• Welcome to ลงประกาศฟรี โพสฟรี โปรโมทเว็บไซด์ให้ติดอันดับ SEO ด้วย PBN.
 

poker online

ปูนปั้น

Menu

Show posts

This section allows you to view all posts made by this member. Note that you can only see posts made in areas you currently have access to.

Show posts Menu

Messages - Joe524

#10592
ขายดาวน์  215,800 ( กค 2564 ) ห้อง 716
#10594
ขายดาวน์  215,800 ( กค 2564 ) ห้อง 812
#10595


วันที่ 11 ส.ค. 2564 รศ.นพ.สุริยเดว ทรีปาตี กุมารแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านเด็กและวัยรุ่น ผู้อำนวยการศูนย์คุณธรรม ร่วมสนทนาในรายการ "คนเคาะข่าว" ออกอากาศทางสถานีโทรทัศน์ผ่านดาวเทียม ช่อง "นิวส์วัน" ในหัวข้อ "วิกฤตโควิด เรียนออนไลน์ หรือ หยุดเรียน 1 ปี ?"

โดย รศ.นพ.สุริยเดว กล่าวว่า ระบบการศึกษาของไทยเป็นระบบ.สูง สอบได้สอบตก แล้วเด็กแต่ละคนมีความถนัดต่างกัน แต่ถูกจับเข้าระบบคล้ายกับอุตสาหกรรมการศึกษา ทำให้เด็กมีความตึงเครียดสูง ปกติเวลาไปโรงเรียน เด็กก็จะคลายเครียดด้วยการเล่นในเวลาพักเบรก แต่ตอนนี้ต้องอยู่หน้าจอตลอดเวลา

แล้วตอนนี้น่าเห็นใจพ่อแม่มาก ภาระทุกอย่างอยู่ที่บ้าน ตนพูดตั้งแต่ปีที่แล้ว สถานการณ์โควิดควรพลิกวิกฤติเป็นโอกาส ไม่ใช่เอาวิชาทั้งหมดมาทำเป็นเรียนออนไลน์ เด็กวันนึงอยู่หน้าจอหลายชั่วโมง ไม่สามารถออกนอกบ้านได้ ไม่สามารถเจอเพื่อนฝูงได้ แถมเรื่องไหนที่ไม่เข้าใจ พ่อแม่ก็ต้องช่วยลูก มันจึงไม่ใช่ตึงเครียดแค่เด็ก แต่เครียดทั้งบ้าน

รศ.นพ.สุริยเดว กล่าวอีกว่า สิ่งที่กระทรวงศึกษาฯ ควรทำ คือต้องปลดล็อก ถ้ายังมีทัศนคติให้เอาเนื้อหาวิชาที่เรียนอยู่ตอนไม่มีโควิด เอาทั้งหมดมาแปรรูปไว้ในออนไลน์ ให้เด็กเรียนแต่เช้าจนบ่ายสาม แล้วให้การบ้าน ถ้ายังทำลักษณะนี้ อย่าว่าแต่เด็กเลย ผู้ใหญ่มานั่งเรียนแบบนี้ก็เครียด

ยิ่งเด็กเล็กปฐมวัย ผิดหลักพัฒนาการอีก เพราะเด็กเล็กสมาธิสั้น เรียนคุณครูทุกท่าน เด็กเล็กสมาธิสั้นทั้งโลกไม่ใช่เฉพาะเด็กไทย การเรียนของเด็กอนุบาล ควรเรียนรู้ผ่านการเล่น การนั่งหน้าจอผิดหลักการแน่นอน

ตนเสนอให้สำรวจพ่อแม่ ซึ่งควรทำตั้งแต่ปีที่แล้ว ว่ามีกี่ครอบครัวที่พร้อมเป็นโฮมสคูลได้ กี่ครอบครัวไม่มีอินเตอร์เน็ต กี่ครอบครัวที่พ่อแม่ไม่มีเวลา จากนั้นจัดให้มีอาสามัครการศึกษาขึ้นมา ให้เกิดการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ แล้วโรงเรียนคอยให้คำแนะนำพ่อแม่ว่าต้องเรียนอะไรบ้าง โดยให้แต่ละครอบครัวไปใช้เวลาว่างของตัวเอง ไม่ใช่ต้องเข้าเรียนเลิกเรียนตามเวลา

สอง ยกเลิกระบบแพ้คัดออก ยกเลิกการตัดเกรดออกทั้งหมด โดยเฉพาะในเด็กอนุบาลและประถมทั้งหมด โดยเด็กอนุบาลให้ดูที่พัฒนาการของเขาเอา

ระดับ ป.1-6 กระทรวงต้องใจกล้าประกาศเป็นหลักสูตรสมรรถนะ ยกเลิกรายวิชาที่มันมีกี่สาระการเรียนรู้เต็มไปหมด และหลักสูตรตามชั่วโมง ยกเลิกให้หมด และยกเลิกการตัดเกรดไปด้วย โดยให้ครูมาเป็นช่วง ๆ แล้วมีจังหวะให้พักได้ เช่นชั่วโมงเช้าเรียนรู้อะไร ช่วงบ่ายให้เวลาเด็กไปเรียนรู้ ทดลอง โดยใช้ข้าวของในบ้านเลยก็ได้

