• Welcome to ลงประกาศฟรี โพสฟรี โปรโมทเว็บไซด์ให้ติดอันดับ SEO ด้วย PBN.
 

poker online

ปูนปั้น

Menu

Show posts

This section allows you to view all posts made by this member. Note that you can only see posts made in areas you currently have access to.

Show posts Menu

Topics - Hanako5

#3422


บมจ.เอกชัยการแพทย์ หรือ EKH อวดผลงานงวดไตรมาส 2/64 พลิกเป็นกำไรสุทธิ 65.98 ล้านบาท เพิ่มขึ้นถึง 30,090% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนขาดทุน 0.22 ล้านบาท อานิสงส์ผู้ป่วยในและผู้ป่วยนอกเพิ่มขึ้น รวมทั้งวิกฤตโควิด-19 ระลอกใหม่ ดันยอดผู้ใช้บริการเข้ารับการตรวจหาเชื้อคึกคัก ขณะที่ศูนย์บริการทางการแพทย์ครบวงจรสดใสไม่แพ้กัน ด้านบอร์ดเคาะจ่ายปันผลระหว่างกาลให้ผู้ถือหุ้นในอัตราหุ้นละ 0.12 บาท กำหนดจ่ายวันที่ 8 กันยายน 64 "นายแพทย์อำนาจ เอื้ออารีมิตร" เผยแนวโน้มครึ่งปีหลังยังคงขยายตัวอย่างโดดเด่นทั้งรายได้และกำไร เนื่องจากจำนวนผู้ป่วยยังคงเพิ่มขึ้นจากการระบาดที่ยังคงรุนแรง มั่นใจหนุนรายได้โต พร้อมปรับเป้ารายได้ปี 64 โตไม่ต่ำกว่า 40%

นายแพทย์อำนาจ เอื้ออารีมิตร กรรมการและผู้อำนวยการ บริษัท เอกชัยการแพทย์ จำกัด (มหาชน) (EKH) ผู้ประกอบธุรกิจสถานพยาบาลเอกชนในจังหวัดสมุทรสาคร เปิดเผยถึงผลประกอบการไตรมาส 2/2564 (สิ้นสุดวันที่ 30 มิถุนายน 2564) มีกำไรสุทธิ 65.98 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นกว่า 30,090% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่ขาดทุนสุทธิ 0.22 ล้านบาท ขณะที่รายได้รวมเท่ากับ 248.26 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 129.37 ล้านบาท หรือ 108.81% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนอยู่ที่118.89 ล้านบาท

สาเหตุที่ผลการดำเนินงานปรับตัวเพิ่มขึ้นดังกล่าว เนื่องจากบริษัทฯ มีรายได้จากกิจการโรงพยาบาลเพิ่มขึ้นจากจำนวนผู้ป่วยนอก (OPD) และผู้ป่วยใน (IPD) ที่เข้ารับบริการอย่างต่อเนื่องจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ส่งผลให้มีรายได้จากกิจการโรงพยาบาลเพิ่มขึ้น และยังมีรายได้จากการตรวจหาเชื้อไวรัสโควิด-19 รวมถึงมีผู้เข้ารับการรักษาเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ ขณะที่ธุรกิจการรักษาพยาบาลทั่วไปในโรงพยาบาล เช่น ศูนย์ฉุกเฉิน ศูนย์กุมารเวช ศูนย์สูติ-นรีเวช ยังมีผู้เข้ารับบริการอย่างต่อเนื่อง

ทั้งนี้ จากผลการดำเนินงานที่ปรับตัวเพิ่มขึ้น คณะกรรมการบริษัทจึงได้มีมติอนุมัติให้จ่ายเงินปันผลระหว่างกาลสำหรับงวดสิ้นสุดวันที่ 30 มิถุนายน 2564 ให้ผู้ถือหุ้นเป็นเงินสด ในอัตราหุ้นละ 0.12 บาท จำนวน 600 ล้านหุ้น รวมเป็นเงินปันผลทั้งสิ้น 72 ล้านบาท โดยกำหนดให้ผู้ถือหุ้นที่จะมีชื่อปรากฏ ณ วันกำหนดรายชื่อผู้ถือหุ้น (Record Date) ในวันที่ 24 สิงหาคม 2564 และกำหนดวันจ่ายเงินปันผลในวันที่ 8 กันยายน 2564

สำหรับแนวโน้มผลการดำเนินงานในช่วงครึ่งปีหลัง เชื่อว่ามีโอกาสขยายตัวอย่างโดดเด่นทั้งรายได้และกำไร เนื่องจากจำนวนผู้ป่วยยังคงเพิ่มขึ้นจากการระบาดที่ยังคงรุนแรง และการควบคุมต้นทุนและค่าใช้จ่ายได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทำให้คาดว่าจะผลักดันรายได้ปี 2564 เติบโตอย่างต่อเนื่อง พร้อมทั้งปรับเป้ารายได้จากเดิมโต 20% เป็นเติบโตไม่ต่ำกว่า 40% จากปีก่อนได้อย่างแน่นอน

"ที่ผ่านมา บริษัทฯ เดินหน้ารุกขยายเปิดบริการตรวจเชื้อโควิด-19 อย่างเข้มข้น ประกอบกับการให้บริการทางการแพทย์ในด้านต่างๆ ยังสามารถเติบโตในเกณฑ์ที่น่าพอใจ และมีผู้ป่วย OPD และผู้ป่วย IPD เข้ามาใช้บริการอย่างต่อเนื่อง โดยล่าสุดได้จัดตั้งหอผู้ป่วยเฉพาะกิจโควิด-19 หรือ Hospitel เพิ่ม จึงเป็นสัญญาณบวกต่อภาพรวมธุรกิจในครึ่งปีหลังของ EKH ที่จะเติบโตอย่างโดดเด่น" นายแพทย์อำนาจ กล่าวในที่สุด
#3423


หุ้นเช้าปิดลบ 3.01 จุด ขายทำกำไรหุ้นปลอดภัยคาดหวังเร่งฉีดวัคซีนหนุนคลายล็อก-เปิดประเทศ ช่วงนี้จึงได้เห็นการเริ่มปรับพอร์ต ขายทำกำไรหุ้นปลอดภัย อย่างกลุ่มโรงพยาบาล, กลุ่มชิปปิ้ง เป็นต้น หันมาเก็บหุ้น Domestic play และหุ้นที่ราคาลงไปจากผลกระทบโควิด ก็สามารถหาจังหวะในการซื้อได้ คาดว่า 3-4 เดือนข้างหน้าหลังคลายล็อกดาวน์แล้วหุ้นกลุ่มเหล่านี้จะกลับมา

นายพิชัย เลิศสุพงศ์กิจ รองกรรมการผู้จัดการฝ่ายการตลาด บล.ธนชาต กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเริ่มเห็นการชะลอมาตั้งแต่เมื่อวานนี้ โดยดัชนีฯขึ้นไปแถว 1,550 จุดจากนั้นย่อตัวลงมา แม้ดาวโจนส์ทำนิวไฮตอบรับวุฒิสภาสหรัฐลงมติผ่านร่างกฎหมายการใช้จ่ายด้านโครงสร้างพื้นฐานวงเงิน 1 ล้านล้านดอลลาร์เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจและการสร้างงาน โดยตลาดฯขึ้นต่อไปได้ไม่นานก็ย่อตัวลงในเวลาต่อมา

แต่บ้านเรามีปัจจัยหนุนจากการเร่งฉีดวัคซีนได้มากขึ้นเกิน 4 แสนโดสต่อวัน จึงเกิดความคาดหวังจะเกิดภูมิคุ้มกันหมู้เร็วขึ้น นำไปสู่การคลายล็อกดาวน์และการเปิดประเทศได้เร็วตามมา ช่วงนี้จึงได้เห็นการเริ่มปรับพอร์ต ขายทำกำไรหุ้นปลอดภัย อย่างกลุ่มโรงพยาบาล, กลุ่มชิปปิ้ง เป็นต้น หันมาเก็บหุ้น Domestic play และหุ้นที่ราคาลงไปจากผลกระทบโควิด ก็สามารถหาจังหวะในการซื้อได้ คาดว่า 3-4 เดือนข้างหน้าหลังคลายล็อกดาวน์แล้วหุ้นกลุ่มเหล่านี้จะกลับมา

ด้านตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชียเช้านี้เคลื่อนไหวทั้งในแดนบวก-ลบอย่างไร้ทิศทาง พร้อมแนะติดตามการประกาศผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนต่อไป

ด้านภาวะตลาดหุ้นไทยปิดการซื้อขายครึ่งวันเช้าที่ระดับ 1,539.61 จุด ลดลง 3.01 จุด หรือเปลี่ยนแปลง -0.20% มูลค่าการซื้อขายราว 50,980 ล้านบาท

สำหรับแนวโน้มการลงทุนในช่วงบ่ายนี้ นายพิชัย กล่าวว่า ตลาดฯคงจะแกว่งไซด์เวย์ แนวรับ 1,530 จุด ส่วนแนวต้าน 1,550 จุด
#3424


วันพฤหัสบดีที่ 12 สิงหาคม 2564 จะมีการส่งมอบศูนย์พักคอยเพื่อรอการส่งต่อโควิด เขตลาดพร้าว 2 ซึ่งเป็นการส่งมอบในนามโครงการ Save Thai Fight Covid ซึ่งเป็นความร่วมมือกันระหว่างมูลนิธินักศึกษาสถาบันพระปกเกล้าเพื่อสังคม วุฒิสภา บริษัทในเครือ RBS group

