในสัญญาจองซื้อและจัดซื้อวัคซีนทุกยี่ห้อ อาทิ จำนวนโดส อายุสัญญา กำหนดการส่งมอบ บทลงโทษกรณีส่งมอบล่าช้า การยกเว้นความรับผิดให้กับผู้ผลิต เป็นต้น

2.) เปิดเผยแผนการจัดหาวัคซีนทุกชนิดต่อสาธารณะ รวมทั้งแผนการทดแทนวัคซีนที่ขาดแคลนในปัจจุบันและการจัดหาวัคซีนให้เพียงพอและทั่วถึงในอนาคต

3.) เปิดเผยหลักเกณฑ์การจัดสรรวัคซีนสำหรับกลุ่มเป้าหมายต่างๆ ที่มีรายละเอียดการจัดลำดับความสำคัญ และจำนวนกลุ่มเป้าหมายของการจัดสรร

4.) เปิดเผยแผนการฉีดวัคซีนและการบริหารจัดการวัคซีนตามกลุ่มเป้าหมายที่วางหลักเกณฑ์ไว้

5.) เปิดเผยความคืบหน้าของการฉีดวัคซีนอย่างสม่ำเสมอเป็นรายวัน โดยมีรายละเอียด ชนิดวัคซีน บุคคลกลุ่มต่างๆ ตามหลักเกณฑ์ พร้อมข้อมูลลักษณะประชากร ข้อมูลเชิงพื้นที่ (รายจังหวัด) และข้อมูลเชิงหน่วยงานที่ดำเนินการ


จัดหา กระจายวัคซีน ประเด็นที่สังคมสนใจ
ทั้งนี้ แม้สถานการณ์โควิด-19 ในปัจจุบัน ศูนย์ข้อมูลของ ศบค. หรือกระทรวงสาธารณสุข ได้รายงานอัพเดทข้อมูลรายวัน รศ.พิจิตรา อธิบายว่า ในปัจจุบันจะเห็นข้อมูลที่เกี่ยวกับยอดผู้เสียชีวิต ยอดผู้ป่วยเป็นหลัก ที่ประชาชนติดตาม ซึ่งคิดว่าอีกมุมหนึ่งที่เราอยากได้ คือ การจัดหา และการกระจายวัคซีน ระยะสั้นและระยะยาวเพื่อให้อย่างน้อยประชาชนได้เห็น แสงสว่างปลายอุโมงค์และสามารถแพลนชีวิตตัวเองได้  ซึ่งภาครัฐควรเปิดให้เป็นโอเพ่นเดต้า อยากจะรู้ว่า ณ ปัจจุบัน วัคซีนแต่ละล็อตจะเข้ามาเท่าไหร่ แต่ละยี่ห้อเป็นอย่างไร และเข้ามาอย่างไร เพื่อให้เห็นไทม์ไลน์ต่างๆ ประชาชนจะได้วางแผนชีวิตได้


ลดความกังขา วัคซีน
อีกส่วนหนึ่งที่คิดว่าอยากจะขับเคลื่อนและคิดว่าน่าจะเป็นแนวทางที่ดีในเรื่องของโอเพ่นเดต้าที่จะเกิดขึ้น คือ วัคซีน 1.5 ล้านโดส ที่มาจากการบริจาคของสหรัฐฯ เรารู้สึกว่ามีการตั้งข้อกังขาค่อนข้างเยอะ และถ้ารัฐ มีข้อมูลว่าวัคซีนกระจายไปที่ไหน หน่วยงานไหนบ้าง ปริมาณเท่าไหร่ ไทม์ไลน์การกระจายเป็นอย่างไร บุคลากรทางการแพทย์ สามารถได้วัคซีนมากน้อยขนาดไหน




"ไม่อยากจะให้แค่เป็นแผน อยากจะให้เราได้ดาต้าที่สามารถเห็น ในทางปฏิบัติว่านอกจากแนวทางที่รัฐวางไว้ 4-5 เงื่อนไข อยากจะเห็นว่าข้อเท็จจริงกระจายไปมากน้อยแค่ไหน และนี่เป็นรูปแบบของโอเพ่นเดต้าที่เราเรียกร้อง ดังนั้น วัคซีน 1.5 ล้านโดส น่าจะเป็นแนวทางที่ดี ที่เราอยากจะได้รับจากรัฐบาลในเรื่องของโอเพ่นดาต้า  


