• Welcome to ลงประกาศฟรี โพสฟรี โปรโมทเว็บไซด์ให้ติดอันดับ SEO ด้วย PBN.
 

poker online

ปูนปั้น

Menu

Show posts

This section allows you to view all posts made by this member. Note that you can only see posts made in areas you currently have access to.

Show posts Menu

Messages - Jessicas

#8822
เติมคอยส์ COINS เติมเงิน Kitty Live, Mico เติมเพชร Kitty Live, Mico

"ได้เยอะกว่าเติมผ่านแอป"
พร้อมรับสมัครวีเจ มีเงินเดือน+ค่าของขวัญ 





111Topup เปิดบริการ เติมคอยส์ เติม COINS เติมเพชร เติมรูบี้ วิธีการเติมเงิน เติมคอยส์ MICO, KittyLive เติม COINS เติมเพชรง่ายนิดเดียว เพียงแค่โอนเงินผ่านเลชบัญชีธนาคารของเรา แจ้งโอน พร้อมบอกเลขไอดี รอรับคอยส์ไม่เกิน 30 วินาที การันตีได้คอยส์ชัวร์ แถมเยอะกว่าเติมผ่านในแอป ไม่โกง ไม่หลอก แน่นอน โดยมีการเติมเงินแบบ 2 ช่องทางหลักคือ

1. เติมคอยส์ MICO, KittyLive  เติมผ่านระบบธนาคาร ATM,ฝากเงินผ่านตู้, Mobile Banking ,ผ่านเว็บไซด์ธนาคาร


2. เติมคอยส์ MICO, KittyLive  เติมเงินผ่านบัตรเติมเงิน ทรูมันนี่ 


111Topup รีบแอดไลน์เพื่อรับโปรโมชั่น แถมคอยส์เพิ่มขึ้น
เติมคอยส์ MICO, KittyLive




Add Line : @111Topup


วิธีการเติมเงิน Kitty Live, Mico คอยส์ COINS เพชร


1.     แอดไลน์ @111Topup (มี @ ด้วยนะคะ) เติมคอยส์ MICO, KittyLive 


2.     โอนเงินผ่านบัญชีธนาคาร ตามที่ระบุไว้ หรือ ถ้าเติมผ่านบัตรทรูมันนี่ ให้ส่งหลักฐานบัตรมาที่ไลน์แอด @111Topup


3.     แจ้งเลขไอดี แอฟ Kitty Live, Mico ในไลน์


4.     เมื่อทีมงานรับเรื่องแล้วไม่เกิน 30 วินาทีคุณจะได้รับคอยส์ (COINS) ใน แอฟ Kitty Live, Mico


5.     เติมคอยส์ MICO, KittyLive  เปิดบริการเติมเงินทุกวัน ตั้งแต่เวลา 08.00 - 02.00 น. (8โมงเช้า-ตี2 ทุกวัน)


 


 


รับสมัครวีเจ ไลฟ์ มีเงินเดือน + ค่าของขวัญ เงินเดือนขั้นต่ำ 6000 บาท 


 


สมัครวีเจ เข้า สังกัด 111 ทำงาน ขั้นต่ำ 20 วัน 30 ชั่วโมงต่อเดือน ทำงานที่บ้านไลฟ์ ออนไลน์ผ่านมือถือ 


มีการันตีเงินเดือน 6000-10000 บาท สำหรับวีเจใหม่ มีเทรนด์งานก่อนขึ้น ไลฟ์ดี ตั้งใจไลฟ์ สังกัดพร้อมซัพพอร์ต ในการหายูสให้แน่นอน รายได้หลักหมื่น - ถึงแสน บาทต่อเดือน


** วีเจที่เคยไลฟ์ BIGO VIBIE YAYA MCAT MLIVE มีการันตีพิเศษ คลิ๊กเลย


สนใจสมัครวีเจ คลิ๊กเลย  https://lin.ee/0apXPWf


 
#8826

โดย ทีมจัดการลงทุน บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน ทิสโก้ จำกัด 

ท่ามกลางแรงหนุนจากอุปสงค์ทั้งในและนอกประเทศที่ฟื้นตัวอย่างเห็นได้ชัด ทำให้ในไตรมาสที่ 1 เศรษฐกิจในกลุ่มประเทศเกิดใหม่ (EM) ยังเติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะเศรษฐกิจจีนที่ในไตรมาส 1 โตถึง 18.3 % YoY ซึ่งเป็นการเติบโตที่แข็งแกร่งที่สุดนับตั้งแต่ปี 1992 ทําให้รัฐบาลจีนออกมาทยอยผ่อนปรนการผ่อนคลายทั้งนโยบายการเงินและการคลังลง (Policy Normalization) ซึ่งเรามีมุมมองว่าอาจจะส่งผลกระทบทำให้เศรษฐกิจในกลุ่มประเทศ EM ชะลอตัวลงในระยะข้างหน้า แต่อย่างไรก็ตาม เศรษฐกิจ EM ยังมีปัจจัยสนับสนุนจากธนาคารกลางต่างๆ ทั่วโลกที่ยังใช้นโยบายการเงินและการคลังแบบผ่อนคลายและเศรษฐกิจโลกยังฟื้นตัวอย่างต่อเนื่อง โดย IMF ได้ปรับคาดการณ์ว่า เศรษฐกิจโลกจะขยายตัว 6% ในปีนี้ ซึ่งเป็นการปรับเพิ่มขึ้นจากที่เคยคาดการณ์เอาไว้เมื่อเดือน ม.ค. ที่ว่าจะขยายตัวที่ระดับ 5.5% โดยได้รับปัจจัยหนุนจากโครงการฉีดวัคซีนในหลายๆ ประเทศทั่วโลก

สำหรับด้านการลงทุน เรามีมุมมองเป็นกลางต่อตลาดหุ้น EM ในระยะสั้นถึงกลาง เนื่องจากยังคงมีปัจจัยเสี่ยงด้านลบที่ต้องติดตาม ปัจจัยแรก ได้แก่ การที่รัฐบาลจีนทำ Policy Normalization ซึ่งเริ่มส่งผลกระทบต่อตัวเลขทางเศรษฐกิจของจีนทั้งดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อภาคการผลิตของจีน (Chinese Man.cturing PMI) ที่ดูหมือนจะชะลอตัวลงและตัวเลขสภาพคล่องทางการเงินในประเทศจีน TSF ที่มีแนวโน้มจะผ่านจุดสูงสุดไปแล้ว โดยถ้าตัวเลขเหล่านี้ยังชะลอลงอย่างต่อเนื่องอาจจะส่งผลกระทบต่อภาพรวมเศรษฐกิจในภูมิภาค EM ได้ ปัจจัยต่อมาได้แก่ตัวเลขผู้ติดเชื้อ COVID-19 ในประเทศกลุ่ม EM เช่น ตุรกี อินเดีย และบราซิล ยังสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง รวมถึงยอดการฉีดวัคซีนในกลุ่มประเทศ EM ที่ยังน้อยกว่ามากเมื่อเทียบกับกลุ่มประเทศ Developed Market (DM) เช่น ยุโรป หรือ สหรัฐฯ ดังแผนภาพที่ 

นอกจากนี้ยังมีความเสี่ยงจากค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯ ที่มีแนวโน้มจะแข็งค่าขึ้นในระยะสั้น ซึ่งจะกดดันกำไรของบริษัทจดทะเบียนในตลาดหุ้น EM และ ความขัดแย้งระหว่างสหรัฐฯ กับจีนที่ไม่รู้จะสิ้นสุดลงอย่างไร แต่อย่างไรก็ตาม ด้วยความที่สภาวะตลาดในช่วงที่ผ่านมาจะเป็นการสลับการลงทุนระหว่างกลุ่มมากกว่าการเทขายทั้งตลาด ทำให้ถึงแม้โดยรวมเราจะมีมุมมองเป็นกลาง แต่เรายังมองว่าหุ้นบางกลุ่มยังมีโอกาสให้ผลตอบแทนที่ดีอยู่ในระยะข้างหน้า เช่น หุ้นกลุ่มเทคโนโลยีในจีนที่ในช่วงที่ผ่านมาโดนผลกระทบจากการสลับการลงทุนจากหุ้นกลุ่ม Growth ไปยังหุ้น กลุ่ม Value รวมถึงกฎเกณฑ์ของรัฐบาลจีนเกี่ยวกับการต่อต้านการผูกขาด ทำให้ราคาของหุ้นกลุ่มนี้ปรับตัวลงมาค่อนข้างแรง โดยหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีในจีน (FTSE China Incl A 25% Technology Capped Index) จากต้นปีปรับตัวลงมาประมาน 2.5% เทียบกับตลาดหุ้นจีนโดยรวม (MSCI China Index) ที่ปรับตัวลงประมาณ 0.5% ส่วนหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีในสหรัฐฯ (Nasdaq 100 Index) ปรับตัวขึ้นถึง 10 % ทำให้ Valuation ในเชิงเปรียบเทียบของหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีในจีนลงมาอยู่ในระดับที่น่าสนใจ ดังแผนภาพที่ 2