ศูนย์พักคอยเพื่อรอการส่งต่อเขตลาดพร้าว 2 มีเตียงที่สามารถรองรับผู้ป่วยโควิด-19 ได้ ทั้งหมด 176 เตียง แบ่งเป็นเตียงสําหรับผู้หญิง 88 เตียง และเตียงสําหรับผู้ชาย 87 เตียง

ทั้งนี้ ศูนย์พักคอยเพื่อรอการส่งต่อโควิด เขตลาดพร้าว 2 เป็นศูนย์พักคอยได้รับการช่วยเหลือด้านสถานที่จาก บริษัทในเครือ RBS group ซึ่งได้มีการนํานวัตกรรมเทคโนโลยีต่าง ๆ มาสนับสนุนในด้านการสร้างระบบ เพื่ออํานวยความสะดวกให้กับทั้งผู้ป่วย และบุคคลากรทางการแพทย์ภายในศูนย์

ด้วยเหตุผลข้างต้นนี้ ผู้จัดทําโครงการจึงเชื่อว่าศูนย์พักคอยเพื่อรอการส่งต่อโควิด เขตลาดพร้าว 2 จะเป็นศูนย์พักคอยเพื่อการส่งต่อที่ดีที่สุดในประเทศ โดยวัดจากปัจจัยตามมาตรฐานสากล และ ระบบที่ใช้สําหรับการจัดการภายในศูนย์

จึงขอเรียนสื่อมวลชนร่วมทําข่าวเพื่อประชาสัมพันธ์ในครั้งนี้ ในวันพฤหัสบดีที่ 12 สิงหาคม 2564 พิธีการส่งมอบเริ่มในเวลา 10.30 น. ผู้ป่วยคนแรกเดินทางเข้าศูนย์ในเวลา 13.00 น. ณ RBS Warehouse 8, 8.1, 8/2, 8/3, 8/4 ช.ประเสริฐมนูกิจ 29 (แยก 4) ถ.ประเสริฐมนูกิจ แขวงลาดพร้าว เขตลาดพร้าว กรุงเทพฯ

ติดต่อ : 0813558181 สรวง สิทธิสมาน ที่มประชาสัมพันธ์โครงการ Save Thai Fight Covid
#3425


นายอุทัย อุทัยแสงสุข ประธานผู้บริหารสายงานปฏิบัติการ บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า จากการมองตลาดเร็วและพร้อมปรับตัวรองรับทุกสถานการณ์ ตลอดเวลา (Speed to Market) ส่งผลให้ 7 เดือนที่ผ่านมาบริษัทสามาถทำยอดขายรวมได้ถึง 20,600 ล้านบาท หรือเกือบ 70% จากเป้าหมายยอดขาย 31,000 ล้านบาท โดยเป็นยอดขายจากโครงการแนวราบ 13,700 ล้านบาท และยอดขายจากโครงการคอนโดมิเนียม 6,900 ล้านบาท สัดส่วนยอดขายจากโครงการแนวราบเพิ่มเป็น 67% โดยบ้านเดี่ยวแบรนด์ เศรษฐสิริได้รับการตอบรับที่ดี อาทิ โครงการ เศรษฐสิริ กรุงเทพกรีฑา2, เศรษฐสิริ พระราม 5 และเศรษฐสิริ จรัญฯ – ปิ่นเกล้า2 เป็นต้น รวมทั้งทาวน์โฮมภายใต้แบรนด์"สิริ เพลส" ซีรี่ย์ล่าสุด Dream Destination ทั้ง สิริ เพลส บางนา - เทพารักษ์ และ สิริ เพลส วงแหวน - ลำลูกกา ที่ทำยอดขายกว่า 80% ของยูนิตที่เปิดขาย


ขณะที่คอนโดมิเนียม แบรนด์เดอะ มูฟ หนึ่งในโปรดักส์ไฮไลท์ในปีนี้ ที่รองรับเซกเมนต์ในระดับราคาที่เข้าถึงง่าย ได้รับการตอบรับที่ดี ไม่ว่าจะเป็นเดอะ มูฟ เกษตรเดอะ มูฟ ราม 22 ขายหมดทุกยูนิตที่เปิดขายในทั้ง 2 โครงการ คาดว่าจะส่งต่อความสำเร็จไปสู่ "เดอะ มูฟ บางนา" เป็นโครงการที่ 3 ราคาเริ่มต้น 1.29 ล้านบาท ที่เตรียมพรีเซลล์เป็นโครงการต่อไป

นายอุทัย ระบุว่า ช่วง 7 เดือน ที่ผ่านมาบริษัทมียอดโอนโครงการที่อยู่อาศัยทุกประเภทที่สร้างเสร็จสมบูรณ์และส่งมอบให้กับลูกค้าไปแล้วถึง 18,000 ล้านบาท หรือคิดเป็นเกือบ 60% จากเป้าหมายยอดโอน 31,000 ล้านบาท แบ่งเป็นยอดโอนจากโครงการแนวราบและคอนโดมิเนียม ในสัดส่วน 55 : 45 โดยครึ่งปีหลัง บริษัทยังเตรียมโอนคอนโดมิเนียม เอดจ์ เซ็นทรัล – พัทยา คอนโดไลฟ์สไตล์สุดพีคใจกลางพัทยา และ ดีคอนโด ไฮด์อเวย์ – รังสิตรองรับการรับรู้รายได้ในช่วงครึ่งปีหลัง ตามเป้าหมายรายได้จากการขายที่วางไว้ 27,600 ล้านบาท โดยล่าสุด แสนสิริมี รายได้ในมือที่รองรับแล้ว(Secured Revenue)ถึง 22,800 ล้านบาท หรือคิดเป็น 83% เหลืออีกเพียง 17% เท่านั้น ก็จะทำได้ตามเป้าหมายที่วางไว้ จึงคาดว่าจะสามารถทำได้ตามเป้ารายได้ที่วางไว้อย่างแน่นอน

สำหรับคอนโดมิเนียม เอดจ์ เซ็นทรัล – พัทยา คอนโดไลฟ์สไตล์สุดพีคใจกลางพัทยา จำนวน 603 ยูนิต มูลค่าโครงการ 3,200 ล้านบาท พร้อมสระว่ายน้ำสีทองแชมเปญบนชั้นดาดฟ้า พร้อมวิวอ่าวไทย ราคาเริ่มต้น 3.99 ล้านบาท มียอดขายแล้ว 70% พร้อมเข้าอยู่ในเดือนก.ย. เริ่มโอนวันที่ 4 – 5 ก.ย.นี้

โครงการดีคอนโด ไฮด์อเวย์ คอนโดมิเนียมโลว์ไลส์ สูง 8 ชั้น จำนวน 3 อาคาร 800 ยูนิต มูลค่าโครงการ 1,500 ล้านบาท ขนาดพื้นที่โครงการ 10 ไร่ แบ่งออกเป็น พื้นที่ส่วนกลาง 8 ไร่ พร้อมพื้นที่สีเขียว 2.5 ไร่ ครบทั้งสระว่ายน้ำ สวนผักออแกนิกส์ Jogging Track คลับเฮาส์พร้อมฟิตเนส Co-working space และจัดสรรพื้นที่สำหรับจอดรถไว้ถึง 40% บนทำเลศักยภาพ โซนรังสิต ใกล้มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ รองรับกลุ่มนักศึกษา คนทำงาน และนักลงทุน ราคาเริ่มต้น 1.59 ล้านบาท โดยอัตราค่าเช่าในทำเลนี้ยังมีผลตอบแทนที่สูงด้วยเช่นกัน โดยมีอัตราค่าเช่าที่ 8,500 - 10,000 บาทต่อเดือน คิดเป็นอัตราผลตอบแทนการปล่อยเช่า (Yield) ประมาณ 5.5% ปัจจุบันโครงการมียอดขายแล้ว 60% พร้อมโอนในเดือนต.ค.นี้
#3426


สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส ส่งมอบเดือนก.ย. ซึ่งมีการซื้อขายที่ตลาดไนเม็กซ์ ดิ่งลง 1.80 ดอลลาร์ ปิดที่ 66.48 ดอลลาร์/บาร์เรล ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ ส่งมอบเดือนต.ค. ลดลง 1.66 ดอลลาร์ ปิดที่ 69.04 ดอลลาร์/บาร์เรล


ทั้งนี้ รายงานของคณะกรรมการระหว่างรัฐบาลว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ (ไอพีซีซี) ระบุว่า ระดับก๊าซเรือนกระจกในชั้นบรรยากาศในขณะนี้สูงพอที่จะส่งผลเสียต่อสภาพภูมิอากาศไปอีกหลายสิบปีหรือหลายร้อยปีข้างหน้า

นายอันโตนิโอ กูเตอร์เรส เลขาธิการยูเอ็นเรียกร้องให้นานาชาติยุติการใช้เชื้อเพลิงฟอสซิลและถ่านหิน รวมทั้งพลังงานอื่นๆที่ปล่อยมลพิษในระดับสูงโดยทันที


"รายงานนี้เป็นการส่งสัญญาณให้ยุติการใช้เชื้อเพลิงฟอสซิลและถ่านหินก่อนที่พวกมันจะทำลายโลกของเรา" นายกูเตอร์เรสกล่าวในแถลงการณ์

