• Welcome to ลงประกาศฟรี โพสฟรี โปรโมทเว็บไซด์ให้ติดอันดับ SEO ด้วย PBN.
 

poker online

ปูนปั้น

Menu

Show posts

This section allows you to view all posts made by this member. Note that you can only see posts made in areas you currently have access to.

Show posts Menu

Topics - Fern751

#3441



"สตาร์ค คอร์เปอเรชั่น " ยื่นไฟลิ่งเตรียมเสนอขายหุ้นกู้ 2 ชุด อายุ 2 ปี และ 3 ปี อัตราดอกเบี้ยคงที่ 3.30 - 3.90% เสนอขายต่อผู้ลงทุนสถาบัน และ/หรือ ผู้ลงทุนรายใหญ่ คาดเปิดจองซื้อวันที่ 30 ส.ค. - 1 ก.ย. นี้ พร้อมวางแผนขยายธุรกิจทั้งในและต่างประเทศ 

นายประกรณ์ เมฆจำเริญ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท สตาร์ค คอร์เปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ STARK เปิดเผยว่าบริษัทฯ เป็นผู้นำด้านการผลิตสายไฟฟ้าและสายเคเบิ้ลในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ที่มีประสบการณ์และความเชี่ยวชาญในธุรกิจมากกว่า 50 ปี มุ่งเน้นการใช้นวัตกรรมและเทคโนโลยีขั้นสูงในการผลิตสินค้าที่มีคุณภาพและความปลอดภัยในระดับโลก เป็นที่ยอมรับทั้งในระดับภูมิภาคและทั่วโลกกว่า 30 ประเทศ

ทั้งนี้ บริษัทฯ ได้เสริมความแข็งแกร่งในกลุ่มธุรกิจสายไฟฟ้า ด้วยการขยายการลงทุนในไทยและต่างประเทศ โดยในช่วงที่ผ่านมาได้เข้าลงทุนใน Thinh Phat Electric Cable Joint Stock Company ผู้ผลิตสายไฟฟ้ารายใหญ่ในประเทศเวียดนาม ซึ่งถือว่าเป็นบริษัทที่มีการเติบโตสูง ทำให้บริษัทฯ ขึ้นแท่นเป็นผู้นำด้านการผลิตในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และมีเป้าหมายมุ่งสู่ผู้ผลิตสายไฟฟ้าและสายเคเบิ้ลขึ้นสู่ระดับ Top Ten จากอันดับที่ 14 ของโลก

บริษัทฯ ได้รุกขยายธุรกิจอย่างต่อเนื่อง โดยต่อยอดสร้างการเติบโตในต่างประเทศ ล่าสุดบริษัทฯ ชนะการประมูลงานในประเทศเวียดนาม ได้แก่ งานสายส่งกำลังไฟฟ้า (Transmission line) ของการไฟฟ้าเวียดนาม (EVN) และงานโรงไฟฟ้าในเวียดนามตอนเหนือ เช่น กว๋างนิน เวียดนามตอนกลาง เช่น ดานัง และเวียดนามตอนใต้ เช่น โฮจิมินห์, เกิ่นเทอ เป็นต้น มูลค่ารวมประมาณ 50 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หรือประมาณ 1,500 ล้านบาท นอกจากนี้ยังได้รับคำสั่งซื้อสายไฟฟ้าและสายเคเบิ้ลจากกลุ่มประเทศในแถบภูมิภาคเอเชียใต้ ได้แก่ โครงการพัฒนารถไฟฟ้าใต้ดินในเมืองมุมไบ ประเทศอินเดีย โครงการจากรัฐบาลบังกลาเทศ และโครงการจากรัฐบาลศรีลังกา มูลค่ารวมประมาณ 100 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หรือประมาณ 3,000 ล้านบาท

นอกจากนี้ บริษัทฯ อยู่ระหว่างรอผลประมูลงานในประเทศเวียดนาม จากภาครัฐ (B2G) และผู้ประกอบการ (B2B) โดยส่วนใหญ่เป็นงานสายส่งกำลังไฟฟ้าจากเมืองฮานอย ดานัง บิ่ญเฟื้อก โรงไฟฟ้าในดาลักและโฮจิมินห์ รวมมูลค่ากว่า 150 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หรือประมาณ 4,500 ล้านบาท คาดว่าจะทราบผลการประมูลบางส่วนภายในปีนี้ จากปัจจุบัน บริษัทฯ มีมูลค่างานในมือ (Backlog) ไม่ต่ำกว่า 10,000 ล้านบาท ซึ่งจะทยอยรับรู้รายได้อย่างต่อเนื่อง พร้อมเดินหน้าประมูลงานโครงการใหม่เพื่อเพิ่ม Backlog อย่างต่อเนื่อง แม้ว่าภาพรวมเศรษฐกิจปัจจุบันอยู่ในภาวะชะลอตัวจากผลกระทบการแพร่ระบาดโควิด-19 อย่างไรก็ตาม มองว่าอุตสาหกรรมสายไฟฟ้าและสายเคเบิ้ลเป็นส่วนหนึ่งของโครงสร้างพื้นฐานที่มีแนวโน้มเติบโตอย่างต่อเนื่องจากความต้องการใช้งานทั่วโลกที่เพิ่มขึ้น

สำหรับการดำเนินธุรกิจในปี 2564 บริษัทฯ วางเป้าหมายรายได้เติบโต 15 - 20% จากปี 2563 ที่มีรายได้ทำสถิติสูงสุดใหม่ 16,917 ล้านบาท โดยวางกลยุทธ์มุ่งเน้นขายสินค้าในกลุ่มที่มีอัตรากำไรสูง (High Margin) โดยเฉพาะกลุ่มผลิตภัณฑ์สายไฟแรงดันระดับกลางถึงระดับสูงพิเศษเพื่อรองรับงานโครงการของภาครัฐและเอกชน รวมถึงใช้ประโยชน์จากโรงงานในเวียดนามที่มีต้นทุนการผลิตต่ำเพื่อเพิ่มความสามารถทำกำไร พร้อมกันนี้ได้วางเป้าหมายขยายตลาดส่งออกเป็น 50 ประเทศภายในปี 2564 จากปีที่ผ่านมาส่งออก 40 ประเทศ เพื่อเพิ่มสัดส่วนรายได้ส่งออกเป็น 10-12% จากปีก่อนอยู่ที่ 8%

ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร STARK กล่าวเพิ่มเติมว่า ล่าสุดบริษัทฯ ได้ยื่นแบบแสดงรายการข้อมูลการเสนอขายตราสารหนี้และร่างหนังสือชี้ชวน ต่อสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (สำนักงาน ก.ล.ต.) เพื่อขอเสนอขายหุ้นกู้ชนิดระบุชื่อผู้ถือ ประเภทไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีประกัน และมีผู้แทนผู้ถือหุ้นกู้ ครั้งที่ 1/2564 จำนวน 2 ชุด แบ่งเป็น หุ้นกู้ชุดที่ 1 อายุหุ้นกู้ 2 ปี อัตราดอกเบี้ยคงที่ [3.30 - 3.50]% ครบกำหนดไถ่ถอนปี 2566 และหุ้นกู้ชุดที่ 2 อายุหุ้นกู้ 3 ปี อัตราดอกเบี้ยคงที่ [3.70 - 3.90]% ครบกำหนดไถ่ถอนปี 2567 กำหนดชำระดอกเบี้ยทุก 3 เดือน โดยอัตราดอกเบี้ยที่แน่นอนจะมีการประกาศอีกครั้ง

บมจ. สตาร์ค คอร์เปอเรชั่น ได้รับการจัดอันดับความน่าเชื่อถือโดยบริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ที่ "BBB+" แนวโน้มอันดับเครดิต "คงที่" เมื่อวันที่ 26 มีนาคม 2564 โดยอันดับเครดิตดังกล่าวสะท้อนถึงความแข็งแกร่งในการดำเนินงานของบริษัทฯ ในฐานะผู้ผลิตสายไฟฟ้าและสายเคเบิ้ลชั้นนำในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ทั้งนี้หุ้นกู้ของบริษัทฯ คาดว่าจะเปิดให้ผู้ลงทุนจองซื้อในวันที่ 30 สิงหาคม - 1 กันยายนนี้ โดยจะเสนอขายผู้ลงทุนสถาบัน และ/หรือ ผู้ลงทุนรายใหญ่ ผ่านสถาบันการเงินชั้นนำ 5 ราย ได้แก่

ธนาคารยูโอบี จำกัด (มหาชน) - เสนอขายเฉพาะต่อผู้ลงทุนสถาบันเท่านั้น

ธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) โทร. 02-888-8888 กด 819 โดยบุคคลธรรมดาจองซื้อทางออนไลน์ผ่านhttps://www.kasikornbank.com/kmyinvest (ยกเว้นบุคคลสัญชาติต่างด้าว และนิติบุคคล สามารถจองซื้อผ่านสำนักงานใหญ่และสาขา)

ธนาคารทหารไทยธนชาต จำกัด (มหาชน) 1428 กด#4

บริษัทหลักทรัพย์ เมย์แบงก์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย) โทร. 02-658-5050

บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน เอเชีย เวลท์ จำกัด โทร. 02-207-2113

"การเสนอขายหุ้นกู้ครั้งนี้จะช่วยเสริมสร้างความแข็งแกร่งด้านโครงสร้างทางการเงิน รองรับแผนขยายธุรกิจและสร้างการเติบโตอย่างยั่งยืนในอนาคต โดยเชื่อว่าจะเป็นอีกหนึ่งทางเลือกให้กับผู้ที่ต้องการลงทุนในตราสารเพื่อรับผลตอบแทนการลงทุนในระดับที่น่าพอใจและมีความสม่ำเสมอท่ามกลางเศรษฐกิจ
#3442



เชลซี ยักษ์ใหญ่แห่งกรุงลอนดอน ภายใต้การคุมทีมของ โธมัส ทูเคิล เฮดโค้ชชาวเยอรมัน ลงเล่นเกมอุ่นเครื่องปรีซีซั่นนัดแรกด้วยการยกพลไปเยือน บอร์นมัธ ทีมในลีกแชมเปียนชิพ อังกฤษ

"สิงห์บลูส์" ยังไม่มีบรรดานักเตะที่ไปช่วยทีมชาติผ่านเข้าสู่รอบลึกๆ ในยูโร 2020 เช่น เมสัน เมาท์, รีซ เจมส์, เบน ชิลเวลล์, เอ็นโกโล ก็องเต้, อันเดรส คริสเตนเซน และจอร์จินโญ่ เช่นเดียวกับ ติอาโก ซิลวา ที่ไปเล่นให้กับ บราซิล ในโคปา อเมริกา

เกมนี้พวกเขาส่งนักเตะชุดผสมลงเป็น 11 คนแรก โดยมีตัวหลัก อย่าง แทมมี อับราฮัม, เกปา อาร์ริซาบาลากา, คัลลัม ฮัดสัน-โอดอย, ฮาคิม ซิเยค, คริสเตียน พูลิซิช รวมไปถึง แดนนี ดริงก์วอเตอร์ มิดฟิลด์อังกฤษที่กลับคืนสู่ทีมอีกหลัง หลังย้ายไปเล่นให้กับ คาซิมปาซ่า ในลีกตุรกีด้วยสัญญายืมตัว

ปรากฎว่าเกมในครึ่งเวลาแรกถึงแม้ เชลซี จะเป็นฝ่ายที่โหมบุกใส่ บอร์นมัธ อย่างต่อเนื่อง แต่จังหวะจบสกอร์ยังทำได้ไม่ดีพอ และหมด 45 นาที ไปด้วยสกอร์ 0-0

ครึ่งหลัง "สิงห์บลูส์" เปลี่ยนเอาผู้เล่นอย่าง รอสส์ บาร์คลีย์, รูเบน ลอฟตัส-ชีค, เอดูอาร์ เมนดี รวมถึงดาวรุ่งอีกหลายคนลงสนาม และในนาทีที่ 66 ก็กลายเป็น บอร์นมัธ ที่ออกนำก่อน 1-0 จากลูกโหม่งของ เอมิเลียโน มาร์คอนเดส

แต่ เชลซี ไม่ยอมแพ้ง่ายๆ มาทำ 2 ประตูรวด แซงนำ 2-1 จากการยิงของดาวรุ่ง อย่าง อาร์มานโด โบรยา ในนาทีที่ 72 และอีกหนึ่งดาวรุ่ง อย่าง อิเค อั๊กโบ ในนาทีที่ 76 และจบ 90 นาทีไปด้วยสกอร์นี้
#3443




