• Welcome to ลงประกาศฟรี โพสฟรี โปรโมทเว็บไซด์ให้ติดอันดับ SEO ด้วย PBN.
 

poker online

ปูนปั้น

Menu

Show posts

This section allows you to view all posts made by this member. Note that you can only see posts made in areas you currently have access to.

Show posts Menu

Topics - deam205

#3441



ข้อมูลจากแถลงของศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา2019 (ศบค.) ณ วันที่ 30 ก.ค.ที่ผ่านมามีผู้ป่วยโควิด-19 สะสมระลอกเมษายนถึง 549,512 ราย ยอดสะสมตั้งแต่เริ่มการระบาด 578,375 ราย มีผู้เสียชีวิตรวม 4,679 คน

สถานการณ์ที่เกิดขึ้นทำให้การคาดการณ์เหตุการณ์การระบาด รวมทั้งผลกระทบต่อเศรษฐกิจของประเทศทำได้ยาก เนื่องจากมีความไม่แน่นอนสูงแม้รัฐบาลจะใช้มาตรการล็อคดาวน์เพื่อคุมการระบาดในพื้นที่สีแดงเข้ม 10 จังหวัด และขยายเป็น 13 จังหวัดมานานกว่า 2 สัปดาห์ หากแต่การระบาดของโรคขณะนี้ยังไม่ใช่จุดสูงสุดของการระบาดระลอกล่าสุด 

กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข มีการคาดการณ์ว่าตัวเลขผู้ป่วยโควิด-19 รายใหม่ในไทยสามารถเพิ่มสูงขึ้นถึง 4 หมื่นคนต่อวันในช่วงกลางเดือน ก.ย.หากไม่มีมาตรการที่เข้มข้นเพียงพอ และถึงแม้มีมาตรการที่เข้มข้นกว่าที่ผู้ป่วยจะลดจำนวนลงก็ใช้เวลานานหลายเดือน 

ในสถานการณ์ที่การต่อสู้กับโรคระบาดทำได้อย่างยากลำบากช่วงเวลา 3 เดือนต่อจากนี้ (ส.ค. - ต.ค.) ถือว่าเป็นช่วงเวลาที่น่าเป็นห่วงทั้งในด้านความสามารถของระบบสาธารณสุขที่ตึงตัว ผลกระทบที่เกิดขึ้นต่อเศรษฐกิจที่จะทรุดตัวลงจากการแพร่ระบาดที่ขยายออกไปในหลายพื้นที่ และลามไปยังภาคการผลิต และที่เป็นผลกระทบเป็นลูกโซ่ตามมาก็คือเรื่องของการตกงานของแรงงานจำนวนมากเป็นผลกระทบที่ตามมาต่อเนื่อง 

"กรุงเทพธุรกิจ" รวบรวมความเห็นของนักวิชาการ และนักเศรษฐศาสตร์ ที่ติดตามสถานการณ์และคาดการณ์ถึงภาพอนาคตระยะสั้นของประเทศไทยที่จะเกิดขึ้นภาายใน 3 เดือนข้างหน้าทั้งในเรื่องสถานการณ์การแพร่ระบาด ผลกระทบต่อเศรษฐกิจรวมทั้งข้อเสนอแนะที่รัฐบาลควรเร่งดำเนินการเพื่อแก้วิกฤติที่เกิดขึ้น ดังนี้ 



นายกอบศักดิ์ ภูตระกูล รองผู้จัดการใหญ่ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่าเศรษฐกิจไทยในขณะนี้ได้รับผลกระทบจากการระบาดของโควิด-19 ที่ยืดเยื้อ โดยธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ประเมินว่าเศรษฐกิจได้รับผลกระทบไปแล้วกว่า 9 แสนล้านบาท โดยเศรษฐกิจในปีนี้เมื่อเจอการแพร่ระบาดที่ยืดเยื้อจะหวังให้เติบโตสัก 1% ก็ยากและเป็นไปได้ที่เศรษฐกิจปีนี้จะไม่ขยายตัวเลย

ขณะที่ภาคการท่องเที่ยว ซึ่งประเทศไทยพึ่งพาการท่องเที่ยวมากคิดเป็นสัดส่วนมากถึง 15% ของจีดีพี และมีการจ้างงานมากถึง 10 ล้านคน การที่ภาคการท่องเที่ยวปิดไปเกือบหมดนั้นหมายความว่าคนเกือบ 10 ล้านคนตกงานไม่มีรายได้ ซึ่งกระทบการใช้จ่ายของประชาชนมาก

สถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ในประเทศไทยในขณะนี้ถือว่าสถานการณ์น่าเป็นห่วงเนื่องจากเราต้องรับมือกับการแพร่ระบาดของโควิด-19 ที่กลายพันธุ์มีการระบาดได้อย่างรวดเร็วคือสายพันธุ์เดลต้า ซึ่งตัวอย่างที่มีการระบาดในหลายประเทศคือในอินเดีย และล่าสุดในอินโดนิเซียมีผู้ติดเชื้อสายพันธุ์นี้เพิ่มขึ้น 10 เท่าภายใน 5 สัปดาห์จนมีผู้ป่วยรายใหม่หลายหมื่นคนต่อวัน 

"เมื่อสายพันธุ์ชนิดนี้ของโควิด-19 เข้ามาเป็นสายพันธุ์หลักในไทยทำให้ระบบสาธารณสุขของไทยมีความเสี่ยงที่จะรับไม่ไหวเห็นได้จากสัญญาณว่าเริ่มมีการขาดแคลนถังออกซิเจน เริ่มมีการให้ผู้ป่วยออกมานอนนอกอาคารของโรงพยาบาล บุคลากรทางการแพทย์เริ่มติดโควิด-19 รวมทั้งต้องเอานักศึกษาแพทย์มาช่วยรักษาผู้ป่วยโควิด ส่วนเมรุที่เผาศพก็เผาศพต่อเนื่องกันจนบางที่พัง"

ทั้งนี้การประกาศล็อคดาวน์เพื่อต่อสู้กับโควิดของรัฐบาลถือว่ามีความจำเป็นและเป็นแนวทางที่หลายประเทศใช้ เพื่อให้ประเทศไทยสามารถรับมือกับการระบาดของโควิด-19 ในระลอกต่อไป ซึ่งมีระยะเวลาเพียง 3 เดือนเท่านั้นที่จะเตรียมตัว เพื่อให้ประเทศไทยเปลี่ยนจากสถานะประเทศที่รับมือกับโควิด-19 ไม่ได้เป็นประเทศที่สามารถรับมือกับการระบาดของโควิด-19 ได้อีกครั้ง 

โดยมี 3 เรื่องที่รัฐบาลต้องทำคือ 1.เร่งรัดการฉีดวัคซีนเข็ม 3 ให้บุคลากรทางการแพทย์ด่านหน้า เพื่อสร้างภูมิคุ้มกันให้กับบุคลากรทางการแพทย์ให้มีความพร้อมรับมือกับการกลายพันธุ์ของโควิด-19 

2.เร่งรัดการจัดหาและนำเข้าวัคซีนทางเลือกให้กับประชาชน โดยในเรื่องนี้รัฐบาลและเอกชนควรร่วมมือกันทำงานอย่างใกล้ชิดเพื่อจัดหาวัคซีนทางเลือกหลายๆยี่ห้อเข้ามาในประเทศไทย

และ3.การบริหารจัดการวัคซีนซึ่งจำเป็นที่จะต้องจัดสรรวัคซีนลงไปในพื้นที่ที่สำคัญ ในจุดพื้นที่อ่อนไหวต่อการแพร่ระบาด ในพื้นที่เศรษฐกิจสำคัญ รวมทั้งพื้นที่ซึ่งมีการแออัดของผู้คนจำนวนมาก ที่มีความเสี่ยงที่จะติดต่อกันง่าย 

"โจทย์ใหญ่ของปีนี้คือการพยุงเศรษฐกิจให้ไปได้ก่อน ระยะเวลา 3 เดือนนี้สำคัญมากๆหัวใจของการฟื้นเศรษฐกิจอยู่ที่วัคซีน หากสามารถจัดการทั้ง 3 ส่วนนี้ได้ดี เมื่อเริ่มเปิดเมืองแล้ว ประเทศไทยจะอยู่ในฐานะที่สามารถรับมือกับการระบาดของโควิดได้อีกครั้ง"นายกอบศักดิ์ กล่าว 


นายมนตรี โสคติยานุรักษ์ ผู้อำนวยการหลักสูตรวิทยาการการจัดการสำหรับนักบริหารระดับสูง (วบส.) สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) กล่าวว่าสถานการณ์การระบาดของโควิด-19 ในปัจจุบันถือว่าวิกฤติมาก ซึ่งนายกรัฐมนตรีควรจะต้องตัดสินใจใช้ "ยาแรง" ในการแก้ไขปัญหา หมายถึงการล็อคดาวน์นั้นต้องทำจริงจัง กำหนดให้ประชาชนอยู่แต่ในบ้านแล้วให้มีระบบการส่งอาหาร ยา ให้ซึ่งสามารถที่จะใช้กำลังพลในกองทัพมาช่วยเหลือเรื่องนี้ได้เพราะนายกรัฐมนตรีเองก็เป็น รมว.กลาโหมซึ่งจะสามารถจัดการได้ 

ทั้งนี้การใช้มาตรการล็อคดาวน์แบบเข้มข้นต้องสื่อสารให้ประชาชน และภาคเอกชนเข้าใจตรงกันว่าเป้าหมายคือรัฐบาลต้องการควบคุมการแพร่ระบาดให้ได้ภายใน 3 เดือน ขณะเดียวกันในช่วงเวลานี้ต้องกำหนดเป้าหมายการฉีดวัคซีนและติดตามการฉีดวัคซีนให้ได้ตามเป้าหมาย โดยกำหนดไว้ที่เดือนละ 10 ล้านโดสเพื่อสร้างภูมิคุ้มกันหมู่โดยการเร่งฉีดให้ประชาชนให้ได้อย่างน้อย 70% ของประชากรในประเทศ ซึ่งการที่จะฉีดได้รวดเร็วตามแผนดังกล่าวภายใน 3 เดือนนี้จะต้องกระจายวัคซีนไปยังพื้นที่ต่างๆไม่ควรกระจุกการฉีดอยู่ที่สถานที่ใดสถานที่หนึ่งเฉพาะ 

"ใน 3 เดือนนี้ต้องคุมโควิดให้อยู่ก่อน แม้จะต้องใช้ยาแรง แต่หากทำเพื่อให้โรคนี้มันจบลง เอกชน  กับประชาชนก็น่าจะเข้าใจเพราะไม่มีใครอยากให้การระบาดเกิดขึ้นเป็นระลอกๆ เมื่อคุมโควิดอยู่ได้หลังจากนั้นก็กลับมาฟื้นเศรษฐกิจ กระตุ้นการใช้จ่าย ท่องเที่ยวในประเทศซึ่งหากสามารถทำได้เศรษฐกิจไตรมาสสุดท้ายก็ยังสามารถที่จะขยายตัวได้" นายมนตรี กล่าว 

นายมนตรีกล่าวด้วยว่าในปี 2564 เศรษฐกิจของไทยอาจจะขยายตัวได้ประมาณ 1% หรือต่ำกว่า 1% ซึ่งการที่เศรษฐกิจยังขยายตัวได้มาจากภาคการส่งออกแต่ การส่งออกที่ขยายตัวได้มากก็มาจากฐานที่ต่ำในปีก่อน และการส่งออกที่ได้อานิสงค์จาการขยายตัวของเศรษฐกิจโลก 

ซึ่งในขณะนี้หากรัฐบาลสามารถควบคุมโควิด-19 ได้ในระย 3 เดือน ก็จะยังคงมีช่วงเวลาที่สามารถจะกระตุ้นเศรษฐกิจได้ในช่วงไตรมาสสุดท้ายของปีนี้ ซึ่งมาตรการที่สามารถทำได้คือการนำเอามาตรการการจูงใจการใช้จ่ายของผู้มีรายได้สูงซึ่งเป็นส่วนบนของ "ปิดรามิด" ที่ยังมีกำลังซื้ออยู่ ได้แก่ มาตรการช็อปดีมีคืน ซึ่งสามารถเพิ่มวงเงินใช้จ่ายต่อรายได้ถึง 1แสนบาทต่อราย

หากมีผู้เข้าร่วมโครงการประมาณ 1 ล้านรายก็จะมีเงินหมุนเวียนในช่วงไตรมาสสุดท้ายของปีอย่างน้อย 3 แสนล้านบาท ซึ่งรัฐบาลจะจัดเก็บรายได้เพิ่มจากภาษีได้ประมาณ 2.1 หมื่นล้านบาทนำมาใช้จ่ายในด้านต่างๆ ส่วนการคืนภาษีให้กับประชาชนก็จะเกิดขึ้นในช่วงกลางปี 2565 

ขณะที่ นายศุภวุฒิ สายเชื้อ ที่ปรึกษาสถาบันวิจัยภัทร กลุ่มธุรกิจการเงินเกียรตินาคินภัทร ได้กล่าวในการเสวนาทางคลับเฮาส์ : CEO โซเซ Just Say SO" จัดเสวนา "CEO โซเซ The Legend..สร้างตำนานผ่านวิกฤติ" จัดโดยฐานเศรษฐกิจและกรุงเทพธุรกิจ เมื่อวันที่ 22 ก.ค.2564 ว่าช่วง 3 เดือนข้างหน้านี้ หากรัฐบาลแก้ปัญหาโควิดไม่ได้อย่างทันจะลามสู่ระบบเศรษฐกิจ โดยภาคการผลิตจะหยุดชะงักมากขึ้น และหากลามถึงการส่งออกที่เป็นเครื่องยนต์ขับเคลื่อนเศรษฐกิจตัวเดียวแล้วจะน่าห่วงมาก และหากผลิตไม่ได้เศรษฐกิจไม่โตคนขาดรายได้ คนไม่มีเงินไปจ่ายหนี้แบงก์ ผลกระทบจะลามถึงสถาบันการเงินในที่สุด