นอกจากนี้ ราคาน้ำมันยังถูกกดดันจากความกังวลที่ว่า การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์เดลตาจะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจและความต้องการใช้น้ำมัน รวมทั้งการที่สหรัฐเปิดเผยสต็อกน้ำมันดิบเพิ่มขึ้นในสัปดาห์ก่อนหน้านี้

ทั้งนี้ ญี่ปุ่นได้ประกาศภาวะฉุกเฉินในหลายจังหวัดเพื่อควบคุมการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ขณะที่จีนออกมาตรการคุมเข้มในหลายเมือง รวมทั้งยกเลิกเที่ยวบิน และการขนส่งในภาคสาธารณะ

ด้านสำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐ (อีไอเอ) ระบุว่า สต็อกน้ำมันดิบเพิ่มขึ้น 3.6 ล้านบาร์เรลในสัปดาห์ที่สิ้นสุดวันที่ 30 ก.ค. สวนทางกับที่นักวิเคราะห์คาดว่าลดลง 3.1 ล้านบาร์เรล
#3428


เมื่อวันที่ 9 สิงหาคม 2564 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า บริษัท เบทเตอร์เวย์ (ประเทศไทย) หรือผู้ผลิตและจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์ภายใต้แบรนด์ "มิสทิน" และมูลนิธิ ดร.อมรเทพ ดีโรจนวงศ์ เปิดเผยว่า จากวิกฤตโควิด-19 สำหรับใครที่กำลังประสบปัญหาในสถานการณ์ช่วงนี้ ตอนนี้เครื่องสำอางมิสทิน มีทุนและกล่องยังชีพมาแจก สำหรับประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อนจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ในเวลานี้

ล่าสุด บริษัทได้เตรียมมอบทุน ผ่านโครงการ "มิสทินสู้โควิด" รวมมูลค่ารวมทั้งสิ้น 4,000,000 บาท มอบให้ครอบครัวละ 1 ทุน (ขอสงวนสิทธิ์สำหรับที่อยู่และนามสกุลเดียวกัน) โดยแต่ละทุนประกอบด้วย เงินสด 1,000 บาท และกล่องสินค้ามิสทินเพื่อดำรงชีพ มูลค่า 1,000 บาท


เปิดโอกาสให้กับประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อน ลงทะเบียนได้ที่เว็บไซต์มิสทินสู้โควิด คลิก มิสทีนสู้โควิด.com

ระหว่างวันที่ 12 -14 สิงหาคม 2564 ตั้งแต่เวลา 08.00 น. ของวันที่ 12 สิงหาคม ถึงวันที่ 14 สิงหาคม 2564 เวลา 24.00 น.

ประกาศรายชื่อ บุคคลที่ได้รับการพิจารณาฯ ผ่านทางเว็บไซต์มิสทินสู้โควิด https://bit.ly/3CrEsUp ในวันที 19 สิงหาคม 64 เวลาเที่ยงวันเป็นต้นไป


เงื่อนไขการลงทะเบียน

1. เปิดลงทะเบียนสำหรับผู้ที่ได้รับความเดือดร้อน ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์โควิด 19 ที่อาศัยอยู่ในประเทศไทย

2. ผู้ได้รับทุน จำนวน 2,000 ทุน จะต้องลงทะเบียน ชื่อ ที่อยู่ จะต้องเป็นชื่อเดียวกันกับชื่อบัญชีธนาคาร

3. ผู้ยื่นความจำนงขอรับทุน ต้องระบุผลกระทบที่ได้รับจากสถานการณ์โควิด 19 เพื่อเป็นหลักเกณฑ์ในการพิจารณามอบทุน

4. หลักเกณฑ์การพิจารณาของคณะกรรมการ จะพิจารณาจากรายละเอียดผลกระทบ ที่ผู้ลงทะเบียนแจ้งเข้ามาที่เว็บไซต์มิสทิสสู้โควิดเท่านั้น โดย "เน้นหลักการช่วยเหลือ ผู้ที่ได้รับผลกระทบและเดือดร้อนมากที่สุด" ซึ่งการพิจารณามอบทุน ให้สิทธิ์การรับทุน 1 ครัวเรือนต่อ 1 ทุน และการพิจารณาของคณะกรรมการมูลนิธิ ถือเป็นที่สิ้นสุด
#3429


กลุ่มบริษัทกัลฟ์ โดยนางพรทิพา ชินเวชกิจวานิชย์ รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท กัลฟ์ เอ็นเนอร์จี ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) และ การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (กฟภ.) โดยนายสมพงษ์ ปรีเปรม ผู้ว่าการฯ ร่วมลงนามสัญญาบำรุงรักษาอุปกรณ์ภายในสถานีไฟฟ้า และระบบสายส่ง 115 เควี และ 22 เควี ผ่านระบบออนไลน์ Zoom Meeting ซึ่งความร่วมมือครั้งนี้ กฟภ.จะดำเนินงานบำรุงรักษาให้กับโรงไฟฟ้าเอสพีพี (SPP) 19 แห่ง ภายใต้กลุ่มบริษัทกัลฟ์ ส่งผลให้การจำหน่ายไฟฟ้าผ่านสถานีไฟฟ้า และระบบสายส่งไฟฟ้ามีเสถียรภาพ ประสิทธิภาพ มีความมั่นคงและปลอดภัยสูงสุด

นางพรทิพา ชินเวชกิจวานิชย์ รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท กัลฟ์ เอ็นเนอร์จี ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า การที่กลุ่มบริษัทกัลฟ์เลือกกฟภ.เข้ามาดำเนินงานบำรุงรักษาโรงไฟฟ้า SPP 19 แห่ง เนื่องจากกฟภ. ได้รับการยอมรับว่าเป็นผู้บริการงานบำรุงรักษาชั้นนำในธุรกิจอุตสาหกรรมไฟฟ้าในประเทศไทย กลุ่มบริษัทกัลฟ์และกฟภ. เป็นพันธมิตรกันมายาวนานกว่า 20 ปี จึงเชื่อมั่นในทีมงานมืออาชีพที่มีความเชี่ยวชาญสูง การเลือกใช้อุปกรณ์ ชิ้นส่วนอะไหล่ต่างๆ ที่ได้มาตรฐาน ทำให้ระบบไฟฟ้ามีสภาพสมบูรณ์อยู่เสมอ หนุนให้โรงไฟฟ้าผลิตไฟฟ้าได้ตามแผนตลอดระยะสัญญา

นายสมพงษ์ ปรีเปรม ผู้ว่าการการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค กล่าวว่า กฟภ. มีความยินดีเป็นอย่างยิ่ง ที่กลุ่มบริษัท กัลฟ์มอบความไว้วางใจให้ กฟภ. เป็นผู้ดำเนินงานบำรุงรักษาระบบไฟฟ้าให้กับโรงไฟฟ้าจำนวน 19 แห่ง กฟภ. พร้อมนำประสบการณ์ และความชำนาญ ในการให้บริการบำรุงรักษาระบบไฟฟ้าที่รวดเร็ว และมีประสิทธิภาพ เพื่อเสริมความมั่นคงในการจ่ายพลังงานไฟฟ้า ซึ่งจะช่วยสนับสนุนการพัฒนาด้านพลังงานและเศรษฐกิจของประเทศ

 
ทั้งนี้ สัญญามีระยะเวลา 3 ปี ครอบคลุมงานบำรุงรักษาอุปกรณ์ภายในสถานีไฟฟ้า และระบบสายส่ง 115 kV และ 22 kV รวมไปถึงงานบริการฉีดน้ำลูกถ้วยแรงสูงแบบไม่ตัดกระแสไฟฟ้า (Hotline Cleaning Insulator) และการให้บริการซ่อมอุปกรณ์ระบบไฟฟ้าฉุกเฉิน 24 ช.ม. สำหรับโรงไฟฟ้า SPP 19 แห่งภายใต้กลุ่มบริษัทกัลฟ์ รวมมูลค่างานเป็นวงเงินกว่า 223 ล้านบาท
#3430

กระทรวงสาธารณสุข เผย ส่งวัคซีนไฟเซอร์ล็อตแรกสำหรับบุคลากรทางการแพทย์ด่านหน้า ร้อยละ 50-75 ตามข้อมูลสำรวจจากแต่ละโรงพยาบาล พร้อมให้สำรวจจำนวนที่ต้องการอีกครั้ง เนื่องจากบางโรงพยาบาลมีบุคลากรด่านหน้าจบใหม่ หรือได้รับมอบหมายมาทำงานด่านหน้าเพิ่มขึ้น สามารถแจ้งมาได้ที่กรมควบคุมโรค เพื่อส่งวัคซีนให้เพิ่มเติมล็อตถัดไปในสัปดาห์หน้า ยืนยันส่งครบตามสำรวจแน่นอน

