• Welcome to ลงประกาศฟรี โพสฟรี โปรโมทเว็บไซด์ให้ติดอันดับ SEO ด้วย PBN.
 

poker online

ปูนปั้น

Menu

Show posts

This section allows you to view all posts made by this member. Note that you can only see posts made in areas you currently have access to.

Show posts Menu

Topics - Beer625

#3441
ตารางดาวน์และผ่อนรถบรรทุกตู้ 10 บานเดือนสิงหาคม
สถานการณ์ ณ ปัจจุบันงานโลจิสติกส์ยังพอไปใด้นะครับ เดือนนี้เรามาทำตารางดาวน์และผ่อนรถบรรทุกตู้ 10 บานกันนะครับ รถที่สามารถนำมาทำตู้ 10 บาน เราจะนำสามรุ่นนี้มาทำนะครับ นั้นก็คือ FTR240 รุ่น FRR190 และ FRR210  ส่วนความยาวมีให้เลือก 5.5 เมตร, 6.5 เมตร และ 7.5 เมตร เราไปดูตารางดาวน์และผ่อนเลยครับ https://bit.ly/3yDQLut  หรือสอบถาม 061-9369562
#3442


"กระบวนกร" จะทำหน้าที่เสมือนไกด์ โค้ช พี่เลี้ยง หรือเพื่อนร่วมทางให้กับผู้เข้าร่วมโครงการ ในการคอยช่วยสร้างเสริมความเข้าใจเนื้อหาและกระตุ้นไอเดีย ให้คุณครูพัฒนาหลักสูตรกระบวนการเรียนรู้ และการสอน ทั้งนี้เพื่อส่งเสริมให้นักเรียนได้เรียนรู้และพัฒนาศักยภาพทางความคิดสร้างสรรค์อย่างเต็มที่ โดยโครงการมีโจทย์ตั้งต้นในหัวข้อนวัตกรรมพลังงานไฟฟ้าจากขยะ

ผู้เข้าร่วมจะได้เรียนรู้เนื้อหาสาระเกี่ยวกับขยะตั้งแต่ต้นทางจนเปลี่ยนขยะเป็นพลังงาน ด้วยกระบวนการเรียนรู้ที่ผสมผสานสาระเชิงลึกกับเครื่องมือการเรียนรู้สมัยใหม่ที่สร้างความสนุกและเข้าใจง่าย ถ่ายทอดไปสู่เยาวชนให้เกิดการตกตะกอนทางความคิดเพื่อต่อยอดในการสร้างสรรค์นวัตกรรมพลังงานไฟฟ้าจากขยะสู่สังคม

ดังนั้นบทบาทกระบวนกรจึงเป็นการเปิดกรอบการเรียนรู้แนวใหม่ของวงการศึกษาไทย ที่จะไม่เป็นเพียงการเรียนรู้ทฤษฎีแล้วจบในห้องเรียน แต่เป็นการจุดประกายให้เกิดการต่อยอดองค์ความรู้ ซึ่งสามารถนำไปช่วยแก้ปัญหาเชิงกระบวนการและประเด็นทางสังคมได้จริง ดังเช่น ปัญหาการจัดการขยะ ที่ถ้าหากจัดการอย่างถูกวิธีก็สามารถเปลี่ยนเป็นพลังงานไฟฟ้าได้ โดยเหล่ากระบวนกรมีแนวคิดการจุดประกายกระบวนการเรียนรู้เพื่อสร้างประโยชน์ต่อการศึกษา สังคมและโลกใบนี้อย่างไร บทสัมภาษณ์นี้จะพาไปทำความรู้จักเหล่ากระบวนกรในโครงการกัน  

นักออกแบบกระบวนการเรียนรู้ 
"ติ" ชุติมา เรืองแก้วมณี กล่าวว่า ติเป็นนักออกแบบกระบวนการเรียนรู้ (Experiential Learning Designer) และเป็นคนจัดกิจกรรมให้กับหลายๆ กลุ่ม ด้วยเราสนใจกลุ่มเด็กเยาวชน และประเด็นเรื่อง ขยะ ประกอบกับมีน้องทำหลักสูตร STEAM4INNOVATOR ของ NIA ชักชวนให้มาร่วมเป็นพี่เลี้ยงที่ทำหน้าที่โค้ชคุณครูในเรื่องการจัดการขยะ และส่วนตัวอยากทราบว่าคุณครูในระบบการศึกษาตอนนี้เป็นเช่นไรจึงตัดสินใจมาทำหน้าที่ Facilitator ร่วมออกแบบกระบวนการเรียนรู้กับโครงการ The Electric Playground โดย ขยะ และนวัตกรรม นั้นแท้จริงนำมาทำเป็นกิจกรรมสนุกๆ และเรียนรู้ไปพร้อมกันได้

เช่น ขยะ 1 ชิ้นมีเส้นทางการจัดการขยะตั้งแต่ต้นทาง กลางทาง ปลายทางอย่างไร สิ่งเหล่านี้จะเข้าไปอยู่ในการสอนของคุณครูด้วยวิธีการสอนที่เหมาะกับเขา ซึ่งผลที่ได้เป็นที่น่าพึงพอใจ เพราะคุณครูผ่านประสบการณ์ตรง ได้ทดลองกันในกลุ่ม ก่อนนำไปสอนเด็กนักเรียนของเขาให้เข้าใจ ซึ่งการสอนการจัดการขยะหากคุณครูคิดแบบบูรณาการต่อ สามารถพัฒนาต่อยอดได้อย่างยั่งยืนเลยทีเดียว เพราะขยะนำไปคุยได้หลายเรื่องมากๆ เช่น ขยะกับประเด็นปัญหาสังคม ขยะกับสิ่งแวดล้อม ขยะกับวิทยาศาสตร์ ขึ้นอยู่ว่าจะนำเสนอในแง่มุมใดของขยะต่อไป ซึ่งโครงการนี้ทำให้รู้ว่าคุณครูมีหัวใจการเป็นคุณครูมากๆ พร้อมปรับตัว และเรียนรู้ร่วมกันไปกับนักเรียน


 แม้ตอนนี้การส่งต่อการเรียนรู้ขยะสู่ห้องเรียนยังไม่ครอบคลุมทุกโรงเรียนทั่วไทย แต่ค่อนข้างคาดหวังกับโครงการนี้อย่างมากที่จะขยายสู่ภาคการศึกษาไทยที่ใหญ่ขึ้น เพราะเวลาที่เราทำงานกับคุณครู เราอยากให้เกิดการเปลี่ยนแปลงทั้งระบบการศึกษา กระบวนการการเรียนรู้นวัตกรรมในเรื่องของขยะเชิงสร้างสรรค์ รวมทั้งกระบวนการออกแบบวิธีคิดที่เกิดขึ้นกับคุณครูจริงๆ นอกเหนือจากนั้นอยากให้ทุกคนในสังคมไทยตระหนักว่า ตนมีส่วนร่วมในการจัดการขยะจริงจังที่ไม่ใช่หน้าที่ของใครคนใดคนหนึ่ง เพราะคนมักคุ้นชินกับภาพกองขยะ และมองว่าขยะคือขยะ แต่หากมองลึกลงไปกว่านั้นจะมีเรื่องของระบบการจัดการหรือการหมุนเวียนทรัพยากรด้วย ซึ่งสิ่งเหล่านี้เราทุกคนร่วมเป็นส่วน หนึ่งในการขับเคลื่อน ได้ไม่ยาก


 ทุกๆ การกระทำของทุกคนมีผลลัพธ์ต่อสังคมเสมอ
"ดาว" สุภารัตน์ เชื้อโชติ กล่าวว่า ปัจจุบันดาวเป็นอาจารย์อยู่ที่คณะศึกษาศาสตร์ มหาวิทยาลัยนเรศวร และคลุกคลีในวงการภาคการศึกษาอยู่แล้ว สิ่งที่ชอบสำหรับ STEAM4INNOVATOR คือเรารู้สึกว่าเป็นกระบวนการเรียนรู้ที่จะทำให้เราอยู่ในโลกจริงมากขึ้น ไม่ใช่ใช้องค์ความรู้เพื่อที่จะบอกว่าเราเก่ง เราผ่านแล้ว เราได้เกรด A แต่เป็นการใช้องค์ความรู้เพื่อคนอื่นจึงรู้สึกว่า นี่แหละคือเป้าหมายของการเรียนรู้จริงๆ จึงนำมาสู่การเป็น Facilitator ในโครงการ The Electric Playground ที่ต้องการสร้างการรับรู้ต่อคุณครู เด็กและเยาวชนว่าขยะเปลี่ยนเป็นพลังงานได้ 

เพราะกระบวนการนี้ได้เปลี่ยนวิธีคิดของเด็กเยาวชนต่อขยะที่ดีขึ้นว่า ทุกๆ การตัดสินใจและทุกการกระทำของเขามีผลลัพธ์ที่ตามมากับสังคมด้วย เพราะเขาก็เป็นส่วนหนึ่งของสังคม ดังนั้นผลลัพธ์นี้จะก่อให้เกิดมลพิษ หรือก่อให้เกิดคุณค่าทางสังคม เศรษฐกิจ ก็ย่อมขึ้นอยู่กับทางเลือกที่เราจะสร้างขึ้น

สำหรับเรื่อง ขยะ หรือสิ่งรอบตัว ไม่ใช่เรื่องของใครคนใดคนหนึ่ง ในการส่งต่อการเรียนรู้สู่ภาคการศึกษาและต้องการพัฒนาเด็กนั้น ดาวและคุณครูจึงสร้างความเข้าใจว่าถ้าเราจะอยู่ในสังคมอย่างมีความสุขได้ ปัจจัยด้านสภาพแวดล้อมและทุกสิ่งที่อยู่รอบตัวนั้นสำคัญ ดังนั้นเรามีโอกาสสร้างขยะใหม่ๆ ขึ้นได้ทุกวัน แต่ขณะเดียวกันก็เราก็ปรับทัศนคติและพฤติกรรมได้ ในระยะเริ่มต้นอาจจะไม่ต้องเร่งเครื่องแรงมาก แต่เริ่มจากมองเห็นอะไรใกล้ตัวแล้วค่อยๆ ปรับก็ได้ เช่น จากเดิมใช้หลอดพลาสติกก็ไม่ใช้ หรือไม่เคยแยกขยะเลย ก็ลองแยกแบบง่ายๆ แค่ใช้แรงนิดหน่อยก็เปลี่ยนให้เรียบร้อยได้

ซึ่งตอนที่เทรนคุณครูก็มีเรื่องน่าประทับใจเกิดขึ้นกัน คุณครูได้กลับไปสำรวจขยะรอบๆ โรงเรียนแล้วก็กลับมาบอกว่า จุดนั้นก็มี จุดนี้ก็มี ซึ่งเราจัดการขยะให้ดีกว่านี้ได้ แต่ทำไมเราไม่เคยมองและลงมือทำสักที รวมทั้งฝึกให้เด็กนักเรียนตั้งคำถามและฉุกคิดว่าขยะนี้สร้างความเดือดร้อนให้คนอื่นๆ หรือไม่ แต่ละพื้นที่กรุงเทพฯ-ต่างจังหวัดมีวิธีจัดการขยะแตกต่างกันหรือไม่อย่างไร ก็นับว่าเกิดการเปลี่ยนแปลงที่ดีเลยค่ะ 

หัวใจหลักคือ แยกประเภท-กำจัดให้ถูกวิธี
"แทน" ธัญลักษณ์ แสงลาภเจริญกิจ กล่าวว่า เดิมแทนเป็นนักกำหนดอาหารให้คนป่วยที่โรงพยาบาล และได้ทำงานที่ร้านอาหาร จากนั้นได้เรียนต่อด้าน Food Design และมีโอกาสนำความรู้ที่เรียนไปพูดคุยกับผู้ประกอบการ และเยาวชนที่สนใจสร้างนวัตกรรมใหม่ๆ ด้านอาหาร โดยส่วนตัวแทนสนใจประเด็นสังคมมาโดยตลอด ซึ่งเรื่องสิ่งแวดล้อม เป็นประเด็นทางสังคมเช่นกัน และตระหนักดีว่า "ขยะ" เป็นปัญหาที่สำคัญมากของทุกคน ยิ่งได้ไปสำรวจบริเวณรอบบ้านเรา พบว่าขยะมีการจัดการที่ผิดวิธีอยู่มาก

 ถ้าเรานำความรู้การจัดการขยะที่ถูกวิธีและใช้ได้จริงส่งต่อข้อมูลไปยังคุณครูตามโรงเรียนเพื่อขยายการรับรู้สู่เยาวชนด้วยการสื่อสารให้ง่ายที่สุด เพื่อให้น้องๆ เข้าใจจุดสำคัญในการจัดการขยะและแก้ปัญหาเป็นอย่างไร รวมถึงคนทั่วไปสามารถนำความรู้เหล่านี้ไปสื่อสารต่อครอบครัวหรือคนรอบตัวต่อไปได้ ก็น่าจะเป็นประโยชน์และช่วยพัฒนาสังคมอย่างมาก จึงเป็นที่มาและความตั้งใจของการเข้ามาทำหน้าที่ Facilitator ในโครงการ The Electric Playground ในการส่งต่อการเรียนรู้สู่ภาคการศึกษาไทยร่วมกับคุณครูที่เข้าร่วมโครงการ

ตลอดที่ผ่านมา คุณครูทุกคนมีความตั้งใจมากในการเรียนรู้กระบวนการจัดการขยะ และนำไปคิดตลอดว่าเขาจะไปสอนเด็กอย่างไรให้เข้าใจเหมือนที่เขาเข้าใจแล้วไปใช้จริงได้ จึงร่วมปรับเนื้อหาและวิธีการสื่อสารตามสไตล์คุณครูให้เข้าใจง่าย พร้อมทั้งเสริมการสอนเชิงสร้างสรรค์สำหรับเด็กๆ ในรูปแบบ Learning by Doing เล่นเกมไปด้วยกัน เช่น เกมแยกขยะ เกมจัดประเภท ซึ่งถ้าให้แนะนำการจัดการขยะเกี่ยวกับอาหาร เช่น ที่ร้านอาหาร วิธีแรกคือควรแยกประเภทของขยะก่อน ซึ่งส่วนใหญ่เป็นขยะอินทรีย์ เศษอาหาร เศษเนื้อสัตว์  ส่วนนี้เราแยกนำไปหมักเป็นปุ๋ยเพื่อใช้ประโยชน์ต่อได้ ส่วนที่เป็นถุงพลาสติก ขวดซอสต่างๆ ควรล้างทำความสะอาดก่อนทิ้ง ก็สามารถส่งต่อไปรีไซเคิลได้ตามจุดต่างๆ ได้ค่ะ 

ผู้ไขประสบการณ์การจัดการขยะ
"สุธี" สุธี สุขสุเดช กล่าวว่า ตนเป็นอาจารย์ทันตแพทย์ ส่วนตัวสนใจกระบวนการจัดการเรียนรู้ และเป็นผู้สอนในระบบการจัดการเรียนรู้โดยใช้ปัญหาเป็นฐาน หรือ Problem-based Learning ซึ่งไม่เคยมีประสบการณ์การจัดการขยะ ดังนั้นการเข้าร่วมโครงการ The Electric Playground จึงเป็นการเรียนรู้หน้างานไปพร้อมกับทุกคน ทั้งคุณครูในโรงเรียน และ Facilitator คนอื่นๆ ซึ่งการเข้ามาเรียนรู้เรื่อง ขยะ ทำให้ตระหนักความสำคัญของการคัดแยกขยะและรู้ถึงระบบนวัตกรรมการจัดการขยะ ทำให้เปลี่ยนความคิดจากเดิมที่ว่าแยกขยะไปทำไม เปิดมุมมองเป็นการคัดแยกขยะ รวมทั้งการเปลี่ยนเป็นพลังงานไฟฟ้า ผลิตไฟฟ้าในการแจกจ่ายไฟฟ้าไปยังตำบล

นอกจากสร้างความเข้าใจให้คุณครูผ่านหลักสูตร STEAM4INNOVATOR แล้ว สิ่งหนึ่งที่ผมอยากแชร์ขณะทำหน้าที่ Facilitator เทรนคุณครู ซึ่งจะได้รับหน้าที่รับผิดชอบโรงเรียนที่แตกต่างกัน พบว่าโรงเรียนที่ผมดูแลมีระบบการจัดการขยะที่ดีมาก และคุณครูได้สอนเด็กนักเรียน โดยยกเรื่องเตาเผามาสอนในหัวข้อการเปลี่ยนแปลงพลังงาน และเชื่อมโยงไปตั้งแต่พลังงานจลน์ พลังงานไฟฟ้า

โดยใช้ขยะเป็นโจทย์เริ่มต้น ทำให้ผมทึ่งมากว่า ขยะ เชื่อมโยงได้ทั้งโลกและชีวิตมนุษย์ได้หลากหลายมาก เพราะแท้จริงโลกนี้คือพลังงานต่างๆ ที่แปรรูปไปเรื่อยๆ และในร่างกายเราก็มีพลังงานมาจากการเผาไหม้เหมือนกัน แต่เริ่มต้นจากการเผาขยะ ซึ่งจุดนี้ก็สามารถเชื่อมโยงกับเรื่องต่างๆ ได้อีกเช่นกัน เช่น ฟิสิกส์ เคมี คุณภาพของเชื้อเพลิง กฎทรงมวล กฎของพลังงานจลน์ พลังงานไฟฟ้า เป็นต้น ซึ่งถ้าหากจะมองถึงการขยายการเรียนรู้ขยะสู่ภาคศึกษาไทย เรื่องจิตสำนึกอาจไม่เพียงพอ แต่โครงสร้างขององค์กรหรือโรงเรียนของนักเรียน เขตการศึกษาต่างๆ ก็ต้องเกื้อหนุนด้วยเช่นกัน
#3443


โครงการ "ครัวปันอิ่ม"ซีพีผนึกกำลังทุกภาคส่วนกว่า 100 องค์กร มูลนิธิ กลุ่มจิตอาสา ภาคประชาสังคมและองค์กรเอกชน แจกอาหาร 2 ล้านกล่อง กระจายสู่ชุมชนใน 40 จุดทั่วกรุงเทพฯ ฝ่าวิกฤตโควิด-19

วันนี้ (9 ส.ค.) จากวิกฤตการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ที่ส่งผลให้ยอดผู้ป่วยผู้ติดเชื้อและผู้เสียชีวิตเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องจนส่งผลกระทบอย่างหนักต่อการดำรงชีพและปากท้องของประชาชน ที่ถือเป็นหนึ่งในเรื่องเร่งด่วนในภาวะอันยากลำบากนี้ โครงการครัวปันอิ่ม แจกข้าวฟรี 2 ล้านกล่อง ที่เกิดขึ้นจากความร่วมมือของทุกภาคส่วนกว่า 100 องค์กรพันธมิตร เพื่อหวังเป็นส่วนหนึ่งที่จะช่วยบรรเทาความเดือดร้อนแก่พี่น้องในชุมชนต่างๆและผู้ประกอบการธุรกิจร้านอาหารรายย่อยให้สามารถฝ่าวิกฤตโควิดไปได้ โดยอาหารจำนวน 2 ล้านกล่องนี้ ประกอบด้วย ส่วนแรกเป็นการช่วยเหลือร้านอาหารรายย่อยที่ได้รับผลกระทบจากการควบคุมการแพร่ระบาด โดยโครงการครัวปันอิ่มจะจัดซื้ออาหารที่ปรุงใหม่สุกสะอาดตามหลักโภชนาการบรรจุกล่องถูกสุขอนามัยจากร้านอาหารขนาดเล็กและขนาดกลางในกรุงเทพฯและปริมณฑล จำนวน 1 ล้านกล่อง และอีก 1 ล้านกล่องเป็นการสมทบอาหารจากเครือซีพีที่เป็นอาหารอุ่นร้อนพร้อมรับประทาน รวมเป็น 2 ล้านกล่อง ซึ่งประกอบไปด้วยเมนูอาหารแตกต่างกันในแต่ละวัน นอกจากนี้ ยังมีผู้มีจิตกุศลนำอาหารมาร่วมสมทบและมีจิตอาสา มูลนิธิ และภาคประชาสังคมมาช่วยดำเนินการแจกจ่าย เพื่อให้เข้าถึงชุมชนและลดการแออัด โดยประชาชนไม่ต้องมาต่อคิวรอรับ ลดความเสี่ยงในการแพร่เชื้อ

สำหรับการแจกจ่ายในสัปดาห์แรก นอกจากอาหารแล้ว ยังมีการแจกหน้ากากอนามัยซีพี และสมทบด้วยมังคุดของดีจากสุคิริน จ.นราธิวาส ที่เครือซีพีช่วยเหลือเกษตรกรภาคใต้ที่ประสบปัญหาด้านราคา ทั้งนี้โครงการครัวปันอิ่มพร้อมเปิดรับผู้มีจิตกุศลที่จะเข้าร่วมนำอาหารมาสมทบ หรือร่วมเป็นจิตอาสาแจกจ่ายให้แก่ชุมชน ซึ่งความร่วมมือนี้แสดงให้เห็นว่าแม้จะมีวิกฤตแต่สังคมไทยทุกภาคส่วนต่างไม่ทอดทิ้งกันและพร้อมร่วมฝ่าฟันต่อสู้วิกฤตนี้ไปด้วยกันจนกว่าสถานการณ์จะคลี่คลาย 