"เราอยู่ในสถานการณ์วิกฤติและวิกฤติยังแย่กว่านี้ได้ เพราะวิกฤติโควิดรอบนี้กระทบเศรษฐกิจจริง มีคนล้มตายและเจ็บป่วย ต่างจากวิกฤติปี 2540 ที่กระทบภาคการเงินและคนรวยเท่านั้น"

ทั้งนี้ ต้องยอมรับว่าเห็นเค้าพายุกำลังจะมา เพราะต้นปี 2564 นักวิเคราะห์เศรษฐกิจ ส่วนใหญ่ประเมินจีดีพี 3.5% แต่ผ่านมาครึ่งปีลด 3-4 ครั้งแล้ว จนเหลือ 1.5% หรือตอนนี้อาจเหลือไม่ถึง 1%

ส่วนการประเมินเศรษฐกิจระยะข้างหน้าทำได้ยาก เพราะไม่รู้จริงว่าสายพันธุ์เดลต้าระบาดแรงแค่ไหน รวมทั้งเรามีชุดตรวจไม่พอและสุดท้ายปัญหาแก้ไม่ทันจะลามไปกระทบสถาบันการเงิน รวมทั้งหากรัฐบาลยังทำเช่นนี้แล้วโควิด-19 สายพันธุ์เดลต้าระบาดแรงมากเหมือนต่างประเทศ จะทำให้ปัญหาใหญ่ขึ้น และมองว่าโควิด-19 ยังติดคนไทยได้อีก 50 ล้านคน เพราะคนฉีดวัคซีนครบ 2 โดส มีแค่ 3-4 ล้านคน สมมติคนติดเชื่อแต่ไม่รู้ว่าติดเชื้อก็นำเชื้อไปติดให้คนที่เหลืออีก 60 ล้านคนได้

ปัญหาในวิกฤติโควิด-19รอบนี้ เห็นด้วยว่า ปัญหาอยู่ที่การบริหารของรัฐบาล แต่ยังมีทางออกเพื่อแก้ไข 3 ปัญหา ตอนนี้ คือ

1.เมื่อวัคซีนไม่พอแล้วจะแบ่งให้ใครอันดับแรก ซึ่งต้องแบ่งให้บุคคลการด้านการแพทย์และสาธารณสุขก่อน ที่ผ่านมาฉีดแล้ว 7 แสนราย และต้องฉีดซ้ำ ทำให้ต้องใช้วัคซีนเพิ่มขึ้น ยิ่งทำให้วัคซีนขาดแคลนมากขึ้นไปอีก และตอนนี้รัฐบาลต้องถามตัวเองว่าจะฉีดให้ผู้สูงอายุที่ไม่อยู่ในภาคการผลิต หรือฉีดให้ผู้อยู่ภาคการผลิตคนวัยทำงานเพื่อให้เศรษฐกิจเดินต่อ

"เมื่อวัคซีนไม่พอแล้ว ทำให้รัฐบาลมาถึงจุดบีบบังคับ ให้ตัดสินใจแม้เป็นเรื่องที่ยากจะตัดสินใจ แต่ถ้าบอกประชาชนให้ชัดเจนได้ก็ดี ว่าจุดยืนของรัฐบาลอยู่ตรงไหนในเรื่องนี้ หากยังพูดกล้อมแกล้มแบบนี้ ในความกล้อมแกล้ม ยิ่งทำให้เราไม่รู้ทิศทาง"

2.ชุดตรวจยังไม่มากพอเพราะหากเลือกฉีดวัคซีนให้ผู้สูงอายุก่อน ซึ่งเป็นกลุ่มที่มีโอกาสเสียชีวิตได้มากกว่าคนที่อายุน้อย 30-100 เท่า ดังนั้น รัฐบาลต้องพยายามแยกระหว่างคนติดเชื้อ กับคนไม่ติดเชื้อ เพื่อให้คนไม่ติดเชื้อยังสามารถเข้าไปทำงานได้อย่างปลอดภัย โดยเฉพาะคนในภาคการผลิต ที่เป็นแรงขับเคลื่อนเศรษฐกิจในระยะข้างหน้า

 สำหรับทางออกของปัญหานี้ เสนอว่า หากวัคซีนยังไม่พอแล้ว ก็ต้องตรวจให้มาก ทำชุดตรวจโควิด-19 ราคา 5-10 บาท หรือแจกฟรีได้หรือไม่ เพราะโรงงานที่มีแรงงานหลักพันคนจะได้ตรวจกันทุกวัน ต้องแจกชุดตรวจให้มากที่สุด

3.การเยียวยาทันหรือไม่ เพราะสุดท้ายหากยังเกิดปัญหาวัคซีนไม่พอ ชุดตรวจเชื้อยังทำช้าไปอีก คนทำงานไม่ได้ ไม่มีรายได้ ถ้าทุกคนเป็นหนี้แบงก์แล้ว สุดท้ายปัญหาที่สะสมทั้งหมด จะส่งผลกระทบกลับเป็นความเสี่ยงต่อธนาคาร ซึ่งต้องเร่งเยียวยาให้ทัน

"นโยบายการเงินถ้ามองแง่บวก เงินเฟ้อต่ำหนี้ต่างประเทศก็ไม่มี มองว่า ยังใช้นโยบายการเงินได้ พิมพ์เงินมาช่วยเหลือได้ แต่ต้องรู้ว่าจะทำเอาสิ่งนี้มาให้ทันท่วงที อย่าเป็นมาตรการที่ตามปัญหา เพราะตั้งแต่ต้นปีมานี้เราเห็นรัฐบาลมีแต่มาตรการตามปัญหา ไม่เคยมีมาตรการที่แก้ปัญหาก่อนที่จะเกิดเลย" นายศุภวุฒิกล่าว 
#3442



นายวัฒนศักย์  เสือเอี่ยม อธิบดีกรมการค้าภายใน เปิดเผย ว่ากรณีที่มีกระแสข่าวว่าราคาไข่ไก่ในจังหวัดพิจิตรมีการปรับราคาสูงขึ้นเนื่องจากมีผู้ประกอบการบางรายมีการกักตุน และฉวยโอกาสขึ้นราคา ในเรื่องนี้ได้มอบหมายให้พาณิชย์จังหวัดพิจิตรลงพื้นที่ตรวจสอบสถานการณ์ปริมาณ และราคาไข่ไก่  ในเบื้องต้นได้รับรายงานว่า ปัจจุบันปริมาณไข่ไก่ในห้างค้าปลีกค้าส่งยังคงมีจำหน่าย แต่ในตลาดสดมีปริมาณลดลง แต่หากมีความจำเป็นก็จะประสานแหล่งผลิตเข้ามาเสริม โดยปัจจุบันราคาจำหน่าย ณ ห้างสรรพสินค้า ไข่ไก่เบอร์ 3 แผงละ 30 ฟอง อยู่ที่ 98 บาทต่อแผง ไข่ไก่ เบอร์ 2 ห้างค้าปลีกราคาจำหน่ายอยู่ที่ 101-106 บาทต่อแผง

 

นอกจากนี้ พาณิชย์จังหวัดพิจิตรยังได้จัดรถโมบาย จำหน่ายสินค้าอุปโภคบริโภคจำเป็น จำนวน    70 รายการ ภายใต้โครงการพาณิชย์ลดราคาช่วยประชาชน โดยจำหน่ายไข่ไก่ในราคา แผงละ 93 บาทหรือ 3.10 บาทต่อฟอง และในระหว่างวันที่ 2-3 ส.ค. 2564 จะนำไข่ไก่ราคาประหยัดมาจำหน่ายหน้าสำนักงานพาณิชย์จังหวัดพิจิตร ในราคาเบอร์ 3 แผงละ 93 บาท อย่างไรก็ตามได้ให้พาณิชย์จังหวัดลงพื้นที่ตรวจสอบว่ามีการกักตุนหรือไม่ และกรณีพบว่ามีผู้ประกอบการรายใดฉวยโอกาสขึ้นราคาก็ให้ดำเนินคดีตามมาตรา 29 และมาตรา 30 แห่ง พ.ร.บ. ว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ พ.ศ. 2542

ทั้ง 2 กรณีหากพบว่ามีการกระทำผิดจะมีโทษจำคุกไม่เกิน 7 ปี ปรับไม่เกินหนึ่งแสนสี่หมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับทั้ง 2 กรณี ในเรื่องนี้ นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ได้มอบหมายให้พาณิชย์จังหวัด      ทุกจังหวัดเข้มงวดตรวจสอบไม่ให้มีการกักตุนและฉวยโอกาสขึ้นราคาสินค้าและบริการ ทั้งนี้หากพบเห็นการกักตุนหรือฉวยโอกาสขึ้นราคา แจ้งได้ที่สายด่วน กรมการค้าภายใน 1569
#3443



ผักติ้วคือไม้ยืนต้นพื้นบ้านที่นิยมเด็ดยอดอ่อน และใบมาทำอาหาร มีชื่อเรียกว่า "ผักติ้ว" "ผักแต้ว" ยางและใบใช้เป็นยาสมุนไพร และเปลือกไม้ใช้เป็นสีย้อมผ้า และใช้ทำเป็นถ่าน

ต้นผักติ้ว คืออะไร
ผักติ้วมีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Cratoxylum formosum. เว็บไซต์องค์การสวนพฤกษศาสตร์ แสดงข้อมูล "ติ้วขน" อยู่ในวงศ์ CLUSIACEAE สูง 10-20 ม. ใบเดี่ยว เรียงตรงข้าม รูปรีหรือรูปขอบขนาน กว้าง 3-4.5 ซม. ยาว 7-10 ซม. ผิวใบด้านล่างมีสีนวล มีขนทั้งสองด้าน ดอกเดี่ยว หรือเป็นกลุ่ม ออกที่ซอกใบหรือตามกิ่ง กลีบดอกสีชมพูอ่อน ขอบกลีบมีขนชายครุย ร่วงง่าย เกสรเพศผู้มี 3 มัด แต่ละมัดปลายแยกคล้ายพู่ ออกดอกเดือนกุมภาพันธ์ ถึงมิถุนายน

ผักติ้วพบได้ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ได้แก่ ประเทศไทย, เมียนมา, กัมพูชา, ลาว, เวียดนาม, มาเลเซีย, อินโดนีเซีย และฟิลิปปินส์

ดอกของผักติ้วมีกลีบดอก 5 กลีบ เกสรตัวเมียติดกัน 3 ก้าน และมีเกสรตัวผู้สั้นๆ ล้อมรอบ เมื่อติดผลจะมีลักษณะผลเป็นแคปซูลสีน้ำตาล หรือสีดำ เรียวยาวประมาณ 1.3 - 1.8 เซนติเมตร เมื่อผลแตกออกจะเป็น 3 แฉก มีเมล็ดสีน้ำตาล

สรรพคุณของผักติ้วทางสมุนไพร
ภาพจากองค์การสวนพฤกษศาสตร์ (qsbg.org)
ภาพจากองค์การสวนพฤกษศาสตร์ (qsbg.org)
ฐานข้อมูลสมุนไพร คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยอุบลราชธานี ได้บรรยายสรรพคุณของผักติ้วไว้ตามตำรับยาไทย ดังนี้

ราก ผสมกับหัวแห้วหมู และรากปลาไหลเผือก ต้มน้ำดื่มวันละ 3 ครั้ง เพื่อขับปัสสาวะ แก้ปัสสาวะขัด
น้ำยาง ใช้ทาแก้รอยแตกของส้นเท้า
รากและใบ ใช้แก้ปวดท้อง
ต้น ยางจากเปลือกต้น ยาทาแก้คัน
น้ำต้มเปลือกต้น กินแก้ธาตุพิการ
เปลือกและใบ ตำผสมกับน้ำมันมะพร้าว ทาแก้โรคผิวหนังบางชนิด
สรรพคุณของผักติ้วด้านโภชนาการ
ผักติ้ว 100 กรัม ให้พลังงาน 58 กิโลแคลอรี ประกอบด้วย

- แคลเซียม 67 มิลลิกรัม
- ฟอสฟอรัส 19 มิลลิกรัม
- เหล็ก 2.5 มิลลิกรัม
- เบตาแคโรทีน 4,500 ไมโครกรัม
- วิตามินเอ 750 ไมโครกรัมของเรตินอล
- วิตามินบีหนึ่ง 0.04 มิลลิกรัม
- วิตามินบีสอง 0.67 มิลลิกรัม
- ไนอาซิน 3.1 มิลลิกรัม
- วิตามินซี 58 มิลลิกรัม
- เส้นใย 1.5

ผักติ้วกินอย่างไร

ส่วนประกอบของผักติ้วที่นำมาใช้ประกอบอาหาร คือ ช่อดอกสด ยอดอ่อน ใบ ใบอ่อน เพราะมีรสชาติเปรี้ยว ซึ่งให้คุณประโยชน์ด้านเส้นใยอาหาร และวิตามิน ดังนี้

ใช้เป็นผักแกล้ม ยอดอ่อนสดๆ นำมากินแกล้มกับเมนู ลาบ ก้อย น้ำตก แจ่ว เมนูน้ำพริก ทางเวียดนามใช้กินในเมนูแหนมเนือง