ลดช่องว่างรัฐ ประชาชน
ทั้งนี้ หากเริ่มจากการทำโอเพ่นดาต้า นับว่าเป็นอีกหนึ่งแนวทางในการลดความคลางแคลงใจจากรัฐบาลได้ รศ.พิจิตรา กล่าวต่อไปว่า โอเพ่นเดต้าสร้างความโปร่งใส เราสร้างแคมเปญนี้ เพราะรู้สึกว่าดาต้าที่ประชาชนได้รับเป็นรายวัน แต่ยังไม่ยังไม่เห็นการกระจาย หรือข้อมูลระยะยาวที่ประชาชนสามารถวางแผน

หรือ ข้อมูลที่สื่อมวลสามารถได้ข้อมูล และดาต้าไซแอนทิส สามารถเอาข้อมูลมาทำบนแดชบอร์ดได้ โดยเราสามารถเห็นกันแบบเรียลไทม์ ขณะที่ ในต่างประเทศ มีหลายประเทศที่อาจจะไม่เรียลไทม์ แต่มีการทยอยในเรื่องการเปิดเผยข้อมูล เห็นยอดการฉีด และยอดของเป้าหมายที่จะไปถึง

แก้ปัญหาไม่เข้าใจ ด้วยดาต้า
ณ ปัจจุบัน ข่าวสารข้อมูลที่ทยอยออกมาจากหน่วยงานภาครัฐ ซึ่งพบว่าหลายครั้งพบว่า เกิดกระแสดราม่า ซึ่งทำให้ภาครัฐต้องออกมาชี้แจง และตัวประชาชนเองก็เสียเวลาในเรื่องของการลงไปกระทู้ถามดราม่ารายวัน

รศ.พิจิตรา กล่าวว่า หากเราได้ดาต้าที่เป็นดาต้าเซ็ตและเป็นข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้น สะท้อนปัญหาที่ประชาชนร่วมเห็นด้วย คิดว่า อย่างน้อยก็จะสามารถบอกประชาชนได้ว่านี่คือสิ่งที่เกิดขึ้น นี่คือปัญหาที่เราพบ และเราจะมาแก้ปัญหากันด้วยพื้นฐานดาต้าอย่างไรดี อย่างน้อยในเรื่องของการโอเพ่นเดต้า สะท้อนความจริงใจ ความโปร่งใสของรัฐบาลที่มีให้กับประชาชน

"และหลังจากนั้นสิ่งที่เราจะเดินหน้า คือ ส่งหนังสือ อย่างเป็นทางการในการขอโอเพ่นเดต้าของภาครัฐ ซึ่งตอนนี้รวบรวมรายชื่อได้ 333 รายชื่อในล็อตแรก เป็นรายชื่อที่ระดมจากสื่อเพราะสื่อต้องเอาโอเพ่นเดต้ามาทำข่าว และนักวิชาการสายนิเทศศาสตร์ รัฐศาสตร์ และสายดาต้าไซน์ ในสเต็ปต่อไป จะเปิดให้สาธารณชน ลงชื่อสนับสนุนแถลงการณ์ตัวนี้โดย ผ่านเว็บไซต์ Change.org เพื่อให้สามารถที่จะร่วมลงชื่อได้"


"เราทำเพราะคิดว่าเป็นประโยชน์ เชื่อว่าโอเพ่นเดต้า จะช่วยสนับสนุนการทำงานของสื่อมวลชน ถ้าเรามีโอเพ่นเดต้า ที่เรียลไทม์และเป็นวันสต็อปเซอร์วิส คลี่ดาต้าออกมาให้คนเห็นว่าเกิดอะไรขึ้น จะลดความเคลือบแคลงใจ และลดดราม่าไปเยอะ"



ในโควิดระลอกแรก ซึ่งกองทุนสื่อฯ ร่วมกับ เวิร์คพ้อย ทำแดชบอร์ด ก็เห็นได้เลยว่าคนติดเป็นใคร เน้นเรื่องคนติดเชื้อเป็นหลัก แต่ตอนนี้ระลอกสาม ระลอกสี่ สถานการณ์เปลี่ยนไป วัคซีนเป็นปัจจัย เป็นเงื่อนไขที่ทำให้เปิดประเทศได้ และทำให้การติดเชื้อลดลง เราจึงต้องมาเดินหน้าเรื่องของวัคซีนต่อ เพื่อสนับสนุนทั้งสื่อมวลชนและช่วยรัฐบาลในการสร้างความโปร่งใสด้วย