นางประทีป อึ้งทรงธรรม ฮาตะ หรือ 'ครูประทีป' ผู้ก่อตั้งและเลขาธิการมูลนิธิดวงประทีป กล่าวว่า โครงการครัวปันอิ่มฯ เป็นโครงการที่เกิดขึ้นในช่วงสถานการณ์บ้านเมืองวิกฤต ผู้คนหิวโหย ติดโควิดกันจำนวนมาก ไม่มีงานทำ ไม่มีรายได้ หลายบ้านที่ติดโควิดออกไปไหนไม่ได้ อยู่ในสถานการณ์ที่ยากลำบาก โครงการนี้ยังสนับสนุนร้านค้าที่หมดทางทำมาหากิน ช่วยให้ผู้ประกอบการร้านอาหารได้เข้าร่วม นับเป็นการกู้วิกฤตในขณะนี้ได้เป็นอย่างดี

นางปิยาภรณ์ วงษ์บัณฑูรย์ ประธานกลุ่มอาสาดุสิต (ประเทศไทยกลับมาสดใสดีกว่าเดิม) กล่าวว่า โครงการครัวปันอิ่มเป็นเสมือนกำลังใจที่ส่งให้พวกเราผ่านสถานการณ์วิกฤตนี้ไปได้ด้วยกัน ซึ่งข้าวทุกกล่องที่แจกในโครงการครั้งนี้จะช่วยบรรเทาความเดือดร้อนในชุมชนที่ส่วนใหญ่ได้รับผลกระทบจากวิกฤต โควิด-19 ได้เป็นอย่างดี โดยทางมูลนิธิสยามนนทบุรี และกลุ่มอาสาดุสิต ยินดีที่ได้ร่วมเป็นส่วนหนึ่ง ซึ่งเราได้จัดทีมประสานงานในชุมชน สำรวจความต้องการ พร้อมจัดเตรียมรถส่งอาหาร รวมทั้งนำจิตอาสาไปกระจายอาหารให้ทั่วถึงในชุมชนมากที่สุดตลอดทั้ง 2 เดือน

ทั้งนี้ เครือเจริญโภคภัณฑ์โดยนายธนินท์ เจียรวนนท์ ประธานอาวุโสเครือซีพี ได้ประกาศความตั้งใจที่จะผนึกกำลังธุรกิจในเครือร่วมแรงร่วมใจคนละไม้คนละมือกับพี่น้องคนไทยทุกภาคส่วนเพื่อก้าวผ่านวิกฤตนี้ไปด้วยกัน จัดตั้งโครงการ "ครัวปันอิ่มร้อยเรียงใจสู้ภัยโควิด-19"เพื่อช่วยเหลือและให้กำลังใจประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อน 40 ชุมชนในกรุงเทพฯและปริมณฑล โดยระดมสรรพกำลังของกลุ่มธุรกิจในเครือประกอบด้วย บริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน) หรือซีพีเอฟ บริษัท ซีพี ออลล์ จำกัด (มหาชน) บริษัท สยามแม็คโคร จำกัด (มหาชน) บริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) บริษัทเอก-ชัย ดิสทริบิวชั่น ซิสเทม จำกัด ผู้ดูแลธุรกิจโลตัส และบริษัท ซีพี โซเชียลอิมแพคท์ จำกัด ตลอดจนได้รับความร่วมมือร่วมใจจากพันธมิตรต่างๆในสังคมที่ได้เข้ามาร่วมกันช่วยเหลือชุมชนที่เดือดร้อน ซึ่งมีทั้งผู้ที่ขาดรายได้ ว่างงาน กลุ่มเปราะบาง กลุ่มที่กักตัวดูอาการ และผู้ที่รักษาตัวที่บ้านหรือ Home Isolation ซึ่งโครงการครัวปันอิ่มเริ่มดีเดย์แจกจ่ายอาหารพร้อมรับประทานจำนวน 2 ล้านกล่อง ให้แก่ชุมชมต่างๆทั่วกรุงเทพฯและปริมณฑล ตั้งแต่วันที่ 9 สิงหาคม 2564 นี้เป็นต้นไป
#3444
เติมคอยส์ COINS เติมเงิน Kitty Live, Mico เติมเพชร Kitty Live, Mico

"ได้เยอะกว่าเติมผ่านแอป"
พร้อมรับสมัครวีเจ มีเงินเดือน+ค่าของขวัญ 





111Topup เปิดบริการ เติมคอยส์ เติม COINS เติมเพชร เติมรูบี้ วิธีการเติมเงิน เติมคอยส์ MICO, KittyLive เติม COINS เติมเพชรง่ายนิดเดียว เพียงแค่โอนเงินผ่านเลชบัญชีธนาคารของเรา แจ้งโอน พร้อมบอกเลขไอดี รอรับคอยส์ไม่เกิน 30 วินาที การันตีได้คอยส์ชัวร์ แถมเยอะกว่าเติมผ่านในแอป ไม่โกง ไม่หลอก แน่นอน โดยมีการเติมเงินแบบ 2 ช่องทางหลักคือ

1. เติมคอยส์ MICO, KittyLive  เติมผ่านระบบธนาคาร ATM,ฝากเงินผ่านตู้, Mobile Banking ,ผ่านเว็บไซด์ธนาคาร


2. เติมคอยส์ MICO, KittyLive  เติมเงินผ่านบัตรเติมเงิน ทรูมันนี่ 


111Topup รีบแอดไลน์เพื่อรับโปรโมชั่น แถมคอยส์เพิ่มขึ้น
เติมคอยส์ MICO, KittyLive




Add Line : @111Topup


วิธีการเติมเงิน Kitty Live, Mico คอยส์ COINS เพชร


1.     แอดไลน์ @111Topup (มี @ ด้วยนะคะ) เติมคอยส์ MICO, KittyLive 


2.     โอนเงินผ่านบัญชีธนาคาร ตามที่ระบุไว้ หรือ ถ้าเติมผ่านบัตรทรูมันนี่ ให้ส่งหลักฐานบัตรมาที่ไลน์แอด @111Topup


3.     แจ้งเลขไอดี แอฟ Kitty Live, Mico ในไลน์


4.     เมื่อทีมงานรับเรื่องแล้วไม่เกิน 30 วินาทีคุณจะได้รับคอยส์ (COINS) ใน แอฟ Kitty Live, Mico


5.     เติมคอยส์ MICO, KittyLive  เปิดบริการเติมเงินทุกวัน ตั้งแต่เวลา 08.00 - 02.00 น. (8โมงเช้า-ตี2 ทุกวัน)


 


 


รับสมัครวีเจ ไลฟ์ มีเงินเดือน + ค่าของขวัญ เงินเดือนขั้นต่ำ 6000 บาท 


 


สมัครวีเจ เข้า สังกัด 111 ทำงาน ขั้นต่ำ 20 วัน 30 ชั่วโมงต่อเดือน ทำงานที่บ้านไลฟ์ ออนไลน์ผ่านมือถือ 


มีการันตีเงินเดือน 6000-10000 บาท สำหรับวีเจใหม่ มีเทรนด์งานก่อนขึ้น ไลฟ์ดี ตั้งใจไลฟ์ สังกัดพร้อมซัพพอร์ต ในการหายูสให้แน่นอน รายได้หลักหมื่น - ถึงแสน บาทต่อเดือน


** วีเจที่เคยไลฟ์ BIGO VIBIE YAYA MCAT MLIVE มีการันตีพิเศษ คลิ๊กเลย


สนใจสมัครวีเจ คลิ๊กเลย  https://lin.ee/0apXPWf


 
#3445


วันนี้ (7 ส.ค. 64) ที่ กระทรวงสาธารณสุข นพ.โสภณ เอี่ยมศิริถาวร รองอธิบดีกรมควบคุมโรค แถลงข่าวผ่านระบบออนไลน์ โดยระบุว่า การระบาดในต่างประเทศ เป็นระยะขาขึ้นในหลายประเทศ ขณะที่ไทย มีการเพิ่มพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวดเป็น 29 จังหวัด และการฉีดวัคซีนซึ่งเร่งรัดการฉีดในช่วง 2-3 วันที่ผ่านมา ฉีดได้ในจำนวนสูง ขณะนี้ มีวัคซีน 4 ตัว คือ ซิโนแวค แอสตร้าเซนเนก้า ซิโนฟาร์ม และไฟเซอร์

"การที่ทำให้การป่วย ติดเชื้อ เสียชีวิตลดลงต้องใช้หลายมาตรการร่วมกัน ขณะที่การฉีดวัคซีนจะลดการเสียชีวิตได้ เรามีวัคซีนที่มาใหม่ปลายเดือนที่ผ่านมา 30 ก.ค. 64 ได้รับจากสหรัฐ 1.5 ล้านโดส มุ่งดูแลบุคลากรด่านหน้าที่มีความเสี่ยงจากการดูแลผู้ป่วย รวมถึง จัดสรรให้กับผู้สูงอายุไทยและต่างชาติ นักเรียนไทย นักธุรกิจที่ต้องเดินทางไปต่างประเทศ"


ไฟเซอร์ รอบแรก กทม. ตจว. 446,160 โดส

วัคซีน 'ไฟเซอร์' ซึ่งมีวิธีการเก็บรักษายุ่งยากกว่าวัคซีนอื่นๆ ติดลบ 70 องศา วัคซีนที่ยังไม่กระจายออกไป ตอนนี้อยู่ในภาวะแช่แข็งอยู่ และต้องขนส่งด้วยอุณหภูมิติดลบ โดยวัคซีนไฟเซอร์ที่ได้รับ ผลิตเมื่อเดือน มิ.ย. หมดอายุ พ.ย. 64 การกระจายวัคซีนตั้งแต่เมื่อวันที่ 4-6 ส.ค. หลังจากที่ตรวจคุณภาพมีการส่งวัคซีนไปทั่วประเทศ 77 จังหวัด 170 รพ. และหลาย รพ.เริ่มฉีด การขนส่งด้วยทีมงานที่มีประสบการณ์ รักษาอุณหภูมิ จำนวนวัคซีนที่ส่งไปรอบแรก 446,160 โดส โดยใน กทม. 120,960 โดส ส่วนจังหวัดอื่น ๆ ได้รับ 325,200 โดส


ฉีดเข็มกระตุ้น 'บุคลากรด่านหน้า' 4.6 หมื่นคน
สำหรับบุคลากรด่านหน้า ใช้ทั้งข้อมูลสำรวจจาก รพ. และข้อมูลที่ได้จาก ระบบทะเบียนการบันทึกการฉีดวัคซีน จะรู้ว่าบุคลากรท่านใดได้ซิโนแวคสองเข็มแล้ว ในกลุ่มนี้มีจำนวนและสำรวจมา เมื่อมารวมกัน ส่วนใหญ่ 80% ต้องการไฟเซอร์ และมีบางส่วนที่ฉีดแอสตร้าเซนเนก้า กระตุ้นเป็นเข็มที่ 3 เรียบร้อยแล้ว ทั้งนี้ การจัดส่งไปในรอบแรกจึงอยู่ที่ราว 50-75% ของจำนวนบุคลากรทางการแพทย์ที่มีประวัติฉีดซิโนแวค 2 เข็ม


เน้นส่งไปที่ รพ.ประจำจังหวัด และขนาดใหญ่ เพราะวัคซีนต้องเก็บต่อในตู้เย็น เพื่อป้องกันการสูญเสียคุณภาพ โดย 1 ขวด จำนวน 6 โดส โดสละ 0.3 ซีซี กระตุ้นบุคลากรการแพทย์และสาธารณสุขด่านหน้า ไปแล้ว 4.6 หมื่นคน (4-6 ส.ค.64) ผลการฉีดไม่พบอาการไม่พึงประสงค์รุนแรง มีปวดเมื่อย บวมบ้างในการฉีดและหายเองได้


ย้ำ วัคซีนแม่สอด ไม่ได้หาย  
ทั้งนี้ ที่ผ่านมาจากมีกระแสข่าวปลอมที่ว่า วัคซีน อ.แม่สอด จ.ตาก หายไป แต่เมื่อตรวจสอบพบว่า จำนวน 4,320 โดส นำส่ง รพ.สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช จ.ตาก ครบถ้วน เมื่อวันที่ 6 ส.ค. 64 เวลา 15.00 น. ขอเรียนให้ทราบว่าทุกอย่างมีการตรวจสอบดูแลอย่างดี

โควตาศูนย์ฯ หมอยง ยังไม่ได้ถูกส่งไป
ขณะที่ อีกหนึ่งกระแสข่าวที่บอกว่า สธ.ส่งไฟเซอร์ฉีดบุคลากรทางการแพทย์ โดยส่งให้ศูนย์ปฏิบัติการฯ ที่หมอยงเป็นหัวหน้า ขอเรียนว่า สำหรับบุคลากรการแพทย์และสาธารณสุขด่านหน้า กลุ่มเป้าหมาย คือ บุคลากรทางการแพทย์และสาธารณสุขด่านหน้าทุกคน  รวมทั้งนักศึกษาแพทย์ พยาบาล หรือวิชาชีพอื่น ที่มีโอกาสสัมผัสผู้ป่วยโควิด-19 เช่น แผนกผู้ป่วยนอก ผู้ป่วยใน คลินิกทางเดินหายใจ ห้องฉุกเฉิน แผนผู้ป่วยวิกฤติ รพ.สนาม เจ้าหน้าที่ห้องปฏิบัติการ เจ้าหน้าที่สอบสวนโรค เจ้าหน้าที่ปฏิบัติงานในสถานที่กักกัน หรือปฏิบัติงานที่เกี่ยวข้องกับการกิจการดูแลผู้ป่วยโควิด-19 อื่นๆ ตามการพิจารณาของสถานพยาบาล หน่วยงานต้นสังกัด

ดังนั้น ห้องปฏิบัติการเป็นที่หนึ่งที่เป็นบุคลากรด่านหน้า จากข่าวดังกล่าว ศูนย์ห้องปฏิบัติการ มีคนที่ได้ฉีดซิโนแวค 2 เข็มไปแล้ว และจะขึ้นชื่อในระบบ มีโควตาให้ แต่วัควีนยังไม่ได้ถูกส่งไป เพราะวัคซีนจำนวนน้อยจะถูกส่งไปที่สำนักอนามัย แต่ที่ศูนย์มีเพียง 20 คน ประกอบกับได้รับแจ้งทางศูนย์ ว่าบุคลากรด่านหน้า ได้รับการฉีดกระตุ้นด้วยแอสตร้าแล้วบางส่วน ดังนั้น โควตาที่ว่ายังอยู่ที่ กทม. คือ สำนักอนามัย หากไม่มีการใช้จะรอจัดสรรให้องค์กรอื่นต่อไป ขอแจ้งให้ทราบว่า ไม่ได้มีการส่งวัคซีนไปแต่อย่างไร

"ในกทม. มีจุดฉีดจำนวนไม่มาก เพราะจุดใหญ่จะต้องมีบุคลากรทางการแพทย์ทำงานอยู่ จุดที่น้อยๆ จะไม่ได้ส่งให้ เพียงแค่กันไว้ให้ และแบ่งส่วนให้ต่อกับแพทย์ ทันตแพทย์ ที่อยู่ตามคลินิก ที่ไม่ได้มีสังกัด ขณะที่ ทันตแพทยสภา มีการรวบรวม แพทย์ สถานพยาบาลขนาดเล็ก เพื่อรวบรวมรายชื่อ ในการฉีดกระตุ้นไฟเซอร์ และจะมีกำหนดจุดฉีดและนัดหมายต่อไป" รองอธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าว 
#3446


"ปั๋น ดริสา" ศิลปินวาดรูปสาวชื่อดัง โพสต์สรุปประเด็นดรามา ภาพวาดปรากฎใน MV ของ "พิมรี่พาย" ยันไม่ติดใจเอาความ ขอให้เรื่องนี้เป็นกรณีศึกษาในเรื่องการละเมิดลิขสิทธิ์

จากกรณี "ปั๋น ดริสา" ศิลปินวาดรูปสาวชื่อดัง โพสต์เฟซบุ๊กเผยหลังภาพวาดของตนเองถูกนำใช้แบบงงๆ ในเอ็มวีเพลงใหม่ของ "พิมรี่พาย" ที่ชื่อเพลงว่า "ออกไป" โดยภายในเอ็มวีเพลงได้ปรากฎฉากที่มีภาพวาดของเธอเพียงเสี้ยววินาที พร้อมระบุว่า ไม่มีการขออนุณาตจาก "พิมรี่พาย" แต่เชื่อน่าจะเกิดจากความเข้าใจคลาดเคลื่อนของทีมงาน


อย่างไรก็ตาม เมื่อวันที่ 6 ส.ค. "ปั๋น ดริสา" ได้ออกมาโพสต์ข้อความอัปเดตอีกครั้งผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัวว่า

"สรุปเรื่องการที่ผลงานไปปรากฏใน MV คุณพิมรี่พายนะคะ เบื้องต้นคือกรณีนี้เป็นการละเมิดลิขสิทธิ์ของผลงานปั๋นจริง ที่เกิดขึ้นโดยความผิดพลาดของบริษัทฟีโนมีนา โปรดักชั่นเฮาส์ที่คุณพิมรี่พายจ้างทำ MV ผลงานชิ้นนี้ไม่ได้ทำเพื่อการพาณิชย์ แต่ว่าถูกปรินท์ลงบนผ้าใบเพื่อประกอบการถ่ายโฆษณาที่ปั๋นถ่ายกับทางฟีโนมีนาเมื่อปี 2563 ซึ่งปรินท์มาเพื่อ ' ประกอบการถ่ายโฆษณา '

จึงไม่ได้ปรินท์เพื่อซื้อขายและโดยกฏหมายคือห้ามนำไปใช้ต่อ ปั๋นเคยร่วมงานกับฟีโนมีน่าหลายครั้งในฐานะนักแสดง ได้เห็นความเป็นมืออาชีพของโปรดักชั่นเฮาส์นี้เสมอ และด้วยชื่อเสียงฟีโนฯในด้านคุณภาพ คุณพิมรี่พายจึงเลือกใช้เฮาส์นี้ในการถ่ายทำ MV 'ออกไป' เช่นกัน แต่ไม่ว่าจะมีชื่อเสียงขนาดไหน ความผิดพลาดก็เกิดขึ้นได้ หลังถ่ายโฆษณาของปั๋นเสร็จ ฝ่ายอาร์ตของทีมโฆษณาได้เก็บภาพวาดเข้าคลังพรอพของบริษัทตนเอง พอถึงเวลาถ่าย MV ของคุณพิมรี่พายหลายเดือนให้หลัง ทางทีมอาร์ตของ MV (คนละทีมกัน) จึงเข้าไปเบิกพรอพจากคลังของบริษัท และเป็นเหตุผลว่าทำไมถึงไม่มีการรีเช็คที่มาของพรอพ

เนื่องจากเจตนาของทุกฝั่งคือต้องการทำสิ่งที่ถูกต้องตามวิชาชีพของตนเอง ไม่ว่าจะเป็นฝั่งค่ายเพลง ที่จ้างโปรดักชั่นเฮาส์ที่มีคุณภาพ หรือทีมงานของโปรดักชั่นเฮาส์ที่พยายามสร้างสรรค์ผลงานทั้งหมดด้วยทรัพยากรที่ตนเองมี โดยปกติแล้ว ค่าใช้จ่ายในการนำผลงานของปั๋นไปใช้งานหรือเป็นเจ้าของ มีมูลค่า6-7หลัก ซึ่งเป็นราคาที่เหมาะสมสำหรับการนำไปใช้งานเป็นตัวหลักของสินค้า โฆษณา หรือการสะสม แต่ใน MV นี้ภาพปรากฏแค่ไม่กี่วิและเป็นไปโดยการสะเพร่าส่วนบุคคล

ถึงแม้จะมีการละเมิดลิขสิทธิ์เกิดขึ้นจริงแต่ปั๋นในฐานะเจ้าของลิขสิทธิ์ จึงไม่ฟ้องเรื่องค่าเสียหายใดๆ แม้จะมีการเสนอมาจากฝั่งโปรดักชั่นเฮาส์แล้วก็ตาม เนื่องจากปั๋นเห็นว่านี่เป็นกรณีศึกษาในเรื่องการละเมิดลิขสิทธิ์และแนวทางแก้ไขที่สมควรเผยแพร่แก่สาธรณชนมากกว่ารับเงินและลบโพสต์ จึงตัดสินใจในทางนี้ค่ะ เรื่องทั้งหมดก็จบแล้วโดยสมบูรณ์โดยไม่มีความบาดหมางจากฝั่งไหน และปั๋นได้รับจดหมายขอโทษเป็นทางการจากทางฟีโนมีน่าแล้ว ขอบคุณค่ะ"
#3447


เปิดเทคนิคที่จะช่วยให้การ "ขายออนไลน์" สามารถขยายฐานลูกค้าไปยังต่างประเทศ ทำให้ขายสินค้าได้ทั่วโลก โดยที่ส่งของได้รวดเร็ว ราบรื่น และสะดวกสบาย

มีแม่ค้าออนไลน์หลายรายที่เริ่มมองหากลุ่มลูกค้าในประเทศอื่นๆ เพื่อขยายตลาดให้ร้านค้าออนไลน์ของตนเอง เพื่อเป็นอีกหนึ่งช่องทางหารายได้ให้เพิ่มพูนมากขึ้น แต่บางครั้งก็ยังกล้าๆ กลัวๆ เพราะมองว่าเป็นเรื่องยากลำบากและไกลตัว แต่รู้หรือไม่? ยุคนี้เป็นยุคทองของการ "ขายออนไลน์" ดังนั้นคุณจึงไม่ควรหยุดความฝันนั้นอีกต่อไป 

กรุงเทพธุรกิจออนไลน์ ได้รวบรวมข้อมูลที่ต้องรู้ในการเริ่มต้นค้าขายออนไลน์ในตลาดต่างประเทศ รวมถึงขั้นตอนการส่งของข้ามประเทศที่สะดวกสบายด้วยบริการ "Courier Post" มาฝากกัน ดังนี้

1. รู้จัก E-MARKETPLACE ในต่างประเทศ

ก่อนอื่น "แม่ค้าออนไลน์" ต้องรู้จักช่องทางการขายที่เรียกว่า E-Marketplace หรือเว็บไซต์ที่ใช้เป็นสื่อกลางในการซื้อขายสินค้าออนไลน์ในต่างประเทศ โดยคุณสามารถสร้างร้านค้าและขายสินค้าผ่านเว็บเหล่านี้ได้ โดยไม่จำเป็นต้องมี Dealer และไม่จำกัดขนาดธุรกิจ

แล้วจะขายในเว็บไซต์ไหนดี?

