• Welcome to ลงประกาศฟรี โพสฟรี โปรโมทเว็บไซด์ให้ติดอันดับ SEO ด้วย PBN.
 

poker online

ปูนปั้น

Menu

Show posts

This section allows you to view all posts made by this member. Note that you can only see posts made in areas you currently have access to.

Show posts Menu

Messages - Jessicas

#8731


นายณรงค์ศักดิ์ ปลอดมีชัย ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน ไทยพาณิชย์ จำกัด เปิดเผยถึงภาพรวมเศรษฐกิจโลกในครึ่งปีหลังว่า จากความคืบหน้าในการกระจายวัคซีนป้องกัน COVID-19 ในหลาย ๆ ประเทศ ซึ่งคาดว่าจะครอบคลุมในระดับที่มีภูมิคุ้มกันหมู่ได้ในไตรมาสที่ 3 ของปี 2564 นี้ จะส่งผลให้ภาพรวมเศรษฐกิจฟื้นตัวอย่างต่อเนื่อง ถึงแม้ว่า COVID-19 สายพันธ์เดลต้าที่กำลังระบาดในบางประเทศขณะนี้ อาจส่งผลให้แผนการเปิดประเทศล่าช้ากว่าที่เคยประเมินไว้ อย่างไรก็ตาม ยังคงมองว่าเป็นโอกาสที่ดีสำหรับการลงทุนแต่แนะนำให้นักลงทุนทำการลงทุนด้วยความระมัดระวัง โดยแนะนำให้มีการกระจายการลงทุนไปยังหลากหลายสินทรัพย์เพื่อเป็นการลดความผันผวนของพอร์ตลงทุนโดยรวม ด้วยการจัดพอร์ตการลงทุนในรูปแบบ Risk Target Fund ตามระดับความเสี่ยง

ทั้งนี้ บริษัทฯ ได้แนะนำกองทุนผสมจำนวน 3 กองทุน เหมาะสำหรับนักลงทุนที่ต้องการลงทุนในหลากหลายสินทรัพย์โดยคำนึงถึงระดับความเสี่ยงของตนเอง และสามารถลงทุนในระยะกลางถึงระยะยาว กองทุนนี้มีนโยบายการลงทุนในตราสารที่หลากหลาย อาทิ ตราสารหนี้ หุ้น เงินฝาก กองทุนอสังหาริมทรัพย์หรือทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ ฯลฯ พร้อมทั้งกำหนดมูลค่าความเสี่ยง (VaR หรือ Value-at-Risk) ให้อยู่ในกรอบที่กำหนด โดยทั้ง 3 กองทุนนี้ ประกอบด้วย

กองทุนเปิดไทยพาณิชย์ สมาร์ทแพลน 2 (SCBSMART2) จัดสรรสินทรัพย์โดยควบคุมมูลค่าความเสี่ยงให้อยู่ในกรอบที่กำหนดประมาณ -5% ต่อปี กองทุนจะเพิ่มสัดส่วนการลงทุนในหุ้นไม่เกิน 25% และลงทุนเฉพาะในประเทศไทย โดยกองทุนนี้ได้เปิดให้นักลงทุนได้ลงทุนได้เลือกลงทุนถึง 3 Share Class ได้แก่ 1) SCBSMART2 - ชนิดจ่ายเงินปันผล 2) SCBSMART2A - ชนิดสะสมมูลค่า และ 3) SCBSMART2-SSF – ชนิดกองทุนรวมเพื่อส่งเสริมการออมระยะยาว (SSF) ทั้งนี้ กองทุนอาจลงทุนในสัญญาซื้อขายล่วงหน้า (Derivatives) เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการบริหารการลงทุน ซึ่งรวมถึงการป้องกันความเสี่ยง (Hedging) จากการลงทุน 

กองทุนเปิดไทยพาณิชย์ สมาร์ทแพลน 3 (ชนิดจ่ายเงินปันผล) (SCBSMART3) จัดสรรสินทรัพย์โดยควบคุมมูลค่าความเสี่ยงให้อยู่ในกรอบที่กำหนด ประมาณ -10% ต่อปี กองทุนจะเพิ่มสัดส่วนการลงทุนในหุ้นไม่เกิน 34% รวมทั้งยังมีการลงทุนในต่างประเทศไม่เกิน 35% ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุน โดยกองทุน SCBSMART3 จัดเป็นกองทุน 4 ดาว ประเภท Thailand Fund Moderate Allocation ของมอร์นิ่งสตาร์ (ข้อมูล ณ วันที่ 31 ก.ค. 2564)