อาเซียนนัดประชุมต้น ส.ค.นี้ ติดตามแผนฟื้นฟูเศรษฐกิจจากโควิด-19 พร้อมเดินหน้าเพิ่มบัญชีสินค้าจำเป็นที่ห้ามจำกัดส่งออก นอกเหนือจากยา และเวชภัณฑ์ ลุยเศรษฐกิจหมุนเวียน สร้างสภาพแวดล้อมด้านดิจิทัล และนัดคู่เจรจา 13 ประเทศ หารือเพิ่มความร่วมมือทางเศรษฐกิจ ติดตามผลอัปเกรดเอฟทีเอ การทำเอฟทีเอกับแคนาดา

นางอรมน ทรัพย์ทวีธรรม อธิบดีกรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ เปิดเผยว่า อาเซียนได้กำหนดจัดประชุมเจ้าหน้าที่อาวุโสด้านเศรษฐกิจอาเซียน หรือ SEOM ครั้งที่ 3/52 ในวันที่ 2-4 ส.ค. 2564 และการประชุมกับประเทศนอกภูมิภาค 13 ประเทศ ได้แก่ จีน ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ ฮ่องกง สหรัฐฯ แคนาดา อินเดีย ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ รัสเซีย สหภาพยุโรป สหราชอาณาจักร และสวิตเซอร์แลนด์ ในวันที่ 5, 11 และ 16 ส.ค. 2564 ผ่านระบบประชุมทางไกล เพื่อเตรียมการสำหรับการประชุมรัฐมนตรีเศรษฐกิจอาเซียน หรือ AEM ครั้งที่ 53 ในเดือน ก.ย. 2564

ทั้งนี้ การประชุม SEOM จะมีการติดตามการดำเนินงานสำคัญของอาเซียน โดยเฉพาะการเร่งฟื้นเศรษฐกิจภูมิภาคจากการระบาดของโควิด-19 การอำนวยความสะดวกทางการค้าเพื่อรักษาและส่งเสริมความเชื่อมโยงของห่วงโซ่อุปทาน โดยพิจารณาขยายบัญชีสินค้าจำเป็นที่อาเซียนจะไม่จำกัดการส่งออกในช่วงโควิดเพิ่มเติมจากยา และเวชภัณฑ์ เช่น อาหาร รวมถึงการเพิ่มบทบาทอาเซียนเชิงรุกในการพัฒนาภูมิภาคให้ตอบรับกับแนวโน้มของโลก ไม่ว่าจะเป็นการเตรียมความพร้อมด้านเศรษฐกิจหมุนเวียน (Circular Economy) การพัฒนาสภาพแวดล้อมเศรษฐกิจดิจิทัลในภูมิภาค เพื่อมุ่งไปสู่การพัฒนาเศรษฐกิจในระยะยาว เป็นต้น

นอกจากนี้ ที่ประชุมจะติดตามเร่งรัดการดำเนินงานตามแผนงานด้านเศรษฐกิจที่บรูไนฯ ในฐานะประธานอาเซียนผลักดันให้อาเซียนดำเนินการให้สำเร็จในปี 2564 ภายใต้แนวคิด "We care, we prepare, we prosper" ภายใต้ยุทธศาสตร์ 3 ด้าน ได้แก่ ด้านการฟื้นฟู ด้านการเป็นดิจิทัล และด้านความยั่งยืน รวม 13 ประเด็น เช่น การจัดทำเครื่องมือในการประเมินมาตรการที่มิใช่ภาษี (NTMs) ของประเทศสมาชิกอาเซียน การจัดทำแผนฟื้นฟูการท่องเที่ยวหลังการระบาดใหญ่ของโควิด-19 และการจัดทำกรอบเศรษฐกิจหมุนเวียนสำหรับประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน เป็นต้น

สำหรับการประชุมอาเซียนกับประเทศนอกภูมิภาค 13 ประเทศ จะเน้นการหารือเพื่อเพิ่มความร่วมมือทางเศรษฐกิจระหว่างกัน และมีประเด็นที่ต้องติดตาม เช่น การทบทวนความตกลงการค้าสินค้าภายใต้กรอบความตกลงการค้าเสรีอาเซียน-อินเดีย การเปิดเสรีสินค้าเพิ่มเติมภายใต้พิธีสารยกระดับความตกลงการค้าเสรีอาเซียน-จีน และการเตรียมการเสนอรัฐมนตรีเศรษฐกิจพิจารณาความเป็นไปได้การเจรจาจัดทำความตกลงการค้าเสรีอาเซียน-แคนาดา เป็นต้น

ทางด้านการค้าระหว่างไทยกับอาเซียนในปี 2563 มีมูลค่า 94,623.83 ล้านเหรียญสหรัฐ เป็นการส่งออกจากไทยไปอาเซียน 55,454.28 ล้านเหรียญสหรัฐ และนำเข้าจากอาเซียน 39,169.54 ล้านเหรียญสหรัฐ เกินดุลการค้า 16,284.74 ล้านเหรียญสหรัฐ และในช่วง 5 เดือนปี 2564 (ม.ค.-พ.ค.) การค้าระหว่างไทยกับอาเซียน มีมูลค่า 45,267.41 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้น 10.44% โดยไทยส่งออกไปอาเซียน 26,224.69 ล้านเหรียญสหรัฐ และนำเข้าจากอาเซียน 19,042.71 ล้านเหรียญสหรัฐ ตลาดส่งออกและแหล่งนำเข้าสำคัญของไทยในอาเซียน ได้แก่ มาเลเซีย เวียดนาม อินโดนีเซีย สิงคโปร์ และฟิลิปปินส์
#3444



บริษัท เอสซีจี แพคเกจจิ้ง จำกัด (มหาชน) หรือ SCGP รายงานผลดำเนินงานไตรมาส 2/64 มีกำไรสุทธิ 2,263.26 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 19% จากช่วงเดียวกันปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 1,904.21 ล้านบาท โดยบริษัทยังคงสามารถบริหารจัดการการดำเนินงานได้ดีท่ามกลางความท้าทายของโรคระบาดใน ASEAN และทั่วโลก

โดยบริษัทมีรายได้จากการขายเท่ากับ 29,895 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 38% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน จากการขยายธุรกิจทั้งแบบ M&P (SOVI และ Go-Pak) และการเติบโตจากภายในอย่างต่อเนื่อง มี EBITDA เท่ากับ 5,564 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 9% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยมี EBITDA margin ที่ 19%

ส่วน 6 เดือนแรกปี 64 มีกำไรสุทธิ 4,398 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 21% จากช่วงเดียวกันปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 3,636.34 ล้านบาท และมีอัตรากำไรสุทธิที่ 8%

ขณะที่ ประชุมคณะกรรมการบริษัทอนุมัติการจ่ายเงินปันผลระหว่างกาลจากผลการดำเนินงานครึ่งปีแรกของปี 64 ในอัตรา 0.25 บาทต่อหุ้น กำหนดจ่ายเงินปันผลระหว่างกาลในวันที่ 25 ส.ค.64 กำหนดวันที่ไม่ได้สิทธิรับเงินปันผล (XD) ในวันที่ 9 ส.ค.64
#3445



ลิเวอร์พูล เผยว่า เวอร์กิล ฟาน ไดจ์ค กองหลังคนสำคัญว่าจะกลับมาลงสนามได้อีกครั้งในเกมอุ่นเครื่องกับ แฮร์ธ่า เบอร์ลิน วันพฤหัสบดีที่จะถึงนี้

แนวรับชาวดัตช์ ได้รับบาดเจ็บหัวเข่าอย่างหนักตั้งแต่ช่วงต้นฤดูกาลที่แล้ว ทำให้เขาต้องพักยาวตลอดทั้งฤดูกาล แม้กลับมาซ้อมได้พักใหญ่แต่ก็ยังไม่ได้ลงเล่นเกมอุ่นเครื่องสามเกมที่ผ่านมา

อย่างไรก็ตามล่าสุด ลิเวอร์พูล ยืนยันผ่านเว็บไซต์สโมสร ระบุว่า ฟาน ไดจ์ค มีสภาพร่างกายที่ดีพอจะกลับคืนสนามในเกมอุ่นเครื่องพบ แฮร์ธ่า เบอร์ลิน วันพฤหัสบดีนี้ ขณะที่ โจ โกเมซ กองหลังอีกคนที่พักยาวตั้งแต่เดือนพฤศจิกายนปีที่แล้ว ก็ใกล้ที่จะกลับคืนสนามได้แล้วเช่นกัน

ลิเวอร์พูล ลงอุ่นเครื่องมาแล้ว 3 นัด เสมอ วัคเกอร์ อินน์สบรู๊ค และสตุ๊ตการ์ท 1-1 ซึ่งเป็นรูปแบบมินิเกม 30 นาที เมื่อวันที่ 20 กรกฏาคม ต่อด้วยเกมปกติ 90 นาที เอาชนะ ไมนซ์ 1-0 เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา และจะเล่นเกมต่อไปเจอกับ แฮร์ธ่า ที่ติโวลี่ สตาดิโอน ติโรล วันที่ 29 กรกฏาคมนี้
#3446

  

เมื่อวันที่ 25 กรกฎาคม 2564 ที่ผ่านมา การแข่งขันฟุตซอล CONTINENTAL FUTSAL CHAMPIONSHIP THAILAND 2021 กลุ่มเอ นัดแรกที่ ศูนย์การค้า Show DC Hall 1 ทีมชาติไทย เจ้าภาพ พบกับ โมซัมบิก จาก ประเทศแอฟริกา

เกมนี้ รักษ์พล สายเนตรงาม ส่ง 5 คนแรก เป็น คณิสร ภู่พันธ์, จิรวัฒน์ สอนวิเชียร, กฤษดา วงศ์แก้ว, ณัฐวุฒิ หมัดยะลาน, มูฮัมหมัด อุสมานมูซา

เริ่มเกมมา นาทีที่ 6 ไทยเกือบได้ประตูขึ้นนำจากจังหวะที่ ยิงของ อภิวัฒน์ แจ่มเจริญ ได้พามากดด้วยขวา แต่บอลไปชนเสากระเด้งออกมา นาทีที่ 7 ไทยมีโอกาสลุ้นอีกครั้งจากจังหวะยิงด้วยขวาของ พรมงคล ศรีทรัพย์แสง แต่ก็ยังโดนปัดออกไปแบบหวุดหวิด

และนาทีที่ 9 ไทยมาได้ประตูออกนำจนได้จากจังหวะที่ มูฮัมหมัด อุสมานมูซา ได้ลองจิ้มด้วยซ้ายเข้าประตูไปให้ ไทยนำโมซัมบิกก่อน 1-0



เท่านั้นไม่พอนาทีเดียวกัน มูฮัมหมัด อุสมานมูซา เก็บบอลได้ตรงมุมธง ก่อนจ่ายกลับไปให้ จิรวัฒน์ สอนวิเชียร ยิงเข้าไปให้ ไทยหนีห่างเป็น 2-0

นาทีที่ 10 จากลูกเตะมุม ไทยเกือบได้อีกลูกจากจังหวะที่ จิรวัฒน์ สอนวิเชียร ได้ยิงแต่บอลพุ่งไปชนเสา และนาทีที่ 11 ไทยมาได้ประตูนำห่างจากจังหวะที่ ณัฐวุฒิ หมัดยะลาน จ่ายให้ มูฮัมหมัด อุสมานมูซา ยิงประตูที่สองของตัวเองในเกมนี้ ไทยนำห่างเป็น 3-0

ไทยยังเดินหน้าบุกอย่างหนักนาทีที่ 17 จากลูกคิกอิน อภิวัฒน์ แจ่มเจริญ ไหลบอลให้ นาวิน รัตนวงศ์สวัสดิ์ ยิงเข้าไปให้ สกอร์ห่างเป็น 4-0



นาทีที่ 18 ไทยมาได้เพิ่มอีกประตูจากจังหวะที่ อภิวัฒน์ แจ่มเจริญ ล็อกบอลหลบนักเตะโมซัมบิก ก่อนยิงเข้าไปให้สกอร์ขยับเป็น 5-0

นาทีที่ 19 โมซัมบิกมาได้ประตูตีไข่แตก จากฟรีคิก ของโฆเซ่ ดา ซิลวา ที่ยิงด้วยซ้ายเสียบเสาเข้าไปให้ สกอร์ขยับมาเป็น 1-5

นาทีที่ 20 พีระพัฒน์ แก้ววิลัย ทำชิ่งกับ วรุฒ หวังสะมะแอล ก่อนยิงโล่งๆ เข้าไปให้สกอร์ห่างเป็น 6-1 และจบครึ่งแรกด้วยสกอร์นี้