คำตอบคือ มีเว็บไซต์ขายออนไลน์ในต่างประเทศให้เลือกหลากหลาย เช่น eBay, Amazon, Best Buy, Alibaba, AliExpress, JD Worldwide, TMall, Taobao, WalMart, FlipKart, PayPay Mall ฯลฯ คุณสามารถลงทะเบียนและเปิดร้านค้าออนไลน์ได้ในเว็บไซต์ที่คุณสนใจ ทั้งนี้แต่ละเว็บไซต์ก็จะคิดค่าบริการในราคาแตกต่างกันไป


2. เช็ค "สินค้าไทย" ที่โดนใจลูกค้าต่างชาติ

มีข้อมูลจาก "กระทรวงพาณิชย์" ที่เผยแพร่ในช่วงการจัดแคมเปญ DITP's Online Reseller Connect (24 พ.ค.64) ระบุว่า สินค้าที่อยู่ในความสนใจของยี่ปั๊วต่างประเทศ ได้แก่

สินค้าผลไม้สดและผลไม้แปรรูป
เครื่องดื่ม
ซอสปรุงรส
ผลิตภัณฑ์ดูแลสุขภาพและความงาม
ผลิตภัณฑ์สปา
เครื่องประดับสำหรับเจ้าสาว
ของใช้บนโต๊ะอาหาร ของตกแต่งบ้าน
นอกจากนี้ ก็ยังมีกลุ่มสินค้าไทยที่ขายดีตลอดกาลในตลาดต่างประเทศ ได้แก่ ยาดม ยาหม่อง, ผ้าไหมไทย และผ้าทอมือไทย, กางเกงมวยไทย, ผลิตภัณฑ์จากมะพร้าว เช่น น้ำมันมะพร้าว สครับมะพร้าว สบู่มะพร้าว, เครื่องหอมไทย อุปกรณ์สปา, ของประดับตกแต่งบ้าน เช่น รูปปั้นช้าง โมเดลรถตุ๊กตุ๊ก, กระเป๋าแฮนด์เมด เช่น กระเป๋าสาน หมวกสาน เป็นต้น

3. ใช้ "COURIER POST" ส่งของต่างประเทศได้เร็ว

อีกอย่างที่ไม่ควรมองข้ามเมื่อต้องการขยายฐานลูกค้าไปทั่วโลก นั่นคือ "วิธีการส่งสินค้า" แม่ค้าต้องศึกษาให้ดีว่าจะส่งของกับขนส่งเจ้าไหน ถึงจะได้รับบริการดี รวดเร็ว ปลอดภัย ราบรื่น หนึ่งในระบบขนส่งที่น่าลองใช้บริการ คือ "คูเรียร์โพสต์" ของไปรษณีย์ไทย ที่มีบริการส่งของไปต่างประเทศเช่นกัน เป็นบริการจัดส่งสิ่งของด่วนระหว่างประเทศทางอากาศ ทั้งในรูปแบบ Document และ Package (Merchandise)

คิดราคาตามน้ำหนักที่ชั่งจริงเท่านั้น (Gross weight) ราคา Net Price ไม่มีบวกเพิ่ม
สำหรับการส่งเอกสาร (Document) น้ำหนักสูงสุดไม่เกิน 2 กก.
สำหรับสิ่งของ (Merchandise) น้ำหนักสูงสุดไม่เกิน 30 กก.
รองรับการส่งสินค้าประเภทส่งของเหลวและอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ที่มีแบตเตอรี่ได้
สิ่งของที่จะส่ง ต้องมี Package ที่ได้มาตรฐานและต้องมาบรรจุและหุ้มห่อต่อเจ้าหน้าที่ไปรษณีย์
ผู้ส่งสามารถขอรับกล่อง/ซองฟรีของบริการ Courier Post ได้ ณ ที่ทำการไปรษณีย์ 
4. มีบริการส่งของแบบ Door to Door

คูเรียร์โพสต์มีบริการ On Demand Delivery (ODD) นั่นคือ ผู้รับสามารถเลือกรูปแบบการนำจ่ายได้ (เวลา /สถานที่) โดยไม่เสียค่าบริการเพิ่มเติม และการนำจ่ายถึงผู้รับในปลายทางต่างประเทศแบบ Door to Door หมายถึง บริการดำเนินผ่านพิธีการศุลกากรแบบเบ็ดเสร็จ ณ ประเทศปลายทาง

โดยทีมงานของระบบขนส่งที่ปลายทาง จะดำเนินการผ่านพิธีการขาเข้า ผู้รับที่ปลายทางจะเป็นผู้ชำระค่าภาษี (ถ้ามี) และขนส่งจะนำสินค้าไปส่งยังสถานที่ปลายทางที่ได้กำหนดไว้ โดยจะนำจ่ายสินค้าถึงที่อยู่ผู้รับในต่างประเทศภายใน 2 - 4 วัน (ไม่นับวันที่รับฝากและไม่รวมระยะเวลาดำเนินพิธีการศุลกากร ณ ประเทศปลายทาง)

5. มีเงินประกันค่าเสียหายให้

คูเรียร์โพสต์มีอัตราชดใช้ค่าเสียหาย กล่าวคือจะมีวงเงินชดใช้กรณีสูญหาย/เสียหาย จากความผิดพลาดของผู้ขนส่ง โดยจะชดใช้ตามมูลค่าที่เกิดขึ้นจริง โดยชดใช้ไม่เกิน 5,000 บาท สำหรับเอกสาร (Document) และชดใช้ไม่เกิน 10,000 บาท สำหรับสิ่งของ (Merchandise) อีกทั้ง ผู้ฝากส่งยังสามารถซื้อประกันคุ้มครองเพิ่มสูงสุดไม่เกิน 1,000 SDR (ปี 2564: 1 SRD = 43.2231 บาท)

------------------------------

อ้างอิง : 

ebaythailand

sell.amazon

corporate.jd

smmagonline

commercenewsagency

POST family
#3448


นายเฉลิมชัย ศรีอ่อน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์  เปิดเผยว่า  ได้เรียกประชุมคณะกรรมการพัฒนาและบริหารจัดการผลไม้ (Fruit Board) ครั้งที่ 5/2564 เป็นวาระพิเศษ ผ่านระบบการประชุมทางไกล (Video Conference) โดยได้เชิญผู้ว่าราชการจังหวัด ในฐานะคณะกรรมการเพื่อแก้ไขปัญหาเกษตรกรอันเนื่องมาจากผลิตผลการเกษตร ระดับจังหวัด (คพจ.) ซึ่งเป็นกลไกการทำงานระดับจังหวัดเข้าร่วมประชุมด้วย

เพื่อร่วมกันประเมินสถานการณ์ปริมาณและราคาของมังคุดในพื้นที่ 14 จังหวัดภาคใต้ รวมทั้งผลสำเร็จของมาตรการเร่งด่วนในการแก้ไขปัญหามังคุดราคาตกต่ำที่ได้ดำเนินการไปแล้วของหน่วยงานต่างๆ ได้แก่ การกระจายผลผลิตภายในประเทศผ่านช่องทางปกติ ช่องทาง e - Commerce และช่องทางอื่นๆ ซึ่งดำเนินการโดยกรมส่งเสริมสหกรณ์ กรมการค้าภายใน บริษัทไปรษณีย์ไทย จำกัด เช่น การแลกเปลี่ยนมังคุดกับสินค้าข้าวของสถาบันเกษตรกรภาคใต้และภาคตะวันออกเฉียงเหนือ

โดยในเบื้องต้น พบว่าราคามังคุดเริ่มปรับตัวดีขึ้นแล้ว รวมทั้งพิจารณาแนวทางการแก้ไขปัญหามังคุดราคาตกต่ำ ปี 2564 แบบเร่งด่วนฉับพลัน โดยวิธีการแทรกแซงราคาตลาด และการสนับสนุนเงินค่าชดเชยดอกเบี้ย โดยกรมการค้าภายใน และการเคลื่อนย้ายผลผลิตอย่างเร่งด่วนในช่วงผลผลิตกระจุกตัว โดยกรมส่งเสริมการเกษตร นอกจากนี้ ที่ประชุมยังได้มอบหมายกรมส่งเสริมการเกษตร ในฐานะฝ่ายเลขานุการฯ ศึกษาและวิเคราะห์แนวทางความเป็นไปได้ของ "การเยียวยาเกษตรกรชาวสวนมังคุด" ว่ามีความเหมาะสมหรือไม่อย่างไร เพื่อเสนอต่อคณะกรรมการพัฒนาและบริหารจัดการผลไม้ (Fruit Board) ในโอกาสต่อไป

ด้าน นายเข้มแข็ง ยุติธรรมดำรง อธิบดีกรมส่งเสริมการเกษตร กล่าวเพิ่มเติมว่า จากแผนการบริหารจัดการผลผลิตมังคุดในฤดูดำเนินการในพื้นที่ภาคใต้ทั้ง 14 จังหวัด จำนวนทั้งสิ้น 155,614 ตัน (ข้อมูลตั้งแต่วันที่ 1 มิถุนายน ถึงวันที่ 4 สิงหาคม 2564) พบว่า มีการเก็บเกี่ยวผลผลิตแล้ว จำนวน 72,643.73 ตัน คิดเป็นร้อยละ 46.68 ยังไม่ได้เก็บเกี่ยว จำนวน 82,970.27 ตัน คิดเป็นร้อยละ 53.32 ทั้งนี้ในเดือนสิงหาคมจะมีมังคุดออกกระจุกตัวในปริมาณมาก (Peak) จำนวนประมาณ 60,000 ตัน

ซึ่งที่ประชุมฯ ได้เห็นชอบแนวทางการกระจายผลผลิตมังคุดช่วงกระจุกตัว (Peak) ที่กรมส่งเสริมการเกษตรเสนอ โดยได้กำหนดแนวทางการกระจายผลผลิตมังคุด 4 แนวทาง ได้แก่ 1. กลไกตลาดปกติ จำนวน 20,000 ตัน 2. การกระจายผลผลิต จำนวน 40,000 ตัน ให้แก่หน่วยงานภาครัฐ รวมถึงองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น รัฐวิสาหกิจ ทั้งในส่วนกลางและส่วนภูมิภาค และภาคเอกชน โดยมอบหมายให้ คพจ. ต้นทาง 14 จังหวัด บริหารจัดการผลผลิตอย่างเร่งด่วนโดยมีพาณิชย์จังหวัดในฐานะเลขานุการ เป็น "แม่แรง" สำคัญที่จะประสานเชื่อมโยงกับหน่วยงานข้างต้น

ส่งเสริมให้มีการจัดการผลผลิตต่อเนื่อง เช่น การแปรรูปมังคุดเพื่อเพิ่มมูลค่า และ 4. จัดทำแคมเปญพิเศษ "ช่วยมังคุดใต้ เกษตรกรไทย Happy" "8.8 Sales" จะเริ่มดีเดย์จำหน่ายผลผลิตมังคุดแบบส่งให้ถึงบ้าน ตั้งแต่วันที่ 8 - 31 สิงหาคม 2564 โดยเปิดให้ผู้สนใจทั่วประเทศสามารถสั่งซื้อมังคุดล่วงหน้าในราคา 4 กิโล 100 บาท
สำหรับมังคุดคละเกรด คุณภาพดี สดอร่อย ภายใต้ความร่วมมือกับทุกภาคส่วน เช่น บริษัท เซ็นทรัลพัฒนา จำกัด บริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด สมาคมขนส่งโลจิสติกส์ บริษัท Grab และภาคเอกชนอื่นๆ โดยจะมีการคิกออฟแคมเปญในวันอาทิตย์ที่ 8 สิงหาคม 2564 เวลา 08.08 น. ณ ห้างสรรพสินค้าในพื้นที่ กรุงเทพมหานคร

นายนราพัฒน์ แก้วทอง ผู้ช่วยรัฐมนตรีกระทรวงเกษตรและสหกรณ์  กล่าวว่า ตามที่นายเฉลิมชัย ศรีอ่อน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ให้ขยายโครงการ "เกษตรกรแฮปปี้" โดยจะจัดแคมเปญใหญ่ใน วันที่ 8 เดือน 8 (สิงหาคม) ผ่านระบบออนไลน์ โดยใช้สถานที่ศูนย์การค้าเซ็นทรัล พระราม9  เป็นจุดคิกออฟกระจายสินค้า ภายใต้มาตรการควบคุมโรคของ ศบค. เพื่อให้ทุกภาคส่วนทั่วประเทศสั่งซื้อมังคุดล่วงหน้าในราคา 4 โล 100 สำหรับมังคุดคละเกรดคุณภาพสดอร่อยภายใต้ความร่วมมือกับทุกภาคส่วน เช่น บริษัท เซ็นทรัลพัฒนา จำกัด (มหาชน) บริษัท เซ็นทรัล ฟู้ด รีเทล จำกัด (ท็อปส์ และ เซ็นทรัล ฟู้ด ฮอลล์)  บริษัท ไปรษณีย์ไทย สมาคมขนส่งโลจิสติกส์ บริษัทแกร็บ ประเทศไทย ร้านธงฟ้า ฯลฯ

โดยนายอลงกรณ์ พลบุตร ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ในฐานะหัวหน้าทีมพัฒนาและบริหารจัดการผลไม้ (Fruit Board) เฉพาะกิจ ที่มีคณะทำงานเป็นตัวแทนมาจากหลายภาคส่วน กล่าวว่า ขณะนี้มีความพร้อมอย่างเต็มที่ที่จะรับออร์เดอร์มังคุดภายใต้แคมเปญดังกล่าว โดยจะใช้ศูนย์การค้าเซ็นทรัล พระราม 9 และเซ็นทรัล เวสต์เกต เป็นจุด Drop off เพื่อกระจายสินค้า ขณะนี้เป็นที่น่ายินดีว่าหลังจากเริ่มเปิดรับพรีออร์เดอร์มาเป็นเวลา 2 วัน ได้รับความสนใจจากผู้บริโภคเป็นจำนวนมากที่สั่งซื้อกันเข้ามาในจำนวนเกิน 100 ตันแล้ว และจะเริ่มจัดส่งตรงถึงบ้านเริ่มตั้งแต่วันพรุ่งนี้เป็นต้นไป

"ท่านรัฐมนตรีเฉลิมชัยย้ำว่า เราต้องดูแลชาวสวนทุกจังหวัดในภาคใต้พาฝ่าวิกฤตโควิดไปด้วยกัน แม้วันนี้จะมีสัญญาณที่ดีว่าราคามังคุดทั้งหน้าแผงและหน้าล้งปรับตัวสูงขึ้น แต่ยังมีความไม่แน่นอนของเสถียรภาพราคา จึงต้องมีมาตรการเสริมเพื่อช่วยกระตุ้นการบริโภค โดยเฉพาะกลุ่มผู้บริโภคในประเทศที่เป็นส่วนที่สำคัญในภาวะที่การส่งออกยังมีอุปสรรคจากสถานการณ์โควิด-19" นายอลงกรณ์ กล่าว

วันนี้! เช็คเงินเยียวยา 'ประกันสังคม ม.33' ไม่เข้าบัญชี เช็กสาเหตุ 'www.sso.go.th'
ยอด 'โควิด-19' วันนี้ ตายสูง! พบเสียชีวิต 212 ราย ติดเชื้อเพิ่ม 21,838 ราย ไม่รวม ATK อีก 6,026 ราย
เช็ค! เงินเยียวยา 'ประกันสังคม' ม.33 ไม่เข้า แก้ไขก่อน 9 ส.ค.นี้
ทั้งนี้คณะทำงานฟรุ้ทบอร์ดเฉพาะกิจมีผู้แทนมาจากหลายภาคส่วน ที่มาร่วมผนึกกำลังกันแก้ไขปัญหาราคามังคุด รวมถึงผลไม้อื่น ๆ เช่นลำไย เงาะ ลองกอง ทุเรียนที่กำประสบปัญหาล้นตลาดอาทิ นายนราพัฒน์ แก้วทอง ผู้ช่วยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรฯ รับผิดชอบการขายแบบ B to G นายปริญญ์ พานิชภักดิ์ ประธานคณะอนุกรรมการธุรกิจการเกษตร นายกฤชฐา โภคาสถิตย์ ประธานอนุกรรมการ         อีคอมเมิร์ซ กระทรวงเกษตรฯ.รับผิดชอบการขายแบบ B to B รวมถึงการขายผ่านเครือข่ายสภาอุตสาหกรรม หอการค้า การขายตรงถึงผู้บริโภครวมถึงช่องทางอื่น ๆ ในขณะที่นางดรุณวรรณจะรับผิดชอบการขายและประชาสัมพันธ์ผ่านช่องทางโซเชียลมีเดีย โดยมีนายณฐกร สุวรรณธาดา และนายวิเชียร สุขพันธ์ คณะทำงานที่ปรึกษารัฐมนตรีเกษตรฯ รับผิดชอบแหล่งผลิตผลไม้และจุดกระจายผลไม้

"มังคุดภายใต้แคมเปญนี้เป็นมังคุดดี สดจากต้น อร่อย ส่งตรงจากสวนเมืองใต้ ที่ตั้งใจปลูกโดยชาวสวนแท้ ๆ รับประกันคุณภาพโดยกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ การซื้อมังคุดครั้งนี้รับทันทีสองต่อคือได้ทานมังคุดดี และยังมีส่วนช่วยสร้างรอยยิ้ม และส่งกำลังใจให้ชาวสวนมังคุดด้วย ภายใต้แนวคิด "คนกินยิ้มได้ เกษตรกรไทย Happy" สำหรับผู้ที่สนใจสามารถสั่งซื้อได้ที่ช่องทางต่าง ๆ ตามที่ได้แจ้งไว้ในช่วงต้น"

อย่างไรก็ตามก่อนหน้านี้รัฐมนตรีเกษตรฯ ในฐานะประธาน Fruit Board ได้สั่งการล่วงหน้าให้ทุกส่วนราชการในสังกัดกระทรวงเกษตรฯ ช่วยกันซื้อมังคุด เช่น กรมชลประทาน กรมส่งเสริมการเกษตร และกรมส่งเสริมสหกรณ์ ทำให้ช่วยระบายมังคุดออกจากแหล่งผลิตหลายร้อยตัน และขอให้ภาครัฐภาคเอกชนช่วยกันซื้อมังคุดให้มากที่สุด และนายเฉลิมชัยจะเป็นผู้นำในการคิกออฟแคมเปญด้วยตัวเอง
#3449


ไอคอนสยามรวมสินค้าเพื่อการกำจัดเชื้อโรคภายในบ้าน เพื่อลดปัจจัยเสี่ยงและเพิ่มความสะอาดปลอดภัย
ในสถานการณ์โควิด 19 ยังส่งผลให้หลายๆ คนต้องทำงานอยู่ที่บ้าน ความสะอาดและสุขอนามัยภายในบ้านจึงเป็นเรื่องสำคัญและจำเป็นอย่างมาก แม้จะมีการทำความสะอาดบ้านในทุกๆวัน แต่อาจไม่เพียงพอที่จะกำจัดเชื้อโรค โดยเฉพาะเชื้อไวรัส และแบคทีเรีย ที่อาจเข้ามาภายในบ้านแบบไม่รู้ตัว ดังนั้นเพื่อความสะอาดและปลอดภัยมากยิ่งขึ้น ไอคอนสยามจึงรวมสินค้าเพื่อการกำจัดเชื้อโรคภายในบ้าน เพื่อลดปัจจัยเสี่ยงและเพิ่มความสะอาดปลอดภัยให้กับตัวคุณและคนที่คุณรัก


เริ่มที่ Wellis Air Disinfection Purifier เครื่องกำจัดเชื้อโรคและสารพิษในอากาศ และบนพื้นผิวสัมผัส  Wellis สามารถฆ่าชีวมลพิษ ในอากาศ และ บนพื้นผิวต่างๆ เช่น กำแพง เพดาน เฟอร์นิเจอร์ หรือแม้แต่บนเสื้อผ้าก็สามารถกำจัดได้มากถึง 99.9% กำจัดก๊าซพิษ และสารพิษจาก สารระเหยน้ำมันเชื้อเพลิง,สารตะกั่ว,สารปรอท,สาร VOCs สามารถกำจัดควันบุหรี่ ควันไฟ ควันรถยนต์ และ สามารถกำจัดกลิ่น อาทิเช่น กลิ่นขยะ,กลิ่นสัตว์เลี้ยง, กลิ่นไม่พึงประสงค์ต่างๆ ได้ 99.9% ซึ่ง Wellis ทำงานโดยการปล่อยประจุ Hydroxyl (OH) ที่มีความเข้มข้นสูงถึง 8,000,000-10,000,000/cc. เข้าสลายชีวมลพิษ และสารพิษ ทางอากาศและบนพื้นผิวต่าง  สามารถเปิดเครื่องเพื่อฆ่าเชื้อใน ระหว่าง ที่มีคนอยู่ในห้องได้ ตลอด 24 ชั่วโมง