กองทุนเปิดไทยพาณิชย์ สมาร์ทแพลน 4 (ชนิดจ่ายเงินปันผล) (SCBSMART4) จัดสรรสินทรัพย์โดยควบคุมมูลค่าความเสี่ยงให้อยู่ในกรอบที่กำหนด ประมาณ -15% ต่อปี กองทุนจะเพิ่มสัดส่วนการลงทุนในหุ้นไม่เกิน 43% รวมทั้งยังมีการลงทุนในต่างประเทศไม่เกิน 36% ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุน โดยกองทุน SCBSMART4 จัดเป็นกองทุน 5 ดาว ประเภท Thailand Fund Moderate Allocation ของมอร์นิ่งสตาร์ (ข้อมูล ณ วันที่ 31 ก.ค. 2564) ทั้งนี้ กองทุน SMART3 และกองทุน SMART4 อาจลงทุนในสัญญาซื้อขายล่วงหน้า (Derivatives) เพื่อป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน (Hedging) ณ ขณะใดขณะหนึ่งไม่น้อยกว่าร้อยละ 90 ของมูลค่าทรัพย์สินที่ลงทุนในต่างประเทศ

นายณรงค์ศักดิ์ กล่าวว่า ภาพรวมตลาดหุ้นไทยในช่วงแรกความกังวลต่อการระบาดของ COVID-19 รวมถึงการเพิ่มขึ้นของผู้ติดเชื้อสายพันธุ์เดลต้าจะมีอิทธิพลต่อภาพรวมตลาดหุ้นไทยค่อนข้างมาก โดยเฉพาะในช่วงที่จำนวนผู้ติดเชื้อรายวันยังคงทรงตัวในระดับสูง ซึ่งทำให้เกิดการปิดกิจกรรมทางเศรษฐกิจเพื่อป้องกันการติดเชื้อของประชากรที่เพิ่มขึ้นจนระบบสาธารณสุขไม่สามารถรองรับได้ ในขณะที่การกระจายการฉีดวัคซีนยังคงล่าช้าทำให้โอกาสการกลับมาเปิดประเทศในช่วงปลายปียังมีความท้าทายอยู่มาก อย่างไรก็ตาม ตั้งแต่เดือนก.ค.การฉีดวัคซีนจะมีการเร่งตัวขึ้น ซึ่งอาจจะทำให้ผู้ติดเชื้อภายในประเทศมีแนวโน้มจะปรับตัวลดลงในช่วงปลายไตรมาสที่ 3 เป็นต้นไป และคาดว่าจะเป็นการสร้างบรรยากาศการลงทุนเชิงบวกให้กับตลาดหุ้นไทยในช่วงไตรมาสที่ 4 อย่างไรก็ตาม ปัจจัยในเรื่องการลดวงเงินอัดฉีดสภาพคล่องของธนาคารกลางสหรัฐฯ สงครามทางการค้าระหว่างจีน-สหรัฐฯ และเสถียรภาพของรัฐบาลจากการชุมนุมประท้วงที่เพิ่มขึ้น ยังคงเป็นปัจจัยสำคัญที่ต้องติดตามอย่างใกล้ชิด

สำหรับตราสารหนี้ เนื่องจากผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ ระยะยาวได้ปรับลดลงมาค่อนข้างมาก โดยล่าสุดอยู่ในกรอบประมาณ 1.3 – 1.4% ซึ่งคาดว่าผลตอบแทนระยะยาวอาจปรับตัวสูงขึ้นตามอัตราเงินเฟ้ออย่างต่อเนื่อง ขณะเดียวกัน FED เริ่มพิจารณาการลดวงเงินซื้อสินทรัพย์ (QE) และแนวโน้มการเร่งขึ้นอัตราดอกเบี้ยเร็วขึ้น ซึ่งปัจจัยเหล่านี้จะส่งผลให้ภาพรวมเศรษฐกิจในประเทศหลัก ๆ มีแนวโน้มฟื้นตัวดีขึ้นและยังคงเป็นปัจจัยบวกในระยะถัดไป

ในส่วนของตลาด REITs และ Infra จะสามารถกลับมา outperform ตลาดหุ้นโลกด้วยธีม recovery จากภาพเศรษฐกิจทั่วโลกที่ค่อย ๆ ฟื้นตัวขึ้นจากปัจจัยหลัก ๆ อาทิเช่น การเปิดเมืองในบางประเทศที่มีแนวโน้มเป็นไปค่อนข้างเร็ว รวมถึงผลประกอบการของ REIT ทั่วโลกที่ได้ผ่านจุดต่ำสุดไปแล้วในไตรมาส 2 ปี 2563 กำลังมีแนวโน้มฟื้นตัวต่อเนื่อง เห็นได้จากการปรับประมาณการ Earnings ของ REIT ทั่วโลกที่เพิ่มขึ้นหลังจากเริ่มมีการผ่อนปรนมาตรการ Lockdown เป็นต้น
 
