• Welcome to ลงประกาศฟรี โพสฟรี โปรโมทเว็บไซด์ให้ติดอันดับ SEO ด้วย PBN.
 

poker online

ปูนปั้น

Menu

Show posts

This section allows you to view all posts made by this member. Note that you can only see posts made in areas you currently have access to.

Show posts Menu

Messages - kaidee20

#10216
สำนักพรเทวะ (มหาสารคาม)

ศูนย์รวมวัตถุมงคล เครื่องราง ของขลัง ดูดวง รับสอนการพยากรณ์ด้วยไพ่ออราเคิล แก้อาถรรพ์ร่างกาย รับลงนะ ลงทอง สาริกาลิ้นทอง เมตตามหานิยม มหาเสน่ห์ รับทำเทียนสะเดาะเคราะห์ สืบชะตา รับโชค แก้ชง เสริมดวงเสริมบารมีต่างๆ เรียกคู่ เรียกจิต สักน้ำมันว่านยา 108 ให้บูชาน้ำมันว่านสาวหลง น้ำมันว่านดอกทอง อื่น ๆ รับวิเคราะห์ชื่อ(ฟรี) รับตั้งชื่อ จำหน่ายเพนดูลั่มลูกดิ่งพลังจิต ให้บูชาคัมภีร์พระเวทย์

สนใจติดต่อ
นายธีรพัชร์ วงศ์วรนิตย์ (อ.ทองเอก พรเทวะ)

โทร 0846623662

website :  http://goo.gl/Y5nYSO

Facebook: facebook.com/teerapat992018

Line : teerapat999

lazada : https://www.lazada.co.th/shop/porntaywa/?spm=a2o4m.pdp_revamp.delivery_options.1.6dbbfeeao328sS&itemId=1863368460&channelSource=pdp

shopee :   https://shopee.co.th/teerapat992018





#10218
สนใจเชิญให้เข้าร่วมกลุ่ม Line "บ้านที่ดิน HouseLand" เพื่อรับการอัพเดทที่ดิน
https://bit.ly/3xFTxOS

โปรดติดต่อทีมงาน 88
ติดต่อคุณชัย 88
โทร. 0918849203
LINE ID : @614skoug
เว็บบ้านที่ดิน  www.housetheland.com ที่ดินบ้านสวนคลอง14 ชุดพิเศษ 10แปลง ที่ดินองครักษ์ นครนายก ที่สวยติดธรรมชาติ EP1

กดไลค์กดแชร์ กดติดตาม คือ Property บ้านที่ดิน HouseLand
https://www.youtube.com/channel/UCIz5DVj6igFVHKPUqY-Z4RA

บ้านที่ดิน HouseLand อสังหาครบวงจร
https://www.facebook.com/HouseTheLand
#10221


ผศ.ดร.เอกก์ ภทรธนกุล กรรมการบริหารทุน วว. และ กรรมการ ปณท. เป็นประธานในพิธีลงนามความร่วมมือ ระหว่าง ศ. (วิจัย) ดร.ชุติมา เอี่ยมโชติชวลิต ผู้ว่าการสถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งประเทศไทย (วว.) กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) และ ดร.ดนันท์ สุภัทรพันธุ์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด (ปณท.) มุ่งศึกษา วิจัย พัฒนา นวัตกรรมบรรจุภัณฑ์ เพื่อใช้ในการขนส่งสินค้าทุกรูปแบบ ผ่านช่องทางของไปรษณีย์ไทย ให้มีความแข็งแรง ทนทาน ได้มาตรฐาน ป้องกันความเสียหายของสินค้า ช่วยลดต้นทุนและสร้างความเชื่อมั่นให้ผู้รับสินค้า พร้อมรองรับธุรกิจอีคอมเมิร์ซในปัจจุบันและอนาคต รวมทั้งเป็นการเสริมแกร่ง เพิ่มช่องทางจัดจำหน่าย / ขนส่งสินค้า ให้แก่ผู้ประกอบการ OTOP วิสาหกิจชุมชน SMEs ให้สามารถดำเนินธุรกิจได้ในสถานการณ์วิกฤตโควิด-19 อย่างเข้มแข็ง ด้วยองค์ความรู้วิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี นวัตกรรม โดยมีระยะเวลาดำเนินงาน 2 ปี โอกาสนี้ ดร.พัชรา มณีสินธุ์ รองผู้ว่าการบริการอุตสาหกรรม วว. และ ดร.อาภากร สุปัญญา รองผู้ว่าการยุทธศาสตร์และจัดการนวัตกรรม วว. ร่วมเป็นเกียรติด้วย ในวันที่ 18 สิงหาคม 2564 ผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์ออนไลน์

