• Welcome to ลงประกาศฟรี โพสฟรี โปรโมทเว็บไซด์ให้ติดอันดับ SEO ด้วย PBN.
 

poker online

ปูนปั้น

Menu

Show posts

This section allows you to view all posts made by this member. Note that you can only see posts made in areas you currently have access to.

Show posts Menu

Topics - Prichas

#3321



นายประเสริฐศักดิ์ เชิงชวโน รองผู้ว่าการพัฒนาโรงไฟฟ้าและพลังงานหมุนเวียน การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) เปิดเผยว่า โครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ทุ่นลอยน้ำร่วมกับโรงไฟฟ้าพลังน้ำเขื่อนสิรินธร จ.อุบลราชธานี (Hydro-floating Solar Hybrid) หรือ โรงไฟฟ้าโซลาร์เซลล์ลอยน้ำไฮบริดเขื่อนสิรินธร ขนาดกำลังผลิต 45 เมกะวัตต์ ได้ติดตั้งแผงโซลาร์เซลล์กับทุ่นลอยน้ำในเขื่อนสิรินธรครบทั้งหมด 7 ชุด พร้อมติดตั้งทุ่นคอนกรีตของระบบยึดโยงใต้น้ำและก่อสร้างอาคารสวิตช์เกียร์แล้วเสร็จ

โดยจะเตรียมทดสอบขนานเครื่องกําเนิดไฟฟ้าเข้ากับระบบโครงข่ายไฟฟ้าครั้งแรก (First Synchronization) ในวันพรุ่งนี้ คาดจะสามารถจ่ายไฟฟ้าเข้าระบบเชิงพาณิชย์ (Commercial Operation Date: COD) ได้ในเดือนตุลาคม 2564

 
พร้อมกันนี้ กฟผ. ยังเร่งมือสร้าง "เส้นทางเดินชมธรรมชาติ หรือ Nature Walkway" เพื่อเป็นจุดเช็คอินและแหล่งท่องเที่ยวสำคัญแห่งใหม่ของ จ.อุบลราชธานี สามารถชมโซลาร์เซลล์ลอยน้ำไฮบริดใหญ่ที่สุดในโลกในมุมสูงอย่างใกล้ชิด อยู่ระหว่างปรับภูมิทัศน์รอบพื้นที่

รวมถึงก่อสร้างอาคารอเนกประสงค์สำหรับให้ข้อมูลนักท่องเที่ยวก่อนเดินชม เตรียมเปิดให้ประชาชนทั่วไปเข้าชมได้ในเดือนมกราคม 2565 คาดว่าจะช่วยเสริมให้ธุรกิจท่องเที่ยวของจังหวัดกลับมาคึกคัก ช่วยสร้างรายได้ให้กับชุมชนอีกทางหนึ่งด้วย ซึ่งในช่วงของการก่อสร้าง กฟผ. ได้จ้างผู้ประกอบการแพท่องเที่ยว เรือ และเจ็ตสกีจากชุมชนรอบพื้นที่มาใช้ในงานก่อสร้าง

รวมถึงเช่าแพเพื่อเป็นที่พักให้กับคนงาน ซึ่งช่วยสร้างรายได้ให้กับชุมชนในช่วงที่นักท่องเที่ยวลดลงจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 รวมแล้วคิดเป็นมูลค่าการจ้างงานในพื้นที่ทั้งหมดกว่า 30 ล้านบาท สามารถกระตุ้นเศรษฐกิจภาพรวมของจังหวัดได้เป็นอย่างดี

 

สำหรับโรงไฟฟ้าโซลาร์เซลล์ลอยน้ำไฮบริดเขื่อนสิรินธร ถือเป็นโรงไฟฟ้าโซลาร์เซลล์ลอยน้ำที่ไฮบริดกับพลังน้ำจากเขื่อน ขนาดใหญ่ที่สุดในโลก สามารถผลิตไฟฟ้าจากพลังงานสะอาดร่วมกันระหว่าง "พลังงานแสงอาทิตย์" และ "พลังน้ำ" โดยโซลาร์เซลล์จะผลิตไฟฟ้าในช่วงกลางวันที่มีปริมาณความเข้มของแสงเพียงพอ และนำพลังน้ำมาผลิตไฟฟ้าเสริมในช่วงที่ความเข้มแสงไม่เพียงพอหรือในช่วงกลางคืน ช่วยลดความไม่แน่นอนของพลังงานหมุนเวียนที่ปกติแล้วจะขึ้นอยู่กับสภาพอากาศ ทำให้ผลิตไฟฟ้าได้ต่อเนื่องยาวนาน

โดยโรงไฟฟ้าฯ ติดตั้งแผงโซลาร์เซลล์บนทุ่นลอยน้ำและอุปกรณ์ต่าง ๆ โดยใช้พื้นที่ผิวน้ำประมาณ 450 ไร่ คิดเป็นสัดส่วนพื้นที่ผิวน้ำไม่ถึงร้อยละ 1 ของพื้นที่อ่างเก็บน้ำทั้งหมด ใช้แผงโซลาร์เซลล์ชนิดกระจกทั้งสองด้าน (Double Glass) สามารถทนต่อความชื้นสูงได้ดี ไม่มีสิ่งปนเปื้อนลงสู่แหล่งน้ำ นอกจากนี้ ได้ติดตั้งทุ่นลอยน้ำชนิด HDPE (High Density Polyethylene) ซึ่งเป็นวัสดุชนิดเดียวกับท่อส่งน้ำประปา จึงเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมและสัตว์น้ำ ที่สำคัญ การผลิตไฟฟ้าของโรงไฟฟ้าโซลาร์เซลล์ลอยน้ำไฮบริดเขื่อนสิรินธร จะช่วยลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก (CO2) ได้ประมาณ 47,000 ตัน/ปี ซึ่งมีส่วนช่วยในการแก้ปัญหาภาวะโลกรวน ให้กับโลก

กฟผ. ยังเตรียมพัฒนาโครงการโซลาร์เซลล์ลอยน้ำไฮบริดในพื้นที่เขื่อนของ กฟผ. อีกหลายแห่งทั่วประเทศอย่างต่อเนื่อง รวมกำลังผลิตทั้งหมด 2,725 เมกะวัตต์ รวมทั้งอยู่ในช่วงพิจารณาศักยภาพเพิ่มเติมอีกกว่า 5,000 เมกะวัตต์ นับเป็นจุดเริ่มต้นสำคัญของ กฟผ. ในการก้าวเข้าสู่สังคมไร้คาร์บอนอย่างแท้จริงในอนาคต
#3322
Program Zoom เป็นโปรแกรมสำหรับการประชุมออนไลน์ และเป็นเครื่องมือสุดปัง ในยามวิกฤตโควิท 19 ในตอนนี้ โดย Zoom ที่เป็นที่นิยมใช้กันในตอนนี้คือ โปรแกรม Zoom Meeting ซึ่งมีให้เลือกInstallationได้หลายแบบ ทั้งโปรแกรมลงในComputer หรือ  แอฟ  ในมือถือ จากการใช้งานจริง แล้วลองผิดลองถูกหลายโปรแกรมมาแล้วในช่วงนี้ พอสรุปได้ว่า มันใช้งานแล้วดียังไง ตรงไหนที่น่าสนใจ

1.ใช้งานง่ายมาก  ไม่จำเป็นต้องเก่งโปรแกรมมากมาย
2.การแชร์ภาพ แชร์วิดีโอ หรือ แม้แต่หน้าจอการสอน การประชุมทำง่ายมาก
3.ใช้งานได้หลายอุปกรณ์
4.คุณภาพภาพและเสียง คมชัด ไม่กระตุก
5.การเชื่อมต่อกล้อง ไมค์ และอุปกรณ์ภายนอก ทำได้ง่าย

แต่ก่อนจะใช้งานได้นั้น ทุกท่านจะต้องสมัครการใช้งานก่อน แนะนำสมัครด้วยเมล์จะดีกว่าครับ 
โดยไปสมัครที่  zoom.us  จากนั้นก็ดาวน์โหลดโปรแกรม หรือ APP Zoom Meeting มาลงในเครื่องเราได้เลย ส่วนวิธีการติดตั้ง และ ดาวน์โหลดโปรแกรม ผมไม่ได้กล่าวถึงนะครับ สามารถหาอ่านได้เลยในกระทู้ต่างๆซึ่งมีอยู่มากมาย 