#8735
ขอแสดงความยินดี และ ขอบคุณลูกค้าของเรา 
สามารถสร้างยอดขายบ้านได้อันดับ 1 ไม่เป็น 2 รองใคร 
ขายฝาก ขายบ้าน ขายที่ดิน ขายรถ
ถ้าอยากขายได้เร็ว ขายได้ไว ต้อง Teesuay.com
http://teesuay.com/
เพราะที่สวย ทำให้เราขายได้ ขายดี ขายจริง ขอบคุณมากๆครับ
อันดับ 1 เลยจริงๆ ปิดการขายได้เร็ว และ ไวมาก
#8736


นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยว่า จากการเปิดรับนักท่องเที่ยวต่างชาติตามนโยบายรัฐบาล โครงการ Phuket Sandbox ตั้งแต่วันที่ 1 กรกฎาคม 2564 วันที่ 15 สิงหาคม 2564 พบว่า มีเที่ยวบินรวมจำนวน 292 เที่ยวบิน โดยมีสายการบิน ที่ทำการบินเข้าประเทศไทย ได้แก่ การบินไทย, สิงคโปร์แอร์ไลน์, เอมิเรตส์, กาตาร์แอร์เวย์, สายการบินเอทิฮัด เป็นต้น โดย มีผู้โดยสารขาเข้าสะสมรวมจำนวน 21,545 คน 

โดยเป็นผู้โดยใน Phuket Sandbox จำนวน 21,135 คน (ต่างชาติ 18,654 คน คนไทย 2,481 คน) 

ทั้งนี้ สำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย (กพท.) หรือ CAAT รายงานว่า สายการบินที่ได้รับการจัดสรรเวลาการบิน ทำการบินจริงครบตามจำนวนเที่ยวบินที่รับการจัดสรรไม่มีการยกเลิกใดๆ โดยมีเส้นทางการบินมาจาก 17 เมือง ได้แก่ สิงคโปร์ 76 เที่ยวบิน ,โดฮา 34 เที่ยวบิน ,ดูไบ 28 เที่ยวบิน,อาบูดาบี 21 เที่ยวบิน,เทลอาวีฟ 15 เที่ยวบิน,กัวลาลัมเปอร์ 14 เที่ยวบิน,แฟรงเฟริ์ต 13 เที่ยวบิน,ลอนดอน 7 เที่ยวบิน,ซูริค 7 เที่ยวบิน ,ปารีส 7 เที่ยวบิน,โคเปเฮเกน 5 เที่ยวบิน ,ฮ่องกง 3. เที่ยวบิน ,พนมเปญ 2 เที่ยวบิน ,เวียงจันทน์ 1 เที่ยวบิน,ไทเป 1 เที่ยวบิน,ซาร์จาห์ 1 เที่ยวบิน,ย่างกุ้ง 1 เที่ยวบิน

สำหรับเที่ยวบินภายในประเทศไปยัง Phuket Sandbox ในช่วงระหว่างวันที่ 5-17 สิงหาคม 2564 เป็นเส้นทางจากอู่ตะเภา-ภูเก็ต โดยพบว่ามีเที่ยวบินสะสม 18 เที่ยวบิน ผู้โดยสารสะสม 586 คน
#8737
นมอัดเม็ดไทยชอง milk tablet  ชอบหวานน้อย นมเน้นๆ มีแคลเซียม ต้องลอง นมอัดเม็ด milk tablet หลายเจ้าในตลาดมากมาย แต่ทำไมนมอัดเม็ดไทยชอง milk tabletแจ้งเกิดเป็นนมอัดเม็ดดาวรุ่งพุ่งแรง เพราะ ความนัวนม ย้ำว่านัวนมๆจริง และรสชาติหวานน้อย ที่เอาใจคนที่หันมาดูแลตัวเองมากขึ้น รสชาติไม่หวานเลี่ยน การันตีไม่หวานแหลมแสบคอ  นมก็นมแท้ๆแน่นๆ จากนิวซีแลนด์ มี 2 ขนาดให้เลือก 





1.นมอัดเม็ดไทยชอง  milk tablet ขนาด 20 กรัมเป็นรูปซองขวด 1 ซองมี 15 เม็ด ขายปลีกซอง 12 บาท ฮัลโล ไม่แพงน้า รสชาติต้องได้ลอง เลือกคุณภาพ ประโยชน์ และ อร่อยด้วย คุ้มค่า