สุดท้ายนี้ ถึงแม้ตลาดหุ้น EM จะยังไม่มีความน่าสนใจในระยะสั้นถึงกลางแต่ในระยะยาวเรายังมีมุมมองเป็นบวกต่อการลงทุนในตลาดหุ้น EM อยู่จากระดับ Valuation ที่ยังอยู่ในระดับที่ต่ำเทียบกับตลาดหุ้น DM ดังแผนภาพที่ 3 รวมถึงแนวโน้มเงินเฟ้อที่อยู่ในขาขึ้นจากสภาวะเศรษฐกิจที่ค่อยๆ ฟื้นตัวจากผลกระทบของ COVID-19 ซึ่งจะเป็นปัจจัยสนับสนุนตลาดหุ้น EM ในระยะยาว ทำให้ตลาดหุ้น EM ยังเป็นทางเลือกที่ดีในการลงทุนระยะยาวและกระจายความเสี่ยงของพอร์ตการลงทุน

https:// m.mgronline.com/mutualfund/detail/9640000075343
#8827


ดัชนีและภาวะตลาดหุ้น น้ำมัน ทองคำ และตลาดเงินต่างประเทศ ประจำวันที่ 30 ก.ค.2564

-- ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดลบเมื่อวันศุกร์ (30 ก.ค.) โดยถูกกดดันจากการร่วงลงของหุ้นแอมะซอน.คอม หลังบริษัทคาดการณ์ว่ายอดขายจะชะลอการขยายตัว นอกจากนี้ ความวิตกเกี่ยวกับการแพร่ระบาดอย่างรวดเร็วของไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์เดลตา และอัตราเงินเฟ้อที่เพิ่มขึ้นในสหรัฐฯ เป็นปัจจัยถ่วงตลาดลงด้วย

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 34,935.47 จุด ลดลง 149.06 จุด หรือ -0.42%, ดัชนี S&P500 ปิดที่ 4,395.26 จุด ลดลง 23.89 จุด หรือ -0.54% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 14,672.68 จุด ลดลง 105.59 จุด หรือ -0.71%

-- ตลาดหุ้นยุโรปปิดปรับตัวลงเมื่อวันศุกร์ (30 ก.ค.) เนื่องจากนักลงทุนวิตกเกี่ยวกับการแพร่ระบาดอย่างรวดเร็วของไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์เดลตา และการที่รัฐบาลจีนคุมเข้มด้านกฎระเบียบกับภาคธุรกิจ ซึ่งได้บดบังความเชื่อมั่นเกี่ยวกับการเปิดเผยผลประกอบการที่แข็งแกร่งของบริษัทจดทะเบียน และการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ

ดัชนี Stoxx Europe 600 ปิดตลาดที่ระดับ 461.74 จุด ลดลง 2.10 จุด หรือ -0.45%

ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 6,612.76 จุด ลดลง 21.01 จุด หรือ -0.32%, ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมนีปิดที่ 15,544.39 จุด ลดลง 96.08 จุด หรือ -0.61% และดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,032.30 จุด ลดลง 46.12 จุด หรือ -0.65%

-- ตลาดหุ้นลอนดอนปิดลดลงเมื่อวันศุกร์ (30 ก.ค.) โดยถูกกดดันจากหุ้นกลุ่มเหมืองแร่ที่ร่วงลง ท่ามกลางความวิตกว่าจำนวนผู้ติดเชื้อโควิด-19 ที่เพิ่มขึ้นทั่วโลกอาจกระทบการขยายตัวทางเศรษฐกิจ

ดัชนี FTSE 100 ปิดที่ 7,032.30 จุด ลดลง 46.12 จุด หรือ -0.65%

-- สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เทกซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดเพิ่มขึ้นเมื่อวันศุกร์ (30 ก.ค.) เนื่องจากนักลงทุนยังคงเชื่อมั่นเกี่ยวกับแนวโน้มอุปสงค์น้ำมันท่ามกลางการเปิดเศรษฐกิจของประเทศต่างๆ แม้จำนวนผู้ติดเชื้อโควิด-19 ยังคงเพิ่มขึ้นก็ตาม

สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือน ก.ย. เพิ่มขึ้น 33 เซนต์ หรือ 0.5% ปิดที่ 73.95 ดอลลาร์/บาร์เรล โดยเพิ่มขึ้น 2.6% ในรอบสัปดาห์นี้ และเพิ่มขึ้น 0.7% ในเดือน ก.ค.

สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือน ก.ย. เพิ่มขึ้น 28 เซนต์ หรือ 0.4% ปิดที่ 76.33 ดอลลาร์/บาร์เรล โดยเพิ่มขึ้น 3% ในรอบสัปดาห์นี้ และเพิ่มขึ้น 1.6% ในเดือน ก.ค.

-- สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดลดลงเมื่อวันศุกร์ (30 ก.ค.) เนื่องจากนักลงทุนเทขายสัญญาทองคำออกมาเพื่อทำกำไร หลังจากราคาทองคำพุ่งแตะระดับสูงสุดในรอบ 6 สัปดาห์

ทั้งนี้ สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือน ธ.ค. ลดลง 18.6 ดอลลาร์ หรือ 1.01% ปิดที่ 1,817.2 ดอลลาร์/ออนซ์ แต่ปรับตัวขึ้นเกือบ 0.9% ในรอบสัปดาห์นี้ และเพิ่มขึ้น 2.6% ในเดือน ก.ค.

สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือน ก.ย. ลดลง 23.5 เซนต์ หรือ 0.91% ปิดที่ 25.547 ดอลลาร์/ออนซ์

สัญญาแพลทินัมส่งมอบเดือน ต.ค. ลดลง 19.2 ดอลลาร์ หรือ 1.8% ปิดที่ 1,048.4 ดอลลาร์/ออนซ์

ส่วนสัญญาพัลลาเดียมส่งมอบเดือน ก.ย. เพิ่มขึ้น 13.10 ดอลลาร์ หรือ 0.79% ปิดที่ 2,656.20 ดอลลาร์/ออนซ์

-- ดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักๆ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อวันศุกร์ (30 ก.ค.) โดยได้แรงหนุนจากการเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งของสหรัฐฯ ขณะที่เงินยูโรและปอนด์อ่อนค่าลง

ดัชนีดอลลาร์ซึ่งเป็นดัชนีวัดความเคลื่อนไหวของดอลลาร์เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก 6 สกุลในตะกร้าเงิน เพิ่มขึ้น 0.33% แตะที่ 92.1701 เมื่อคืนนี้

ดอลลาร์แข็งค่าเมื่อเทียบกับเงินเยนที่ระดับ 109.75 เยน จากระดับ 109.46 เยน, แข็งค่าเมื่อเทียบกับฟรังก์สวิสที่ระดับ 0.9061 ดอลลาร์ จากระดับ 0.9055 ดอลลาร์ และดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าเมื่อเทียบกับดอลลาร์แคนาดาที่ระดับ 1.2478 ดอลลาร์แคนาดา จากระดับ 1.2439 ดอลลาร์แคนาดา

ยูโรอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐที่ระดับ 1.1857 ดอลลาร์ จากระดับ 1.1890 ดอลลาร์, เงินปอนด์อ่อนค่าลงสู่ระดับ 1.3891 ดอลลาร์ จากระดับ 1.3967 ดอลลาร์ และดอลลาร์ออสเตรเลียอ่อนค่าลงแตะที่ระดับ 0.7335 ดอลลาร์ จากระดับ 0.7400 ดอลลาร์