ครึ่งหลังเริ่มมาไม่ถึงนาที ศุภวุฒิ เถื่อนกลางได้แปบอลโล่งๆ หน้าโกล แต่กลับหลุดเสาออกไป

และนาทีที่ 22 โมซัมบิก ก็มาไล่เป็น 6-2 วาสโก มาเทอุส จ่ายให้ เนลสัน เจา หลุยส์ ยิงเข้าไป



นาทีที่ 28 โมซัมบิกไล่มาเป็น 3-6 จากจังหวะที่ เมาโร อัลแบร์โต้ ทำชิ่งกับ เนลสัน เจา หลุยส์ ก่อนยิงเข้าไป

หลังจากนั้น โมซัมบิกพยายามบุกอย่างหนักและนาทีที่ 35 คณิสร ภู่พันธ์ มาโดนไล่ออกจากการใช้มือนอกกรอบเขตโทษ

นาทีที่ 36 โมซัมบิก มาไล่เป็น 4-6 จากจังหวะยิงไกลด้วยซ้ายของ โฆเซ่ ดา ซิลวา ที่พุ่งเสียบเสาเข้าไปให้



ช่วงเวลาที่เหลือไม่มีประตูเพิ่มเติม จบเกม ฟุตซอลไทยเอาชนะ โมซัมบิกไป 6-4 เอาชนะนัดแรกของศึก CONTINENTAL FUTSAL CHAMPIONSHIP THAILAND 2021 ได้สำเร็จ

ส่วนผลคู่อื่นๆ

อียิปต์ ชนะ ทาจิกิสถาน 1-0
อิหร่าน ชนะ ลิทัวเนีย 5-0
อุซเบกิสถาน ชนะ โคโซโว 6-3

สำหรับโปรแกรมนัดต่อไปของฟุตซอลชายทีมชาติไทย จะพบกับ โคโซโว ที่ ศูนย์การค้า Show DC Hall 1 ในวันที่ 26 กรกฎาคม 2564 เวลา 17.15 น. ถ่ายทอดสดทาง เพจ Futsal Thailand - ฟุตซอลไทยแลนด์, Thairath Sport - ไทยรัฐสปอร์ต และ Youtube : Thairath
#3447

 
น.ส.จารุลักษณ์ เรืองสุวรรณ เลขาธิการคณะกรรมการกองทุนการออมแห่งชาติ หรือ กอช. เปิดเผยว่า กอช. เชิญชวนผู้ประกันตนตามมาตรา 40 ทางเลือก 1 วางแผนเงินออมหลังอายุ 60 ปี ควบคู่กับ กอช. เพียงออมเงินขั้นต่ำ 50 บาท สูงสุด 13,200 บาทต่อปี ได้รับเงินสมทบเพิ่มตามช่วงอายุสมาชิก สูงสุด 100% ไม่เกิน 1,200 บาทต่อปี นอกจากนี้ยังมีผลตอบแทนเพิ่มเติมจากการลงทุน ซึ่งได้รับความค้ำประกันผลตอบแทน ไม่น้อยกว่าดอกเบี้ยเงินฝากประจำธนาคาร 12 เดือน เฉลี่ย 7 ธนาคาร สมาชิกสามารถออมเงินได้เมื่อมีเงิน ไม่ต้องออมเงินเท่ากันทุกเดือน สิทธิในการเป็นสมาชิก กอช.ยังอยู่ เพื่อที่จะได้มีเงินออมไว้หลังอายุ 60 ปี

ทั้งนี้สมาชิกจะได้สวัสดิการจาก 2 หน่วยงานรวมกัน ในระหว่างการทำงาน ท่านจะได้เงินทดแทนรายได้กรณีประสบอุบัติเหตุหรือเจ็บป่วย เงินทดแทนการขาดรายได้กรณีทุพพลภาพ ค่าทำศพจากสำนักงานประกันสังคม และเมื่ออายุหลังอายุ 60 ปี จะได้บำนาญรายเดือนจาก กอช. นอกจากนี้ยังได้เบี้ยยังชีพผู้สูงอายุตามเกณฑ์อีกด้วย

โดยผู้ที่สนใจสามารถสมัครสมาชิกได้ที่ แอปพลิเคชัน "กอช." หรือ หน่วยรับสมัครสมาชิกใกล้บ้านท่าน อาทิ ที่ว่าการอำเภอทั่วประเทศ สำนักงานคลังจังหวัด สถาบันการเงินชุมชน ตัวแทน กอช. ประจำหมู่บ้าน ธนาคารออมสิน ธ.ก.ส. ธอส. และธนาคารกรุงไทย ทุกสาขา รวมทั้งเคาน์เตอร์เซอร์วิส เทสโก้โลตัส บิ๊กซี ตู้บุญเติม และเครือข่ายรับสมัครทั่วประเทศ สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ สายด่วนเงินออม โทร. 02-049-9000
#3448


ธอส.เผยผลการดำเนินงานในช่วง 6 เดือนแรกของปี 2564 ปล่อยสินเชื่อใหม่ได้ 106,231 ล้านบาท 69,705 บัญชี เพิ่มขึ้น 5.20% จากช่วงเดียวกันของปี 2563 สินเชื่อคงค้างรวม 1,375,663 ล้านบาท สินทรัพย์รวม 1,441,928 ล้านบาท มีหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPL) 4.31% ของยอดสินเชื่อรวม ตั้งสำรองเผื่อหนี้สงสัยจะสูญเพื่อความมั่นคงและเตรียมพร้อมรับผลกระทบจากโควิด-19 จำนวน 104,390 ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วนต่อ NPL สูงถึง 176.13% พร้อมเร่งให้ความช่วยเหลือลูกค้าที่ได้รับผลกระทบด้านรายได้จากโควิด-19 ล่าสุด มีลูกค้าได้รับความช่วยเหลือผ่านทั้ง 18 มาตรการของ ธอส. ตั้งแต่ปี 63 ถึงปัจจุบันเป็นจำนวนรวมสูงสุดมากกว่า 925,000 บัญชี เงินต้นคงเหลือ 796,500 ล้านบาท

นายฉัตรชัย ศิริไล กรรมการผู้จัดการ ธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) เปิดเผยถึงผลการดำเนินงาน ณ ไตรมาสที่ 2 ของปี 2564 ว่า แม้ประเทศไทยจะยังคงอยู่ในสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) ที่ส่งผลต่อภาพรวมเศรษฐกิจ และรายได้ของประชาชน แต่ ธอส. ยังคงสามารถทำหน้าที่ตามพันธกิจ "ทำให้คนไทยมีบ้าน" เพื่อสนับสนุนให้ประชาชนได้มีที่อยู่อาศัยเป็นของตนเองได้อย่างต่อเนื่อง

ณ วันที่ 30 มิถุนายน 2564 ธนาคารปล่อยสินเชื่อใหม่ได้ 106,231 ล้านบาท 69,705 บัญชี เพิ่มขึ้น 5.20% จากช่วงเดียวกันของปี 2563 คิดเป็นเกือบ 50% ของเป้าหมายปล่อยสินเชื่อใหม่ปี 2564 ที่ 215,641 ล้านบาท สินเชื่อ 6 เดือนแรกที่ปล่อยไปเป็นสินเชื่อที่มีวงเงินกู้ไม่เกิน 2 ล้านบาท สำหรับกลุ่มผู้มีรายได้น้อยและปานกลาง จำนวน 50,183 บัญชี ธนาคารมียอดสินเชื่อคงค้างรวมทั้งสิ้น 1,375,663 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 3.17% สินทรัพย์รวม 1,441,928 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 2.46% เงินฝากรวม 1,205,886 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 3.81% หนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPL) จำนวน 59,268 ล้านบาท คิดเป็น 4.31% ของยอดสินเชื่อรวม เพิ่มขึ้นเล็กน้อยจากสิ้นปี 2563 ที่มี NPL อยู่ที่ 3.75% ของสินเชื่อรวม โดยมีการตั้งสำรองเผื่อหนี้สงสัยจะสูญที่ 104,390 ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วนต่อ NPL สูงถึง 176.13% เพื่อความมั่นคงและเตรียมพร้อมรองรับผลกระทบจากโควิด-19 ในอนาคต

โดยธนาคารยังคงมีกำไรสุทธิตามเป้าหมายตัวชี้วัดของธนาคารที่ 5,993 ล้านบาท และมีอัตราส่วนเงินกองทุนต่อสินทรัพย์เสี่ยง (BIS Ratio) ในระดับแข็งแกร่งที่ 15.63% สูงกว่าอัตราเงินกองทุนขั้นต่ำที่ธนาคารแห่งประเทศไทยกำหนด

ทั้งนี้ ปัจจัยหลักที่ธนาคารยังคงปล่อยสินเชื่อใหม่ได้อย่างต่อเนื่อง คือ มาตรการต่างๆ ของรัฐบาล ผลิตภัณฑ์สินเชื่ออัตราดอกเบี้ยต่ำของธนาคาร และการจัดโปรโมชันของผู้ประกอบการ ช่วยให้ประชาชนกลุ่มที่ไม่ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 มีบ้านเป็นของตนเองและครอบครัวได้ง่ายขึ้น โดยผลิตภัณฑ์สินเชื่อของ ธอส. ที่มีลูกค้าเลือกใช้บริการสูงสุด 3 ลำดับแรก คือ



1.โครงการบ้าน ธอส. เพื่อคุณ อัตราดอกเบี้ยปีแรกเพียง 2.75% ต่อปี มียอดอนุมัติสะสมสูงถึง 23,620 ล้านบาท รองลงมา คือ สินเชื่อบ้านลูกค้าสวัสดิการ ธอส. ปัจจุบันอัตราดอกเบี้ยปีแรก 2.60% ต่อปี มียอดอนุมัติสะสม 11,998 ล้านบาท และ 3.โครงการบ้าน ธอส. เพื่อสานรัก อัตราดอกเบี้ยปีแรก 2.50% ต่อปี มียอดอนุมัติสะสม 11,215 ล้านบาท

ขณะเดียวกัน ธอส. ยังคงให้ความช่วยเหลือลูกค้าประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 ผ่านโครงการ ธอส. รวมไทย สร้างชาติ ผ่าน 2 มาตรการเร่งด่วนล่าสุดที่บรรเทาความเดือดร้อนให้ผู้ได้รับผลกระทบโดยตรง คือ ลูกค้าทั้งที่เป็นนายจ้างและลูกจ้างในสถานประกอบการทั้งในและนอกพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด ที่ต้องปิดกิจการจากมาตรการของทางการ มาตรการที่ 15 สำหรับลูกค้าที่มีสถานะบัญชีปกติ และมาตรการ 16 สำหรับลูกค้าที่มีสถานะ NPL หรืออยู่ระหว่างปรับโครงสร้างหนี้ จะได้รับความช่วยเหลือโดยการพักชำระเงินต้นและพักชำระดอกเบี้ยเป็นระยะเวลา 3 เดือน ระหว่างวันที่ 1 สิงหาคม-31 ตุลาคม 2564 เปิดให้ลงทะเบียนแจ้งความประสงค์เข้ามาตรการเมื่อวันที่ 19 กรกฎาคม 2564



ล่าสุด ณ วันที่ 22 กรกฎาคม 2564 เวลา 16.00 น. มีลูกค้าลงทะเบียนแจ้งความประสงค์เข้ามาตรการที่ 15 จำนวนเงินต้นคงเหลือ 48,880 ล้านบาท และมาตรการที่ 16 จำนวน 2,485 ล้านบาท ทำให้นับตั้งแต่ปี 2563 จนถึงปัจจุบัน ธอส. สามารถช่วยเหลือลูกค้าผ่าน 18 มาตรการ รวมเป็นจำนวนสูงสุดมากกว่า 925,000 บัญชี เงินต้นคงเหลือ 796,500 ล้านบาท โดยมาตรการที่ 15 และ 16 ลูกค้าสามารถลงทะเบียนแจ้งความประสงค์เข้ามาตรการผ่าน Mobile Application : GHB ALL ได้ในวันจันทร์-ศุกร์ ระหว่างเวลา 08.30-15.00 น. (เว้นวันหยุดราชการและวันหยุดนักขัตฤกษ์) ตั้งแต่วันที่ 23 กรกฎาคม 2564 เป็นต้นไป จนถึงวันที่ 29 สิงหาคม 2564