 

2.นมอัดเม็ดไทยชอง milk tablet ขนาด 27 กรัม ซองสี่เหลี่ยม ตกซองละ 18 บาท 
จะซื้อแบบกล่อง หรือ ซื้อแบบซองก็ได้ แบบกล่องซื้อไปเป็นของขวัญของใกเก๋ไก๋ ดูดีมีราคา เพราะแพคเกจเค้าน่ารักเว่อร์ 
 


นมอัดเม็ด milk tabletเป็นขนมทีมีประโยชน์นะคะ ทานได้ทั้งเด็กและผู้ใหญ่ เพราะนมอัดเม็ดไทยชอง milk tabletใช้นมแท้ๆ คุณภาพดีมาเป็นส่วนผสมหลักที่เข้มข้น ทำให้คนทานได้ แคลเซียมและวิตามินบี 2  ใครที่เน้นดูแลเรื่องกระดูกและฟัน และ ลดหวานเพื่อสุขภาพ แนะนำมากๆ กับนมอัดเม็ดไทยชอง milk tablet

สั่งซื้อ คลิกเลย >>> https://lin.ee/sSGXFCK 
 
#8738
ข้าวแฟร์เทรด   ข้าวกล้องออร์แกนิคส่งทั่วไทย #ข้าวออแกนิค หรือ #ข้าวออร์แกนิค หรือ #ข้าวออร์แกนิก หรือ "#ข้าวเกษตรอินทรีย์"  (#OranicRice)
ข้าวออแกนิค หรือ ข้าวออร์แกนิค หรือ ข้าวออร์แกนิก (#OranicFood) หรือเรียกง่ายๆเป็นภาษาไทยว่า "ข้าวเกษตรอินทรีย์" หรือ "ข้าวอินทรีย์" / ข้าวกล้องมะลินิลออแกนิค คือ ข้าวที่ผ่านการผลิตทางการเกษตรโดยไม่ใช้สารเคมี ปุ๋ยเคมี หรือวัตถุสังเคราะห์ใด ๆ ทั้งสิ้น (รวมไปถึงเมล็ดพันธุ์ ข้าวที่ไม่ตัดต่อทางพันธุกรรม) กระบวนการผลิตข้าวไม่มีการใช้สารเคมีในการกำจัดศัตรูพืช ก่อนการปลูกข้าวจะต้องเตรียมหน้าดินก่อนด้วยวิธีธรรมชาติ ทุกขั้นตอนการผลิตข้าวจะไร้สารปนเปื้อนที่เกิดมนุษย์ จะไม่ผ่านการฉายรังสี ไม่เพิ่มเติมสิ่งปรุงแต่งลงไปในข้าว 