ใช้ต้มแกง ผักติ้วมีรสเปรี้ยว ใช้แทนมะนาวในบางเมนู เช่น แกงเห็ด

ใช้ผัด ใส่กับไข่เจียว หรือผัดกับผักอื่นๆ เพิ่มรสชาติ

ผักติ้วกับใบชะมวงใช่ต้นเดียวกันหรือไม่
ต้นผักติ้วขนกับชะมวงจัดอยู่ในวงศ์เดียวกับมังคุด CLUSIACEAE เหมือนกัน ลักษณะใบต้นผักติ้วกับใบชะมวงนั้นต่างกันตรงที่ ใบอ่อนของชะมวงจะมีสีน้ำตาลอมม่วงที่เข้มกว่า และลักษณะโคนใบจะสอบเข้าหากัน ขอบใบเรียบ ผู้ที่เคยลิ้มลองชิมใบอ่อนของทั้งสองต้นนี้มักจะเล่าว่าใบชะมวงมีรสฝาดกว่าเล็กน้อย ประโยชน์ของใบผักติ้วกับใบชะมวงให้ใยอาหารสูง
#3444



อาการนอนไม่หลับสามารถเกิดขึ้นได้กับคนทุกเพศทุกวัย มีหลายปัจจัยที่ทำให้นอนไม่หลับ หากเป็นติดต่อกันนานๆ จะส่งผลกระทบต่อสุขภาพ ทำให้ร่างกายอ่อนเพลียและประสิทธิภาพในการทำงานของสมองลดลง ใครที่มีอาการดังกล่าวไม่ควรนิ่งนอนใจ หากปล่อยไว้อาจกลายเป็นอาการนอนไม่หลับเรื้อรังได้ 

โรคนอนไม่หลับ (Insomnia) มีหลายแบบด้วยกัน ไม่ว่าจะเป็นความรู้สึกง่วงมากแต่นอนไม่หลับ สมองไม่หยุดคิด นอนหลับตื้นแล้วตื่นกลางดึกบ่อยๆ หรือใช้เวลานานกว่าจะข่มตาหลับ หากรู้สึกว่าอาการเหล่านี้รบกวนคุณภาพของการนอน ก็เป็นไปได้ว่ามีความผิดปกติในวงจรการหลับ โดยแบ่งออกเป็น 3 ชนิด ดังนี้

นอนหลับยาก - ต้องใช้เวลาเป็นชั่วโมงกว่าจะหลับ
หลับไม่ทน - ตื่นกลางดึกแล้วไม่สามารถนอนหลับต่อได้
หลับๆ ตื่นๆ - เคลิ้มๆ หลับเป็นพักๆ รู้สึกเหมือนไม่ได้นอนหลับเลยตลอดคืน

สาเหตุของการนอนไม่หลับ มีอะไรบ้าง?
ปัจจัยที่ทำให้นอนไม่หลับในเวลากลางคืนมาจากหลายสาเหตุด้วยกัน ซึ่งหากนอนไม่หลับติดต่อกันบ่อยๆ ก็จะทำให้รู้สึกอ่อนล้า เพลีย ไม่มีสมาธิ ความจำไม่ดี ส่งผลให้สมองไม่มีประสิทธิภาพในการควบคุมการทำงานของร่างกาย อาจทำให้เสี่ยงเกิดอุบัติเหตุระหว่างวันได้ สำหรับสาเหตุที่ทำให้นอนไม่หลับ เกิดจากปัจจัยต่อไปนี้

ปัจจัยทางร่างกาย : มีไข้ มีอาการเจ็บป่วย เจ็บปวดบริเวณต่างๆ ของร่างกาย จนทำให้นอนหลับยาก
ปัจจัยทางจิตใจ : ความวิตกกังวล ความเครียด โรคไบโพลาร์ โรคซึมเศร้า ฯลฯ
ปัจจัยทางสิ่งแวดล้อม : ห้องมีแสงสว่างมากเกินไป มีเสียงดังรบกวนการนอน ดื่มเครื่องดื่มกาเฟอีน เล่นเกมและเล่นมือถือก่อนนอน กินอาหารที่ย่อยยาก ออกกำลังกายหนักก่อนนอน เป็นต้น

วิธีแก้อาการนอนไม่หลับ ฝึกนิสัยการนอนใหม่ตั้งแต่วันนี้
นอนไม่หลับทำไงดี? หากเข้านอนแล้ว แต่หลังจากผ่านไป 30 นาที ก็ยังไม่สามารถข่มตาหลับได้ ให้ลุกขึ้นไปหากิจกรรมผ่อนคลายก่อนนอน เช่น ฟังเพลงสบายๆ อ่านหนังสือ นั่งสมาธิ หรือกิจกรรมอื่นๆ ที่ไม่กระตุ้นความเครียดและความรู้สึกตื่นตัว เพราะจะทำให้นอนหลับยากกว่าเดิม และที่สำคัญควรปรับนิสัยการนอนเสียใหม่ เพื่อทำให้การนอนหลับพักผ่อนในแต่ละคืนมีคุณภาพมากขึ้น เช่น

ไม่ควรนอนกลางวันนานเกินไป หากต้องการงีบพักผ่อนก็ให้ตั้งนาฬิกาปลุกไว้ไม่เกิน 1 ชั่วโมง
ไม่ควรนอนกลางวันหลังเวลา 15.00 น. เป็นต้นไป เพราะจะทำให้นอนหลับยากในกลางคืน
ในวันหยุดก็ควรเข้านอนและตื่นนอนเวลาเดิมอยู่เสมอ 
หลีกเลี่ยงการดื่มเครื่องดื่มที่มีกาเฟอีนในช่วงเย็น ช่วงหัวค่ำ และก่อนนอน
จัดห้องนอนให้มืดสนิท บรรยากาศเงียบไม่มีเสียงรบกวน
ฝึกเล่นโยคะ นั่งสมาธิ และผ่อนลมหายใจเข้า-ออก จะช่วยให้หลับง่ายขึ้น
ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ หลีกเลี่ยงการออกกำลังกายหนักก่อนนอน
ปิดสัญญาณอินเทอร์เน็ตบนโทรศัพท์มือถือ เพื่อไม่ให้เสียงแจ้งเตือนรบกวนการนอน

เครื่องดื่มช่วยให้นอนหลับ มีอะไรบ้าง?
นอนไม่หลับ ควรกินอะไรดี? หลายคนอาจจะเคยลองมาทุกวิธีแล้ว แต่ก็ยังนอนไม่หลับเหมือนเดิม ก็สามารถหันมาแก้ปัญหาด้วยการ "กิน" ได้เช่นกัน บางคนอาจรู้สึกหิวกลางดึกจนนอนไม่หลับ แต่ก็ไม่อยากลุกขึ้นมากินข้าวมื้อดึก ก็ให้เปลี่ยนมากินกล้วยสุก 1 ผล หรือโยเกิร์ต 1 ถ้วย เพื่อให้กลับไปนอนหลับสบายมากขึ้น

นอกจากนี้ ก็ยังมีอาหารอื่นๆ ที่หากกินก่อนนอน จะช่วยให้นอนหลับง่าย และส่งผลดีต่อระบบการย่อยอาหารอีกด้วย เช่น ชาคาโมมายล์  น้ำผึ้ง ซีเรียล ธัญพืช รวมถึงถั่วและอัลมอนด์ ซึ่งช่วยลดความเครียด ทำให้รู้สึกนอนหลับง่ายขึ้นนั่นเอง


อย่างไรก็ตาม การรักษาอาการนอนไม่หลับของแต่ละคนมีวิธีที่แตกต่างกัน ขึ้นอยู่กับสาเหตุและปัจจัยที่ทำให้รู้สึกนอนไม่หลับ มีความจำเป็นอย่างยิ่งที่ต้องปรับเปลี่ยนนิสัยการนอนเสียใหม่ แต่หากโรคนอนไม่หลับรบกวนจิตใจ หรือส่งผลกระทบต่อการดำเนินชีวิตประจำวัน ก็อาจจะต้องไปปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ เพื่อวินิจฉัยหาสาเหตุที่แท้จริงต่อไป

ที่มา : โรงพยาบาลเปาโล, โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์
#3445




ทำเอาแฟนๆ เป็นห่วง เมื่อนักร้องหนุ่ม เอ๊ะ จิรากร สมพิทักษ์ ศิลปินค่าย Me Records โด่งดังจากการเป็น "หน้ากากอีกาดำ" ในรายการ The Mask Singer ซีซั่น 1 โพสต์แจ้งข่าวว่าตัวเองติดโควิด-19 อีกทั้ง ชมพู่ วรัญญา บุญล้ำ ภรรยา ก็ติดโควิดด้วย โดยไปตรวจโควิดที่ รพ.เอกชนแห่งหนึ่ง ก่อนจะทราบผลว่าเป็นบวก ซึ่งคาดว่าน่าจะติดจากคุณย่าของภรรยา ที่ได้ตรวจเบื้องต้นที่บ้านและผลออกมาเป็นบวกเช่นกัน

โดย เอ๊ะ จิรากร ได้โพสต์ภาพผลการตรวจโควิดเป็นบวก พร้อมทั้งโพสต์ภาพข้อความที่ชี้แจงถึงเรื่องนี้ไว้ว่า "ผมเสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นครับ แม้จะพยายามป้องกันและดูแลตัวเองเป็นอย่างดีแล้วก็ตาม ที่บ้านผมมีทั้งเด็กและคนแก่ ผมจึงออกไปนอกสถานที่แค่เฉพาะที่จำเป็นจริงๆ เท่านั้น

*** ภรรยาของผมป่วยมาได้ 3 วัน วันที่ 28 จึงพาไปตรวจที่ รพ.เอกชนแห่งหนึ่ง (ทั้งผมและภรรยาไม่มีการพบและสัมผัสกลุ่มเสี่ยงหรือผู้ติดเชื้อแต่อย่างใด) แต่อาการของภรรยาผมเข้าข่าย ทาง รพ. จึงแนะนำให้นัดตรวจ covid รวมทั้งผมไปด้วยพร้อมกัน แล้วเมื่อช่วงค่ำ ทาง รพ. โทรมาแจ้งผลว่าเป็น Positive ทั้งคู่

ผมขอชี้แจงเป็นส่วนๆ นะครับ
- ผมทำงานผ่านทางช่องทางออนไลน์ จึงไม่มีการรวมกลุ่มใดๆ ในช่วงระยะเวลาอันใกล้ที่ผ่านมา
- สำหรับค่ายเพลง เทปที่ออนแอร์เป็นการถ่ายทำไว้ล่วงหน้า 1 เดือนแล้ว

Timeline
22-24 ก.ค. ผมอยู่ที่บ้าน
25 ก.ค. นำอาหารไปมอบให้เจ้าหน้าที่ที่สถานีกลางบางซื่อ
26 ก.ค. ขนของย้ายเข้าบ้านใหม่ด้วยรถส่วนตัว มีแค่เพียงคนในครอบครัวช่วยขนย้าย ไม่มีคนนอกหรือใครมาพบ มาสัมผัส ย้ายของเข้าบ้าน ไม่ได้ออกไปทำกิจกรรมใดๆ นอกเขตรั้วบ้านตัวเอง
27-28 ก.ค. จัดของอยู่ในบ้าน
29 ก.ค. ไปตรวจ รพ.เอกชนแห่งหนึ่งตามคิวที่ได้ลงไว้ล่วงหน้า ทราบผลตอน 19.00 น.ว่า positive ทั้งคู่

** หมายเหตุ จากการเรียบเรียง timeline แม้ไม่ได้พบเจอกลุ่มเสี่ยงเลย แต่คาดว่าน่าจะได้รับเชื้อมาจากคุณย่าของภรรยา ที่มีอาการเป็นไข้มาก่อนคนแรก ซึ่งนับจากวันที่เป็นจนถึงตอนนี้อาการคุณย่าปกติมากๆ ทุกอย่าง มีแค่ไข้ขึ้นใน 2 วันแรกเท่านั้น พอได้พูดคุยสอบถามคุณย่า ซึ่งพักที่บ้านอีกหลัง แต่จะมาหาหลานๆ ทุกวัน คุณย่าก็แจ้งว่า ท่านไปแค่ตลาดสดหน้า มบ. แค่เพียงที่เดียวเท่านั้น หลังจากที่ทราบผล ก็ทำการตรวจเบื้องต้นเองที่บ้านด้วยวิธี swab ให้คุณย่า ผลคุณย่าก็เป็น positive

** ตอนนี้คุณย่ากับลูกๆ อีก 3 คน และคนอื่นๆ ในครอบครัว กำลังรอคิวที่จะได้รับการเข้าตรวจอย่างเป็นทางการ

** ส่วนผมและภรรยา ได้ทำการกักตัวและรอคิวเพื่อเข้ารับการรักษาจาก รพ. ต่อไป

** ผมและภรรยากราบขออภัยทุกๆ คนมา ณ ที่นี้ด้วยครับ".
#3447



สำหรับนักร้องหนุ่ม ติ๊ก เพลย์กราวด์ หรือ กฤษติกร พรสาธิต เมื่อทราบว่าคุณพ่อคุณแม่ติดเชื้อโควิด-19 ทั้งคู่ โดยคุณแม่ได้เข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาลแล้ว ส่วนคุณพ่ออยู่ห้อง CCU เพราะมีอาการหายใจไม่ออก