วันนี้ (8 ส.ค.) นายแพทย์โสภณ เอี่ยมศิริถาวร รองอธิบดีกรมควบคุมโรค แถลงข่าวการกระจายวัคซีนไฟเซอร์ 1.5 ล้านโดส ว่า การจัดสรรวัคซีนไฟเซอร์ในส่วนของบุคลากรทางการแพทย์ 7 แสนโดส เริ่มทยอยจัดส่งวัคซีนตั้งแต่วันที่ 3 สิงหาคม 2564 ไปยังโรงพยาบาลใหญ่ครบ 170 แห่ง ทั้ง 77 จังหวัดภายใน 3 วัน โดยเริ่มฉีดตั้งแต่วันที่ 4 สิงหาคม 2564 ถือว่าเร็วกว่ากำหนดที่วางไว้ 5 วัน ขณะนี้ฉีดแล้ว 5.7 หมื่นโดส จากการติดตามอาการไม่พึงประสงค์ พบอาการปวด บวม ร้อน และไข้เล็กน้อย ไม่มีอาการรุนแรง

"การจัดส่งวัคซีนไปโรงพยาบาลใหญ่ เนื่องจากมีศักยภาพในการเก็บรักษาควบคุมอุณหภูมิและควบคุมติดตามการฉีดได้ง่ายกว่ากระจายไปจุดย่อยๆ เนื่องจากเมื่อเก็บในอุณหภูมิ 2-8 องศาเซลเซียส วัคซีนจะมีอายุ 31 วัน จึงต้องเร่งฉีดให้หมด โดยวัคซีน 1 ขวดฉีดได้ 6 โดส หากกระจายไปหลายจุดเมื่อเปิดใช้ 1 ขวดอาจไม่ถึง 6 คนจึงต้องรวมไว้ที่โรงพยาบาลใหญ่ก่อนในช่วงแรก" นายแพทย์โสภณ กล่าว

นายแพทย์โสภณ กล่าวว่า สำหรับวัคซีนที่ส่งไปล็อตแรกประมาณร้อยละ 50-75 นั้น เนื่องจากได้สำรวจความต้องการฉีด พบว่ามีบุคลากรทางการแพทย์บางส่วนฉีดบูสเตอร์โดสด้วยแอสตร้าเซนเนก้าแล้วกว่าร้อยละ 20 ต้องการฉีดไฟเซอร์ประมาณร้อยล 70 ซึ่งการบริหารจัดการด้วยวิธีการทยอยส่งเป็นล็อตทำให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด หากส่งไปทั้งหมด 100% ของจำนวนบุคลากร บางพื้นที่อาจได้เกินหรือขาด เนื่องจากมีบุคลากรทางการแพทย์ด่านหน้ารายใหม่ที่ยังไม่เคยฉีดมาก่อน เช่น ผู้ที่จบใหม่ หรือบุคลากรด่านหลังที่ได้รับมอบหมายมาทำงานด่านหน้า เพราะว่าในพื้นที่มีโควิดระบาดเพิ่มขึ้น เป็นต้น สามารถแจ้งมาได้ที่กรมควบคุมโรค เพื่อส่งวัคซีนให้เพิ่มเติมล็อตถัดไปในสัปดาห์หน้า อย่างไรก็ตาม ยืนยันว่าจะจัดส่งครบจำนวนบุคลากรด่านหน้าตามการสำรวจเพิ่มอย่างแน่นอน

นายแพทย์โสภณ กล่าวอีกว่า ส่วนกลุ่มเสี่ยงที่เป็นผู้สูงอายุ 60 ปีขึ้น ผู้ป่วย 7 กลุ่มโรคเรื้อรังอายุ 12 ปีขึ้นไป และหญิงตั้งครรภ์ 12 สัปดาห์ขึ้นไปในพื้นที่ 13 จังหวัดควบคุมสูงสุดและเข้มงวด จำนวน 645,000 โดส รวมถึงชาวต่างชาติกลุ่มเสี่ยงและนักเรียนไทยเดินทางไปต่างประเทศ 1.5 แสนโดส จะทยอยส่งวัคซีนไปยังโรงพยาบาลตั้งแต่วันที่ 9 สิงหาคมนี้ เริ่มจัดบริการได้กลางสัปดาห์ โดยจะฉีดในคนที่ยังไม่เคยได้วัคซีนโควิดตัวอื่นมาก่อนมีการติดตามอาการหลังฉีด 30 นาที 1 วัน 7 วัน และ 30 วัน โดยกลุ่มเด็กอายุ 12 ปีขึ้นไปที่มีโรคเรื้อรังแพทย์ที่รักษาจะประเมินว่าพร้อมรับวัคซีนหรือไม่ และจะติดตามอาการหลังฉีด โดยรายงานผ่านระบบหมอพร้อม ซึ่งเด็กวัยนี้ใช้แอปพลิเคชันได้ หรือให้ผู้ปกครองช่วยรายงาน หลังฉีดวัคซีนหากมีอาการเจ็บหน้าอก ใจสั่นหายใจไม่สะดวก สงสัยอาการกล้ามเนื้อหัวใจอักเสบและเยื่อหุ้มหัวใจอักเสบ ให้รีบมาโรงพยาบาล เพื่อตรวจวินิจฉัยโรคนี้รักษาให้หายได้ ทั้งนี้ เคยมีรายงานจากสหรัฐอเมริกาที่ประชาชนฉีดวัคซีน mRNA เป็นหลักมีโอกาสพบอาการดังกล่าวได้ประมาณ 4 รายต่อล้านเข็ม โดยเฉพาะผู้ที่อายุน้อยกว่า 30 ปี และเพศชาย ยังไม่พบรายงานผู้เสียชีวิต ส่วนในประเทศไทยยังไม่พบอาการเหล่านี้หลังการฉีดวัคซีน

สำหรับเดือนสิงหาคมนี้ จะมีวัคซีนโควิด 10 ล้านโดส ที่จะทยอยส่งสัปดาห์ละ 2 ล้านโดส โดยจะส่งไปต่างจังหวัดกว่าร้อยละ 80 จำนวนนี้ครึ่งหนึ่งจะส่งไปยัง 29 จังหวัดควบคุมสูงสุดและเข้มงวด ซึ่งมีการระบาดเกิดขึ้นอยู่ โดยเน้นฉีดกลุ่ม 608 คือ ผู้สูงอายุ 60 ปีขึ้นไป ผู้ป่วย 7 กลุ่มโรค และหญิงตั้งครรภ์ โดยให้ฉีดเร็วที่สุดเพื่อให้ครอบคลุมร้อยละ 70 อย่างไรก็ตาม ขอให้ประชาชนปฏิบัติตามมาตรการป้องกันตนเองสวมหน้ากาก ล้างมือเว้นระยะห่าง หากต้องไปสถานที่คนจำนวนมากอาจใส่หน้ากากสองชั้น อยู่ในบ้านก็ต้องระวังผู้สูงอายุติดเชื้อจากลูกหลานที่ออกไปนอกบ้าน ดังนั้น จึงควรออกนอกบ้านให้น้อยที่สุด เพื่อลดความเสี่ยงไปรับเชื้อนอกบ้านแล้วนำมาติดสมาชิกในครัวเรือน และให้พาผู้สูงอายุไปฉีดวัคซีนตามนัดหมายของโรงพยาบาล
#3431


ตลาดหุ้นไทยสัปดาห์ที่ผ่านมา (2-6 ส.ค.) มีมูลค่าการซื้อขายรวมกว่า 3.66 แสนล้านบาท โดยดัชนีตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET Index) ปิดการซื้อขายปลายสัปดาห์ที่ 1,521.72 จุด แทบไม่เปลี่ยนแปลงจากระดับปิดของสัปดาห์ก่อนที่  1,521.92 จุด


โดยนักลงทุนต่างชาติขายสุทธิอยู่กลุ่มเดียว 8,148.43 ล้านบาท ส่วนนักลงทุนสถาบันซื้อสุทธิ 3,899.62 ล้านบาท บัญชีบริษัทหลักทรัพย์ซื้อสุทธิ 12.84 ล้านบาท และนักลงทุนรายย่อยซื้อสุทธิ 4,235.97 ล้านบาท

ทั้งนี้ หากพิจารณาการซื้อขายของบัญชี "เอ็นวีดีอาร์" (NVDR) ซึ่งเป็นทางเลือกหนึ่งสำหรับนักลงทุนชาวต่างประเทศในการซื้อหุ้นไทย ข้อมูลล่าสุด ณ วันที่ 6 ส.ค. พบว่า

 

10 อันดับหุ้นที่นักลงทุนต่างชาติซื้อสูงสุด ได้แก่

PTT มูลค่าซื้อสุทธิ 352.54 ล้านบาท         

ASIAN มูลค่าซื้อสุทธิ 328.31 ล้านบาท     

MTC มูลค่าซื้อสุทธิ 183.72 ล้านบาท        

GULF มูลค่าซื้อสุทธิ 171.25 ล้านบาท       

INTUCH มูลค่าซื้อสุทธิ 156.98 ล้านบาท

SUN มูลค่าซื้อสุทธิ 137.90 ล้านบาท         

EA มูลค่าซื้อสุทธิ 120.17 ล้านบาท           

SCB มูลค่าซื้อสุทธิ 118.84 ล้านบาท         

TIDLOR มูลค่าซื้อสุทธิ 110.75 ล้านบาท   

TOP มูลค่าซื้อสุทธิ 89.26 ล้านบาท

และ 10 อันดับหุ้นที่นักลงทุนต่างชาติขายสูงสุด ได้แก่

IVL มูลค่าซื้อสุทธิ 301.95 ล้านบาท

PSL มูลค่าซื้อสุทธิ 301.20 ล้านบาท

STGT มูลค่าซื้อสุทธิ 208.85 ล้านบาท             

KCE มูลค่าซื้อสุทธิ 193.47 ล้านบาท 

SCC มูลค่าซื้อสุทธิ 187.24 ล้านบาท 

DCC มูลค่าซื้อสุทธิ 172.34 ล้านบาท 

PTTEP มูลค่าซื้อสุทธิ 162.80 ล้านบาท

STA มูลค่าซื้อสุทธิ 155.31 ล้านบาท             

KTC มูลค่าซื้อสุทธิ 153.23 ล้านบาท             

PTTGC มูลค่าซื้อสุทธิ 126.94 ล้านบาท 
#3432


อิบรอฮีม เราะอีซี ประธานาธิบดีที่เพิ่งสาบานตนเข้ารับตำแหน่งของอิหร่าน เข้ารับการฉีดวัคซีนโควิด-19 ที่พัฒนาในประเทศ เมื่อวันอาทิตย์ (8 ส.ค.) ในขณะที่อิหร่านกำลังเผชิญสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่เลวร้ายลงเรื่อยๆ ยอดผู้ติดเชื้อรายวันทุบสถิติสูงสุดและมีผูู้เสียชีวิตรายใหม่กว่า 500 ราย

