• Welcome to ลงประกาศฟรี โพสฟรี โปรโมทเว็บไซด์ให้ติดอันดับ SEO ด้วย PBN.
 

poker online

ปูนปั้น

Menu

Show posts

This section allows you to view all posts made by this member. Note that you can only see posts made in areas you currently have access to.

Show posts Menu

Messages - Jessicas

#8747


วันนี้ (12 ส.ค. 64) นพ.จเด็จ ธรรมธัชอารี เลขาธิการสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) กล่าวถึงกรณีชมรมแพทย์ชนบททักท้วงเรื่องคุณภาพของชุดตรวจโควิด Antigen Test Kit (ATK) ที่องค์การเภสัชกรรม (อภ.) ได้ดำเนินการจัดหาเพื่อใช้แจกให้ประชาชนกลุ่มเสี่ยงตามมติคณะกรรมการหลักประกันสุขภาพแห่งชาติว่า ในวันพรุ่งนี้ (13 ส.ค.64) คณะอนุกรรมการจัดทำแผนการจัดซื้อยา เวชภัณฑ์ และอุปกรณ์ทางการแพทย์ที่จำเป็นตามโครงการพิเศษ ซึ่งเป็นคณะอนุกรรมการฯ ภายใต้บอร์ด สปสช. จะมีการประชุมด่วนเพื่อหารือข้อเท็จจริงเรื่องดังกล่าว

เนื่องจากต้องการให้ชุดตรวจ ATK ที่จะแจกให้กับประชาชนกลุ่มเสี่ยงใช้ตรวจโควิดด้วยตนเองนั้น ได้คุณภาพตามมาตรฐานสากล ซึ่งการแจกชุดตรวจ ATK ให้ประชาชนกลุ่มเสี่ยงเป็นแนวทางหนึ่งในการลดการระบาดของโรคโควิด-19 แยกผู้ติดเชื้อเข้าสู่ระบบการรักษาโดยเร็ว เป็นไปตามนโยบายของรัฐบาล

นพ.จเด็จ กล่าวต่อว่า สำหรับงบประมาณจัดหาชุดตรวจ ATK ให้หน่วยบริการแจกจ่ายประชาชนทุกคนทุกสิทธินั้น เป็นการใช้จ่ายจากงบประมาณตาม พ.ร.ก.กู้เงินฯ โดยให้เครือข่าย รพ.ราชวิถี จัดหาชุดตรวจผ่าน องค์การเภสัชกรรม (อภ.) ซึ่งเป็นไปตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 7 สิงหาคม 2561 ที่รับทราบเรื่องการจัดซื้อยา เวชภัณฑ์ และอุปกรณ์การแพทย์ตามโครงการพิเศษที่ให้ รพ.ราชวิถี ซึ่งเป็นตัวแทนหน่วยบริการสังกัดกระทรวงสาธารณสุข ดำเนินการจัดซื้อยากับทางองค์การเภสัชกรรม (อภ.) แทน สปสช.
#8748


วันที่ 12 ส.ค.64 นางสาวรัชดา ธนาดิเรก รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เผยว่า พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีได้ติดตามตัวเลขการลงทุนของภาครัฐ รัฐวิสาหกิจ และเอกชน ซึ่งเป็นเครื่องยนต์สำคัญในการพยุงเศรษฐกิจให้ขับเคลื่อนต่อไป โดยเฉพาะของรัฐวิสาหกิจที่จะต้องเป็นหลักในเวลานี้ เนื่องด้วยภาคเอกชนอาจมีการชะลอการลงทุนเหตุจากสถานการณ์โควิด-19 ซึ่งนายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ได้รายงานว่า ช่วงหกเดือนแรกของปี 2564 เกิดเม็ดเงินจากการลงทุนในธุรกิจพลังงานแล้วกว่า 1 แสนล้านบาท ผ่านโครงการโครงสร้างพื้นฐานด้านพลังงานต่าง ๆ ภายใต้หน่วยงานรัฐวิสาหกิจที่กำกับดูแลประกอบไปด้วย บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย และบริษัทอื่น ๆ ในเครือ การลงทุนที่สำคัญ อาทิ โครงการสถานีรับจ่ายก๊าซธรรมชาติเหลวแห่งใหม่ จ.ระยอง โครงการท่อส่งก๊าซธรรมชาติ เส้นที่ 5 และโครงการขยายระบบส่งไฟฟ้า เพื่อสร้างความมั่นคงให้กับระบบไฟฟ้าทั่วประเทศ ทั้งนี้ ตั้งเป้าการลงทุนของธุรกิจพลังงานของทั้งปี 2564 ไว้ที่ 2 แสนล้านบาท