ระดับมัธยม วิชาไหนไม่มีความจำเป็น ยกเลิกได้ก็ดี ในวัยนี้เขาสามารถเรียนออนไลน์ได้ แต่มันไม่ใช่การเรียนเต็มเหนี่ยว ควรปล่อยครึ่งวันให้โล่ง ให้เขาไปทบทวนบทเรียน

อีกอันที่ตนเสนอไปที่รัฐมนตรีแล้วด้วย คือควรแปรรูปกิจกรรมโฮมรูมเป็น 3 คำถาม คือ ถามลูกว่าเรียนมาทั้งวันรู้สึกอย่างไรบ้าง ได้เรียนอะไร แล้วสิ่งที่เรียนมาจะเอาไปปรับใช้ทำอะไรได้บ้าง

รศ.นพ.สุริยเดว กล่าวต่ออีกว่า โรงเรียนต้องเป็นศูนย์กลางโฮมสคูล คอยสนับสนุนพ่อแม่ คนที่พร้อมก็ช่วยอัปสกิลให้ ส่วนคนที่ไม่พร้อมก็มีอาสามัครลงพื้นที่

รศ.นพ.สุริยเดว กล่าวอีกว่า เรื่องข้อเสนอหยุดเรียน 1 ปี ถ้ากระทรวงทำเท่ากับยกธงขาวยอมแพ้ ทำไมถึงไม่ทำตามที่ตนเสนอ ทำไมโรงเรียนจะเป็นศูนย์กลางการเรียนรู้แห่งโลกออนไลน์ไม่ได้ โดยที่ไม่ต้องเข้าแถวเวลาพร้อมกัน ให้เป็นเรื่องของแต่ละบ้านแต่ละท้องถิ่น

การเรียนรู้หยุดไม่ได้ แต่อย่าทำผิดหลักธรรมชาติ หลักจิตวิทยาพัฒนาการ และต้องต้องไม่ผิดหลักสังคม พ่อแม่มีภาระมากมาย อะไรที่ติดขัดเพราะกฎหมายก็ล้างมันซะ นี่มันเป็นสงครามโรค เลิกยึดติดกรอบเดิม ๆ
#10596


ดัชนีดาวโจนส์ ปิดวันอังคาร (10 ส.ค.)ปรับตัวขึ้น 162 จุด โดยได้แรงหนุนจากการคาดการณ์ที่ว่า วุฒิสภาสหรัฐจะลงมติให้ความเห็นชอบต่อร่างกฎหมายการใช้จ่ายด้านโครงสร้างพื้นฐานวงเงิน 1 ล้านล้านดอลลาร์ในวันนี้ ซึ่งจะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจสหรัฐ
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์เพิ่มขึ้น 162.82 จุด หรือ 0.46% ปิดที่ 35,264.67 จุด ดัชนีเอสแอนด์พี500 เพิ่มขึ้น 4.40 จุด หรือ 0.10% ปิดที่ 4,436.75 จุด และดัชนีแนสแด็ก ลดลง 72.09 จุด หรือ 0.49% ปิดที่ 14,788.09 จุด

ตลาดหุ้นวอลล์สตรีทได้ปัจจัยบวกจากการที่วุฒิสภาสหรัฐลงมติให้ความเห็นชอบต่อร่างกฎหมายการใช้จ่ายด้านโครงสร้างพื้นฐานวงเงิน 1 ล้านล้านดอลลาร์ในวันนี้ ก่อนส่งต่อเข้าสู่การพิจารณาของสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐ โดยโครงการดังกล่าวเป็นหนึ่งในโครงการที่ประธานาธิบดีโจ ไบเดนให้ความสำคัญเป็นอันดับแรก

ทำเนียบขาวระบุว่า โครงการดังกล่าวรวมถึงการใช้จ่ายงบประมาณครั้งใหม่วงเงิน 5.5 แสนล้านดอลลาร์ ซึ่งจะรวมทั้งโครงการสร้างถนน สะพาน ทางรถไฟ ปัจจัยพื้นฐานสำหรับรถยนต์ไฟฟ้า อินเทอร์เน็ตความเร็วสูง และโครงการอื่นๆ

ขณะที่ราคาหุ้นกลุ่มพลังงานดีดตัวขึ้นในวันนี้ หลังจากดิ่งลงอย่างหนักวานนี้ตามการทรุดตัวของราคาน้ำมัน ขณะที่หุ้นกลุ่มที่ได้ประโยชน์จากการเปิดเศรษฐกิจ เช่น กลุ่มธุรกิจเรือสำราญและกลุ่มสายการบิน ปรับตัวขึ้นเช่นกัน

หุ้นกลุ่มธนาคารพุ่งขึ้นในวันนี้ตามการดีดตัวขึ้นของของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐ

ตลาดจับตาตัวเลขเงินเฟ้อของสหรัฐในสัปดาห์นี้ โดยกระทรวงแรงงานสหรัฐจะเปิดเผยดัชนีราคาผู้บริโภค (ซีพีไอ) ซึ่งเป็นมาตรวัดเงินเฟ้อจากการใช้จ่ายของผู้บริโภค ในวันพุธ และเปิดเผยดัชนีราคาผู้ผลิต (พีพีไอ) ซึ่งเป็นมาตรวัดเงินเฟ้อจากการใช้จ่ายของผู้ผลิต ในวันพฤหัสบดี