"ไม่อยากให้เกิดดราม่า เราอยากให้เกิดดาต้า ตอนนี้เชื่อว่า เป้าหมายของเราคืออยากให้รัฐตอบสนองและเปิดโอเพ่นดาต้า ซึ่งความจริงมีข้อมูลที่เปิดอยู่แล้ว เช่น กรมควบคุมโรค ก็มีโอเพ่นเดต้าบ้างแล้ว หรือมีงานวิจัยของกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) ที่ ม.มหิดล เก็บและร่วมกันทำโอเพ่นเดต้าให้สังคมได้รับรู้ คิดว่ารัฐทำอยู่แล้ว แต่อยากให้เปิดเผยต่อสาธารณชนด้วย" รศ.พิจิตรา กล่าว
#3513
ค่าเช่า 30,000 บาท/เดือน 
ติดต่อ คุณ จิรเมธ นะมิ
เบอร์ 099.461.1840
@line: chiramathe.nami

อาคารพาณิชย์ ชั้นเดียว ทำเลดี ด้านหน้าติดกับถนนใหญ่ สุขุมวิท 77 เขตประเวศ กทม


เหมาะสำหรับทำการค้า สำนักงานเชิงพาณิชย์ 

เนื้อที่ขนาด 180 ตารางเมตร หน้ากว้าง 9 เมตร ลึก 20 เมตร 

ด้านหน้าอาคารติดกับถนนใหญ่ สุขุมวิท 77 ด้านข้างอาคารติดกับ ร.พ.วิภารามอ่อนนุช ขนาด 400 เตียง 19 ชั้น 

และซอย อ่อนนุช 78 ภายในอาคารในมี ห้องโถงขนาดใหญ่ 1 ห้อง ห้องกระจก 3 ห้อง ห้องอเนกประสงค์ 1 ห้อง ห้องน้ำ 1 ห้อง

ค่าเช่า 30,000 บาท/เดือน 
- สัญญา 2 ปี 
(สัญญาเช่า 2 ปี = จ่ายเงินประกัน 2 เดือนและค่าเช่าล่วงหน้า 1 เดือน เข้าอยู่ได้เลย)

พื้นที่
ขนาด 180 ตารางเมตร หน้ากว้าง 9 เมตร ลึก 20 เมตร
ภายในอาคารในมี ห้องโถงขนาดใหญ่ 1 ห้อง ห้องกระจก 3 ห้อง ห้องอเนกประสงค์ 1 ห้อง ห้องน้ำ 1 ห้อง

ทำเลที่ตั้ง
บ้านเลขที่ 39/15 แขวงประเวศ เขตประเวศ กทม 10250

สถานที่ใกล้เคียง
-ร.พ.วิภาราม อ่อนนุช
-เทสโก้โลตัส อ่อนนุช
-ไปรษณีย์อ่อนนุช
-สวนหลวง ร.9
-Seacon square
-Paradise park

ติดต่อ คุณ จิรเมธ นะมิ
เบอร์ 0994611840
@line: chiramathe.nami

https://www.prakard.com/viewtopic.php?f=73&t=7827111


























#3514



กองทุนการเงินระหว่างประเทศ(ไอเอ็มเอฟ)เตือนสถานการณ์แพร่ระบาดของโรคโควิด-19ที่กลับมารุนแรงอีกครั้ง กำลังส่งผลกระทบโดยตรงต่อการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจของหลายประเทศ ขณะที่มาตรการควบคุมการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ทำให้มีคนจนเพิ่มขึ้น ผู้คนออกมาชุมนุมประท้วงเพราะปัญหาปากท้องกันมากขึ้น ขณะเดียวกันก็เกิดปัญหาความตึงเครียดทางการเมืองเพิ่มขึ้น

ไอเอ็มเอฟ ออกรายงานเตือนเมื่อวันอังคาร(27ก.ค.)ว่าการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลกยังคงดำเนินอยู่แต่ก็ยังคงมีความเหลื่อมล้ำอย่างมากระหว่างประเทศที่มีเศรษฐกิจก้าวหน้า ตลาดเกิดใหม่หลายประเทศและประเทศกำลังพัฒนา เพราะการเข้าถึงวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19ที่ไม่เท่าเทียมกัน และการขาดการสนับสนุนด้านงบประมาณ

รายงานเตือนของไอเอ็มเอฟฉบับล่าสุด มีขึ้นหลังจากประมาณกลางเดือนก.ค.ที่ผ่านมา เกิดการชุมนุมประท้วงครั้งใหญ่ในคิวบา ที่เป็นอีกประเทศหนึ่งที่พึ่งพิงรายได้จากการท่องเที่ยวเป็นหลัก แต่ต้องเผชิญภาวะชะงักงันจากวิกฤตโรคระบาด จนส่งผลกระทบอย่างรุนแรงต่อสภาพเศรษฐกิจ และการดำเนินชีวิตของประชาชน