สำหรับการลงทุนของรัฐวิสาหกิจ 43 แห่ง ที่อยู่ภายใต้การกำกับดูแลโดยตรงของสำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ (สคร.) นางสาวรัชดา กล่าวว่า สคร. ได้รายงานการเบิกจ่ายงบลงทุนสะสม ของปีงบประมาณ 2564 ณ สิ้นเดือน มิ.ย. ในภาพรวมเป็นไปตามแผนหรือสูงกว่าแผน โดยสามารถเบิกจ่ายได้ 1.91 แสนล้านบาท หรือคิดเป็นร้อยละ 101 ของแผนการเบิกจ่ายสะสม โครงการขนาดใหญ่ที่เบิกจ่ายได้สูงกว่าแผน เช่น โครงการรถไฟความเร็วสูงไทย-จีน ระยะที่ 1 (ช่วงกรุงเทพมหานคร-นครราชสีมา) โครงการรถไฟฟ้าชานเมือง (สายสีแดง) ช่วงบางซื่อ-รังสิต และโครงการรถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบิน ของ รฟท. โครงการรถไฟฟ้าสายสีส้ม ช่วงศูนย์วัฒนธรรมฯ-มีนบุรี ของ รฟม.
 
"ท่านนายกฯ ให้ความสำคัญกับการลงทุนของรัฐวิสาหกิจ และเข้าใจดีว่าสถานการณ์โควิด-19 ส่งผลกระทบต่อหลายโครงการ/แผนงาน เนื่องจากบุคลากรไม่สามารถเข้าพื้นที่ที่อยู่ในเขตควบคุมเข้มข้นสูงสุดเพื่อก่อสร้างหรือตรวจรับงานได้ รวมทั้งปัญหาขาดแคลนแรงงาน จึงได้สั่งการให้ส่วนราชการทุกกระทรวงทำงานร่วมกับรัฐวิสาหกิจอย่างใกล้ชิด เพื่อช่วยผลักดันโครงการลงทุนให้ดำเนินการได้ตามเป้าหมาย นำไปสู่การสร้างความเข้มแข็งของเศรษฐกิจประเทศต่อไป" นางสาวรัชดา กล่าว


ที่มา รัฐบาลไทย
#8749


รอยเตอร์รายงานเมื่อวานนี้ (11) ว่าผู้ช่วยโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรีรัฐบาลไทย รัชดา ธนาดิเรก กล่าวผ่านแถลงการณ์เมื่อวานนี้ (11) ว่า ศูนย์พันธุวิศวกรรมและเทคโนโลยีชีวภาพแห่งชาติ (National Center for Genetic Engineering and Biotechnology) ซึ่งเป็นผู้พัฒนาวัคซีนโควิด-19 แบบสเปรย์พ่นจมูกนั้นเตรียมที่จะเริ่มต้นการศึกษาวิจัยในคนได้ภายในสิ้นปีหลังจากที่ผลการวิจัยเบื้องต้นกับหนูก่อนหน้าชี้ไปให้เห็นว่ามีประสิทธิภาพ

โดยในแถลงการณ์ระบุว่า สเปรย์พ่นจมูกต้านโควิด-19 นี้ยังคงอยู่ระหว่างการพิจารณาจากองค์การอาหารและยาเพื่อขออนุญาตต่อไป

โฆษกรัฐบาลชี้ว่า การศึกษาจะรวมไปถึงการใช้เพื่อดูประสิทธิภาพในการปกป้องจากไวรัสสายพันธุ์เดลตา โดยเฟสที่ 2 จะเริ่มขึ้นในเดือนมีนาคมปี 2022 และเป้าหมายของการผลิตสำหรับการใช้เป็นวงกว้างภายในช่วงกลางปีหน้าได้หากผลการวิจัยสัมฤทธิ