ดัชนี DJIA ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดที่ 34,935.47 จุด ลดลง 149.06 จุด, -0.42%,

ดัชนี S&P500 ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดที่ 4,395.26 จุด ลดลง 23.89 จุด, -0.54%

ดัชนี NASDAQ ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดที่ 14,672.68 จุด ลดลง 105.59 จุด, -0.71%

ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,032.30 จุด ลดลง 46.12 จุด, -0.65%

ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 6,612.76 จุด ลดลง 21.01 จุด, -0.32%

ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมนีปิดที่ 15,544.39 จุด ลดลง 96.08 จุด, -0.61%

ดัชนี SENSEX ตลาดหุ้นอินเดียปิดที่ 52,586.84 จุด ลดลง 66.23 จุด, 0.13%

ดัชนี Jakarta Composite ตลาดหุ้นอินโดนีเซียปิดที่ 6,070.04 จุด ลดลง -50.69 จุด, -0.83%

ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซียปิดที่ 1,494.60 จุด ลดลง 8.33 จุด, -1.21%

ดัชนี PSE Composite ตลาดหุ้นฟิลิปปินส์ปิดที่ 6,270.23 จุด ลดลง 226.30 จุด, -3.48%

ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์ปิดที่ 3,166.94 จุด ลดลง 13.67 จุด, -0.43%

ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกงปิดที่ 25,961.03 จุด ลดลง 354.29 จุด, -1.35%

ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีนปิดที่ 3,397.36 จุด ลดลง 14.37 จุด, -0.42%

ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวันปิดที่ 17,247.41 จุด ลดลง 155.40 จุด, -0.89%

ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้ปิดที่ 3,202.32 จุด ลดลง 40.33 จุด, -1.24%

ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่นปิดที่ 27,283.59 จุด ร่วงลง 498.83 จุด, -1.80%

ดัชนี S&P/ASX 200 ตลาดหุ้นออสเตรเลียปิดที่ 7,392.60 จุด ลดลง 24.80 จุด, -0.33%

ดัชนี ALL ORDINARIES ตลาดหุ้นออสเตรเลียปิดที่ 7,664.20 จุด ลดลง 31.00 จุด,-0.40%
#8831


"บิ๊กป๋อม" อดิศักดิ์ เบ็ญจศิริวรรณ อุปนายกสมาคมกีฬาฟุต.แห่งประเทศไทยฯ ฝ่ายพัฒนาฟุตซอลและฟุต.ชายหาด ได้กล่าวถึงภาพรวม ในการจัดการแข่งขัน CONTINENTAL FUTSAL CHAMPIONSHIP THAILAND 2021 และ ผลงานของ ทีมฟุตซอล ทีมชาติไทย ในการเตรียมทีมก่อนไป ฟุตซอลโลก 2021 ว่า

"ในนาม สมาคมกีฬาฟุต.แห่งประเทศไทยฯ ผมต้องขอขอบคุณทุกภาคส่วน ที่ช่วยสนับสนุน ทำให้เกิดการแข่งขันในครั้งนี้ ทั้ง กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา การกีฬาแห่งประเทศไทย ศบค. กรมควบคุมโรค ฝ่ายจัดการเเข่งขัน และ ทุก ๆ ฝ่ายที่เกี่ยวข้อง ที่ร่วมแรงร่วมใจทำงานหนักกันทุกวัน จนทัวร์นาเม้นต์นี้ประสบความสำเร็จ ซึ่ง รายการนี้มีความสำคัญต่อทีมฟุตซอล ทีมชาติไทย เป็นอย่างมาก เพราะเป็นการทดสอบเตรียมทีมในระยะแรก ก่อนไป ฟุตซอลโลก"

"รายการนี้ เรามีทีมที่ไป ฟุตซอลโลก ถึง 5 ทีม เข้ามาร่วมแข่งขัน การแข่งขันทุกแมตช์จึงเข้มข้นมาก ๆ อีกทั้งต้องลงเล่น 5 แมตช์ ใน 6 วัน ก็ถือว่าหนักมาก ในการเเข่งขันระดับนานาชาติเเบบนี้ ต้องขอชมเชยทุกทีม ที่เล่นกันเต็มที่ในทุกเเมตช์ เป้าหมายสำคัญของทีมชาติไทยครั้งนี้ ก็คือ การทดสอบระบบทีม เเละ การทำงานร่วมกันของทีมกับหัวหน้าผู้ฝึกสอน เเละ ทีมสต๊าฟฟ์ชุดใหม่ ก่อนหน้านี้ เรามีเวลาเตรียมทีมฝึกซ้อมเพียง 9 วัน เป็นระยะเวลาที่ค่อนข้างสั้น ซึ่งผลงานโดยรวมออกมาได้ขนาดนี้ ค่อนข้างน่าพอใจในระดับหนึ่ง แม้จะไม่ได้สมบูรณ์แบบ แต่การเข้ามาชิงกับ อิหร่าน ก็ถือว่าทุก ๆ คนได้ผ่านเกมที่มีมาตรฐานสูง หลากหลายสไตล์ รวมทั้ง ผ่านสภาวะความกดดันในแต่ละแมตช์มาได้"

"สำคัญคือ เราสามารถประเมินทีมในขณะนี้ได้ ซึ่งมีทั้งข้อดีเ เละ จุดด้อย ที่ต้องปรับปรุงแก้ไขกันอีกมาก โดยเฉพาะเรื่องของเกมรับ และ สมรรถภาพของร่างกาย รวมถึง รายละเอียดต่าง ๆ ในด้านเเท็คติค ความเข้าใจในการใช้ Video Support เพื่อนำไปปรับปรุงพัฒนาระบบทีมให้ลงตัว ก่อนการเเข่งขัน ฟุตซอลโลก โอกาสนี้ ผมขอเเสดงความชื่นชม และ ยกย่องความเป็นนักสู้ของนักฟุตซอลทีมชาติ ที่มีสปิริตทีมที่ยอดเยี่ยม เห็นได้ว่า เกือบทุกเกมที่เราโดนนำก่อน แต่สุดท้ายก็สามารถกลับมาคว้าชัยชนะได้ นั่นเป็นปัจจัยสำคัญ ที่เราได้ในเเง่ของทัศนคติการเล่น และ ความมุ่งมั่นกระหายชัยชนะ ซึ่งจะเป็นอีกหนึ่งจุดแข็งของทีมชาติไทยชุดนี้ ในการไปสู้ศึกในเวทีโลก"

"หลังจากนี้ เราจะมีเวลาอีกประมาณเดือนเศษ จบทัวร์นาเม้นต์นี้ ก็จะปล่อยนักเตะได้กลับไปพัก ก่อนจะเรียกรวมพลอีกครั้ง ในฐานะฝ่ายพัฒนาฟุตซอลและฟุต.ชายหาด ของ สมาคมกีฬาฟุต.ฯ ก็ต้องเร่งเรื่องการบริหารจัดการ ทั้งการฝึกซ้อม และ หาเกมอุ่นเครื่องเพิ่มอีก 4-5 แมตช์ โดยเฉพาะทีมจากยุโรป หรือ แอฟริกา เรามีเเผนงานในการจัดทัวร์นาเม้นต์ เพื่อทดสอบระบบทุกอย่างของทีมในขั้นตอนสุดท้าย เพื่อให้พร้อมมากที่สุด ก่อนจะไป เวิลด์คัพ"

https:// m.mgronline.com/sport/detail/9640000075195
#8833


"พี่เช Teen Club" ได้มีโอกาสพูดคุยกับ 7 สาววงไอดอลกรุ๊ป "PSYCHE" (ไซคี) ที่เพิ่งปล่อยเพลงซิงเกิ้ลแรก "CUPID" ออกมากระชากใจเหล่าแฟนคลับด้วยเสียงหวาน ๆ ปนเท่ ในสไตล์เพลงป๊อปฟังง่าย