AIKO - Ozone Sterilizer water โอโซนสามารถฆ่าเชื้อโรคได้ โดยโอโซนจะทำปฏิกิริยา Oxidation กับผนัง เซลล์ของเชื้อโรค /กลิ่น ทำให้เชื้อโรค/กลิ่นสลายตัว โอโซนช่วยทำให้อากาศในห้องสะอาด กำจัดกลิ่นไม่พึงประสงค์ได้ดีเยี่ยม ได้แก่ กลิ่นบุหรี่ กลิ่นอาหาร กลิ่นห้องเหม็นอับชื้น เป็นต้น โอโซนสามารถทำลายได้ทั้งเชื้อแบคทีเรีย ไวรัส เชื้อรา ปรสิต และจุลินทรีย์ อื่นๆ โดยโอโซนที่ระดับความเข้มข้นสูง จะมีผลทำลายเชื้อซึ่งเป็นสาเหตุของ โรค ได้แก่ ไข้หวัดใหญ่ วัณโรค โรคในระบบทางเดินหายใจ โรคในระบบ ทางเดินอาหาร ฯลฯ มีคุณสมบัติสามารถตั้งเวลาได้ตั้งแต่ 1 ถึง99 นาที สามารถเพิ่มและลดเวลา ครั้งละ 5 นาที  ซึ่งอุณหภูมิในการทำงานที่เหมาะสมคือ 25-30 องศา  ปล่อยออกซิเจน (O3) 600 มิลลิกรัม / ชั่วโมง มีปริมาณการปล่อยออกซิเจน สูงสุด 105 CFM ( ลูกบาศก์ฟุตต่อนาที )


SabaideeCare  เครื่องโอโซนล้างผัก ผลไม้ด้วยเทคโนโลยีไมโครนาโนบับเบิ้ล รุ่น MAHASAMUT  PRO ล้ำสมัยด้วยระบบ Cool Plasma Ozone กำจัดได้ถึง 4 ตัวการร้ายทำลายสุขภาพ เชื้อรา แบคทีเรีย ไวรัส และสารเคมีตกค้าง ประกอบด้วยคุณประโยชน์จาก Ozone (Water) ใช้ล้างภาชนะ, ผัก ผลไม้ และเตรียมน้ำดื่มสะอาดได้ในเครื่องเดียว และ Ozone (Air) อบห้องกำจัดกลิ่น ฆ่าเชื้อไวรัส รา ในทุกพื้นผิว และทุกซอกทุกมุม  ความพิเศษของ MAHASAMUT PRO คือสามารถตั้งเวลาได้สูงสุดถึง 60 นาที ( รุ่นเดิม 30 นาที )  มีหัวทรายที่เป็นนวัตกรรมใหม่สำหรับรุ่น MAHASAMUT PRO ไมโครบับเบิ้ล ที่กระจายโอโซนได้มากกว่าและทั่วถึงกว่า จึงลดเวลาการใช้งานได้ถึง 50%  รูปทรงใหม่ ดูล้ำสมัยน่าใช้กว่าเดิม เป็นผลิตภัณฑ์ที่ผ่านการร่วมวิจัยกับทางสำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ ( สวทช.) น้ำหนักเบาเพียง 650 กรัม และขนาดแบนบางเพียง 5 ซม. จึงจับถนัด และเคลื่อนย้ายง่ายขึ้น

SabaideeCare  เครื่องโอโซนล้างผักผลไม้ รุ่น MAHASAMUT ใช้อบห้อง อบรถขจัดเชื้อโรค แบคทีเรีย เชื้อรา และกลิ่นไม่พึงประสงค์ได้ เครื่องมหาสมุทรให้ Ozone เข้มข้นสูงถึง 400 mg/hr Sabaideecare ล้ำสมัยด้วยระบบ Cool Plasma Ozone กำจัดได้ถึง 4 ตัวการร้ายทำลายสุขภาพ เชื้อรา แบคทีเรีย ไวรัส สารเคมีตกค้าง ใช้ล้างภาชนะ / ผักผลไม้ / อบห้องกำจัดกลิ่น / เตรียมน้ำดื่มสะอาด ได้ในเครื่องเดียว


SabaideeCare  เครื่องฟอกอากาศระบบโอโซน รุ่น NAPHA IV หน้าจอแสดงผล พร้อมแจ้งค่า PM2.5 แบบเรียลไทม์  การกรอง 4 ชั้น ประกอบด้วย  ตาข่ายกรองชั้นแรกกำจัดฝุ่น เกสรดอกไม้  ชั้นแผ่นกรอง HEPA กรองฝุ่นสูงสุด 0.3 ไมครอน  ชั้นกรองคาร์บอน ย่อยสลายสารฟอลมันดิไฮด์  ชั้นกรองโมเลกุล่าชีฟ ดูดความชื้น ระบบโอโซน สำหรับขจัดเชื้อโรค กำจัดกลิ่นไม่พึงประสงค์ ระบบไอออน ดับจับฝุ่นให้ตกลงบนพื้น ครอบคลุมพื้นที่สูงสุด 60 ตรม./ สามารถผลิตอากาศบริสุทธิ์ออกมาได้ถึง 400 ลบ.ม.ต่อชม. 

เพื่อความสะอาด ปลอดภัยให้ภายในบ้านของคุณ ช้อปออนไลน์ง่ายๆ ที่ ICONSIAM Ultimate Chat & Shop ผ่าน LINE Official Account @ICONSIAM  หรือ ช้อปผ่าน Facebook Page ICONSIAM หรือ คลิก https://bit.ly/3kKR0js พร้อมรับดีลสุดคุ้ม 3 ต่อ ต่อที่ 1 รับฟรี Alco Hand Shield Spray จำนวน 1 ขวด เมื่อช้อปครบ 599 บาท (จำนวนจำกัด) ต่อที่ 2 ใช้โค้ดลดเพิ่ม สูงสุด 3,500 บาท  และต่อที่ 3 รับเครดิตเงินคืนสูงสุด 30% ตั้งแต่วันนี้ - 31 ส.ค. 64 เงื่อนไขเป็นไปตามที่บริษัทกำหนด สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม โทร.1338 หรือ www.iconsiam.com 

ไอคอนสยามมีความห่วงใยลูกค้าทุกท่านและยังคงดำเนินมาตรการความปลอดภัยในเชิงรุกอย่างเคร่งครัด ยกระดับมาตรการความปลอดภัยของบริการช้อปออนไลน์  ด้วยกระบวนการฆ่าเชื้อบนพื้นผิวสินค้า บรรจุภัณฑ์ และกล่องพัสดุ ด้วยเครื่องฆ่าเชื้อจากรังสี  UV-C (Handheld Ultraviolet Disinfection Lamp) ก่อนส่งมอบถึงมือลูกค้าเพื่อความปลอดภัยสูงสุด
#3450


นายชาติชาย พยุหนาวีชัย ประธานกรรมการบริหาร และกรรมการ บริษัท ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า จากสภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัวจากสถานการณ์โควิด-19 ที่ยังคงมีการแพร่ระบาดสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง การขับเคลื่อนธุรกิจเวลานี้ ดีเวลลอปเปอร์ต้องปรับตัวเพื่อรับมือกับความไม่แน่นอนที่จะเกิดขึ้น สิ่งสำคัญที่สุดในห้วงเวลานี้คือการรักษาสภาพคล่อง เพราะหากขาดสภาพคล่อง นั่นหมายถึง หนี้เสีย หรือ NPL (Non-performing Loan) ทันทีเมื่อไม่มีเงินจ่ายดอกเบี้ย เท่ากับเป็นการทำลายอนาคตของดีเวลลอปเปอร์นั้นๆ ฉะนั้นควรเตรียม "กระสุน" หรือสภาพคล่องให้เพียงพอ รองรับสถานการณ์แพร่ระบาดของไวัสโควิด และมาตรการล็อกดาวน์ที่อาจยืดเยื้อ

ขณะที่ การพัฒนาโครงการแต่ละโครงการจะต้องไปได้ด้วยตนเอง หากเปิดตัวโครงการแล้ว "ขายไม่ได้" จะกลายเป็นตัวฉุดรั้งโครงการอื่นทำให้การบริหารจัดการมีปัญหาตามมา ดังนั้น หากไม่มั่นใจว่าสามารถขายได้จริง อย่ารีบร้อนเปิดตัวโครงการใหม่

พร้อมกันนี้ ต้องเตรียมตัวหาเงินลงทุนใหม่ด้วยการออกหุ้นกู้ใหม่ จากก่อนหน้านี้ออกตราสารหนี้ และทยอยคืนแล้ว จึงต้องหาแหล่งทุน จากสถาบันการเงินต่างๆ

สำหรับ การนำสต็อกบ้านสำเร็จรูปมาทำไฟแนนซ์สต็อกเพื่อนำเงินส่วนนี้มาเป็นเงินทุนหมุนเวียนจะทำให้สภาพคล่องค่อนข้างดี อย่างไรก็ตาม สภาพคล่องจะดีหรือไม่ดี อยู่ที่จุดเริ่มต้นว่า เงินกู้จำนวนเท่าไร มากแค่ไหน หรือที่เรียกว่า อัตราส่วนหนี้สินต่อส่วนของผู้ถือหุ้น (Debt to Equity ratio) หรือ D/E ratio ของธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ไม่ควรเกิน 2ต่อ1 บริษัทไหนกู้มากจะมีภาระดอกเบี้ยสูงทุนน้อย บริษัทที่มี D/E ratio น้อยแปลว่าทุนเยอะ ก็จะสามารถฟันผ่าอุปสรรคไปได้

"แนวทางการพัฒนาโครงการปัจจุบัน จะต้องมีการเซอร์เวย์เพื่อสร้างความมั่นใจว่าวิเคราะห์มาอย่างดี เปิดขึ้นมาแล้วขายได้ ไปรอด แต่ถ้าลองทำพรีเซลแล้วขายไม่ได้ก็ต้องปล่อย โดยเฉพาะตึกสูงถ้าเปิดมาแล้วขายไม่ได้ก็ต้องชะลอโครงการไปก่อน เพราะขายได้น้อยกว่าจุดค้มทุนไม่จำเป็นต้องทูซี้ขาย รอจังหวะดีแล้วค่อยเดินหน้าต่อ"


สิ่งสำคัญถัดมา ต้องรักษาความสัมพันธ์กับสถาบันการเงินและคู่ค้าให้ดี หากสถาบันการเงินมีความเชื่อมั่นจะได้รับสินเชื่ออย่างต่อเนื่องสามารถประคับประคองธุรกิจร่วมกันได้ ซึ่งหากผู้ประกอบการรายใดรายหนึ่งล้มย่อมกระทบสถาบันการเงิน เพราะเกิดหนี้เสีย ดังนั้น บริษัทต้องวางแผนให้รัดกุมไม่ให้เกิดต้นทุนโครงการบานปลาย (cost overrun) ในบริษัทที่มีมาตรฐานน่าเชื่อถือ มีผลประกอบการที่ดีอย่างต่อเนื่อง

"ในวิกฤตินี้ผู้ประกอบการที่แข็งแรงจึงสามารถอยู่รอดได้ ซึ่งเป็นผลมาจากพื้นฐานการเงินที่มั่นคง ความสามารถในการบริหารจัดการที่ดี ขณะที่คู่แข่งต้องชะลอโครงการ เพราะขาดความพร้อม"

นายชาติชาย กล่าวต่อว่า ภาครัฐต้องวางนโยบายช่วยเหลือภาคอสังหาริมทรัพย์ หลังเปิดแคมป์ก่อสร้างเพื่อให้ตลาดฟื้นตัวเร็วขึ้น อาทิ ขยายเวลามาตรการลดค่าธรรมเนียมโอน ค่าจดจำนองสำหรับผู้ซื้อบ้าน ปัจจุบันอยู่ในช่วงที่ลดค่าธรรมเนียมซึ่งมีอายุมาตรการถึงวันที่ 31 ธ.ค. 2564 เป็นการช่วยผู้ประกอบการและผู้ซื้อในระดับหนึ่ง

นอกจากนี้ ควรมีมาตรการกระตุ้นอื่นๆ อาทิ ค่าภาษีธุรกิจเฉพาะ การเอายอดเงินผ่อนชำระค่างวดไปลดหย่อนภาษี หรือการผ่อนปรนมาตรการแอลทีวี เพื่อให้ลูกค้าใช้เงินน้อยลงในการซื้อที่อยู่อาศัยที่เป็นบ้านหลังแรกไม่ใช่การซื้อเพื่อเก็งกำไร หรือให้เงินอุดหนุนสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำ หรือ ซอฟท์โลน เพื่อกระตุ้นตลาด

ทั้งนี้ ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ เป็นอุตสาหกรรมที่มีความเกี่ยวเนื่องหลายภาคส่วนสร้างการเติบโตหลายธุรกิจ เช่น อุตสาหกรรมต้นน้ำอย่าง อิฐ หิน ปูน ทราย เฟอร์นิเจอร์ รวมทั้งแรงงาน ล้วนเป็นฟันเฟืองเศรษฐกิจ และวาระเร่งด่วน รัฐบาลต้องจัดหาและเร่งการฉีดวัคซีนให้ประชาชนโดยเร็วที่สุดเพื่อช่วยทำให้การติดเชื้อน้อยลง ลดการใช้มาตรการล็อกดาวน์ จะส่งผลต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจได้เร็ว หาก "ช้า" ปัญหาต่างๆ จะยืดเยื้อต่อไป
#3451


ประเทศไทยได้ก้าวสู่ยุคแห่งนวัตกรรมทางด้านเทคโนโลยีที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ยุคที่ทั้งผู้คนและภาคธุรกิจต่างยอมรับเทคโนโลยีขั้นสูงต่าง ๆ อย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน ถึงกระนั้น สิ่งที่เกิดขึ้นถือว่ารวดเร็วเสียจนบางทีก็เร็วเกินกว่าเมืองที่เราอาศัยอยู่จะปรับตัวได้ทัน

อีกเพียงไม่นาน ประเทศไทยจะขยับเข้าใกล้ความเป็นไทยแลนด์ 4.0 ซึ่งผู้บริหารของเมืองต่าง ๆ ในประเทศกำลังมองหาหนทางที่จะประยุกต์ใช้เทคโนโลยีอันทันสมัย เพื่อประโยชน์ในการพัฒนาพื้นที่ในปกครองของตน สิ่งนี้ถือเป็นประเด็นสำคัญที่ปรากฏอยู่ในแผนงานพัฒนาเมืองอัจฉริยะ (Smart City Plan) ซึ่งมีเป้าหมายในการพัฒนาเมือง 100 แห่งทั่วประเทศไทยให้กลายเป็นเมืองอัจฉริยะภายในปี 2565 และยังช่วยให้ประเทศได้ตระหนักถึงเป้าหมายในการพัฒนาทางด้านเศรษฐกิจและสังคมในระยะยาว

กระนั้นก็ดี การแพร่ระบาดใหญ่ของโรคโควิด-19 ยิ่งทำให้ดิสรัปชั่นดังกล่าวเป็นไปอย่างรวดเร็วและชัดเจนยิ่งขึ้น การพัฒนาเมืองอัจฉริยะไม่สามารถให้ความสำคัญแต่เพียงเรื่องของการเปลี่ยนสู่ความเป็นดิจิทัลเพียงอย่างเดียว แต่ยังต้องใช้เทคโนโลยีเพื่อสร้างผลลัพธ์ที่สามารถปรับระดับขีดความสามารถ และสามารถใช้ในสถานการณ์จริงได้ด้วย

การแพร่ระบาดของโควิด-19 นี้ได้สอนพวกเราว่าความยั่งยืนควรเป็นปัจจัยสนับสนุนในการก่อร่างสร้างตัวของเมืองอัจฉริยะ ซึ่งจะทำเช่นนั้นได้เมืองเหล่านั้นจะต้องเข้าถึงจุดที่เป็นสามารถเชื่อมต่อหากันได้ทุกมิติ (hyperconnected maturity)

อะไรที่ช่วยทำให้เมืองเกิดการเชื่อมต่อในทุกมิติได้

โดยพื้นฐานนั้น เมืองที่มีการเชื่อมต่อในทุกมิติ หรือ hyperconnected city จะสามารถปลดล็อคค่านิยมทางด้านเศรษฐกิจ ธุรกิจ และสังคมที่มีความสำคัญได้ด้วยการผลักดันการใช้เทคโนโลยีเพื่อการเปลี่ยนแปลงและเชื่อมต่อในจุดที่สำคัญต่อระบบนิเวศเมืองให้กับประชากรด้วยความรอบคอบ สิ่งที่ทำจะต้องเป็นมากกว่าแนวความคิดทั่วไปของการพัฒนาเมืองอัจฉริยะ ซึ่ง hyperconnected city จะให้ความสำคัญกับการประยุกต์ใช้งานเทคโนโลยี ขณะเดียวกันก็ยังเชื่อมต่อกับหน่วยงานรัฐบาล สถานประกอบการธุรกิจ สถาบันการศึกษา และประชาชน เพื่อปรับปรุงพัฒนาในการส่งมอบบริการอัจฉริยะต่าง ๆ ซึ่งทำได้โดยผ่านการกำหนดองค์ประกอบหลักทั้งสี่ ที่เมืองเหล่านั้นจะสามารถรับรู้ถึงผลประโยชน์ทางด้านเศรษฐกิจสังคมและสิ่งแวดล้อมได้อย่างเต็มเม็ดเต็มหน่วย

แต่ว่าเราจะประเมินความแข็งแกร่งของการเชื่อมต่อระหว่างองค์ประกอบทั้งสี่ในเมือง ๆ หนึ่งได้อย่างไร และองค์ประกอบสี่อย่างนั้นมีอะไรบ้าง จากรายงานเรื่อง Building a Hyperconnected City ที่โนเกียได้ทำงานร่วมกับ ESI ThoughtLab การเชื่อมต่อจะต้องถูกประเมินโดยพิจารณาสี่องค์ประกอบหลักของการเปลี่ยนแปลงเมือง ได้แก่ เทคโนโลยี ข้อมูลและการวิเคราะห์ ความปลอดภัยทางด้านไซเบอร์ และประชากรที่เชื่อมโยงถึงกัน



บนพื้นฐานขององค์ประกอบหลักทั้งสี่นั้น เราระบุได้ว่าในปัจจุบันภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกมี 20 เมืองที่สามารถถูกจัดกลุ่มให้เป็น hyperconnected city ได้ ขณะที่แต่ละเมืองได้เข้าถึงบางส่วนของการเชื่อมต่อระหว่างองค์ประกอบหลักต่าง ๆ นั้น เมืองเหล่านั้นก็ยังมีความแตกต่างกันอยู่จากระดับวุฒิภาวะในการเข้าถึงการเชื่อมต่อที่ต่างกัน อย่างเช่นกรุงเทพมหานครก็เป็นหนึ่งในเมืองเหล่านั้นและได้สะท้อนให้เห็นว่ารัฐบาลมีการดำเนินการที่เหมาะสมและเป็นลำดับขั้นตอนอย่างไรในการพัฒนาสู่ความเป็นเมืองอัจฉริยะ ถึงอย่างไรก็ตาม เมืองไทยยังเฝ้ารอโอกาสในการส่งเสริมการพัฒนาในขอบเขตที่กว้างขวางขึ้น ดังเห็นได้จากความพยายามที่จะพัฒนาพื้นที่สำคัญ ๆ ของประเทศ อย่างโครงการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (Eastern Economic Corridor: EEC) ที่เป็นความร่วมมือขององค์กรภาครัฐและเอกชน ผู้บริหารเมือง เอ็นจีโอ และสถาบันการศึกษา

การยอมรับ IoT ของประเทศไทย

Hyperconnected city ทั้งหลายกำลังขยายขอบข่ายการใช้งานเทคโนโลยีขั้นสูงไปทั่วทั้งระบบนิเวศเมือง ขณะนี้ทั้ง 20 เมืองที่กล่าวถึงข้างต้นกำลังเร่งเดินหน้าให้เกิดการยอมรับความก้าวหน้านี้ด้วยการปรับพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานทางด้านเทคโนโลยีสารสนเทศ การเก็บรวบรวมและวิเคราะห์ข้อมูล การสื่อสารโทรคมนาคม และโซลูชั่นเทคโนโลยีด้าน Mobility เพื่อขับเคลื่อนการเปลี่ยนแปลงแบบองค์รวม

โดยเฉพาะอย่างยิ่งเทคโนโลยีไอโอที (IoT: Internet of Things) และการยอมรับเทคโนโลยีดังกล่าวในเมืองต่าง ๆ ทั่วเอเชียทั้งประเทศที่พัฒนาแล้วและกำลังพัฒนา ที่มุ่งไปสู่ความเจริญแบบเมืองอย่างยั่งยืน โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อประชากรมีจำนวนเพิ่มสูงขึ้น และคนอาศัยอยู่ในเมืองมากขึ้นกว่าแต่ก่อน ความยั่งยืนในแบบเมืองจึงเป็นสิ่งสำคัญต่อการสร้างสถานที่ที่มีคุณภาพชีวิตที่ดีและปลอดภัยต่อการอยู่อาศัยและทำงานให้กับชาวเมือง และ IoT สามารถช่วยให้เมืองเหล่านี้ใช้เครื่องมือดิจิทัลที่สามารถช่วยเพิ่มศักยภาพการใช้งานโครงสร้างพื้นฐานในปัจจุบัน (และในอนาคต) ให้เกิดประโยชน์ได้อย่างสูงสุด