ชาวคิวบานับหมื่นคนออกมาเดินขบวนประท้วงในหลายเมือง เพื่อแสดงความไม่พอใจการบริหารจัดการของรัฐบาล โดยเฉพาะอย่างยิ่งการระบาดของโรคโควิด-19 และมาตรการทางเศรษฐกิจที่รัฐบาลนำมาใช้ได้สร้างความยากลำบากให้ชาวคิวบา ก่อให้เกิดความไม่พอใจสะสมจนนำมาสู่การชุมนุมประท้วง

นอกจากนี้ ยังเกิดเหตุจลาจลและปล้นสะดมร้านค้าในหลายประเทศของแอฟริกาใต้ โดยมีสาเหตุมาจากความไม่พอใจที่รัฐบาลไม่เร่งแก้ปัญหาปากท้องประชาชน รวมทั้งความยากลำบากและความเหลื่อมล้ำที่เกิดขึ้นจากเศษฐกิจที่ได้รับผลกระทบอย่างหนักจากโรคโควิด-19 ระบาดจำนวน จนส่งผลให้ผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 77 ราย

รายงานฉบับนี้ของไอเอ็มเอฟ ระบุว่า ความเหลื่อมล้ำในการเข้าถึงวัคซีนเป็นตัวขับเคลื่อนหลักที่จะทำให้ความสามารถในการพลิกฟื้นเศรษฐกิจของกลุ่มประเทศพัฒนาแล้วกับกลุ่มประเทศพัฒนาน้อยแตกต่างกัน

"ประเทศที่มีการแพร่ระบาดของไวรัสกลายพันธุ์และมีผู้ติดเชื้อโควิด-19จำนวนมากอาจจะไม่สามารถพลิกฟื้นเศรษฐกิจได้ตามเป้าที่วางไว้ และสิ่งนี้จะทำให้เกิดความสูญเสียทางเศรษฐกิจคิดเป็นมูลค่า 4.5 ล้านล้านดอลลาร์ของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ(จีดีพี)โลก ภายในปี 2568"กีตา โกปินาธ หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์ไอเอ็มเอฟ ระบุ
#3515



แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ยอดทีมแห่งศึกพรีเมียร์ลีก อังกฤษ ยืนยันผ่านโซเชียลมีเดียของสโมสร ปิดดีลคว้าตัว ราฟาเอล วาราน ปราการหลังชาวฝรั่งเศสมาร่วมทัพเป็นที่เรียบร้อย เหลือเพียงการเดินทางมาตรวจร่างกายเท่านั้น

ก่อนหน้านี้ "ปีศาจแดง" ตกเป็นข่าวกับแนวรับตัวเก่งทีมชาติฝรั่งเศสอย่างต่อเนื่อง โดย "ราชันชุดขาว" รีล มาดริด ก็พร้อมที่จะปล่อยตัวแข้งรายนี้มาร่วมทัพหากได้ค่าตัวเป็นที่น่าพึงพอใจ

ล่าสุดวันที่ 27 กรกฎาคมที่ผ่านมาตามเวลาที่อังกฤษ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ประกาศยืนยันอย่างเป็นทางการในการปิดดีลดึงตัว ราฟาเอล วาราน มาคุมแนวรับในถิ่นโอลด์ แทรฟฟอร์ด โดยจะมีการเปิดตัวเร็วๆนี้ เมื่อเคลียร์เรื่องเอกสารเรียบร้อย ก่อนที่นักเตะเดินทางมาตรวจร่างกายกับสโมสร

"แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด มีความยินดีที่จะแจ้งให้ทราบว่า สโมสรบรรลุข้อตกลงในการคว้าตัว ราฟาเอล วาราน เหลือเพียงขั้นตอนด้านเอกสาร และการตรวจร่างกายเท่านั้น" แถลงการณ์ของทีมปีศาจแดง

มีการคาดกันว่าค่าตัวของกองหลังวัย 28 ปีรายนี้อยู่ที่ราว 41 ล้านปอนด์ ซึ่งเจ้าตัวกลายเป็นนักเตะใหม่รายที่ 2 ที่ แมนฯ ยูไนเต็ด ซื้อตัวมาร่วมทัพ ต่อจาก จาดอน ซานโช ปีกตัวจี๊ดทีมชาติอังกฤษ