  ปลูกข้าวหอมมะลิอินทรีย์ข้าวออแกนิค หรือ ข้าวออร์แกนิค หรือ ข้าวออร์แกนิก หรือ "ข้าวเกษตรอินทรีย์"  (Oranic Rice)   ข้าวกล้องหอมมะลิออแกนิค คืออะไร?
1. ส่วนประกอบทุกอย่างล้วนมากจากธรรมชาติ โดยข้าวออแกนิคจะไม่มีการใช้สารสังเคราะห์ใด ๆ ในการเพาะปลูก  ข้าวปะกาอำปึลอินทรีย์เลย ข้าวก็จะถูกปลูกและเจริญเติบโตมาด้วยอาหารจากธรรมชาติล้วน ๆ ส่วนข้าวก็จะเป็นการปลูกในนา ไม่ใส่วัตถุสังเคราะห์ใด ๆ ทั้งสิ้น ไม่ว่าจะเป็นปุ๋ยวิทยาศาสตร์ และสารเคมีหรือยาฆ่าแมลง ใช้แต่ปุ๋ยหมักหรือปุ๋ยคอกจากธรรมชาติในการเพาะปลูกข้าว ส่วนเมล็ดพันธุ์ข้าวที่นำมาเพาะปลูกจะต้องไม่มีตัดต่อพันธุกรรม และต้องมีการเตรียมหน้าดินก่อนการเพาะปลูกข้าวด้วยวิธีธรรมชาติ คือ จะต้องทำให้ปลอดสารพิษไม่น้อยกว่า 3 ปี เหล่านี้จึงเรียกได้ว่าเป็นการสร้างอาหารแบบธรรมชาติอย่างแท้จริง 100% มีกลิ่นหอมตามแบบธรรมชาติ ทุกขั้นตอนในการปลูกข้าวและการแปรรูปข้าวจะต้องอยู่ในมาตรฐานที่ผ่านการตรวจสอบจากหน่วยงานต่าง ๆ ส่วนประกอบทุกอย่างจึงสะอาดบริสุทธิ์ ไม่มีสารพิษตกค้างหรือสารก่อมะเร็ง
2. ข้าวออแกนิคจะไม่มีการใช้สารเคมีใด ๆ เลย ส่วนประกอบทุกอย่างจะต้องมาจากธรรมชาติ เพราะถ้ามีการใช้สารเคมีก็จะไม่ถือว่าเป็นข้าวออแกนิค ซึ่งการไม่ใช้สารเคมีที่ว่านั้นหมายถึง การไม่ใช้ยาฆ่าแมลง ปุ๋ยเคมี 
3. ไม่ก่อให้เกิดมลพิษในกระบวนการปลูก  ข้าวหอมมะลิแดงปลอดสารพิษ เพราะข้าวออแกนิคนั้น นอกจากจะมุ้งเน้นให้ผู้บริโภคมีสุขภาพที่ดีแล้ว จุดประสงค์ที่สำคัญอีกอย่างหนึ่งก็คือการช่วยลดมลพิษให้กับธรรมชาติ เพราะเป็นที่ทราบกันดีอยู่แล้วว่าการใช้สารเคมีต่าง ๆ เช่น ยาฆ่าแมลง ปุ๋ยเคมี หรือสารเร่งการเจริญเติบโตต่าง ๆ นั้นจะก่อให้เกิดสารพิษตกค้างในดิน ในน้ำ และในอากาศ ซึ่งกว่าจะย่อยสลายไปได้บางทีก็อาจใช้ระยะเวลาเป็นสิบ ๆ ปี ซึ่งวิธีการปลูก  ข้าวกล้องหอมมะลินิลเกษตรอินทรีย์ แบบธรรมชาตินี้เองจึงเป็นวิธีที่ดีที่สุดในการช่วยฟื้นฟูธรรมชาติที่เสียไป เพราะนอกจากจะได้รับประทานข้าวที่ปลอดสารพิษแล้ว ยังช่วยลดมลพิษต่าง ๆ ได้ดีอีกด้วย

ข้าว Hor.Boutique ข้าวอินทรีย์สุรินทร์   ข้าวกล้องหอมมะลิแดงอินทรีย์
277 หมู่ 14 ถ.พิชิตชัย ต.นอกเมือง อ.เมือง จ.สุรินทร์ 32000
โทร. 092-8245655
website : https://xn--12cbh7f2bxa6ba6b0a4lsdyb.net/
Line: @Hor.Boutique

เรามีข้าวอินทรีย์ 7 ประเภทครับ
1.  ข้าวหอมมะลิสุขภาพ
2.  ข้าวกล้องหอมมะลิออแกนิคสำหรับทารก
3.  ข้าวปะกาอำปึลออแกนิคสำหรับทารก
4.  ข้าวสุขภาพผสมหลายสายพันธุ์จังหวัดสุรินทร์
5.  ข้าวกล้องอินทรีย์หอมมะลิแดง6.ข้าวกล้องหอมมะลินิลอินทรีย์7. ข้าวกล้องไรซ์เบอร์รี่อินทรีย์


#ข้าวออร์แกนิกสุรินทร์  #ข้าวออแกนิคสุรินทร์  #ข้าวออแกนิกสุรินทร์   #ข้าวอินทรีย์สุรินทร์  #ข้าวสุขภาพสุรินทร์
 

 
 
#8739


นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ได้มอบนโยบายการพัฒนาโครงข่ายทางหลวงและมาตรฐานความปลอดภัยในเส้นทาง โดยระบุว่า ขอให้กรมทางหลวง (ทล.) เร่งดำเนินโครงการก่อสร้างทางหลวงหมายเลข 3 (ถนนสุขุมวิท) สาย ตราด - หาดเล็ก ที่ปัจจุบันยังอยู่ระหว่างการก่อสร้างให้เสร็จสมบูรณ์ตลอดเส้นทาง เพื่อรองรับเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษจังหวัดตราด สนับสนุนเขตเศรษฐกิจชายแดน (Special Economic Zone : SEZ)

อีกทั้งให้เป็นเส้นทางรองรับการขยายตัวของเมืองและแก้ไขปัญหาการจราจร เนื่องจากจังหวัดตราดได้รับการจัดตั้งให้พัฒนาเป็นหนึ่งในเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษในระยะแรก โดยตั้งเป้าเป็นศูนย์กลางการค้าการขนส่งต่อเนื่องระหว่างประเทศและเป็นศูนย์กลางการบริการด้านการท่องเที่ยวระดับภูมิภาค อีกทั้งยังเป็นประตูการค้าชายแดน มีด่านการค้าบ้านหาดเล็ก ซึ่งมีศักยภาพในการเป็นศูนย์กระจายสินค้า สามารถเชื่อมโยงกับเขตเศรษฐกิจพิเศษเกาะกง ราชอาณาจักรกัมพูชา 