ส่วนลูกค้าที่ต้องการลงทะเบียนแจ้งความประสงค์เพื่อขอขยายระยะเวลาความช่วยเหลือตามมาตรการที่ 9, 10, 11 และ 11 New Entry : แบ่งจ่ายเงินงวดผ่อนชำระ (ตัดต้น ตัดดอก) มาตรการที่ 13 : พักชำระเงินต้น และจ่ายเฉพาะดอกเบี้ยรายเดือน และมาตรการที่ 14 : พักชำระเงินต้น และจ่ายเฉพาะดอกเบี้ยรายเดือน พร้อมลดดอกเบี้ย ไปจนถึงวันที่ 31 ธันวาคม 2564 ลูกค้าสามารถลงทะเบียนแจ้งความประสงค์เข้ามาตรการผ่าน Mobile Application : GHB ALL ได้ในวันจันทร์-ศุกร์ เวลา 08.30-15.00 น. (เว้นวันหยุดราชการและวันหยุดนักขัตฤกษ์) เช่นกัน ตั้งแต่วันที่ 23 กรกฎาคม จนถึงวันที่ 29 กรกฎาคม 2564

นอกจากความช่วยเหลือในมาตรการด้านการเงิน ธอส. ยังคงให้ความช่วยเหลือสังคมไทยสู้ภัยโควิด-19 อย่างต่อเนื่อง ด้วยงบประมาณสนับสนุนรวมกว่า 5,000,000 บาท ให้หลายหน่วยงานทั้งสถานพยาบาล สถานศึกษา และสถานที่ให้บริการฉีดวัคซีน เป็นต้น เพื่อนำไปดำเนินการในด้านต่างๆ ที่จำเป็น เช่น การจัดสร้างหอผู้ป่วยไอซียูความดันลบแบบห้องแยกที่ใช้ในการรักษาผู้ป่วยวิกฤตที่มีอาการรุนแรง การจัดซื้อเครื่องฮีโมเปอร์ฟิวชันใช้ในการรักษาผู้ป่วยที่ติดเชื้อโควิด-19 การจัดสร้างไอซียูสนาม การจัดหาเก้าอี้นั่งจุดพักคอย น้ำดื่มธนาคารกว่า 100,000 ขวด รวมถึงหน้ากากอนามัยพร้อมสายคล้อง ถุงยังชีพ และอาหารกล่อง สอดคล้องกับนโยบายการแสดงความรับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อม หรือ CSR ของธนาคาร ด้วยความห่วงใยและตระหนักถึงปัญหาความเดือดร้อนของประชาชน อีกทั้งเป็นการสร้างจิตสำนึกในการเป็นจิตอาสาเพื่อช่วยเหลือสังคมให้ดียิ่งขึ้นต่อไป
#3449


๐ แผนพัฒนาเศรษฐกิจฯ ฉบับที่ 14 ของจีน ตั้งเป้าหมายจะเป็นประเทศปลอดคาร์บอนให้ได้ในอีก 4 ทศวรรษข้างหน้า อย่างไรก็ตาม กิจกรรมทางเศรษฐกิจจีนที่ฟื้นตัวหลังผ่านวิกฤตโควิด-19 กลับทำให้การปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ของจีนเร่งตัวสูงขึ้นอย่างมาก ศูนย์วิจัยกสิกรไทย มองว่า จีนยังต้องใช้เวลาในการบรรลุเป้าหมาย โดยอุตสาหกรรมจีนที่เป็นมูลเหตุในการก่อก๊าซคาร์บอนจะยังอยู่ในการควบคุมของทางการจีนต่อเนื่องจากช่วงที่ผ่านมา อาทิ ถ่านหิน เหล็กและเหล็กกล้า ซีเมนต์ การผลิตพลังงานความร้อน เคมีภัณฑ์ และยานยนต์ โดยการส่งออกของไทยที่เกี่ยวข้องในกลุ่มสินค้าพลังงานและแร่มีเพียงร้อยละ 2 ของการส่งออกของไทยไปจีน หรือคิดเป็นมูลค่าเพียง 693 ล้านดอลลาร์ฯ ในปี 2563

๐ ศูนย์วิจัยกสิกรไทย มองว่า แผนลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนของจีนโดยการปรับกระบวนการผลิตจากที่พึ่งพาพลังงานฟอสซิลมาเป็นพลังงานสะอาดคงต้องใช้เวลาเปลี่ยนผ่านอย่างน้อย 10 ปี โดยมีผลกระทบต่อไทยทั้งผลทางตรงเอื้อให้สินค้าไทยสำหรับนำไปผลิตพลังงานสะอาดมีโอกาสทำตลาดได้มากขึ้น โดยเฉพาะผลิตภัณฑ์มันสำปะหลังที่ใช้วัตถุดิบจากไทยมีทิศทางสดใสต่อเนื่องจากที่การส่งออกในช่วง 5 เดือนแรกปี 2564 เติบโตแรงถึงร้อยละ 70.7 ขณะที่สินค้าโซลาร์เซลล์และส่วนประกอบยานยนต์ไฟฟ้าก็น่าจะได้ประโยชน์เช่นกัน แต่สินค้ากลุ่มนี้ล้วนพึ่งพาการลงทุนจากต่างประเทศโดยเฉพาะนักลงทุนจีนที่เริ่มเข้ามาขยายการลงทุนแล้วบางส่วน สำหรับผลทางอ้อมจะเกิดกับการผลิตและส่งออกสินค้าอื่นๆ ของไทยที่ต้องเตรียมความพร้อมปรับกระบวนการผลิตให้สอดคล้องกับหลักการปล่อยคาร์บอนของสากล อันจะช่วยให้สินค้าไทยมีโอกาสเติบโตไปพร้อมกับอุตสาหกรรมพลังงานสะอาดของจีนในอนาคต

กิจกรรมทางเศรษฐกิจของจีนเริ่มกลับมาดำเนินงานหลังผ่านจุดวิกฤตโควิด-19 ในปีที่ผ่านมา การฟื้นตัวของภาคการผลิตก็มาพร้อมกับก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ที่ถูกปล่อยสู่บรรยากาศโลกเร่งตัวสูงสุดเป็นประวัติการณ์แตะ 12 พันล้านตัน ขยายตัวร้อยละ 5 (YoY) (เมษายน 2563-มีนาคม 2564) อีกทั้ง ปริมาณการปล่อยคาร์บอนของจีนยังคงครองอันดับ 1 ของโลก ด้วยสัดส่วนสูงถึงร้อยละ 28 ของปริมาณคาร์บอนที่ปล่อยออกมาทั่วโลก แซงหน้าสหรัฐฯ มาตั้งแต่ปี 2562 ทำให้สถานการณ์ดังกล่าวยังเป็นความท้าทายเป้าหมายในการลดการปล่อยคาร์บอนของจีน โดยมีประเด็น ดังนี้

•จีนประกาศวิสัยทัศน์สู่การเป็นประเทศที่ปราศจากการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ในอีก 40 ปีข้างหน้า นับเป็นความท้าทายครั้งสำคัญของจีนในการแก้ปัญหาเรื้อรังที่มาคู่กับการเติบโตทางเศรษฐกิจที่ทางการจีนได้ให้ความสำคัญมาตั้งแต่แผนพัฒนาเศรษฐกิจ ฉบับที่ 12 (ปี 2554-2558) จนกระทั่งมาถึงแผนฯ ฉบับที่ 14 (ปี 2564-2568) ได้กำหนด 4 แนวทางหลักเพื่อก้าวไปสู่เป้าหมายลดการปล่อยคาร์บอนจนกระทั่งเหลือศูนย์ (Net zero CO2) และมุ่งไปสู่เป้าหมายความเป็นกลางทางคาร์บอน (Carbon Neutrality) ก่อนปี 2603 ประกอบด้วย 1) ลดความเข้มข้นของคาร์บอน (Carbon Intensity) ต่อหน่วยของ GDP ลงร้อยละ 18 2) เพิ่มการใช้พลังงานที่ไม่ใช่เชื้อเพลิงฟอสซิล (Non-fossil energy) ให้ได้ร้อยละ 20 ของการใช้พลังงานโดยรวม จากปี 2563 ที่มีการใช้อยู่ราวร้อยละ 15.9 3) ลดความเข้มข้นของการใช้พลังงาน (Energy Intensity) ต่อหน่วยของ GDP ลงร้อยละ 13.5 และ 4) เพิ่มยอดขายรถยนต์ EV (Electric Vehicle) ให้ได้ร้อยละ 20 ของยอดขายรถยนต์ทุกประเภท 

ด้วยแผนงานเหล่านี้ ศูนย์วิจัยกสิกรไทย มองว่า อุตสาหกรรมที่พึ่งพาพลังงานจากเชื้อเพลิงฟอสซิลคงต้องปรับตัวมากไม่ว่าจะเป็นเหมืองถ่านหิน เหล็กและเหล็กกล้า ซีเมนต์ การผลิตพลังงานความร้อน เคมีภัณฑ์ และรถยนต์ ซึ่งคาดว่าอาจได้รับแรงกดดันทั้งฝั่งของนโยบายทางด้านภาษีและราคา การจูงใจให้ปิดโรงงานถ่านหินเพิ่มเติม และเพิ่มการลงทุนในเทคโนโลยีที่สร้างพลังงานสะอาด โดยธุรกิจไทยที่มีความเกี่ยวข้องคงต้องติดตามความเคลื่อนไหวของทางการจีนอย่างใกล้ชิด ซึ่งในเบื้องต้นการส่งออกของไทยในสินค้าพลังงานและสินค้าที่เกี่ยวข้องโดยตรงมีค่อนข้างน้อยเพียงร้อยละ 2 ของการส่งออกของไทยไปจีน หรือคิดเป็นมูลค่าเพียง 693 ล้านดอลลาร์ฯ ในปี 2563



• ความต้องการสินค้าเกี่ยวเนื่องกับพลังงานสะอาดของจีนมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น แต่อานิสงส์ที่ตกแก่ไทยหลักๆ อยู่ในกลุ่มผลิตภัณฑ์มันสำปะหลัง ขณะที่สินค้าที่มีมูลค่าเพิ่มอย่างโซลาร์เซลล์และชิ้นส่วนยานยนต์ไฟฟ้า (EV) กลับเอื้อประโยชน์แก่นักทุนจากต่างชาติเป็นหลัก ซึ่งในปัจจุบันไทยส่งออกสินค้าเหล่านี้ไปจีนรวมคิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 8.4 ของการส่งออกไทยไปจีน โดยในช่วง 5 เดือนแรกของปี 2564 การส่งออกผลิตภัณฑ์มันสำปะหลังมีมูลค่า 1,210 ล้านดอลลาร์ฯ ขยายตัวสูงถึงร้อยละ 71.7 (YoY) และโซลาร์เซลล์ 44 ล้านดอลลาร์ฯ ขยายตัวร้อยละ 60.3 (YoY) และถ้าหากมองในภาพรวมสินค้ากลุ่มนี้คิดเป็นสัดส่วนถึงร้อยละ 48 ของการส่งออกสินค้ากลุ่มนี้ไปยังตลาดโลก

นับได้ว่าตลาดจีนมีบทบาทช่วยขับเคลื่อนการส่งออกสินค้าพลังงานสะอาด โดยเฉพาะผลิตภัณฑ์มันสำปะหลังของไทยเป็นกลุ่มที่ไทยได้ประโยชน์สูงสุด ซึ่งจีนใช้เป็นวัตถุดิบสำคัญในการผลิตอาหารสัตว์ และการผลิตเอทานอลได้ด้วยต้นทุนที่ต่ำกว่าการใช้ข้าวโพดที่ผลิตในจีน ยิ่งสนับสนุนความต้องการมันสำปะหลังของไทยมากขึ้นอีกจากปัจจุบันไทยเป็นแหล่งนำเข้าอันดับ 1 ของจีนและครองสัดส่วนถึงร้อยละ 80 ของการนำเข้ามันสำปะหลังของจีน

นอกจากนี้ สินค้าไทยอย่างอื่นก็มีโอกาสที่กำลังการผลิตและส่งออกจะเร่งตัวช่วยขับเคลื่อนการส่งออกของไทยไปจีนในภาพรวม แต่เป็นสินค้าที่พึ่งพาเม็ดเงินทุนจากจีนที่เข้ามาขยายฐานการผลิตในไทยทำให้ห่วงโซ่การผลิตเกื้อหนุนกันและกันยิ่งขึ้น อาทิ โซลาร์เซลล์ของไทยส่งไปจีนคิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 5.0 ของการส่งออกโซลาร์เซลล์ของไทย รวมทั้งยานยนต์และส่วนประกอบของยานยนต์ไฟฟ้า(EV) ที่เริ่มมีนักลงทุนจีนส่งสัญญาณขยายการผลิตในไทย