รอยเตอร์รายงานว่า ในเวลานี้นักวิจัยทั่วโลกต่างเริ่มพัฒนาสเปรย์พ่นจมูกเพื่อป้องกันและรักษาโรคโควิด-19 โดยชี้ไปว่าจมูกถือเป็นช่องทางสำคัญของไวรัส

นอกเหนือจากนี้วัคซีนโควิด-19 เทคโนโลยี mRNA ของมหาวิทยาลัยจุฬาลงกรณ์และวัคซีนเชื้อตายของมหาวิทยาลัยมหิดลกำลังจะเริ่มเฟส 2 ของการศึกษาในคนภายในเดือนสิงหาคมนี้

ที่ผ่านมาไทยนั้นพึ่งพาวัคซีนซิโนแวคและวัคซีนซิโนฟาร์มของจีน วัคซีนแอสตร้าเซนเนก้าที่มีโรงงานผลิตในประเทศและวัคซีนไฟเซอร์-ไบออนเทคที่ได้รับการบริจาคจากสหรัฐฯ ใช้เป็นวัคซีนเข็มกระตุ้นให้เจ้าหน้าที่ทางการแพทย์ซึ่งเป็นด่านหน้า

รัฐมนตรีสาธารณสุขไทยแถลงในวันพุธ (11) ว่า วัคซีนไฟเซอร์-ไบออนเทคจำนวน 32.5 ล้านโดสจะส่งมอบมาไทยภายในสิ้นปีนี้ ส่งผลทำให้มีจำนวนการสั่งซื้อทั้งสิ้น 30 ล้านโดส และรวมกับจำนวนที่ได้รับการบริจาคจากรัฐบาลสหรัฐฯ

ไทยแจกจ่ายวัคซีนไปแล้ว 6.8% ของประชากรทั้งหมด 66 ล้านคน
#8755


ผศ.ชญณา ศิริภิรมย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ซมโปะ ประกันภัย (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ SOMPO เปิดเผยว่า แนวโน้มธุรกิจประกันภัยในประเทศไทยช่วงครึ่งหลังของปี 2564 น่าจะยังทรงตัว ด้วยสถานการณ์โควิด-19 ยืดเยื้อ ส่งผลให้เศรษฐกิจชะลอตัว และกระทบต่อกำลังซื้อของผู้บริโภค โดยเฉพาะตลาดรายย่อย ขณะที่ตลาดรายใหญ่หรือลูกค้าองค์กร ซึ่งเป็นลูกค้าหลักของซมโปะเริ่มมีทิศทางดีขึ้นตามการส่งออกตั้งแต่ช่วงครึ่งปีแรก เนื่องจากเศรษฐกิจในหลายประเทศเริ่มฟื้นตัว ทำให้เบี้ยประกันภัยของซมโปะยังเติบโตได้ดี คาดว่าจะเป็นไปตามเป้าหมายที่ตั้งไว้ โดยจะต้องเติบโตกว่าตลาดประกันภัยในปีนี้ หลังจากที่ในครึ่งแรกของปี 2564 มีเติบโต 16% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2563


"สถานการณ์ในช่วงครึ่งปีหลังนี้ผู้บริโภคเริ่มหันมาให้ความสนใจเรื่องความปลอดภัยและสุขภาพมากยิ่งขึ้น ซึ่งเราเชื่อว่าทุกบริษัทต่างเล็งเห็นความสำคัญในเรื่องดังกล่าว โดยจะเห็นได้ว่าตลาดประกันภัยส่วนใหญ่จะมุ่งไปในแนวทางที่คล้าย ๆ กัน คือ Personal safety and health แต่อย่างไรก็ดีเนื่องจากภาวะเศรษฐกิจที่ซบเซา ส่งผลให้กำลังซื้อลดลงแม้จะเห็นแนวทางธุรกิจที่เห็นชัดแต่กำลังซื้อในครึ่งปีหลังก็คงจะไม่แรงนัก ดังนั้นครึ่งปีหลังนี้เรียกว่าเป็นช่วงของการประคับประคองการเติบโตอย่างระมัดระวังให้ข้ามผ่านวิกฤตินี้ไปได้ ทำให้เป้าหมายเราไม่ได้ตั้งไว้สูงมากนักแต่เป็นการเกาะไปกับการเติบโตของตลาดประกันภัย ซึ่งในตลาดมักจะแบ่งเป็นบริษัทขนาดใหญ่ กลางและเล็ก โดยเราเป็นบริษัทขนาดกลางที่ปรับเปลี่ยนได้รวดเร็วจึงมีอัตราการเติบโตกว่าตลาด และพร้อมที่จะมองหาลูกค้าผ่านช่องทางวิถีการตลาดแบบใหม่อยู่เสมอ" 