อย่างไรก็ดี ที่ผ่านมา ทล.ได้ขยายเส้นทางดังกล่าวเป็น 4 ช่องจราจรแล้วเสร็จระยะทางรวม 65.550  กิโลเมตร ซึ่งขณะนี้คงเหลือช่วงสุดท้าย ตอน ทางแยกเข้า ต.ไม้รูด - บ.คลองจาก ระยะทางประมาณ 23.450 กิโลเมตร  กระทรวงฯ จึงผลักดันให้แล้วเสร็จภายในปี 2564  ซึ่งหากโครงการแล้วเสร็จจะเสริมสร้างโครงข่ายทางหลวงให้สมบูรณ์ตลอดเส้นทาง 89 กิโลเมตร

ทั้งนี้ ทล.ได้เร่งดำเนินโครงการก่อสร้างทางหลวงหมายเลข 3 (ถนนสุขุมวิท) สาย ตราด - หาดเล็ก ตอนทางแยกเข้า ต.ไม้รูด - บ.คลองจาก ก่อสร้างเป็นมาตรฐานทางชั้นพิเศษ 4 ช่องจราจร รวมงานก่อสร้างสะพานคอนกรีตอีก  7  แห่ง และก่อสร้างศาลาทางหลวงในบริเวณสองข้างทางเพื่ออำนวยความสะดวกให้กับประชาชนจำนวน  11  แห่ง พร้อมติดตั้งไฟฟ้าแสงสว่างตลอดเส้นทาง งบประมาณราว 985 ล้านบาท  ปัจจุบันการก่อสร้างคืบหน้าประมาณ 85% คาดว่าจะก่อสร้างจะแล้วเสร็จประมาณเดือน พ.ย. นี้

โดยหากโครงการก่อสร้างแล้วเสร็จจะเป็นเส้นทางที่มีความสำคัญด้านการสัญจรของประชาชนในพื้นที่  ส่งเสริมการขนส่งสินค้า การท่องเที่ยว และเป็นเส้นทางที่เชื่อมต่อการเดินทางระหว่างประเทศไทยกับราชอาณาจักรกัมพูชา ที่มีอัตราการเพิ่มของปริมาณรถสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ช่วยส่งเสริมคุณภาพชีวิต เศรษฐกิจ และสังคมของจังหวัดตราด รวมถึงช่วยสนับสนุนโครงการพัฒนาระเบียบเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (EEC)
#8740
 
 
ทำไมข้าวออร์แกนิคถึงดี
ทำไม  ข้าวออร์แกนิคแฟร์เทรด    (SURIN Organic Rice)  ถึงดีกว่าข้าวทั่วๆไปที่ใช้สารเคมีอย่างไร ?  ข้าวหอมสุรินทร์ หรือ ข้าวออร์แกนิค (Organic Rice)  คือ ข้าวหอมมะลิปลอดสารพิษทีได้จากการผลิตแบบเกษตรอินทรีย์ ซึ่งเป็นระบบการจัดการด้านการเกษตรแบบองค์รวมที่เกื้อหนุนต่อระบบนิเวศน์ วงจรชีวภาพ และความหลากหลายทางชีวภาพ โดยเน้นการใช้วัสดุธรรมชาติในนา ข้าวกล้องหอมมะลินิลเพื่อสุขภาพ ไม่ใช้วัตถุดิบที่ได้จากการสังเคราะห์  สารเคที สารพิษ ยาฆ่าหญ้า ว่า ปุ๋ยเคมี สารควบคุมการเจริญเติบโตของ ข้าวจังหวัดสุรินทร์ สารควบคุมและกำจัดวัชพืช สารป้องกันกำจัดโรค แมลงและสัตว์ศัตรูข้าว ตลอดจนสารเคมีที่ใช้รมเพื่อป้องกันกำจัดแมลงศัตรูข้าวในโรงเก็บ และไม่ใช้พืช สัตว์ หรือจุลินทรีย์ที่ได้มาจากการดัดแปลงพันธุกรรม หรือพันธุวิศวกรรม  เราเน้นปรับปรุงความอุดมสมบูรณ์ของดินโดยการปลูกพืชหมุนเวียน การใช้ปุ๋ยอินทรีย์ในไร่นาหรือจากแหล่งอื่น ควบคุมโรค แมลงและสัตว์ศัตรูข้าวโดยวิธีผสมผสานที่ไม่ใช้สารเคมี การเลือกใช้พันธุ์ข้าวที่เหมาะสมมีความต้านทานโดยธรรมชาติ รักษาสมดุลของศัตรูธรรมชาติ การจัดการพืช ดิน และน้ำ ให้ถูกต้องเหมาะสมกับความต้องการของต้นข้าว เพื่อทำให้ต้นข้าวเจริญเติบโตได้ดี มีความสมบูรณ์แข็งแรงตามธรรมชาติ การจัดการสภาพแวดล้อมไม่ให้เหมาะสมต่อการระบาดของโรค แมลงและสัตว์ศัตรูข้าว เป็นต้น มีการจัดการกับผลผลิตและผลิตภัณฑ์ด้วยความระมัดระวัง เพื่อรักษาสภาพการเป็นเกษตรอินทรีย์ และคุณภาพที่สำคัญในทุกขั้นตอนการผลิตและการแปรรูปข้าวแฟร์เทรด