• การผลิตสินค้าอุตสาหกรรม การขนส่ง ตลอดจนภาคเกษตรกรรมของไทยควรเตรียมรับมือกับนโยบายของจีนในอนาคต อันจะมีผลต่อกระบวนการผลิตของภาคธุรกิจในระยะต่อไป เนื่องจากในปัจจุบันการผลิตในภาคอุตสาหกรรมของจีนปล่อยคาร์บอนคิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 28 การขนส่งคิดเป็นร้อยละ 10 และภาคเกษตรกรรมคิดเป็นร้อยละ 2 ของการปล่อยคาร์บอนของจีน (ปี 2562) ซึ่งมีสัดส่วนไม่สูงเมื่อเทียบกับการผลิตพลังงาน แต่ในท้ายที่สุดอุตสาหกรรมเหล่านี้ก็ต้องลดการปล่อยคาร์บอนด้วยเช่นกัน มีความเป็นไปได้ที่ทางการจีนจะใช้มาตรฐานด้านคาร์บอนดังเช่นมาตรการในประเทศยุโรปและสหรัฐฯ อาทิ การติดฉลากคาร์บอนหรือ Carbon Footprint เพื่อแสดงปริมาณการปล่อยก๊าซคาร์บอน โดยอาจมีผลต่อความต้องการสินค้านำเข้าเพื่อการบริโภคและการผลิตจากไทย ซึ่งผู้ประกอบการไทยคงต้องเตรียมความพร้อมตลอดกระบวนการผลิตให้สอดคล้องกับข้อกำหนดของจีนในอนาคต

โดยสรุป ศูนย์วิจัยกสิกรไทย มองว่า การลดก๊าซคาร์บอนของจีนต้องใช้เวลาในการเปลี่ยนผ่านอย่างน้อย 10 ปี จึงจะสามารถเปลี่ยนกระบวนผลิตที่พึ่งพาพลังงานฟอสซิลไปเป็นพลังงานสะอาด ดังนั้น ผลกระทบทางตรงที่เกิดกับไทยจะทยอยเกิดขึ้นตามมาตรการเฉพาะหน้าที่ทางการจีนประกาศใช้ในการจำกัดการปล่อยก๊าซคาร์บอนในแต่และภาคส่วน ซึ่งส่งผลต่อการส่งออกของไทยในสินค้าที่เกี่ยวข้องค่อนข้างน้อย 

ขณะเดียวกันการสนับสนุนธุรกิจพลังงานสะอาดของจีนก็เอื้อให้การส่งออกของไทยไปจีนเร่งตัวในระยะข้างหน้า โดยเฉพาะวัตถุดิบทางการเกษตรเพื่อผลิตเอทานอล โซลาร์เซลล์ และส่วนประกอบยานยนต์ไฟฟ้า รวมทั้งสินค้ากลุ่มนี้อาจมีส่วนช่วยขับเคลื่อนการส่งออกในภาพรวมของไทยได้ทางหนึ่ง ในระยะกลางถึงยาว ราคาสินค้าโภคภัณฑ์ที่อาจปรับตัวลดลงตามการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการบริโภคที่หันไปใช้พลังงานทางเลือกเพิ่มขึ้น รวมถึงนโยบายของทางการจีนในอนาคตที่น่าจะลงลึกในรายละเอียดการลดก๊าซคาร์บอนตลอดกระบวนการผลิตของภาคอุตสาหกรรม ซึ่งผู้ประกอบการไทยต้องติดตามและปรับตัวให้สอดคล้องกับแนวทางของจีนที่เป็นไปตามกระแสของโลก
#3450



ธอส.เผยผลการดำเนินงานในช่วง 6 เดือนแรกของปี 2564 ปล่อยสินเชื่อใหม่ได้ 106,231 ล้านบาท 69,705 บัญชี เพิ่มขึ้น 5.20% จากช่วงเดียวกันของปี 2563 สินเชื่อคงค้างรวม1,375,663 ล้านบาท สินทรัพย์รวม 1,441,928 ล้านบาท มีหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPL) 4.31% ของยอดสินเชื่อรวม ตั้งสำรองเผื่อหนี้สงสัยจะสูญเพื่อความมั่นคงและเตรียมพร้อมรับผลกระทบจาก COVID-19 จำนวน 104,390 ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วนต่อ NPL สูงถึง 176.13% พร้อมเร่งให้ความช่วยเหลือลูกค้าที่ได้รับผลกระทบด้านรายได้จาก COVID-19 ล่าสุดมีลูกค้าได้รับความช่วยเหลือผ่านทั้ง 18 มาตรการของ ธอส. ตั้งแต่ปี 63 ถึงปัจจุบันเป็นจำนวนรวมสูงสุดมากกว่า 925,000 บัญชี เงินต้นคงเหลือ 796,500 ล้านบาท

นายฉัตรชัย ศิริไล กรรมการผู้จัดการ ธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) เปิดเผยถึงผลการดำเนินงาน ณ ไตรมาสที่ 2 ของปี 2564 ว่า แม้ประเทศไทยจะยังคงอยู่ในสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) ที่ส่งผลต่อภาพรวมเศรษฐกิจ และรายได้ของประชาชน แต่ ธอส. ยังคงสามารถทำหน้าที่ตามพันธกิจ "ทำให้คนไทยมีบ้าน" เพื่อสนับสนุนให้ประชาชนได้มีที่อยู่อาศัยเป็นของตนเองได้อย่างต่อเนื่อง



โดยณ วันที่ 30 มิถุนายน 2564 ธนาคารปล่อยสินเชื่อใหม่ได้ 106,231 ล้านบาท 69,705 บัญชี เพิ่มขึ้น 5.20% จากช่วงเดียวกันของปี 2563 คิดเป็นเกือบ 50% ของเป้าหมายปล่อยสินเชื่อใหม่ปี 2564 ที่ 215,641 ล้านบาท สินเชื่อ 6 เดือนแรกที่ปล่อยไปเป็นสินเชื่อที่มีวงเงินกู้ไม่เกิน 2 ล้านบาท

สำหรับกลุ่มผู้มีรายได้น้อยและปานกลางจำนวน 50,183 บัญชี ธนาคารมียอดสินเชื่อคงค้างรวมทั้งสิ้น 1,375,663 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 3.17% สินทรัพย์รวม 1,441,928 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 2.46% เงินฝากรวม 1,205,886 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 3.81% หนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPL) จำนวน 59,268 ล้านบาท คิดเป็น 4.31% ของยอดสินเชื่อรวม เพิ่มขึ้นเล็กน้อยจากสิ้นปี 2563 ที่มี NPL อยู่ที่ 3.75% ของสินเชื่อรวม โดยมีการตั้งสำรองเผื่อหนี้สงสัยจะสูญที่ 104,390 ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วนต่อ NPL สูงถึง 176.13% เพื่อความมั่นคงและเตรียมพร้อมรองรับผลกระทบจาก COVID-19 ในอนาคต โดยธนาคารยังคงมีกำไรสุทธิตามเป้าหมายตัวชี้วัดของธนาคารที่ 5,993 ล้านบาท และมีอัตราส่วนเงินกองทุนต่อสินทรัพย์เสี่ยง (BIS Ratio) ในระดับแข็งแกร่งที่ 15.63% สูงกว่าอัตราเงินกองทุนขั้นต่ำที่ธนาคารแห่งประเทศไทย กำหนด



ทั้งนี้ปัจจัยหลักที่ธนาคารยังคงปล่อยสินเชื่อใหม่ได้อย่างต่อเนื่อง คือ มาตรการต่างๆ ของรัฐบาล ผลิตภัณฑ์สินเชื่ออัตราดอกเบี้ยต่ำของธนาคาร และการจัดโปรโมชั่นของผู้ประกอบการ ช่วยให้ประชาชนกลุ่มที่ไม่ได้รับผลกระทบจาก COVID-19 มีบ้านเป็นของตนเองและครอบครัวได้ง่ายขึ้น โดยผลิตภัณฑ์สินเชื่อของ ธอส. ที่มีลูกค้าเลือกใช้บริการสูงสุด 3 ลำดับแรกคือ โครงการบ้าน ธอส. เพื่อคุณ อัตราดอกเบี้ยปีแรกเพียง 2.75% ต่อปี มียอดอนุมัติสะสมสูงถึง 23,620 ล้านบาท รองลงมาคือสินเชื่อบ้านลูกค้าสวัสดิการ ธอส. ปัจจุบันอัตราดอกเบี้ยปีแรก 2.60% ต่อปี มียอดอนุมัติสะสม 11,998 ล้านบาท และโครงการบ้าน ธอส. เพื่อสานรัก อัตราดอกเบี้ยปีแรก 2.50% ต่อปี มียอดอนุมัติสะสม 11,215 ล้านบาท

ขณะเดียวกัน ธอส. ยังคงให้ความช่วยเหลือลูกค้าประชาชนที่ได้รับผลกระทบจาก COVID-19 ผ่านโครงการ ธอส. รวมไทย สร้างชาติ ผ่าน 2 มาตรการเร่งด่วนล่าสุดที่บรรเทาความเดือดร้อนให้กับผู้ได้รับผลกระทบโดยตรง คือ ลูกค้าทั้งที่เป็นนายจ้างและลูกจ้างในสถานประกอบการทั้งในและนอกพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด ที่ต้องปิดกิจการจากมาตรการของทางการ มาตรการที่ 15 สำหรับลูกค้าที่มีสถานะบัญชีปกติ และมาตรการ 16 สำหรับลูกค้าที่มีสถานะ NPL หรืออยู่ระหว่างปรับโครงสร้างหนี้ จะได้รับความช่วยเหลือโดยการพักชำระเงินต้นและพักชำระดอกเบี้ยเป็นระยะเวลา 3 เดือน ระหว่างวันที่ 1 สิงหาคม-31 ตุลาคม 2564 เปิดให้ลงทะเบียนแจ้งความประสงค์เข้ามาตรการเมื่อวันที่ 19 กรกฎาคม 2564 ล่าสุด ณ วันที่ 22 กรกฎาคม 2564 เวลา 16.00 น. มีลูกค้าลงทะเบียนแจ้งความประสงค์เข้ามาตรการที่ 15 จำนวนเงินต้นคงเหลือ 48,880 ล้านบาท และมาตรการที่ 16 จำนวน 2,485 ล้านบาท ทำให้นับตั้งแต่ปี 2563 จนถึงปัจจุบัน ธอส. สามารถช่วยเหลือลูกค้าผ่าน 18 มาตรการ รวมเป็นจำนวนสูงสุดมากกว่า 925,000 บัญชี เงินต้นคงเหลือ 796,500 ล้านบาท

โดยมาตรการที่ 15 และ 16 ลูกค้าสามารถลงทะเบียนแจ้งความประสงค์เข้ามาตรการผ่าน Mobile Application : GHB ALL ได้ในวันจันทร์-ศุกร์ ระหว่างเวลา 8.30-15.00 น. (เว้นวันหยุดราชการและวันหยุดนักขัตฤกษ์) ตั้งแต่วันที่ 23 กรกฎาคม 2564 เป็นต้นไป จนถึงวันที่ 29 สิงหาคม 2564 ส่วนลูกค้าที่ต้องการลงทะเบียนแจ้งความประสงค์เพื่อขอขยายระยะเวลาความช่วยเหลือตามมาตรการที่ 9,10,11 และ 11 New Entry : แบ่งจ่ายเงินงวดผ่อนชำระ (ตัดต้น ตัดดอก) มาตรการที่ 13 : พักชำระเงินต้น และจ่ายเฉพาะดอกเบี้ยรายเดือน และมาตรการที่ 14 : พักชำระเงินต้น และจ่ายเฉพาะดอกเบี้ยรายเดือน พร้อมลดดอกเบี้ย ไปจนถึงวันที่ 31 ธันวาคม 2564 ลูกค้าสามารถลงทะเบียนแจ้งความประสงค์เข้ามาตรการผ่าน Mobile Application : GHB ALL ได้ในวันจันทร์-ศุกร์ เวลา 8.30-15.00 น. (เว้นวันหยุดราชการและวันหยุดนักขัตฤกษ์) เช่นกัน ตั้งแต่วันที่ 23 กรกฎาคม จนถึงวันที่ 29 กรกฎาคม 2564