สำหรับ ราฟาเอล วาราน เป็นเด็กปั้นของสโมสรล็องส์ ทีมในลีกฝรั่งเศส ก่อนที่ในปี 2011 จะถูก รีล มาดริด ดึงตัวมาร่วมทีม ซึ่งเวลานั้นเจ้าตัวเพิ่งจะอายุย่าง 19 ปีเท่านั้น หลังจากนั้นแนวรับเลือดน้ำหอมรายนี้ก็กลายเป็นกำลังสำคัญของทีม "ราชันชุดขาว" ไปโดยปริยาย

โดยเขาเป็นกำลังสำคัญของยักษ์ใหญ่แดนกระทิงดุในการคว้แชมป์ลาลีกา สเปน มาครอง 3 สมัย, โคปา เดล เรย์ 1 สมัย, ยูฟ่า แชมเปียนส์ลีก 4 สมัย, ยูฟ่า ซูเปอร์ คัพ 3 สมัย และแชมป์สโมสรโลก 4 สมัย
#3516



ศูนย์ฉีดวัคซีนกลางบางซื่อ เตรียม เปิดจองคิวฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19 เข็มที่ 1 โดย ลงทะเบียนฉีดวัคซีนล่วงหน้าผ่านเครือข่ายโทรศัพท์มือถือเท่านั้น  เปิดให้ลงทะเบียนฉีดวัคซีนโควิด-19 สำหรับกลุ่มคนที่ยังไม่เคยลงทะเบียน เริ่มลงทะเบียนตั้งแต่วันที่ 29 กรกฎาคม 2564 เป็นต้นไป เริ่มฉีดตั้งแต่วันที่ 1-31 สิงหาคม 2564

รายละเอียดการ ลงทะเบียนฉีดวัคซีน โควิด-19

1. ประชาชนทั่วไปอายุตั้งแต่ 18 ปี วันละ 10,000 โดส

- เบื้องต้น มีโควต้าการจองต่อวัน 2,000 คนต่อค่ายมือถือ

2. ผู้สูงอายุตั้งแต่ 60 ปีขึ้นไป และผู้ป่วย 7 กลุ่มโรคเรื้อรัง วันละ 10,000 โดส

เฉพาะ กลุ่ม 7 โรคเรื้อรัง โรคทางเดินหายใจเรื้อรัง  โรคหัวใจและหลอดเลือด โรคไตวายเรื้อรัง โรคหลอดเลือดสมอง  โรคอ้วน  โรคมะเร็ง  โรคเบาหวา ต้องมีการเช็คกับกรมการแพทย์ประกอบด้วย และกรณีที่ลงทะเบียนไม่ผ่าน ต้องเช็คกับโรงพยาบาลที่ทำการรักษาเพื่อส่งข้อมูลเข้าไปตรงส่วนกลาง

-เบื้องต้น มีโควต้าการจองต่อวัน  3,500 คนต่อค่ายมือถือ (โปรดเช็คข้อมูลอายุกับ บัตรประชาชน ที่ออกโดยกระทรวงหาดไทย)

ผู้สนใจ เตรียมคลิกเข้าดูรายละเอียดผ่านช่องทางของแต่ละค่ายมือถือ เอไอเอส ทรู และ ดีแทค รวมถึง บมจ.โทรคมนาคมแห่งชาติ หรือเอ็นที


ช่องทางการ ลงทะเบียนฉีดวัคซีน โควิด-19

ช่องทางลงทะเบียนฉีดวัคซีนที่ ศูนย์ฉีดวัคซีนกลางบางซื่อ เบื้องต้น ผู้ที่สนใจสามารถเข้าไปตรวจสอบได้ 3 ช่องทาง คือ 

1. AIS ลงทะเบียนได้ที่ เว็บไซต์ ais.th/vaccine หรือ คลิกที่นี่ 

2. TRUE ลงทะเบียนได้ที่ ระบบ USSD กด *707# โทรออก หรือ เว็บไซต์ vaccine.trueid.net หรือ คลิกที่นี่ 

3. DTAC ลงทะเบียนได้ที่ ดีแทค แอพ และ เว็บไซต์ dtac.co.th/vaccine หรือ คลิกที่นี่

ส่วน เอ็นที สามารถคลิกเข้าไปดูข้อมูลได้ที่ covid19vaccine.ntplc.co.th หรือ คลิกที่นี่  สำหรับโควต้า การจองฉีดวัคซีน ผ่านทาง เอ็นที จะได้โควต้าการจองที่น้อยกว่า 3 ค่ายมือถือ 