ศ. (วิจัย) ดร.ชุติมา เอี่ยมโชติชวลิต ผู้ว่าการ วว. กล่าวว่า วว. มุ่งเน้นการวิจัยและพัฒนา บริการวิเคราะห์ทดสอบ ด้านวิทยาศาสตร์และถ่ายทอดเทคโนโลยี เพื่อยกระดับมาตรฐานสู่สากล รวมทั้งสร้างนวัตกรรมการเปลี่ยนแปลงด้านเศรษฐกิจ สังคมและสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน จากสถานการณ์วิกฤตโควิด-19 ในปัจจุบัน วิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีและนวัตกรรม มีบทบาทสำคัญยิ่ง ในการเข้าไปตอบโจทย์แก้ปัญหา รวมทั้งสร้างโอกาสผู้ประกอบการให้สามารถดำเนินธุรกิจได้อย่างมั่นคง สอดคล้องกับบริบทสังคมที่เปลี่ยนแปลงไป จึงเป็นที่มาของความร่วมมือกับ บริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด (ปณท.) ซึ่งเป็นพันธมิตรที่ดำเนินงานร่วมกับ วว. มาอย่างต่อเนื่อง ภายใต้ความร่วมมือทั้งสองหน่วยงานมุ่งพัฒนาบรรจุภัณฑ์เพื่อใช้ขนส่งผ่านช่องทางไปรษณีย์ ดังนี้ 1.บรรจุภัณฑ์ที่มีความแข็งแรง ได้มาตรฐาน ช่วยป้องกันความเสียหายของสินค้า และมีต้นทุนการผลิตที่เหมาะสม เพื่อตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภคในการตลาดยุคอีคอมเมิร์ซ 2.บรรจุผลิตภัณฑ์ที่เสื่อมสภาพได้ง่าย หรือต้องการดูแลเป็นพิเศษ เช่น ไม้ดอกไม้ประดับ ยา เวชภัณฑ์ และปลาสวยงาม เป็นต้น ซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์ที่ต้องการจัดส่งในรูปแบบที่แตกต่างจากเดิม และ 3.การพัฒนามาตรฐานการใช้งานบรรจุภัณฑ์เพื่อการขนส่งผลิตภัณฑ์ ผ่านช่องทางไปรษณีย์ในประเทศ

นอกจากนี้จะมีการใช้ศักยภาพของหน่วยงานในการเพิ่มช่องทางการจัดจำหน่ายหรือขนส่งสินค้านวัตกรรม การวิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์/บรรจุภัณฑ์ ให้กับผู้ประกอบการ OTOP วิสาหกิจชุมชน และผู้ประกอบการ SMEs ในเครือข่ายของทั้งสองหน่วยงาน ตลอดจนการส่งเสริมและสนับสนุนสินค้าที่ ปณท วว. หน่วยงานภาครัฐและหน่วยงานอื่นที่เป็นพันธมิตรของทั้งสองหน่วยงาน เพื่อเพิ่มช่องทางการจำหน่ายสินค้า และอำนวยความสะดวกในการให้บริการ รวมทั้งการประชาสัมพันธ์ที่เป็นประโยชน์ต่อการประกอบกิจการและการขยายกิจการของธุรกิจไทยด้วย

"วว. และ ปณท. จะดำเนินงานภายใต้กรอบความร่วมมือนี้ 2 ปี โดยมุ่งผลิตผลงานให้สำเร็จเป็นรูปธรรม ช่วยเสริมแกร่งให้ผู้ประกอบไทย ทั้งนี้ วว. โดย ศูนย์การบรรจุหีบห่อไทย เป็นหน่วยงานกลางของชาติด้านการพัฒนาบรรจุภัณฑ์มาตรฐาน ที่สอดคล้องกับมาตรฐานสากลระดับนานาชาติ เพื่อช่วยรักษาคุณภาพสินค้า ลดความสูญเสียของสินค้าจากการใช้บรรจุภัณฑ์ที่ไม่ได้คุณภาพมาตรฐาน และพัฒนาบรรจุภัณฑ์ที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการส่งออก ตลอดจนส่งเสริมให้ความรู้ด้านเทคโนโลยีการบรรจุภัณฑ์ให้แก่ประชาชนและผู้สนใจทั่วไป เพื่อยกระดับมาตรฐานการบรรจุหีบห่อของประเทศ วว. พัฒนาบรรจุภัณฑ์ซึ่งมีบทบาทในตลาดอีคอมเมิร์ซ และจะช่วยเสริมให้การดำเนินงานร่วมกันของ 2 หน่วยงานเข้มแข็งยิ่งขึ้น อาทิ กล่องขนส่งมะม่วงสำหรับจำหน่ายออนไลน์ขนาดบรรจุกล่องละ 5 กิโลกรัม กล่องเก็บกลิ่นทุเรียนล็อคกลิ่นได้ 100% กล่องบรรจุต้นไม้ ขนาด 20 x 20 x 50 ซม. เป็นต้น ที่ช่วยเพิ่มมูลค่าผลผลิตการเกษตร สร้างความเข้มแข็งให้ผู้ประกอบการไทย พร้อมตอบโจทย์ผู้บริโภคในยุคนิวนอร์มอล" ผู้ว่าการ วว. กล่าว