ประเทศไทยกำลังขยายการใช้งาน IoT ให้แพร่หลายอย่างรวดเร็ว การยอมรับการใช้งานในขอบข่ายนี้ได้รับความสนใจอย่างมากในภาคส่วนหลัก ๆ ของประเทศ อาทิ ภาคการผลิต โลจิสติกส์ และการขนส่ง ที่ยังนับรวมไปถึงด้านบริการสาธารณะต่าง ๆ ด้วย เช่น มาตรการที่เคยดำเนินการโดยบริษัทไปรษณีย์ไทยที่จะประยุกต์ใช้งาน IoT ในการสร้างกล่องไปรษณีย์อัจฉริยะ (smart mailboxes) ที่มีเป้าหมายเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพของบริการไปรษณีย์ทั่วประเทศ

จากงานวิจัยของโนเกีย กรุงเทพฯ และเมืองอื่น ๆ อีก 19 แห่งที่ได้รับการสำรวจ ต่างมองหาลู่ทางที่จะขับเคลื่อนการใช้งาน IoT ต่อไปในระยะสามปีข้างหน้านี้ เมืองเหล่านี้เองยังได้มีการจัดให้ IoT มีความสำคัญในลำดับต้น ๆ ในแง่ของการสร้างข้อมูลที่มีประโยชน์ที่สามารถนำไปใช้งานเพื่อการปรับพัฒนาการบริหารจัดการเมืองให้ดียิ่งขึ้นอีกด้วย

เพิ่มศักยภาพความเป็นเมืองอัจฉริยะของไทยด้วยการบริหารข้อมูล

Hyperconnected city ทั้งหลายใช้เทคโนโลยีที่ก้าวล้ำอย่าง IoT เพื่อกระตุ้นการใช้ข้อมูลที่หลากหลายในวงกว้างให้เกิดประโยชน์ต่อผู้ที่มีส่วนร่วมในการบริหารเมือง ซึ่งประกอบไปด้วยข้อมูลแบบดั้งเดิม อาทิ ข้อมูลที่รวบรวมมาจากส่วนงานต่าง ๆ ของเมือง สถานประกอบการท้องถิ่น และการสำรวจประชากร และข้อมูลรูปแบบใหม่ เช่น จากระบบตรวจจับด้วย IoT ปัญญาประดิษฐ์ (AI) และแม้กระทั่งที่ได้มาจากโซเชียลมีเดีย

ด้วยการผสานการใช้งานทั้งเทคโนโลยีขั้นสูงและข้อมูลที่นำไปใช้ได้จริงจากแหล่งต่าง ๆ hyperconnected city จะช่วยพัฒนาการบริหารและความยั่งยืนของเมืองได้ ตัวอย่างเช่น เมืองส่วนใหญ่ที่เราได้ทำการสำรวจไปนั้นมีการปรับใช้ข้อมูลเพื่อบริหารจัดการโครงสร้างพื้นฐานด้านเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารโทรคมนาคม โดยขณะที่กึ่งหนึ่งกำลังใช้งานเทคโนโลยีเหล่านี้ในด้านบริการและระบบทางด้านการเงิน การรับส่งข้อมูลแบบเคลื่อนที่ (mobility) และการคมนาคมขนส่ง เช่นเดียวกับงานระบบรักษาความปลอดภัย (ทั้งทางกายภาพและดิจิทัล) ขณะเดียวกัน ส่วนที่สามของการใช้งานข้อมูลเหล่านั้นก็เป็นไปในเรื่องของความปลอดภัย การสาธารณสุข และการส่งเสริมสุขภาพที่ดีของประชาชนในเมืองนั้น ๆ

สำหรับประเทศไทย มีความพยายามที่จะผลักดันให้เกิดการใช้งานข้อมูลเหล่านี้ให้เป็นรูปธรรมชัดเจนยิ่งขึ้นในเมืองต่าง ๆ ซึ่งสิ่งสำคัญเหนืออื่นใด คือไม่ได้เกิดขึ้นแต่เพียงในหัวเมืองใหญ่ ๆ อย่างเช่นกรุงเทพฯ เท่านั้น แต่ยังเกิดขึ้นในอีกหลาย ๆ จังหวัด เช่น ชลบุรี และ ระยอง เป็นต้น

Hyperconnectivity - เมื่อการเชื่อมต่อในทุกมิติช่วยสร้างผลกำไรตอบแทนได้มากยิ่งขึ้น

นอกเหนือจากการรับมือกับความท้าทายในเรื่องความยั่งยืนของเมืองโดยตรงแล้ว ผู้บริหารเมืองนั้น ๆ ยังต้องกระตุ้นให้เกิดการลงทุนสำหรับเมืองอัจฉริยะเพื่อสร้างผลกำไรตอบแทนให้ได้มากที่สุด เราเชื่อว่าการจะก้าวสู่สภาวะที่สามารถเชื่อมต่อได้ในทุกมิตินั้น เมืองอัจฉริยะจำเป็นต้องมีการบริหารจัดการที่สร้างผลตอบแทนที่จับต้องได้โดยต้องคำนึงถึงผลประโยชน์ทางด้านธุรกิจ เศรษฐกิจ การเงิน สังคม และสิ่งแวดล้อม



อย่างไรก็ดี เมืองทั้งหลายยังต้องทำความเข้าใจว่าการลงทุนในเรื่องอะไรที่จะสามารถสร้างผลกำไรตอบแทนที่คุ้มค่าที่สุดได้ โดยอ้างอิงจากงานวิจัย โครงการธรรมาภิบาล ถือเป็นอีกหนึ่งการลงทุนที่ให้ผลตอบแทนสูงที่สุดในบรรดาการลงทุนด้านอื่น ๆ ภายในระบบนิเวศเมือง ขอยกตัวอย่างโดยเลือกโครงการที่เกี่ยวกับธรรมาภิบาลอิเล็กทรอนิกส์ สำหรับเมืองต่าง ๆ ที่พึ่งจะเริ่มนำโซลูชั่นเพื่อการเชื่อมต่อแบบครบวงจรมาใช้งานจะเห็นว่ามีตัวเลขผลกำไรตอบแทนโดยเฉลี่ยที่ร้อยละ 2.6 ในขณะที่หัวเมืองชั้นนำที่มีความคุ้นเคยกับการใช้เทคโนโลยีดังกล่าวมากกว่า ตัวเลขผลกำไรตอบแทนโดยเฉลี่ยจะอยู่ที่ร้อยละ 5.6 และไม่ใช่เรื่องที่น่าแปลกใจที่ในทางกลับกัน hyperconnected city ที่อยู่ในการสำรวจของเรายังเป็นเมืองที่มีการให้บริการต่าง ๆ ผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์ (e-service) และโปรแกรมต่าง ๆ ในระดับสูงที่ช่วยมอบประสบการณ์ที่ดีกว่าในการใช้ชีวิตแบบคนเมือง ดังนั้น เมื่อเมืองต่าง ๆ มีการเชื่อมต่อที่เข้าถึงได้ในทุกมิติมากขึ้น เครือข่ายที่เชื่อมต่อนั้นจะก่อให้เกิดผลลัพธ์ที่หลากหลายได้ด้วย

กรุงเทพฯ เป็นหนึ่งในเมืองที่มองหาโอกาสเพื่อดึงการลงทุนที่มีมูลค่าสูงให้เพิ่มมากขึ้นผ่านโร้ดแม็ปของแผนยุทธศาสตร์ชาติไทยแลนด์ 4.0 ที่รวมถึงการปรับปรุงโครงสร้างพื้นฐานของเมืองในด้านบริการสาธารณะ การคมนาคมขนส่ง และการบริหารจัดการสิ่งแวดล้อมอย่างต่อเนื่อง รวมทั้งยังได้ผลักดันการสาธารณสุขของประเทศสู่อนาคตด้วยการเริ่มนำบริการด้านสุขภาพทางไกล (telehealth) บนเครือข่าย 5G มาใช้งานตั้งแต่ระยะแรกของการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 อีกด้วย โดยขณะที่เป้าประสงค์พื้นฐานของการนำระบบนี้มาใช้คือเพื่อลดภาระให้กับบุคลากรด่านหน้า และสิ่งอำนวยความสะดวกด้านการสาธารณสุขแล้ว การปรับเปลี่ยนที่เกิดขึ้นนี้ยังช่วยสนับสนุนภาคการสาธารณสุขในภาพรวม ซึ่งผู้มีส่วนเกี่ยวข้องกับระบบสุขภาพภาคเอกชนสามารถใช้ประโยชน์เพื่อเสริมสร้างความเป็นผู้นำในระดับภูมิภาคในวงการอุตสาหกรรมนี้ของประเทศด้วย

ผู้มีส่วนในการบริหารเมืองของประเทศไทยต้องให้ความสำคัญและมองหาหนทางที่คุ้มค่ามากยิ่งขึ้นในระยะยาว

ณ ตอนนี้ ประเทศไทยกำลังเข้าใกล้ความเป็นเมืองอัจฉริยะที่มีการเชื่อมต่อในทุกมิติยิ่งกว่าเดิม โดยกรุงเทพฯ ถือเป็นเมืองชั้นนำในการปรับเปลี่ยนที่ว่านี้ อย่างไรก็ตาม ผู้บริหารเมืองต่าง ๆ จะต้องมีการฝึกทักษะด้านความอดทน นั่นคือพวกเขาจะต้องเผชิญหน้ากับการบูรณาการโครงสร้างพื้นฐานที่ซับซ้อน แพลตฟอร์มที่หลากหลาย ความต้องการข้อมูลในรูปแบบต่าง ๆ และการประยุกต์ใช้ให้เข้ากับความต้องการของเมือง

แต่สิ่งสำคัญยิ่งกว่า และนำไปใช้ได้กับทุกเมืองคือ ไม่ว่าคุณจะอยู่ในจุดไหนของการพัฒนาความเป็นเมืองอัจฉริยะก็ตาม ผู้บริหารเมืองจะต้องทำให้แน่ใจได้ว่าประชนชนและผู้มีส่วนเกี่ยวข้องของเมืองให้การสนับสนุน โดยการปรับปรุงในเรื่องชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชนถือเป็นองค์ประกอบพื้นฐานของแผนงานการพัฒนาเมืองอัจฉริยะที่สามารถเห็นได้อย่างชัดเจน

การสร้างเมือง hyperconnected city จำเป็นต้องใช้เวลาพอสมควร หากแต่ผลที่ได้นั้นถือว่าคุ้มค่า โดยเฉพาะอย่างยิ่งการนำไปสู่การปรับปรุงสวัสดิการด้านสังคมเศรษฐกิจที่ดีขึ้น ความยั่งยืนทางด้านสิ่งแวดล้อม อีกทั้งการขับเคลื่อนให้เมืองเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง และการใช้ประโยชน์จากผลพลอยได้อื่น ๆ ที่เพิ่มมากขึ้นด้วย และเพื่อให้ถึงเป้าหมายนั้น ประเทศไทยได้วางมาตรการเชิงรุกต่างๆ ไว้รองรับแล้ว ดังนั้น ผู้บริหารเมืองต่างๆ ควรจะมองหาโอกาสที่จะส่งเสริมให้บรรลุวัตถุประสงค์ของแผนยุทธศาสตร์ชาติไทยแลนด์ 4.0 ที่เกี่ยวข้องกับแนวทางเพื่อการเป็นเมืองอัจฉริยะ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อภูมิทัศน์ทางด้านสังคมและธุรกิจของประเทศได้วิวัฒน์ไปเพื่อการสร้างอุปสงค์ใหม่ในอนาคต
#3452


บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) หรือ PTT ยื่นแบบแสดงรายการข้อมูล(ไฟลิ่ง)ต่อสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ในการออกและเสนอขายหุ้นกู้ ครั้งที่ 1/2564 จำนวน 5 ชุด มูลค่ารวมไม่เกิน 47,000 ล้านบาท แบ่งเป็น ชุดที่ 1 มูลค่าไม่เกิน 4,000 ล้านบาท เป็นหุ้นกู้ไม่มีประกันประเภทอัตราดอกเบี้ยลอยตัวอ้างอิงอัตราดอกเบี้ย THOR ของบริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) ครั้งที่ 1/2564 อายุ 1 ปี 6 เดือน ครบกำหนดไถ่ถอนปี 2566 อัตราดอกเบี้ยลอยตัว โดยใช้อัตราดอกเบี้ยอ้างอิง Compounded THOR + ร้อยละ 0.18 ต่อปี ชำระดอกเบี้ยครั้งเดียว ณ วันครบกำหนดไถ่ถอนหุ้นกู้

ชุดที่ 2 เป็นหุ้นกู้ไม่มีประกัน เสนอขายไม่เกิน 15,000 ล้านบาท อายุ 3 ปี ครบกำหนดไถ่ถอนปี 2567 อัตราดอกเบี้ยคงที่ 0.96% ต่อปี ชำระดอกเบี้ยทุกๆ 6 เดือนตลอดอายุหุ้นกู้ ชุดที่ 3 เป็นหุ้นกู้ไม่มีประกัน เสนอขายไม่เกิน 15,000 ล้านบาท อายุ 5 ปี ครบกำหนดไถ่ถอนปี 2569 อัตราดอกเบี้ยคงที่ 1.31% ต่อปี ชำระดอกเบี้ยทุกๆ 6 เดือนตลอดอายุหุ้นกู้

ชุดที่ 4 เป็นหุ้นกู้ไม่มีประกัน เสนอขายไม่เกิน 5,000 ล้านบาท อายุ 7 ปี ครบกำหนดไถ่ถอนปี 2571 อัตราดอกเบี้ยคงที่ 1.79% ต่อปี ชำระดอกเบี้ยทุกๆ 6 เดือนตลอดอายุหุ้นกู้ และชุดที่ 5 เป็นหุ้นกู้ไม่มีประกัน เสนอขายไม่เกิน 8,000 ล้านบาท อายุ 10 ปี ครบกำหนดไถ่ถอนปี 2574 อัตราดอกเบี้ยคงที่ 2.37% ต่อปี ชำระดอกเบี้ยทุกๆ 6 เดือนตลอดอายุหุ้นกู้

ทั้งนี้ เสนอขายหุ้นกู้ ระหว่างวันที่ 3-5 ส.ค.2564  ปตท.จะเสนอขายหุ้นกู้ดังกล่าวให้แก่ผู้ลงทุนสถาบัน และ/หรือผู้ลงทุนรายใหญ่ ผ่านผู้จัดการการจัดจำหน่ายหุ้นกู้ คือ ธนาคารกรุงศรีอยุธยา ธนาคารกรุงเทพ ธนาคารกสิกรไทย ธนาคารไทยพาณิชย์ โดยบริษัท ฟิทช์ เรทติ้งส์ (ประเทศไทย) จำกัด จัดอันดับความน่าเชื่อถือของหุ้นกู้ที่ระดับ "AAA(tha)" เมื่อวันที่ 12 ก.ค.2564

สำหรับเงินที่ได้จากการเสนอขายหุ้นกู้ครั้งนี้ จะนำเงินที่ได้จากการเสนอขายหุ้นกู้ครั้งนี้ไปใช้ในการลงทุน และหรือเป็นเงินทุนหมุนเวียนทั่วไป และหรือเพื่อทดแทนหนี้ที่ครบกำหนดชำระ โดยจะนำเงินมาใช้ภายในวันที่ 31 ธ.ค.2564
#3453


ดร.รักษ์ วรกิจโภคาทร กรรมการผู้จัดการ ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย (EXIM BANK) เปิดเผยว่า ปัจจุบันโควิด-19 ยังแพร่ระบาดทั่วโลก แต่หลายประเทศเริ่มปรับตัวและรับมือเพื่อให้ภาคธุรกิจดำเนินต่อไปได้ โดยกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) คาดการณ์ว่า เศรษฐกิจโลกในปีนี้จะขยายตัวได้สูงถึง 6% โดยได้อานิสงส์จากประเทศเศรษฐกิจขนาดใหญ่ อาทิ สหรัฐฯ จีน และบางประเทศในยุโรป โตมากกว่า 6% ซึ่งประเทศเหล่านี้มีสัดส่วนเกินกว่า 50% ของ GDP โลก เป็นผลจากความพร้อมในการผลิตวัคซีนเองและฉีดให้แก่ประชาชนของตนเองได้อย่างรวดเร็ว ประกอบกับความพร้อมของเม็ดเงินในการกระตุ้นเศรษฐกิจจำนวนมากเพื่อบรรเทาผลกระทบจากโควิด-19

กรรมการผู้จัดการ EXIM BANK เปิดเผยต่อไปว่า ปัจจุบันเศรษฐกิจไทยยังไม่ฟื้น เป็นผลจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 ระลอกใหม่ ทำให้รัฐบาลจำเป็นต้องประกาศมาตรการล็อกดาวน์ โรงงานในบางพื้นที่มีผู้ติดเชื้อจำนวนมากจนต้องหยุดการผลิต ท่ามกลางอุปสงค์ในประเทศที่ยังมีความเปราะบาง จนหน่วยงานเศรษฐกิจสำคัญหลายแห่งคาดว่าเศรษฐกิจไทยในปีนี้จะขยายตัวเพียงราว 1% ขณะที่การท่องเที่ยวยังรอวันฟื้น "การส่งออก" จะกลายเป็นพระเอกประคับประคองและขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยในครึ่งหลังปี 2564 ต่อเนื่องจากช่วงครึ่งปีแรกที่ขยายตัวถึง 15.5% โดยได้อานิสงส์จากเศรษฐกิจโลกที่ฟื้นตัว สินค้าโภคภัณฑ์มีราคาดี สินค้าไทยบางส่วนตอบรับกระแส New Normal ได้ดี และเงินบาทอ่อนค่า โดยคาดว่าในปี 2564 ภาคส่งออกจะขยายตัวได้ไม่น้อยกว่า 10% ขณะที่ปัจจัยลบที่ยังต้องจับตามองได้แก่ การแพร่ระบาดของโควิด-19 และการกลายพันธุ์ของเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ในประเทศไทย การขาดแคลนวัตถุดิบและตู้คอนเทนเนอร์สำหรับธุรกิจส่งออก เนื่องจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 ทำให้เกิดความชะงักงันของกิจการ Logistics ที่มีผู้ติดเชื้อและการตรวจสอบที่เข้มงวด จนทำให้จำนวนตู้คอนเทนเนอร์กลับเข้าสู่ภาวะไม่เพียงพอต่อความต้องการใช้งาน

ดร.รักษ์ กล่าวว่า EXIM BANK ในฐานะสถาบันการเงินเฉพาะกิจของรัฐที่มีภารกิจส่งเสริมและสนับสนุนการส่งออกและการลงทุนระหว่างประเทศ ตลอดจนธุรกิจของผู้ประกอบการไทยที่เป็นประโยชน์ต่อการพัฒนาประเทศ จึงขานรับนโยบายกระทรวงการคลัง เร่งขับเคลื่อนการฟื้นตัวของภาคส่งออกและเศรษฐกิจไทยอย่างรวดเร็วตามทิศทางการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลกและการค้าระหว่างประเทศ โดย "พัฒนา 4 ปัจจัยสู้วิกฤตโควิด-19 ควบคู่กับการตอบโจทย์โลกวิถีใหม่" เพื่อขับเคลื่อนการเติบโตของภาคส่งออกและเศรษฐกิจไทยในครึ่งหลังปี 2564 ดังนี้



1. พัฒนาอุตสาหกรรมใหม่ ตอบรับกระแส New Normal EXIM BANK จะเป็น Lead Bank สนับสนุนการลงทุนทั้งในและต่างประเทศในอุตสาหกรรมใหม่ อาทิ พลังงานทดแทน พาณิชยนาวีที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม และอุตสาหกรรมสีเขียว ดิจิทัล และสุขภาพ (Green, Digital, Health : GDH)

2. พัฒนา SMEs ให้เป็นผู้ส่งออกรายใหม่เพิ่มมากขึ้น จากจำนวนผู้ส่งออก SMEs ของไทยในปัจจุบันมีไม่ถึง 1% ของ SMEs ทั้งประเทศซึ่งมีจำนวน 3.1 ล้านราย EXIM BANK พร้อมให้คำปรึกษาแนะนำและอบรมบ่มเพาะผู้ประกอบการ SMEs ในทุกระดับ ผ่านกิจกรรมของศูนย์ความเป็นเลิศด้านการค้าของ EXIM BANK (EXIM Excellence Academy : EXAC) รวมทั้งให้บริการทางการเงินรูปแบบใหม่ ๆ ที่จะทำให้ SMEs เข้าสู่ธุรกิจส่งออกได้ทันที อาทิ สินเชื่อเครือข่ายครบวงจร (EXIM Supply Chain Financing Solution) เพื่อเสริมสภาพคล่องให้ธุรกิจ SMEs ที่เป็น Suppliers ของผู้ประกอบการรายใหญ่โดยไม่ต้องใช้หลักประกันเพิ่ม

3. พัฒนา Pavilion สำหรับการค้าออนไลน์ ภายใต้ชื่อ "EXIM Thailand Pavilion" เพื่อช่วยให้ผู้ประกอบการไทยรายเล็กซึ่งมีข้อจำกัดในการเข้าถึงช่องทางดังกล่าว ไม่ว่าจะเป็นวิธีการค้าขาย การโพสต์สินค้า ตลอดจนขีดจำกัดด้านเงินทุน มีโอกาสค้าขายกับคู่ค้าในต่างประเทศทางออนไลน์ได้อย่างประสบความสำเร็จ นอกจากนี้ ยังมีโอกาสได้รับการสนับสนุนทั้งทางการเงินและไม่ใช่การเงินจาก EXIM BANK และหน่วยงานพันธมิตรควบคู่ไปด้วย

4. พัฒนาผลิตภัณฑ์ครบวงจรเพื่อเสริมสภาพคล่องและป้องกันความเสี่ยงให้แก่ผู้ประกอบการ โดยเฉพาะ SMEs ไทย รวมทั้งมาตรการ "พักหนี้" และ "เติมทุน" เพื่อช่วยเหลือลูกค้าและผู้ประกอบธุรกิจส่งออกและเกี่ยวเนื่อง ผู้นำเข้า และนักลงทุนจากผลกระทบของโควิด-19 ตามนโยบายของกระทรวงการคลังและธนาคารแห่งประเทศไทย