Tag :  Zoom / Zoom Meeting
#3324



เมอร์เซเดส-เบนซ์ เพิ่มทางเลือกลูกค้า รถอายุ 5 ปีขึ้นไป เปิดตัวอะไหล่ สตาร์พาร์ท (StarParts) รองรับทีั้งกลุ่มรถคอมแพคท์ เอสยูวี โรดสเตอร์ ช่วยลูกค้าประหยัด ดีลเลอร์มีรายได้

เมอร์เซเดส-เบนซ์ (Mercedes-Benz) เปิดตัว สตาร์พาร์ทส์  (StarParts) อะไหล่รถยนต์ เมอร์เซเดส-เบนซ์ ที่ได้มาตรฐาน ในราคาที่เข้าถึงง่ายขึ้น โดยระบุว่าจะช่วยให้ลูกค้าประหยัดค่าใช้จ่ายได้สูงสุด 55%

ทั้งนี้ อะไหล่ "StarParts" พัฒนาและทดสอบตามมาตรฐานของเมอร์เซเดส-เบนซ์ เพื่อเป็นทางเลือกใหม่สำหรับลูกค้ารถยนต์เมอร์เซเดส-เบนซ์ทั่วประเทศ สำหรับการบำรุงรักษาในกลุ่มรถที่มีอายุ 5 ปีขึ้นไป

พุทธิ ตุลยธัญ รองประธานบริหารฝ่ายบริการลูกค้า บริษัท เมอร์เซเดส-เบนซ์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า นอกเหนือจากการเปิดตัวรถยนต์รุ่นใหม่ๆ แล้ว การบำรุงรักษารถยนต์เมอร์เซเดส-เบนซ์ให้สามารถใช้งานได้เต็มประสิทธิภาพ ยืดอายุการใช้งานเป็นสิ่งที่บริษัทให้ความสำคัญ

นอกจากนี้ StarParts ยังเพิ่มโอกาสทางธุรกิจให้กับตัวแทนจำหน่าย ในการรักษาลูกค้า และสร้างยอดขาย ด้านอะไหล่และบริการได้อีกด้วย



สำหรับอะไหล่ StarParts ผลิตออกมารองรับรถยนต์เมอร์เซเดส-เบนซ์ รุ่นต่างๆ ประกอบด้วย

  • A-Class (169/176)
  • GLA (156)
  • B-Class (245/246)
  • C-Class (203/204)
  • CLK-Class (209)
  • E-Class (211/212)
  • CLS-Class (218/219)
  • ML-Class (164/166)
  • SLK-Class (170/171)
โดยอะไหล่ที่ผลิตออกมาสำหรับ StarParts ประกอบด้วย

  • แบตเตอรี่สตาร์ท
  • ผ้าเบรก/ดิสก์เบรก
  • ไส้กรองอากาศสำหรับเครื่องยนต์
  • ไส้กรองน้ำมันเครื่อง
  • ไส้กรองน้ำมันเชื้อเพลิง
  • ไส้กรองน้ำมันเกียร์
  • ไส้กรองสำหรับห้องโดยสาร
  • หัวเทียน
  • ใบปัดน้ำฝน
#3325



นายธีระพงษ์ ลิมป์ประเสริฐ หัวหน้าสายงานจัดส่งสินค้าและบริหารค้าปลีก บริษัท เอบีพีโอ จำกัด ในเครือ บมจ.ทีวี ไดเร็ค (TVD) ผู้ดำเนินธุรกิจให้บริการจัดส่งสินค้าครบวงจร เปิดเผยว่า จากสถานการณ์การแพร่ระบาดเชื้อไวรัสโควิด-19 ระลอกใหม่ที่จำนวนผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ได้สร้างผลกระทบต่อระบบขนส่งพัสดุของกลุ่มเอสเอ็มอี ผู้ค้าออนไลน์ หรือลูกค้าทั่วไป ให้มีความล่าช้าลง อันเนื่องจากผู้ให้บริการจัดส่งพัสดุจำเป็นต้องชะลอการให้บริการบางสาขาลงชั่วคราว

บริษัทฯ เล็งเห็นความสำคัญของผู้ประกอบการรายย่อยที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ดังกล่าว ด้วยประสบการณ์มากกว่า 20 ปี บริษัทฯ มีการเตรียมตัวรับกับสถานการณ์ไว้ล่วงหน้าเป็นอย่างดี บริษัทฯ จึงขอเป็นส่วนหนึ่งในการสนับสนุนให้ผู้ประกอบการสามารถเดินหน้าต่อไปในวิกฤตินี้

ทั้งนี้บริษัทฯ ได้นำกลุ่มธุรกิจให้บริการจัดส่งสินค้าครบวงจร (Fulfillment Service) ร่วมช่วยเหลือการจัดส่งพัสดุของกลุ่มเอสเอ็มอี ผู้ค้าออนไลน์หรือลูกค้าทั่วไป ตั้งแต่สินค้าขนาดเล็กและขนาดใหญ่น้ำหนักไม่เกิน 30-150 กิโลกรัม โดยสามารถรองรับการขนส่งพัสดุสูงสุด 10,000 ชิ้นต่อวัน ซึ่งบริษัทฯ จะนำศูนย์กระจายสินค้าในทุกภูมิภาคของประเทศ อาทิ กรุงเทพฯ นนทบุรี เชียงใหม่ ขอนแก่น สุราษฎร์ธานี ชลบุรี และระยอง ฯลฯ ให้บริการรับ-ส่งพัสดุทั่วประเทศ ทั้งจากผู้ค้าออนไลน์ กลุ่มเอสเอ็มอี และลูกค้าทั่วไป ด้วยอัตราค่าบริการที่เป็นธรรมกับทั้งสองฝ่าย รวมทั้งจัดเตรียมส่วนลดพิเศษสำหรับผู้ที่ส่งพัสดุจำนวนมาก 300 ชิ้นขึ้นไปต่อวัน (ตามข้อตกลง) โดยผู้ที่สนใจสามารถสอบถามรายละเอียดได้ที่เบอร์โทร 0-2793-2022 กด 3


สำหรับประเภทการจัดส่งสินค้า บริษัทฯ เปิดให้บริการฝากส่งสินค้าทุกประเภท เช่น อาหารสำเร็จรูป กล้าพันธุ์ไม้  เครื่องใช้ไฟฟ้า เครื่องออกกำลังกาย เป็นต้น สามารถจัดส่งในกรุงเทพฯ-ปริมณฑล ภายใน 2 วัน ส่วนในต่างจังหวัดใช้ระยะเวลาโดยเฉลี่ยกว่า 3 วัน และกำลังอยู่ระหว่างพัฒนาบริการส่งพัสดุด่วน 1 วัน (SAME DAY)


ขณะเดียวกัน บริษัทฯ ยังดำเนินมาตรการด้านความปลอดภัยและสุขอนามัยลูกค้าที่เข้าใช้บริการโดยเจ้าหน้าที่จะสวมหน้ากากอนามัยตลอดเวลาระหว่างให้บริการ ระบบการคัดกรองก่อนเข้าทำงาน และเร่งดำเนินการฉีดวัคซีนคาดว่าจะครบทุกคนในเดือนกันยายนนี้ นอกจากนี้ยังพ่นน้ำยาฆ่าเชื้อบนพัสดุทุกชิ้น เพื่อลดการแพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19


"ธุรกิจอีคอมเมิร์ซเติบโตอย่างต่อเนื่อง และเป็นช่องทางหลักที่สร้างรายได้ในสถานการณ์ที่เกิดการแพร่ระบาดไวรัสโควิด-19 ให้กับกลุ่มผู้ประกอบการขนาดกลางและเล็ก ผู้ค้าออนไลน์ และลูกค้าทั่วไป ซึ่งหลังจากประกาศล็อกดาวน์และเคอร์ฟิว อัตราการซื้อสินค้าผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์เติบโตเพิ่มขึ้น จากปกติอัตราขนส่งพัสดุในประเทศไทยโดยเฉลี่ย 4 ล้านชิ้นต่อวัน ดังนั้นทีวี ไดเร็คขอเป็นส่วนหนึ่งในการเชื่อมต่อโลกการช้อปปิ้งออนไลน์ให้สามารถเดินหน้าต่อไป ด้วยบริการจัดส่งพัสดุถึงมือลูกค้าได้อย่างมีคุณภาพและปลอดภัย โดยพร้อมยืนอยู่เคียงข้างและร่วมฝ่าวิกฤตครั้งนี้ไปด้วยกัน"