ประธานาธิบดีฉีดวัคซีนเข็มแรกวัคซีนซีโอวีอิหร่าน บารากัต (COVIran Barakat) หนึ่งใน 2 วัคซีนไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ที่ผลิตในท้องถิ่น เมื่อวันอาทิตย์ (8 ส.ค.) ตามรายงานของสื่อมวลชนท้องถิ่น พร้อมกับแชร์ภาพที่ผู้นำรายนี้ที่เพิ่งสาบานตนเข้ารับตำแหน่งประธานาธิบดีเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว กำลังเข้ารับการฉีดวัคซีน

ขณะเดียวกัน โมฮัมหมัด บาเกอร์ กาลิบาฟ ประธานรัฐสภาก็เข้ารับการฉีดวัคซีนเคียงข้างประธานาธิบดีเช่นกัน

การฉีดวัคซีนของบุคคลระดับผู้นำ มีขึ้นในขณะที่ประเทศกำลังเผชิญกับการแพร่ระบาดระลอกใหม่ของไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ โดยในวันอาทิตย์ (8 ส.ค.) เจ้าหน้าที่สาธารณสุขอิหร่านรายงานพบผู้เสียชีวิตจากโควิด-19 เพิ่มอีก 542 ราย สูงสุดนับตั้งแต่เกิดการแพร่ระบาด ทุบสถิติเดิมที่เคยเกิดขึ้นในช่วงปลายเดือนเมษายน ครั้งที่ประเทศแห่งนี้กำลังเผชิญกับการแพร่ระบาดระลอกก่อนหน้า

จำนวนผู้ติดเชื้อใหม่รายวันในช่วง 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา ก็ทำสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์รอบใหม่เช่นกัน แตะระดับเกือบๆ 40,000 คน

นับตั้งแต่โรคระบาดใหญ่เริ่มต้นขึ้น อิหร่านมีผู้ติดเชื้อโควิด-19 สะสมแล้วมากกว่า 4.1 ล้านคน ในนั้นมากกว่า 94,000 คนเสียชีวิต ส่งผลให้พวกเขาติดอันดับ 1 ใน 15 ชาติที่ได้รับผลกระทบจากไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่เลวร้ายที่สุดในโลก ขณะเดียวกัน อิหร่านยังเป็นประเทศที่ได้รับผลกระทบหนักหน่วงที่สุดในภูมิภาคตะวันออกกลางด้วย

ระลอกการแพร่ระบาดในปัจจุบันรุมล้อมอิหร่านมาตั้งแต่เดือนมกราคม และกลายเป็นระลอกการแพร่ระบาดเลวร้ายที่สุดในแง่ของจำนวนผู้ติดเชื้อสะสม ทั้งนี้เชื่อกันว่าการแพร่ระบาดหนักหน่วงของระลอกนี้มีความเชื่อมโยงกับตัวกลายพันธุ์เดลตา ที่แพร่เชื้อได้ง่ายมากและพบครั้งแรกในอินเดียในช่วงปลายปี 2020 ก่อนแพร่ระบาดลุกลามไปทั่วโลก

ปัจจุบันเจ้าหน้าที่อิหร่านอนุมัติใช้ในกรณีฉุกเฉินวัคซีนผลิตเองภายในประเทศ 2 ตัว แต่มีการผลิตเป็นจำนวนมากเพียงตัวเดียว ซึ่งก็คือซีโอวีอิหร่าน บารากัต แต่ยังไม่เพียงพอ

ส่วนวัคซีนอื่นๆที่ใช้ในอิหร่าน ประกอบด้วยสปุตนิค วี ของรัสเซีย ชิโนฟาร์มของจีน ภารัตของอินเดียและแอสตร้าเซนเนก้า/มหาวิทยาลัยอ็อกซ์ฟอร์ด อ้างอิงจากข้อมูลกระทรวงสาธารณสุขอิหร่าน

(ที่มา : รัสเซียทูเดย์)
#3433


บริษัท เปอโยต์ ไลอ้อน ออโตโมบิล (ประเทศไทย) จำกัด ผู้แทนจำหน่ายรถยนต์ เปอโยต์ อย่างเป็นทางการในประเทศไทย ออกแคมเปญกระตุ้นตลาดเดือนสิงหาคม 'Special Month of LEO' สิงโตจัดให้ กับกิจกรรมพิเศษเริ่มวันที่ 8 เดือน 8 ไปจนถึงสิ้นเดือน

ทวีวัฒน์ ปรุงพัฒนสกุล ผู้จัดการทั่วไป บริษัท เปอโยต์ ไลอ้อน ออโตโมบิล (ประเทศไทย) จำกัด ระบุว่าการณ์ในปัจจุบัน ที่การแพร่ระบาดของไวรัส โควิด-19 รุนแรง ส่งผลให้การเดินทางของผู้บริโภคถูกจำกัด ขณะที่เศรษฐกิจโดยรวมก็อยู่ในภาวะชะลอตัว บริษัทจึงมีกิจกรรมเพื่อกระตุ้นตลาด และเพิ่มความคุ้มค่าให้ลูกค้ามากขึ้น

โดยแคมเปญนี้จะจัดกับรถทั้ง 2 รุ่น คือ เปอโยต์ 3008 และ 5008 โดยมีข้อเสนอประกอบด้วย

PEUGEOT 3008 ACTIVE ผ่อนเริ่มต้น 9,006 บาท
PEUGEOT 5008 ACTIVE ผ่อนเริ่มต้น 10,160 บาท
เพิ่มมูลค่าเทรด-อินรถเก่าสูงสุด 50,000 บาท
แถมบัตรชอปปิง SIAM GIFT CARD มูลค่า 30,000 บาท จากสยามพารากอน หรือไอคอนสยาม
แถมเสื้อ T-Shirt VACCINATED มูลค่า 399 บาท เมื่อ Test Drive at Home
ส่วนลูกค้าที่จองรถในวันที่ 8 เดือน 8 จะได้ร่วมกิจกรรม "The Miracle No. 8"

เพิ่มมูลค่าเทรด-อิน รถเก่าสูงสุด 88,888 บาท
รับสิทธิ์ซื้อ TUNAP Hygiene Care Set ประกอบด้วยผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดห้องโดยสาร, สเปรย์ทำความสะอาดหน้าคอนแทค และน้ำยาฉีดกระจกรถยนต์ ในราคาพิเศษ 888 บาท


สำหรับเปอโยต์ เป็นหนึ่งในกลุ่มธุรกิจของ บริษัท มิลเลนเนียม ออโต้ กรุ๊ป (เอเชีย) จำกัด หรือ เอ็มจีซี-เอเชีย ปัจจุบัน มีโชว์รูมและศูนย์บริการ 3 สาขาในกรุงเทพฯ คือ สุขุมวิท, เยาวราช และเกษตร-นวมินทร์ รวมถึงมี เปอโยต์ สตูดิโอ บริเวณชั้น 2 ศูนย์การค้าสยามพารากอน

และล่าสุดเปิดตัว เปอโยต์ สตูดิโอ สาขาวงเวียนพระราม 5-ราชพฤกษ์ และขยายเครือข่ายในส่วนของฝ่ายขายและบริการไปยังจังหวัดอุบลราชธานี ภูเก็ต และหาดใหญ่
#3434


นพ.แอน - แมรี ฟอร์ส คอลเนลลี นักวิจัยจากมหาวิทยาลัยอูเมโอ ประเทศสวีเดน เปิดเผยผลการศึกษาความเสี่ยงเกิดโรคอื่นๆ ของผู้ติดเชื้อไวรัสโคโรน่าสายพันธุ์ใหม่ (โควิด-19) พบว่า โรคโควิด-19 เพิ่มความเสี่ยงให้ผู้ป่วยเกิดโรคหัวใจวาย และโรคหลอดเลือดสมองอุดตัน โดยเปรียบเทียบอาการผู้ติดเชื้อโควิด-19 ในปี 2563 จำนวน 86,742 ราย และคนที่ไม่ติดเชื้อไวรัส จำนวน 348,481 ราย