ดร.ดนันท์ สุภัทรพันธุ์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด (ปณท.) กล่าวถึงภารกิจหลักของไปรษณีย์ไทย ในการให้บริการด้านการขนส่งที่มีความเชี่ยวชาญในการนำส่งพัสดุ สิ่งของ สินค้าต่างๆ ให้ถึงมือผู้รับครอบคลุมทุกพื้นที่ทั่วไทยมาอย่างยาวนาน นอกจากศักยภาพด้านการขนส่ง ไปรษณีย์ไทยยังให้ความสำคัญเรื่องของบรรจุภัณฑ์มาโดยตลอด ได้มีการพัฒนาบรรจุภัณฑ์ให้เหมาะกับสินค้าแต่ละประเภท เช่น บรรจุภัณฑ์สำหรับขนส่งต้นไม้ ผลไม้ตามฤดูกาล หรือปลาสวยงาม เป็นต้น เพื่อรองรับการขนส่งให้มีความปลอดภัย ลดความเสี่ยงในการเกิดความเสื่อมสภาพของสิ่งของที่บรรจุอยู่ภายใน ด้วยราคาคุ้มค่า คุ้มต้นทุน ช่วยให้ธุรกิจของผู้ประกอบการ SMEs ร้านค้าออนไลน์ ได้เติบโตขึ้น


ครั้งนี้ ไปรษณีย์ไทยได้จับมือกับหน่วยงานที่แข็งแกร่งในด้านงานวิจัยและการพัฒนา ด้านวิทยาศาสตร์และถ่ายทอดเทคโนโลยี อย่าง สถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งประเทศไทย เพื่อพัฒนาบรรจุภัณฑ์ที่เหมาะสม เพื่อใช้ในการขนส่งสินค้าที่ต้องดูแลเป็นพิเศษ เช่น ไม้ดอก ไม้ประดับ หรือ ยา เวชภัณฑ์ต่างๆ ที่มีความจำเป็นและมีปริมาณการส่งจำนวนมากขึ้นในช่วงสถานการณ์ของการแพร่ระบาดโควิด-19 ในขณะนี้ โดยเราคำนึงถึงความต้องการของผู้ใช้บริการเป็นหลัก จึงได้มุ่งเน้นที่จะออกแบบบรรจุภัณฑ์ให้ตอบโจทย์กับการใช้งานให้มากที่สุด เพื่อช่วยคงสภาพสิ่งของในระหว่างการนำส่งให้มีความปลอดภัย รวมทั้งลดต้นทุนของผู้ส่งซึ่งส่วนใหญ่
#10226


นางสาวเบญจรงค์ เตชะมวลไววิทย์ รองกรรมการผู้จัดการ ฝ่ายพัฒนาและวางแผนกลยุทธ์ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน ทหารไทย จำกัด (TMBAM Eastspring) และ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน ธนชาต จำกัด (Thanachart Fund Eastspring) กล่าวว่า เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา วุฒิสภาสหรัฐผ่านร่างกฎหมายโครงสร้างพื้นฐานครั้งประวัติศาสตร์ มูลค่า 1.2 ล้านล้านดอลลาร์ ในระยะเวลา 8 ปี เพื่อสนับสนุนการสร้างถนน สะพาน ท่าเรือ น้ำสะอาด และอินเทอร์เน็ตความเร็วสูง โดยจะจัดหางบประมาณ 5.5 แสนล้านดอลลาร์ ในช่วงระยะเวลา 5 ปี สำหรับการก่อสร้างโครงสร้างพื้นฐานด้านการขนส่ง ระบบขนส่งสาธารณะ บรอดแบนด์อินเทอร์เน็ต น้ำสะอาด สถานีชาร์จรถไฟฟ้า และมาตรการอื่นๆ เพื่อแก้ปัญหาการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ

จากงบประมาณ 5.5 แสนล้านดอลลาร์ที่ใช้ด้านโครงสร้างพื้นฐาน งบประมาณโดยส่วนใหญ่เกือบ 50% จะถูกนำไปใช้ด้านขนส่งสาธารณะ อีก 34% จะถูกนำไปใช้ด้านสาธารณูปโภค และ 16% จะนำไปใช้ด้านการฟื้นฟูสิ่งแวดล้อมและโครงสร้างพื้นฐาน ซึ่งเมื่อพิจารณาในรายละเอียดจะพบว่า งบประมาณด้านพลังงานสะอาดถูกแทรกซึมและได้รับการสนับสนุนอยู่ในหลายส่วน แม้จะไม่ได้เป็นส่วนหลักของงบประมาณรอบนี้ก็ตาม

ดังนั้นจึงเชื่อว่าในระยะนี้ ถือเป็นจังหวะที่ดีที่จะทยอยเก็บกองทุน T-ES-GGREEN เข้าพอร์ตลงทุน เพราะเป็นหนึ่งในกองทุนที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจพลังงานสะอาด ซึ่งจะเป็นเทรนด์พลังงานแห่งอนาคต และผลตอบแทนที่ผ่านมาก็น่าสนใจเพียงแต่ในช่วงต้นปีนั้นอาจได้รับผลกระทบไปบ้างจนทำให้ผลตอบแทนตั้งแต่ต้นปีจนถึงปัจจุบันอยู่ที่ -6.48% แต่ ในช่วง 3 เดือนที่ผ่านมากองทุนสามารถพลิกกลับมาทำผลงานได้ 5.79% ส่งผลให้ตั้งแต่จัดตั้งกองทุนเมื่อวันที่ 1 ธันวาคม 2563 จนถึงปัจจุบันกองทุนสามารถกลับมาทำผลตอบแทนเป็นบวกอยู่ที่ 6.73% ทั้งนี้ benchmark ของกองทุน ซึ่งก็คือ MSCI World อยู่ที่ 29.73%, 13.54% และ 34.78% ซึ่งเป็นผลตอบแทนตั้งแต่ต้นปี 3 เดือน และตั้งแต่จัดตั้งกองทุนตามลำดับ (ข้อมูล ณ วันที่ 16 ส.ค. 64)