นักลงทุนวิตกว่า หากสหรัฐเปิดเผยตัวเลขเงินเฟ้อที่พุ่งขึ้นเกินคาด หลังจากที่มีการเปิดเผยตัวเลขการจ้างงานที่แข็งแกร่ง ก็จะเป็นปัจจัยสนับสนุนให้ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) เริ่มปรับลดวงเงินในโครงการซื้อพันธบัตรตามมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (คิวอี) รวมทั้งปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเร็วกว่าที่คาดไว้ ซึ่งจะเป็นปัจจัยลบต่อตลาดหุ้นวอลล์สตรีท

นักลงทุนคาดว่าเฟดจะส่งสัญญาณที่ชัดเจนมากขึ้นเกี่ยวกับทิศทางอัตราดอกเบี้ย รวมทั้งแนวโน้มการปรับลดวงเงินคิวอีในการประชุมประจำปีของเฟดที่เมืองแจ็กสัน โฮล รัฐไวโอมิง ในวันที่ 26-28 ส.ค.

นายริชาร์ด แคลริดา รองประธานเฟด ส่งสัญญาณในการกล่าวถ้อยแถลงก่อนหน้านี้ว่า เฟดจะปรับลดวงเงินคิวอีภายในปีนี้ ก่อนที่จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในปี 2566

ขาดแคลนแรงงาน:ปัญหาใหญ่นิวซีแลนด์
ทั้งนี้ นายแคลริดากล่าวว่า เศรษฐกิจสหรัฐมีแนวโน้มที่จะบรรลุเป้าหมายด้านการจ้างงานและเงินเฟ้อของเฟดภายในปลายปีหน้า ซึ่งจะทำให้เฟดปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในปี 2566

"ผมเชื่อว่าเศรษฐกิจจะบรรลุเงื่อนไขที่จำเป็นต่อการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของเฟดภายในปลายปีหน้า และการกลับมาใช้นโยบายการเงินแบบปกติในปี 2566 จะสอดคล้องกับกรอบเป้าหมายเงินเฟ้อเฉลี่ยแบบยืดหยุ่นของเฟด" นายแคลริดากล่าว

"หากการคาดการณ์ของผมเป็นจริง ก็คาดว่าเฟดจะเริ่มประกาศปรับลดวงเงินในการซื้อพันธบัตรภายในปีนี้" เขากล่าว

คำกล่าวของนายแคลริดาสอดคล้องกับถ้อยแถลงของนายคริสโตเฟอร์ วอลเลอร์ ซึ่งเป็นหนึ่งในผู้ว่าการของเฟด โดยนายวอลเลอร์ระบุว่า เฟดควรจะเริ่มปรับลดวงเงินคิวอีภายในเดือนต.ค.
#10598

  • ไฟตกหมึกใต้น้ำ แบบใช้หย่อนลงในน้ำ
  • โคมไฟใต้น้ำรุ่นนี้จะมีหลอดไฟLEDทั้งหมด 180LED มีกำลังวัตต์ประมาณ18w ให้แสงสีเขียว ใช้งานง่ายโดยนำสายไฟมาต่อขั้วบวกและลบเข้าแบตเตอรี่แล้วจุ่มไฟลงในน้ำ เพียงเท่านี้ก็เปิดล่อหมึกได้แล้ว แสงสีเขียวจะสว่างส่องในทิศทางรอบตัวโคม ซึ่งจะกระจายแสงได้ดี อีกทั้งแสงสีเขียวของโคมนั้นสามารถทะลุทะลวงชั้นผิดน้ำทะเลได้ดีอีกด้วย
  • การหย่อนโคมไฟลงใต้น้ำควรคำนึงถึงแรงกดอากาศด้วย ยิ่งหย่อนลงลึกเท่าไหร่แรงกดอากาศจะยิ่งเพิ่มขึ้นมากเท่านั้น (แนะนำควรใช้งานไม่เกินความลึกที่2เมตร)
  • คุณสมบัติไฟตกหมึกใต้น้ำ 15W 12V แสงสีเขียว
  • -หลอด LED สีเขียว ความสว่าง 900 Lumens
  • -ใช้แรงดันไฟ 12 v 18 Watts.
  • -ประกอบด้วยหลอด LED ทั้งหมด 180 หลอด
  • -ใช้สำหรับล่อปลา ล่อหมึก
  • -การใช้งานหย่อนลงใต้น้ำล่อปลา ปลาหมึกใต้น้ำ ใต้ท้องเรือ
  • สายยาว 5 เมตร
สั่งซื้อ https://bit.ly/2VBceGl

 
#10599


ประเทศไทยถือเป็นประเทศที่ขึ้นชื่อในเรื่องของสมุนไพรต่างๆ เช่นเดียวกับสมุนไพรประเภทที่ช่วยในเรื่องของการขับถ่าย สาวใต้วัย 23 ปี จึงถือกำเนิดแบรนด์ "Suamtaek" น้ำสมุนไพรที่ช่วยในเรื่องของการขับถ่าย ผลตอบรับล้นหลามจึงปรับโดยการแปรรูปเป็น เจลลี่ เพื่อขายกลุ่มลูกค้า ให้สามารถกินได้ง่ายกว่าเดิม