สำหรับภาพรวมธุรกิจอีคอมเมิร์ซของทีวี ไดเร็ค บนเว็บไซต์ หลังจากประกาศล็อกดาวน์และเคอร์ฟิวเมื่อต้นเดือนกรกฎาคม ส่งผลให้ยอดขายสินค้าในช่องทางดังกล่าวมีอัตราการเติบโตเพิ่มขึ้น โดยสัดส่วนรายได้จากลูกค้าอีคอมเมิร์ซเพิ่มจาก 10% เป็น 15% และจากการเพิ่มรายการสินค้าให้มีความหลากหลายครอบคลุมทุกความต้องการ คาดว่าภายในสิ้นปีนี้สัดส่วนรายได้จากลูกค้าอีคอมเมิร์ซจะเพิ่มเป็น 20% ส่วนรายได้อีก 80% จะมาจากลูกค้าในช่องทางทีวีโฮมช้อปปิ้งและคอลล์เซ็นเตอร์
#3326
นาฬิกานับเวลา Digital จับเวลาเดินหน้า-ถอยหลัง 

LED Count Down Timer ตัวเลขขนาด 10 cm x 6 cm

นาฬิกาจับเวลา Digital จับเวลาเดินหน้า ถอยหลัง

- LED Count Down Timer 
- แถมรีโมทไร้สาย คู่มือภาษาไทย 
- ขนาด : ยาว 70 cm. สูง 16 cm. หนา 4 cm. 
- ใช้จับเวลาตามโรงยิม,สนามมวย,โรงงาน,สนามชนไก่ เป็นต้น
- ใช้ไฟ220 v
- มีรีโมทพควบคุมไร้สาย
- รับประกัน1ปี

ติดตอสอบถาม
โทร 094-5102033 
line@ : @gentech
Facebook : Gentechshop


#3327




นายวิชาญ จิตร์ภักดี ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เอสซีจี แพคเกจจิ้ง จำกัด (มหาชน) หรือ SCGP เปิดเผยว่า ในช่วงครึ่งหลังปีนี้ บริษัทยังคงเดินหน้าเจรจาเข้าซื้อหุ้น  (Mergerand Partnership: M&P)ในต่างประเทศอีก 2 ดีล  โดยจะเข้าถือหุ้น 75%

ในบริษัท Intan Group ผู้ผลิตบรรจุภัณฑ์กล่องลูกฟูกในประเทศอินโดนีเซีย และการเข้าถือหุ้น 85 ในบริษัท Deltalab, S.L ซึ่งประกอบธุรกิจวัสดุอุปกรณ์ทางการแพทย์จดทะเบียนในสเปน คาดว่าจะปิดดีลสำเร็จในไตรมาส 3 ของปี 2564  และจะมาช่วยหนุนให้ผลประกอบการของบริษัทในช่วงครึ่งปีหลังปรับตัวเพิ่มสูงขึ้น

สำหรับในครึ่งแรกปี2564 บริษัทดำเนินการปิดดีลไปแล้ว 3 ดีล คือ การเข้าถือหุ้น 70% ในบริษัท Duy TanPlastics Man.cturingCorporation ผู้ผลิตสินค้าบรรจุภัณฑ์พลาสติกแบบคงรูปในเวียดนาม ,การเข้าถือหุ้น 100% ในบริษัท Go–Pak ผู้นำการให้บริการโซลูชันด้านบรรจุภัณฑ์อาหารแถบสหราชอาณาจักรยุโรป และการถือซื้อหุ้น 94% ใน SOVI ผู้ผลิตบรรจุภัณฑ์ใน. เวียดนาม 

ดังนั้น จากแผนการเข้าซื้อกิจการทั้ง 5 บริษัทดังกล่าว  คาดว่า จะช่วยสร้างรายได้ให้กับบริษัทราว  18,000 ล้านบาทต่อปี  แบ่งเป็นรายได้จาก 3 บริษัท ได้แก่ Duy Tan, SOVI และ Go-Pak  ราว 12,000 ล้านบาทต่อปี และ 2 บริษัท  Deltalab กับIntan ราว 6,000 ล้านาบาท ต่อปี ซึ่งจะเริ่มเข้ามาในช่วงครึ่งปีหลังปีนี้ 


ขณะเดียวกัน บริษัทยังมีการเจรจากับพันธมิตรทางธุรกิจM&P อย่างต่อเนื่องตลอดเวลา  เชื่อว่า จะเป็นกลยุทธ์ที่สร้างฐานการเติบโตของบริษัทในระยะยาว แต่บริษัทจะพิจารณาการลงทุนอย่างระวัดระวัง ซึ่งยังไม่สามารถเปิดเผยได้ว่าจะมีอีกกี่ดีล  แต่ภายใต้สถานการณ์โควิด-19 รุนแรงขึ้น  มองว่า ไม่กระทบกับการเจรจาการซื้อกิจการในต่างประเทศ  เนื่องจากสถานการณ์ในสหรัฐและยุโรปเริ่มมีพัฒนาการที่ดีขึ้นสามารถเดินทางไปเจรจาทางธุรกิจได้และเมื่อเปิดภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์ในไทย น่าจะทำให้การเดินทางเจรจาทางธุรกิจยังคงเดินหน้าต่อได้เช่นกัน

นอกจากนี้ ในกลยุทธ์ส่วนอื่นๆ เช่น โครงการขยายกำลังการผลิต ยังดำเนินการตามแผนที่วางไว้ต่อเนื่อง  ได้แก่ การขยายกำลังการผลิตบรรจุภัณฑ์อาหารจากกระดาษเพิ่มขึ้นอีก 1,615 ล้านชิ้นต่อปี ที่ประเทศไทยและประเทศเวียดนาม คาดว่าจะเริ่มการผลิตเชิงพาณิชย์ได้ภายในไตรมาสที่ 3 ปีนี้ รวมถึงการขยายกำลัง การผลิตกระดาษบรรจุภัณฑ์ในฟิลิปปินส์อีก 220,000 ตันต่อปี และการขยายกำลังการผลิตบรรจุภัณฑ์พอลิเมอร์แบบอ่อนตัวในประเทศไทยอีก 53 ล้านตารางเมตรต่อปี ที่คาดว่าจะแล้วเสร็จในไตรมาสที่ 4 ปีนี้


นายวิชาญ กล่าวว่า  ภายใต้กลยุทธ์ดังกล่าว ทำให้บริษัทยังคงรักษาการเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยวางเป้าหมายรายได้จากการขายรวมทั้งปีนี้ไม่ต่ำกว่า 100,000 ล้านบาท หรือเติบโตเป็นตัวเลขสองหลัก จากปี 2563 ที่มีรายได้รวม 93,388.33 ล้านบาท   ขณะที่ในช่วงครึ่งปีแรก บริษัทสามารถทำรายได้รวมแล้วกว่า 57,148 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 24% จากช่วงเดียวกันปีก่อน

 ในปีนี้บริษัทยังคงงบลงทุนไว้ที่ 20,000 ล้านบาท แบ่งเป็นการใช้ทำดีล M&P ในส่วนของ 3 บริษัทก่อนหน้านี้ ได้แก่ Duy Tan ,SOVI และGo-Pak ราว 11,000 ล้านบาท และใช้ปรับปรุงเครื่องจักรและขยายกำลังการผลิตราว 4,000 ล้านบาท ส่วนครึ่งหลังปีนี้ใช้สำหรับดีล M&P Deltalab กับIntan ราว 5,000 ล้านบาทและกำไร หลังจากครึ่งปีแรกใช้งบลงทุนไปแล้วราว 6,300ล้านบาท 

 ขณะที่ฐานะการเงินบริษัทยังแข็งแกร่ง ด้วยกระแสเงินสดในปัจจุบันราว 30,000 ล้านบาท และด้วยหนี้สินต่อทุนที่อยู่ในระดับต่ำที่ 0.6 เท่า ทำให้ยังมีศักยภาพในการกู้เงินอีกมาก มีต้นทุนดอกเบี้ยเงินกู้เฉลี่ยที่ 2.5% รองรับการลงทุนในอนาคต หากบริษัทมีโครงการลงทุนที่ดีก็สามารถกู้เงินเพิ่มได้ หรือใช้จากกระแสเงินสดที่มีและการกู้เงินได้