ทั้ง 7 สาว "ถุงแป้ง-บีม-เฟิร์น-มายด์-จีจี้-เมี่ยวหลิง-สมายด์" เล่าให้ฟังว่า เพลง CUPID พูดถึงการแอบรักที่ไม่ยอมบอกเขาสักที ได้แต่หนีไปหาหมอดู แถมในเพลงยังชี้เป้าจุดขอพรความรักทั้งไทยและเทศ สำหรับคนโสดที่อยากหาคู่ หรือคนที่อยากสมหวังในความรัก ห้ามพลาดเพลงนี้โดยเด็ดขาด

ไปฟังสาว ๆ พูดถึงเพลง CUPID กันเลย

ถุงแป้ง


"สวัสดีค่ะ ถุงแป้งนะคะ ก่อนอื่นก็ฝากไปฟังเพลง CUPID กันเยอะ ๆ เลยย ถ้าชอบก็บอกต่อกันด้วยนะงับ หนูตั้งใจมาก ๆ ถึงจะมีอุปสรรคไปบ้าง แต่ทุกอย่างก็ผ่านไปได้ด้วยดีเลย หนูได้ถ่าย vlog บรรยากาศวันอัดเพลงไว้ด้วย ถ้าทำเสร็จแล้วมาดูกันนะคะว่าจะสนุกกันขนาดไหนนน สุดท้ายนี้ฝากเพลง Cupid เดบิวต์ซิงเกิ้ลของพวกเราไว้ในใจทุกคนด้วยนะคะ มันดีมากจริง ๆ นะ55555 ในอนาคตก็จะมีผลงานใหม่ ๆ เพลงใหม่ ๆ ให้ติดตามเรื่อย ๆ แน่นอน ทุกคนจะไม่ผิดหวังงงง (สามารถฟังได้ในสตรีมด้วยน้า)"

บีม


"สวัสดีค่ะ บีมจากวงไซคีค่ะ ต้องบอกก่อนเลยว่านี่เป็นเพลงแรกในชีวิตบีมเลยค่ะ รู้สึกดีใจและตื่นเต้นมาก ๆ หลังจากที่ได้ฟัง Backing Track และอ่านเนื้อเพลงครั้งแรกต้องร้อง...ว้าวว!! ออกมาเลย คือเพลงน่ารักมากก ๆ บีมชอบความหมายของเพลงมากค่ะ เรียกได้ว่าเป็นเพลงที่ทุกคนต้องประสบกับปัญหานี้เลย อยากรู้ใช่ไหมคะว่ายังไง? ต้องไปฟังกันแล้วค่ะ! เพลงชื่อว่า Cupid เป็น Debut Single ของพวกเราเย้!  ที่ขาดไม่ได้เลย ต้องขอบคุณพี่ Sound engineer พี่ ๆ ทุกฝ่ายที่ทำให้เกิดเพลงนี้ออกมาให้ทุกคนได้ฟังกัน และพี่ ๆ น้อง ๆ ในวงทุกคนเลยนะคะ พวกเราพยายามกันเต็มที่มาก ๆ หวังว่าทุกคนจะชอบและ support พวกเราไปนาน ๆ เลยนะคะ"

เฟิร์น


"จริง ๆ แล้ว เฟิร์นรู้สึกว่าตัวเองร้องเพลงไม่เก่งเอามาก ๆ พอเป็นเพลงแรกเลยรู้สึกกดดันแบบสุด ๆ เลยค่ะ เพราะอยากจะให้มันออกมาดีที่สุดสมกับที่รอคอยกันมา บรรยากาศในห้องอัดตอนแรกเลยค่อนข้างใหม่ ตื่นเต้น และกดดันตัวเองนิดนึง แต่ว่าทั้งพี่ sound engineer ทั้งเพื่อน ๆ ในวงช่วยกัน Ice breaking เลยผ่อนคลายลงไปมาก ๆ แล้วก็สนุกมาก ๆ เลย ฝาก 1st Debut Single ของไซคีด้วยนะคะ ตั้งใจมาก ๆๆ ตั้งใจกว่านี้ไม่ได้แล้ว 5555 ฟังเพลงให้ enjoy นะคะ เพลงสนุกสนานและสดใสมาก ๆ หวังว่าจะได้ขึ้นสเตจพร้อมกับเพอร์ฟอร์แมนซ์ที่ทุกคนรอคอยค่ะ ระหว่างนี้ก็ปั่นวิววนไปปป ฟังบ่อย ๆ จนร้องท่อนแร็พได้เลยนะ หนูตั้งใจแร็พสุด ๆ"

มายด์


"สวัสดีค่ะ มายด์ นะคะ ก่อนอื่นต้องขอบคุณที่ติดตามและสนับสนุนเพลงของพวกเรา Psyche นะคะ พวกเราก็เป็นวงไอดอลน้องใหม่เล็ก ๆ ที่อยากจะพัฒนาตัวเองไปเรื่อย ๆ อย่างเต็มที่ และสร้างผลงานให้กับทุกคน เพลงนี้ก็เป็นเพลงเดบิวต์แรกของพวกเรา เป็นครั้งแรกของมายด์ที่ได้เข้าห้องอัดด้วยค่ะ และเป็นคนแรกที่ได้อัดด้วย ตื่นเต้นมากก ใจนี่ดังตุ๊บ ๆ แต่ก็ผ่านไปได้ เพราะพี่ ๆ ให้กำลังใจกัน รวมถึงพี่ ๆ ที่ studio ด้วยค่ะ และผลงานก็ออกมาเป็นที่พอใจ ปลื้มปริ่มมาก ๆ เลยค่ะ ขอขอบคุณทุก ๆ คนอีกครั้งนะคะ รวมถึงแฟนคลับที่ติดตามเรามาตั้งแต่แรก ถ้าพวกเราไม่มีแฟนคลับและทุกคน เพลงนี้ก็คงไม่สามารถออกมาให้ทุกคนได้ฟังแบบนี้ สุดท้ายนี้ ขอฝากเพลง Cupid ของพวกเรา Psyche นะคะ มาเสี่ยงดวงกันเถอะ!"

จีจี้


"สวัสดีค่าา จี้จากวงไซคี นะคะ ตอนนี้พวกเราไซคี ก็เพิ่งปล่อย Debut Single-Cupid ออกมานะคะ! เพลงนี้ถือเป็นครั้งแรกของจี้เลยที่ได้เข้าห้องอัดค่ะ ซึ่งวันที่เข้าไปห้องอัดเพลง สำหรับจี้นะ บอกเลยว่า ทั้งสนุก ตื่นเต้น และกดดันมาก ๆๆๆๆๆๆ
หนูต้องขอบคุณเพื่อน ๆ ในวง พี่โปรดิวเซอร์ และพี่ ๆ Sound Engineer ทุกคนที่คอยช่วย คอยผลักดัน คอยสนับสนุน และให้กำลังใจทุก ๆ อย่าง ทำให้เราอัดเพลงนี้ออกมากันได้สมบูรณ์แบบที่สุด ณ ช่วงเวลานั้น ครั้งนี้ก็ถือว่าเป็นประสบการณ์ที่ดี และแฮปปี้มาก ๆ ค่ะ ขอบคุณแฟนคลับทุกคนที่ติดตามจี้ และ พวกเราไซคีนะคะ ยังไงก็ฝากติดตามเพลง Cupid-Debut Single ของพวกเราไว้ในอ้อมอกอ้อมใจด้วยนะคะ หวังว่าทุกคนจะชอบ และร้องเพลงของเราได้แบบขึ้นใจในเร็ววันนี้ค่าาา"

เมี่ยวหลิง


"สวัสดีค่า เมี่ยวหลิงนะคะ เป็นยังไงบ้างคะ สำหรับเพลงเดบิวต์ของพวกเรา หลิงต้องขอบคุณทุกคนมาก ๆ เลยนะคะ ที่คอยสนับสนุน เป็นกำลังใจให้พวกเรามาตลอดจนถึงวันนี้ ผลงานเพลงแรกนี้ พวกเรา Psyche ตั้งใจแล้วก็พยายามทำกันมาก ๆ เลยค่ะ เป็นเพลงน่ารัก ๆ แนวสดใส ฟังแล้วใจฟูยิ่งกว่าก้อนเมฆ น่าจะถูกใจคนที่กำลังมีความรักแน่เลย หวังว่าจะได้เจอทุกคน แล้วก็ได้ขึ้น Stage Performance เร็ว ๆ นี้หลังจากสถานการณ์โควิดดีขึ้นนะคะ สุดท้ายนี้สำหรับใครที่ยังไม่ได้ฟังเพลง Cupid นะคะ สามารถเข้าไปฟังได้ใน youtube, Apple music, Spotify, Joox, Deezer เลยค่า แล้วก็ฝากติดตามวงไอดอลน้องใหม่ Psyche ของเรากันด้วยนะคะ เดี๋ยวจะมีผลงานใหม่ ๆ ออกมาให้ฟังกันอีกแน่นอนค่า"