วัคซีนที่จะได้รับ จะเป็น แอสตร้าเซนเนก้า 


เงื่อนไขการลงทะเบียนฉีดวัคซีน โควิด-19
อายุ 18 ปีขึ้นไป เฉพาะเข็มแรก จองฉีดวัคซีนผ่านการลงทะเบียนล่วงหน้ากับค่ายมือถือ เปิดจอง 29 ก.ค.นี้  เริ่มฉีด 1 ส.ค.ที่สถานีกลางบางซื่อ
กลุ่มอายุ 60 ปีขึ้นไป และผู้ตั้งครรภ์ 12 สัปดาห์ กลุ่มที่มีน้ำหนักเกิน 100 ก.ก. เปิดให้วอล์คอินถึง 31 ก.ค. นี้ หลังจากนั้นลงทะเบียนอย่างเดียว
กลุ่มอายุ 75 ปีขึ้นไปและคนท้อง อายุครรภ์ 12 สัปดาห์ขึ้นไป ยังคงสามารถ วอล์คอิน เข้าไปรับวัคซีนได้ โดยไม่ต้องจอง
รายงานข่าว ระบุด้วยว่า สำหรับคนที่มีนัดฉีดเข็มแรกที่เคยจองไว้กับค่ายมือถือไว้ก่อนหน้านี้ ไปตามนัดได้เหมือนเดิม
#3517



โรงแรมเชอราตัน แกรนด์ สุขุมวิท, เอ ลักซ์ชัวรี่ คอลเล็คชั่น โฮเท็ล พบกับโปรโมชั่นใหม่ล่าสุด ที่คุณและเพื่อนสี่ขาจะได้เพลิดเพลินไปกับช่วงเวลาสุดวิเศษด้วยกัน ในห้องพักแกรนด์รูม ห้องใหญ่ กว้างขวางพร้อมสิ่งอำนวยความสะดวกครบครันให้น้องหมาได้มีความสุข ห้องพักพร้อมอาหารสำหรับผู้เข้าพัก 2 ท่าน รวมถึงชุดน้ำชายามบ่าย "Let's Pawty" สุดน่ารัก พร้อมเสิร์ฟในห้องและอื่นๆอีกมากมาย


สิทธิพิเศษนี้ประกอบด้วย...
-ห้องพักแกรนด์ รูม 1 คืน
-อาหารเช้าสำหรับผู้เข้าพัก 2 ท่าน
-ชุดน้ำชายามบ่ายเสิร์ฟในห้องพัก "Let's Pawty" ในธีมน้องหมาสุดน่ารัก
-ของขวัญชิ้นพิเศษจากแบรนด์โรยัล คานิน (Royal Canin)
-สิ่งอำนวยความสะดวกสำหรับสุนัข อาทิ เตียง ของเล่น และอื่นๆ ในระหว่างเข้าพัก

เริ่มต้นเพียงคืนละ 2,550++ บาท ต่อคืน

นอกจากนี้ ผู้เข้าพัก 30 ท่านแรก จะได้รับผ้าห่มแบรนด์โรยัล คานิน สุดนุ่มสีแดงสดใส มูลค่า 290 บาท

สามารถรับสิทธิพิเศษนี้ได้ที่แอปพลิเคชัน Royal Canin Club (TH) https://bit.ly/AppRoyalCaninClub และสำรองห้องพักได้ตั้งแต่วันนี้ – จนถึง 26 ธันวาคม 2564



ข้อตกลงและเงื่อนไข

สุนัขที่นำมาพัก จะต้องมีน้ำหนักไม่เกิน 12 กิโลกรัม และเข้าพักเพียง 1 ห้อง ต่อ 1 ตัวเท่านั้น
สุนัขจะต้องอยู่ในบริเวณที่ทางโรงแรมฯ จัดเตรียมไว้ให้เท่านั้น
ผู้เข้าพักจะต้องลงนามหรือแจ้งว่านำสุนัขมาในตอนเช็คอิน
ลูกค้า 30 ท่านแรก จะได้รับผ้มห่มจากแบรนด์โรยัล คานิน มูลค่า 290 บาท สีแดง ขนาด 120*80 เซนติเมตร (1 ชิ้น ต่อ 1 ห้อง)
ของขวัญสุดพิเศษจากแบรนด์โรยัล คานิน ที่จัดเตรียมให้ประกอบด้วย อาหารสุนัขพันธุ์เล็กเลี้ยงภายในบ้าน (แบบเม็ด) 50 กรัม จำนวน 3 ซอง (1 ชุด / 1 ห้อง และสำหรับ 50 ท่านแรกที่เข้าพักเท่านั้น)
กรุณาสำรองห้องพักล่วงหน้าอย่างน้อย 48 ชั่วโมงก่อนวันเข้าพัก
สามารถยกเลิกการเข้าพักได้ โดยล่วงหน้าอย่างน้อย 24 ชั่วโมงก่อนวันเข้าพัก
ค่าธรรมเนียมในการนำสุนัขเข้าพักแบบ refundable

สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมหรือสำรองห้องพัก โทร02 649 8888 หรืออีเมล bkklcreservation@marriott.com

เป็นเพื่อนกับเราได้ที่ @SheratonGrandeBKK
#3518



วันที่ 23 ก.ค.64 องค์การสวนสัตว์แห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ (อสส.) โดยนายอรรถพร ศรีเหรัญ ผู้อำนวยการองค์การสวนสัตว์แห่งประเทศไทย ร่วมกับ วิทยาลัยเทคโนโลยีสยามบริหารธุรกิจ (SBAC)  โดย ดร.ปราศรัย ประวัติรุ่งเรือง ผู้อำนวยการวิทยาลัยเทคโนโลยีสยามบริหารธุรกิจ (SBAC สะพานใหม่) และดร.ประสาน ประวัติรุ่งเรือง ผู้อำนวยการวิทยาลัยเทคโนโลยีสยามบริหารธุรกิจ (SBAC นนทบุรี) ร่วมลงนามในบันทึกข้อตกลงทางวิชาการและวิชาชีพเพื่อการจัดการศึกษาด้านอาชีวศึกษา ผ่านระบบ Zoom โดยมีรศ.ดร. วรสัณฑ์ บูรณากาญจน์ กรรมการองค์การสวนสัตว์แห่งประเทศไทย และ ประธานอนุกรรมการด้านการตลาดผ่านสื่อสังคมออนไลน์ ร่วมเป็นเกียรติในพิธี
 
​ สำหรับความร่วมมือในการพัฒนา องค์ความรู้ร่วมกันครั้งนี้ เป็นไปตามเจตนารมณ์ของทั้งสองหน่วยงานที่ต้องการให้เกิดภูมิปัญญาและต่อยอดนวัตกรรมและแลกเปลี่ยนองค์ความรู้ ประสบการณ์ของบุคลากร นักศึกษาด้านวิชาการและเทคโนโลยี ตลอดจนส่งเสริม สนับสนุนกิจกรรมด้านการพัฒนางานวิจัยนวัตกรรมและสิ่งประดิษฐ์ร่วมกัน เพื่อนำไปสู่การพัฒนาเศรษฐกิจ ชุมชน สังคม และสิ่งแวดล้อม เพื่อเป็นการเพิ่มขีดความสามารถการดำเนินงานตามภารกิจหลักของทั้งสองหน่วยงานให้เกิดประโยชน์สูงสุด
#3519


วันนี้ (26 ก.ค.) นายเอกชัย แสนดี หัวหน้าฐานปฏิบัติการป้องกันรักษาป่า (เขายายดา) ต.ตะพง อ.เมืองระยอง พร้อมด้วย นายยงยศ สุขถาวร หัวหน้าป้องกันรักษาป่าที่ รย.2 (บ้านค่าย) และเจ้าหน้าที่ชุดปฏิบัติการพิเศษป่าไม้ระยอง ได้นำชาวบ้านและประชาชนในพื้นที่ร่วมตรวจสอบบริเวณหน้าผา "จุดชมวิว" เขายายดา

หลังได้รับแจ้งจากชาวบ้านชุมชนบ้านสำเภาทอง ว่า มีการลักลอบตัดต้นคูนขนาดใหญ่ริมหน้าผาสูงชันซึ่งอยู่สูงจากระดับน้ำทะเลประมาณ 429 เมตร

โดยรอบพบร่องรอยการใช้เลื่อยยนต์ตัดต้นคูณขนาดใหญ่จนเหลือเพียงโคนต้น ส่วนต้นคูณบริเวณริมหน้าผาอีก 2 ต้น ถูกตัดกิ่งทิ้งกองไว้ โดยไม่พบตัวผู้กระทำผิดแต่อย่างใด

นายเอกชัย เผยว่า จากการตรวจสอบพื้นที่อย่างละเอียด พบมีการตัดต้นคูนก่อนทิ้งไม้ลงไปบริเวณหน้าผาลาดชัน โดยไม่ทราบว่าการลักลอบตัดไม้ในครั้งนี้มีวัตถุประสงค์ใด แต่ในเบื้องต้นถือว่าเป็นการกระทำที่ผิดกฎหมายป่าไม้ เนื่องจากจุดชมวิวเขายายดา อยู่ในพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติ (ป่ากะเฉด -ป่าเพ-ป่าแกลง)