"ทิศทางธุรกิจในช่วงครึ่งปีหลัง แม้สถานการณ์โควิด-19 ยังเป็นปัจจัยที่กระทบต่อภาวะเศรษฐกิจอยู่ แต่ธุรกิจบรรจุภัณฑ์ถือเป็นกลุ่มสำคัญต่อการบริโภค พบว่า ยอดขายในประเทศสหรัฐ เริ่มฟื้นตัวเกือบเท่ากับก่อนมีโควิด-19 แล้วและในยุโรป คาดจะฟื้นตัวตามมาได้เร็วๆนี้ อย่างไรก็ตามแนวโน้มผลการดำเนินงานช่วงไตรมาส 3 ปีนี้ อยู่ที่สภาพตลาด ยังต้องรอดูต่อไป แต่เชื่อมั่นว่ายังเติบโตได้ตามแผน"  
#3328
สร้างรายได้จากสติกเกอร์ไลน์ง่ายๆ ด้วยโปรแกรม MediBang Painthttps://www.chatstickmarket.com/single-post/makemoneyfromlinestickerseasilywithmedibangpaintprogram

#3329


ถูกวิจารณ์เดือดเลยทีเดียว กรณีที่ "นารา เครปกะเทย" อนิวัต ประทุมถิ่น ไปออกรายการแฉ ที่มี "น็อต วรฤทธิ์ เฟื่องอารมย์" เป็นหนึ่งในผู้ดำเนินรายการ ซึ่งที่ผ่านมา น็อตถูกวิจารณ์แรงจนทัวร์ลงเหตุเห็นต่างจาก "เพชร กรุณพล เทียนสุวรรณ" ซึ่งน็อตและเพชรได้เคลียร์ใจกันไปแล้วว่าทั้งคู่เป็นเพื่อนสนิทกัน ถึงความคิดเห็นต่างกัน แต่ก็ยังเป็นเพื่อนเสมอมา ขณะที่นาราก่อนหน้านี้ไปขอเงินสปอนเซอร์เพื่อนำมาทำคอนเทนต์ช่วยเหลือพ่อค้าแม่ค้าในตลาด โดยถามว่า "รักลุง...หรือไม่" ถ้าตอบว่ารักจะเดินหนี แต่ถ้าตอบว่าไม่รักจะช่วยเหมาทั้งหมด โดยก่อนหน้านาราไปร่วมรายการ นารา ได้โพสต์ว่าตนจะไปออกรายการแฉ และอยากเจอ น็อต วรฤทธิ์

ภายหลังนาราออกรายการแฉ ก็ถูกใจชาวทวิตเตอร์ ถึงขั้นแชร์นาทีที่นาราแสดงพฤติกรรมไม่รับของจากน็อต วรฤทธิ์ รวมทั้งกรณีที่เจ้าตัวพูดถึงสาเหตุที่ Call out และดาราเน็ตไอดอลหลายคนออกมา Call out โดยเชื่อว่าเขามีความสำเหนียกและสำนึกว่า ตัวเองอยู่ในจุดนี้ได้อย่างไร ก็เพราะว่า FC FC คือประชาชน วันนี้ประชาชนเดือดร้อนเราจะมองข้ามได้หรือ เมื่อก่อนเรานอนหลับ กินอิ่มได้เพราะสปอนเซอร์จ้างเรา แต่ถ้าเราไม่มี FC เราไม่มีประชาชนคอยซัปพอร์ต สปอนเซอร์ไม่จ้าง ถ้าสปอนเซอร์ไม่จ้างเราก็ไม่มีเงิน ไม่อยู่ได้จนทุกวันนี้ และเชื่อว่า เน็ตไอดอล ดาราที่ออกมา Call out ก็ต้องคิดแบบนี้เช่นกัน ก่อนเจ้าตัวจะหันไปหาน็อตแล้วถามว่า "ใช่ไหมคะพี่น็อต" ซึ่งน็อตก็ตอบรับนิ่งๆ ว่า "ครับ"

โดยพฤติกรรมดังกล่าว แม้จะถูกอกถูกใจชาวทวิตเตี้ยนผู้เห็นต่างกับน็อต วรฤทธิ์ แต่บางส่วนก็บ่นผิดหวังกับพฤติกรรมนารา เพราะมองว่าที่ผ่านมาน็อตก็ไม่ได้ออกตัวแรงขนาดนั้น เหมาะสมหรือไม่ที่จงใจไปหักหน้าน็อตกลางรายการ มองว่าเป็นการกระทำที่เสียมารยาทไปนิดนึง 
#3330



ถือได้ว่าการปล่อยอัลบั้มเต็มครั้งแรกในชีวิตของ มิว ศุภศิษฏ์ จงชีวีวัฒน์ กับอัลบั้ม "365" (Three Six Five) ในวันแรกบน iTunes ช่างร้อนแรงและสั่นสะเทือนทุกชาร์ตของ iTunes ทั่วโลก เพราะหลังจากที่ปล่อยอัลบั้มออกมาในเวลาไม่ถึง 12 ชั่วโมง ทั้งตัวอัลบั้มและเพลงต่างๆ ล้วนทะยานขึ้นสู่อันดับ 1 และ Top10 ในหลายประเทศทั่วโลก

และยังเป็นเพียงศิลปินไทยหนึ่งเดียวที่สามารถพุ่งทะยานเข้าสู่ อันดับ 13 Global Digital Artists Rankings ท่ามกลางศิลปินอินเตอร์ระดับโลกในอันดับ Top20 นี้

เรียกได้ว่า มิว ศุภศิษฏ์ สร้างสถิติใหม่อันน่าทึ่งขึ้นอีกครั้ง กับการปล่อยอัลบั้ม "365"(Three Six Five) บน iTunes เพราะได้รับเสียงตอบรับที่ดีจากแฟนคลับทั่วโลก จนสามารถไต่อันดับสูงขึ้นไปเรื่อยๆ จนเข้าสู่ Top10 และติดอันดับ 1 ในหลายประเทศทั่วโลก ทั้งในส่วนของตัวเพลงในอัลบั้ม และตัวอัลบั้มเอง

ดูได้จากชาร์ตล่าสุดในตอนนี้ที่เพลงฮิตมาแรงน่าจะเป็น Drowning ขึ้นอันดับ 1 ทั้งของประเทศไทยและในหลายที่ เช่น สิงคโปร์, ไต้หวัน, มาเลเซีย และยังทะยานขึ้นสู่ชาร์ตต่างๆ ในอีกกว่า 28 ประเทศทั่วโลก และที่จะไม่พูดถึงไม่ได้เลยก็คือ การเข้าสู่อันดับที่ 13 บน Global Digital Artists Rankings ที่ยังไม่เคยเห็นมีศิลปินไทยได้ขึ้นมาสูงผ่านเข้ามาในอันดับ Top20 ได้


ก็ต้องเรียกว่าการที่ มิว ศุภศิษฏ์ ขึ้นมาสู่อันดับ 13 อยู่ท่ามกลางศิลปินที่มีชื่อเสียงระดับโลกมากมายในชาร์ตนี้ ถือได้ว่าประสบความสำเร็จในฐานะนักร้องอย่างสุดๆ และนับว่าแฟนคลับต่างภาคภูมิใจเป็นอย่างมาก ที่มีศิลปินไทยสามารถเข้าสู่ชาร์ตนี้และติด 1 ใน Top20 ได้ ถือว่าได้รับการยอมรับในการเป็นศิลปินอย่างเต็มตัวจากอัลบั้มนี้

นี่ถือเป็นเพียงก้าวแรกของ อัลบั้ม "365" (Three Six Five) เท่านั้น เพราะในวันที่ 1 สิงหาคม จะสามารถฟังอัลบั้มนี้กันได้แบบเต็มๆ ผ่านทุกแพลตฟอร์ม ถึงเวลานั้น สถิติต่างๆ น่าจะเกิดการขยับขึ้นอีกครั้ง.
#3331