โดยหนุ่มติ๊ก ได้เผยผ่านอินสตาแกรม ว่า...ปีนี้เป็นปีที่ใจร้ายกับผมมากๆ เลยครับ ข่าวร้ายคราวนี้เล่นแรงกับหัวใจผมมากๆ เลย คือเมื่อ 2 วันที่ผ่านมา "ป๊า" พ่อของผมหายใจไม่ออก ที่บ้านเลยรีบพาไปส่งโรงพยาบาล พอผมตามไปถึงที่โรงพยาบาลคุณหมอได้แจ้งผลว่า ป๊า เป็นโควิด ฮะ แต่ด้วยปกติแล้วป๊าไม่ได้ไปไหน เพราะกึ่งๆ เป็นผู้ป่วยติดเตียง เลยสันนิษฐานได้ว่าน่าจะติดมาจากคุณแม่ ที่อยู่ดูแลป๊าเป็นประจำ เลยทำการตรวจโควิดคนในบ้าน (บ้านผมพักกันอยู่ 3 คน ป๊า แม่ น้องสาว ส่วนผมพักคอนโดอีกที่ไม่ได้อาศัยที่นี่นะครับ เพราะต้องทำงานพบเจอผู้คนตลอด)



ผลปรากฎว่า น้องสาวผมไม่ติด แต่คุณแม่ติดเป็นโควิดด้วยเหมือนกันครับ (ทั้งคู่ฉีควัคซีนแล้วนะครับ น้องสาวผมฉีด sinovax 2 เข็ม คุณแม่ฉีด astrazeneca เข็มแรก ) ผมและครอบครัวเลยพาคุณแม่เข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาล ตอนนี้รอเช็คอาการต่างๆ อยู่นะครับ ส่วนป๊าอยู่ห้อง CCU อาการที่หายใจไม่ออกก่อนหน้านี้สาเหตุน่าจะมาจากมีเสมหะมากเกินไปจึงอุดตันระบบหายใจ

ส่วนอาการโควิคยังไม่มีอะไรเลวร้ายและรอดูการตอบสนองกับตัวยาอยู่นะครับ เหตุการณ์นี้ทำให้รู้สึกว่าโควิดเข้าใกล้ตัวเรามากๆ จริงๆ นะครับ อยากให้ทุกคนระวังและดูแลสุขภาพกันให้ดีนะครับ ในฐานะลูกผมจะดูแลหัวใจ 2 ดวง ของผมให้ดีที่สุดเลยครับ ขอให้ป๊าและหม่าม้าหายไวๆ นะครับ"
#3448



"กมลภัทร แสวงกิจ" ผู้จัดการใหญ่ประจำประเทศไทย ดีดี พร็อพเพอร์ตี้ กล่าวว่า วิกฤติโควิด-19 ที่ทวีความรุนแรงขึ้นเป็นอุปสรรคสำคัญของการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจและกระทบภาพรวมการเติบโตของทุกธุรกิจอย่างเลี่ยงไม่ได้

ข้อมูลจากคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) มีมติให้คงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ 0.5% ต่อปี เพื่อสนับสนุนการฟื้นตัวของเศรษฐกิจที่ยังมีความไม่แน่นอนสูงและมีแนวโน้มเผชิญความเสี่ยงจากความยืดเยื้อของการแพร่ระบาด อุปสงค์ในประเทศที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดระลอกล่าสุดส่งผลให้ครัวเรือนจำนวนมากมีปัญหาในการชำระหนี้ เห็นได้จากระดับหนี้ครัวเรือนปัจจุบันสูงถึง 90.5% ของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP)

ภาคตลาดอสังหาริมทรัพย์ในไทย ได้รับผลกระทบไม่น้อย! ทั้งทางตรงจากมาตรการปิดแคมป์คนงานก่อสร้าง และทางอ้อมจากกำลังซื้อผู้บริโภคที่ลดลง แม้ผู้พัฒนาอสังหาฯ จะผลักดันโปรโมชัน สงครามราคา และ ใช้ช่องทางออนไลน์มาลดช่องว่างในการซื้อขาย แต่สภาพคล่องทางการเงินและผลกระทบด้านอาชีพของผู้บริโภคยังเป็นอุปสรรคใหญ่ที่ทำให้จำเป็นต้องชะลอการตัดสินใจซื้อบ้าน คอนโดมิเนียม ออกไปก่อน แม้จะยังมีความต้องการที่อยู่อาศัยก็ตาม

"แม้ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคโดยรวมเดือน มิ.ย. ที่ผ่านมา ปรับตัวเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ระดับ 42.7 จาก 41.6 ในเดือนก่อนหน้า แต่ผู้บริโภคก็ยังไม่เชื่อมั่นภาวะเศรษฐกิจ จึงวางแผนการเงินอย่างรัดกุมและใช้เวลาในการตัดสินใจซื้อที่อยู่อาศัยนานขึ้น แนวโน้มดัชนีราคาที่อยู่อาศัยทุกประเภทลดลงต่อเนื่อง และคาดว่าจะไม่ปรับเพิ่มขึ้นในปีนี้ ขณะที่ดัชนีอุปทานเพิ่มขึ้นจากไตรมาสก่อนถึง 7% สะท้อนว่ายังคงมีสินค้าคงค้างอยู่ในตลาดอีกพอสมควร"

อย่างไรก็ดี ปัจจุบันผู้ประกอบการได้ปรับแผนเลื่อนการเปิดโครงการใหม่ นักลงทุน และผู้บริโภคที่มีสินค้าอยู่ในมือต่าง "ชะลอการขาย" เพื่อรอผลตอบแทนที่ดีกว่าในช่วงอื่นแทน คาดว่าจำนวนที่อยู่อาศัยในช่วงที่เหลือของปีจะไม่สูงไปกว่านี้ และจะไม่เกิดภาวะล้นตลาด!!


"กุญแจสำคัญที่จะช่วยให้ตลาดอสังหาฯ ฟื้นตัวเร็วขึ้น คือ การจัดหาและกระจายวัคซีนป้องกันโควิด-19 ให้ครอบคลุมประชากรทั่วประเทศเพื่อควบคุมการแพร่ระบาดไม่ให้รุนแรงมากไปกว่านี้ และภาครัฐควรมีมาตรการเพิ่มเติมช่วยเหลือเยียวยาและพักหนี้ให้ผู้บริโภคที่ต้องการมีที่อยู่อาศัยในขณะนี้ เพื่อให้เกิดการใช้จ่ายและขับเคลื่อนเศรษฐกิจให้กลับมาเติบโตอีกครั้ง"

รายงาน DDproperty Thailand Property Market Index ระบุ ข้อมูลเชิงลึกและวิเคราะห์ทิศทางตลาดอสังหาฯ ไทยไตรมาสล่าสุด พบว่า จากสภาพเศรษฐกิจที่ยังคงเปราะบางต่อเนื่องตั้งแต่ช่วงต้นปี ส่งผลให้ผู้บริโภคประสบปัญหาทางการเงินและว่างงานมากขึ้น ทำให้ต้องชะลอการใช้จ่ายที่ไม่จำเป็นเร่งด่วนออกไปรวมถึงการเลือกซื้อที่อยู่อาศัย แม้จะมีสงครามราคาที่อัดความคุ้มค่าเพื่อเปิดโอกาสทองให้ผู้ซื้อมากเพียงใด แต่ด้วยกำลังซื้อที่ค่อนข้างจำกัดจึงไม่ช่วยกระตุ้นให้เกิดการตัดสินใจซื้อเท่าที่ควร

จะเห็นได้จากจำนวนที่อยู่อาศัยที่เพิ่มขึ้นอย่างมากในไตรมาสล่าสุด ดัชนีอุปทานปรับตัวเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 428 จุด จาก 399 จุด หรือเพิ่มขึ้นถึง 7% จากไตรมาสก่อน และมีจำนวนเพิ่มขึ้นถึง 37% จากปีก่อนหน้า ถือเป็นดัชนีอุปทานที่สูงที่สุดนับตั้งแต่ไตรมาสที่ 1 ปี 2558

หากพิจารณาในแต่ละทำเล กรุงเทพฯ ที่มีจำนวนที่อยู่อาศัยเพิ่มขึ้นมากที่สุดในรอบไตรมาส ได้แก่ แขวงช่องนนทรี เขตยานนาวา เพิ่มขึ้นถึง 34% ตามมาด้วย แขวงดินแดง เขตดินแดง และแขวงห้วยขวาง เขตห้วยขวาง เพิ่มขึ้นในสัดส่วน 11% เท่ากัน

อย่างไรก็ดี สถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิดระลอกนี้ ส่งผลต่อทิศทางการเติบโตในตลาด ผู้พัฒนาอสังหาฯ ตัดสินใจชะลอการเปิดโครงการใหม่ออกไป เพื่อเร่งระบายสต็อกคงค้าง รวมถึงผู้บริโภคที่มีสินค้าอยู่ในมือก็ชะลอการขายออกไปเพื่อรอจังหวะที่จะได้ผลตอบแทนที่ดีกว่านี้

"ผลกระทบจากโควิดทำให้มุมมองของผู้บริโภคที่มีต่อบทบาทของที่อยู่อาศัยเปลี่ยนแปลงไป หลายคนต้องใช้เวลาในแต่ละวันที่บ้านมากขึ้น ส่งผลต่อการตัดสินใจเลือกที่อยู่อาศัยที่ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ยุคนี้ซึ่งต้องมีพื้นที่ใช้สอยที่เพียงพอและตอบโจทย์การใช้ชีวิตหลากหลายรูปแบบ ทั้งรองรับการเรียนออนไลน์ ทำงานออนไลน์ ทำให้ที่อยู่อาศัยแนวราบยังคงได้รับความสนใจในกลุ่มผู้บริโภคที่กำลังมองหาบ้านอย่างต่อเนื่อง"

แม้ว่า คอนโดจะมีการจัดโปรโมชันออกมากระตุ้นยอดขายจำนวนมาก แต่ไม่ได้รับความนิยมเท่าที่ควร เห็นได้ชัดจากดัชนีอุปทานล่าสุดที่คอนโดมีจำนวนเพิ่มขึ้นจากไตรมาสก่อนถึง 7% โดยปัจจุบัน คอนโด มีสัดส่วนสูงถึง 87% ของจำนวนอุปทานทั้งหมดในกรุงเทพฯ ขณะที่โครงการที่อยู่อาศัยแนวราบอย่างบ้านเดี่ยวและทาวน์เฮ้าส์มีสัดส่วนเพียง 7% และ 5% ตามลำดับ ทั้งนี้ สถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 จะเป็นอีกปัจจัยสำคัญที่มีอิทธิพลให้หลายครอบครัวยังคงเลือกซื้อที่อยู่อาศัยแนวราบมากกว่าเช่นกัน

https:// www.bangkokbiznews.com/news/detail/951819
#3449



นายอภินันท์ เกลียวปฏินนท์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มธุรกิจการเงินเกียรตินาคินภัทร หรือ  KKP แถลงผลประกอบการครึ่งปีแรก 2564 ในงานแถลงข่าวรูปแบบออนไลน์ เมื่อวันที่ 29 กรกฎาคมว่า ภาพรวมธุรกิจของทั้งกลุ่มธุรกิจฯ เติบโตได้ดี ทั้งในส่วนของธุรกิจธนาคารพาณิชย์และธุรกิจตลาดทุน มีกำไรสุทธิ 2,817 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 5.6 เมื่อเทียบกับปี 2563 ในส่วนของธุรกิจธนาคารพาณิชย์ สินเชื่อขยายตัวขึ้นร้อยละ 6.6 จากเมื่อสิ้นปี 2563 โดยเฉพาะในกลุ่มของสินเชื่อที่มีหลักประกัน (collateralized) เช่น สินเชื่อเช่าซื้อรถยนต์หรือสินเชื่อที่อยู่อาศัยสำหรับรายย่อย หรือสินเชื่อสำหรับบรรษัทกลุ่มที่มีเครดิตดี นับเป็นผลสำเร็จจากกลยุทธ์การเติบโตอย่างระมัดระวัง ซึ่งช่วยรักษาผลตอบแทนที่ดีท่ามกลางสภาวะเศรษฐกิจที่ยังมีความไม่แน่นอน ตลอดจนการควบคุมค่าใช้จ่ายได้อย่างมีประสิทธิภาพ

เช่นเดียวกัน ในส่วนของธุรกิจตลาดทุน มีผลประกอบการที่ดีในทุกกลุ่มธุรกิจ ได้แก่ ธุรกิจนายหน้าค้าหลักทรัพย์ ซึ่งยังคงครองส่วนแบ่งตลาดเป็นอันดับหนึ่งและได้รับผลดีจากปริมาณการซื้อขายหลักทรัพย์ในตลาดที่เพิ่มขึ้น ธุรกิจบริหารความมั่งคั่งและธุรกิจจัดการกองทุน ที่มีสินทรัพย์ภายใต้คำแนะนำหรือการจัดการเพิ่มขึ้นร้อยละ 13 และร้อยละ 12 ตามลำดับ ธุรกิจวาณิชธนกิจ ที่มีรายได้จากค่าธรรมเนียมของการดำเนินการธุรกรรมขนาดใหญ่ในครึ่งปีแรกเสร็จสิ้น และธุรกิจการลงทุนโดยตรงที่มีรายได้เบ็ดเสร็จกว่า 1,103 ล้านบาท