สมายด์


"สวัสดีค่ะ สมายด์ไซคีค่ะ เจ้าเด็กน้อยเองงับ ก่อนอื่นเลย ปกติแล้วสมายด์เองเข้าห้องอัดเพลงบ่อยอยู่แล้วค่ะ แต่พอมาเป็นเพลงนี้ต้องร้องกับพี่ ๆ แล้วก็เป็นเพลงเดบิวต์ อยากจะบอกว่าตอนแรกเนี่ยกดดันตัวเองมากค่ะ เพราะเราเป็นคนรู้สึกว่าเนื้อเสียงเราแตกต่างจากพี่ ๆ มาก กลัวจะออกมาไม่ดี แต่พอไปถึงห้องอัด มีกำลังใจมากขึ้น พี่ ๆ คอยให้กำลังใจ และก็มีความสุขกับการอัดเพลงมาก ๆ ค่ะ ก็ต้องขอบคุณพี่ทุกคนเลย ทั้งพี่ Producer พี่ ๆ Sound engineer และพี่ ๆ ในวง PSYCHE ที่น่ารักทุกคนเลยนะค้าบ และก็ขอบคุณแฟนคลับหลาย ๆ คนที่ค่อยซัพพอร์ตด้วยนะค้าบ ส่วนใครที่ยังไม่ได้ฟัง ต้องไปฟังแล้วนะ เพลง CUPID ของพวกเรา PSYCHE ด้วยนะค้าบ ก็อยากจะให้ทุกคนเป็นกำลังใจให้พวกเราด้วยนะคะ มาฟังกันเยอะ ๆ ฝากติดตามพวกเราด้วยนะค้าบบบ"

ไปฟังเพลง CUPID กันเลย...


ไปทำความรู้จักสาว ๆ PSYCHE กันให้มากขึ้น
 Thoongpaeng Psyche (ถุงแป้ง)
สีประจำตัว : สีเหลือง
เกิดวันที่ 30.12
IG : @Thoongpaeng.PsycheOfficial
FB Page : https:// www.facebook.com/Thoongpaeng.psycheofficial/

 Beam Psyche (บีม)
สีประจำตัว : สีส้ม
เกิดวันที่ 10.10
IG : @Beam.PsycheOfficial
FB Page : https:// www.facebook.com/Beampsycheofficial-107217418100686/

 Phern Psyche (เฟิร์น)
สีประจำตัว : สีชมพู
เกิดวันที่ 22.12
IG : @Phern.PsycheOfficial
FB Page : https:// www.facebook.com/Phernpsycheofficial-105148988283015/

 Mind Psyche (มายด์)
สีประจำตัว : สีฟ้า
เกิดวันที่ 21.10
IG : @Mind.PsycheOfficial
FB Page : https:// www.facebook.com/Mindpsycheofficial-100602602078490

 Jiejyy Psyche (จีจี้)
สีประจำตัว : สีน้ำตาล
เกิดวันที่ 03.09
IG : @Jiejyy.PsycheOfficial
FB Page : https:// www.facebook.com/jiejyy.psycheofficial

 Miaolhing Psyche (เมี่ยวหลิง)
สีประจำตัว : สีดำ
เกิดวันที่ 11.07
IG : @Miaolhing.PsycheOfficial
FB Page : https:// www.facebook.com/ml.psycheofficial

 Smile Psyche (สมายด์)
สีประจำตัว : สีแดง
เกิดวันที่ 21.12
IG : @Smile.PsycheOfficial
FB Page : https:// www.facebook.com/Smilepsycheofficial-102138322070977
 
#8834



เมื่อเวลา 13.30 น. วันที่ 30 ก.ค. 2564 ในการแถลงสถานการณ์โควิด 19 นพ.เกียรติภูมิ วงศ์รจิต ปลัดกระทรหวงสาธารณสุข(สธ.) กล่าวว่า ประเทศไทยมีการฉีดวัคซีนโควิด19 แล้ว 17,011,477 โดส เป็นเข็มที่ 1 จำนวน 13,225,233 ราย และครบ 2 เข็ม 3,786,244 ราย   ส่วนความครอบคลุม พื้นที่กทม,และปริมณฑล 44.20 % เฉพาะกทม. 61.67 % ส่วนของผู้สูงอายุได้รับวัคซีนแล้วประมาณ 70 %  แต่ในภูมิภาคฉีดได้เพียง 12 % เพราะวัคซีนมีจำนวนจำกัด ที่ผ่านมาจึงเกลี่ยมาให้หพื้นที่ระบาดอย่างกรุงเทพฯและปริมณฑลก่อน  แต่จากนี้ต่างจังหวัดจะได้รับวัคซีนมากขึ้น โดยในเดือนส.ค.ที่จะมีวัคซีน 10 ล้านโดสก็จะกระจายไปฉีดในต่างจังหวัดมากขึ้น เน้นกลุ่มเป้าหมายเป็นผู้ที่มีอายุ 60 ปีขึ้นไป  ผู้ที่มีโรคประจำตัว 7 กลุ่มโรค และหญิงตั้งครรภ์ที่มีอายุครรภ์เกิน 12 สัปดาห์ขึ้นไป จะได้วัคซีนก่อน จากนั้นเป็นอสม. และบุคลากรอื่นๆต่อไป 

      นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ อธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวว่า  การฉีดวัคซีนในสูตรใหม่ คือ ซิโนแวคเข็มที่ 1 และ แอสตร้าเซนเนก้าเข็มที่ 2 โดยห่างกัน 3 สัปดาห์  ซึ่งจะทำให้ประสิทธิภาพใกล้เคียงกับสูตรเดิมแต่ฉีดครบ 2 เข้มเร็วขึ้นจาก 12 สัปดาห์เหลือเพียง 3 สัปดาห์ ซึ่งจากที่มีการดำเนินการมาระยะหนึ่งแล้วนั้น ในแง่ความปลอดภัยและอาการไม่พึงประสงค์หลังการรับวัคซีนไม่ได้แตกต่างจากการฉีดแบบสูตรเดิม จึงมีประสิทธิภาพและความปลอดภัยอยู่ในระดับที่น่าพึงพอใจ

      "ส่วนการกระจายวัคซีนเดือนส.ค. ช่สงกระจาจวัครซีนเดือนส.ค.จะกระจายไปยังต่างจังหวัดมากขึ้น หลังจากที่เดือนมิ.ย.- ก.ค.กระจายในกทม.ปริมณฑลค่อนข้างมากเพื่อควบคุมการระบาดของโรค โดยมีเป้าหมายฉีดให้กับกลุ่มเสี่ยง รวมถึง อสม.เป็นหลัก จากนั้นส่วนหนึ่งจะใช้ควบคุมการระบาดในพื้นที่ระบาดเป็นจุดๆไป และฉีดในกลุ่มเป้าหมายพิเศษ เช่น พื้นที่ท่องเที่ยง อาทิ พังงา กระบี่ เป็นต้น"นพ.โอภาสกล่าว  

  นพ.โอภาส  กล่าวอีกว่า สำหรับวัคซีนไฟเซอร์ซึ่งได้รับบริจาคจากประเทศสหรัฐอเมริกาจำนวน 1.5 ล้านโดสและส่งมาถึงประเทศไทยแล้วนั้น  จะฉีดใช้ให้ 4 กลุ่มเป้าหมาย ประกอบด้วย 

     กลุ่มที่ 1  บุคลากรการแพทย์และสาธารณสุข ที่ดูแลผู้ป่วยโควิด19ทั่วประเทศ เป็นเข็มที่ 3 เพื่อกระตุ้นภูมิค้มกัน จำนวน 7 แสนโดส   ซึ่งได้มีการสำรวจรายชื่อจากรพ.ต่างๆส่งมา จากนั้นสธ.จะกระจายวัคซีนไปรพ.เป้าหมายต่างๆ เพื่อฉีดให้บุคลากรสาธารณสุขมีภูมิคุ้มกันมากขึ้น