รายงานวิจัยล่าสุดของธนาคารโลกคาดการณ์ว่าเศรษฐกิจของเมียนมาจะหดตัวประมาณ 18% ในปีนี้เพราะผลพวงของปัญหาความวุ่นวายทางการเมืองอันเนื่องมาจากการทำรัฐประหารยึดอำนาจของกองทัพเมียนมาเมื่อวันที่ 1 ก.พ.ที่ผ่านมา และการที่จำนวนผู้ป่วยโรคโควิด-19รายใหม่ในระลอกที่3ที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว

ตัวเลขประมาณการทางเศรษฐกิจที่บรรจุในรายงาน"สังเกตุการณ์เศรษฐกิจเมียนมา"และถูกนำออกเผยแพร่วานนี้(26ก.ค.)ร่วงลงเกือบ2เท่าเหลือ 10% ในเดือนมี.ค.และบ่งชี้ว่าเศรษฐกิจเมียนมาจะแย่ลงยิ่งกว่านี้ในอีกสองสามเดือนข้างหน้า

ส่วนการคาดการณ์จากที่อื่นๆ ที่รวมถึงการคาดการณ์ในเดือนมิ.ย.โดยฟิทช์ โซลูชันส์ หน่วยงานในเครือกลุ่มบริษัทจัดอันดับความน่าเชื่อถือชั้นนำของโลก ประเมินว่าเศรษฐกิจของเมียนมาจะหดตัว 20% หรือมากกว่านั้นในปีงบประมาณนับจนถึงวันที่ 30 ก.ย.โดยอ้างถึงภาวะช็อคทางเศรษฐกิจเมื่อไม่นานมานี้

ธนาคารโลก ยอมรับว่าการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19สร้างผลกระทบเพิ่มเติมอย่างมีนัยสำคัญแก่เศรษฐกิจของเมียนมาทั้งยังคุกคามชีวิตและการทำมาหากินที่อาจจะกินเวลาไปจนถึงปี 2565

ทางการเมียนมารายงานว่า นับจนถึงวันที่ 24 ก.ค.ยอดผู้ติดเชื้อโควิด-19 ในประเทศมีจำนวนเกือบ 260,000 ราย และยอดผู้เสียชีวิต 6,460 ราย ส่วนยอดผู้ติดเชื้อรายวันเฉลี่ยวันละประมาณ 6,000 ราย แม้ว่านี่อาจเป็นตัวเลขที่ต่ำกว่าความเป็นจริง เนื่องจากข้อจำกัดในการตรวจหาเชื้อและการหลั่งไหลของข้อมูล

อย่างไรก็ตาม รายงานวิจัยเศรษฐกิจของธนาคารโลกฉบับนี้มีมุมมองเกี่ยวกับเศรษฐกิจเมียนมาแย่ลง เพราะเมื่อวันที่ 26 มี.ค.ธนาคารโลก ได้ออกรายงานคาดการณ์ว่า เศรษฐกิจเมียนมาจะหดตัวลง 10% ในปีนี้ โดยได้รับผลกระทบจากการชุมนุมประท้วงทั่วประเทศ, การผละงาน และการที่เมียนมาถูกนานาประเทศคว่ำบาตร หลังจากกองทัพเมียนมาได้ก่อรัฐประหารยึดอำนาจจากรัฐบาลเมื่อวันที่ 1 ก.พ. ซึ่งตัวเลขคาดการณ์นี้ สวนทางกับที่ธนาคารโลกคาดการณ์ไว้ก่อนหน้านี้ว่า เศรษฐกิจเมียนมาจะขยายตัว 5.9% ในปีนี้ ซึ่งเป็นหนึ่งในตัวเลขคาดการณ์แข็งแกร่งที่สุดในภูมิภาคเอเชีย

ธนาคารโลก ระบุว่า เมียนมาได้รับผลกระทบอย่างรุนแรงจากเหตุการณ์ประท้วง, การผละงาน และการใช้มาตรการทางทหาร ซึ่งสถานการณ์ดังกล่าวส่งผลให้การเคลื่อนไหวสัญจรภายในประเทศลดน้อยลง และทำให้การบริการในด้านต่างๆ ต้องหยุดชะงัก ซึ่งรวมถึงการบริการในภาคธนาคาร, โลจิสติกส์ และอินเทอร์เน็ต

รายงานของธนาคารโลกยังระบุด้วยว่า กลุ่มผู้ประท้วงในเมียนมาพุ่งเป้าโจมตีไปที่เศรษฐกิจของประเทศ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของการแสดงอารยะขัดขืนเพื่อต่อต้านการก่อรัฐประหารของกองทัพเมียนมา ซึ่งความเคลื่อนไหวดังกล่าวได้ส่งผลกระทบอย่างหนักต่อระบบธนาคารของเมียนมา และยังทำให้นักลงทุนต่างชาติถอนการลงทุนออกจากประเทศไปจนกว่าจะมีการจัดตั้งรัฐบาลตามระบอบประชาธิปไตย

นอกจากนี้ การที่รัฐบาลทหารเมียนมาชัตดาวน์ระบบอินเทอร์เน็ตเพื่อสกัดการประท้วงไม่ให้ลุกลามนั้น ยังเป็นอีกปัจจัยที่สร้างความเสียหายต่อกิจกรรมทางเศรษฐกิจของเมียนมาด้วย

"ขณะที่การตรวจหาเชื้อโควิด-19ในเมียนมายังเป็นไปอย่างจำกัด จำนวนผู้มีผลตรวจเป็นบวกก็สูงมาก บ่อยครั้งพบว่ามีอัตรามากกว่า 33% บ่งชี้ว่ามีการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19ในวงกว้างบวกกับผลกระทบจากมาตรการควบคุมการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 และพฤติกรรมเฝ้าระวังของผู้คนทำให้ความท้าทายทางด้านเศรษฐกิจของเมียนมาเพิ่มขึ้น" รายงานของธนาคารโลก ระบุ

"คิม อลัน เอ็ดวาร์ดส์" นักเศรษฐศาสตร์อาวุโสประจำเมียนมาของธนาคารโลก เตือนว่า เศรษฐกิจของเมียนมาจะหดตัวมากกว่านี้ในช่วงปลายปีนี้เพราะการระบาดของโรคโควิด-19

"ขณะที่มีสัญญาณเบื้องต้นที่บ่งชี้ถึงความมีเสถียรภาพในบางส่วนในช่วงเดือนพ.ค.และมิ.ย.ที่กิจกรรมทางเศรษฐกิจปรับตัวดีขึ้นและปัญหาการดิสรัปด้านโลจิสติกก็บรรเทาลง แต่หากมองภาพรวมกิจกรรมทางเศรษฐกิจ ยังถือว่าอ่อนแออยู่มาก และมีแนวโน้มว่าเศรษฐกิจเมียนมาจะหดตัวตั้งแต่เดือนก.ค.เป็นต้นไป "นักเศรษฐศาสตร์อาวุโสประจำเมียนมาของธนาคารโลก กล่าว


ธนาคารโลกคาดการณ์ว่าอัตราเงินเฟ้อของเมียนมาจะอยู่ที่ 6% ในปี 2564 เพิ่มขึ้นเล็กน้อยจาก 5.8% ในปี 2563 และมีแนวโน้มว่าอัตราเงินเฟ้อจะเพิ่มขึ้น ขณะที่นักเศรษฐศาสตร์หลายคนเตือนว่า อัตราเงินเฟ้อในเมียนมาอาจเพิ่มขึ้นเป็นตัวเลขสองหลักในไม่กี่เดือนข้างหน้านี้ หลังจากเมื่อไม่นานมานี้ มีสัญญาณบ่งชี้ว่าเงินเฟ้อจะเพิ่มขึ้นเมื่อทางการพิมพ์ธนบัตรใหม่ๆออกมาสู่ระบบบเศรษฐกิจ

นอกจากนี้ รายงานของธนาคารโลกยังอ้างถึงราคาเชื้อเพลิงในเมียนมาที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วโดยเพิ่มขึ้น 50% นับตั้งแต่ปลายเดือนม.ค.การที่เงินจัตอ่อนค่าลงอย่างรวดเร็ว โดยอ่อนค่าลงไปประมาณ 23% เมื่อเทียบกับเงินดอลลาร์สหรัฐตั้งแต่วันที่ 1ก.พ.-กลางเดือนก.ค. ประกอบกับภาวะขาดแคลนอาหารในช่วงที่คนทั้งประเทศวิตกังวลเกี่ยวกับความปลอดภัย โดยเฉพาะในพื้นที่ที่มีปัญหาความขัดแย้ง