กรรมการผู้จัดการ EXIM BANK กล่าวต่อไปว่า การพัฒนาดังกล่าวข้างต้นสอดคล้องกับนโยบาย Dual-track Policy ของ EXIM BANK ในการทำหน้าที่เป็น "ธนาคารเพื่อการพัฒนาแห่งประเทศไทย (Thailand Development Bank)" ขับเคลื่อนการพัฒนาของภาคอุตสาหกรรมและเศรษฐกิจไทยให้ก้าวผ่านภาวะวิกฤตและมีโมเมนตัมการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง รวดเร็ว และยั่งยืน มุ่งสู่อุตสาหกรรมที่ตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคและภาคธุรกิจในโลกยุค ใหม่

ขณะเดียวกัน EXIM BANK ยังทำหน้าที่เป็น
"ศูนย์บริการครบวงจรเพื่ออำนวยความสะดวกด้านการค้าระหว่างประเทศให้แก่ SMEs (One Stop Trading Facilitator for SMEs)" ช่วยให้ผู้ประกอบการ SMEs ซึ่งเป็นส่วนใหญ่ของภาคธุรกิจสามารถผันตัวเป็นผู้ส่งออกและขยายธุรกิจส่งออกได้อย่างต่อเนื่อง มั่นคง และยั่งยืน โดย EXIM BANK จะเร่ง 'ซ่อม' ด้วยการช่วยเหลืออุตสาหกรรมที่วิกฤตและกระตุ้นให้ตลาดกลับมาน่าสนใจ 'สร้าง' อุตสาหกรรมใหม่ที่ตอบโจทย์วิถีชีวิตและการดำเนินธุรกิจในโลกอนาคต 'เสริม' ความสมดุลของการค้าและการลงทุนในตลาดหลักควบคู่กับตลาด New Frontiers รวมทั้งบุกเบิกโครงการความร่วมมือระหว่างรัฐบาลไทยกับรัฐบาลต่างประเทศ ขณะเดียวกัน จะเป็นผู้ให้บริการครบวงจรร่วมกับเครือข่ายพันธมิตรในการเติมความรู้ ทุน และศักยภาพ เพื่อช่วยให้ SMEs ค้าขายระหว่างประเทศได้อย่างประสบความสำเร็จและเป็นส่วนหนึ่งของ Supply Chain ของผู้ส่งออกที่แข่งขันได้ในตลาดโลกอย่างมั่นใจ

"EXIM BANK จะเร่งพัฒนาปัจจัยต่าง ๆ ที่จะทำให้ภาคการส่งออกและเศรษฐกิจไทยเติบโตได้แม้ในภาวะวิกฤตและยั่งยืนต่อไปในอนาคต ซึ่ง EXIM BANK พร้อมเป็นที่ปรึกษาทางการเงินและให้เครื่องมือทางการเงินสำหรับบริหารจัดการธุรกิจของผู้ประกอบการไทย โดยเฉพาะ SMEs ให้เติบโตได้อย่างยั่งยืน โดยส่งเสริมการนำเข้าเครื่องจักร และเทคโนโลยีเพื่อปรับปรุงประสิทธิภาพการผลิตและเพิ่มมูลค่าสินค้า แม้ว่าผู้ส่งออกจะได้ประโยชน์จากเงินบาทที่อ่อนค่าลงในระยะสั้น แต่ภูมิคุ้มกันของผู้ส่งออกคือ ความแตกต่างอย่างโดดเด่นของสินค้าและบริการที่มีคุณภาพและตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภคในโลกยุคใหม่ภายใต้วิถีใหม่ในระยะข้างหน้าได้" ดร.รักษ์ กล่าว
#3454



ผลการศึกษาระยะยาวโดยคณะนักวิทยาศาสตร์อิมพิเรียลคอลเลจลอนดอน ร่วมกับบริษัทวิจัยตลาดอิปซอส เอ็มโออาร์ไอ ศึกษาการสว็อบ 98,233 ครั้งระหว่างวันที่ 24 มิ.ย.-12 ก.ค. พบว่า 160 ติดโควิด ด้วยอัตราความชุกที่ 1.21% สำหรับคนที่ไม่ฉีดวัคซีน และ 0.40% สำหรับคนที่ฉีดวัคซีนครบแล้ว

ผลการศึกษายังพบด้วยว่า คนที่ฉีดวัคซีนแล้วอาจส่งต่อไวไรัสไปให้คนอื่นน้อยกว่าคนที่ยังไม่ฉีดวัคซีนถึงสองเท่า


อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่และนักวิทยาศาสตร์ในอังกฤษขอให้ประชาชนระมัดระวัง หลังรัฐบาลยกเลิกข้อจำกัดคุมโควิดทั้งหมดในอังกฤษเมื่อวันที่ 19 ก.ค. รวมถึงยกเลิกกฎหมายบังคับสวมหน้ากากในอาคารบางแห่ง

ขณะที่เอกสารรัฐบาลสหรัฐที่หลุดออกมาเมื่อสัปดาห์ก่อน เตือนว่า การติดเชื้อในหมู่ผู้ที่ฉีดวัคซีนครบโดสแล้วไม่ได้เกิดขึ้นยากเหมือนเมื่อก่อน และเป็นการติดเชื้อที่ติดต่อกันได้ง่าย

นายพอล เอลเลียต อาจารย์วิทยาลัยสาธารณสุขของอิมพิเรียลและผู้อำนวยการโครงการสำรวจครั้งนี้กล่าวว่า ข้อค้นพบที่ได้ยืนยันข้อมูลก่อนหน้าที่ระบุว่า วัคซีนสองโดสให้ปกป้องการติดเชื้อได้ดี แต่ยังมีความเสี่ยงอยู่เพราะไม่มีวัคซีนตัวใดปกป้องได้ 100%

ทั้งนี้ ตัวเลขผู้ติดเชื้อรายวันจากกระทรวงสาธารณสุขลดลงนับตั้งแต่รัฐบาลผ่อนคลายมาตรการควบคุม ขณะที่ผลการสำรวจจากประชาชนชี้ว่า การติดเชื้ออาจเพิ่มขึ้นแต่ในอัตราช้าลง

เทรนด์นี้สร้างความประหลาดใจให้กับผู้เชี่ยวชาญและเจ้าหน้าที่ ที่คาดว่าการติดเชื้อใหม่ต้องพุ่งขึ้น การศึกษาของอิมพิเรียล-อิปซอสที่เก็บข้อมูลจนถึงวันที่ 12 ก.ค. พบว่า ช่วงนั้นผู้ติดเชื้อค่อยๆ เพิ่มขึ้นกว่าเดือนก่อนหน้า
#3455


วันที่ 4 ส.ค. ศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) กระทรวงมหาดไทย (ศบค.มท.) เปิดเผยรายชื่อจังหวัดที่มีคำสั่ง และประกาศให้มีการกักตัวผู้ที่เดินทางมาจากนอกพื้นที่รวม 62 จังหวัด จากข้อมูลล่าสุดเมื่อวันที่ 1 ส.ค.2564 เวลา 15.00 น. ประกอบด้วย

• ภาคเหนือ 17 จังหวัด

1. กำแพงเพชร

2. เชียงราย

3. เชียงใหม่


4. ตาก

5. นครสวรรค์

6. น่าน

7. พะเยา

8. พิจิตร

9. พิษณุโลก

10. เพชรบูรณ์

11. แพร่

12. แม่ฮ่องสอน

13. ลำปาง

14. ลำพูน

15. สุโขทัย

16. อุตรดิตถ์

17. อุทัยธานี

• ภาคกลาง-ตะวันออก 14 จังหวัด

1. กาญจนบุรี

2. จันทบุรี

3. ฉะเชิงเทรา

4. ชัยนาท

5. นครนายก

6. ประจวบคีรีขันธ์

7. ปราจีนบุรี

8. ระยอง

9. ราชบุรี

10. ลพบุรี

11. สระบุรี

12. สิงห์บุรี

13. สุพรรณบุรี

14. อ่างทอง

ประกันโควิด เจอ จ่าย จบ! รับเลย 100,000 บาท

• ภาคใต้ 11 จังหวัด

1. กระบี่

2. ชุมพร

3. ตรัง

4. นครศรีธรรมราช

5. พังงา

6. พัทลุง

7. ยะลา

8. ระนอง

9. สงขลา

10.สตูล

11. สุราษฎร์ธานี

• ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 20 จังหวัด

1. กาฬสินธุ์

2. ขอนแก่น

3. ชัยภูมิ

4. นครราชสีมา

5. นครพนม

6. บึงกาฬ

7. บุรีรัมย์

8. มหาสารคาม

9. มุกดาหาร

10. ยโสธร

11. ร้อยเอ็ด

12. เลย

13. ศรีสะเกษ

14. สกลนคร

15. สุรินทร์

16. หนองคาย

17. หนองบัวลำภู

18. อำนาจเจริญ

19. อุดรธานี

20. อุบลราชธานี
#3456


"กระทรวงท่องเที่ยวฯ" เผยสถิติ "ภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์" ครบ 1 เดือนแรก สร้างเงินหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจเฉียด 2 พันล้านบาท จากนักท่องเที่ยวกว่า 1.4 หมื่นคน ใช้จ่ายเฉลี่ยเกือบ 6 หมื่นบาทต่อทริป "สมาคมโรงแรมไทยภาคใต้" ลุ้นไตรมาส4 ท่องเที่ยวภูเก็ตพลิกสถานการณ์

ฝ่าวิกฤติยอดผู้ติดเชื้อโควิด-19 ในประเทศพุ่ง มีนักท่องเที่ยวไทย-เทศเดินทางเข้ามาเที่ยว 2-3 แสนคนต่อเดือน ดันจำนวนและรายได้ท่องเที่ยวฟื้น 20%

หลังจากโครงการ "ภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์" เปิดรับนักท่องเที่ยวจากต่างประเทศที่ได้รับการฉีดวัคซีนครบโดสแล้วมาเที่ยวภูเก็ตแบบไม่กักตัว ครบ 1 เดือนแรก ตั้งแต่วันที่ 1-31 ก.ค.ที่ผ่านมา ทางกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาได้รวบรวมสถิติที่เกี่ยวข้อง พบว่ามีนักท่องเที่ยวเดินทางเข้าภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์ 14,055 คน โดยประเทศที่มีจำนวนนักท่องเที่ยวสูงสุด 5 อันดับแรก คือสหรัฐ 1,802 คน, สหราชอาณาจักร 1,558 คน, อิสราเอล 1,455 คน, เยอรมนี 847 คน และฝรั่งเศส 839 คน มีจำนวนการจองห้องพักโรงแรมในภูเก็ตที่ได้มาตรฐาน SHA+ ตลอดเดือน ก.ค.ที่ผ่านมารวม 190,843 คืน

นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา กล่าวว่า นักท่องเที่ยวจากต่างประเทศกว่า 1.4 หมื่นคนที่เดินทางเข้าภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์ตลอดเดือนแรกที่เปิดดำเนินการ ช่วยสร้างรายได้แก่ภูเก็ต 829 ล้านบาท ค่าใช้จ่ายเฉลี่ย 58,982 บาทต่อทริป แบ่งเป็นค่าที่พักมากที่สุด 282 ล้านบาท ค่าซื้อสินค้าและบริการ 194 ล้านบาท ค่าอาหารและเครื่องดื่ม 175 ล้านบาท บริการทางการแพทย์และสุขภาพ 124 ล้านบาท และค่าใช้จ่ายอื่นๆ อีก 54 ล้านบาท

"สร้างเงินหมุนเวียนที่ก่อให้เกิดรายได้ต่อระบบเศรษฐกิจทั้งหมด ทั้งธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับการท่องเที่ยวโดยตรง และห่วงโซ่อุปทานที่สนับสนุนการท่องเที่ยว เช่น ภาคเกษตร อุตสาหกรรม พลังงาน คิดเป็นจำนวนเงินรวม 1,925 ล้านบาท และสร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจโดยรวม 816 ล้านบาทซึ่งเป็นเงินหมุนเวียนที่เกิดขึ้นจากการใช้จ่ายของนักท่องเที่ยวก่อให้เกิดมูลค่าของการผลิตสินค้าและบริการในอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวและอุตสาหกรรมอื่นๆ ต่อเนื่องในห่วงโซ่อุปทาน (หรือ GDP)"

นอกจากนี้มูลค่าทางเศรษฐกิจโดยรวมที่เกิดขึ้น ก่อให้เกิดผลตอบแทนในรูปของเงินเดือน ค่าจ้าง ค่าตอบแทนให้กับพนักงานและลูกจ้างทั้งหมดเป็นมูลค่า 210 ล้านบาท และก่อให้เกิดการจ้างงาน รักษาตำแหน่งงานเทียบเท่าระยะเวลา 1 ปี (Full Time Equivalent) จำนวน 2,719 คน ขณะที่ภาครัฐมีรายได้ในรูปแบบภาษีในทุกๆ รอบของกิจกรรมทางเศรษฐกิจที่ 87 ล้านบาท

คาด ส.ค.ทัวริสต์เข้าภูเก็ตไม่เกิน 1.5 หมื่นคน

ก่อนหน้านี้นายพิพัฒน์ กล่าวว่า ตามเป้าหมายของโครงการภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์ตั้งเป้าดึงนักท่องเที่ยวต่างชาติ 1 แสนคนในไตรมาส 3 ตั้งแต่ ก.ค.-ก.ย.นี้ แต่เนื่องจากสถานการณ์ผู้ติดเชื้อรายใหม่ภายในประเทศไทยมีแนวโน้มสูงต่อเนื่องในเดือน ส.ค.นี้ แม้ทางกระทรวงการท่องเที่ยวฯและการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) จะพยายามใช้กลยุทธ์ซิตี้มาร์เก็ตติ้ง ประชาสัมพันธ์ให้นักท่องเที่ยวชาติมองภูเก็ตแบบแยกส่วนจากประเทศไทยในภาพรวมแล้ว แต่ด้วยยอดผู้ติดเชื้อในไทยที่พุ่งสูงจึงกระทบต่อการตัดสินใจเดินทางมาเที่ยวภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์ กระแสการจองห้องพักโรงแรมในภูเก็ตที่ได้มาตรฐาน SHA+ ช่วงเดือน ส.ค.นี้เริ่มแผ่วลง โดยคาดว่าเดือน ส.ค.จะมีนักท่องเที่ยวต่างชาติเข้าภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์ไม่เกิน 1.5 หมื่นคน น้อยกว่าเป้าหมายที่ตั้งไว้ 4 หมื่นคนในเดือนนี้

"กระทรวงการท่องเที่ยวฯจึงมองว่าเป็นเรื่องยากที่จำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติเข้าภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์จะถึงเป้าหมาย 1 แสนคน"

ลุ้นรายได้ท่องเที่ยวภูเก็ต Q4 ฟื้น 20%

นายก้องศักดิ์ คู่พงศกร นายกสมาคมโรงแรมไทยภาคใต้ กล่าวว่า ไตรมาส 3 ถือเป็นช่วงเริ่มต้นของโครงการภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์ เพื่อนำไปสู่การเปิดรับนักท่องเที่ยวต่างชาติจำนวนมากขึ้นในไตรมาส 4 นี้ หลังจากเปิดภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์ครบ 1 เดือนแรกพบว่านักท่องเที่ยวมีความประทับใจ

และหลังจากการระบาดของโควิด-19 ระลอก 4 พบยอดผู้ติดเชื้อในประเทศพุ่งสูงขึ้น ส่งผลให้ไม่มีนักท่องเที่ยวไทยเข้ามาเที่ยวภูเก็ตเลย ต่างจากในช่วงเดือน เม.ย.ที่ผ่านมาภูเก็ตมีนักท่องเที่ยวไทยมาเยือน 1.5-2 แสนคน

"เดิมสมาคมฯคาดว่าในไตรมาส 4 ซึ่งตรงกับช่วงไฮซีซั่น จะมีนักท่องเที่ยวจากทั้งตลาดไทยและต่างประเทศรวมกันที่เดือนละ 2-3 แสนคน ช่วยทำให้มีจำนวนนักท่องเที่ยวและรายได้กลับมา 20% จากภาวะปกติ ทำให้ภาคท่องเที่ยวภูเก็ตยังพอเดินต่อไปได้ แต่ตอนนี้ในภูเก็ตเหลือแต่นักท่องเที่ยวตลาดต่างประเทศ ส่วนตลาดคนไทยเที่ยวภูเก็ต ยังมองไม่ออกว่าจะเป็นอย่างไร คงต้องหวังพึ่งการกระจายวัคซีน และติดตามการล็อกดาวน์ในประเทศว่าจะได้ผลแค่ไหน"

เนายภูมิกิตติ์ รักแต่งาม นายกสมาคมธุรกิจการท่องเที่ยวภูเก็ต กล่าวเสริมว่า ในช่วงภาวะปกติก่อนเจอวิกฤติโควิด-19 ภูเก็ตมีนักท่องเที่ยวรวม 14.4 ล้านคนเมื่อปี 2562 โดยมีฐานนักท่องเที่ยวคนไทยมากเป็นอันดับ 1 ที่ 4.4 ล้านคน รองลงมาคือจีน 3 ล้านคน รัสเซีย 8 แสนคน อินเดีย 3.5 แสนคน ออสเตรเลีย 3.2 แสนคน สหราชอาณาจักร 3.1 แสนคน และอื่นๆ

"ในช่วงไฮซีซั่นภูเก็ตมีนักท่องเที่ยวมากสุดถึง 4 หมื่นคนต่อวัน ต่างจากปัจจุบันที่มีนักท่องเที่ยวเดินทางเข้าภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์เฉลี่ย 400 กว่าคน โครงการแซนด์บ็อกซ์จึงถือเป็นกระบะทรายแห่งความหวัง ทำให้ภาคท่องเที่ยวภูเก็ตสู้ต่อไปได้"

ทั้งนี้ภาคท่องเที่ยวภูเก็ตหวังว่าประเทศไทยจะมีการรับรองวัคซีน "สปุตนิก วี" ภายในเดือน ส.ค.นี้ เพื่อดึงนักท่องเที่ยวรัสเซียซึ่งมีจำนวนมาเที่ยวภูเก็ตมากเป็นอันดับ 3 เดินทางเข้าภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์ได้
#3457


ตามกระแส อีก1เคสหลังจาก แวดวงอสังหาฯ ร้อนฉ่าจากกรณี คำพิพากษาของศาลปกครองกลาง เพิกถอนใบอนุญาตก่อสร้างโครงการ "แอชตัน อโศก" เมื่อ"กรณ์ จาติกวนิช" หัวหน้าพรรคกล้า ยื่นหนังสือถึงผู้ว่า กทม. ร้องโครงการ "ควินทารา ซิงค์ เย็นอากาศ"ให้ระงับการออกใบอนุญาต

จากเพจของ กรณ์ จาติกวณิช - Korn Chatikavanijเมื่อวันที่ 3 ส.ค.2564 ได้เขียนชี้แจงว่า


วันนี้ผมขอทำหน้าที่ในฐานะ "ประชาชนคนหนึ่งที่ได้รับความเดือดร้อน" ครับ

ผมได้ยื่นขอระงับออกใบอนุญาตก่อสร้างคอนโดหรู เขตยานนาวา แก่ผู้ว่าฯ กทม.อัศวิน ขวัญเมือง ซึ่งเราได้คุยกันว่า "คุณภาพชีวิตของคนกรุงเทพฯ ต้องมีค่ามากกว่ากำไรของเอกชน"

เนื้อหาในจดหมายขอให้ระงับการออกใบอนุญาตก่อสร้างคอนโดโครงการ ควินทารา ซิงค์ เย็นอากาศ ของบริษัท อีสเทอร์น สตาร์ เรียล เอสเตท จำกัด (มหาชน) ในซอยประสาทสุข ถนนเย็นอากาศ แขวงช่องนนทรี เขตยานนาวา กรุงเทพฯ

ผล EIA ของกทม.ที่ให้ความเห็นชอบประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อมต่อ 'โครงการควินทารา ซิงค์ เย็นอากาศ' ของบริษัท อีสเทอร์น สตาร์ เรียล เอสเตท จำกัด (มหาชน) เมื่อวันที่ 31 พฤษภาคม 2564 เป็นการพิจารณาที่ไม่ให้ความสำคัญกับคุณภาพชีวิตของประชาชน โดยเฉพาะปัญหาจราจรที่ประชาชนได้ชี้แจงไปแล้วหลายรอบ ทั้งเป็นซอยแคบ หน้ากว้างถนนไม่ถึง และใกล้โรงเรียนอีกหลายแห่ง

แต่ EIA ของกทม.กลับให้น้ำหนักเอื้อต่อข้อเสนอของบริษัทพัฒนาที่ดิน ซึ่งไม่สอดคล้องกับความเป็นจริงในสภาพการจราจรและความเป็นอยู่ของประชาชน

ข้อเท็จจริงคือ กทม.อนุมัติให้โครงการนี้ผ่าน EIA ทั้งๆ ที่ถนนหน้าโครงการมีความกว้างตํ่ากว่าเกณฑ์กฎหมายอย่างชัดเจน และขัดกับหลักการวินิจฉัยของศาลปกครองในอดีตที่ความกว้างของถนนต้องเป็นความกว้างที่ "ใช้ได้จริง" ตามเกณฑ์ตลอดเส้นทาง