 
ข้าว Hor.Boutique ข้าวอินทรีย์สุรินทร์  ข้าวเกษตรอินทรีย์ส่งทั่วไทย
277 หมู่ 14 ถ.พิชิตชัย ต.นอกเมือง อ.เมือง จ.สุรินทร์ 32000
โทร. 092-8245655
Facebook : https://www.facebook.com/Hor.Product
Twitter : https://twitter.com/hor_boutique
IG : https://www.instagram.com/hor.boutique/
Line: @Hor.Boutique

เรามีข้าวอินทรีย์ 7 ประเภทครับ  ข้าวorganicส่งทั่วไทย
1. ขายข้าวหอมมะลิอินทรีย์
2.  ข้าวกล้องหอมมะลิปลอดสารพิษ
3.  ข้าวกล้องปะกาอำปึลออร์แกนิค
4.  ข้าวหอมมะลิผสมหลายสายพันธุ์อินทรีย์ จ.สุรินทร์
5.  ข้าวกล้องหอมมะลิแดงเกษตรอินทรีย์ 
6.  ข้าวกล้องหอมมะลินิลออร์แกนิค
7. ข้าวไรซ์เบอร์รี่เกษตรอินทรีย์


#ข้าวออร์แกนิก #ข้าวออแกนิค #ข้าวออแกนิก  #ข้าวอินทรีย์ #ข้าวสุขภาพ
 

 

 
 
#8745


คณะทำงานจัดการความรู้เพื่อพัฒนาระบบวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (ววน.) ด้านพลังงาน สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการวิจัย (สกสว.) ได้จัดประชุมหารือเรื่อง "ทิศทางการพัฒนาพลังงานสะอาดในอุตสาหกรรมน้ำมันและการกลั่น" โดยมี รศ.ดร.ปัทมาวดี โพชนุกูล ผู้อำนวยการ สกสว. เป็นประธานการประชุม ร่วมหารือกับภาคีภาครัฐ ด้านพลังงาน ผู้แทนสำนักนโยบายและแผนพลังงาน (สนพ.) ตลอดจนตัวแทนจากภาคเอกชน

นายกิตติพงศ์ ลิ่มสุวรรณโรจน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท บีบีจีไอ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยข้อมูลว่า ด้วยปัญหาภาวะโลกร้อนที่นำไปสู่สนธิสัญญาระหว่างประเทศ เพื่อให้เกิด Net Zero Carbon Emission ในปี 2050 ทำให้ทั่วโลกเริ่มเปลี่ยนผ่านการใช้พลังงานปิโตรเลียมมาสู่การใช้เชื้อเพลิงชีวภาพมากขึ้นในอนาคต โดยประเทศไทยได้ตั้งเป้าหมายว่า ในปี 2030 ประเทศไทยจะลดการปลดปล่อยก๊าซเรือนกระจกลง 20%