ทั้งนี้นอกจากความช่วยเหลือในมาตรการด้านการเงิน ธอส. ยังคงให้ความช่วยเหลือสังคมไทยสู้ภัยโควิด-19 อย่างต่อเนื่อง ด้วยงบประมาณสนับสนุนรวมกว่า 5,000,000 บาท ให้กับหลายหน่วยงานที่ทั้งสถานพยาบาล สถานศึกษา และสถานที่ให้บริการฉีดวัคซีน เป็นต้น เพื่อนำไปดำเนินการในด้านต่าง ๆ ที่จำเป็น อาทิ การจัดสร้างหอผู้ป่วยไอซียูความดันลบแบบห้องแยกที่ใช้ในการรักษาผู้ป่วยวิกฤตที่มีอาการรุนแรง การจัดซื้อเครื่องฮีโมเปอร์ฟิวชั่นใช้ในการรักษาผู้ป่วยที่ติดเชื้อโควิด-19 การจัดสร้างไอซียูสนาม การจัดหาเก้าอี้นั่งจุดพักคอย น้ำดื่มธนาคารกว่า 100,000 ขวด รวมถึงหน้ากากอนามัยพร้อมสายคล้อง ถุงยังชีพ และอาหารกล่อง สอดคล้องกับนโยบายการแสดงความรับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อม หรือ CSR ของธนาคาร ด้วยความห่วงใยและตระหนักถึงปัญหาความเดือดร้อนของประชาชน อีกทั้งเป็นการสร้างจิตสำนึกในการเป็นจิตอาสาเพื่อช่วยเหลือสังคมให้ดียิ่งขึ้นต่อไป

 
#3451
 
App "มีตังค์" ทำจริงจัง ก็ได้เงินจริงนะ ไม่จกตา สร้างรายได้หลักแสน หลักล้าน อย่างง่าย ๆ
App "มีตังค์" คือ ธุรกิจที่ใช่ ในยุค COVID ครองเมือง
ระบบ Content Builder System
ที่ทำทุกอย่างผ่าน Social บนมือถือเพียงเครื่องเดียว ง่าย ๆ เพียงแค่แชร์
เปลี่ยนใจสมัครกับเราตอนนี้ยังทัน


ธุรกิจ New Platform(แฟลตฟอร์มใหม่)
ที่ลงทุนด้วยเงิน 2,699 ครั้งเดียวผ่าน App เก็บเกี่ยวได้ตลอดชีวิต
รับเฉพาะคนที่จริงจังพร้อมทำเท่านั้น


สอบถามเพิ่มเติม
ไลน์ไอดี teerapat999
โทร 0846623662

ลงทะเบียนฟรีเพื่อเข้าศึกษาเรียนรู้ในกลุ่มปิดเปิดเผยชัดเจน
https://www.metang-solution.com/member/register.php...

รายละเอียดเพิ่มเติม https://web.facebook.com/richbyteerapat

 
 
#3452
น้ำมันว่านเครือเขาหลง ใส่ตะกรุดนะมหานิยม ทุกขวด
สายพุทธคุณ คุณพระ คุณว่าน ไม่เข้าตัว ไม่มีข้อห้าม ใช้ด้วยศรัทธา สำเร็จทุกราย


 
เครือเขาหลงจัดอยู่ในของขลังธรรมชาติ เป็นของเสน่ห์ ของเสน่ห์แรงๆ หมอเสน่ห์เขมร หมอเสน่ห์ไทยนิยมใช้กันมาก และจัดได้ว่าเป็นของเสน่ห์ที่แรงที่สุด
 
คุณของน้ำมัน
เพิ่มเสน่ห์ เพิ่มเมตตา นำพาโชคลาภ เรียกจิต เรียกใจ ประสานสัมพันธ์ ค้าขายร่ำรวย
 
คาถามหาหลง
โอม หลง หลง มหาหลง สารพัดที่จะหลง หลงทั้งต้น หลงทั้งกิ่ง หลงทั้งก้าน หลงทั้งราก หลงทั้งใบ หลงทั้งดอก คนเห็นน้ำตาตก นกเห็นน้ำตาไหล ไผผู้ใดเห็นหน้ากู อยู่มิได้ร้องไห้หากู หลงทั้งหน้า หลงทั้งหลัง หลงทั้งซ้าย หลงทั้งขวา หลงทั้งต่ำ หลงทั้งสูง หลงทั้งกลางวัน หลงทั้งกลางคืน หลงทั้ง


 
วิธีใช้
เพิ่มเสน่ห์ เมตตา โชคลาภ ค้าขาย ประสานสัมพันธ์ สวดคาถาแล้วนำน้ำมันว่านแตะที่หน้าผาก นึกถึงสิ่งที่ต้องการด้วยใจมุ่งมั่น แน่วแน่ศรัทธา เป็นไปดังว่า สมปรารถนา
 
เรียกจิต เรียกใจ ให้ท่องคาถา ใช้แต้มแตะทา ลงบนวัตถุ รูปภาพหามา ของคนต้องการ เพ่งพลังจิต ลงไปแน่วแน่ ให้เกิดเป็นภาพ เคียงคู่กายา ทำได้ดังนี้นั้นหนา บอกคำว่า ได้ตามนั้นเลย
สนใจติดต่อโทร. 0846623662
id line : teerapat999

แฟนเพจ https://web.facebook.com/porntaywa
เวปไซด์ http://porntaywa99.lnwshop.com/p/12

lazada  https://www.lazada.co.th/products/-i1863368460-s5737984707.html?spm=a2o4m.seller.list.19.751ebb9eN8X8vA&mp=1&freeshipping=1  
#3453


ในวันที่(17 ก.ค. 2564) คนไทยติดไวรัสโควิดหลักหมื่น คนมากมายแทบจะมองไม่เห็นอนาคตประเทศไทย ดูอึมครึม น่าหวั่นไหว และไม่รู้ว่าจะเดินต่ออย่างไร

ผู้นำทางความคิดที่ขับเคลื่อนนโยบายด้วย Big Data เฉกเช่น ดร.ณภัทร จาตุศรีพิทักษ์ คิดเห็นอย่างไร 

หาคำตอบได้จากนักเศรษฐศาสตร์รุ่นใหม่ ที่เป็นนักกลยุทธ์ด้านข้อมูล กรรมการผู้จัดการบริษัท Siametrics ให้คำปรึกษาองค์กรระดับชาติ โดยใช้ข้อมูลแก้ปัญหานโยบายสาธารณะ และยังเป็นกรรมการผู้จัดการ สถาบันอนาคตไทยศึกษา (Thailand Future )

ล่าสุด​ข้อมูลและการวิเคราะห์เรื่องทรัพยากรสาธารณสุขที่ทีมงานเขาทำให้กรมควบคุมโรค หลายเรื่องไม่ถูกนำไปใช้ จนทีมงานแอบน้อยใจ ณภัทร บอกว่า ต่อไปจะทำข้อมูลกระจายไปถึงประชาชนและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเลย

"ที่ผมเป็นห่วงคือ จังหวัดในภาคใต้ ถ้าเอาจำนวนหมอ จำนวนอุปกรณ์การแพทย์มาเทียบกับจำนวนผู้ติดเชื้อ น่ากลัวมาก ถ้ามาเลเซีย อินโดนีเซีย พม่า ติดเชื้อเยอะ แล้วหลั่งไหลเข้ามา คงไม่ไหว จะกลายเป็นความเจ็บแบบลึก" 

"ถ้าถามผม ตอนนี้ใกล้จุดที่กู่ไม่กลับ แม้กระทั่งขั้นต่ำเรื่องความปลอดภัยของชีวิตและทรัพย์สิน รัฐก็ยังตอบสนองไม่ได้ ประชาชนลำบากมาก ผมกลัวว่าต่อไปจะเกิดการจราจลหรืออะไรบางอย่าง ..." ณภัทร เล่า และหลายเรื่องเกี่ยวกับชีวิตคนไทยและชีวิตเขา โดยเฉพาะการบริหารของรัฐบาล 

ก่อนหน้านี้คุณเคยบอกว่า คิดผิดที่กลับมาอยู่เมืองไทย ?

สองปีที่แล้ว เป็นช่วงที่หายใจไม่ค่อยออก เนื่องจากสภาวะอากาศเป็นพิษ ผมพูดแบบนั้นเพราะรู้สึกว่า ลูกไม่มีทางเลือก ไม่ได้หมายความว่าลูกไม่มีอนาคตที่ดีในเมืองไทย เราเป็นพ่อก็อยากทำให้ดี 

ผมมีคำถามว่า บางอย่างน่าจะดีกว่านี้ได้ ด้วยศักยภาพทรัพยากรในเมืองไทย ทำให้ดีกว่านี้ได้

คุณบอกว่า"ศักยภาพของทรัพยากรในเมืองไทย สามารถทำให้คุณภาพชีวิตคนไทยดีขึ้น"แต่ที่ผ่านไม่เคยเป็นแบบนั้นเลย ?

ผมมองว่าเป็นเรื่องกระบวนการ 1. กระบวนการการเมือง 2. กระบวนการใช้สอยทรัพยากรในประเทศ 

สมมติว่า ผมเป็นข้าราชการไฟแรง อยากเข้าไปทำประโยชน์ แต่โครงสร้างเก่าๆ ที่ตกทอดมา ถ้าอยากจะจัดสรรทรัพยากรดีๆ หรือโครงการดีๆ มันทำลำบาก ผมคิดว่านี่คือต้นตอ

ประเทศไทยไม่ได้ถูกจัดลำดับเศรษฐกิจอันดับท้ายๆ แม้จะมีข่าวว่าเศรษฐกิจไม่เติบโต แต่ยังเป็นเศรษฐกิจที่ค่อนข้างใหญ่มากในโลก ทรัพยากรมีอยู่แล้วแต่มีข้อจำกัดการดำเนินนโยบาย ทั้งๆ ที่แก้ไขได้

แนวทางในการแก้ปัญหา ต้องทำอย่างไร

ผมลองประมวลปัญหาต่างๆ ที่เคยเกิดขึ้น พบว่า หลายครั้งมีปัญหาคอขวดที่กระบวนการ

กระบวนการที่ผมคิดว่า น่าจะเป็นทางออก ข้อ1. ต้องเชื่อมห้องที่คิดและทำนโยบายกับคนจำนวนมาก เพราะนโยบายกระทบคนจำนวนมาก และคนหลากหลาย ทั้งเอกชน ภาคประชาชน บางทีก็กระทบกับภาครัฐด้วยเหมือนกัน 

ต้องเปิดห้องนี้รับฟัง Pain Point (ปัญหาที่เกิดจากสาเหตุบางอย่าง)พอทำตรงนี้แล้ว ข้อ2. ในเมื่อมีความหลากหลายของชีวิตและความต้องการ บางทีปัญหาเดียวกัน แต่กระทบคนไม่เท่ากัน 

ผมคิดว่าการรวมศูนย์อำนาจ มันไม่ตอบโจทย์การแก้ปัญหาหรือการพัฒนาในเชิงการแก้ปัญหาและการวัดผลว่า ประเทศเราก้าวหน้าหรือเปล่า ยากมาก แม้จะมีดรีมทีมก็ยากเกินกว่าคนหยิบมือหนึ่งจะคิดได้หมด 

แม้จะช่วยคิดได้ ประมวลข้อมูลได้ แต่ไม่เท่าขยายอำนาจการตัดสินใจ ไม่ใช่แค่อำนาจการตัดสินใจของบ บางคนอาจคิดว่ากระจายอำนาจแล้วก็จบ

ในปัจจุบันมีวิธีวัดผลนโยบายให้เป็นวิทยาศาสตร์มากขึ้น ถ้ามีตรงนี้เราก็จะรู้ว่า เรากำลังทำให้ประเทศไปข้างหน้าจริงหรือเปล่า เราควรมีแนวคิดที่วัดได้ว่า เมื่อรัฐทำโครงการนี้แล้ว ชีวิตคนดีขึ้นอย่างไร แต่ที่ทำมายังไม่ใกล้แนวคิดนี้เลย

ยกตัวอย่างกรณีศึกษาสักเรื่องได้ไหม

ผมขอยกตัวอย่าง การเข้าถึงแหล่งเงินทุน ความต้องการแต่ละคนไม่เท่ากัน บางคนมีความรู้การลงทุนเยอะ มีความรู้ความชอบในสินทรัพย์บางอย่าง แต่บางคนไม่คิดว่าการลงทุนในตลาดหุ้นเป็นสิ่งที่ดี และรับรู้ความเสี่ยงการตอบแทนของมันไม่เหมือนคนอีกกลุ่ม 

ดังนั้นเวลาออกนโยบายจากส่วนกลาง ก็ไม่มีทางที่จะกระทบจิตใจของคนส่วนมากที่ไม่ชอบหุ้นหรือกลัว แล้วเราก็เออออกันเองว่า พวกเขาไม่มีความรู้ทางการเงิน