ผมและเพื่อนบ้านของเรา จึงขอให้ผู้ว่าฯ กทม. ใช้อำนาจปฏิเสธการออกใบอนุญาตก่อสร้าง แต่หากยังมีการดึงดันเดินหน้า เราจะดำเนินการฟ้องร้องตามกฎหมายต่อไป ทั้งในศาลปกครอง ศาลแพ่งและศาลอาญา

วันนี้ท่านผู้ว่าฯ ได้กรุณารับฟังและรับไปพิจารณาทบทวนข้อเท็จจริง ซึ่งผมได้เน้นว่าการก่อสร้างนอกจากจะสร้างความเสียหายให้กับผู้อยู่อาศัยเดิม แต่จะเป็นทำให้ประชาชนที่จะมาซื้อโครงการในอนาคตอาจจะต้องรับความเสียหายอย่างมาก ตามที่เพิ่งปรากฎเป็นข่าวในกรณีโครงการในย่านอโศก ความเสียหายนี้หลีกเลี่ยงได้ และไม่ควรเป็นความเสียหายซ้ำซาก


"อยากให้ผู้ว่าฯ กทม. ให้ความสำคัญกับคุณภาพชีวิตของคนกรุงเทพฯ มากกว่าการทำกำไรของบริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ ซึ่งทางผู้ว่าฯ กทม. รับปากว่าจะตั้งคณะกรรมการตรวจสอบผลการทำงานของสำนักงานเขตยานนาวา และคณะกรรมการพิจารณาผลกระทบสิ่งแวดล้อม รวมถึงทบทวนนโยบายการพิจารณาโครงการลักษณะนี้ในทั่วทุกพื้นที่ โดยการยึดหลักความสุขของประชาชนเป็นหลัก ด้วยการส่งเสริมการพัฒนาที่สอดคล้องกับสภาพความเป็นจริงในการใช้ชีวิตในแต่ละพื้นที่"

วันนี้ต้องขอบคุณประชาชนเกือบ 70 ครัวเรือนที่ได้รวมตัวกันเพื่อรักษาสิทธิและคุณภาพชีวิตในฐานะผู้ที่ได้รับผลกระทบจากโครงการนี้ และหวังว่าทางผู้ประกอบการจะทบทวนนโยบายเพื่อเปลี่ยนรูปแบบของโครงการในลักษณะที่เป็นที่ยอมรับของประชาชนในพื้นที่


ขณะเดียวกันนั้น ทางเพจของโอภาส ใหญ่ HI - Happy Investor ได้โพสต์ว่า ได้รับข้อมูลอธิบาย จาก ดร.ต่อศักดิ์ เลิศศรีสกุลรัตน์ กรรมการผู้จัดการ ESTAR ชี้แจงต่อประเด็นดังกล่าว เบื้องต้น ดังนี้

ดร.ต่อศักดิ์ กล่าวว่า "ทาง ESTAR เราก่อนซื้อที่ดินแปลงนี้ เราก็กังวลเรื่องความกว้างเขตทางอยู่ เราเลยไปตรวจสอบให้แน่ใจ ซึ่งปกติเราก็ต้องเช็คทุกแปลงก่อนซื้ออยู่แล้ว และร้องขอให้ทางเขตมาทำการรังวัดจนได้เอกสารรับรองแล้ว จึงมั่นใจว่าพัฒนาโครงการได้ จึงได้ตกลงซื้อที่ดินแปลงนี้มาเพื่อพัฒนาต่อ

เมื่อซื้อแล้วได้รับทราบถึงข้อห่วงกังวลจากทั้งคุณกรณ์ และชุมชน เรามีการจัดประชุมไป 2 รอบ ไม่รวมการหารือนอกรอบอีกหลายครั้ง เรื่องประเด็นความกว้างเขตทาง เราก็ได้มีการทำการรังวัดใหม่ ตรวจสอบใหม่ทั้งหมดอีกรอบ โดยเพิ่มหน่วยงานที่ตรวจสอบเพื่อความมั่นใจ ก็ได้คำตอบยืนยันตามเดิมว่าทำได้

พร้อมกันนั้นเพื่อลดผลกระทบอื่นๆ เราก็ได้ทำการปรับแบบโครงการ โดยลดจำนวนอาคารพักอาศัย ลดจำนวนห้อง เพิ่มสัดส่วนที่จอดรถ เพื่อลดความห่วงกังวล ว่าจะเป็นสาเหตุปัญหาการจราจรเพิ่ม ในขอบเขตรูปแบบโครงการที่เรายังพอทำธุรกิจได้

จนมาถึงขั้นตอน EIA ก็พิจารณากันหลายครั้ง ทางคุณกรณ์และคนในชุมชนบางส่วนก็เข้ามามีส่วนร่วม ได้เข้าพบคณะผู้ชำนาญการด้วยตนเอง ทางกรรมการหรือชุมชนมีข้อห่วงกังวลอะไร เราก็ดำเนินการและปรับทั้งหมดที่ทำได้ อะไรที่ไม่ชัดเจนทางกฏหมายเราพร้อมทำการตรวจสอบใหม่ทั้งหมด พร้อมขอจดหมายยืนยันจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพราะเราไม่อยากให้เกิดปัญหากับชุมชน

เราเข้าใจเขา เข้าใจชุมชน เราอยากทำธุรกิจกันยาวๆ เราอยากพัฒนาให้ดีขึ้น แต่ก็ยอมรับครับว่าการพัฒนาก็เหมือนศัลยกรรม มันต้องมีผลกระทบบ้างแน่นอน

อย่างไรก็ตาม เรามองลึกลงไปว่าปัญหาหลักจริงๆ คือ การจราจร ที่ชุมชนเป็นห่วง เพราะทำเลนี้เป็นทำเลที่ดีมาก อยู่ใจกลางเมือง และเป็นที่อยู่อาศัยชั้นดี เราจึงพยายามระดมสมองทั้ง จากภายในบริษัทและผู้เชี่ยวชาญภายนอก เพื่อหาทางแก้ไขให้ตรงจุด และเสนอมาตรการต่างๆที่เราพอทำได้ ภายใต้การร่วมมือของชุมชน เช่น

1. เราเสนอ ตัดแบ่งที่ดินบางส่วนด้านหน้าโครงการให้เกิดการสัญจรสวนกันบริเวณหัวโค้งได้สะดวกขึ้น และทำเป็นสวน ให้ทัศนียภาพในซอยตรงนั้นดูสวยงาม ร่มรื่น

2. เราเสนอว่าเราจะปรับปรุงสภาพถนน มีการตีเส้นจราจรเพื่อความปลอดภัย ตีเส้นห้ามจอด หรืออะไรก็แล้วแต่เพื่อให้การไหลของจราจรในซอยสะดวกขึ้น โดยเราจะทำภายใต้ความร่วมมือและการยอมรับของชุมชน เพราะเราทำโดยพละการไม่ได้

หรือแม้แต่เสนอทำแอพพลิเคชั่นช่วยเรื่องการรับส่งนักเรียน ซึ่งน่าจะเป็นปัญหาหลักของซอยนั้น ไปถึงการหารือกับสถานีตำรวจว่าเราจะช่วยอะไรเรื่องการจราจรได้บ้าง ฯลฯ

จนแม้กระทั่ง โครงการผ่านการพิจารณาแล้ว เราก็ยังไม่ได้สร้างทันที เพราะอยากจะให้ทุกฝ่ายเกิดความสบายใจมากที่สุด ค่อยๆสร้างความเข้าใจกับชุมชน และพร้อมจะดำเนินการในสิ่งที่ทำให้สภาพแวดล้อมโดยรวมดีขึ้น หรือปัญหาที่เคยมีบรรเทาลงไป พร้อมกับการพัฒนาเมืองและชุมชน ที่คงจะต้องเกิดขึ้น ไม่ช้าก็เร็ว ซึ่งผมและทีมงานทุกคน เชื่อมั่นว่าทางเราและชุมชน น่าจะมีทางออกที่ดีร่วมกันได้ครับ"

ทั้งนี้ทั้งนั้น ทางผู้บริหารและทีมทำงานของ ESTAR กำลังเร่งจัดเตรียมรายละเอียด เพื่อชี้แจงต่อทุกภาคส่วนต่อไปโดยเร็วที่สุด โดยยึดถือหลักการว่า ทางโครงการจะพยายามทำทุกอย่าง อย่างถูกต้องและเกิดประโยชน์สูงสุดต่อทุกฝ่ายต่อไป
#3458


นักแสดง นาว-ทิสานาฎ บิ๊กเอ็ม-กฤตทธิ์ และ เซฟฟานี พร้อมด้วยผู้ประกาศข่าว จีรนันท์ เขตพงศ์ จาก ช่อง 7HD ร่วมส่งกำลังใจพร้อมแนะแนวทาง แบ่งปันไอเดีย ต่อยอดคูณสองเป็นช่องทางสร้างรายได้ เติมสุข หวังเป็นส่วนหนึ่งช่วยลดความตึงเครียด สร้างขวัญและกำลังใจในการอยู่บ้านหยุดเชื้อตามพรก.ฉุกเฉิน สำหรับประชาชนในพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด

เริ่มที่นางเอกสาว นาว ทิสานาฎ ศรศึก จากละคร แม่เบี้ย เผย "ผลของการเก็บตัวในช่วงอยู่บ้านหยุดเชื้อในช่วงสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ตั้งแต่ระลอกแรกจนปัจจุบัน สิ่งที่ได้ทำคือร้านออนไลน์ที่ชื่อ eatmenow.bynow แบรนด์เบเกอรี่ขนม พัฒนาจากความชอบทานขนม ทำให้นาวค้นหาสูตรอร่อยทำทานเอง ใช้วัตถุดิบคุณภาพ สูตรเดียวกับที่เราชอบทาน ศึกษาจากช่องทางต่าง ๆ ในโซเชียล เจาะเรียนแต่ละสูตรแล้วมาปรับสูตรตามที่เราชอบ แม้ไม่ได้เรียนเป็น คอร์สจริงจัง แต่สิ่งที่ได้กลับมาเป็นงานอดิเรกและเป็นอาชีพเสริมได้ มีความสุขที่ได้ทำขนม สำหรับแฟน ๆ ที่กำลังเครียดลองใช้วิธีแบบนาวได้นะคะ ทำให้เราได้มีโอกาสฝึกทำขนมได้เต็มที่ ลดความเครียดได้ด้วยนะคะ"

ด้าน บิ๊กเอ็ม กฤตฤทธิ์ บุตรพรม พระเอกหนุ่มจากละครรีรัน ข้ามากับพระ ซึ่งกลับมาให้ชมกันอีกครั้ง เล่าถึงกิจกรรมช่วง Work From Home ว่า "โรคระบาดนี้จะยังอยู่กับเราอีกนาน ดังนั้นเรียนรู้ที่จะอยู่และปรับตัวรับมือ อาจจะมองเห็นโอกาสใหม่ ๆ ของเราได้นะครับ ซึ่งการได้อยู่บ้านนิ่ง ๆ ยาวนานนับเดือน ทำให้ผมได้ทบทวนวางแผนชีวิตตัวเองมากขึ้น ทั้งงานเบื้องหน้าในฐานะนักแสดงและงานเบื้องหลังในอนาคตที่วางเป้าหมายเป็นผู้ผลิต ใช้เวลาช่วงนี้ศึกษา และตีความบทบาทละครที่รอถ่ายทำ ดึงความชอบดูภาพยนตร์ ซีรีส์ มาศึกษาหาแนวทางเทคนิคการแสดงใหม่ ๆ มาปรับใช้เตรียมความพร้อมรับการเปิดกองถ่ายได้ทันที นอกเหนือจากงานแสดงผมใช้โอกาสที่ตนเองชอบงานอาร์ตต่าง ๆ ลงเรียนเพิ่มเติมในคอร์สออนไลน์ ดูงานฝีมือจากคนเบื้องหลังเก่ง ๆ ทั้งเทคนิคพิเศษ กราฟิกดีไซน์ ตัดต่อ งานถ่ายทำ วางมุมกล้อง จัดแสงวางไฟ จนได้ทั้งข้อมูลและอุปกรณ์ มาพลิกโฉมห้องโถงภายในบ้าน เปลี่ยนเป็นสตูดิโอ

ย่อม ๆ รับผลิตงานแบบโปรดักชันเล็ก ๆ ได้เลยครับ ถือว่าเป็นการเตรียมความพร้อมวางแผนตามฝันของการทำงานเบื้องหลังในอนาคต ถือเป็นอีกช่วงหนึ่งที่แม้จะได้พักหายใจนานไปนิด แต่ก็ยังสนุกและได้พัฒนาทักษะ รู้จักขีดความสามารถของเราเพิ่มขึ้น ขอเป็นกำลังใจให้ทุกคนผ่านพ้นสถานการณ์นี้ไปพร้อม ๆ กันนะครับ"

รวมถึงยังมีแนวทางการรับมือจาก เซฟฟานี อาวะนิค นางเอกสาวสายสตรอง ซึ่งได้รับผลกระทบทั้งงานแสดงและงานเทรนเนอร์ไม่แพ้กันเผยว่า "สำหรับเซฟได้รับผลกระทบเช่นกัน แต่เราสามารถพลิกวิกฤติมาปรับตัวเรียนรู้ที่จะรับมือ Work From Home เต็มรูปแบบ มีความสุขได้ง่าย ๆ สไตล์เซฟค่ะ ซึ่งหลักสำคัญต้องมีวินัยทำกิจกรรมที่เรารักอย่างสม่ำเสมอ ขอยกตัวอย่างแผนการใช้ชีวิตของเซฟนะคะ คือ ออกกำลังกาย ทานอาหารที่ถูกสุขลักษณะ ท่องโลกโซเชียลไม่เกิน 40 เปอร์เซนต์ จัดตารางทำงานของตัวเอง คืองานสอนแต่ละคลาสการออกกำลังกาย แบ่งช่วงเช้าบ่าย เช็คลิสต์ลูกศิษย์แต่ละคนว่าทานอาหารอย่างไร เพื่อติดตามผลและปรับปรุงคอร์ส ซึ่งเปลี่ยนจากการเป็น Personal Trainer ในสตูดิโอ มาให้คำแนะนำผ่านช่องทางออนไลน์ และพัฒนามาเป็นคอร์สออนไลน์จริงจัง ซึ่งได้ผลตอบรับดีทีเดียว เพราะมีลูกศิษย์ลงเรียนต่อเนื่อง ลูกศิษย์มีสุขภาพที่ดีเละเราก็มีรายได้ แม้จะเป็นการออกกำลังกายที่บ้านแต่สามารถได้รับประโยชน์ไม่ต่างกัน นอกจากนี้หากใครที่สนใจ เราก็มีคอร์สแนะนำก็คือสำหรับใครที่มีประสบการณ์แล้ว และสามารถทำได้เอง เราก็จะส่งโปรแกรมให้ไปฝึกฝน เล่นเองค่ะ หากสนใจติดตามรายละเอียดได้ในช่องทาง IG:stephanyauernig"


จีรนันท์ เขตพงศ์ ผู้ประกาศข่าว เช้าข่าว 7 สี และรายการ 7สี ช่วยชาวบ้าน เผย "สำหรับการทำหน้าที่เป็นผู้ประกาศข่าวและเป็นสื่อมวลชน เลี่ยงไม่ได้ที่จะต้องออกมาทำงาน ต้องดูแลระมัดระวังตัวเองเต็มที่ เช่น เตรียมตัวเองแต่งหน้า ทำผมมาจากบ้าน ใช้เวลานอกบ้านเท่าที่จำเป็น เมื่อกลับเข้าบ้านก็ดูแลตัวเองอาบน้ำสระผมให้เรียบร้อยก่อนเริ่มงานอื่น และลงมือทำงานตามปกติ เพียงแค่เปลี่ยนบ้านให้เป็นออฟฟิศทำงาน ซึ่งมีข้อดีคือ เมื่อเครียด ๆ หรืออ่อนล้าจากหน้าจอ ละลายความตึงเครียดด้วยการหยิบไหมพรมมาถักโครเชต์ เรียกสมาธิและมีเสื้อใหม่ ๆ ใส่เพิ่มแบบไม่ต้องออกไปซื้อด้วยนะคะ เป็นงานอดิเรกงานใหม่ที่ไม่คิดว่าตัวเองทำได้ดี จนมีคนติดต่อเข้ามาขอซื้อเสื้อถักด้วย เพิ่มรายได้อีกทางหนึ่ง หรือการออกไปดูแลผักสวนครัวที่เราทยอยปลูกติดบ้านไว้ เก็บมาเตรียมทำอาหาร ซึ่งผักที่เราปลูกได้เองทำให้เราสามารถลดค่าใช้จ่ายไปจากเดิมถึง 30 เปอร์เซ็นต์ทีเดียว ลองดูนะคะ ในช่วงนี้หากบอกว่าอย่าเครียดอาจจะทำได้ยาก แต่ลองเปลี่ยนหาวิธีใหม่ทำในสิ่งที่ชอบ หรืออยากทำแต่ยังไม่ได้ทำ อาจใช้ช่วงโอกาสนี้ฟื้นความสามารถกลับมาลงมืออีกครั้ง เราอาจจะได้อะไรดี ๆ จากความชอบของเราก็ได้นะคะ และอย่างน้อยเราจะพบว่าเรามีความสุขที่ได้ทำอีกครั้งค่ะ"

โดยแฟน ๆ สามารถติดตามข้อมูลข่าวสารอัพเดทสถานการณ์ต่าง ๆ และกิจกรรมของช่อง 7HD ได้จากรายการต่าง ๆ ทางหน้าจอ และช่องทางโซเชียล Facebook, IG, Twitter : Ch7HD และเว็บไซต์ www.ch7.com
#3459


นักแสดงรุ่นใหญ่ กระดุม ธนายง ที่วันนี้จะมาเปิดใจชีวิตในวงการบันเทิงที่ยาวนานกว่า 40 ปี เคยไม่มีงาน ไม่มีเงิน ตกอับจนตัดสินใจถ่ายนู้ด แถมยังเป็นเจ้าชู้ตัวพ่อ สมัยก่อนเปลี่ยนผู้หญิงบ่อยมาก พร้อมเปิดเส้นทางความรักคบแฟนสาว 10 ปี ไม่คิดแต่งงาน ผ่านทางรายการ คุยแซ่บShow 

เข้าวงการมากี่ปีแล้ว?

ข่าวแนะนำ
ผมเข้ามาตั้งแต่ปี 87-88 ประมาณนั้นครับ 36-37 ปีได้ ตอนนั้นไม่ได้ตั้งใจจะเข้าวงการ เมื่อก่อนจะมีร้านขายเสื้อผ้า โดมอนแมน เขารับสมัครประกวดหนุ่มโดมอนแมน เราก็ไปเดินเที่ยวกับพี่สาว

เขาบอกว่าประกวดไหม เราบอกไม่เอา ไม่ชอบ เขาก็คะยั้นคะยอ จนเราแบบก็ลองดู พอประกวดมันก็เข้ารอบไปเรื่อยๆ จนเราติด 1 ใน 5 ก็ไม่ได้คิดว่ามาถึงจุดนี้ได้ยังไง รุ่นนั้นจะมีเป็นมอริส เค เขาได้ที่ 2 ผมได้ที่ 4

พอได้ที่ 4 แล้วยังไงต่อ?

ก็มีงานถ่ายแบบ เดินแฟชั่นโชว์ ช่วงนั่นจะบูมมาก จะเดินตามเชียงใหม่ แล้วเดินตามดิสโก้ เทค ในผับอะไรอย่างนี้

ตอนนั้นดังมากขนาดมีเกย์มาขอเลี้ยงดู?

เกย์ในยุคนั้นมันจะต่างกับยุคนี้ ยุคนั้นคือดูไม่ออกว่าเป็นเกย์นะ จะนิ่ง ไม่มีอาการ ไม่มีทรง รูปร่างก็ไม่ใหญ่เหมือนสมัยนี้ สมัยนี้ถ้าเป็นเกย์คือเราดูออก

แล้วเขามาติดต่อยังไง?

เมื่อก่อนตอนไปเดินแฟชั่นโชว์ต่างจังหวัด มันก็มีทางเดินระหว่างแต่งตัวเสร็จขึ้นเวที ระหว่างทางเดินกลับถ้าเป็นชุดกางเกงว่ายน้ำโดนล้วงแน่นอน

เขายื่นข้อเสนอเท่าไหร่?

คือมีคนมาทาบทามบอกว่ามีคนอยากจะดูแล สนใจไหม เรียกมาได้นะว่าจะเอายังไง ผมบอกไม่ครับ มันไม่ใช่ทางผม เรามารู้จัก มากินข้าวกันดีกว่า

แล้วจากนายแบบพี่มาเล่นละครได้ยังไง?

พอประกวดเสร็จ ก็มีถ่ายแบบลงหนังสือนู่นนี่นั่น แล้วพอดีช่วงนั้นช่อง 3 เขาหานักแสดง นายประชาเขาก็เรียกเราไปเซ็นสัญญา

ก็ตกลงเซ็นสัญญาช่อง 3 ก็ได้เล่นละครเรื่องแรกเลย พอเซ็นสัญญาเสร็จ เดินออกมาเจอพี่จิ๋ม มยุรฉัตร เขาบอกมาเล่นละครอาเลย

เล่นละครหลายเรื่องไหมกว่าจะได้เป็นพระเอก?