ในสัปดาห์หลังการตรวจพบโควิด-19 พบว่าผู้ติดเชื้อเสี่ยงเกิดโรคหัวใจวายครั้งแรก เพิ่มขึ้น 3 - 8 เท่า และเสี่ยงโรคหลอดเลือดสมองอุดตันครั้งแรก 3 - 6 เท่า นอกจากนี้ นักวิจัยยังพบความเสี่ยงอย่างต่อเนื่อง และมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นเป็นเวลาอย่างน้อย 4 สัปดาห์ 

การศึกษาดังกล่าว นักวิจัยไม่ได้รวมผู้ป่วยโควิด-19 ที่เคยมีอาการของโรคหัวใจวาย และโรคหลอดเลือดสมองอักเสบเข้าร่วมศึกษาด้วย แต่พวกเขาจะเสี่ยงอาการหัวใจวายหรือโรคหลอดเลือดสมองอื่นๆ สูงกว่าคนปกติเข้าไปอีก
#3435
มาฟัง ดร.สมโชค เดชะ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท ออสซี่ออยล์ จำกัด ทางรายการ กรุงเทพธุรกิจ ในหัวข้อเรื่อง ออสซี่ออยล์แตกไลน์ 'น้ำมันแกลลอน' สู้ศึกโควิด
โอกาสมาถึงแล้ว..คุณพร้อมแล้วหรือยังที่จะเป็นเจ้าของธุรกิจลงทุนวันนี้ เพื่อผลลัพธ์ที่ดีกว่าในวันข้างหน้าหากสนใจทักแชทได้เลยนะคะ
Aussie oil ผู้เชียวชาญด้านธุรกิจพลังงานที่เราอยากแนะนำให้กับคุณ ...
ปรึกษาหรือสอบถามฟรี
สอบถามรายละเอียดได้ที่ :
Tel : 02-1114-7334  line: @aussieoil
(สามารถติดต่อได้ 9.00 - 17.00 น.)

https://youtu.be/cZRFXCcpzo0
#3436


เมื่อวันที่ 5 ส.ค.ที่ผ่านมา นางสาวศรินทิพย์ ศรีทองคำ ผู้จัดการแผนกองค์กรสัมพันธ์ ฐานสนับสนุนการพัฒนาปิโตรเลียม ปตท.สผ. ร่วมกับบริษัทผู้ร่วมทุน สนับสนุนอุปกรณ์ทางการแพทย์ โดยมอบหลอดน้ำยาสำหรับเลี้ยงเก็บเชื้อโรคเพื่อส่งตรวจ จำนวน 1,820 หลอด มูลค่ากว่า 106,000 บาท ให้กับ นพ.อุทิศศักดิ์ หริรัตนกุล นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดสงขลา เพื่อให้สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดนำไปใช้ในการคัดกรองผู้ป่วยโรคโควิด-19

และเมื่อเร็วๆ นี้ ยังได้มอบอุปกรณ์ที่จำเป็นสำหรับการจัดตั้งโรงพยาบาลสนาม เครื่องมือแพทย์ รวมทั้งหน้ากากอนามัยและเจลแอลกอฮอล์   เพื่อสนับสนุนจัดตั้งโรงพยาบาลสนามอำเภอสิงหนคร  มอบเตียงกระดาษ ที่นอน หมอน ผ้าห่มและมุ้ง มูลค่าประมาณ 216,000 บาท  ถังเก็บน้ำขนาดความจุ 2,000 ลิตร  ตู้เย็น เต็นท์อเนกประสงค์  มุ้งครอบและพัดลมตั้งโต๊ะ มูลค่าประมาณ 123,000 บาท 

และยังได้มอบงบประมาณ 120,000 บาทให้โรงพยาบาลสิงหนครจัดหาเต็นท์สำหรับจุดบริการฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19  เพื่อขยายพื้นที่บริการให้เพียงพอกับจำนวนประชาชนที่มารอฉีดวัคซีนด้วย



สนับสนุนอุปกรณ์สำหรับจัดตั้งโรงพยาบาลสนามอำเภอควนเนียง เตียงกระดาษ ที่นอน หมอน ผ้าห่มและมุ้ง มูลค่าประมาณ 216,000 บาท และได้มอบชุดเครื่องนอนเพื่อใช้ในโรงพยาบาลสนามของโรงพยาบาลสงขลา มูลค่า 254,000 บาท


นอกจากสนับสนุนด้านการแพทย์ระดับจังหวัดดังกล่าวแล้ว ปตท.สผ. ยังได้สนับสนุนโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล (รพ.สต.) จำนวน 3 แห่งในตำบลหัวเขา ตำบลชิงโค ตำบลบ้านสถิตย์ และอีก 10 ชุมชน ในเขตเทศบาลเมืองสิงหนคร โดยส่งมอบเจลแอลกอฮอล์ให้กับผู้นำหรือประธานชุมชนในพื้นที่ ภายใต้โครงการรักเพื่อนบ้าน มูลค่ากว่า 150,000 บาท เพื่อให้บุคลากรทางการแพทย์และชุมชน นำไปใช้ป้องกันและควบคุมการแพร่ระบาดของโรคไวรัสโคโรนา 2019

สำหรับในพื้นที่ใกล้เคียง บริษัทฯ ได้ร่วมกับสมาคมการประมงจังหวัดปัตตานี มอบอุปกรณ์ทางการแพทย์ให้แก่โรงพยาบาลปัตตานี เช่น เครื่อง PAPR เครื่องวัดความดันโลหิตแบบสอดแขน เครื่องวัดออกซิเจนในเลือด และเครื่องวัดอุณหภูมิ มูลค่าประมาณ 152,000 บาท

ก่อนหน้านี้ ปตท.สผ.ยังได้สนับสนุนการจัดตั้งโรงพยาบาลสนาม โดยส่งมอบที่นอนและชุดเครื่องนอน มูลค่า 300,000 บาท ให้กับโรงพยาบาลสงขลา  เพื่อช่วยเสริมศักยภาพของโรงพยาบาลสนามรองรับผู้ป่วยในพื้นที่จังหวัดสงขลาและพื้นที่ใกล้เคียง  ตามเจตนารมย์ของฐานสนับสนุนการพัฒนาปิโตรเลียมสงขลา ปตท.สผ. ที่ให้ความสำคัญกับชุมชนและสังคมมาโดยตลอด

พร้อมร่วมมือและประสานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อให้ความช่วยเหลือชุมชนในวิกฤติการณ์ต่างๆ อย่างเต็มความสามารถและยังคงเดินหน้าในการสนับสนุนหน่วยงานราชการที่เกี่ยวข้องและช่วยบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์โควิด – 19  อย่างต่อเนื่อง 
#3437


สำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (สผ.) อยู่ระหว่างทำแผนสิ่งแวดล้อมในเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (ระยะที่ 2) ปี 2565-2569 เพื่อใช้ดูแลสิ่งแวดล้อมในเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (อีอีซี) ต่อจากแผนระยะที่ 1 (2561-2564) 

ทั้งนี้ แผนระยะที่ 2 จะมีความชัดเจนในการบริหารจัดการสิ่งแวดล้อมเพิ่มมากขึ้น เพราะเป็นการวางแผนในช่วงที่มีการประกาศใช้แผนผังการใช้ประโยชน์ในที่ดินและแผนผังการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานและระบบสาธารณูปโภคเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก พ.ศ.2562 ซึ่งกำหนดการใช้พื้นที่ภาคอุตสาหกรรม ภาคเกษตรกรรม การพัฒนาเมือง การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคม ดิจิทัล และการป้องกันสาธารณภัย

รายงานข่าวจาก สผ.ระบุว่า ขณะนี้การจัดทำแผนอยู่ระหว่างการรับฟังความเห็นผู้มีส่วนเกี่ยวข้องใน จ.ฉะเชิงเทรา จ.ชลบุรี และ จ.ระยอง โดยได้มีการสรุปปัจจัยที่มีผลต่อสิ่งแวดล้อมในอีอีซี 6 ด้าน คือ

1.ความมั่นคงทางอาหาร ซึ่งในเขตเกษตรกรรม มีการเปลี่ยนแปลงการใช้ที่ดินเพื่อการพัฒนา ส่งผลให้พื้นที่ทางการ เกษตรถูกเปลี่ยนเป็นพื้นที่สิ่งปลูกสร้างและทิ้งร้างว่างเปล่าอย่างต่อเนื่อง ส่งผลต่อการลดลงของผลผลิตอาหารในพื้นที่ ส่วนในเขตเมืองและชุมชน เขตอุตสาหกรรมความต้องการบริโภคเพิ่มขึ้น เพราะจำนวนประชากรที่เพิ่มจาก 4.15 ล้านคน ในปี 2562 เป็น 5.85 ล้านคน ในปี 25670 โดยประชากร 53% อาศัยอยู่ในเขตเมือง (ปี 2562) ซึ่งผลิตอาหารเองไม่ได้และต้องพึงพาแหล่งอาหารจากพื้นที่เกษตรกรรม 

2.สุขภาพ เขตเมืองและชุมชน เขตอุตสาหกรรมมีพฤติกรรมการบริโภคเปลี่ยนไปเป็นแบบเมือง ได้แก่ การกิน การสูบบุหรี่ มลพิษทางอากาศ การดื่มแอลกอฮอล์ และพฤติกรรม เนือยนิ่ง ส่งผลต่อโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง โดยอีอีซีมีพฤติกรรมการบริโภคแบบเมืองเพิ่มจาก 11.12% ในปีงบประมาณ 2556 เป็น 14.89% ในปีงบประมาณ 2563 และหากอัตรการเพิ่มยังไม่เปลี่ยนแปลงคาดการณ์ว่าปี 2570 จะเพิ่มเป็น 18.66% 