ถ้าเราทำแบบทดสอบว่า คุณรู้จักเงินเฟ้อ หรือดอกเบี้ยทบต้นไหม ถ้าไม่อินตั้งแต่แรก ไม่ว่าจะเข้าใจหรือไม่เข้าใจ พวกเขาก็จะตอบว่า ไม่รู้ 

แต่ถ้าเข้าใจเรื่องการกระจายความเสี่ยงทางการเงิน ก็น่าจะเข้าใจตรงนี้อยู่บ้าง เป็นเพราะเราไม่เปิดกว้างกับความหลากหลายชีวิต นี่คือ เรื่องแรกที่ขอยกตัวอย่างในเรื่องการเชื่อมโยงกับคนส่วนใหญ่


ถ้าอยากให้ประชาชน(บางส่วน)เข้าใจและเข้าถึงแหล่งเงินทุนต้องทำอย่างไร

อย่างแรกที่ต้องทำ คือ ต้องเชื่อมกับเขา ให้เขารู้ว่า ผู้คนเข้าถึงเงินทุนไม่ได้เพราะอะไร หนี้นอกระบบ...ทำไมเป็นปัญหาขนาดนี้

ผมเคยลองคุย อยากแก้ปัญหาหนี้ให้ การที่จะบอกว่าเขาไม่มีความรู้ทางการเงิน ไม่ถูกซะทั้งหมด การหาเงินมาใช้หนี้แต่ละเดือน เป็นงานใหญ่สำหรับเขา

แค่คิดว่าจะต้องหมุนบัตรเครดิต ซึ่งอาจถูกที่บอกว่าเขาตัดสินใจพลาด และไม่ถูก...ถ้าบอกว่าเขาไม่มีความรู้เลย แต่โดนบีบบังคับด้วยสถานการณ์ ซึ่งมีรายละเอียดบางอย่างถูกมองข้าม

ถ้าจะช่วยคนที่ประสบปัญหาแบบนี้ ต้องทำอย่างไร

ถ้าอยากให้โครงการต่างๆ ของรัฐเกิดความคุ้มค่า ไม่เปลืองภาษี ก็ควรมีการวัดผล ยกตัวอย่างถ้าคุณทำมาตรการซอฟโลน (สินเชื่อ ดอกเบี้ยต่ำ) จะเป็นโครงการอะไรก็แล้วแต่ สามารถปล่อยกู้โดยไม่ต้องมีคะแนนเครดิตรองรับ เพื่อทำให้เขามีแหล่งเงินทุนมากขึ้น 

แล้วเขาจะเอาเงินกลับมาคืนหรือเปล่า ก็วัดผลได้ แต่ละคนมีปัญหาที่เกี่ยวกับแหล่งเงินทุนไม่เท่ากัน สถานะไม่เหมือนกัน ระดับที่จะเข้าใจผลิตภัณฑ์การเงินไม่เหมือนกัน

อยากให้วิเคราะห์"อนาคตประเทศไทย"ใน 3 ปีข้างหน้าสักนิิด ? 

ผมขอนับตั้งแต่วันนี้ (15 กรกฎาคม 2564) เลย เอาเรื่องโควิดที่มีคนบอกว่าต่อไปจะเป็นโรคท้องถิ่นแบบไข้หวัดใหญ่ นับวันโอกาสยิ่งลดลง น่าจะมีปัญหาอีกยาว 

ผมมองว่าอนาคตประเทศไทย ถ้าเรายังบริหารจัดการวัคซีน บริหารจัดการวิกฤติแบบประสิทธิภาพด้อยขนาดนี้ ผมมองว่า อันตรายมากทั้งด้านสาธารณสุขและเศรษฐกิจ

โครงสร้างเศรษฐกิจของเรา พึ่งพากิจกรรมทางเศรษฐกิจที่มีการสัมผัสและใกล้ชิดเยอะมาก

ถ้าเรามองสั้นๆ ว่า ปีหน้าโควิดก็หมดแล้ว มันไม่ได้ ต้องมีการปรับตั้งแต่วันนี้ เพราะช่วงนี้ล็อกดาวน์ ( กรกฎาคม 2564) หลายคนลำบาก มีคนที่ไม่สามารถทำงานจากที่บ้านได้ ต้องมีมาตรการช่วยเขา ไม่ใช่เยียวยาอย่างเดียว

ถือโอกาสฝึกทักษะให้ทำอย่างอื่น เพื่อจะได้รู้ว่าบางอุตสาหกรรมจะไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป บางแห่งอาจไม่ต้องการแรงงานจำนวนเท่าเดิม เพราะระบบเศรษฐกิจต้องเปลี่ยนไปเป็นอย่างอื่น โดยเฉพาะการท่องเที่ยว

การท่องเที่ยวสัมพันธ์กับการควบคุมวิกฤติ มีบางอย่างที่เราควบคุมไม่ได้ ประเทศไทยสิ่งที่ควรควบคุมได้ก็ควบคุมไม่ได้ และเราต้องพึ่งพานักท่องเที่ยวหลายประเทศ ไม่แน่ใจว่าเขาจะมาเที่ยวไหม 

อย่างอังกฤษอีกไม่นาน ก็จะประกาศให้ทุกคนออกมาเดินเล่นได้ รัฐบาลเขาโอเค ถ้าจะมีคนติดโควิดวันละแสน เป็นเรื่องปกติของเขา ถ้าคนอังกฤษจะบินมาเที่ยวเมืองไทย คนไทยจะรับได้หรือเปล่า หรือตอนนี้จีนมีนโยบายไม่ให้เที่ยวนอกประเทศ แล้วไทยจะทำยังไง

ในช่วง 3 ปีนี้ ไทยควรวางแนวทางเศรษฐกิจอย่างไร

ใน 3 ปีนี้ต้องตอบโจทย์ก่อนว่า เศรษฐกิจโควิดแบบนี้ เราจะทำยังไง เพื่อไม่ให้คนอดตายและพึ่งพิงตนเองได้ด้วย

เรื่องเยียวยาก็ต้องทำ แต่น่าเสียดายถ้ามีความเชื่อมั่นทางการเมืองมากกว่านี้ ก็คงกู้เงินได้มากกว่านี้ ถ้าถามผมวิกฤติแบบนี้ ทำยากมาก โดยเฉพาะงบประมาณที่เบิกมาแล้ว ยังจัดการไม่หมด 

ถ้าจะใช้เงินอีก ก็ฟังไม่ขึ้น ซึ่งสถานการณ์แบบนี้ก็คงเป็นเรื่องการระบาดของไวรัส แล้วคนไทยจะปรับตัวในเศรษฐกิจแบบนี้ยังไง

ถ้าไม่ปรับตัว คนไทยจะเป็นยังไง

คนรายได้น้อยจะอดตาย วิกฤตินี้ไม่เหมือนต้มยำกุ้งหรือแฮมเบอร์เกอร์ มันกระทบเศรษฐกิจจริง รุนแรงมาก กระทบผู้คนในวงกว้าง กระทบหนักกับคนที่มีรายได้น้อย โอกาสน้อย ผมว่าอันตรายว่า สังคมจะอยู่ร่วมกันยังไง


แล้วต้องทำอย่างไร

ถ้าถามผม ตอนนี้ใกล้จุดที่กู่ไม่กลับแล้ว แม้กระทั่งขั้นต่ำของชีวิต เรื่องความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน รัฐก็ยังตอบสนองไม่ได้ ประชาชนลำบากมาก ผมกลัวว่าต่อไปจะเกิดการจราจลหรืออะไรบางอย่าง เราเห็นแล้วว่า เงินเยียวยา มันยังไม่พอ

ทางภาคเอกชนและเครือข่ายผม ก็พยายามช่วยหางานให้คนตกงาน และให้ทำงานที่บ้านได้บ้าง กลายเป็นว่าประชาชนต้องช่วยเหลือกันเอง น้อยมากในประวัติศาสตร์ที่จะเกิดเรื่องแบบนี้ ซึ่งเป็นโอกาสที่รัฐบาลจะได้เป็นพระเอก และทั่วโลกผู้นำก็ออกมาทำนั่นทำนี่ 

เพราะผู้บริหารประเทศทำไม่ได้ ? 

ถ้าเขาทำไม่ได้ ก็ต้องมีการเรียกร้องเปลี่ยนอะไรบางอย่าง อย่างน้อยๆ ถ้าไม่เปลี่ยนใครเลย ควรมีความชัดเจนในเรื่องอำนาจการตัดสินใจ มีเจ้าหน้าที่หลายคนที่เคยทำงานกับผม เขาช้ำใจเพราะทำเต็มที่แล้ว ขณะที่เขาอยากประสานงานบางอย่างกับภาคเอกชน แต่ไม่รู้อำนาจอยู่ที่ไหน จุดแรกที่สำคัญคือ เรื่องความโปร่งใสของกระบวนการ

การระบาดของโควิด คนที่เดือดร้อนมากคือ กลุ่มคนมีรายได้น้อย 

ในช่วงวิกฤติจากสถานการณ์โควิด ผู้นำควรทำอย่างไร

เรื่องพื้นฐานเลยคือ

1 การสื่อสารกับประชาชน ซึ่งมีคนที่เชี่ยวชาญตรงนี้ แล้วภาครัฐจะได้ประโยชน์มากจากการแนะนำของเขาในเรื่องการสื่อสารให้ชัดเจนตรงไปตรงมา ซึ่งทุกคนจะได้ประโยชน์

2 ควรมีการแบ่งขอบเขตการทำงาน อย่าให้ทุกอย่างมาติดคอขวดที่ ศบค.(ศูนย์บริหารสถานการณ์แพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัส) แค่สองอย่างนี้จะทำให้หลายอย่างเดินต่อได้เร็วขึ้น


ถ้าอย่างนั้น คนไทยจะฝากอนาคตไว้กับคนรุ่นใหม่ หรือคนรุ่นไหน หรือไม่มีอนาคต ? 

ผมคิดว่าน่าจะฝากอนาคตไว้กับทุกคน คนรุ่นใหม่ก็มีข้อจำกัด ผมเองก็ไม่ได้รู้ทุกเรื่อง บางทีคนที่อายุมากกว่าก็มีประสบการณ์ หลายคนมีความเก่งไม่เหมือนกัน มีบทบาทอำนาจไม่เหมือนกัน

ตอนนี้ถึงเวลาที่ต้องตรวจดูว่า เราทำอะไรได้บ้าง พยายามใช้จุดเด่นให้มีประโยชน์กับคนอื่น ตอนนี้วิกฤติมากแล้วครับ ต้องออกมาช่วยกัน

ยกตัวอย่างสักนิดกับงานข้อมูลที่บริษัทคุณทำในเชิงนโยบาย ?          

ทำเวิร์คชอปกับกรมควบคุมโรคอยู่แล้ว เขาต้องมีแผนรับมืออนาคตอันใกล้ แต่งานหลักของเราคือ ข้อมูลเรื่องทรัพยากรสาธารณสุข

ถ้าไวรัสระบาดเข้าไปในพื้นที่เปราะบางในจังหวัดไม่มีแพทย์ ไม่มีเตียง ถ้าระบาดเยอะจะเกิดการสูญเสียเยอะ เพราะในกรุงเทพฯ นนทบุรี โรงพยาบาลไม่มีเตียงรองรับแล้ว

ที่ผมเป็นห่วงคือ จังหวัดในภาคใต้ ถ้าเอาจำนวนหมอ จำนวนอุปกรณ์การแพทย์ มาเทียบกับจำนวนผู้ติดเชื้อ น่ากลัวมาก ถ้าคนมาเลเซีย อินโดนีเซีย พม่า ติดเชื้อเยอะแล้วหลั่งไหลเข้ามา คงไม่ไหว จะกลายเป็นความเจ็บแบบลึก


ประเทศไทยเดินไปถึงจุดนั้นหรือยัง

ภาคใต้น่ากังวลตั้งแต่รอบที่แล้ว กว่าจะควบคุมได้ ก็เหนื่อย ใช้ทรัพยากรกรมควบคุมโรคเยอะมาก อย่างภาคอีสานไม่ควรให้เกิดการระบาดของไวรัสโควิดเยอะ เพราะคนเยอะ ทรัพยากรด้านสาธารณสุขต่อประชากรมีน้อยมาก ยิ่งมีคนเดินทางกลับบ้าน ยิ่งน่ากลัว

นักวิชาการหลายๆ คนที่ทำวิจัยการระบาดของไวรัสโควิดรอบที่ 1 เขารู้สึกว่า ทำข้อมูลไปแล้ว ส่วนกลางไม่เอาไปใช้ ทั้งๆ ที่เราก็อยากให้เกิดประโยชน์