ขณะที่สถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ยิ่งซ้ำเติมปัญหาต่างๆที่มีอยู่แล้วให้ย่ำแย่ลงไปอีก จนส่งผลให้ความต้องการบริโภคในประเทศลดลงเพราะคนตกงานจากมาตรการล็อกดาวน์และตัวแปรอื่นๆที่จะหนุนอัตราเงินเฟ้อในช่วงครึ่งหลังของปีนี้ โดยเฉพาะการที่ราคาสินค้าประเภทอาหารปรับตัวเพิ่มขึ้น
#3332



ซีรี่ส์เกาหลีโรแมนติกแฟนตาซี "The Great Shaman Ga Doo Shim" เมื่อ 2 นักเรียนมัธยมปลายต้องต่อสู้กับผี เริ่มฉาย 30 ก.ค. นี้


จากดาราเด็กเกาหลีชื่อดังที่แฟนซีรีส์แดนกิมจิชาวไทยคุ้นหูคุ้นตาเป็นอย่างดี เติบโตสู่การเป็นวัยรุ่นเต็มโต 'นัมดารึม' (Nam Da Reum) และ คิมแซรน (Kim Sae Ron) ได้ก้าวขึ้นมารับบทพระ-นางคู่กันแล้ว ในซีรี่ส์เกาหลีโรแมนติกแฟนตาซีเรื่อง The Great Shaman Ga Doo Shim (เดอะ เกรท ชาแมน กา ดู ชิม)


'The Great Shaman Ga Doo Shim' เป็นเรื่องราวของเด็กสาว 'กาดูชิม' ในวัย 18 ปี ที่ถูกชะตากำหนดให้ต้องรับการสืบทอดเป็นหมอผี ในขณะที่เธอเองปรารถนาจะใช้ชีวิตแบบเด็กวัยรุ่นทั่วไป เธอมีบุคลิกที่กล้าหาญและแข็งแกร่ง สามารถต่อกรกับวิญญาณชั่วร้าย เธออยากใช้ชีวิตเหมือนวัยรุ่นปกติทั่วไป แต่เมื่อย้ายมาโรงเรียนมัธยมแห่งใหม่ กลับเจอวิญญาณและเรื่องลึกลับ และได้พบกับ 'นาอูซู' นักเรียนชายมัธยมปลายที่ดูมีความเพรียบพร้อมสมบูรณ์แบบ ด้วยฐานะทางบ้านอันมั่งคั่งร่ำรวย หน้าตาหล่อเหลา และมีผลการเรียนที่โดดเด่น แต่เมื่อกาดูชิมเข้ามาในชีวิตของเขา เขาก็ได้รับความสามารถในการมองเห็นวิญญาณ ซึ่งทั้งสองเข้าไปพัวพันกับคดีลึกลับและต้องการไขความจริงให้กระจ่าง

ซีรีส์เกาหลีเรื่อง The Great Shaman Ga Doo Shim เริ่มฉาย 30 ก.ค. นี้ ทางแอป iQiyi (อ้ายฉีอี้) และเว็บ iQ.com
#3333
น้ำมันว่านจูงนาง   ใส่ตะกรุดนะเมตตามหานิยม ให้ทุกขวด  ขวดละ 399 บาท


 หุงด้วย น้ำมันบารมีครู 108 มหามงคล (น้ำมันแช่เหล็กไหลไพลดำ น้ำมันว่านไก่แดง น้ำมันว่าน 108 น้ำมันเกราะเพชร น้ำมันจักรพรรดิ น้ำมันชาตรี มวลสารมหามงคล 108 รัตนชาติฐานรองพระธาตุพระสีวลี )  

ช่วยในเรื่องเมตตา มหาเสน่ห์และโชคลาภ

คาถากำกับ     ปาสุอุชา จิตตังภิกขิรินิเม    ท่อง  9 จบ

แล้วอธิษฐานใช้เจิมตามซอกคอ ตามตัว ทาที่คิ้ว เจิมที่หน้าผาก พกติดตัว

ว่านจูงนางนักเลงชาย หญิง แต่โบราณ ชอบสาว ชอบหนุ่มใด มักจะเอาดอกเอาต้นว่านไปแช่น้ำมันจันทร์บ้างน้ำมันเสน่ห์ต่างๆหรือผสมกับสีผึ้งใช้ติดตัวทางปาก ทาหน้าทางมือ เพราะมีความเชื่อว่าว่านจูงนางนี้มีพลังเสน่ห์เมตตามหานิยมรุนแรง ต่อเพศตรงข้าม หรือเพศเดียวกัน ชักจูงได้ง่าย ทำให้อีกฝ่ายคล้อยตามง่าย เชื่อง่าย และยังกระตุ้นอารมณ์ของอีกฝ่ายให้เกิดความหลงใหลได้อย่างง่ายดาย และว่านจูงนางนี้ยังสามารถช่วยให้เจรจาค้าขายกับผู้คนต่างๆอย่างได้ผลพ่อค้าแม่ค้า นักธุรกิจมักมีติดตัวไว้ใช้กัน

 ต้องการข้อมูลเพิ่มเติม สั่งซื้อบูชา ทักแชทได้เลย

หรือติดต่อได้ที่
โทร. 0846623662
id line : teerapat999

ลาซาด้า
 https://www.lazada.co.th/products/-i1162308605-s2732826682.html?search=store?spm=a2o4m.10453683.0.0.10b96d16q6OJEJ&search=store 
#3334



เมื่อวันที่ 27 ก.ค. พ.อ.กฤษภาณุ จํานงค์วงศ์ รองผอ.กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในจังหวัดสมุทรปราการ เปิดเผยว่า เมื่อช่วงกลางดึกที่ผ่านมา  ได้รับแจ้งว่ามีหญิงสาวที่ติดเชื้อโควิด 19 ถูกสามีทำร้ายร่างกายและไล่ออกจากบ้าน จนต้องหอบเสื้อผ้าออกมานั่งอยู่ริมถนนสุขุมวิทใกล้ทางขึ้นสถานีรถไฟฟ้าบางปิ้ง ต.ปากน้ำ อ.เมือง จ.สมุทรปราการ หลังรับแจ้งจึงพร้อมด้วยชุดเฉพาะกิจต่อต้านโควิด เทศบาลนครสมุทรปราการ เดินทางเข้าตรวจสอบ 

ในที่เกิดเหตุได้พบหญิงสาวอายุประมาณ 20 ปี เศษนั่งอยู่บนฟุตปาธโดยมีกระเป๋าเสื้อผ้าวางอยู่ข้างตัวทราบชื่อภายในหลังชื่อ น.ส.จันทรา ภักดิ์ชัยภูมิ อายุ 24 ปี นั่งร้องไห้อยู่บนฟุตปาธริมถนน เจ้าหน้าที่จึงได้ทำการตรวจสอบประวัติการตรวจหาเชื้อโควิดในระบบของจังหวัดสมุทรปราการ พบว่า น.ส.จันทรา ได้เข้าตรวจหาเชื้อโควิดที่โรงพยาบาลสมุทรปราการ เมื่อวันที่ 6 กรกฎาคม ที่ผ่านมา และผลตรวจยืนยันออกมาเมื่อวันที่ 9 กรกฎาคม ว่าติดเชื้อโควิด 19 