"ในช่วงต้นปีกองทุนที่เกี่ยวข้องกับพลังงานสะอาดมีการปรับตัวลดลงจากแรงขายทำกำไรจากการเปลี่ยนกลุ่มลงทุน รวมถึงเงินเฟ้อที่เร่งตัวขึ้นและหลังจากนั้นก็เริ่มฟื้นตัว ก่อนจะเกิดแรงขายทำกำไรอีกครั้งในช่วงเดือน เมษายน-พฤษภาคมที่ผ่านมา ซึ่งจากจุดต่ำสุดในช่วงเดือนพฤษภาคมจนถึงปัจจุบันกองทุน Brookfield Global Renewables and Sustainable Infrastructure ซึ่งเป็นกองทุนหลักของกองทุน T-ES-GGREEN ปรับตัวขึ้นประมาณ 9%"

สำหรับผู้ที่สนใจลงทุนกองทุนพลังงานสะอาด ทีมยังแนะนำให้ทยอยสะสมกองทุน T-ES-GGREEN เข้าพอร์ตลงทุนได้ในช่วงที่ราคาปรับลดลง โดยเชื่อว่ากองทุนนี้ยังเหมาะเป็นพอร์ตลงทุนหลักสำหรับการลงทุนในระยะกลางถึงยาว เพราะถือเป็นกลุ่มการลงทุนที่ปัจจัยพื้นฐานน่าสนใจ

"เราประเมินว่าในงบประมาณหลายส่วนที่ออกมาในปัจจุบัน และงบประมาณต่อจากนี้ โดยเฉพาะประเทศพัฒนาแล้วจะเห็นการสอดแทรกงบประมาณบางส่วนที่จะมีการถูกนำไปใช้ในเรื่องของการแก้ไขปัญหาภาวะโลกร้อน รวมถึงการรณรงค์ให้ใช้พลังงานสะอาดจากทั่วโลก รวมถึงปัจจัยพื้นฐานของบริษัทที่กองทุนหลักไปลงทุนยังคงน่าสนใจ แต่บางช่วงอาจถูกกดดันจากเงินเฟ้อและอัตราผลตอบแทนพันธบัตรที่เพิ่มขึ้น แต่บริษัทที่กองทุนหลักไปลงทุนยังมีสัญญาระยะยาวที่มีส่วนปรับเพิ่มขึ้นได้ตามเงินเฟ้อ ทำให้ประเด็นนี้ยังไม่น่ากังวลนัก และเรายังแนะนำทยอยสะสมช่วงที่ราคาปรับตัวย่อลงและถือครองเพื่อเป็น Core Port สำหรับการลงทุนในระยะกลางถึงยาว"

กองทุนหลักของ T-ES-GGREEN คือ Brookfield Global Renewables and Sustainable Infrastructure โดยจะเน้นลงทุนในบริษัทจดทะเบียนทั่วโลกที่ทำธุรกิจเกี่ยวกับหรือกำลังเปลี่ยนผ่านเข้าสู่การทำธุรกิจเกี่ยวกับพลังงานหมุนเวียนและโครงสร้างพื้นฐานแบบยั่งยืน ซึ่งใช้เทคโนโลยีและให้บริการเกี่ยวเนื่องกับพลังงานลม พลังงานแสงอาทิตย์ พลังงานสะอาด และการบริหารจัดการน้ำอย่างยั่งยืน

นอกจากนั้นยังให้ความเชื่อมั่นต่อไปว่า กองทุนพลังงานสะอาดอย่าง T-ES-GGREEN จะได้รับประโยชน์จากแผนโครงสร้างพื้นฐานนี้อย่างแน่นอน พร้อมทั้งเชื่อว่าปัจจัยในช่วงต้นปีที่กระทบต่อผลการดำเนินงานของกองทุน จะเป็นปัจจัยระยะสั้นและเบาบางลงในที่สุด และล่าสุดสหรัฐฯและประเทศหลักยุโรปได้มีการประกาศงบไตรมาส 2 ปีนี้ออกมากว่า 90% แล้ว ซึ่งกลุ่มโรงไฟฟ้าและสาธารณูปโภคในสหรัฐฯและกลุ่มประเทศพัฒนาแล้ว ส่วนใหญ่มียอดขายและกำไรเติบโตในไตรมาสล่าสุด รวมถึงบริษัทที่อยู่ในกองทุนหลักของ Brookfield Global Renewables and Sustainable Infrastructure ถึงแม้ยอดขายและกำไรจะออกมาต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์เล็กน้อย แต่มีแนวโน้มของยอดขายและกำไรเติบโตได้โดดเด่นในไตรมาสล่าสุด รวมถึง Momentum ของกลุ่มพลังงานสะอาดที่เริ่มมีการสนับสนุนมากขึ้นโดยเฉพาะจากทั้งสหรัฐฯและยุโรปที่มีทั้งเรื่องของงบประมาณและแผนพัฒนาด้านพลังงานสะอาด