ปภาวรินท์ พึ่งเกียรติรัศมี หรือปันปัน เจ้าของแบรนด์ "Suamtaek" วัย 23 ปี เล่าว่า หลังจากเรียนจบจากสาธารณรัฐประชาชนจีน ก็กลับมาช่วยงานที่บ้าน ในจังหวัดสงขลา ระหว่างนั้นก็ต้องการที่จะมีธุรกิจเป็นของตัวเองด้วย โดยตนก็เริ่มจากการขายสมุนไพรอบแห้ง และพัฒนามาเป็น สมุนไพรแบบบรรจุขวดพร้อมดื่ม แต่ก็ติดปัญหาตรงที่ไม่สามารถส่งให้ลูกค้าที่อยู่ในระยะไกลได้



ทั้งนี้ตนยังต้องการที่จะพัฒนาสินค้าให้แปลกและแตกต่างไปจากผู้ประกอบการรายอื่นๆ ทำให้สมุนไพรนี้สามารถกินได้ง่ายขึ้น ไม่มีกลิ่น หรือรส ที่เป็นสมุนไพร ทำให้ลูกค้ากลุ่มที่ไม่ชื่นชอบน้ำสมุนไพรแบบต้ม ได้มาลองในรูปแบบเจลลี่ รสองุ่น จึงเริ่มขึ้นมาเป็นแบรนด์ "Suamtaek" ซึ่งเปิดตัวมาได้นาน 3 เดือนแล้ว



สำหรับส่วนประกอบหลักๆ ที่มีอยู่ในเจลลี่ "Suamtaek" คือ ไคโตซาน ไซเลี่ยมฮัสก์ เมล็ดกาแฟสด บร็อคโคลี่ พุทรา และดอกเก็กฮวย เป็นต้น ช่วยในเรื่องของระบบขับถ่าย เหมาะสำหรับคนที่ท้องผูก ซึ่งส่วนประกอบทั้งหมดนี้เรียกได้ว่าเป็นออร์แกนิค และผลิตในโรงงานที่ได้มาตรฐานการผลิตอีกด้วย



"ตอนที่ตัดสินใจทำส่วนตัวเรียกได้ว่าเป็นคนธาตุหนักขับถ่ายยาก บวกกับเป็นริดสีดวง หลักจากเรียนจบกลับมาก็อยากหาอะไรทำ จึงเลือกทำเป็นสมุนไพรดีท็อกซ์ ลองขายหลายรูปแบบ ล่าสุดพัฒนาแปรรูปให้เป็น เจลลี่ ดีท็อกซ์ เรียกได้ว่าเราเป็นเจ้าแรกที่ทำสมุนไพรดีท็อกซ์ ในรูปแบบเจลลี่แบบนี้ด้วยค่ะ ผลตอบรับจากลูกค้าถือว่าดีมากเพราะว่าลูกค้าที่เคยซื้อไปลองแล้ว ยังกลับมาซื้อซำ้อีกบ่อยๆ จนตอนนี้สินค้าที่ผลิตออกมาล็อตแรกๆ ใกล้หมดแล้ว และเตรียมสั่งล็อตต่อไปเรียบร้อย"



สินค้าใน 1 กล่องจะมีทั้งหมด 5 ชิ้น ราคากล่องละ 290 บาท ซึ่งงานทั้งหมดจะทำเองเรียกได้ว่าตั้งแต่ต้นจนไปถึงมือลูกค้า ดูแลในเรื่องของการติดต่อโรงงาน การตลาด ทั้งการโปรโมท ลงโฆษณา แผนการขายโปรโมชั่น วางแผนทำเองทุกอย่างทั้งหมดด้วยตัวเอง และในการทำธุรกิจตั้งแต่อายุยังน้อยเช่นนี้ การเริ่มต้นจะต้องมีทุน แน่นอนว่าการทำธุรกิจจะต้องมีเงินทุน และอีกอย่างหนึ่งในการทำธุรกิจคือต้องมีไอเดีย เรียกได้ว่าเป็นส่วนที่สำคัญที่สุด



ในการทำธุรกิจนอกจากมีทุน และไอเดียแล้ว ยังต้องมีในเรื่องของความพร้อม พร้อมในที่นี้คือ พร้อมที่จะทำธุรกิจ ต้องมีการวางแผนให้ดี ไม่วู่วาม สำรวจตลาดให้ดี รอบคอบ เช่น การทำธุรกิจในครั้งนี้จะทำอย่างไรให้แตกต่างจากผู้ประกอบการรายอื่นๆ



สำหรับการเริ่มต้นธุรกิจในช่วง โควิด-19 เช่นนี้ ทำให้การทำงานยากขึ้นไปอีก เนื่องจากการวางแผนในครั้งแรกคือเรื่องของราคา การตั้งราคาที่สูงทำให้ลูกค้าตัดสินใจซื้อยาก และด้วยสินค้าของ "Suamtaek" ถือเป็นสินค้าในกลุ่มสินค้าฟุ่มเฟือย (Luxury goods) คือจะมีหรือไม่มีก็ได้ ทำให้ยากในเรื่องการปิดยอดขาย



ในอนาคตตั้งเป้าไว้ว่า จะเพิ่มในรสชาติของเจลลี่ดีท็อกซ์ ให้มีเพิ่มมากขึ้น พร้อมทั้งผลิตสินค้าใหม่ๆ เพิ่มขึ้นมา ที่เกี่ยวกับรังนกที่เป็นธุรกิจของที่บ้าน อาจจะเลือกเพิ่มสินค้าในไลน์อื่นๆ เพิ่มขึ้น เพื่อเป็นการเสริมกับธุรกิจของครอบครัวอีกช่องทางหนึ่ง