 "ผลประกอบการของกลุ่มธุรกิจการเงินเกียรตินาคินภัทรโดยรวมมีความแข็งแรงจากแหล่งที่มารายได้ที่หลากหลาย โดยเฉพาะธุรกิจตลาดทุนที่ไม่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์โควิด-19 มากเท่าภาคส่วนอื่นๆ ของเศรษฐกิจ อย่างไรก็ตาม เพื่อเป็นมาตรการเชิงป้องกันต่อสถานการณ์การแพร่ระบาดซึ่งยังมีความไม่แน่นอนและอาจกระทบต่อความสามารถในการชำระหนี้ของลูกหนี้ในอนาคต ธนาคารจึงยังคงตั้งสำรองอยู่ในระดับที่สูง โดยสำหรับไตรมาส 2/2564 เป็นจำนวน 1,378 ล้านบาท ซึ่งในจำนวนนี้ได้มีการพิจารณาตั้งสำรองพิเศษ (Management Overlay) รวมอยู่ด้วย ทั้งนี้ สำหรับกลยุทธ์การดำเนินธุรกิจในระยะต่อไป เนื่องจากสถานการณ์โควิด-19 ในระยะที่ผ่านมาแสดงให้เห็นชัดว่าส่งผลกระทบไม่สม่ำเสมอกันสำหรับลูกค้าในแต่ละกลุ่ม กลุ่มธุรกิจฯ จึงยังตั้งเป้าการเติบโตสินเชื่อรวมแบบระมัดระวัง ในกลุ่มที่มีศักยภาพที่ร้อยละ 8-12 เพื่อบรรเทาผลกระทบจากสินเชื่อกลุ่มที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ อีกทั้งยังเตรียมพร้อมสำหรับการให้ความช่วยเหลือแก่ลูกค้าผู้ได้รับผลกระทบอย่างเต็มที่"

ด้านนายฟิลิป เชียง ชอง แทน กรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารเกียรตินาคินภัทร จำกัด (มหาชน) (Mr.Philip Chen Chong Tan, President, Kiatnakin Phatra Bank Public Company Limited) ได้ให้รายละเอียดเพิ่มเติมในส่วนของธุรกิจธนาคารพาณิชย์ว่า "ในสถานการณ์โควิด-19 การรักษาการเติบโตในสินเชื่อกลุ่มที่มีคุณภาพและมีความสามารถที่จะชำระหนี้จะช่วยรักษาอัตราผลตอบแทนของพอร์ตสินเชื่อรวมให้อยู่ในระดับที่น่าพอใจ ดังนั้น กลยุทธ์ด้านสินเชื่อของธนาคารคือการเติบโตแบบระมัดระวังในกลุ่มที่มีศักยภาพ ควบคู่ไปกับการตั้งสำรองอย่างระมัดระวังสำหรับผลขาดทุนด้านเครดิต และการควบคุมค่าใช้จ่ายอย่างมีประสิทธิภาพ นอกจากนั้น สิ่งที่ธนาคารให้ความสำคัญอย่างมาก ก็คือการให้ความช่วยเหลือกับลูกค้าที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ ไม่ว่าสินเชื่อรายย่อย หรือสินเชื่อธุรกิจ โดยเฉพาะภายใต้สมมติฐานว่าสถานการณ์อาจดำเนินติดต่อไปเป็นระยะเวลานาน ทั้งนี้ ธนาคารได้ใช้ข้อมูลการชำระหนี้ของลูกค้าที่ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 มาออกแบบมาตรการช่วยเหลือที่ตอบโจทย์ที่สุด โดยปัจจุบัน ธนาคารได้ให้ความช่วยเหลือแก่ลูกค้าในทุกประเภทสินเชื่อคิดเป็นกว่าร้อยละ 40 ของสินเชื่อทั้งหมดของธนาคาร"

นายปรีชา เตชรุ่งชัยกุล ประธานสายการเงินและงบประมาณ ธนาคารเกียรตินาคินภัทร จำกัด (มหาชน) (Mr. Preecha Techarungchaikul, Head of Finance and Budgeting, Kiatnakin Phatra Bank Public Company Limited) ให้รายละเอียดผลการดำเนินงานครึ่งปีแรก 2564 ว่า "กลุ่มธุรกิจฯ มีกำไรสุทธิเท่ากับ 2,817 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 5.6 จากครึ่งปีแรก 2563 โดยเป็นกำไรสุทธิของธุรกิจตลาดทุน จำนวน 936 ล้านบาท ในส่วนของ ปริมาณการตั้งสำรองสำหรับปี 2564 มีอัตราส่วนสำรองต่อสินเชื่อที่มีการด้อยค่าด้านเครดิตอยู่ที่ร้อยละ 160.1 นอกจากนี้ ธนาคารมีรายได้เพิ่มขึ้นทั้งในส่วนของรายได้ดอกเบี้ยสุทธิรวมถึงรายได้ที่มิใช่ดอกเบี้ย โดยรายได้ดอกเบี้ยสุทธิมีจำนวน 7,624 ล้านบาท ปรับเพิ่มขึ้นร้อยละ 6.6 ในขณะที่รายได้ที่มิใช่ดอกเบี้ยมีจำนวน 3,726 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 13.2 จากครึ่งปีแรก 2563 และธนาคารมีอัตราส่วนเงินกองทุนทั้งสิ้นต่อสินทรัพย์เสี่ยง (BIS Ratio)คำนวณตามเกณฑ์ Basel III ซึ่งรวมกำไรถึงสิ้นไตรมาส 2/2564 อยู่ที่ร้อยละ 17.89 และอัตราส่วนเงินกองทุนชั้นที่ 1จะเท่ากับร้อยละ 13.51"
#3450



นายธนาวุฒิ พรโรจนางกูร รองกรรมการผู้จัดการหัวหน้าสายงานบริหารการลงทุน  บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) บางกอกแคปปิตอล หรือ BCAP เปิดเผยถึงกรณีที่ ประเทศจีน ได้ออกมาตรการควบคุมกิจการของบริษัท Consumer Technology มาอย่างต่อเนื่อง นับตั้งแต่ปลายปี 2563 ส่งผลให้นักลงทุนเทขายหุ้นเทคฯจีนโดยรวม จากความกังวลเรื่องนโยบายของภาครัฐว่า จะเพ่งเล็งธุรกิจใดต่อไป

โดยผู้จัดการกองทุน ประเมินว่ารัฐบาลกลางมี 2 เป้าหมายสำคัญในการออกมาตรการควบคุมกลุ่ม Consumer Technology เรื่องแรกคือการสร้างการเติบโตที่มีคุณภาพและลดความเหลื่อมล้ำของระบบเศรษฐกิจของประเทศจีน และเรื่องที่สองคือความมั่นคงทางการเมืองของพรรคคอมมิวนิสต์จีน โดยมาตรการต่าง ๆ ที่ทยอยออกมาต่างมุ่งเน้นไปสู่ 4 เสาหลักแห่งความมั่นคง (four pillars of stability) กล่าวคือ 1) เสถียรภาพทางด้านการเงิน 2) การแข่งขันอย่างเสมอภาคและป้องกันการกีดกันทางการค้า 3) การเข้าถึงข้อมูลส่วนบุคคลและการนำข้อมูลไปใช้อย่างเป็นธรรม และ 4) การสร้างความเท่าเทียมกันทางสังคม

อย่างไรก็ตามในช่วงที่ผ่านมา การพัฒนาของเทคโนโลยี ทำให้เกิดผู้ประกอบการรายใหญ่ขึ้น จนนำมาสู่การผูกขาดทางการค้า การนำข้อมูลของผู้บริโภคมาใช้เพื่อเป็นประโยชน์แก่ผู้ประกอบการและเอาเปรียบผู้บริโภค การให้ผลตอบแทนที่ไม่เป็นธรรมแก่ลูกจ้าง ซึ่งหากปล่อยปัญหาทิ้งไว้นานอาจทำให้เกิดปัญหาความไม่เท่าเทียมกันทางสังคมซึ่งเป็นปัญหาเชิงโครงสร้างในระยะต่อไป ตัวอย่างเช่น บริษัท Alibaba ใช้ฐานข้อมูลที่มี และพยายามเสนอเงินกู้เกินความจำเป็นแก่ผู้บริโภค โดยไม่ได้อยู่ภายใต้การดูแลด้านเสถียรภาพจากภาครัฐ หรือบริษัท Meituan ที่ใช้อำนาจผูกขาดในธุรกิจจนเกิดการจ้างพนักงานในอัตราที่ไม่เป็นธรรม


กลุ่ม China Consumer Tech กำลังเข้าสู่ new growth regime ที่อาจจะถูกปรับฐานเพื่อสะท้อนการเติบโตที่ลดลง เชื่อว่าทางการจีนจะยังคงมีนโยบายในเชิงควบคุมกลุ่ม Consumer Tech ออกมาอีกเป็นระยะ ๆ แต่การพัฒนานวัตกรรมยังมีความจำอย่างยิ่งสำหรับประเทศจีน เพื่อนำไปสู่การเป็นผู้นำด้านเทคโนโลยีของโลกภายใต้แผนแม่บทในการพัฒนาประเทศ

ดังนั้นหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีที่เราเรียกว่า China Non-consumer Tech อาทิเช่น เทคโนโลยีที่เกี่ยวข้องกับกลุ่ม Clean Energy กลุ่ม Biotech ที่เป็นฐานการผลิตของโลก และกลุ่มเทคโนโลยีเพื่อการอุตสาหกรรม จะยิ่งมีความน่าสนใจมากขึ้น จากการที่ราคาปรับลงมาจากปัจจัยแวดล้อมที่ไม่ได้เกี่ยวข้องโดยตรง และจากนโยบายสนับสนุนต่อเนื่องจากภาครัฐจึงเป็นโอกาสในการเข้าลงทุนในหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีดังกล่าว


นายธนาวุฒิ กล่าวว่า  เราประเมินว่าหุ้นกลุ่ม China Consumer Tech ยังมีศักยภาพในการเติบโตที่ดีในระยะยาว แต่จะมีการปรับฐานเพื่อสะท้อน new growth regime ในช่วง 3-6 เดือนข้างหน้า ตามมาตรการควบคุมต่างๆสำหรับ 4 เสาหลักแห่งความมั่นคงของจีนทยอยกันมีความชัดเจนขึ้น ดังนั้นเราแนะนำโยก จากกลุ่ม China Consumer Tech ไปสู่กลุ่ม Non-consumer Tech ซึ่งราคาย่อตัวลงบางส่วนจาก sentiment ลบของหุ้นกลุ่ม china consumer tech" 

สำหรับ กอง BCAP-XHEALTH และ BCAP-CLEAN เป็นตัวเลือกสองกองทุนของ BCAP ที่มีสัดส่วนการลงทุนใน China Non-consumer Technology ที่ว่านี้อย่างมีนัยยะ และมีการกระจายกลุ่มอุตสาหกรรมและภูมิภาคทั่วโลกที่สมดุลซึ่งจะช่วยบริหารความเสี่ยงของความผันผวนของราคาได้ดีขึ้นในช่วงนี้และที่สำคัญหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีสุขภาพและพลังงานสะอาดไม่ได้รับผลกระทบจากนโยบายป้องกันการผูกขาดทั้งฝั่งสหรัฐฯและจีน
#3451
วันนี้ ChatStick มี 5 คำถามก่อนสร้าง "ภาพจำ" มาฝากค่าาาาา
https://www.chatstickmarket.com/single-post/5questionsbeforecreatinga-memory

#3452



ผู้สื่อข่าวรายงานว่า  นายแพทย์​เกียรติ​ภูมิ​ วงศ์​รจิต​ ปลัด​กระทรวง​สาธารณสุข โพสเฟสบุ๊ค เกี่ยวกับ ฉากทัศน์ covid-19ของไทย"คาดการณ์สถานการณ์การระบาด COVID-19 ของประเทศไทย ระหว่าง ส.ค. - ธ.ค. 2564 จัดทำโดยกองระบาดวิทยา กรมควบคุมโรค และสำนักงานพัฒนานโยบายสุขภาพระหว่างประเทศ กระทรวงสาธารณสุข  โดยการจำลองตัวเลข ของกระทรวงสาธารณสุข พบว่า 

หากล็อกดาวน์หนึ่งเดือน (เริ่ม 19 ก.ค. 64) คาดว่าจะสามารถชะลอจุดสูงสุดของการใช้ทรัพยากรถึงต้นเดือน ตุลาคม และหากล็อกดาวน์สองเดือน คาดว่าจะสามารถชะลอจุดสูงสุดของการใช้ทรัพยากรถึงปลายเดือน พฤศจิกายน


ฃหากมาตรการล็อกดาวน์ได้ผลมากขึ้น เช่น จากที่ช่วยลดค่า R ได้ 20% เป็น 25% น่าจะสามารถชะลอจุดสูงสุดของการใช้ทรัพยากรได้ประมาณสองสัปดาห์ แต่ขนาดของการระบาดโดยรวมไม่เปลี่ยนไปมากนัก

หากมาตรมาตรการล็อกดาวน์ได้ผล และร่วมกับมาตรการวัคชีนในผู้สูงอายุได้ผลดี และดำเนินการได้รวดเร็ว ในเวลาไม่เกิน 2 เดือน น่าจะช่วยคงให้ความชุกของการใช้เครื่องช่วยหายใจไม่เกิน 1,500 รายต่อวัน และ อุบัติการณ์การเสียชีวิตไม่เกิน 200 รายต่อวัน ไปจนถึงเดือนธันวาคม    ​

โดยเมื่อวันที่ 28 ก.ค. ปลัด​กระทรวง​สาธารณสุข ได้เข้าร่วม​ประชุม​ เรื่องการบริหารจัดการดูแลผู้ติดเชื้อโควิด-19 และการเตรียมความพร้อมของโรงพยาบาลสนาม​ ในจังหวัดพื้นที่สีแดงเข้มและควบคุมสูงสุด ​โดยมี​ นายกรัฐมนตรี​ และ​รัฐมนตรีว่​าการกระทรว​งสาธารณสุข​ เป็น​ประธาน​การประชุม​ (โดยประชุมผ่านระบบ Zoom) ณ​ ห้องป​ระชุมการบูร​ ตึก​สำนักงาน​ปลัดกระทรว​งสาธารณสุข