แม้ว่าความต้องการน้ำมันของโลก (Global oil demand) น้ำมันยังคงเป็นแหล่งพลังงานหลักในปัจจุบัน ซึ่งถูกใช้ในภาคส่วนการขนส่ง เป็นภาคส่วนหลักที่มีความต้องการใช้น้ำมันสูงสุด แม้ปัจจุบันจะมีพลังงานทดแทนอย่างอื่นก็ไม่อาจทำให้ความต้องการน้ำมันของโลก (Global oil demand) ลดน้อยลง เรียกได้ว่าน้ำมันยังคงครองส่วนแบ่งทางการตลาดของพลังงานโลกอยู่ อย่างไรก็ตามหลายประเทศรวมถึงประเทศไทย ได้ให้ความสนใจกับการผลิต "พลังงานเชื้อเพลิงชีวภาพ" มาทดแทนน้ำมัน โดยคาดการณ์ว่าเชื้อเพลิงชีวภาพจะถูกนำมาใช้ในภาคการขนส่ง และอุตสาหกรรมการบินมากขึ้น แต่จะเป็นเชื้อเพลงชีวภาพแบบดั้งเดิมน้อยลง และใช้เทคโนโลยีผลิตพลังงานชีวภาพขั้นสูง (Advanced Biofuel) เช่น เทคโนโลยีผลิตพลังงานจากเศษวัสดุทางเกษตร หรือของเสียจากอุตสาหกรรม รวมถึงการใช้เทคโนโลยีการดักจับ การใช้ประโยชน์ และการกักเก็บคาร์บอน (Carbon Capture, Utilization and Storage: CCUS) ทดแทนมากขึ้นในอนาคต



สำหรับประเทศไทยพบว่ามีกำลังการผลิต (Supply) หลัก คือ ไบโอดีเซล และไบโอเอทานอลซึ่งเมื่อวิเคราะห์แล้วพบว่าประเทศไทยมีกำลังการผลิตเชื้อเพลิงชีวภาพเหล่านี้มากกว่าความต้องการ (Demand) ทำให้ยังคงมีส่วนเกินในภาคการผลิต ซึ่งมองว่านี่คือโอกาสของประเทศที่สามารถรองรับสู่การผลิตสารเคมีชีวภาพมูลค่าสูงได้ ดังในสถานการณ์โควิด-19 ไบโอแอลกอฮอลล์นิยมถูกนำไปใช้ในการเจือจางเป็นเจลแอลกอฮอลล์ หรือผลิตภัณฑ์ทำความสะอาด อีกอันที่เป็นโอกาส คือ การผลิตสุรา แต่มีข้อจำกัดเรื่องกฎระเบียบที่ไม่สามารถผลิตแอลกอฮอลล์เพื่อมาใช้ในอุตสาหกรรมอาหารได้ และมีข้อเสนอให้ควรวางแผนการวิจัยและพัฒนาของประเทศเพื่อการขับเคลื่อนจากโมเดล BCG ที่ต้องมีการเปลี่ยนแปลงขยับตัวให้เร็วขึ้น สิ่งที่ประเทศไทยควรดำเนินการเพื่อทำให้การวิจัยพัฒนาในเรื่องของพลังงานชีวภาพและเคมีชีวภาพเป็นรูปธรรมมากขึ้นอันนำไปสู่การยกระดับความสามารถในการแข่งขันของประเทศด้านเทคโนโลยีและนวัตกรรมได้อย่างแท้จริง คือ



• จัดการรวบรวมองค์ความรู้ที่เป็นเทคโนโลยีขั้นสูง (Advanced Technology) ด้านพลังงานที่เคยศึกษาทั้งในประเทศและต่างประเทศเข้ามาแล้วคัดเลือกเทคโนโลยีที่เหมาะกับชีวมวลของประเทศไทย
• สร้างโครงสร้างพื้นฐานของประเทศให้รองรับการขยายขนาดจากงานวิจัยในห้องปฏิบัติการเพื่อเข้าสู่ภาคอุตสาหกรรม
• เพิ่มทักษะแรงงานและนักวิจัยของประเทศ ในทำการตลาด การคำนวณความคุ้มทุน โดยเร่งสร้างบุคลากรวิจัยทักษะสูงที่มี

ความเชี่ยวชาญจำเพาะเจาะจงในสารเคมีชีวภาพหรือเชื้อเพลิงนั้นๆ และอาจจำเป็นต้องร่วมมือกับพันธมิตรในต่างประเทศ ซึ่งเมื่อเกิดความร่วมมือแล้วเราจะทำอย่างไรให้คนเหล่านี้เข้ามาอยู่ในประเทศ และถ่ายทอดองค์ความรู้ให้เรา ดังนั้นการสร้างระบบนิเวศ (Ecosystem) ในด้านพลังงานชีวภาพขึ้นมาใหม่จึงเป็นสิ่งที่ประเทศควรทำ

โดยการประชุมวันนี้ถือเป็นการหารือ โดยสกสว. จะนำข้อมูลและข้อเสนอแนะสำคัญจากผู้เข้าร่วมไปสู่กระบวนการจัดการความรู้ และพัฒนาแผนวิทยาศาสตร์วิจัยและนวัตกรรมที่เกี่ยวข้องกับด้านพลังงานต่อไป