ทั้งนี้ทีมกลยุทธ์การลงทุน ยังมองเห็นปัจจัยสนับสนุนในระยะยาวที่โดดเด่นและปัจจัยพื้นฐานที่แข็งแกร่ง จนไม่อาจมองข้ามการลงทุนกลุ่ม Green Energy แม้ว่าในระยะสั้นราคาอาจถูกกดดันจากอัตราเงินเฟ้อที่เพิ่มสูงขึ้นมากกว่าคาด รวมถึงการปรับตัวขึ้นของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐที่เร่งตัวขึ้นสูงเร็วและแรงกว่าคาดในช่วงต้นปี ซึ่งจากนี้จนถึงช่วงปลายปี 2564 อาจจะยังเห็นการแกว่งตัวของราคาอยู่บ้าง แต่ก็ยังเชื่อว่าบริษัทเหล่านี้จะสามารถปรับตัวและมีพัฒนาการที่ดีขึ้น และยังมองว่าปัจจัยกดดันระยะสั้นดังกล่าว ถือเป็นโอกาสในการหาการลงทุนหุ้นที่ดีในราคาที่ต่ำกว่ามูลค่าจากแรงเทขายในระยะสั้น โดยที่ปัจจัยพื้นฐานดีและมีโอกาสในการเติบโตในระยะยาว ซึ่งจะทำให้กองทุนมีโอกาสสร้างผลตอบแทนที่ดีในระยะกลางยาวได้

สำหรับผู้ที่สนใจลงทุนกองทุนพลังงานสะอาด ทีมยังแนะนำให้ทยอยสะสมกองทุน T-ES-GGREEN เข้าพอร์ตลงทุนได้ในช่วงที่ราคาปรับลดลง โดยเชื่อว่ากองทุนนี้ยังเหมาะเป็นพอร์ตลงทุนหลักสำหรับการลงทุนในระยะกลางถึงยาว เพราะถือเป็นกลุ่มการลงทุนที่ปัจจัยพื้นฐานน่าสนใจ

"เราประเมินว่าในงบประมาณหลายส่วนที่ออกมาในปัจจุบัน และงบประมาณต่อจากนี้ โดยเฉพาะประเทศพัฒนาแล้วจะเห็นการสอดแทรกงบประมาณบางส่วนที่จะมีการถูกนำไปใช้ในเรื่องของการแก้ไขปัญหาภาวะโลกร้อน รวมถึงการรณรงค์ให้ใช้พลังงานสะอาดจากทั่วโลก รวมถึงปัจจัยพื้นฐานของบริษัทที่กองทุนหลักไปลงทุนยังคงน่าสนใจ แต่บางช่วงอาจถูกกดดันจากเงินเฟ้อและอัตราผลตอบแทนพันธบัตรที่เพิ่มขึ้น แต่บริษัทที่กองทุนหลักไปลงทุนยังมีสัญญาระยะยาวที่มีส่วนปรับเพิ่มขึ้นได้ตามเงินเฟ้อ ทำให้ประเด็นนี้ยังไม่น่ากังวลนัก และเรายังแนะนำทยอยสะสมช่วงที่ราคาปรับตัวย่อลงและถือครองเพื่อเป็น Core Port สำหรับการลงทุนในระยะกลางถึงยาว"

กองทุนหลักของ T-ES-GGREEN คือ Brookfield Global Renewables and Sustainable Infrastructure โดยจะเน้นลงทุนในบริษัทจดทะเบียนทั่วโลกที่ทำธุรกิจเกี่ยวกับหรือกำลังเปลี่ยนผ่านเข้าสู่การทำธุรกิจเกี่ยวกับพลังงานหมุนเวียนและโครงสร้างพื้นฐานแบบยั่งยืน ซึ่งใช้เทคโนโลยีและให้บริการเกี่ยวเนื่องกับพลังงานลม พลังงานแสงอาทิตย์ พลังงานสะอาด และการบริหารจัดการน้ำอย่างยั่งยืน
#10229


ในช่วงสถานการณ์การระบาดโควิด – 19 ที่มีมาตรการล็อคดาวน์ออกมาเป็นระยะๆ ทำให้การค้าการขายต้องมีการปรับเปลี่ยนวิธีการค้าขาย "Minny & March . enjoy eat drink" ก็เป็นหนึ่งในแบรนด์ขนมที่มีเมนู "เค้กไข่ไต้หวันโฮมเมด" เป็นตัวชูโรง และได้มีการเรียนรู้วิธีการขายตั้งแต่เริ่มต้นแบรนด์ในช่วงวิกฤตโควิด จนสามารถสร้างยอดขายได้แบบก้าวกระโดด ทำรายได้ในสถานการณ์การค้าที่ซบเซาในช่วงนี้


นางสาวศิริรักษ์ เทียนทอง เจ้าของแบรนด์ "Minny & March . enjoy eat drink" เล่าว่าถึงจุดเริ่มต้นว่า แบรนด์นี้เกิดขึ้นในช่วงที่มีการคลายล็อคดาวน์ครั้งแรกจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด – 1 9 ด้วยหน้าที่การงานที่ยังไม่สามารถทำได้เต็มที่ จึงได้ไปลองทำ "เค้กไข่ไต้หวัน" ตามคำชักชวนของเพื่อนที่เปิดร้านขายเครื่องดื่ม ซึ่งในการทำลองทำครั้งแรกนั้นก็ทำออกมาได้สำเร็จ จึงได้ฝึกฝนการทำเมนูนี้จนมั่นใจในรสชาติและรสชาติที่คงที่ และได้มีการแบ่งปันให้เพื่อนๆ ได้ลองกิน พร้อมกับได้รับความคิดเห็นว่ามีรสชาติที่อร่อยและควรทำขาย