พล.อ.ต.นพ.อิทธพร    คณะเจริญ  เลขาธิการแพทยสภา อธิบายฉากทัศน์ดังกล่าวในเฟสบุ๊คว่าเห็นการจำลองตัวเลข"ฉากทัศน์ covid-19ของไทย"  ของกระทรวงสาธารณสุข แล้วน่ากลัวมาก พบว่า ถ้าไม่คุมให้ดี มีโอกาสติดวันละ 45,000 คน ตายวันละ 450 คน


ผลการล็อกดาวน์วันนี้เราลดได้ในระดับหนึ่ง ซึ่งจะทำให้คนติดเชื้อและคนตายไม่มากเท่านั้น แต่ต้องแลกด้วย มาตรการจำนวนมาก ที่ทำให้ทุกคน กระทบชีวิตประจำวัน อาชีพการงานและการเงิน เพื่อป้องกันไม่ให้มีคนป่วยและเสียชีวิตมาก เกินกว่าที่โรงพยาบาลจะรับ ไหว ซึ่งวันนี้ก็เริ่มเกินแล้ว ถ้ามากกว่านี้ไม่รู้ว่าจะเป็นอย่างไร

ในฉากทัศน์ นี้แสดงให้เห็นว่าการล็อกดาวน์จะยืดเยื้อไปอีก 2 เดือน เพื่อลดให้คนป่วยน้อย จนเตียงพอดูแลได้ และไม่ให้มีคนตายเยอะ ในภาพความเป็นจริง จะเป็นได้หรือไม่ต้องติดตามดู และขึ้นกับ สถานการณ์ของทรัพยากรและบุคลากรทางสาธารณสุข ที่จะต้อง โหมกระหน่ำลงไปสู้กันครับ สงครามนี้ไม่มีคนชนะ มีแต่ความเสียหาย ความสูญเสีย และความตาย ท่ามกลางความอดทนและเสียสละของทุกฝ่าย แต่อย่างไร พวกเราทุกคนก็ต้องสู้ต่อครับ ไม่นานเชื้อเหล่านี้จะหมดไปโดยธรรมชาติ เราต้องอดทน ต่อสู้ ให้ถึงวันนั้น
#3453



โลตัส เปิดแพลตฟอร์มให้มูลนิธิและเครือข่ายจิตอาสาลงทะเบียนรับข้าวกล่องไปส่งต่อให้ผู้ที่ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 ในจังหวัดสีแดงเข้ม ภายใต้โครงการ "ข้าวกล่องเต็มอิ่ม เติมยิ้มร้านอาหาร" โดยให้ร้านอาหารในศูนย์อาหารที่ปิดบริการตามนโยบายภาครัฐเป็นผู้ปรุงอาหาร เพื่อสร้างรายได้ให้ผู้ประกอบการที่ได้รับผลกระทบ

เมื่อวานนี้ (27 ก.ค.2564) นายสมพงษ์ รุ่งนิรัติศัย ประธานคณะผู้บริหารธุรกิจโลตัส ประเทศไทย กล่าวว่า "จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ในประเทศไทยที่ยังคงทวีความรุนแรงขึ้น มีผู้ติดเชื้อและกลุ่มเสี่ยงที่กักตัวที่บ้านและผู้ยากไร้ที่ขาดแคลนอาหาร นอกจากนั้น ผู้ประกอบการร้านอาหารขนาดเล็กในห้างสรรพสินค้าและศูนย์อาหารใน 13 จังหวัดสีแดงเข้มไม่สามารถเปิดให้บริการได้ตามมาตรการภาครัฐ ก็ประสบปัญหาขาดรายได้ จึงเป็นที่มาของโครงการ ข้าวกล่องเต็มอิ่ม เติมยิ้มร้านอาหาร โดยในเดือนสิงหาคม 2564 โลตัสจะว่าจ้างผู้ประกอบการร้านอาหารรายย่อยปรุงอาหารจำนวน 100,000 กล่อง แจกจ่ายใน 10 จังหวัดสีแดงเข้มที่มีสาขาของโลตัสตั้งอยู่ เพื่อให้มูลนิธิและเครือข่ายจิตอาสามารับเพื่อไปส่งมอบให้กับผู้ป่วยหรือผู้ที่ยากไร้ต่อไป

โลตัส ขอเชิญชวนมูลนิธิและเครือข่ายจิตอาสา แจ้งความประสงค์ขอรับข้าวกล่องผ่านช่องทางออนไลน์ https://forms.office.com/r/BUB62YA9JEโดยจะได้รับการติดต่อจากสาขาเพื่อรับข้าวกล่องต่อไป"

สำหรับ 10 จังหวัดที่ร่วมโครงการ ได้แก่ กรุงเทพมหานคร จังหวัดสงขลา จังหวัดนครปฐม จังหวัดพระนครศรีอยุธยา จังหวัดฉะเชิงเทรา จังหวัดปทุมธานี จังหวัดสมุทรสาคร จังหวัดนนทบุรี จังหวัดสมุทรปราการ และจังหวัดชลบุรี
#3454



ภายหลังจากที่ "โค้ชเช" เช ยอง ซอก หัวหน้าผู้ฝึกสอนทีมชาติไทย สมาคมเทควันโดแห่งประเทศไทย ยืนยันว่าพร้อมสละสัญชาติเกาหลีใต้ เพื่อที่จะรับสัญชาติไทยอย่างเป็นทางการ โดยมีรายงานจากกระทรวงมหาดไทย และบุคคลในรัฐบาลขานรับพร้อมพิจารณากรณีดังกล่าว

โดย "โค้ชเช" ที่มารับงานคุมทีมชาติไทย ตั้งแต่วันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2545 ได้ถูกทาบทามจากหลายชาติด้วยค่าตอบแทนที่สูงกว่า หลังทำผลงานกับทีมชาติไทยอย่างยอดเยี่ยม ทว่าเจ้าตัวก็ปฏิเสธไป เนื่องจากทำใจไม่ได้ที่จะไปฝึกให้นักกีฬาชาวต่างชาติมาแข่งขันกับลูกศิษย์ของตนเอง

ทั้งนี้ผลงานในโอลิมปิกเกมส์ ของนักกีฬาไทย ภายใต้การดูแลของ "โค้ชเช" ประกอบด้วย

- เยาวภา บุรพลชัย เหรียญทองแดงโอลิมปิก ที่เอเธนส์ ประเทศกรีซ
- บุตรี เผือดผ่อง เหรียญเงินโอลิมปิก ที่ปักกิ่ง ประเทศสาธารณรัฐประชาชนจีน
- ชนาธิป ซ้อนขำ เหรียญทองแดงโอลิมปิก ที่ลอนดอน ประเทศอังกฤษ
- พาณิภัค วงศ์พัฒนกิจ เหรียญทองโอลิมปิก ที่โตเกียว ประเทศญี่ปุ่น

โดยก่อนหน้ามีการเปิดเผยว่า "โค้ชเช" ได้ชื่อสำหรับรับสัญชาติไทย คือ "ชัยศักดิ์" อย่างไรก็ตาม ผศ.พิมล ศรีวิกรม์ นายกสมาคมกีฬาเทควันโดแห่งประเทศไทย เผยว่า จริงๆ แล้วไม่ใช่ชื่อ ชัยศักดิ์ อย่างที่เข้าใจกัน โดย โค้ชเช มาปรึกษาขอให้ตั้งชื่อไทยให้ ซึ่งผมเห็นว่าควรให้พระตั้งให้ จึงไปกราบเรียน "เจ้าคุณธงชัย" หรือ สมเด็จพระมหารัชมงคลมุนี แห่งวัดไตรมิตรฯ นำวันเดือนปีเกิดไปตั้งให้ ซึ่งตอนนี้ได้เหรียญทองโอลิมปิกกลับมาก็จะกลับไปขอชื่อไทยกับท่าน

ทั้งนี้ยังมีการเปิดเผยด้วยว่าก่อนเดินทางไป "โตเกียวเกมส์" ครั้งนี้ ทีมเทควันโดของไทย ได้เข้าพบ "เจ้าคุณธงชัย" โดยได้รับมอบยันต์มาทั้งทีม ซึ่งตัว "โค้ชเช" เผยว่าตนได้พกติดตัวไปด้วย และระหว่างการแข่งขันรอบชิงชนะเลิศได้นำมาลูบหน้า "น้องเทนนิส" ก่อนที่เจ้าของเหรียญทองโอลิมปิก บอกให้ลูบที่เกราะลำตัวด้วย

ซึ่ง "โค้ชเช" ยอมรับว่าเขาได้ภาวนาว่า ขอให้น้องเทนนิส ทำอะไรก็ได้คะแนน และคู่ต่อสู้ทำอะไรน้องเทนนิสไม่ได้อีกด้วย
#3455


โตโยต้ามอเตอร์ ต้องหยุดการผลิตโรงงานประกอบรถยนต์ 3 แห่งในไทยชั่วคราว เนื่องจากการระบาดของไวรัสโควิด ขณะที่โรงงานในญี่ปุ่นก็ต้องระงับการผลิตบางส่วนเพราะขาดแคลนชิ้นส่วนจากเวียดนามที่กำลังเผชิญการระบาดของโควิดเช่นกัน

การระบาดใหญ่ของโควิดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ทำให้โตโยต้ามอเตอร์ ผู้ผลิตยานยนต์รายใหญ่ที่สุดของญี่ปุ่น ต้องเผชิญปัญหาในการผลิต ทางบริษัทต้องระงับการผลิตที่โรงงานประกอบรถยนต์ 3 แห่งในประเทศไทย เนื่องจากผู้ป้อนอะไหล่ในท้องถิ่นหยุดการผลิตเพราะสถานการณ์โควิด

โรงงาน 3 แห่งเป็นโรงงานหลักของโตโยต้าในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และเป็นฐานการผลิตในต่างประเทศที่ใหญ่รองจากจีน และสหรัฐ สามารถผลิตรถยนต์ได้ราว 750,000 คันต่อปี โรงงานทั้ง 3 แห่งได้ระงับการผลิตตั้งแต่สัปดาห์ที่แล้ว และคาดว่าจะดำเนินการอีกครั้งหลังวันที่ 29 กรกฎาคม



ขณะเดียวกัน โรงงาน "โตโยต้าออโตบอดี้" ในญี่ปุ่นที่จังหวัดไอจิ ก็ต้องระงับสายการผลิต 5 วัน ตั้งแต่วันพฤหัสบดีที่ 29 กรกฎาคมนี้ เพราะขาดแคลนอะไหล่จากผู้ผลิตในเวียดนาม ที่กำลังรับมือการระบาดของโควิดเช่นกัน

การระบาดของโควิดได้ซ้ำเติมอุตสาหกรรมรถยนต์ที่เดิมก็เผชิญปัญหาขาดแคลนเซมิคอนดักเตอร์ ซึ่งเป็นส่วนประกอบสำคัญในรถยนต์ เนื่องจากสงครามการค้าระหว่างสหรัฐ-จีนที่เกิดขึ้นตั้งแต่ยุคของอดีตประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ การขาดแคลนเซมิคอนดักเตอร์ทำให้ผู้ผลิตรถยนต์หลายแห่งต้องระงับการผลิตมาก่อนหน้านี้.
โตโยต้ามอเตอร์ ต้องหยุดการผลิตโรงงานประกอบรถยนต์ 3 แห่งในไทยชั่วคราว เนื่องจากการระบาดของไวรัสโควิด ขณะที่โรงงานในญี่ปุ่นก็ต้องระงับการผลิตบางส่วนเพราะขาดแคลนชิ้นส่วนจากเวียดนามที่กำลังเผชิญการระบาดของโควิดเช่นกัน

การระบาดใหญ่ของโควิดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ทำให้โตโยต้ามอเตอร์ ผู้ผลิตยานยนต์รายใหญ่ที่สุดของญี่ปุ่น ต้องเผชิญปัญหาในการผลิต ทางบริษัทต้องระงับการผลิตที่โรงงานประกอบรถยนต์ 3 แห่งในประเทศไทย เนื่องจากผู้ป้อนอะไหล่ในท้องถิ่นหยุดการผลิตเพราะสถานการณ์โควิด

โรงงาน 3 แห่งเป็นโรงงานหลักของโตโยต้าในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และเป็นฐานการผลิตในต่างประเทศที่ใหญ่รองจากจีน และสหรัฐ สามารถผลิตรถยนต์ได้ราว 750,000 คันต่อปี โรงงานทั้ง 3 แห่งได้ระงับการผลิตตั้งแต่สัปดาห์ที่แล้ว และคาดว่าจะดำเนินการอีกครั้งหลังวันที่ 29 กรกฎาคม



ขณะเดียวกัน โรงงาน "โตโยต้าออโตบอดี้" ในญี่ปุ่นที่จังหวัดไอจิ ก็ต้องระงับสายการผลิต 5 วัน ตั้งแต่วันพฤหัสบดีที่ 29 กรกฎาคมนี้ เพราะขาดแคลนอะไหล่จากผู้ผลิตในเวียดนาม ที่กำลังรับมือการระบาดของโควิดเช่นกัน

การระบาดของโควิดได้ซ้ำเติมอุตสาหกรรมรถยนต์ที่เดิมก็เผชิญปัญหาขาดแคลนเซมิคอนดักเตอร์ ซึ่งเป็นส่วนประกอบสำคัญในรถยนต์ เนื่องจากสงครามการค้าระหว่างสหรัฐ-จีนที่เกิดขึ้นตั้งแต่ยุคของอดีตประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ การขาดแคลนเซมิคอนดักเตอร์ทำให้ผู้ผลิตรถยนต์หลายแห่งต้องระงับการผลิตมาก่อนหน้านี้.
#3456



สำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ (องค์การมหาชน) หรือ NIA เปิดหลักสูตรใหม่เพื่อตอบโจทย์การพัฒนาเอสเอ็มอีไทย ด้วยการยกระดับความสามารถของผู้ประกอบการวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม หรือ เอสเอ็มอี สู่การเปลี่ยนแปลงธุรกิจด้วยฐานคิดนวัตกรรม ภายใต้แนวความคิด " The Transformation" ซึ่งเป็นหลักสูตรที่จะทำให้องค์กรเกิดการ "เปลี่ยนแปลง" ครั้งสำคัญ โดยมุ่งเน้นตั้งแต่การสร้าง การพัฒนา และการใช้นวัตกรรม เพื่อตอบสนองทิศทางธุรกิจตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำ อีกทั้งยังเป็นการสร้างเครือข่ายพันธมิตรทางธุรกิจ เพื่อสนับสนุนให้ธุรกิจมีโอกาสเติบโตและเปลี่ยนแปลงในทางที่ดีขึ้นด้วยการเป็นองค์กรนวัตกรรม ทั้งนี้ ได้รับความสนใจจากผู้บริหารระดับสูงของบริษัทภาคเอกชนในหลากหลายธุรกิจเข้าร่วมการอบรมกว่า 80 ราย ระหว่างเดือน กรกฎาคม-กันยายน 2564

ดร. พันธุ์อาจ ชัยรัตน์ ผู้อำนวยการ NIA กล่าวว่า "NIA เล็งเห็นถึงความสำคัญในการพัฒนาเอสเอ็มไทยให้ก้าวสู่การเป็น "Innovation Based Enterprise; IBE" ซึ่งหมายถึงการเป็นองค์กรธุรกิจที่เป็นองค์กรนวัตกรรม และสามารถสร้างวัฒนธรรมนวัตกรรมให้เกิดขึ้นในองค์กร รวมถึงการสร้างภาพลักษณ์ของผู้นำ/แบรนด์/องค์กร ที่สามารถให้บุคคลภายนอกรับรู้และยอมรับการเป็นองค์กรนวัตกรรมของเอสเอ็มอีไทยที่มิใช่แค่การเป็นองค์กรที่ขายสินค้านวัตกรรมเพียงด้านเดียว ซึ่งจะทำให้เอสเอ็มอีไทยเติบโตอย่างยั่งยืนด้วยแนวคิดนวัตกรรม เพราะฉะนั้น หลักสูตรนี้จะเน้นไปในเรื่องของการใช้เครื่องมือการเรียนรู้ในหลากหลายวิชาที่สามารถสร้างกระบวนการให้เกิดวัฒนธรรมนวัตกรรมองค์กรของผู้อบรมในที่สุด "



ดร. กริชผกา บุญเฟื่อง รองผู้อำนวยการด้านระบบนวัตกรรม NIA เปิดเผยว่า "หลักสูตร SMEs to IBE เป็นหลักสูตรใหม่ของสถาบันวิทยาการนวัตกรรม หรือ NIA Academy ที่พัฒนาขึ้นมาเพื่อตอบโจทย์การสร้างการเปลี่ยนแปลงให้เกิดขึ้นในระบบธุรกิจของประเทศ โดยมุ่งเป้าไปยังกลุ่มเอสเอ็มอีที่ดำเนินธุรกิจอยู่แล้ว แต่ต้องการสร้างการเปลี่ยนแปลงให้เกิดขึ้นเพื่อพัฒนาธุรกิจของตนเองด้วยวิธีคิดแบบการเป็นองค์กรนวัตกรรม ซึ่งจัดขึ้นเป็นปีแรกท่ามกลางกระแสถานการณ์วิกฤตโควิด-19 โดย NIA ได้คัดเลือกบริษัทที่จะเข้าร่วมในหลักสูตรนี้ทั้งสิ้น 42 บริษัท จำนวน 83 ราย จากกว่า 10 แขนงธุรกิจ เช่น ธุรกิจบริการ ธุรกิจระบบขนส่ง ธุรกิจเกี่ยวกับสุขภาพ ธุรกิจเกี่ยวกับการค้าขาย และธุรกิจดิจิทัล เป็นต้น และคาดหวังว่า กระบวนการเรียนรู้ที่ได้เตรียมและจัดเป็นหลักสูตรในครั้งนี้ จะสามารถสร้างองค์กรธุรกิจที่มีแนวคิดนวัตกรรมและนำองค์ความรู้และเครือข่ายที่ได้กลับไปประยุกต์ต่อยอดการพัฒนาธุรกิจของตนเองได้สำเร็จอย่างเป็นรูปธรรมและวัดผลได้"


 
หลักสูตร SMEs to IBE เป็นหลักสูตรการเรียนรู้ที่เปิดรับสมัครเอสเอ็มอีไทยที่สนใจเข้าอบรมเพื่อพัฒนาศักยภาพธุรกิจของตนเอง โดยต้องผ่านกระบวนการคัดเลือกจากคณะกรรมการหลักสูตรและมีระยะเวลาการเข้าอบรม 10 สัปดาห์ ตลอดหลักสูตรมีวิทยากรที่มีประสบการณ์ชั้นแนวหน้ากว่า 20 คน รวมถึงกระบวนการเรียนรู้เครื่องมือที่จำเป็นต่อการสร้างวัฒนธรรมองค์กรนวัตกรรมที่แตกต่างจากหลักสูตรอื่นอย่างชัดเจน
#3457



นายสาระ ล่ำซำ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เมืองไทยประกันชีวิต จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ตลอดระยะเวลา 70 ปี บริษัทฯ ได้ดำเนินพันธกิจในการส่งมอบความสุขและรอยยิ้มให้แก่สังคม ผ่านกิจกรรมเพื่อสังคม ไม่ว่าจะเป็นด้านสังคม การกีฬา การศึกษา ศิลปวัฒนธรรม ศาสนา รวมถึงสิ่งแวดล้อม ซึ่งบริษัทฯ มุ่งมั่นในการเป็นแบรนด์ที่ลูกค้าให้ความวางใจ พร้อมดูแลและเดินเคียงข้างในทุกช่วงของชีวิต คำนึงถึงความสุขและประสบการณ์ที่ดีของลูกค้าเป็นเรื่องสำคัญ ภายใต้กลยุทธ์ "MTL Trusted Lifetime Partner"

ทั้งนี้ในฐานะที่เมืองไทยประกันชีวิตเป็นผู้สนับสนุนสมาคมกีฬาเทควันโดแห่งประเทศไทยมาตลอดอย่างต่อเนื่องเป็นระยะเวลา 13 ปี และเพื่อเป็นการขอบคุณในการมอบความสุขให้กับคนไทย ด้วยการคว้าเหรียญทองแรกในประวัติศาสตร์ของสมาคมกีฬาเทควันโดแห่งประเทศไทย ในมหกรรมกีฬาโอลิมปิก โตเกียว 2020 (Olympic Games Tokyo 2020) ณ กรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น บริษัทฯ จึงขอมอบเงินสนับสนุนแก่ตัวแทนนักกีฬาเทควันโดทีมชาติไทย จำนวน 1.7 ล้านบาท เพื่อตอบแทนในความมุ่งมั่นทุ่มเทและเพื่อเป็นขวัญ กำลังใจในการฝึกซ้อมอย่างหนักจนสามารถคว้าชัยชนะมาได้ ดังนี้

- มอบเงินสนับสนุนแก่ "เทนนิส" นางสาวพาณิภัค วงศ์พัฒนกิจ นักกีฬาเทควันโดทีมชาติไทย จำนวน 1 ล้านบาท จากการชนะเลิศคว้าเหรียญทองในการแข่งขันกีฬาเทควันโด รุ่นน้ำหนัก 49 กิโลกรัมหญิง

-  มอบเงินสนับสนุนพิเศษแก่ โค้ชเช ยอง ซอก หัวหน้าผู้ฝึกสอนนักกีฬาเทควันโดทีมชาติไทย จำนวน 5 แสนบาท ผู้ทุ่มเทฝึกสอน นักกีฬา เบื้องหลังที่ยิ่งใหญ่แห่งวงการเทควันโดของเมืองไทย

-มอบเงินสนับสนุนพิเศษแก่ "จูเนียร์" นายรามณรงค์ เสวกวิหารี นักกีฬาเทควันโดทีมชาติไทย จำนวน 2 แสนบาท ที่ทำหน้าที่ในการแข่งขันอย่างสุดความสามารถ

บริษัทฯ มีความยินดีเป็นอย่างยิ่งต่อนักกีฬาเทควันโดทีมชาติไทย ที่ได้รับชัยชนะและได้รับเหรียญรางวัลในครั้งนี้มาครองสำเร็จ นับเป็นเหรียญทองแรกของการแข่งขันโอลิมปิกเกมส์ในครั้งนี้ และเป็นเหรียญทองเหรียญที่ 10 ในประวัติศาสตร์ของประเทศไทยนับตั้งแต่ที่ได้เข้าร่วมการแข่งขันกีฬาโอลิมปิกเกมส์ พร้อมทั้งนำพาชื่อเสียงและความภาคภูมิใจกลับมาให้กับประเทศไทยอีกด้วย อย่างไรก็ตาม บริษัทฯ ขอเป็นกำลังให้กับสมาคมกีฬาเทควันโดแห่งประเทศไทย รวมถึงนักกีฬาเทควันโดทีมชาติไทยทุกท่าน ในการทำงานและฝึกซ้อมอย่างหนักต่อไป และบริษัทฯ ยังคงมุ่งมั่นที่จะเป็นองค์กรที่ให้การสนับสนุนในด้านสังคม การกีฬา การศึกษา ศิลปวัฒนธรรม ศาสนา รวมถึงสิ่งแวดล้อม เพื่อตอบแทนสิ่งดีๆ คืนสู่สังคมต่อไป

 
#3458



เซอร์ดาน ชากิรี แจ้งไปยังบอร์ดบริหารของ ลิเวอร์พูล แล้วว่าต้องการย้ายออกจากทีมในตลาดนักเตะซัมเมอร์นี้ พร้อมหวังจะได้ไปเล่นให้กับ ลาซิโอ

สำหรับ ชากิรี ตกเป็นข่าวเรื่องการย้ายทีมอย่างต่อเนื่อง หลังเจ้าตัวไม่ค่อยได้รับโอกาสลงสนามมากนักในฤดูกาลที่ผ่านมาด้วยจำนวน 22 เกมทุกรายการ ทำได้ 1 ประตูกับ 4 แอสซิสต์

ขณะที่ "หงส์แดง" เองก็มีแผนที่จะขายดาวเตะวัย 29 ปีออกจากทีมเช่นกัน หากได้ค่าตัวที่เหมาะสม เนื่องจากต้องการระดมทุนในการคว้าแข้งรายใหม่


กระทั่งล่าสุด ชากิรี ให้สัมภาษณ์กับ "คอร์สปอร์ต" ว่าต้องการย้ายทีมเพื่อหาความท้าทายใหม่ โดยมีเป้าหมายคือ ลาซิโอ "ผมบอกบอร์ดบริหารของ ลิเวอร์พูล ว่าผมรู้สึกพร้อมสำหรับความท้าทายครั้งใหม่ พวกเขายอมรับการตัดสินใจของผม และตอนนี้จะพิจารณาการเสนอราคาเพื่อขายผม และจะไม่รั้งผมไว้กับทีมในช่วงซัมเมอร์นี้"

"ผมอยากกลับไปเล่นใน อิตาลี และอยากเล่นให้ ลาซิโอ" ดาวเตะทีมชาติสวิตเซอร์แลนด์ กล่าวทิ้งท้าย

ทั้งนี้ ชากิรี เคยค้าแข้งในอิตาลีกับ อินเตอร์ มิลาน เมื่อปี 2015
#3459



"เราต้องการผลักดันให้คนในชุมชน เห็นคุณค่าของการอนุรักษ์ป่า ผ่านการทำโครงการที่ทำให้มีรายได้ จากการสร้างอาชีพ การท่องเที่ยว  เพื่อเป็นตัวจุดประกายว่า ทำไมเราต้องอนุรักษ์ป่า ทำไปแล้วได้อะไร"

เสียงสะท้อนจากชาวบ้านต.บางหญ้าแพรก จ.สมุทรสาคร  "ชัชวาล ชาวสมุทร "อายุ 55 ปีหรือ น้าหนุ่ย  อาชีพต่อเรือประมงจำลองขาย และมีส่วนร่วมอนุรักษ์และฟื้นฟูป่าชายเลนในพื้นที่ มาตั้งแต่จุดเริ่มต้นของการแก้ปัญหาน้ำทะเลกัดเซาะชายฝั่ง ปลูกต้นไม้ไม่ขึ้น จนถึงปัจจุบันที่มีป่าชายเลน ทั้งต้นแสมขาว ต้นแสมทะเล เขียวเต็มแนวชายฝั่ง

น้าหนุ่ย  หนึ่งในคณะกรรมการอนุรักษ์ป่าชายเลน ในโครงการ "ซีพีเอฟ ปลูก ปัน ป้อง ป่าชายเลน" เป็นตัวแทนของชุมชนในพื้นที่ ที่ทำงานอนุรักษ์และฟื้นฟูป่า ร่วมกับ บริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน) หรือซีพีเอฟ และภาครัฐ คือ กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง (ทช.) ซึ่งในระยะที่หนึ่งของโครงการ (ปี 2557 -2561) อนุรักษ์ป่าไปแล้ว 500 ไร่ และปลูกใหม่ 104 ไร่ และในระยะที่สอง(2562-2566) บริษัท ชุมชน และกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช จะร่วมกันอนุรักษ์ป่า 14,000 ไร่ และปลูกป่าเพิ่มเติมอีก 266 ไร่