ด้านนางนุชราพร สยาม อายุ 50 ปี แม่ของหญิงสาวคนดังกล่าว ได้เล่าว่า ลูกสาวตนได้แยกไปอยู่กับแฟนที่บ้านซึ่งอยู่ภายในซอยวัดในสองวิหารห่างจากบ้านตนประมาณ 1 กิโลเมตร หลังจากที่มีการแพร่ระบาดของโควิดอย่างหนักในพื้นที่ตำบลปากน้ำ ลูกสาวตนจึงได้วอล์กอินเข้าไปตรวจหาเชื้อโควิด 19 ที่โรงพยาบาลสมุทรปราการ เมื่อวันที่ 6 กรกฎาคม ที่ผ่านมาและและผลการตรวจออกมาเมื่อวันที่ 9 กรกฎาคม พบว่าติดเชื้อโควิด ลูกสาวจึงกักตัวอยู่ที่บ้านแฟนระยะเวลาที่ผ่านมาก็ไม่มีอาการอะไร จนกระทั่งเมื่อวาน(25ก.ค.)ลูกสาวได้โทรมาบอกว่าอาเจียนและก็ท้องเสีย และมีอาการเจ็บหน้าอก ตนจึงโทรไปบอกหมอ แต่พอหมอเข้าไป คนที่บ้านโน้นเขาก็ไล่หมอ ไม่ให้เข้าไป ก่อนจะทำร้ายร่างกายลูกสาวตนพร้อมทั้งไล่ลูกสาวตนออกจากบ้าน

จนลูกสาวตนต้องหอบเสื้อผ้าเดินหอบร่างกายอันบอบช้ำ ออกจากบ้านแฟนมานั่งร้องไห้อยู่ที่บนฟุตปาธริมถนน ไม่กล้าเข้าไปที่บ้านตนเพราะเกรงว่าจะนำเชื้อโควิดมาติดคนในบ้าน ก่อนที่จะโทรศัพท์มาบอกตนเพื่อขอความช่วยเหลือ จนกระทั่งเจ้าหน้าที่ทหาร กอ.รมน.และเจ้าหน้าที่กู้ชีพของเทศบาลนครเข้ามาให้การช่วยเหลือ

 


ด้านพ.อ.กฤษภาณุ กล่าวว่า หลังจากที่เข้าตรวจสอบแล้ว พบว่าหญิงสาวคนดังกล่าวเป็นผู้ป่วยติดเชื้อโควิด 19 ที่แสดงอาการแล้ว หากปล่อยไว้ก็อาจจะมีอาการรุนแรงถึงขั้นเสียชีวิตได้  ประกอบกับในจุดที่หญิงสาวคนดังกล่าวมานั่งอยู่ใกล้กับชุมชน ซึ่งมีชาวบ้านพักอาศัยอยู่เป็นจำนวนมาก เกรงว่าจะเป็นการแพร่เชื้อโควิดได้ จึงได้ประสานไปทางผู้อำนวยการโรงพยาบาลสมุทรปราการ เพื่อขอนำตัวหญิงสาวรายนี้เข้าไปรักษาตัวที่โรงพยาบาลสนามที่ 5 ซึ่งตั้งอยู่ในโครงการของ WHA คลองส่งน้ำสุวรรณภูมิ ต.บางปลา อ.บางพลี จ.สมุทรปราการ โดยมีเจ้าหน้าที่ชุดเฉพาะกิจต่อต้านโควิด เทศบาลนครสมุทรปราการ เป็นผู้นำส่งพร้อมทั้งทำการฉีดพ่นยาฆ่าเชื้อในจุดที่หญิงสาวคนดังกล่าวนั่งและสัมผัสเพื่อความปลอดภัยของชาวบ้าน
#3335


ห่างหายไปหลายวันกับการอวดเซ็กซี่ให้แฟนๆ ชุ่มชื่นใจสำหรับเน็ตไอดอลสาว เอื้อย พรสวรรค์ หวานใจของนักร้องเสียงดี อาร์ เดอะสตาร์ ที่ล่าสุดขออวดความเซ็กซี่อีกรอบ ผ่านชุดวันพีซผ่าหน้าลึก ซึ่งเป็นกึ่งสปอร์ต งานนี้ต้องบอกเลยว่าสาวเอื้อยใส่แล้ว ดูยังไงก็แซ่บมากๆ ไหนจะท่าโพสอีก แม้ออกมาแนวกีฬา แต่คอมเมนต์ไม่ธรรมดาจริงๆ


โดยคอมเมนต์ส่วนใหญ่ที่ส่งหาสาวเอื้อยนั้นก็มีทั้ง สวยมากแม่ สวยแซ่บ, ชอบนะแซ่บมาก, อยากสวยแบบนี้ทำไง, อยากเห็นตัวจริง, หุ่นดีมากกินอะไรอ่ะ, กินข้าวบ้างหรือเปล่าถามจริง, สวยมากเลย แบบว่าปัง ชอบมาก ฯลฯ


ขอขอบคุณภาพประกอบจากอินสตาแกรม @ueay_pornsawan
#3336
ฟรี!! แอพสติ๊กเกอร์ที่ส่งไปได้ทั้ง Line, Facebook, Whatsapp และ WeChatแชทสติ๊ค มาร์เก็ต แหล่งรวมผลงานสติกเกอร์ จากแบรนด์ดังและเหล่าครีเอเตอร์มากมาย โดยจัดหมวดหมู่สติกเกอร์ และจัดอันดับสติกเกอร์สุดฮิตให้คุณไม่ตกเทรนด์คุณจะสามารถส่งสติกเกอร์ไปได้ทุกที่ ไม่ว่าจะเป็น Facebook, Line, Messenger, Whatsapp, Skype หรือในทุกช่องทางการแชทไหนก็ทำได้ให้คุณเพลิดเพลินไปกับการแชทที่ไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป
https://www.chatstickmarket.com/single-post/chatstickmarket

iOS ดาวน์โหลดที่นี่
Android ดาวน์โหลดที่นี่

#3337


สรุปผลการมอนิเตอร์ข่าวปลอมรอบสัปดาห์ พบมีข้อความที่ต้องคัดกรอง 8.2 ล้านข้อความ เปิด 3 อันดับข่าวคนสนใจมากสุด พบโควิดยังยึดพื้นที่เฟคนิวส์

นางสาวนพวรรณ หัวใจมั่น โฆษกกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมฝ่ายการเมือง (ดีอีเอส) กล่าวว่า จากผลการมอนิเตอร์ และรับแจ้งข่าวปลอมตลอดช่วงสัปดาห์นี้ (18-22 ก.ค. 64) โดยศูนย์ต่อต้านข่าวปลอม มีข้อความที่ต้องคัดกรองทั้งสิ้น 8,246,481 ข้อความ ในจำนวนนี้พบข้อความที่เข้าเกณฑ์ต้องดำเนินการตรวจสอบ 145 ข้อความ เป็นจำนวนเรื่องที่ต้องตรวจสอบทั้งหมด 79 เรื่อง โดยเป็นเรื่องเกี่ยวกับโควิด-19 มากถึง 50 เรื่อง

ทั้งนี้ เมื่อดูจากปริมาณข้อความเบาะแสข่าวปลอม พบข้อสังเกตน่าสนใจว่า ประชาชนจะเผชิญกับเนื้อหาบนโซเชียล/โลกออนไลน์ที่มีแนวโน้มอยู่ในกลุ่มข่าวปลอม/ข่าวบิดเบือน เฉลี่ยวันละมากกว่า 1 ล้านข้อความต่อวัน จึงเป็นเรื่องสำคัญที่ศูนย์ต่อต้านข่าวปลอม กระทรวงดิจิทัลฯ จะมุ่งทำงานเชิงรุกในการบูรณาการการทำงานร่วมกับสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ตลอดจนภาคส่วนอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องเพื่อเร่งประสานงานตรวจสอบข้อเท็จจริง เผยแพร่ข้อมูลที่ถูกต้องสู่ประชาชนและสังคมอย่างรวดเร็ว ลดความตื่นตระหนกและความเสียหายที่จะเกิดขึ้นได้ทันการณ์

สำหรับข่าวปลอมที่มีคนสนใจสูงสุด 3 อันดับแรกตลอดช่วงสัปดาห์นี้ ได้แก่ 1. เตือนเฝ้าระวังใน 24 ชม. จะเกิดแผ่นดินไหว ดินถล่ม น้ำท่วม และน้ำป่า 2. เครื่องตรวจวัดออกซิเจนในเลือดที่ปลายนิ้ว ใช้ตรวจหาเชื้อโควิด-19 ในร่างกายได้ และ 3.กองทัพบก ประกาศแจ้งเตือนล่วงหน้า ก่อนประกาศใช้กฎอัยการศึกในพื้นที่ กทม.