ขณะที่สถานการณ์ด้านมลภาวะทางอากาศเป็นส่วนหนึ่งของผลกระทบต่อสุขภาพ ซึ่งปัจจุบันมลพิษภาพรวมอยู่ระดับมาตรฐาน แต่มีเกินค่ามาตรฐานบ้างในบางพื้นที่และบางเวลา โดยเฉพาะในพื้นที่ที่มีโรงงานหนาแน่น โดยพื้นที่สีเขียวที่เป็นแนวทางการลดและบรรเทามลภาวะในพื้นที่เมืองที่มีความหนาแน่นสูงมีสัดส่วนพื้นที่ที่น้อยกว่าค่าที่ควรจะเป็นสำหรับการสร้างสภาพอากาศที่ดีในเมือง

3.การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ต้นไม้ทั่วไป 1 ต้น ดูดซับ CO2 ได้ 21 กิโลกรัมต่อปี แต่หากต้นไม้มีอายุ 100 ปี จะ ดูดซับ CO2 ได้ 1 ตันต่อปีต่อต้น พื้นที่ป่าไม้ในเขตอีอีซีจาก 12.50% ในปี 2556 เป็น 12.39% ในปี 2563 นั่นหมายถึงประสิทธิภาพการกักเก็บ คาร์บอนในอีอีซีต่ำลง โดยแนวทางการพัฒนาเมืองคาร์บอนต่ำจำเป็นต่อการพัฒนาพื้นที่ ในขณะที่ไทยมีเป้าหมายลดปล่อยก๊าซเรือนกระจกลง 20-25% ภายในปี 2573 เท่ากับเป้าหมายการลดปล่อยก๊าซเรือนกระจกในอีอีซีอยู่ที่ 6.9-8.6 ล้านตัน คาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่า

4.นโยบายหรือโครงการพัฒนา การเปลี่ยนแปลงการใช้ที่ดินในอีอีซีพบว่า พื้นที่เกษตรกรรมลดลง 4.9% ในช่วงปี 2556-2563 ในขณะที่พื้นที่อยู่อาศัยเพิ่มขึ้น 27.41% พื้นที่พาณิชยกรรมเพิ่มขึ้น 35.64% และพื้นที่อุตสาหกรรมเพิ่มขึ้น 28.98% นับว่าเป็นแรงกดดันของทุกภูมินิเวศ ทั้งนี้ขึ้นกับทำเลที่ตั้งของโครงการพัฒนาต่างๆ

5.ประชากร นักท่องเที่ยวเพิ่มขึ้นจาก 10 ล้านคน ในปี 2553 เพิ่มขึ้นเป็น 18 ล้านคนในปี 2562 ส่งผลต่อการบุกรุกและความเสื่อมโทรมของทรัพยากรในพื้นที่ธรรมชาติหากขาดการบริหารจัดการที่ดีพอ ในขณะที่ประชากรแฝงในพื้นจังหวัดชลบุรีเพิ่มขึ้นจาก 538,000 ในปี 2562 เป็น 1.15 ล้านคน ในปี 2570 ซึ่งหมายถึงความต้องการบริโภคทรัพยากรและการปล่อยของเสียออกสู่พื้นที่เพิ่มสูงขึ้นตามไปด้วย รวมทั้งจำนวนนักท่องเที่ยวและแรงงานที่เพิ่มขึ้นส่งผลต่อความเปราะบางของพื้นที่ในการเปลี่ยนแปลง และความมีอยู่ของอาหารในพื้นที่

6.สถานการณ์ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เขตพื้นที่ชุ่มน้ำ แหล่งน้ำมีคุณภาพเสื่อมโทรม คือ คลองนครเนื่องเขต คลองท่าไข่ จ.ฉะเชิงเทรา , คลองตำหรุ คลองพานทอง จ.ชลบุรี และแม่น้ำประแสร์ แม่น้ำระยอง จ.ระยอง ในขณะที่พื้นที่สีเขียวในเขตเมืองและชุมชน เขตอุตสาหกรรม 168,166 ไร่ คิดเป็น 10.06% และน้ำต้นทุนอยู่ที่ 1,215 ล้าน ลบ.ม. ซึ่งไม่พอความต้องการที่มากถึง 2,375 ล้าน ลบ.ม.

ปรัชญา สมะลาภา ประธานคณะกรรมการพัฒนาเศรษฐกิจพื้นที่ภาคตะวันออก หอการค้าไทย กล่าวว่า แผนสิ่งแวดล้อมอีอีซีจะไปผูกพันกับการศึกษาผลกระทบสิ่งแวดล้อมในโครงการในอีอีซี ซึ่งต้องพิจารณาถึงระยะเวลาการศึกษาให้สั้นลงและให้คนมีส่วนร่วมมากขึ้น ซึ่งบางครั้งไม่สอดคล้องกับงบประมาณ เช่น การพัฒนาถนนเลียบชายฝั่ง การสร้างสะพานข้ามคลองหรือแหล่งน้ำ

ทั้งนี้ ปัญหาสิ่งแวดล้อมที่เกิดขึ้นในอีอีซีจะมีมากขึ้น โดยเฉพาะจากอุตสาหกรรมใหม่ คือ ปัญหาขยะอิเล็กทรอนิกส์ ขยะจากกระบวนการการผลิต ขยะชีวภาพ ซึ่งต้องมีกระบวนขจัดให้ถูกต้อง ดังนั้นต้องพิจารณากระบวนการจัดขยะให้ชัดเจนในแผนจัดการสิ่งแวดล้อม และต้องไม่เพิ่มขั้นตอนอีกเพราะจะทำให้ผู้ลงทุนลังเลและไม่อยากลงทุน ซึ่งที่ผ่านมาเกิดขึ้นหลายโรงงาน ดังนั้นจึงอยากให้มีความชัดเจนในแผนการขจัดขยะทั้งระบบ

ส่วนการบริหารจัดการแหล่งน้ำที่ปัจจุบันใช้น้ำรวมกันทั้งการบริโภคและอุตสาหกรรม เช่น อ่างเก็บน้ำหนองปลาไหล อ่างเก็บน้ำประแสร์ อ่างเก็บน้ำคลองใหญ่ ซึ่งแหล่งน้ำในภาคตะวันออกที่ดีที่สุด คือ อ่างเก็บน้ำประแสร์ เพราะต้นน้ำไม่มีโรงงานอุตสาหกรรมทำให้ไม่มีปนเปื้อน ดังนั้นการบริหารจัดการน้ำต้องแยกให้ชัดเจนระหว่างแหล่งน้ำผลิตประปาเพื่ออุปโภคบริโภคและแหล่งน้ำอุตสาหกรรม โดยที่ผ่านมาหอการค้าไทยเสนอโครงการเดินท่อน้ำจากแหล่งน้ำเพื่อเป็นระบบปิดเพื่อป้องกันการปนเปื้อนเมื่อถึงโรงกรองน้ำสำหรับผลิตน้ำประปา

นอกจากนี้การบริหารทรัพยากรทางชายฝั่งที่มีปัญหาการกัดเซาะชายฝั่ง ปัญหาการรั่วไหลน้ำมันจากเรือบรรทุกน้ำมัน หรือเรือบรรทุกสินค้า หรือเรือบรรทุกของเสียทำของเสียรั่วลงทะเลและซัดมาเกยตื้นที่ชายฝั่ง ซึ่งควรมีแนวทางจัดการเรื่องนี้ ส่วนปัญหาอากาศต้องการให้รัฐบาลปัดฝุ่น พ.ร.บ.อากาศสะอาดกลับมาอีกครั้ง แม้ว่าปัจจุบันหลายโรงงงานดูแลจัดการเรื่องนี้แล้วก็ตาม
#3438


เคียวโก ฟุรุฮาชิ แนวรุกทีมชาติญี่ปุ่น ที่เพิ่งย้ายร่วมทีม กลาสโกว์ เซลติก สโมสรในศึกพรีเมียร์ลีก สกอตติช ได้รับโอกาสลงสนามเป็นตัวจริงครั้งแรก และทำประตูได้ทันที

โดย กลาสโกว์ เซลติก บุกไปเอาชนะ ยาโบลเนช ทีมจากสาธารณรัฐเช็ก 4-2 ในเกมยูโรปา ลีก รอบคัดเลือก เมื่อคืนวันพฤหัสบดีที่ 5 สิงหาคม ที่ผ่านมา

ซึ่งดาวเตะวัย 26 ปี เพิ่งจะย้ายจาก วิสเซล โกเบ ทีมในศึกเจลีก ไปร่วมทีมเมื่อเดือนกรกฎาคม ที่ผ่านมา ด้วยค่าตัวอยู่ที่ประมาณ 5 ล้านยูโร (ประมาณ 193 ล้านบาท) สัญญา 4 ปี

สำหรับ เคียวโก ฟุรุฮาชิ โชว์ฟอร์มโดดเด่นกับ วิสเซล โกเบ โดยฤดูกาลนี้ ยิงประตูในเจลีกไปแล้ว 14 ประตู ขึ้นนำเป็นดาวซัลโว ก่อนย้ายสู่ทีมดังลีกสกอตแลนด์
#3439