แม้ในช่วงแรกจะมีเมนู "เค้กไข่ไต้หวัน" เป็นเมนูเดียวที่ทำออกจำหน่าย แต่ทางแบรนด์ก็ได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี เนื่องจากทางแบรนด์ได้ใส่ใจในเรื่องรายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ โดยเฉพาะเรื่องการตลาด เนื่องจากแบรนด์ Minny & March . enjoy eat drink เป็นแบรนด์ที่เกิดใหม่ในช่วงวิกฤตโควิด การจะทำให้ลูกค้ายอมรับนอกจากในเรื่องรสชาติของเค้กแล้ว ลูกค้าก็ยังต้องเชื่อใจในตัวแม่ค้าด้วย ซึ่งจะกลายมาเป็น "ความเชื่อใจ" แก่กันและกัน ทำให้ลูกค้ามั่นใจที่จะสั่งเค้ก และมั่นใจว่าจะได้รับเค้กที่มีคุณภาพในทุกๆ ครั้ง



นอกจากการเชื่อใจในเรื่องการค้าขายแล้ว ทางแบรนด์ก็ยังเน้นการมีปฏิสัมพันธ์กับลูกค้า ด้วยช่องทางหลักในการขายคือช่องทางออนไลน์ ทางแบรนด์จึงใช้ช่องทางนี้ในการพูดคุยและถามความคิดเห็นของลูกค้าเสมอ เนื่องจากในทุกๆ คำติชมของลูกค้า ก็จะนำมาปรับปรุงแก้ไขสูตรขนมให้ดีขึ้น เพื่อตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าทุกๆ คน ที่ให้โอกาสซื้อขนมของแบรนด์เรา



"นอกจากคำติชมทางแบรนด์ยังใส่ใจในเรื่องร่างหน้าตาของขนม หากลูกค้าได้รับขนมที่เกิดเสียหายระหว่างขนส่ง ทางแบรนด์ก็จะยินดีไม่รับเงินพร้อมกับส่งขนมชุดใหม่ไปให้กับลูกค้า ด้วยการใช้ใจแลกใจจึงทำให้ขนมแบรนด์ มีออเดอร์ทั้งจากลูกค้าประจำและลูกค้าหน้าใหม่สั่งขนมมาไม่เคยขาด"  ... นางสาวศิริรักษ์ กล่าวเสริม



ไม่ใช่แค่มีการพูดคุยกับลูกค้าผ่านสื่อออนไลน์ หากมีโอกาสก็จะไปส่งเค้กและขนมเมนูอื่นๆ ให้กับลูกค้าด้วยตัวเอง เพื่อที่จะได้มีปฏิสัมพันธ์กับลูกค้ามากยิ่งขึ้น และเรายังเชื่อใจได้ว่าขนมที่เราไปส่งเองจะยังคงคุณภาพในเรื่องรูปร่าง เพราะในบางครั้งเราใช้ไรเดอร์ส่งขนมก็อาจจะเสียรูปทรงระหว่างทาง เรื่องรูปร่างหน้าตาของขนม ทางแบรนด์ก็ใส่ใจเรื่องนี้มากๆ เนื่องจากอยากให้ลูกค้าได้ขนมสดใหม่เหมือนออกมาจากเตาอบเหมือนในรูปที่นำเสนอ สิ่งนี้ก็เป็นอีกหนึ่งเคล็ดไม่ลับ ที่ทำให้ยอดขายของแบรนด์ Minny & March . enjoy eat drink เติบโตขึ้นอย่างมากจากวันที่เริ่มต้น



ด้วยการเรียนรู้ผ่านประสบการณ์การขายด้วยตัวเอง จึงทำให้ในวันนี้ แบรนด์ Minny & March . enjoy eat drink เป็นที่รู้จักของลูกค้ามากขึ้น และได้มีการต่อยอดพัฒนาเมนูขนมใหม่ๆ เพิ่มขึ้นอีก เช่น เค้กบราวนี่ บราวนี่คุ๊กกี้ เค้กส้มหน้านิ่ม เค้กช็อคโกแลตหน้านิ่ม มัทฉะโรลเค้ก เพื่อตอบโจทย์กลุ่มลูกค้าให้หลากหลายมากขึ้น แม้ในช่วงนี้จะมีมาตรการล็อคดาวน์ออกมาเป็นระยะๆ จนทำให้การค้าขายเงียบเหงา แต่ทางแบรนด์ก็ยังมีลูกค้าอุดหนุนไม่เคยขาด และพร้อมที่จะไม่หยุดนิ่งในการเรียนรู้ปรับเปลี่ยนวิธีการขาย เพื่อตอบโจทย์ลูกค้าที่เปลี่ยนแปลงได้เสมอ