สนใจติดต่อ เฟซบุ๊ก : Suamtaek_detox
#10600


The 1 ผู้นำดิจิทัลไลฟ์สไตล์และลอยัลตี้แพลตฟอร์มอันดับ 1 ของไทย ภายใต้กลุ่มเซ็นทรัล ผนึกกลยุทธ์ Omnichannel ร่วมกับเครือเซ็นทรัล เดินหน้ามอบความสะดวกสบายและความเอ็กซ์คลูซีฟให้กับสมาชิกกลุ่ม The 1 Exclusive ลูกค้าคนพิเศษของ The 1 ในช่วงโควิด ด้วยฟีเจอร์ล่าสุด ปุ่มโทรออกถึง Personal Shopper ติดต่อผู้ช่วยช้อปส่วนตัวได้โดยตรงในคลิกเดียว

เพียงสมาชิก The 1 Exclusive ดาวน์โหลดแอปพลิเคชั่น The 1 แล้วกดปุ่มโทรออกที่หน้าโปรไฟล์หรือหน้า The 1 Exclusive Hub แอปฯ จะทำการโทรออกถึงผู้ช่วยส่วนตัวที่ The 1 ได้มอบหมายให้ดูแลคุณโดยเฉพาะไว้ก่อนหน้าโดยไม่จำเป็นต้องบันทึกเบอร์โทรศัพท์ พิเศษยิ่งกว่า! เฉพาะสมาชิก The 1 Exclusive ที่ช้อปผ่านผู้ช่วยช้อปส่วนตัว จะได้รับคะแนน The 1 เพิ่มเป็น 3 เท่า สำหรับทุกการสั่งซื้อที่ห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัลและห้างสรรพสินค้าโรบินสัน ตั้งแต่ 1 สิงหาคม 2564 - 31 สิงหาคม 2564

สัมผัสประสบการณ์พิเศษจาก The 1 Exclusive ได้แล้ววันนี้ โดยสมาชิก The 1 สามารถอัปเกรดสถานะสมาชิกเป็น The 1 Exclusive ในเดือนถัดไปหลังจากเพียงสะสมยอดใช้จ่ายในกลุ่มเซ็นทรัลตั้งแต่ 250,000 บาทขึ้นไป หรือ 400,000 บาทเมื่อรวมกับยอดใช้จ่ายจากร้านค้าผู้เช่าในศูนย์การค้าเซ็นทรัลและเซ็นทรัล เอ็มบาสซีที่เข้าร่วม ผ่านการยื่นใบเสร็จ ณ จุดแลกของสมนาคุณทุกสาขา โดยสามารถเช็คยอดใช้จ่ายสะสมแบบ Real Time ได้ผ่านแอปพลิเคชั่น The 1 ซึ่งจะเแสดงผลยอดซื้อสะสม ทั้งแบบเฉพาะเครือเซ็นทรัล รีเทล และแบบรวมยอดทั้งเครือเซ็นทรัล รีเทล และร้านค้าผู้เช่าในศูนย์การค้าเซ็นทรัล และเซ็นทรัล เอ็มบาสซีที่เข้าร่วม

อัพเดต / ดาวโหลด แอป The 1 เวอร์ชั่นใหม่ ได้แล้ววันนี้ เพื่อสัมผัสประสบการณ์ที่ดีกว่าได้ทุกวัน ทั้งบน App Store, Play Store และ Huawei AppGallery
https:// go.the1.co.th/UohD/78f4c04
#10602
ขายดาวน์  215,800 ( กค 2564 ) ห้อง 716
#10603


การระบาดของโรคโควิด-19 ระลอกใหม่ส่งผลให้มีผู้ป่วยสะสมนับตั้งแต่วันที่ 1 เม.ย.2564 ถึงวันที่ 10 ส.ค.2564 รวม 767,088 ราย และมผู้ป่วยที่กำลังรักษา 211,223 ราย 

ในขณะที่จำนวนเตียงที่รองรับการรักษาข้อมูลล่าสุดวันที่ 4 ส.ค.2564 ทั่วประเทศมีเตียง 197,837 ราย ใช้ไปแล้ว 151,103 เตียง คิดเป็น 76.38% และมีเตียงว่าง 46,516 เตียง แบ่งเป็นเตียงว่างในกรุงเทพฯ 5,331 เตียง และในต่างจังหวัด (รวมปริมณฑล) 41,185 เตียง ซึ่งขณะนี้สถานการณ์เตียงในระบบสาธารณสุขจึงน่าเป็นห่วง

ทั้งนี้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี จะเป็นประธานเปิดหน่วยคัดกรองผู้ป่วยโควิด-19 และโรงพยาบาลสนามครบวงจร (End-to-End) ในโครงการ "ลมหายใจเดียวกัน" ของกลุ่ม ปตท. วันที่ 11 ส.ค.2564 ที่ทำเนียบรัฐบาล โดยมี นายอรรถพล ฤกษ์พิบูลย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปตท.จำกัด (มหาชน) เข้าร่วม