ซีพีเอฟสานต่อความยั่งยืนของโครงการฯ สนับสนุนตั้งกองทุนอนุรักษ์ป่าชายเลนที่บริหารโดยคณะกรรมการของชุมชนเอง  พัฒนาพื้นที่เป็นแหล่งท่องเที่ยววิถีชุมชนต.บางหญ้าแพรก และส่งเสริมการใช้ภูมิปัญญาท้องถิ่น พัฒนาเป็นผลิตภัณฑ์ของชุมชนจำหน่ายให้แก่นักท่องเที่ยว เพื่อให้ชุมชนพึ่งพาตนเองได้อย่างยั่งยืน และมีรายได้เติมกองทุนฯเพื่อดูแลป่า

น้าหนุ่ย บอกว่า เกลือสปาขัดผิว เกลือหอมอโรม่า มีทั้งกลิ่นดอกโมก กลิ่นมะลิ  สบู่เกลือบาธบอมบ์ ถ่านไบโอชาร์ดูดกลิ่น  เป็นสินค้าที่ชุมชนช่วยกันคิด ปรับปรุงคุณภาพและรูปแบบให้ดูน่าใช้  หรือแม้แต่เรือประมงจำลอง อาชีพที่ต้องใช้ประสบการณ์และฝีมือ เป็นส่วนเติมเต็ม อัตลักษณ์ของชุมชนบางหญ้าแพรก ซึ่งสามารถดึงดูดความสนใจของนักท่องเที่ยวได้อยู่แล้ว

ด้วยวิถีอาชีพดั้งเดิมของชาวบางหญ้าแพรก  คือ  ทำประมงพื้นบ้าน ทำนาเกลือ ผลิตภัณฑ์ส่วนใหญ่ จึงมาจากแนวคิดใช้วัสดุธรรมชาติในท้องถิ่น เช่น เกลือ มาผลิตเป็นสินค้าชนิดต่างๆ  เกลือสปาสมุนไพรผลิตจากดอกเกลือแท้ ผสมสมุนไพร 5 ชนิด คือ ขมิ้นชัน ขมิ้นอ้อย ไพล ว่านนางคำ ทานาคา ใช้ขัดผิว   ถ่านไบโอชาร์ สินค้าขึ้นชื่อของท้องถิ่น ทำจากเปลือกผลไม้ กิ่งไม้ ลูกไม้ต่างๆ ผ่านกระบวนการเผาด้วยกรรมวิธีที่แตกต่างจากถ่านหุงข้าว ทำให้เกิดประจุไฟฟ้าที่มีคุณสมบัติดูดซับกลิ่นได้ดี

แต่วันนี้ ... โควิด -19 ทำให้รายได้จากการจำหน่ายผลิตภัณฑ์ชุมชนเป็นศูนย์   ป้าปราณี หอมทอง อายุ 71 ปี มีอาชีพทำนาเกลือ แต่ตอนนี้เข้าฤดูฝน ป้าต้องหยุดทำนาเกลือตั้งแต่เดือนพฤษภาคม ไปจนถึงตุลาคม

ป้าณี บอกว่า  ตอนที่ไม่มีโควิด-19  ซีพีเอฟช่วยจัดกรุ๊ปนักท่องเที่ยวมาเที่ยวชมฐานการเรียนรู้ต่างๆของชุมชนบางหญ้าแพรก ทั้งทำสปาเกลือ ต่อเรือประมง ทำถ่านไบโอชาร์ ชาวบ้านก็มีรายได้จากสาธิตวิธีการให้นักท่องเที่ยวชม  ป้าณีเป็นอีกคนหนึ่งที่ร่วมกิจกรรมฟื้นฟูป่าชายเลนในพื้นที่มาเกือบทุกกิจกรรม จนต่อยอดมาสู่การเป็นเส้นทางท่องเที่ยววิถีชุมชนตำบลบางหญ้าแพรก ป้าณีก็มีส่วนร่วมดูแลฐานสาธิตสปาผิวด้วยเกลือสปา แต่ตอนนี้มีโควิด นักท่องเที่ยวเข้ามาไม่ได้เลย รายได้จากที่เคยได้หรือขายผลิตภัณฑ์เป็นศูููนย์ ตัวป้าเองเป็นอาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน (อสม.) ด้วย  ยังพอมีรายได้จากการเป็นอสม. ส่งข้าวให้ผู้ที่ถูกกักตัวอยู่ที่บ้าน อยากให้สถานการณ์กลับมาปกติเร็วๆ จะได้มีรายได้จากการขายผลิตภัณฑ์ได้เหมือนเดิม

ขณะที่ลุงวิรัตน์ ใช้ภูมิปัญญาชาวบ้าน ทำถ่านไบโอชาร์  ลุงเคยมีรายได้เสริมจากการขายถ่านให้ชุมชนนำไปผลิตเป็นถุงสวยงามเพื่อบรรจุถ่านดูดกลิ่น ใช้แขวนในตู้เสื้อผ้า ตู้รองเท้า ตู้เย็น  วันนี้ลุงต้องหยุดเผาถ่านเช่นกัน เพราะไม่มีชาวบ้านมาซื้อถ่านไปทำผลิตภัณฑ์  ถึงจะไม่ได้กระทบรายได้ของลุง เพราะมีอาชีพเลี้ยงกุ้งเป็นหลัก แต่ลุงบอกว่าโควิด-19 ทำให้กิจกรรมต่างๆของชุมชนหยุดลง

ในสถานการณ์ที่โควิด-19 ทำให้กิจกรรมต่างๆต้องหยุดลง รวมทั้งชุมชนบางหญ้าแพรกแห่งนี้ที่ได้รับผลกระทบ แต่ทั้งลุงหนุ่ย ป้าณี ลุงวิรัตน์  และชาวชุมชน ยืนยันว่า พร้อมเดินหน้าดูแลป่าชายเลนในพื้นที่ต่อไปเพราะนี่คือทรัพยากรธรรมชาติที่มีคุณค่าที่ต้องรักษาไว้เพื่อส่งต่อให้กับรุ่นลูกหลาน เช่นเดียวกับ กองทุนอนุรักษ์ป่าชายเลน เป็นความตั้งใจของชาวบ้านที่จะนำเงินกองทุนฯส่วนหนึ่งใช้ดูแลรักษาป่า และอีกส่วนหนึ่งจะต่อยอดสร้างอาชีพให้กับคนในชุมชนอีกหลายๆคน ช่วยอุดหนุนผลิตภัณฑ์ของชุมชน เพื่อเป็นกำลังใจและสร้างความเข้มแข็งให้ชาวชุมชนที่จะช่วยดูแลป่าชายเลนต่อไป ผู้สนใจสามารถติดต่อ ตัวแทนชาวชุมชนบางหญ้าแพรก คุณเมธา พุฒคง
095 -524 9245 
#3460
รังนกเขาหลง  

ตั้งบูชาประจำบ้าน ตั้งบูชาไว้หน้าร้านค้าขาย เรียกโชคเรียกลาภเรียกเงินเรียกทอง ค้าขายดี ส่งเสริมเรื่อง ความรักครอบครัวคู่ครอง วิธีบูชา เครื่องบูชาใส่พานประกอบด้วย ดอกไม้ 5 คู่ เทียน 5 คู่ เงิน 5 บาท ข้าวสาร 7 เม็ด ธูป 9 ดอกแล้วอธิษฐาน ขอในสิ่งที่ต้องการ
 รังนกเขาหลง เป็นรังนกกายสิทธิ์ ท่านพญาแถนกล่าวว่า มีประวัติเล่าให้ลูกหลานฟังว่า ถ้าใครได้เห็นรังนกเขาหลง คนนั้นมีบุญบารมีสูงส่ง เขาเป็นรังนกกวักเงินกวักทอง หรือไทรเงินไทรทอง ขอพรได้สิบประการ เช่น ที่อยู่เรือนชานเข็ดขวางอยู่ไม่ได้ หรือบ้านนั้นมีทรวงขวางลูกขาวงเมียเจ็บออดๆแอดๆ อยู่อย่างนี้ ถ้ามีรังนกเขาหลงบูชา เจ้าจงเก็บดอกไม้ 5 คู่ เทียน 5 คู่ เงิรน 5 บาท ข้าวสาร 7 เม็ด ธูป 9 ดอก แล้วใส่ลงไปในรังนกเขาหลง แล้วจงอธิฐานว่า สาธุฯ สิ่งร้ายๆหรือเสนียดจัญไรรำคาญใจบ่อยๆ ให้ออกไป เมื่อท่านทำอย่างนี้แล้ว ท่านจะสุขสบายทั้งกายใจ เจ้ารังนกกายสิทธิ์ เขาจะกวักเงินกวักทองเข้าเรือนชาน ตัวผู้กงัดเข้า ตัวเมียเก็บไว้ ถ้าใครมีไว้สักการะบูชาคนนั้นมีบุหลาย ถ้าใครมีประจำบ้าน สามารถคุ้มครองบ้านเรือน และประสบลาภบันดาลผลให้อยู่ร่มเย็นเป็นสุขอยู่เป็นทุกทิวาราตรี ของกายสิทธิ์ใครมีบุญก็ได้ไป ไว้บูชาประจำบ้าน ตั้งบูชาไว้หน้าร้าน เรียกเงินเรียกทอง เรื่องมหาเสน่ห์ก็ดี ใครมีแฟนคิดนอกใจ ลองนำไปบูชาดู ของกายสิทธิ์ หายาก เครือเขาหลงที่อยู่ในรังก็ถือว่าเป็นของดี ม้วนเก็บเป็นก้อนบูชาพกใส่กระเป๋าตังค์ ก็เป็นมหาเสน่ห์ โชคลาภ เรียกเงินเรียกทองได้ดี เครือสาวหลง เครือเขาหลง หรือ เครือเถาหลง คือ ไม้ชนิดเดียวกันที่อยู่ในป่าลึก มีเทวดารักษา ผู้มีวิชาอาคมถึงไปขอตัดเอามาได้ ที่ชื่อ อย่างนี้ก็เพราะว่า ไม้นี้ ถ้าคนหรือสัตว์เผลอไปข้ามเข้าก็จะหลงป่าแม้แต่นกที่บินผ่านต้นก็จะหลงอยู่ที่ต้นไปไหนไม่ได้ ปละตกลงมาตาย ตรงใต้ต้นเครือเขาหลง นี้จึงเต็มไปด้วยซากสัตว์ส่วนที่ชื่ออีกชือ ว่าเครือสาวหลงนี้ก็เพราะว่า เครือสาวหลงนี้ถ้าได้ส่วนปลายเครือเล็กๆ จะคล้ายเส้นผมขน เอามาเสียบตรงร่องฟันจะทำให้หญิงหลงงงงวย ครับและสมัยก่อนเอาเครือนี้ฝังตรงคอกวัวควายโขมยที่มาโขมยก็จะลักไปไม่ได้โดยจะหลงอยู่แถวคอกนั้น เครือสาวหลงนี้ เป็นการม้วนตัวของเครือไม้เขาหลง หรือ สาวหลงที่ม้วนเองตามธรรมชาติ ม้วนเป็นบ่วง ที่เรียกว่า บ่วงนาคบาทว่านสาวหลงนี้จัดอยู่ในประเภท ว่านเสน่ห์ เมตตามหานิยม บ้านเรือนอาศัยร้านค้าขายใด หากนำมาปลูกไว้จะเป็นศิริมงคลแก่บ้านเรือน ว่านนี้นิยมกันมาแต่โบราณ เป็นว่านที่มีสรรพคุณให้ผลถึงกับปิดบังไม่ยอมแพร่งพรายผู้เป็นเจ้าของนั้น หวงแหนยิ่งนัก ผู้มีว่านนี้อยู่ในครอบครองจะทำให้มีเสน่ห์มหานิยม รากต้นและใบของว่านนี้ ในกระบวนพิธีสร้างพระผงพระเครื่องด้านเสน่ห์มหานิยมแล้วจะขาดว่านนี้ไม่ได้ในจำนวนผงต่าง ๆ ที่นำมาผสมอยู่ในพระเครื่องจะต้องมีผงของว่านสาวหลงนี้ด้วยเสมอไปนอกจากนั้น เพียงแต่ใครมีราก ใบ กิ่ง ดอก ของว่านนี้พกพาติดตัว เดินทางไปยังทิศทางต่าง ๆ ผู้ที่ได้กลิ่น ว่านถึงกับให้งงงวย หลงใหล ยิ่งนำราก ใบ กิ่ง ดอก ของว่านนั้นมาฝนกับน้ำมันจันทน์ น้ำมันเเก้ว หรือ ผสมกับขี้ผึ้งทาปากด้วยแล้วจะเป็นยอดของขบวนเสน่ห์มหานิยมอีกด้วย นักเลงเจ้าชู้พากันรู้จักมาแต่โบราณกาลส่วนที่ชื่ออีกชือ ว่าเครือสาวหลงนี้ก็เพราะว่า เครือสาวหลงนี้ถ้าได้นำส่วนใดส่วนหนึ่งของเครือเล็กๆ เอามาเสียบตรงร่องฟันจะทำให้หญิงหลงงงงวย

 ต้องการข้อมูลเพิ่มเติม สั่งซื้อบูชา ทักแชทได้เลย
หรือติดต่อได้ที่โทร. 0846623662
id line : teerapat999

ลาซาด้า
https://pdp.lazada.co.th/products/i1140758172.html?spm=a1zawg.20038917.content_wrap.27.2f304edfpNDteq