นางสาวนพวรรณ กล่าวว่า อยากขอความร่วมมือประชาชน เมื่อได้รับข่าวสารข้อมูลผ่านโซเชียล ควรตรวจสอบให้รอบด้าน เลือกเชื่อ เลือกแชร์ และสามารถติดตามและแจ้งเบาะแสข่าวปลอม ได้ผ่านช่องทางต่างๆ ของศูนย์ต่อต้านข่าวปลอม ดังนี้ ไลน์ @antifakenewscenter  เว็บไซต์ https://www.antifakenewscenter.com/ ทวิตเตอร์ https://twitter.com/AFNCThailand และช่องทางโทรศัพท์โทรสายด่วน GCC 1111 ต่อ 87 เพื่อหลีกเลี่ยงจากการเป็นเหยื่อข่าวปลอมหรือ ข่าวบิดเบือน
#3338
แม่ค้าออนไลน์ต้องรู้ 6 วิธีเพิ่มจำนวนคนเห็นโพสต์แบบไม่ต้องเสียเงินhttps://www.chatstickmarket.com/single-post/onlinesellersmustknow6waystoincreasethenumberofpeoplewhoseepostswithoutpaying

#3339


ดัชนีดาวโจนส์ ปิดวันศุกร์ (23ก.ค.)ปรับตัวขึ้น 238 จุด ทะลุแนว 35,000 จุด ขณะที่ตลาดหุ้นวอลล์สตรีทปรับตัวขึ้นเป็นวันที่ 4 ติดต่อกัน

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ ปรับตัวขึ้น 238.20 จุดหรือ 0.68% ปิดที่ 35,061.55 จุด ดัชนีเอสแอนด์พี 500 ขยับขึ้น

1.01% ปิดที่ 4,411.79 จุด และดัชนีแนสแด็ก เพิ่มขึ้น 1.04% ปิดที่ 14,836.99 จุด

ดัชนีดาวโจนส์ปิดบวก 0.07% เมื่อวันพฤหัสบดี(22ก.ค.) โดยได้ปัจจัยหนุนจากแรงซื้อหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี และรายงานผลประกอบการที่ดีเกินคาดของบริษัทจดทะเบียน อย่างไรก็ดี ช่วงบวกของตลาดถูกจำกัดจากการเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจที่ซบเซา โดยเฉพาะตัวเลขผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานที่สูงเกินคาดในสัปดาห์ที่แล้ว

อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 10 ปีดีดตัวสู่ระดับ 1.3% ในวันนี้ ซึ่งช่วยคลายความกังวลเกี่ยวกับภาวะชะลอตัวของเศรษฐกิจ หลังจากอัตราผลตอบแทนพันธบัตรดิ่งลงแตะ 1.13% ในช่วงต้นสัปดาห์ ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดในรอบ 5 เดือน

การซื้อขายในวันนี้ ยังคงได้แรงหนุนจากการเปิดเผยผลประกอบการที่สดใส โดยบริษัทราว 15% ในดัชนีเอสแอนด์พี 500รายงานผลประกอบการในไตรมาส 2 แล้ว ซึ่ง 88% จากจำนวนดังกล่าวมีกำไรสูงกว่าที่คาดการณ์ไว้ ขณะที่ 84% มีรายได้สูงกว่าคาด

นักลงทุนจับตาการเปิดเผยผลประกอบการของบริษัทยักษ์ใหญ่ในกลุ่มเทคโนโลยีในสัปดาห์หน้า ซึ่งได้แก่ เฟซบุ๊ค แอ๊ปเปิ้ล อเมซอน อัลฟาเบท และไมโครซอฟท์ รวมทั้งการประชุมนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ในวันที่ 27-28 ก.ค.

นายเจอโรม พาวเวล ประธานเฟด กล่าวแถลงการณ์รอบครึ่งปีว่าด้วยนโยบายการเงินและภาวะเศรษฐกิจสหรัฐต่อสภาคองเกรสเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว โดยส่งสัญญาณว่า เฟดจะยังคงเดินหน้าซื้อพันธบัตรตามมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (คิวอี) และจะยังไม่เร่งปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย แม้อัตราเงินเฟ้อพุ่งขึ้นในขณะนี้
#3340


พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุมศูนย์บริหารสถานการณ์เศรษฐกิจจากผลกระทบจากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (ศบศ.) วานนี้ (22 ก.ค.) เพื่อติดตามสถานการณ์เศรษฐกิจที่ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 และพิจารณาแนวทางกระตุ้นเศรษฐกิจ

นายธนกร วังบุญคงชนะ เลขานุการรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ในฐานะโฆษก ศบศ.เปิดเผยว่า ศบศ.ได้พิจารณามาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจและการลงทุน โดยการดึงดูดชาวต่างชาติที่มีศักยภาพสูงเข้าไทยตามข้อเสนอทีมปฏิบัติการเชิงรุกทาบทามบริษัทเอกชนไทยและต่างประเทศที่มี ม.ล.ชโยทิต กฤดากร ที่ปรึกษานายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธาน เพื่อดึงดูดชาวต่างชาติกลุ่มเป้าหมาย โดยที่ประชุมได้มอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องไปพิจารณาข้อเสนอในรายละเอียดต่อไป

แหล่งข่าวจากทำเนียบรัฐบาล กล่าวว่า ทีมปฏิบัติการเชิงรุกการลงทุนเสนอดึงกลุ่มแรงงานศักยภาพสูงและกลุ่มคนต่างชาติที่มีรายได้สูงมาพำนักไทย 1 ล้านคน ในปีนี้ เพื่อให้เกิดการใช้จ่ายในประเทศจากคนกลุ่มนี้ 1 ล้านล้านบาท และเกิดการลงทุนในประเทศ 8 แสนล้านบาท ภาครัฐมีรายได้ภาษีเพิ่มขึ้น 2.5 แสนล้านบาท โดยมีข้อเสนอ คือ รัฐบาลไทยให้วีซ่าคนกลุ่มนี้ 10 ปี ได้รับอนุญาตทำงานโดยไม่ต้องขอใบอนุญาตทำงาน ยกเว้นภาษีเงินได้สำหรับรายได้จากต่างประเทศ คิดภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาจากรายได้ในไทยในอัตราคงที่ 17% (จากเดิมเสียภาษีอัตราก้าวหน้าสูงสุด 35%) ได้เจ้าของหรือเช่าอสังหาริมทรัพย์ระยะยาว รวมที่ดินได้

ทั้งนี้ ศบศ.ยังไม่เห็นชอบและให้ทุกฝ่ายหารืออีกครั้งก่อนเสนอ ศบศ.ครั้งต่อไป

"กระทรวงการคลัง และทีม ม.ล.ชโยทิต คุยกันนอกรอบแล้วก่อนเสนอ ศบศ.แต่สื่อสารผิดพลาดในการประชุมครั้งนี้ ทำให้ยังไม่ได้รับพิจารณา และกลับไปหารือกันอีก รวมทั้งแพคเกจการลงทุนที่เป็นมาตรการภาษีในส่วนอื่นด้วยก่อนเสนอ ศบศ.อีกครั้ง"แหล่งข่าว ระบุ 

รายงานข่าวระบุว่า การประชุม ศบศ.เดือน มิ.ย.2564 มีข้อเสนอมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจและการลงทุนโดยดึงดูดชาวต่างชาติที่มีศักยภาพสูงเข้าสู่ประเทศไทย ได้แก่ 

1.ประชากรที่มีความมั่งคั่งสูง ต้องลงทุนขั้นต่ำ 500,000 ดอลลาร์ ในพันธบัตรรัฐบาลไทย ลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ หรือ ในอสังหาริมทรัพย์ และมีรายได้ขั้นต่ำปีละ 80,000 ดอลลาร์ ในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา มีทรัพย์สินขั้นต่ำ 1 ล้านดอลลาร์ หรือ 30 ล้านบาท มีประกันสุขภาพคุ้มครองค่ารักษา 100,000 ดอลลาร์ขึ้นไป

2.ผู้เกษียณอายุจากต่างประเทศ อายุ 50 ปีขึ้นไป มีรายได้จากการเกษียณอายุในต่างประเทศ ลงทุนขั้นต่ำในไทย 250,000 ดอลลาร์ มีรายได้ขั้นต่ำปีละ 40,000-80,000 ดอลลาร์ มีประกันสุขภาพ คุ้มครองค่ารักษา 100,000 ดอลลาร์ขึ้นไป