ผศ.ชญณา กล่าวต่อว่า การทำตลาดรายย่อยของซมโปะ ปัจจุบันมีธนาคารซีไอเอ็มบีเป็นพันธมิตร เน้นลูกค้าเงินกู้บ้าน และเงินกู้รถ แต่สถานการณ์ปัจจุบันธนาคารมีความเข้มงวดในการปล่อยกู้ ทำให้คนกู้เงินน้อยลง อาจต้องเปลี่ยนเป็นกลุ่มใหม่ที่เรียกว่า Loan customer ซึ่งต้องเพิ่มช่องทางเข้าหาลูกค้ากลุ่มนี้ให้มากขึ้น นอกจากนี้ ยังเล็งเห็นว่าคนบางกลุ่มยังมีกำลังจ่ายเพื่อรองรับความเสี่ยง เช่น ประกันสุขภาพ เริ่มเห็นว่าคนไทยมีความตระหนักในเรื่องสุขภาพมากขึ้น และให้ความสนใจซื้อประกันสุขภาพเพิ่มขึ้น เพื่อให้สามารถเพิ่มสัดส่วนรายย่อยให้ได้ แม้เบี้ยประกันภัยที่เพิ่มขึ้นจะไม่รวดเร็วเท่าในส่วนของลูกค้ารายใหญ่ หรือลูกค้าองค์กรที่เพิ่มเร็วกว่า


สำหรับตลาดลูกค้ารายใหญ่มีแนวโน้มเติบโตตามการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ เห็นได้จากขณะนี้เศรษฐกิจในหลายประเทศเริ่มฟื้นตัว การส่งออกดีขึ้น ความต้องการประกันก็เติบโตตามไปด้วย และปัจจุบันยังมีเทรนด์สำคัญที่เป็นปัจจัยขับเคลื่อนคือ หลายภาคส่วนโดยเฉพาะภาคธุรกิจเริ่มตระหนักถึงความรับผิดต่อผู้อื่นมากขึ้น โดยในประเทศที่พัฒนาแล้วจะเห็นเทรนด์นี้ชัดเจน เพราะประชาชนมีความเข้าใจและเรียกร้องสิทธิกันมากขึ้น ทำให้การประกันภัยที่ครอบคลุมต่อบุคคลอื่นเมื่อเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝันเป็นที่ต้องการมากขึ้น ซึ่งในประเทศไทยก็เริ่มเห็นเทรนด์นี้มากขึ้น และเป็นเรื่องดีที่คนรู้สึกว่าความรับผิดชอบต่อบุคคลอื่น คือ ความเสี่ยง


อีกหนึ่งปัจจัยสนับสนุนธุรกิจประกัน คือ คนไทยตระหนักและมีความรู้เกี่ยวความเสี่ยงมากขึ้น สะท้อนจากการเติบโตของประกันสุขภาพ ที่เห็นว่าค่ารักษาพยาบาลมีแนวโน้มแพงขึ้นตามเทคโนโลยีที่ใช้รักษา ทำให้ลูกค้าต้องหันมาทำประกันสุขภาพด้วยต้นทุนที่สูงขึ้น ซึ่งบทบาทของบริษัทประกันจะต้องทำให้คนตระหนัก ไม่ใช่หวาดกลัว โดยทำให้รู้ว่าทุกอย่างต้องมีแผนสองรองรับ การบริหารความเสี่ยงเป็นเรื่องสำคัญ หากคนไทยตระหนักถึงความเสี่ยงมากขึ้น จะทำให้ธุรกิจประกันเติบโตได้มาก เพราะปัจจุบันคนไทยถือครองกรมธรรม์จำนวนไม่มาก จึงมีศักยภาพในการเติบโตอีกมาก โดยเฉพาะตลาดรายย่อย และเอสเอ็มอีที่ยังไม่ให้ความสำคัญกับการบริหารความเสี่ยง แต่วิกฤติครั้งนี้เป็นจุดเปลี่ยนสร้างการเติบโตให้กับเอสเอ็มอีด้วย หากจะก้าวไปอย่างยั่งยืนต้องมีรู้จักบริหารความเสี่ยง