รายงานข่าวจาก ปตท.ระบุว่า กลุ่ม ปตท.ได้จัดตั้ง "โครงการลมหายใจเดียวกัน" เพื่อสนับสนุนการแก้ปัญหาวิกฤติโควิด-19 ของประเทศ ร่วมเป็นพลังต่อลมหายใจของประชาชน รวมถึงเศรษฐกิจของประเทศให้เดินหน้าต่อไป โดยในระยะแรกได้เร่งส่งมอบเครื่องช่วยหายใจ เครื่องให้ออกซิเจนอัตราไหลสูง พร้อมสนับสนุนออกซิเจนเหลวแก่โรงพยาบาลในพื้นที่วิกฤติ และมีความจำเป็นเร่งด่วนเพื่อใช้ในการรักษาอาการผู้ป่วยโควิด-19 ทั้งในกรุงเทพฯ ปริมณฑลและต่างจังหวัดรวมกว่า 200 แห่ง ทั่วประเทศ

รวมทั้งในระยะต่อมาได้สนับสนุนงบประมาณและอุปกรณ์ทางการแพทย์ในการจัดตั้งโรงพยาบาลสนาม 7 แห่ง ร่วมกับกรุงเทพมหานคร จัดหน่วยวัคซีนเคลื่อนที่เชิงรุกใน 4 พื้นที่เปราะบางและมีความเสี่ยงสูง รวมถึงเดินหน้าโครงการ Restart Thailand ต่อเนื่องทำให้มีอัตราการจ้างงานภายในประเทศเพิ่มขึ้นกว่า 25,000 อัตรา ในช่วงที่สภาวะเศรษฐกิจชะลอตัว ซึ่งนับตั้งแต่ต้นปี 2563 จนถึงปัจจุบัน กลุ่ม ปตท.ได้สนับสนุนความช่วยเหลือบุคลากรทางการแพทย์ ร่วมบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชนในภาวะวิกฤติโควิด-19 แล้วรวมเป็นงบประมาณจำนวนกว่า 1,700 ล้านบาท

ในขณะที่สถานการณ์โควิด-19 ในปัจจุบันยังไม่คลี่คลาย และมีผู้ป่วยหนักสูงขึ้น ซึ่งกลุ่ม ปตท.มีแผนช่วยเหลือประชาชนและแบ่งเบาภาระภาครัฐ โดยร่วมกับกระทรวงสาธารณสุข และพันธมิตรทางการแพทย์ จัดตั้งหน่วยคัดกรองและโรงพยาบาลสนามครบวงจรแบบ End-to-End ภายใต้โครงการลมหายใจเดียวกัน เพื่อรองรับจำนวนผู้ป่วยที่ยังคงมีตัวเลขที่สูงขึ้น ซึ่งจะช่วยลดการเสียชีวิต ช่วยบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชน และเพื่อหยุดยั้งการแพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19 เร็วที่สุด



สำหรับหน่วยคัดกรองและโรงพยาบาลสนามครบวงจร (End-to-End) วางแนวทางการดำเนินงานที่มุ่งเน้น "ตรวจเร็ว แยกเร็ว รักษาเร็ว" ซึ่งจะเป็นการตรวจรักษาแบบครบวงจรแห่งแรกที่เอกชนร่วมกับภาครัฐ ประกอบด้วย 4 จุดหลัก ได้แก่

จุดที่ 1 หน่วยคัดกรอง โครงการลมหายใจเดียวกัน ณ อาคาร Energy Terminal (Enter) ของบริษัทเอนเนอร์ยี่ คอมเพล็กซ์ จำกัด กลุ่ม ปตท. ถนนวิภาวดีรังสิต กรุงเทพฯ เพื่อเป็นจุดคัดกรองสำหรับกลุ่มเสี่ยง โดยวางระบบดิจิทัลเพื่อลงทะเบียน และเริ่มจากการตรวจโดยใช้ชุดตรวจ Antigen test kit และหากพบว่ามีการเสี่ยงติดเชื้อ จะนำส่งตรวจ RT-PCR 

สำหรับผู้ป่วยระดับสีเขียวที่ตรวจพบสามารถทำการดูแลตนเองเบื้องต้นที่บ้านหรือในชุมชน (Home or Community Isolation) โดยจะได้รับมอบ "กล่องพลังใจ คนไทยไม่ทิ้งกัน" ประกอบไปด้วยชุดอุปกรณ์การทางแพทย์และยาที่จำเป็น รวมทั้งระบบติดตามอาการ

สร้างโรงพยาบาลสนามพันเตียง

จุดที่ 2 , 3 และ 4 จัดเตรียมเป็นโรงพยาบาลสนามครบวงจร โครงการลมหายใจเดียวกัน เพื่อรองรับการรักษาผู้ป่วยที่ตรวจพบเชื้อโควิด-19 ตามระดับความรุนแรง โดยโรงพยาบาลสนามครบวงจรแห่งนี้ นับเป็นการระดมกำลังของกลุ่ม ปตท.ทุกด้าน ทั้งด้านเทคโนโลยี นวัตกรรม ผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ หวังแบ่งเบาภาระและบรรเทาปัญหาการขาดแคลนเตียงในกรุงเทพฯ โดยแบ่งการจัดตั้งโรงพยาบาลสนาม ดังนี้

1.โรงพยาบาลสนาม สำหรับผู้ป่วยระดับสีเขียว เปิดให้บริการในรูปแบบของ Hospitel กระจายไปในหลายโรงแรม จำนวน 1,000 เตียง รองรับผู้ป่วยที่ส่งต่อมาจากหน่วยคัดกรองอย่างเป็นระบบ