กลุ่มที่ 2 ฉีดในผู้สูงอายุ  ผู้ที่มี 7 กลุ่มโรคเรื้อรัง  หญิงตั้งครรภ์ที่อายุครรภ์เกิน 12 สัปดาห์ แต่เนื่องจากวัคซีนไฟเซอร์สามารถรฉีดในเด็กอายุ 12 ปีขึ้นไปได้ด้วย เพราะฉะนั้นจะมีการฉีดให้กลับเด็กที่มีอายุ 12 ขึ้นไปและป่วยใน 7 กลุ่มโรคเรื้อรังจะได้รับวัคซีนนี้ด้วย ซึ่งจะมีการกระจายไปใน 13 จังหวัดพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด คือ กรุงเทพฯ สมุทรปราการ ปทุมธานี นนทบุรี นครปฐม สมุทรสาคร ฉะเชิงเทรา ชลบุรี พระนครศรีอยุธยา สงขลา ปัตตานี ยะลาและนราธิวาส จำนวน 645,000 โดส

กลุ่มที่ 3 ชาวต่างชาติที่อาศัยในประเทศไทย โดยเป็น ผู้ที่มี 7 กลุ่มโรคเรื้อรัง  หญิงตั้งครรภ์ที่อายุครรภ์เกิน 12 สัปดาห์ และคนไทยผู้ที่จะเดินทางไปต่างประเทศที่จำเป็นต้องฉีดวัคซีนไฟเซอร์ เช่น นักเรียน  นักศึกษา เป็นต้น จำนวน 150,000 โดส

และกลุ่มที่ 4  ทำการศึกษาวิจัย โดยการอนุมัติของคณะกรรมการวิจัยจริยธรรม เพื่อนำผลการวิจัยมาใช้ในการกำหนดนโยบายต่อไป จำนวน 5,000 โดส   

 
สรุปไทม์ไลน์ 'วัคซีนโควิด-19' อย่าง 'วัคซีนไฟเซอร์' 1.5 ล้านโดส ได้ฉีดเมื่อไหร่
  "วัคซีนไฟเซอร์ที่ส่งมาเป็นวัคซีนเข้มข้น ต้องมีการผสมด้วยน้ำเกลือก่อนนำไปฉีด เป็นวัคซีนที่ใน 1 ขวดผสมแล้วฉีดได้ 6 โดส  โดยวัคซีนไฟเซอร์กำหนดให้ฉีดโดสละ 0.3 มิลลิลิตรเข้าชั้นกล้ามเนื้อ โดยฉีดห่างกัน 3 สัปดาห์ สามารถเก็บในอุณหภูมิ -90 ถึง -70 องศาเซลเซียสได้นาน 6 เดือน และเก็บในอุณหภูมิตู้เย็น 2-8 องศาเซลเซียสได้ 1 เดือน เพราะฉะนั้นต้องวางแผนอย่างดีในการบริหารจัดการการกระจายและการฉีดวัคซีน ทั้งการนัดหมายวันเวลาที่จะมาฉีด เนื่องจากเก็บรักษาในตู้เย็นธรรมดาได้แค่ 1 เดือน"นพ.โอภาสกล่าว   

       นพ.โอภาส กล่าวด้วยว่า ไทม์ไลน์วัคซีนไฟเซอร์ 1.5 ล้านโดส  คือ 30 ก.ค. 2564 วัคซีนล้อตบริจาคถึงประเทศไทย จัดเก็บที่คลังวัคซีนที่ -70 องศาเซลเซียส ของบริษัทซิลลิค ฟาร์มา(ประเทศไทย) จำกัด และส่งตัวอย่างตรวจสอบคุณภาพและความปลอดภัยที่กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ 2 ส.ค.คาดว่าจะได้รับผลตรวจสอบคุณภาพและความปลอดภัย วันที่ 3-4 ส.ค. บริษัทจัดทำระบบตรวจสอบย้อนกลับ แพ็ควัคซีนเพื่อจัดส่ง 5-6 ส.ค.จัดส่งวัคซีนล็อตแรกเข็มกระตุ้นสำหรับบุคลากรทางการแพทย์และเข็ม 1 สำหรับกลุ่มเสี่ยงเป้าหมายถึงหน่วยบริการ วันที่ 7-8 ส.ค. รพ.เตรียมความพร้อมการฉีดวัคซีน โดยรพ.ต้องนัดหมายคนมาฉีด ควบคุมเวลาอย่างดี เพราะเอาออกจากตู้เย็นแล้วจะอยู่ได้ไม่นาน เพราะฉะนั้นความแม่นยำในการนัดหมายต้องเป็นอย่างดี ไม่เช่นนั้นวัคซีนจะเสียหาย  วันที่ 9 ส.ค. หน่วยบริการเริ่มฉีดวัคซีน และกลางเดือนส.ค.2564 จัดส่งวัคซีนเข็ม 2 สำหรับฉีดปลายเดือนส.ค.2564  คาดว่าจะเสร็จสิ้นในเดือนส.ค. 2564
#8835



ข้อมูลจากแถลงของศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา2019 (ศบค.) ณ วันที่ 30 ก.ค.ที่ผ่านมามีผู้ป่วยโควิด-19 สะสมระลอกเมษายนถึง 549,512 ราย ยอดสะสมตั้งแต่เริ่มการระบาด 578,375 ราย มีผู้เสียชีวิตรวม 4,679 คน

สถานการณ์ที่เกิดขึ้นทำให้การคาดการณ์เหตุการณ์การระบาด รวมทั้งผลกระทบต่อเศรษฐกิจของประเทศทำได้ยาก เนื่องจากมีความไม่แน่นอนสูงแม้รัฐบาลจะใช้มาตรการล็อคดาวน์เพื่อคุมการระบาดในพื้นที่สีแดงเข้ม 10 จังหวัด และขยายเป็น 13 จังหวัดมานานกว่า 2 สัปดาห์ หากแต่การระบาดของโรคขณะนี้ยังไม่ใช่จุดสูงสุดของการระบาดระลอกล่าสุด 

กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข มีการคาดการณ์ว่าตัวเลขผู้ป่วยโควิด-19 รายใหม่ในไทยสามารถเพิ่มสูงขึ้นถึง 4 หมื่นคนต่อวันในช่วงกลางเดือน ก.ย.หากไม่มีมาตรการที่เข้มข้นเพียงพอ และถึงแม้มีมาตรการที่เข้มข้นกว่าที่ผู้ป่วยจะลดจำนวนลงก็ใช้เวลานานหลายเดือน 

ในสถานการณ์ที่การต่อสู้กับโรคระบาดทำได้อย่างยากลำบากช่วงเวลา 3 เดือนต่อจากนี้ (ส.ค. - ต.ค.) ถือว่าเป็นช่วงเวลาที่น่าเป็นห่วงทั้งในด้านความสามารถของระบบสาธารณสุขที่ตึงตัว ผลกระทบที่เกิดขึ้นต่อเศรษฐกิจที่จะทรุดตัวลงจากการแพร่ระบาดที่ขยายออกไปในหลายพื้นที่ และลามไปยังภาคการผลิต และที่เป็นผลกระทบเป็นลูกโซ่ตามมาก็คือเรื่องของการตกงานของแรงงานจำนวนมากเป็นผลกระทบที่ตามมาต่อเนื่อง 

"กรุงเทพธุรกิจ" รวบรวมความเห็นของนักวิชาการ และนักเศรษฐศาสตร์ ที่ติดตามสถานการณ์และคาดการณ์ถึงภาพอนาคตระยะสั้นของประเทศไทยที่จะเกิดขึ้นภาายใน 3 เดือนข้างหน้าทั้งในเรื่องสถานการณ์การแพร่ระบาด ผลกระทบต่อเศรษฐกิจรวมทั้งข้อเสนอแนะที่รัฐบาลควรเร่งดำเนินการเพื่อแก้วิกฤติที่เกิดขึ้น ดังนี้ 