นางสาวจตุพร วิไลแก้ว ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท พรีโม เซอร์วิส โซลูชั่น จำกัดเครือ ออริจิ้น เผยว่า จากวิสัยทัศน์ ORIGIN NEXT LEVEL บริษัทในฐานะผู้ให้บริการด้านอสังหาริมทรัพย์ครบวงจร จึงได้ต่อยอดงานด้านบริการและเตรียมจัดตั้งบริษัท แฮมป์ตัน โฮเทล แอนด์ เรสซิเดนซ์ จำกัดเพื่อก้าวเข้าสู่ธุรกิจรับจ้างบริหารโรงแรมและที่อยู่อาศัยตั้งแต่ 1.การบริหารจัดการสินทรัพย์ ช่วยบริหารจัดการผู้เช่าหรือผู้เข้าพัก สร้างรายได้หรือผลตอบแทนให้เป็นไปตามเป้าหมายของเจ้าของโรงแรมหรือที่พักอาศัย 2.การร่วมวางแผนตกแต่ง จัดหาบริการและสิ่งอำนวยความสะดวกสำหรับผู้เช่าหรือผู้เข้าพัก เพื่อสร้างประสบการณ์ที่ยอดเยี่ยมให้แก่ผู้เข้าพัก

"ในไทยยังไม่ค่อยมี Operator สัญชาติไทย การเข้าถึง Operator ชั้นนำจากต่างประเทศ ก็ยังมีข้อจำกัดอยู่มากสำหรับเจ้าของโรงแรม หรือ Owner หลายๆ ราย เราจึงจะเป็น Operator สัญชาติไทยที่ให้บริการด้วยมาตรฐานการบริการระดับสากล ในราคาที่เข้าถึงได้ง่าย เพื่อเข้าไปให้บริการในตลาดที่ยังมีช่องว่างอยู่ เน้นเจาะตลาดโรงแรมและที่อยู่อาศัยใน 5 หัวเมืองสำคัญ ได้แก่ กรุงเทพฯ พัทยา หัวหิน เชียงใหม่ ภูเก็ต" นางสาวจตุพร กล่าว

ทั้งนี้ บริษัทมีความแข็งแกร่ง 4 ด้านในการดำเนินธุรกิจดังกล่าว ได้แก่ 1.ประสบการณ์ของทีมงาน รวบรวมผู้บริหารและผู้มีประสบการณ์คลุกคลีในการบริหารจัดการดูแลธุรกิจโรงแรมและเซอร์วิสอพาร์ทเมนท์มายาวนานกว่า 20 ปี รวมถึงประสบการณ์บริหารโรงแรมสเตย์บริดจ์ สวีท แบงค็อก ทองหล่อ ให้ยังมีอัตราการเข้าพักสูงถึง 70% เมื่อต้นปีที่ผ่านมา แม้ยังมีสถานการณ์คาบเกี่ยวกับผลกระทบจากโควิด-19

2.มาตรฐานการให้บริการ ใส่ใจเรื่องความปลอดภัย และการดูแลแบบอเนกประสงค์ มาตรฐานโรงแรม 5 ดาว มีบริการครบถ้วนสำหรับผู้เข้าพักระยะยาว (Long-Stay) เพียงขนกระเป๋ามา สามารถเข้าอยู่กับสิ่งอำนวยความสะดวกครบวงจร 3.ฐานข้อมูลลูกค้า มีเครือข่ายลูกค้ากลุ่ม เข้าพักระยะยาว ทั้งกลุ่มสถานทูต กลุ่มภาคธุรกิจและอุตสาหกรรม โดยเฉพาะตลาดชาวญี่ปุ่น อาทิ กลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์ กลุ่มอุตสาหกรรมขุดเจาะน้ำมัน-ก๊าซธรรมชาติ 4.การส่งต่อลูกค้า เป็นพันธมิตรกับกลุ่มบริษัทต่างชาติและบริษัทจัดหาที่พักสำหรับชาวต่างชาติ เพื่ออำนวยความสะดวกในการส่งต่อลูกค้าไปยังพื้นที่ต่างๆ

นางสาวจตุพร กล่าวอีกว่า สำหรับในระยะแรก บริษัทจะเข้ารับบริหารโครงการอสังหาริมทรัพย์เพื่อการลงทุนภายใต้แบรนด์แฮมป์ตันก่อนเป็นกลุ่มแรก เนื่องจากเป็นตลาดที่ยังเติบโตสูง สังเกตได้จากโครงการ แฮมป์ตัน ศรีราชา ที่มียอดขายสะสมแล้วกว่า 90% และเครือออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ ยังมีแผนการพัฒนาโครงการกลุ่ม Investment Property อย่างต่อเนื่อง


ล่าสุดบริษัทได้เข้าไปช่วยบริหารใน 3 โครงการ ได้แก่ โครงการ เดอะ แฮมป์ตัน สวีท ศรีราชา และระยอง บนทำเลศักยภาพ EEC โดยบริษัทจะเข้าไปช่วยทั้งการจัดหาผู้เช่าให้แก่นักลงทุนที่ไม่มีเวลาปล่อยเช่า และอำนวยความสะดวกในการใช้ชีวิตให้แก่ผู้เช่าในรูปแบบเซอร์วิสอพาร์ตเมนท์ ผสมผสานที่พักอาศัยรูปแบบและการให้บริการแบบโรงแรมและล่าสุด เตรียมเข้าไปบริหารโครงการแฮมป์ตัน เรสซิเดนซ์ เน็กซ์ ทู เอ็มโพเรียม ทำเลใจกลางสุขุมวิท พร้อมรับผลตอบแทนต่อเนื่อง นานสูงสุด 20 ปี ซึ่งกำลังจะเปิดให้จองยูนิตลงทุนออนไลน์ ภายในเดือน ส.ค.นี้

ขณะเดียวกัน บริษัทเตรียมรับบริหารโรงแรมใน pipeline ของบริษัท วัน ออริจิ้น จำกัด ในเครือออริจิ้นอีก 11 โครงการ มูลค่ากว่า 25,000 ล้านบาท ตั้งเป้าบริหารโรงแรมนอกเครืออีก 30 แห่ง และส่งแฮมป์ตัน โฮเทล แอนด์ เรสซิเดนซ์เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยภายใน 5 ปีข้างหน้า

"5 ทำเลเป้าหมายสำคัญของเรายังคงเป็นที่ต้องการอย่างแข็งแกร่งของตลาดBusiness Long-Stayและเมื่อสถานการณ์โควิด-19 คลี่คลายลง ตลาดกลุ่มพักผ่อนหย่อนใจระยะยาว หรือ Leisure Long-Stay จะเติบโตขึ้นอย่างมีนัยสำคัญด้วย โดยเฉพาะกลุ่มผู้เข้าพักจากประเทศจีน ธุรกิจ Operator จึงจะยิ่งมีความสำคัญในการรองรับความต้องการในอนาคต" นางสาวจตุพร กล่าว
#3440


บริษัท หลักทรัพย์จัดการกองทุนเอไอเอ (ประเทศไทย) จำกัด นำโดย นายสุขวัฒน์ ประเสริฐยิ่ง ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร เป็นตัวแทนรับมอบรางวัล Best New Asset Management Company Thailand ประจำปี 2564 ในหมวด Fund & Asset Management Newcomer Awards จาก Global Banking & Finance Review สื่อการเงินการลงทุนชั้นนำแห่งประเทศอังกฤษ โดยรางวัลดังกล่าวแสดงให้เห็นถึงความแข็งแกร่งและความเชี่ยวชาญพร้อมด้วยประสบการณ์ในด้านการลงทุนของบลจ. เอไอเอ (ประเทศไทย) แม้จะเป็นบลจ. ใหม่ในอุตสาหกรรม โดย บลจ. เอไอเอ (ประเทศไทย) เป็นผุ้บริหารเงินลงทุนให้แก่กลุ่มบริษัท เอไอเอ ซึ่งเป็นหนึ่งในบริษัทประกันชีวิตที่ใหญ่ที่สุดในโลก[1] ผ่านความเชี่ยวชาญด้านการลงทุนใน 18 ประเทศทั่วภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก เสริมด้วยเครือข่ายทางธุรกิจระดับโลก พร้อมทั้งพันธมิตรผู้จัดการกองทุนที่มีชื่อเสียงในระดับสากล

ทั้งนี้ บลจ. เอไอเอ (ประเทศไทย) เริ่มประกอบธุรกิจในปี พ.ศ. 2563 ถือหุ้นโดยกลุ่มบริษัทเอไอเอ ซึ่งเป็นบริษัทชั้นนำระดับโลก ด้วยวิสัยทัศน์ที่ว่า "เราลงทุนเคียงข้างลูกค้า บริหารจัดการสินทรัพย์ผ่านความชำนาญและประสบการณ์ระดับโลก เพื่อสร้างผลตอบแทนที่ดีในระยะยาวให้กับผู้ลงทุน" ปัจจุบัน บลจ. เอไอเอ (ประเทศไทย) มีสินทรัพย์ภายใต้การบริหารประมาณ 800,000 ล้านบาท อันรวมถึงกองทุนรวม และกองทุนส่วนบุคคล ซึ่งถือเป็นบลจ. ที่มีขนาดใหญ่ใน 5 อันดับแรกของอุตสาหกรรมบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน[2] (ข้อมูล ณ เดือนพฤษภาคม 2564)