2.โรงพยาบาลสนาม สำหรับผู้ป่วยระดับสีเหลือง ซึ่งผู้ป่วยที่มีอาการในระดับหนักขึ้น เปิดให้บริการ ณ โรงแรมเดอะบาซาร์ กรุงเทพ มีเตียงผู้ป่วยจำนวน 300 เตียง มีระบบไฮโดรเจน ต่อ Direct Tube ส่งตรงถึงทุกเตียงผู้ป่วย 

พร้อมทั้งมีเทคโนโลยีและผลิตภัณฑ์นวัตกรรมของกลุ่ม ปตท. เพื่อให้การดูแลคนไข้ทำได้อย่างมีประสิทธิภาพ อาทิ เตียงพลาสติกรับน้ำหนักสูง หุ่นยนต์ ปิ่นโต เป็นหุ่นยนต์ลำเลียงเพื่อช่วยบุคคลากรทางการแพทย์ในการดูแลคนไข้ รวมถึงหุ่นยนต์ฆ่าเชื้อ Xterlizer UV Robot

3.โรงพยาบาลสนาม สำหรับผู้ป่วยระดับสีแดง โดยจัดสร้างโรงพยาบาลสนาม ICU บนพื้นที่ 4 ไร่ สำหรับผู้ป่วยจำนวน 120 เตียง ให้บริการสำหรับผู้ป่วยอาการหนัก โดยปรับพื้นที่โล่งของโรงพยาบาลปิยะเวทเป็นสถานที่ก่อตั้ง โดยจัดทำห้องรักษาความดันลบแยกรายผู้ป่วย ห้องละ 1 เตียง ซึ่งเป็นครั้งแรกของโรงพยาบาลสนามในประเทศ พร้อมระบบ Direct Tube ส่งท่อออกซิเจนตรงทุกห้องผู้ป่วย และมีการติดตั้งถังออกซิเจนเหลวขนาด 10,000 ลิตรพร้อมห้องฉุกเฉินให้บริการตลอด 24 ชั่วโมง
#10604
ขายดาวน์  215,800 ( กค 2564 ) ห้อง 812
#10605


บรรยากาศโรงเรียนต่างๆ ในรัฐฟลอริดา เปิดการเรียนการสอนเป็นวันแรกเมื่อวันอังคาร (10 ส.ค.) ท่ามกลางการถกเถียงเรื่องควรให้นักเรียนสวมหน้ากากป้องกันหรือไม่ ทั้งนี้ทั้งนั้น รอน ดีแซนทิส ผู้ว่าการรัฐฟลอริดา ซึ่งสังกัดพรรครีพับลิกัน เป็นผู้ที่ตั้งแง่ตั้งข้อสงสัยเกี่ยวกับโรคโควิด-19 มาโดยตลอด คราวนี้ถึงขนาดออกกฎห้ามโรงเรียนบังคับการสวมหน้ากาก ขณะที่รัฐฟลอริดากำลังกลายเป็นรัฐที่โควิด-19 ระบาดหนักที่สุดในสหรัฐฯเวลานี้



หน่วยงานหลักในการต่อสู้โรคติดต่อของสหรัฐฯ เตือนคนอเมริกันงดเดินทางมาไทย อิสราเอล ฝรั่งเศส ไอซ์แลนด์ และอีกหลายประเทศที่โควิด-19 กำลังระบาดรุนแรง ขณะที่ยอดผู้ติดเชื้อในอเมริกาพุ่งขึ้นวันละแสนต่อเนื่อง 3 วันติด แถมอัตราการป่วยรุนแรงสูงขึ้น 40% และเสียชีวิตเพิ่มขึ้น 18% เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ด้านเพนตากอนเตรียมขอไบเดนอนุมัติการฉีดวัคซีนให้กำลังทหารมะริกัน ภายในเดือนหน้า

ศูนย์เพื่อการควบคุมและป้องกันโรค (ซีดีซี) หน่วยงานหลักในการต่อสู้กับโรคติดเชื้อของสหรัฐฯ เมื่อวันจันทร์ (9 ส.ค.) ประกาศยกระดับคำเตือนเรื่องจำนวนผู้ติดเชื้อโควิด-19 สู่ระดับ 4 ซึ่งหมายถึง "สูงมาก" สำหรับไทย อิสราเอล เขตเวสต์แบงก์ กาซา อารูบา และเฟรนช์โปลีนีเซีย

หลังจากนั้นกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ ได้ออกคำแนะนำ "ระดับ 4: ห้ามเดินทาง" สำหรับฝรั่งเศส ไทย และไอซ์แลนด์ โดยอิงจากคำแนะนำของซีดีซี

แต่สำหรับในอเมริกาเอง สถานการณ์การระบาดล่าสุดก็อยู่ในระดับรุนแรงขึ้นเช่นเดียวกัน โดยตามรายงานของรอยเตอร์ จำนวนผู้ติดเชื้อเฉลี่ยอยู่ที่วันละ 100,000 คนติดต่อกัน3 วันซ้อน หรือเพิ่มขึ้น 35% จากสัปดาห์ที่แล้ว ทั้งนี้ ลุยเซียนา ฟลอริดา และอาร์คันซอส์ เป็นรัฐที่พบผู้ติดเชื้อมากที่สุดเมื่อเทียบกับจำนวนประชากร ในสัปดาห์ที่ผ่านมา