นายกอบศักดิ์ ภูตระกูล รองผู้จัดการใหญ่ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่าเศรษฐกิจไทยในขณะนี้ได้รับผลกระทบจากการระบาดของโควิด-19 ที่ยืดเยื้อ โดยธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ประเมินว่าเศรษฐกิจได้รับผลกระทบไปแล้วกว่า 9 แสนล้านบาท โดยเศรษฐกิจในปีนี้เมื่อเจอการแพร่ระบาดที่ยืดเยื้อจะหวังให้เติบโตสัก 1% ก็ยากและเป็นไปได้ที่เศรษฐกิจปีนี้จะไม่ขยายตัวเลย

ขณะที่ภาคการท่องเที่ยว ซึ่งประเทศไทยพึ่งพาการท่องเที่ยวมากคิดเป็นสัดส่วนมากถึง 15% ของจีดีพี และมีการจ้างงานมากถึง 10 ล้านคน การที่ภาคการท่องเที่ยวปิดไปเกือบหมดนั้นหมายความว่าคนเกือบ 10 ล้านคนตกงานไม่มีรายได้ ซึ่งกระทบการใช้จ่ายของประชาชนมาก

สถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ในประเทศไทยในขณะนี้ถือว่าสถานการณ์น่าเป็นห่วงเนื่องจากเราต้องรับมือกับการแพร่ระบาดของโควิด-19 ที่กลายพันธุ์มีการระบาดได้อย่างรวดเร็วคือสายพันธุ์เดลต้า ซึ่งตัวอย่างที่มีการระบาดในหลายประเทศคือในอินเดีย และล่าสุดในอินโดนิเซียมีผู้ติดเชื้อสายพันธุ์นี้เพิ่มขึ้น 10 เท่าภายใน 5 สัปดาห์จนมีผู้ป่วยรายใหม่หลายหมื่นคนต่อวัน 

"เมื่อสายพันธุ์ชนิดนี้ของโควิด-19 เข้ามาเป็นสายพันธุ์หลักในไทยทำให้ระบบสาธารณสุขของไทยมีความเสี่ยงที่จะรับไม่ไหวเห็นได้จากสัญญาณว่าเริ่มมีการขาดแคลนถังออกซิเจน เริ่มมีการให้ผู้ป่วยออกมานอนนอกอาคารของโรงพยาบาล บุคลากรทางการแพทย์เริ่มติดโควิด-19 รวมทั้งต้องเอานักศึกษาแพทย์มาช่วยรักษาผู้ป่วยโควิด ส่วนเมรุที่เผาศพก็เผาศพต่อเนื่องกันจนบางที่พัง"

ทั้งนี้การประกาศล็อคดาวน์เพื่อต่อสู้กับโควิดของรัฐบาลถือว่ามีความจำเป็นและเป็นแนวทางที่หลายประเทศใช้ เพื่อให้ประเทศไทยสามารถรับมือกับการระบาดของโควิด-19 ในระลอกต่อไป ซึ่งมีระยะเวลาเพียง 3 เดือนเท่านั้นที่จะเตรียมตัว เพื่อให้ประเทศไทยเปลี่ยนจากสถานะประเทศที่รับมือกับโควิด-19 ไม่ได้เป็นประเทศที่สามารถรับมือกับการระบาดของโควิด-19 ได้อีกครั้ง 

โดยมี 3 เรื่องที่รัฐบาลต้องทำคือ 1.เร่งรัดการฉีดวัคซีนเข็ม 3 ให้บุคลากรทางการแพทย์ด่านหน้า เพื่อสร้างภูมิคุ้มกันให้กับบุคลากรทางการแพทย์ให้มีความพร้อมรับมือกับการกลายพันธุ์ของโควิด-19 

2.เร่งรัดการจัดหาและนำเข้าวัคซีนทางเลือกให้กับประชาชน โดยในเรื่องนี้รัฐบาลและเอกชนควรร่วมมือกันทำงานอย่างใกล้ชิดเพื่อจัดหาวัคซีนทางเลือกหลายๆยี่ห้อเข้ามาในประเทศไทย

และ3.การบริหารจัดการวัคซีนซึ่งจำเป็นที่จะต้องจัดสรรวัคซีนลงไปในพื้นที่ที่สำคัญ ในจุดพื้นที่อ่อนไหวต่อการแพร่ระบาด ในพื้นที่เศรษฐกิจสำคัญ รวมทั้งพื้นที่ซึ่งมีการแออัดของผู้คนจำนวนมาก ที่มีความเสี่ยงที่จะติดต่อกันง่าย 

"โจทย์ใหญ่ของปีนี้คือการพยุงเศรษฐกิจให้ไปได้ก่อน ระยะเวลา 3 เดือนนี้สำคัญมากๆหัวใจของการฟื้นเศรษฐกิจอยู่ที่วัคซีน หากสามารถจัดการทั้ง 3 ส่วนนี้ได้ดี เมื่อเริ่มเปิดเมืองแล้ว ประเทศไทยจะอยู่ในฐานะที่สามารถรับมือกับการระบาดของโควิดได้อีกครั้ง"นายกอบศักดิ์ กล่าว 


นายมนตรี โสคติยานุรักษ์ ผู้อำนวยการหลักสูตรวิทยาการการจัดการสำหรับนักบริหารระดับสูง (วบส.) สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) กล่าวว่าสถานการณ์การระบาดของโควิด-19 ในปัจจุบันถือว่าวิกฤติมาก ซึ่งนายกรัฐมนตรีควรจะต้องตัดสินใจใช้ "ยาแรง" ในการแก้ไขปัญหา หมายถึงการล็อคดาวน์นั้นต้องทำจริงจัง กำหนดให้ประชาชนอยู่แต่ในบ้านแล้วให้มีระบบการส่งอาหาร ยา ให้ซึ่งสามารถที่จะใช้กำลังพลในกองทัพมาช่วยเหลือเรื่องนี้ได้เพราะนายกรัฐมนตรีเองก็เป็น รมว.กลาโหมซึ่งจะสามารถจัดการได้ 

ทั้งนี้การใช้มาตรการล็อคดาวน์แบบเข้มข้นต้องสื่อสารให้ประชาชน และภาคเอกชนเข้าใจตรงกันว่าเป้าหมายคือรัฐบาลต้องการควบคุมการแพร่ระบาดให้ได้ภายใน 3 เดือน ขณะเดียวกันในช่วงเวลานี้ต้องกำหนดเป้าหมายการฉีดวัคซีนและติดตามการฉีดวัคซีนให้ได้ตามเป้าหมาย โดยกำหนดไว้ที่เดือนละ 10 ล้านโดสเพื่อสร้างภูมิคุ้มกันหมู่โดยการเร่งฉีดให้ประชาชนให้ได้อย่างน้อย 70% ของประชากรในประเทศ ซึ่งการที่จะฉีดได้รวดเร็วตามแผนดังกล่าวภายใน 3 เดือนนี้จะต้องกระจายวัคซีนไปยังพื้นที่ต่างๆไม่ควรกระจุกการฉีดอยู่ที่สถานที่ใดสถานที่หนึ่งเฉพาะ 

"ใน 3 เดือนนี้ต้องคุมโควิดให้อยู่ก่อน แม้จะต้องใช้ยาแรง แต่หากทำเพื่อให้โรคนี้มันจบลง เอกชน  กับประชาชนก็น่าจะเข้าใจเพราะไม่มีใครอยากให้การระบาดเกิดขึ้นเป็นระลอกๆ เมื่อคุมโควิดอยู่ได้หลังจากนั้นก็กลับมาฟื้นเศรษฐกิจ กระตุ้นการใช้จ่าย ท่องเที่ยวในประเทศซึ่งหากสามารถทำได้เศรษฐกิจไตรมาสสุดท้ายก็ยังสามารถที่จะขยายตัวได้" นายมนตรี กล่าว 

นายมนตรีกล่าวด้วยว่าในปี 2564 เศรษฐกิจของไทยอาจจะขยายตัวได้ประมาณ 1% หรือต่ำกว่า 1% ซึ่งการที่เศรษฐกิจยังขยายตัวได้มาจากภาคการส่งออกแต่ การส่งออกที่ขยายตัวได้มากก็มาจากฐานที่ต่ำในปีก่อน และการส่งออกที่ได้อานิสงค์จาการขยายตัวของเศรษฐกิจโลก 