สนใจติดต่อ
FB : Minny & March . enjoy eat dri
โทร. 099 - 059 9496
#10230


โครงการ 'ใส่ใจ FEED TO FIGHT ช่วยหมอ พยาบาล ต้านโควิด' ของ ไร่รวมใจ เกิดจากความต้องการที่จะทำประโยชน์คืนกลับสู่สังคมผ่านจุดแข็งของแบรนด์ 'ใส่ใจ' นั่นก็คือ ผลิตภัณฑ์ออร์แกนิค ไม่ใส่สารเคมี ปราศจากสารปรุงแต่ง 100% เพื่อสุขภาพที่ดี

เดิมที ไร่รวมใจ มีโครงการช่วยเหลือสังคมทุกปี อย่างเช่นในปีพ.ศ. 2563  มีการทำกิจกรรมโยคะสุริยนมัสการ 108 รอบ หรือ 'โยคะมาราธอน' ผ่านการไลฟ์ทางเฟซบุ๊ก ในกิจกรรมนี้ผู้บริจาคเงิน เพื่อซื้อข้าวกล้องออร์แกนิคของไร่รวมใจ หากซื้อได้ 10 กิโลกรัม ทาง 'ไร่รวมใจ' จะสมทบข้าวกล้องออร์แกนิคอีก 10 กิโลกรัม มอบให้กับ 'สมาคมส่งเสริมสถานภาพสตรี' เพื่อใช้ในกิจการบ้านพักของสตรีที่ถูกข่มเหงซึ่งอยู่ในความดูแลของสมาคมฯ มาปีนี้โควิดเกิดการระบาดระลอกสาม พบว่ามีบุคลากรทางการแพทย์ต้องการความช่วยเหลือจริงๆ นอกเหนือจากการสนับสนุนด้านอุปกรณ์การแพทย์ ก็ยังมีเรื่อง 'อาหาร' ที่ไม่ควรมองข้าม พัชร์ เคียงศิริ ผู้บุกเบิก 'ไร่รวมใจ' และกรรมการผู้จัดการ บริษัท ไร่รวมใจ จำกัด ให้สัมภาษณ์กับ 'กรุงเทพธุรกิจ' ถึงที่มาของการริเริ่มโครงการ 'ใส่ใจ FEED TO FIGHT ช่วยหมอ พยาบาล ต้านโควิด' สนับสนุนอาหารสำหรับบุคลากรทางการแพทย์ ซึ่งเริ่มต้นที่โรงพยาบาลรามาธิบดี


พัชร์ เคียงศิริ กับโครงการ 'ใส่ใจ FEED TO FIGHT ช่วยหมอ พยาบาล ต้านโควิด'

"เราในฐานะบุคคลทั่วไปไม่เคยสนใจว่าหมอและพยาบาลกินข้าวยังไง แต่หมอและพยาบาลก็เหมือนคนทำงานออฟฟิศ เข้าออกงานเป็นเวลา ต้องรับผิดชอบอาหารของเขาเอง ประเด็นคือ หมอ-พยาบาลที่ต้องดูแลผู้ป่วยโควิด เขาต้องระวังตัว ไม่สามารถออกมานอกวอร์ดโควิด (ward) หรือออกมานอกบริเวณนั้นได้ โดยไม่เปลี่ยนเสื้อผ้า เพราะถ้าออกมาทั้งชุดปฏิบัติงานอย่างนั้น ก็เท่ากับเอาเชื้อโควิดออกมาข้างนอกด้วย การที่เขาจะออกมามันเลยยาก ต้องออกจากชุดพีพีอี ต้องทำตัวให้ปลอดเชื้อก่อน ทำให้เขาไม่สามารถจะมีข้าวได้ รุ่นน้องผมที่เป็นพยาบาลโรงพยาบาลรามาฯ เคยคุยกัน เขาก็เล่าให้ฟังว่ามันก็เป็นอย่างนี้ ผมก็เลยมาคุยกันที่ออฟฟิศ ชักชวนเพื่อนฝูงที่รู้จักมาช่วยกันทำเป็นโครงการนี้" พัชร์ เคียงศิริ กล่าว


ข้าวกล่องโดยใช้ "ข้าวกล้องหอมมะลิ 105 ออร์แกนิค" ของ "ไร่รวมใจ"

คุณพัชร์และกลุ่มเพื่อน รวมถึงผู้ใหญ่ที่นับถือ ระดมทุนจัดหา ข้าวกล่อง ที่มีคุณค่าทางโภชนาการอย่างแท้จริง ตั้งแต่วันที่ 7 กรกฎาคม-17 สิงหาคม 2564 รวม 42 วัน จาก 150 กล่อง/วัน เพิ่มเป็น 200 กล่อง/วัน รวม 7,850 กล่อง ให้กับบุคลากรทางการแพทย์ของโรงพยาบาลรามาธิบดี และกำลังต่อยอดโครงการนี้สู่ โรงพยาบาลที่ให้การรักษาผู้ป่วยโควิด-19 ในต่างจังหวัด เนื่องจากเห็นว่ามีผู้ป่วยโควิดเดินทางกลับไปรักษาตัวที่บ้านเกิดเป็นจำนวนมากขึ้น ตามนโยบายของศูนย์บริหารสถานการณ์แพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (ศบค.) ทำให้บุคลากรทางการแพทย์ในต่างจังหวัดทำงานหนักมากขึ้นกว่าเดิม