ผมเล่นละครช่อง 3 จนหมดสัญญา จากช่อง 3 ด้วยความที่เราเกเรก็ออกจากช่องไปอยู่กันตนาพักหนึ่ง เสร็จแล้วก็ออกด้วยความเกเรตามประสาเด็กวัยรุ่น

จนไปทำงานที่มีเดีย เป็นนักข่าวภาคสนาม โทรศัพท์เข้าช่องคลื่นวิทยุ สัมภาษณ์คนทำงานกลางคืน มีอยู่วันหนึ่งก่อนที่จะมาเป็นพระเอกก็ไปหาอาปื๊ด คุณกิตติ อัครเศรณี สมัยนั้นเป็นอัครมีเดีย

เราก็ไปธุระ เสร็จปุ๊บก็ไปเจออาปื๊ดนั่งอยู่ ผมก็ไปสวัสดี เขาก็มองแล้วถามว่า มึงอยากเล่นละครไหม เราก็งง แต่ตอบไปว่า อยากครับอา มึงเป็นพระเอกเลย

เขาบอกเดี๋ยวพรุ่งนี้มึงเตรียมตัวให้พร้อม มึงไปฟิตตัวเก็บตัวเลยนะ พออีกวันเราก็ไปฟิต ไปซ้อมดาบ ไปเล่นยิม ต่างๆ ที่เขาพาไป ตอนนั้นเล่นเรื่องขุนศึก คู่ ตุ๊ก วิมลเรขา ฉายช่อง 9

บอกว่าตัวเองไม่เหมาะกับบทพระเอก เพราะอะไร?

เพราะว่าเป็นพระเอกอยู่เรื่องเดียว หลังๆ มางานมันหาย สงสัยจะไม่สมพงศ์ ก็เลยมานั่งคิดว่าพระเอกมันคงไม่เหมาะ ก็เลยพยายามหาตัวเอง เปลี่ยนตัวเองว่าคงจะไม่ได้พระเอกแล้ว


ก็เลยทำให้ผันตัวมาเป็นผู้ร้าย?

ใช่ครับ

เป็นผู้ร้ายจนโกอินเตอร์?

ใช่

ผู้กำกับญี่ปุ่นมาเห็น ติดต่อให้ไปเล่น?

ใช่ครับ แต่ที่ผู้กำกับญี่ปุ่นเห็นเนี่ย เขาไม่ได้เห็นจากงานละคร อาจจะเป็นเพราะดวงที่เราอาจจะได้เล่นก็ได้ พอดีทีมงานหนังของญี่ปุ่นมาถ่ายเมืองไทย แล้วเขาเอาทีมไทยผสมกับญี่ปุ่น

แล้วพอดีคนที่เขาแคสต์นักแสดงก็รู้จัก ก็ติดต่อว่าอยากเล่นไหม เราก็ไป ก็ได้เล่นเรื่อง Children of the Dark

รายได้ดีไหม?

ตอนญี่ปุ่นไม่ดีครับ มันได้แค่หลักหมื่น มันได้เป็นคิว แต่มาดีตรงที่ไปเกาหลี

แล้วมาเล่นหนังที่เกาหลีได้ยังไง?

มันก็เป็นดวงอีก พอเล่นหนังญี่ปุ่นเสร็จแล้ว พอดีทางเกาหลีเขาจะเตรียมงานหนังเรื่อง The Man from Nowhere ซึ่งความโชคดีของเราก็คือ ระหว่างที่เขาหาตัวนักแสดง ผู้กำกับเขาเห็นเราในหนัง

เขาก็แคปรูปเราไว้บนบอร์ด เขาเลยติดต่อมาที่บริษัทเอเจนซี่เมืองไทย หาตัวนักแสดงมาแคสต์ เพื่อหาคนนี้ เสร็จแล้วหาไม่ได้ จนวันสุดท้ายเพื่อนผมเคยทำงานอยู่กันตนา เขาไปธุระที่นี่

เขาก็เลยถามว่าคุณรู้จักผู้ชายคนนี้ไหม เพื่อนผมก็มองรูป นี่มันกระดุมหนิ เขาก็โทรหาผม ให้ไปแคสต์ ผมก็ได้ เขาบอก 2 วันไปเกาหลีเลย ผมก็ถามรายละเอียด

เขาบอกอยากให้ไปดูตัว เราก็ถามใครออกค่าตั๋วเครื่องบิน แล้วค่าใช้จ่าย ผมก็เลยบอกว่าขอเงินก่อน 200,000 บาทแล้วก็ตั๋วเครื่องบิน แล้วที่อยู่ เขาบอกโอเคได้ ผมก็เลยซื้อตั๋วไปเลยคนเดียว

ได้ค่าตัวเท่าไหร่?

ก็ได้ประมาณ 2 ล้านกว่า เราอยู่เกาหลีจริงๆ ซ้อมคิวบู๊ประมาณ 6-7 เดือน ไป-กลับ เกือบ 2 ปี อยู่นานสุดประมาณ 15 วัน

ฟังดูก็ดี แต่ทำไมทีมงานบอกพี่อยากกลับบ้านมากเลย?

ตอนไปอยู่ที่นู่น ตอนฝึกซ้อมศิลปะการต่อสู้เขาเนี่ยไม่เหมือนบ้านเรา พอไปเปลี่ยนลักษณะการต่อสู้ มันเหมือนกับเปลี่ยนตัวเรา แล้วเราต้องพยายามทำให้ได้เหมือนกับที่เขาอยากได้ แล้วมันกดดันมาก

ทุกอย่างจะฟิกซ์หมดเรื่องเวลาการซ้อม 9 โมงเช้ามารับที่โรงแรม อาหารเช้าคือกาแฟกับแซนวิช บ่ายโมงพักเที่ยง อาหารบริเวณยิม จนถึงประมาณ 2 ทุ่มซ้อมเสร็จกลับโรงแรม แวะกินข้าวข้างทาง ชีวิตอยู่แบบนี้ประมาณ 6 เดือน

สุดท้ายหนังออกมาฟีดแบคดีมาก?

ดีมาก

จนคิดไปอยู่เกาหลี?

ใช่ คิดเลย แต่เอาจริงๆ มันไม่ง่ายอย่างที่เราคิด มันหลายๆ อย่าง เพราะเราเป็นคนไทยด้วย แล้วเราไม่ได้มีพาวเวอร์ที่ไปแล้วมันต้อง success เช็กจากทุกๆ คนแล้วมันไม่ง่าย เราก็เลยถอย

เรื่องภาษาล่ะ?

เป็นภาษาอังกฤษที่สื่อสารกัน แต่ส่วนใหญ่จะมีล่ามเป็นนักเรียนเกาหลีที่เรียนเมืองไทย

ความเจ้าชู้ของพี่สมัยก่อนต้องไม่ธรรมดา?

มันก็มีบ้าง แต่ความเจ้าชู้ของผมมันจะมีหลายเลเวล คือเลเวลแรกๆ ช่วงเข้าวงการใหม่ๆ อันนั้นคือซัดแหลก กินมูมมาม เลเวลต่อไปเริ่มมีโฟกัสว่าอย่างนี้ไม่เอา เขี่ยออกไม่กิน

จริงหรือเปล่าสมัยก่อนพี่เปลี่ยนผู้หญิงทุกคืน?

คือถ้าออกเที่ยวต้องล็อกคอจบ ผมจะเป็นคนชัดเจนมาก ถ้าผมไปเที่ยวกับเพื่อน 3-4 คน ตัวเองจะไว้ทีหลัง ให้เพื่อนก่อน ล็อกคอมาปุ๊บถามมากับใคร มากับแฟนหรือเปล่า ถ้ามากับแฟนไม่เป็นไร

เคยไหมล็อกแล้วโดนตบกลับ?

มีครับ


คบคนเยอะแบบนี้มันต้องมีรถไฟชนกัน?

มีครับ แต่ผมโชคดีเวลาชนแล้วผมไม่เคลียร์เอง ผมเดินหนี ผมไม่อยู่ ไม่อยากรับรู้

เห็นว่าเคยทำผู้หญิงท้องด้วย?

มันเป็นอะไรที่มีคนบอกผ่านมาว่าผู้หญิงที่เราไปมีอะไรด้วยเขาท้อง เราก็แบบ..ไม่มั้ง เราก็ป้องกันอย่างดีนะ เราก็เลยไปตามหาผู้หญิงคนนั้นก็ไม่มีอะไร แค่เป็นเขาเล่ามา บอกมาเฉยๆ

อันนี้จริงไหม ทีมงานบอกว่าไม่คบคนในวงการเลย?

จริงๆ ผมเคยแต่งงานกับคนในวงการ แล้วผมก็เลิก มันก็เลยเหมือนมีปม เราก็เลยไม่อยากยุ่ง ซึ่งคนที่ผมเคยแต่งงานด้วยเป็นนักแสดง แต่ไม่เอ่ยชื่อเขาดีกว่า

จริงไหม หาเงินมาได้เท่าไหร่ก็หมดไปกับนารีและสุรา?

ใช่ครับ ช่วงแรกๆ มันไม่คิดอะไร คิดว่ามีเงินก็เที่ยว กินเหล้า เช้ามาทำงานก็มีเงิน แล้วก็เหมือนเดิม ชีวิตวนอยู่อย่างนี้

กี่ปี?

ตั้งแต่ 18 จนถึงประมาณ 30 กว่า

คืนนึงที่จ่ายทั้งเหล้า ผู้หญิง สูงสุดเท่าไหร่?

ก็หลายหมื่น

ถ้าย้อนเวลาได้?

ก็คงไม่ทำ มันไม่มีประโยชน์ เก็บเงินดีกว่า แต่ว่ามันก็พูดยาก เงินยุคนั้นกับยุคนี้มันก็ต่างกัน ถามว่าตอนนู้นรายได้ดีไหม ดีระดับนึง

แต่มีอยู่พักหนึ่งที่เราไม่เห็นหน้าบนจอทีวีเลย เกิดอะไรขึ้น?

ผมก็งงตัวเองเหมือนกัน อยู่ๆ ก็ไม่มีงาน ไม่มีเงิน ไม่มีอะไร มันก็เคว้ง

เราไม่อยากทำหรือมันไม่มีงานติดต่อเข้ามา?

มันมีแต่มันน้อย จากเมื่อก่อนปีนึงหลายๆ เรื่อง เหลือปีละเรื่อง

เห็นว่าปีนึงเคยถ่าย 10 เรื่อง?

ใช่ครับ เคยได้ปีนึงประมาณ 10 กว่าเรื่อง

ตอนนั้นคิดจะกลับเข้าวงการอีกก็เลยคิดจะถ่ายนู้ด?

ใช่ เพราะมันมีอยู่ช่วงนึง นักแสดงผู้ชายมาถ่ายนู้ดเยอะมาก เราก็เลยคิดว่าจะเอาดีไหม ก็ไปคุยกับช่างภาพกับเจ้าของหนังสือ คุยกันว่าอย่างนี้ดีไหม พยายามฟิตหุ่นละนะ แต่สุดท้ายพอถึงวันถ่ายจริงๆ มันไม่กล้า

ตอนนั้นอายุเท่าไหร่?

ประมาณ 30 ตอนนั้นที่เราวางไว้ไม่ได้เป็นนู้ดจ๋า เรามองเป็นอาร์ตสวยๆ แค่นั้นเองที่เราอยากจะทำ

แล้วอะไรทำให้เปลี่ยนใจ?

ใจเรามันคิดเยอะนะว่าภาพมันจะติดแบบนี้ไปตลอดชีวิตนะ เราก็เลยไม่เอาดีกว่า ก็เลยถอย

แล้วพี่กลับมาในวงการได้ยังไง?

เหมือนกับดวงมั้งครับ ก็เริ่มมีงานกลับมาอีก


ตัดสินใจถูกไหมที่ไม่ได้ถ่าย?

ถามว่าใจก็อยาก แต่ ณ เวลานี้คิดว่าทำถูกแล้ว

จากวิกฤติที่มันเกิดขึ้น ได้รับบทเรียนอะไรบ้าง?

เยอะมากครับ ก็หลังจากที่เกิดวิกฤติต่างๆ ที่ผ่านมาในชีวิตก็เหมือนเป็นครู เป็นบทเรียนสอนเรา เพราะฉะนั้นตอนนี้เวลาทำอะไร เราต้องคิดเยอะเลยว่าทำไปแล้ว ข้อดียังไง ข้อเสียยังไง ตอนนี้คิดเยอะมาก จะทำอะไรต้องมองไปข้างหน้า เราจะมองอยู่กับที่ไม่ได้แล้ว

สาวคนนี้คบมา 10 กว่าปีแล้ว?

10 กว่าปีแล้วครับ เขาเป็นเพื่อนของเพื่อน เที่ยวอยู่ในกลุ่มด้วยกันนี่แหละ จริงๆ รู้จักกันก่อน 10 กว่าปีด้วยนะระหว่างที่เป็นเพื่อนกัน

แสดงว่าเขารู้จักเวอร์ชันพี่เมื่อก่อนด้วย?

ชัดเจนมาก

แล้วทำไมเขาถึงตัดสินใจเป็นแฟน?

น่าจะเป็นช่วงที่ต่างคนต่างไม่มีใคร พออายุมันเริ่มเยอะ เราก็คุยกัน มองกันแล้วก็เออคุยกันว่าเป็นแฟนกัน

จากเพื่อนมันเริ่มเปลี่ยนความรู้สึกตอนไหน?

จริงๆ มันก็มีการมองกันอยู่แล้ว

ใครขอใครเป็นแฟน?

ผมครับ

แล้วทำไมถึงหยุดเจ้าชู้เพราะคนนี้?

อาจจะถึงจุดที่เราอิ่มตัว เราไปเที่ยวแบบสุดแล้ว ความที่เราพีค ความระยองของเรามันสุดแล้ว เราก็คิดว่ามันก็น่าจะหยุดได้แล้ว พอหลังๆ ไปเที่ยว เราไม่ได้สนุกแบบเมื่อก่อนแล้ว เมื่อก่อนเราทำอะไร เราทิ้งตัว ให้ทำอะไรทำหมด แต่เดี๋ยวนี้พอถึงจุดด้วยอายุ

รู้สึกว่าพอมาคบกับคุณนกอยากอยู่กับเขามากกว่าอยากไปเที่ยว?

ก็ส่วนหนึ่งแรกๆ คือเรารู้จักกันมานาน พอเป็นแฟนก็อยู่ด้วยกันมานานจนมันกลายเป็นเพื่อน ทีนี่คำว่าเพื่อน คำว่าแฟนมันต่างกัน พออยู่แบบเพื่อนเขาไม่ได้สติ๊กกับเราเยอะ แต่ต้องไม่เลยเส้นว่าคุณได้ประมาณไหน

เห็นว่าไม่คิดจะแต่งงาน?

ไม่แต่งครับ เพราะเคยแต่งไปแล้ว แล้วเราไม่ประสบความสำเร็จกับตรงนั้นเราก็เลยคิดว่าการแต่งงานไม่จำเป็น นี่คือความคิดของผมนะ

ไม่เคยพูดถึงเรื่องความรักที่ไหนเลย?

ใช่ครับ ผมว่าความรักมันเป็นเรื่องของคนสองคน ที่เราอยู่กับเขา ว่าเราดีกับเขาไหม รักเขาไหม เขารักเราไหม คือผมเป็นคนไม่แสดงออกเรื่องความรัก เหมือนกับผมเป็นคนแข็งกระด้าง

แฟนน่ารักยังไง?

เขาเป็นผู้ใหญ่ คือเขาไม่ต้องมาว่า คุณต้อง ก. ข. คือชีวิตคุณเขารู้สันดานอยู่แล้วว่ามันเป็นยังไง

แล้วเขาโอเคไหมที่จะไม่แต่งงาน?

โอเคครับ


อยากมีลูกกันไหม?

เมื่อก่อนคิดอยากมี แต่พอเลยเลข 5 ไม่อยากมีแล้วครับ

เคยมีเรื่องให้เขาต้องหึงหวงไหม?

มีครับ ช่วงแรกๆ ก็อาจจะมีเรื่องผู้หญิงเข้ามา มันเป็นเรื่องปกติอยู่ แล้วเขาก็พูดไม่เยอะแค่มอง เราก็โอเคเข้าใจได้

แต่ไม่เคยเปิดตัวนะ?

ไม่เคยเปิดตัวเลย

เขาจะน้อยใจไหม?

ไม่มีเลย

อยากจะบอกอะไรแฟนคุณ?
อยากจะบอกว่าที่อยู่ด้วยกันมาเนี่ย เขาก็ควรจะรู้ว่าผมเป็นคนไม่พูด แต่ถามว่ารักไหม รัก ถามว่าห่วงไหม ห่วงแต่ว่าไม่พูด.
#3460


ผู้ประกอบการห้างสรรพสินค้า ศูนย์การค้า ผนึกกำลัง "ร้านอาหาร" เปิดบริการอาหารและเครื่องดื่มผ่านบริการขนส่งอาหาร หรือ Food Delivery Service ในพื้นที่ควบคุมสูงสุด 29 จังหวัด โหมโปรโมททุกช่องทางหวังเพิ่มรายได้พยุงธุรกิจ

ปลดล็อก!  "ร้านอาหาร" ในห้างสรรพสินค้า ศูนย์การค้า  และคอมมูนิตี้มอลล์ โดยผ่อนปรนให้เปิดบริการอาหารและเครื่องดื่มผ่านบริการขนส่งอาหาร หรือ "ฟู้ด เดลิเวอรี่"  Food Delivery Service ในพื้นที่ควบคุมสูงสุด 29 จังหวัด  มีผลตั้งแต่วันนี้ (3 ส.ค.) ภายใต้มาตรการสุขอนามัยและความปลอดภัยสูงสุด!!  ซึ่งบรรดาผู้ประกอบการพร้อมยกระดับมาตรการสุขอนามัยและความปลอดภัยสูงสุดตามแนวทางของ ศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา2019 (โควิด-19) หรือ ศบค.อย่างเคร่งครัด 

วรลักษณ์ ตุลาภรณ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มการตลาด บริษัท เดอะมอลล์ กรุ๊ป จำกัด กล่าวว่า กลุ่มเดอะมอลล์ พร้อมเปิดให้บริการร้านอาหารและเครื่องดื่มในรูปแบบการสั่งอาหารหรือเครื่องดื่มผ่าน Food Delivery Service เท่านั้น นอกจากนี้ยังมีมาตรการช่วยเหลือร้านค้าผ่านการทำการตลาด โปรโมชั่น โดย เดอะมอลล์ กรุ๊ป เดินหน้าช่วยเหลือร้านอาหารพันธมิตร ภายในศูนย์การค้าเดอะมอลล์ ทุกสาขา ด้วยการรวบรวมบริการ Food Delivery ของทุกร้าน พร้อมจัดโปรโมชั่นพิเศษ และประชาสัมพันธ์ไปในทุกช่องทางทั้งออนไลน์และออฟไลฟ์ เพื่อช่วยเพิ่มยอดขายให้กับร้านค้า และถือเป็นการเพิ่มทางเลือกให้กับลูกค้าได้สั่งอาหารแบบ Delivery ได้อย่างสะดวก ปลอดภัย 

โดยมีร้านอาหารในศูนย์การค้า และร้านอาหารในฟู้ดคอร์ท ทุกสาขา รวมประมาณ 450 ร้าน หรือประมาณการร้านจะกลับมาเปิดให้บริการได้ถึง 60%


พร้อมกันนี้ ได้เตรียมมาตรการความปลอดภัยด้านสาธารณสุขอย่างเคร่งครัด สำหรับผู้ประกอบการ ตั้งแต่ การสอบถามประวัติพนักงาน ต้องผ่านการตรวจคัดกรองโควิด-19 ก่อนเข้าปฏิบัติงานในพื้นที่ ตรวจคัดกรองอุณหภูมิก่อนเริ่มปฏิบัติงานทุกวัน และทุกครั้งที่เข้าออกพื้นที่ปฏิบัติงาน สวมหน้ากากอนามัยตลอดเวลา ล้างมือด้วยเจลแอลกอฮอล์ก่อนและหลังสัมผัสสินค้า เข้มงวดในการจัดเก็บอาหาร และอุปกรณ์ทำอาหารให้ถูกสุขอนามัย

ส่วนพนักงาน Delivery จัดให้มีระบบคัดกรอง และลงทะเบียนผู้ขนส่งอาหารก่อนเข้าภายในอาคารหรือพื้นที่ ถอดถุงมือ ล้างมือด้วยเจลแอลกอฮอล์ ก่อนเข้าพื้นที่ศูนย์การค้า รอรับสินค้าในจุดที่กำหนด ฉีดพ่นน้ำยาฆ่าเชื้อรถจักรยานยนต์ Delivery ทุกคัน ก่อนบริการส่งสินค้าให้ถึงมือลูกค้าอย่างปลอดภัย 

นอกจากบริการสั่งอาหารผ่านช่องทาง Delivery แล้ว ลูกค้าซื้อสินค้าผ่านช่องทาง MONLINE.COM และ GOURMETMARKETTHAILAND.COM, แชทผ่าน M CHAT & SHOP, โทรสั่งผ่าน CALL TO ORDER และช้อปสบายผ่าน LIVE PERSONAL SHOPPER อีกด้วย


ทางด้าน บริษัท เซ็นทรัลพัฒนา จำกัด (มหาชน) ผู้บริหารศูนย์การค้าเซ็นทรัล ระบุว่า ขณะนี้ผู้ประกอบการร้านอาหารภายในศูนย์การค้า 21 แห่ง ตอบรับพร้อมให้บริการแบบดีลิเวอรี่แล้วกว่า 700 ร้านค้า 

"เราเตรียมแผนโปรโมทเพื่อช่วยเหลือร้านค้าอย่างเต็มที่ ผ่านบริการ Central Connect ช้อป แชท สั่งสะดวก ได้ทุกที่ ทุกไลฟ์สไตล์ ผ่านหลากหลายช่องทาง กับศูนย์การค้าเซ็นทรัล และบริการดีลิเวอรี่จากไรเดอร์ (Riders) ย้ำการเป็น Food Destination ของเซ็นทรัล"