"ความท้าทายของธุรกิจประกันเป็นเรื่องพฤติกรรมของผู้บริโภคเปลี่ยนเร็ว และเจเนอเรชั่นใหม่กำลังเติบโต ในยุคดิจิทัลที่ผลักดันให้องค์กรต้องมาอยู่ในพื้นที่ออนไลน์ คีย์สำคัญคือ Data ที่จะทำให้การวิเคราะห์มีความแม่นยำ เพื่อออกแบบผลิตภัณฑ์และบริการได้ตรงความต้องการของลูกค้า ซึ่งปัจจุบันผู้บริโภคเข้าใจเรื่องประกันมากขึ้น แค่รอเวลาให้กำลังซื้อกลับมา โดยซมโปะจะใช้ประโยชน์จาก Data มาขับเคลื่อนธุรกิจ เพื่อให้เข้าถึงผู้บริโภคได้ครอบคลุมและตรงกลุ่มเป้าหมาย รวมทั้งส่งมอบประสบการณ์การซื้อประกันทางออนไลน์ที่ดียิ่งขึ้น"


ซมโปะ ประกันภัย ก้าวสู่ตลาดไทยเมื่อปี 2540 ในฐานะบริษัทประกันชั้นนำที่ดำเนินธุรกิจในประเทศญี่ปุ่นมากว่า 130 ปี โดยเริ่มต้นจากบริษัทประกันอัคคีภัยที่เข้ามาดูแลลูกค้าจากประเทศญี่ปุ่นที่เข้ามาทำธุรกิจในประเทศไทย ในช่วงแรกจึงให้บริการในลักษณะ B2B จนในปี 2558 ได้เริ่มปรับพอร์ตการประกอบธุรกิจให้เข้าถึงกลุ่มลูกค้าแบบ B2C และในช่วงปี 2559 เริ่มเน้นเรื่องของประกันการเดินทางเริ่มต้นขยายฐานสู่ลูกค้ารายย่อย ด้วยกลยุทธ์หลักที่ถือเป็นจุดแข็งคือ Data ด้านการท่องเที่ยว-ผลผลิตทางการเกษตร-การเดินทาง พัฒนาสู่สินค้าเรือธงในการบุกตลาดไทย ได้แก่ ประกันภัยท่องเที่ยว ประกันภัยพืชผล และประกันรถกระบะ ภายใต้ปรัชญาการดูแลคนไทยด้วยหัวใจญี่ปุ่น เพื่อความสุขในทุกรายละเอียดการใช้ชีวิตของทุกคน

ทั้งนี้ ในช่วง 6 เดือนแรก เบี้ยประกันภัยของซมโปะเติบโตจากลูกค้ารายใหญ่ โดยส่วนใหญ่เป็นองค์กรธุรกิจจากประเทศญี่ปุ่น มีสัดส่วนอยู่ที่ 85% ส่วนลูกค้ารายย่อยอยู่ที่ 15% ของพอร์ตรวม แบ่งเป็นประเภทต่าง ๆ ดังนี้ ประกันภัย P&C (Fire, IAR, Liability) อยู่ที่ 63% ส่วนใหญ่เป็นลูกค้าองค์กรมีสัดส่วน, ประกันภัยรถ (Motor) อยู่ที่ 14%, ประกันภัยอื่น ๆ อยู่ที่ 10% เช่น ประกันพืชผล Loan Protection, ประกันสุขภาพ อยู่ที่ 5% และประกันภัยการเดินเรือ อยู่ที่ 4%
#8756


ความพยายามหา ซื้อชุดตรวจโควิดAntigen Test Kit (ATK) มาใช้คัดกรองด้วยตัวเองในบ้านกำลังเป็นสิ่งจำเป็น ขณะเดียวกัน ATK ก็กำลังกลายเป็นสินค้าที่ถูกตั้งคำถามถึงราคาจำหน่ายที่สูงเมื่อเทียบกับในต่างประเทศ