โครงการ 'ใส่ใจ FEED TO FIGHT ช่วยหมอ พยาบาล ต้านโควิด' ที่ โรงพยาบาลวังน้ำเย็น จ.สระแก้ว

โครงการ 'ใส่ใจ FEED TO FIGHT ช่วยหมอ พยาบาล ต้านโควิด' สำหรับต่างจังหวัด เริ่มแล้วเมื่อวันที่ 13 สิงหาคม 2564 ที่ โรงพยาบาลวังน้ำเย็น จ.สระแก้ว ซึ่งมีคลัสเตอร์ตลาดโรงเกลือ ก่อนการประกาศล็อคดาวน์ โรงพยาบาลมีป่วยโควิด 40 คน ขณะนี้เพิ่มขึ้นเป็น 144 คน ขณะที่บุคลากรทางการแพทย์ที่ดูแลผู้ป่วยมีเท่าเดิมคือ 20 คน ต้องแบ่งการทำงานเป็น 3 กะ

ข้าวกล้องออร์แกนิคของไร่รวมใจและหนึ่งในรายการอาหารของ SAIJAI SLIM ที่ให้ความอิ่มเชิงคุณภาพ

สำหรับ โมเดล หรือ 'รูปแบบการบริหารจัดการ' เพื่อทำข้าวกล่องส่งบุคลากรทางการแพทย์ โรงพยาบาลวังน้ำเย็น จ.สระแก้ว คุณพัชร์ใช้วิธีส่งข้าวกล้องออร์แกนิคของไร่รวมใจและรายการอาหารของ SAIJAI SLIM ซึ่งเป็นเมนูอาหารที่ให้ความอิ่มเชิงคุณภาพ พร้อมวิธีทำอย่างครบถ้วน ให้กับชุมชนละแวกที่โรงพยาบาลตั้งอยู่ และมอบเงินส่วนหนึ่ง ที่ได้รับจากการสมทบทุนในโครงการ "ใส่ใจ FEED TO FIGHT" ให้กับ อาสาสมัครในชุมชน เป็นค่ากับข้าวและปรุงอาหารมอบให้บุคลากรทางการแพทย์ โดยขอให้รวมตัวกันไม่เกิน 5 คน (ป้องกันการเกิดคลัสเตอร์ใหม่) รวมทั้งผู้ทำหน้าที่จัดส่งข้าวกล่องไปโรงพยาบาล เท่ากับเป็นการ กระจายรายได้ สู่คนในชุมชนได้อีกทางหนึ่งในภาวะที่การประกอบอาชีพเป็นไปด้วยข้อจำกัดและความยากลำบาก

โรงพยาบาลโพนนาแก้ว จ.สกลนคร

ล่าสุดคุณพัชร์กล่าวว่า ขณะนี้กำลังวางแผนเริ่มโครงการ "ใส่ใจ FEED TO FIGHT" ให้กับบุคลากรทางการแพทย์ โรงพยาบาลโพนนาแก้ว จ.สกลนคร ซึ่งกำลังเผชิญสถานการณ์เดียวกันที่จำนวนผู้ป่วยโควิดจากราว 50 คน เพิ่มขึ้นเกือบ 4 เท่า ขณะที่บุคลากรทางการแพทย์และเจ้าหน้าที่สาธารณสุขที่ต้องดูแลผู้ป่วยทั้งในโรงพยาบาล โรงพยาบาลสนาม และในชุมชน ยังคงมีจำนวนเท่าเดิม ด้วยการจัดทำข้าวกล่องคุณภาพ โดยคุณพัชร์และทีมงานกำลังรวบรวมทุนทรัพย์เพื่อเดินหน้าโครงการ 'ใส่ใจ FEED TO FIGHT ช่วยหมอ พยาบาล ต้านโควิด' ที่ โรงพยาบาลโพนนาแก้ว จ.สกลนคร ด้วยโมเดลเดียวกับที่โรงพยาบาลวังน้ำเย็น จ.สระแก้ว คือการจัดทำข้าวกล่องที่ใช้ข้าวหอมมะลิ 105 ตราใส่ใจพร้อมเมนูอิ่มเชิงคุณภาพจาก SAIJAI SLIM และกระจายรายได้สู่ชุมชนผ่านทีมอาสาสมัครในท้องถิ่น โครงการนี้จะเริ่มวันที่ 25 สิงหาคม และสิ้นสุดในวันที่ 5 ตุลาคม 2564

เชิญร่วมให้กำลังใจและสนับสนุนบุคลากรทางการแพทย์ ณ โรงพยาบาลโพนนาแก้ว จ.สกลนคร

ผู้สนใจร่วมสนับสนุนและให้กำลังใจทีมบุคลากรทางการแพทย์ด่านหน้า ซึ่งกำลังทำงานอย่างหนักด้วยความเสียสละ ผ่านโครงการ 'ใส่ใจ FEED TO FIGHT ช่วยหมอ พยาบาล ต้านโควิด' ณ โรงพยาบาลโพนนาแก้ว จ.สกลนคร สามารถแจ้งความประสงค์และสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ Line: @saijai_wellbeing และ โทร.087 365 3556