ขณะที่อัตราการป่วยรุนแรงทั่วประเทศสูงขึ้น 40% และเสียชีวิตเพิ่มขึ้น 18% เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว

อาซา ฮัตชินสัน ผู้ว่าการรัฐอาร์คันซอส์ ซึ่งสังกัดพรรครีพับลิกัน เผยว่า จำนวนผู้เข้ารักษาตัวในโรงพยาบาลรายวันพุ่งทำสถิติสูงสุดและขณะนี้ทั้งรัฐเหลือเตียงผู้ป่วยวิกฤตเพียง 8 เตียง

ฮัตชินสันยังเรียกร้องให้ประชาชนเข้ารับการฉีดวัคซีนโควิด ขณะที่ผู้คนมากมายยังลังเลเนื่องจากได้รับข้อมูลผิดๆ เกี่ยวกับวัคซีน

ส่วนที่เทกซัส เกร็ก แอ็บบอตต์ ผู้ว่าการรัฐขอให้โรงพยาบาลต่างๆ เลื่อนการผ่าตัดที่ไม่เร่งด่วนออกไปก่อนเพื่อสงวนทรัพยากรไว้สำหรับผู้ป่วยโควิด

แอ็บบอตต์ที่ออกคำสั่งห้ามรัฐบาลท้องถิ่นบังคับสวมหน้ากากป้องกันเมื่อเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา สำทับว่า จะเพิ่มจำนวนคลินิกเพื่อให้ผู้ป่วยโควิดเข้ารับการฉีดแอนติบอดี้

ด้านฟลอริดา รัฐที่กำลังระบาดหนักที่สุดในเวลานี้ เมื่อวันอาทิตย์ (8) รายงานเคสใหม่รายวันทำสถิติสูงสุดที่ 28,317 คน ขณะที่จำนวนผู้เข้ารักษาตัวในโรงพยาบาลทุบสถิติ 8 วันซ้อน

นักเรียนส่วนใหญ่ในรัฐฟลอริดายังมีกำหนดกลับเข้าเรียนตามปกติในสัปดาห์นี้ โดยที่เขตการศึกษาบางแห่งยังถกเถียงกันว่า ควรบังคับให้นักเรียนสวมหน้ากากป้องกันหรือไม่ เนื่องจากรอน ดีแซนทิส ผู้ว่าการรัฐ ซึ่งสังกัดพรรครีพับลิกัน ออกคำสั่งห้ามโรงเรียนของรัฐ ตลอดจนถึงภาคธุรกิจ และหน่วยงานรัฐ บังคับการสวมหน้ากาก โดยอ้างว่า เพื่อป้องกันการเลือกปฏิบัติและปกป้องความเป็นส่วนตัว

ขณะเดียวกัน จำนวนผู้ป่วยเด็กในอเมริกาเพิ่มขึ้นอย่างชัดเจน ซึ่งผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพระบุว่า เป็นผลจากการระบาดของไวรัสกลายพันธุ์สายพันธุ์เดลตาที่มีแนวโน้มทำให้เด็กติดเชื้อได้มากกว่าสายพันธุ์อัลฟาที่ระบาดหนักในอเมริกาก่อนหน้านี้

วิกฤตไวรัสที่กลับมาส่งผลกระทบกับการใช้ชีวิตของชาวอเมริกันอีกครั้ง ผลักดันให้มีการรณรงค์ฉีดวัคซีนสำหรับผู้ที่ยังลังเลรอบใหม่

ในวันจันทร์ ลอยด์ ออสติน รัฐมนตรีกลาโหมสหรัฐฯ ประกาศผ่านบันทึกภายในฉบับหนึ่งว่า จะขออนุมัติจากประธานาธิบดีโจ ไบเดน ให้บังคับกำลังพลฉีดวัคซีนในช่วงกลางเดือนกันยายน ถึงแม้สำนักงานอาหารและยา (เอฟดีเอ) ยังไม่ได้อนุมัติให้ใช้วัคซีนโควิดได้อย่างสมบูรณ์ ไม่ว่าตัวไหนก็ตาม

การใช้วัคซีนในสหรัฐฯเวลานี้ ก็เช่นเดียวกับในประเทศต่างๆ ส่วนใหญ่ หน่วยงานกำกับตรวจสอบเพียงแค่อนุมัติสำหรับการใช้ฉุกเฉินเท่านั้น สถานการณ์เช่นนี้ทำให้ทางกองทัพยังไม่บังคับให้กำลังพลฉีดเหมือนวัคซีนตัวอื่นๆ เพราะอาจเปิดช่องให้มีการฟ้องร้องทางกฎหมาย เว้นแต่ได้รับอนุมัติจากไบเดนก่อนเท่านั้น โดยที่ทางประมุขทำเนียบขาวแถลงแสดงท่าทีแล้วว่า พร้อมสนับสนุนการตัดสินใจของเพนตากอนเต็มที่

อย่างไรก็ดี เจ้าหน้าที่สหรัฐฯ หลายคนเชื่อว่า เอฟดีเอจะอนุมัติอย่างสมบูรณ์ให้แก่วัคซีนโควิด อย่างน้อยก็ของไฟเซอร์ ภายในต้นเดือนกันยายนนี้

(ที่มา: รอยเตอร์, เอเอฟพี, เอพี)