โดยราคาจำหน่ายATKในประเทศไทย เฉลี่ยชุดละ(ใช้1ครั้ง) 350-400 บาท  ปัจจุบันมีการขึ้นทะเบียนกับองค์การอาหารและยา(อย.) จำนวน 29 ราย ในหลากหลายรูปแบบและวิธีการใช้ จากแหล่งนำเข้าต่างๆ เช่น จีน เกาหลีใต้ สวิสเซอร์แลนด์ สเปน เป็นต้น ทั้งนี้ราคาATKในไทยนับเป็นค่าใช้จ่ายที่สูงมาก สำหรับประชาชนเพราะการตรวจที่ว่านี้ไม่ใช่ครั้งเดียวจบ บางรายอาจต้องทำทุกวัน 

จากการสำรวจราคา ATK จากเวบไซด์ออนไลน์ ในต่างประเทศ พบว่า มีราคาเฉลี่ยเพียง1 ชุด / ใช้ 1 ครั้ง เพียงชุดละ  100 บาท โดยเวบไซด์ออนไลน์ชื่อดังของจีน อย่าง Alibaba จำหน่ายเฉลี่ย ชุดละ 0.88-1.19 ดอลลาร์ หรือ ประมาณ 60-100 บาท รวมค่าขนส่งและค่าใช้จ่ายอื่น ในการนำเข้า ขณะที่เวบไซด์eBay เฉลี่ยที่ 80-180 บาท และ Amazon เฉลี่ยที่ 165 บาท 

"ราคาจำหน่ายในไทยค่อนข้างสูงมากเพื่อเทียบกับราคาจำหน่ายในต่างประเทศ ที่แม้จะรวมค่าใช้จ่ายการขนส่ง และค่าใช้จ่ายอื่นถ้ามี เพราะไทยประกาศยกเว้นภาษีนำเข้าสินค้าเครื่องมือแพทย์มาก่อนหน้านี้แล้ว แต่ก็ยังพบว่าราคา ATK ที่คนไทยจำเป็นต้องใช้นั้นยังมีราคาสูงกว่าราคาเฉลี่ยทั่วโลกกว่าเท่าตัว"

จุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เคยสัมภาษณ์เกี่ยวกับ ATK ว่า ขณะนี้กระทรวงสาธารณสุขกับกรมการค้าภายใน ได้ติดตามสถานการณ์โดยใกล้ชิด และหากพบว่ารายใดที่ขายแพงเกินสมควร กรมการค้าภายในก็จะใช้กฎหมายว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ มาตรา 29 เพื่อดำเนินคดีข้อหาค้ากำไรเกินควร ซึ่งมีโทษจำคุกไม่เกิน 7 ปี หรือปรับไม่เกิน 140,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ"

วัฒนศักย์ เสือเอี่ยม อธิบดีกรมการค้าภายใน กล่าวถึงการกำหนดราคาชุดตรวจโควิดว่า ขณะนี้ได้ขอให้ผู้ที่ขึ้นทะเบียนเป็นผู้นำเข้า ATK กับอย.ให้ทำการแจ้งต้นทุนและแจ้งราคาจำหน่ายปลีกที่กรมการค้าภายในด้วยใช้ในการตรวจสอบราคา อย่างไรก็ตาม ขณะนี้เจ้าหน้าที่ได้ตรวจติดตามรวมทั้งมีสายด่วน 1569 รับเรื่องหากพบว่ามีผู้จำหน่ายรายใดจำหน่ายในราคาแพงเกินสมควร เกิดความปั่นป่วน

ส่วนสถานการณ์ราคาสินค้าโดยรวม  จากผลกระทบโควิดที่ระบาดในภาคอุตสาหกรรมและแรงงานโดยทั่วไปนั้น สำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า (สนค.) ระบุว่า ราคาสินค้ายังปกติแม้จะมีการแพร่ระบาดของโควิด19 ยกเว้นอาหารสดบางชนิด เช่น เนื้อสุกร ไข่ไก่ ผลไม้สด ที่เพิ่มขึ้นในบางช่วงระยะเวลา ตามความต้องการในช่วงล็อคดาวน์ประกอบกับเกิดโรคระบาดในสุกรทำให้ปริมาณผลผลิตเข้าสู่ตลาดน้อยลง 