และจากการตรวจสอบภาพจากกล้องวงจรปิดบริเวณปากทางขึ้นเขา ตรวจสอบพบว่ามีรถยนต์กระบะ 4 ประตู สีบรอนซ์เงิน ซึ่งเป็นรถต้องสงสัยขับขึ้นเขาเมื่อวันที่ 23 ก.ค.ที่ผ่านมา

ขณะที่ นายประเสริฐ จันทรา ผู้ใหญ่บ้าน ม.7 ต.ตะพง บอกว่า ทางขึ้นเขายายดาอยู่ในพื้นที่ ต.ตะพง ซึ่งเป็นถนนกว้างประมาณ 4 เมตร โดยที่ผ่านมา มักจะมีชาวบ้านพากันมาออกกำลังกายด้วยการวิ่งขึ้นเขา และยังได้แวะพักผ่อนจุดชมวิวที่สามารถมองเห็นทิวทัศน์สวยงาม และยังมีอากาศสดชื่น รวมทั้งยังสามารถมองเห็นทะเลและเกาะเสม็ดได้อีกด้วย



ด้าน ธนิตศักดิ์ เจริญรุจิภูวเลิศ ประธานชุมชนบ้านสำเภาทอง เผยว่า ในช่วงการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ทางชุมชนได้ติดป้ายขอความร่วมมือห้ามไม่ให้ประชาชนขึ้นมากางเต็นท์เพื่อพักค้างแรมและห้ามก่อกองไฟ แต่ยังพบว่าประชาชนหลายรายที่ฝ่าฝืน

และเมื่อที่ 23 ก.ค.ที่ผ่านมา ยังได้รับแจ้งว่ามีการลักลอบตัดโค่นต้นคูนขนาดใหญ่ริมหน้าผาจุดชมวิว และเมื่อขึ้นมาตรวจสอบไม่พบตัวผู้กระทำผิดแล้ว ซึ่งการกระทำดังกล่าวถือว่าเป็นการทำลายทรัพยากรธรรมชาติและรู้สึกเสียดายเป็นอย่างมาก จึงขอให้เจ้าหน้าที่เร่งหาตัวผู้กระทำผิดให้ได้โดยเร็ว
#3520



น.ส.กุลยา ตันติเตมิท ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง ในฐานะโฆษกกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่าจากกรณีที่ผู้ประกอบอาชีพขับแท็กซี่ สมาคมการค้าเครือข่ายแท็กซี่ไทย เรียกร้องให้มีการพักชำระหนี้ทั้งเงินต้นและดอกเบี้ย และจัดหาเงินกู้ดอกเบี้ยต่ำหรือปลอดดอกเบี้ยเพื่อนำมาปรับปรุงสภาพรถว่า ที่ผ่านมา คลัง และธนาคารแห่งประเทศไทยได้มีมาตรการช่วยเหลืออยู่แล้ว โดยให้ลูกหนี้แบงก์รัฐ และธนาคารพาณิชย์พักต้นพักดอกในพื้นที่สีแดงเข้ม 2 เดือน

นอกจากนี้ ยังมีมาตรการช่วยหนี้บัตรเครดิตและสินเชื่อส่วนบุคคล โดยเปลี่ยนเป็นหนี้ระยะยาว หรือลดค่างวด ขยายระยะเวลาการชำระหนี้ รวมถึงสินเชื่อจำนำทะเบียนรถยนต์และรถจักรยานยนต์ โดยเพิ่มทางเลือกการพักชำระค่างวด และสำหรับลูกหนี้เช่าซื้อรถ จักรยานยนต์ ที่ได้รับผลกระทบรุนแรงให้มีทางเลือกในการคืนรถ  หรือพักค่างวดได้ โดยแจ้งความประสงค์ได้ถึงวันที่ 31 ธ.ค.64

น.ส.กุลยา กล่าวว่า คลังยังมีมาตรการสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำช่วยเหลือ เช่น ธนาคารออมสิน และธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) มีมาตรการสินเชื่อสู้ภัย วงเงิน 10,000 บาท ดอกเบี้ย 0.35%  สินเชื่อฟื้นฟูท่องเที่ยวไทย  สำหรับผู้ประกอบการขนาดเล็ก  วงเงิน 500,000 บาทต่อราย และธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย (ธพว.) สินเชื่อ เอ็กซ์ตร้า แคช วงเงิน 10,000 ล้านบาท สำหรับเอสเอ็มอี  บุคคลธรรมดาและนิติบุคคลวงเงิน 3 ล้านบาท