ซึ่งในขณะนี้หากรัฐบาลสามารถควบคุมโควิด-19 ได้ในระย 3 เดือน ก็จะยังคงมีช่วงเวลาที่สามารถจะกระตุ้นเศรษฐกิจได้ในช่วงไตรมาสสุดท้ายของปีนี้ ซึ่งมาตรการที่สามารถทำได้คือการนำเอามาตรการการจูงใจการใช้จ่ายของผู้มีรายได้สูงซึ่งเป็นส่วนบนของ "ปิดรามิด" ที่ยังมีกำลังซื้ออยู่ ได้แก่ มาตรการช็อปดีมีคืน ซึ่งสามารถเพิ่มวงเงินใช้จ่ายต่อรายได้ถึง 1แสนบาทต่อราย

หากมีผู้เข้าร่วมโครงการประมาณ 1 ล้านรายก็จะมีเงินหมุนเวียนในช่วงไตรมาสสุดท้ายของปีอย่างน้อย 3 แสนล้านบาท ซึ่งรัฐบาลจะจัดเก็บรายได้เพิ่มจากภาษีได้ประมาณ 2.1 หมื่นล้านบาทนำมาใช้จ่ายในด้านต่างๆ ส่วนการคืนภาษีให้กับประชาชนก็จะเกิดขึ้นในช่วงกลางปี 2565 

ขณะที่ นายศุภวุฒิ สายเชื้อ ที่ปรึกษาสถาบันวิจัยภัทร กลุ่มธุรกิจการเงินเกียรตินาคินภัทร ได้กล่าวในการเสวนาทางคลับเฮาส์ : CEO โซเซ Just Say SO" จัดเสวนา "CEO โซเซ The Legend..สร้างตำนานผ่านวิกฤติ" จัดโดยฐานเศรษฐกิจและกรุงเทพธุรกิจ เมื่อวันที่ 22 ก.ค.2564 ว่าช่วง 3 เดือนข้างหน้านี้ หากรัฐบาลแก้ปัญหาโควิดไม่ได้อย่างทันจะลามสู่ระบบเศรษฐกิจ โดยภาคการผลิตจะหยุดชะงักมากขึ้น และหากลามถึงการส่งออกที่เป็นเครื่องยนต์ขับเคลื่อนเศรษฐกิจตัวเดียวแล้วจะน่าห่วงมาก และหากผลิตไม่ได้เศรษฐกิจไม่โตคนขาดรายได้ คนไม่มีเงินไปจ่ายหนี้แบงก์ ผลกระทบจะลามถึงสถาบันการเงินในที่สุด

"เราอยู่ในสถานการณ์วิกฤติและวิกฤติยังแย่กว่านี้ได้ เพราะวิกฤติโควิดรอบนี้กระทบเศรษฐกิจจริง มีคนล้มตายและเจ็บป่วย ต่างจากวิกฤติปี 2540 ที่กระทบภาคการเงินและคนรวยเท่านั้น"

ทั้งนี้ ต้องยอมรับว่าเห็นเค้าพายุกำลังจะมา เพราะต้นปี 2564 นักวิเคราะห์เศรษฐกิจ ส่วนใหญ่ประเมินจีดีพี 3.5% แต่ผ่านมาครึ่งปีลด 3-4 ครั้งแล้ว จนเหลือ 1.5% หรือตอนนี้อาจเหลือไม่ถึง 1%

ส่วนการประเมินเศรษฐกิจระยะข้างหน้าทำได้ยาก เพราะไม่รู้จริงว่าสายพันธุ์เดลต้าระบาดแรงแค่ไหน รวมทั้งเรามีชุดตรวจไม่พอและสุดท้ายปัญหาแก้ไม่ทันจะลามไปกระทบสถาบันการเงิน รวมทั้งหากรัฐบาลยังทำเช่นนี้แล้วโควิด-19 สายพันธุ์เดลต้าระบาดแรงมากเหมือนต่างประเทศ จะทำให้ปัญหาใหญ่ขึ้น และมองว่าโควิด-19 ยังติดคนไทยได้อีก 50 ล้านคน เพราะคนฉีดวัคซีนครบ 2 โดส มีแค่ 3-4 ล้านคน สมมติคนติดเชื่อแต่ไม่รู้ว่าติดเชื้อก็นำเชื้อไปติดให้คนที่เหลืออีก 60 ล้านคนได้

ปัญหาในวิกฤติโควิด-19รอบนี้ เห็นด้วยว่า ปัญหาอยู่ที่การบริหารของรัฐบาล แต่ยังมีทางออกเพื่อแก้ไข 3 ปัญหา ตอนนี้ คือ

1.เมื่อวัคซีนไม่พอแล้วจะแบ่งให้ใครอันดับแรก ซึ่งต้องแบ่งให้บุคคลการด้านการแพทย์และสาธารณสุขก่อน ที่ผ่านมาฉีดแล้ว 7 แสนราย และต้องฉีดซ้ำ ทำให้ต้องใช้วัคซีนเพิ่มขึ้น ยิ่งทำให้วัคซีนขาดแคลนมากขึ้นไปอีก และตอนนี้รัฐบาลต้องถามตัวเองว่าจะฉีดให้ผู้สูงอายุที่ไม่อยู่ในภาคการผลิต หรือฉีดให้ผู้อยู่ภาคการผลิตคนวัยทำงานเพื่อให้เศรษฐกิจเดินต่อ

"เมื่อวัคซีนไม่พอแล้ว ทำให้รัฐบาลมาถึงจุดบีบบังคับ ให้ตัดสินใจแม้เป็นเรื่องที่ยากจะตัดสินใจ แต่ถ้าบอกประชาชนให้ชัดเจนได้ก็ดี ว่าจุดยืนของรัฐบาลอยู่ตรงไหนในเรื่องนี้ หากยังพูดกล้อมแกล้มแบบนี้ ในความกล้อมแกล้ม ยิ่งทำให้เราไม่รู้ทิศทาง"

2.ชุดตรวจยังไม่มากพอเพราะหากเลือกฉีดวัคซีนให้ผู้สูงอายุก่อน ซึ่งเป็นกลุ่มที่มีโอกาสเสียชีวิตได้มากกว่าคนที่อายุน้อย 30-100 เท่า ดังนั้น รัฐบาลต้องพยายามแยกระหว่างคนติดเชื้อ กับคนไม่ติดเชื้อ เพื่อให้คนไม่ติดเชื้อยังสามารถเข้าไปทำงานได้อย่างปลอดภัย โดยเฉพาะคนในภาคการผลิต ที่เป็นแรงขับเคลื่อนเศรษฐกิจในระยะข้างหน้า

 สำหรับทางออกของปัญหานี้ เสนอว่า หากวัคซีนยังไม่พอแล้ว ก็ต้องตรวจให้มาก ทำชุดตรวจโควิด-19 ราคา 5-10 บาท หรือแจกฟรีได้หรือไม่ เพราะโรงงานที่มีแรงงานหลักพันคนจะได้ตรวจกันทุกวัน ต้องแจกชุดตรวจให้มากที่สุด

3.การเยียวยาทันหรือไม่ เพราะสุดท้ายหากยังเกิดปัญหาวัคซีนไม่พอ ชุดตรวจเชื้อยังทำช้าไปอีก คนทำงานไม่ได้ ไม่มีรายได้ ถ้าทุกคนเป็นหนี้แบงก์แล้ว สุดท้ายปัญหาที่สะสมทั้งหมด จะส่งผลกระทบกลับเป็นความเสี่ยงต่อธนาคาร ซึ่งต้องเร่งเยียวยาให้ทัน

"นโยบายการเงินถ้ามองแง่บวก เงินเฟ้อต่ำหนี้ต่างประเทศก็ไม่มี มองว่า ยังใช้นโยบายการเงินได้ พิมพ์เงินมาช่วยเหลือได้ แต่ต้องรู้ว่าจะทำเอาสิ่งนี้มาให้ทันท่วงที อย่าเป็นมาตรการที่ตามปัญหา เพราะตั้งแต่ต้นปีมานี้เราเห็นรัฐบาลมีแต่มาตรการตามปัญหา ไม่เคยมีมาตรการที่แก้ปัญหาก่อนที่จะเกิดเลย" นายศุภวุฒิกล่าว