ส่วนสินค้าในหมวดอื่น ๆ จะยังคงเคลื่อนไหวในทิศทางปกติ ตามปริมาณผลผลิตและความต้องการ ขณะที่ราคาสินค้าเกษตรยังมีโอกาสผันผวนตามสภาพอากาศ และยังมีปัจจัยจากโควิด-19 ที่กระทบต่อกำลังซื้อของประชาชน

สำหรับสถานการณ์ตลาด ATK ล่าสุด นพ.จเด็จ ธรรมธัชอารี เลขาธิการสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.)กล่าวว่าเมื่อวันที่ 6 ส.ค. 2564 คณะกรรมการหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (บอร์ด สปสช.) ได้มีมติให้ สปสช. ดำเนินการจัดหาชุดตรวจโควิด Antigen test kit (ATK) จำนวน 8.5 ล้านชุด แจกให้ประชาชนกลุ่มเสี่ยงสามารถตรวจหาเชื้อโควิด-19 ได้ด้วยเอง ในช่วงเดือน ส.ค. - ก.ย. นี้

"หลังสิ้นสุดเดือน ก.ย. ก็จะมีการประเมินสถานการณ์อีกครั้ง หากมีความจำเป็นจะต้องซื้อATKเพิ่ม สปสช. ก็จะดำเนินการ"

คาดว่าสถานการณ์โควิด-19 ในปีงบประมาณหน้าจะยังมีความรุนแรง ฉะนั้นชุดตรวจโควิดATK จำนวน 8.5 ล้านชุด จึงเป็นประเด็นสำคัญ โจทย์คือจะทำอย่างไรให้ชุดตรวจเหล่านั้นกระจายถึงมือประชาชนกลุ่มเสี่ยงได้รวดเร็วและกว้างขวางที่สุด เพื่อลดอุปสรรคในการเข้าถึงบริการของประชาชน

นอกจากนี้ สปสช. ถือโอกาสขอความร่วมมือ ชักชวนร้านขายยาเป็นหน่วยกระจายชุดตรวจโควิดATK เนื่องจากร้านขายยาทั่วประเทศที่ขึ้นทะเบียนอนุญาตขายยาแผนปัจจุบัน (ขย.1) นั้นมีจำนวนมาก และน่าจะมีบุคลากรที่คอยแนะนำการตรวจให้กับประชาชนได้

จากท่าทีของหน่วยงานภาครัฐด้านสาธารณสุข นี้จะช่วยลดปัญหาหากมีการคุมเข้มเรื่องราคาสินค้า่อาจเกิดปัญหาด้านปริมาณสินค้าหายไปจากตลาดได้  ทั้งนี้ การนำ ATKมาใช้เพื่อจำแนกคนติดเชื้อออกไปจะเป็นส่วนสำคัญที่ทำให้การยับยั่งการระบาดของโควิดบรรเทาลงในเร็ววันเพราะการระบาดไม่เพียงกระทบต่อสุขภาพส่วนบุคคลแต่กำลังจะกระทบต่อภาคอุตสาหกรรมการผลิต เศรษฐกิจ และความเป็นอยู่โดยรวม ดังนั้นการทำให้ประชาชนเข้าถึง ATK ได้โดยง่ายและมีราคาที่เหมาะสมจึงเป็นสิ่งที่จำเป็นเร่งด่วนสำหรับรัฐบาลในขณะนี้ ซึ่งขณะนี้ถือว่ารัฐมีเครื่องมือทั้งราคาเปรียบเทียบกับต่างประเทศซึ่งพอจะเป็นไกด์ไลน์ถึงราคาที่เหมาะสมและการรักษาปริมาณสินค้าไม่ให้หายไปจากตลาดด้วยการแจกATKของสปสช. 8.5 ล้านชุด ซึ่งจากนี้ก็เหลือแต่ภาคเอกชนผู้นำเข้าที่ต้องพิจารณาว่าธุรกิจนี้ควรมีกำไรในสัดส่วนที่เท่าไหร่ 
#8758


นายนคร นิรุตตินานนท์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ไทยรวมสินพัฒนาอุตสาหกรรม จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทย่อยของบริษัท ไทยยูเนี่ยน กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) และคณะเกษตร กำแพงแสน มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ วิทยาเขตกำแพงแสน ได้มีการลงนามบันทึกข้อตกลงทางด้านวิชาการร่วมกันเมื่อเร็วๆ นี้ เพื่อสนับสนุนการจัดการผลิตผักแบบเกษตรอินทรีย์เพื่อนำมาแปรรูปส่งออก

                ภายใต้ข้อตกลงความร่วมมือนี้ คณะเกษตร กำแพงแสน จะสนับสนุนด้านวิชาการและความรู้เรื่องการจัดการผลิตผักแบบเกษตรอินทรีย์และแปรรูปผักเพื่อนำมาใช้เป็นส่วนประกอบในผลิตภัณฑ์ส่งออกของบจ. ไทยรวมสินพัฒนาอุตสาหกรรม ขณะที่บจ. ไทยรวมสินพัฒนาอุตสาหกรรมจะสนับสนุนโอกาส ทางการศึกษาสำหรับการเรียนรู้ด้านการจัดการฟาร์มแบบเกษตรอินทรีย์เพื่อเป็นประโยชน์ต่อนักศึกษา และเกษตรกรในท้องถิ่น

ระยะเวลา 1 ปีของข้อตกลงนี้ ทางมหาวิทยาลัยจะช่วยไทยยูเนี่ยนในการสร้างฟาร์มต้นแบบสำหรับผลิตผัก เพื่อทดลองรูปแบบของการปลูกผัก ซึ่งหากประสบความสำเร็จ ฟาร์มต้นแบบนี้จะดำเนินการผลิตเต็มกำลังทันที

                นอกจากนี้ ทั้งสองหน่วยงานจะร่วมมือทางด้านวิชาการในรูปแบบอื่นๆ เช่น งานวิจัย การเยี่ยมชมดูงานเพื่อการศึกษาและวิทยากรบรรยาย ตลอดจนการสนับสนุนกิจกรรมต่างๆ ของทั้งมหาวิทยาลัยและบริษัท ทั้งนี้ มูลนิธิบ้านสุขใจ ซึ่งเป็นมูลนิธิที่ช่วยเหลือเด็กด้อยโอกาสจะได้รับการสนับสนุนผักสดจากโครงการนี้ด้วย


บันทึกข้อตกลงนี้เป็นอีกหนึ่งตัวอย่างที่ไทยยูเนี่ยนได้ดำเนินการตามความมุ่งมั่นที่จะสนับสนุนผู้คนและชุมชนที่อาศัยและทำงานในพื้นที่ที่เรามีการดำเนินธุรกิจ โดยโครงการนี้จะสนับสนุนเกษตรกรในจังหวัดนครสวรรค์และจังหวัดอื่นๆ เพื่อช่วยพัฒนาฟาร์มของเกษตรกรและสามารถส่งผักให้กับไทยยูเนี่ยนได้ นอกจากนี้ผักจากฟาร์มของบริษัทจะส่งมอบให้กับมูลนิธิบ้านสุขใจด้วย เพื่อนำไปประกอบอาหารให้กับเด็กที่อยู่ในมูลนิธิ

 "บริษัทยินดีอย่างมากที่ได้รับการสนับสนุนจากคณะเกษตร กำแพงแสน มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ เรื่องความรู้และการจัดการผลิตผักแบบเกษตรอินทรีย์ และยังช่วยเราในเรื่องการจัดทำฟาร์มแบบเกษตรอินทรีย์ที่จังหวัดนครสรรค์อีกด้วย สำหรับฟาร์มนี้จะช่วยให้เราได้ผักที่มีคุณภาพและมาตรฐาน อีกทั้งจะช่วยสร้างงานให้กับชุมชนในพื้นที่ดังกล่าวด้วย"

                ดร. ปภพ สินชยกุล คณบดีคณะเกษตร กำแพงแสน มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ วิทยาเขตกำแพงแสน กล่าว ว่าความร่วมมือนี้ จะเป็นประโยชน์ไม่เพียงเฉพาะมหาวิทยาลัยและไทยยูเนี่ยนเท่านั้น แต่จะเป็นประโยชน์ต่อเกษตรกร และชุมชนในพื้นที่จังหวัดนครสวรรค์และจังหวัดอื่นๆ รวมถึงมูลนิธิบ้านสุขใจอีกด้วย"