ตอนนี้เราก็เลยมีมูฟเม้นท์ใหม่ ทำงานวิจัยกระจายข่าวสู่ประชาชนหรือหน่วยอื่นๆ ไปเลย อย่างเรื่องล็อคดาวน์ ก็กระจายข้อมูลให้ผู้ว่าฯ รัฐส่วนกลางจะเอาไปใช้หรือเปล่าผมวางตำแหน่งไว้เป็นอันดับสองแล้ว


คุณเป็นนักเศรษฐศาสตร์ที่สนใจทุกเรื่อง มีเรื่องไหนสนใจเป็นพิเศษไหม

 เศรษฐศาสตร์เป็นศาสตร์ที่เรียบเรียงความคิดได้อย่างมีระบบ และไม่ได้เกี่ยวกับหุ้นและผลประกอบการอย่างเดียว ถ้าเราเรียนเศรษฐศาสตร์แบบผิวเผิน แล้วเราจะเกลียดมัน 

ผมโชคดีที่ซึบซับมาว่า เราสามารถนำมาประยุกต์กับสิ่งต่างๆ รอบตัว ไม่ใช่แค่นโยบาย ยังรวมถึงเรื่องส่วนตัว การพัฒนาตัวเอง ความสัมพันธ์ ก็เลยชอบ ที่ชอบมากพิเศษคือ นโยบายสาธารณะ ผมคิดว่าสำคัญและใกล้ตัวทุกคน

ที่ผมสนใจเป็นส่วนตัวคือ นโยบายที่กระทบต่อทุนมนุษย์กับการพัฒนาตัวเอง และนโยบายที่กระทบต่อสุขภาพคน

ถ้าไทยมีทุนมนุษย์ที่ดี คนไทยเป็นแรงงานที่มีคุณภาพและสุขภาพดี ก็จะเป็นที่ต้องการในตลาดโลก จำเป็นมากในอนาคต ผมให้ความสำคัญเรื่องพวกนี้ ที่ผมเคยทำวิจัยว่า คนๆ หนึ่งเราจะวัดอะไรได้บ้าง

อย่างระบบการศึกษา วัดแค่ผลสอบได้เกรดเท่าไรก็จบ จริงๆ แล้วต้องไปไกลกว่านั้น ถ้าเราจะลงทุนในระบบการศึกษาดีๆ ลงทุนเรื่องพัฒนามนุษย์ ผมว่าเป็นการลงทุนที่คุ้มค่า


ยกตัวอย่างสักนิด ?

ที่ผมทำ เป็นนโยบายระดับชาติ ถ้าผมอยากทำให้คนไทยเก่งขึ้น สู้ตลาดแรงงานโลกหรือมีชีวิตที่ดีขึ้น ผมมีทางเลือกเยอะมากผมจะค้นหาการลงทุนที่ให้ผลตอบแทนกับประเทศเยอะที่สุดด้วยเงินที่มีอยู่

ยกตัวอย่างโครงการของจีนเรื่องหนึ่ง ลงทุนซื้อแว่นตาให้เด็กใส่ ฟังดูแล้ว ไม่น่าจะเป็นโครงการที่มีทางได้ลงข่าว ถ้าเทียบกับการลงทุนในอินเทอร์เน็ต หรือแท็บเล็ตที่มีค่าใช้จ่ายเยอะๆ

ถ้ามีการวัดผลเทียบกับเงินที่ลงทุน แล้วทำให้เด็กมีอนาคต อันนี้เป็นลงทุนน้อยแต่ได้เยอะ เนื่องจากเด็กสายตาสั้นมองไม่เห็นกระดานดำเวลาครูสอน บางทีเรามองข้ามเรื่องแบบนีี้ 

ทำไมเราต้องอินเทรนด์กับอะไรบางอย่าง แน่นอนแท็บเล็ตหรือไอซีทีมันสำคัญอยู่แล้ว แต่โดยหลักการ ควรลงทุนกับสิ่งที่ได้ผลตอบแทนสูงสุดก่อน แล้วค่อยๆ เลื่อนขั้นขึ้นไป


ในสายตาคุณ การลงทุนแบบไหนที่ไม่ค่อยได้ผล

ในเมืองไทยการลงทุนกับแบบเรียน หรืออุปกรณ์การเรียนบางอย่างมันสิ้นเปลือง ควรจะเลิก แล้วเทเงินส่วนหนึ่งไปลงทุนกับการพัฒนาครู  

เดี๋ยวนี้เราวัดผลได้ว่า เราควรเอาเงินไปทำอะไรให้สังคมดีขึ้น ถ้าเราวัดผลได้ขนาดนี้ มันไม่มีเหตุผลเลยที่เราจะคิดไปเองหรือไม่วัดผลเลย


ตอนนี้สังคมไทยอยู่ในสถานการณ์แบบไหน

ดูเหมือนบางอย่างไม่ถูกวัดผล หรือไม่มีความอยากวัดผลเลย นี่คือปัญหา


ถ้าจะลงทุนเพื่อให้คุณภาพชีวิตคนไทยดีขึ้น ควรลงทุนอย่างไร

ถ้าถามผมควรลงทุนกับโลกอนาคตที่ตอบโจทย์อัพสกิล-รีสกิล ให้กับคนไทย อย่าไปบังคับให้คนมาเรียน อย่างที่สิงคโปร์ให้คูปอง ให้โอกาส คนเลือกได้ว่า อยากพัฒนาตัวเองด้านไหน ผมว่าเป็นระบบการตลาดที่ค่อนข้างตอบโจทย์ สามารถวัดผลตอนจบได้ ก่อนอื่นต้องมีมายเซ็ตว่า ตอนจบของโครงการต้องวัดผลได้ ถ้าไม่มั่นใจ ทำเล็กๆ ก่อนแล้วขยาย ไม่ใช่ทำใหญ่แล้วจบ


(ทรัพยากรด้านสาธารณสุขของไทยอยู่ในขั้นวิกฤติ)


มีเรื่องอะไรที่คุณอยากแบ่งปันให้สังคมอีกไหม

ผมอยากแนะแนวหรือเป็นเพื่อนคุยให้เด็กและเยาวชน เพราะเราเคยมีประสบการณ์ตอนเด็ก เคยสับสนในชีวิตช่วงวัยหนึ่ง และผมกับภรรยาเลี้ยงลูกด้วยกันเยอะ เรื่องนี้ละเอียดอ่อนมาก ไม่เคยมีใครสอนผมเรื่องนี้

อย่างเรื่องการสร้างความมั่นใจให้เด็ก เวลาทารกร้องไห้เยอะๆ การเลี้ยงแบบโบราณก็บอกว่า ปล่อยให้ร้องไปอย่าตามใจ ซึ่งทางวิทยาศาสตร์หรือสมอง เด็กยังไม่มีความคิดแบบนั้นเลย

ผมเคยไปร่วมคุยในเฟซบุ๊คกลุ่มพ่อแม่ เรื่องไม่ตีลูก พ่อแม่สามารถคุยกับลูกด้วยเหตุผลได้ ซึ่งสามารถทำได้ แต่ไม่มีใครสอน ผมเชื่อว่า เด็กที่เกิดมาทุกคนบริสุทธิ์ ขึ้นอยู่ว่าเจอผู้ใหญ่ที่มีประสบการณ์แบบไหน ผมสนใจเรื่องเหล่านี้ อยากให้เด็กทุกคนมีโอกาสที่ดี มีวัยเด็กที่สมบูรณ์ ซึ่งยากมาก

เรื่องเด็กและเยาวชน เป็นเป้าหมายที่ผมจะทำในอนาคต เพราะเป็นเรื่องทุนมนุษย์ ผมให้ความสำคัญมาก เราไปใส่ใจในแง่เอาเงินทุ่มกระทรวงศึกษาธิการเยอะๆ แต่ไม่ได้ดูผลที่ได้ งบประมาณเกี่ยวกับการดูแลเด็กควรกระจายทุกกระทรวง


มูลค่าทางเศรษฐกิจของคนไทยหนึ่งชีวิตมีค่าเท่าไร

มีวิธีทำหลายแบบ ที่ทำออกมา คนไทยหนึ่งชีวิตมีมูลค่าทางเศรษฐกิจประมาณ 9-20 ล้านบาท ชีวิตคนอเมริกันมีมูลค่า 6-9 ล้านเหรียญ มากกว่าคนไทย 30 เท่า ไม่แปลกเพราะค่าแรงของเขาเยอะ

ถ้าถามว่า ตัวเลขเหล่านี้ มีประโยชน์อย่างไร สามารถนำไปวัดความคุ้มค่ามาตรการบางอย่างของรัฐ ผมให้ทีมงานทำข้อมูล วัดการล็อคดาวน์ไว้ ข้อดีคือ ช่วยชีวิตคนหมู่มาก ข้อเสียคือ คนจะอดตาย ไม่มีงาน

ถ้าจะไปให้สุดทาง ต้องคำนวณต่อว่า ควรจะล็อคดาวน์กี่วัน เพื่อให้สมดุลระหว่างประโยชน์และโทษที่ตามมา แน่นอนไม่มีใครอยากให้ล็อคดาวน์ปิดทั้งประเทศ ต้องมีจุดพอดี

ตัวเลขตรงนี้มีความสำคัญ เป็นราคาความคุ้มค่าของการทำมาตรการต่างๆ อย่างเรื่องวัคซีน ถ้าเอาตัวเลขมูลค่าทางเศรษฐกิจชีวิตคนไทยต่อคน 9-20 ล้านบาทมาคำนวณ ถ้ารัฐไปซื้อวัคซีนมากองๆ ไว้ก่อน ยังไงก็คุ้ม


นิยามคำว่า "หนึ่งชีวิตมีมูลค่าทางเศรษฐกิจ"ไว้อย่างไร

เป็นจุดที่นักเศรษฐศาสตร์โดนเข้าใจผิดเยอะมาก  เป็นการประเมินคุณภาพชีวิตแบบเลือดเย็น ผมไม่ได้เป็นคนคิดตรงนี้ขึ้นมา

ยกตัวอย่างปัญหามลพิษทางอากาศที่เกิดขึ้น ถ้าเราต้องการอากาศสะอาด ก็ต้องแลกกับต้นทุนทางเศรษฐกิจ ราคาแพงมาก ไม่สามารถทำให้ทั้งประเทศเป็นโซล่าเซลล์ได้


มีคนบอกว่า คุณให้ความสำคัญเรื่องการบริหารเวลาค่อนข้างมาก ?

สำคัญมาก โดยเฉพาะช่วงโควิด ทำให้หลายคนกลับมาคิดว่า เป้าหมายชีวิตเป็นอย่างไร ผมว่าหลายคนเริ่มเห็นว่า อยากทำอะไรบางอย่างที่มีความหมายต่อชีวิต ช่วงหลังๆ ผมอยากใช้เวลากับครอบครัวและคนใกล้ชิดมากขึ้น

เพราะช่วงโควิดมีการสูญเสียเยอะ ทำให้เห็นว่า ทำไมชีวิตมันสั้นขนาดนั้น ก็เลยคิดว่า ต้องบริหารความสัมพันธ์ดีๆ โลกปัจจุบันเราคุยกันผ่านโซเชียลมีเดีย บางทีเราสูญเสียการมีความสัมพันธ์กันจริงๆ ช่วงนี้เราควรลงทุนกับทักษะความสัมพันธ์ ซึ่งมีประโยชน์ในอนาคต เพราะหุ่นยนต์ทำไม่ได้
#3454
GoldSpotClub ทำเงินกับกองทุนทองคำ รับกำไรรายสัปดาห์ กองทุนทอง Profit

เริ่มต้นขั้นต่ำ 100$ รับรายได้ 5-7% ต่อสัปดาห์ รับค่าการตลาดสูงถึง 10%

รับรายได้ต่อเนื่องรายสัปดาห์กับเรา

เว็บไซต์ :: https://goldspot.club/

ติดต่อสอบถาม :: https://m.me/Goldspotclub

กลุ่มไลน์ :: https://line.me/R/ti/g/PSxgfgxCaz








#3455


รับเหมาถมที่ ถมดิน, ถมลูกรัง, ถมทราย, ถมบดอัดแน่น

  • ถมเพื่อสร้างบ้าน, สร้างอาคารพาณิชย์
  • ถมเพื่อสร้างโรงงาน, สร้างโกดังเก็บสินค้า
  • ถมเพื่อสร้างลานจอดรถ, โชว์รูมรถ
  • ถมเพื่อทำถนน, ทางเข้าหมู่บ้าน
รับเหมางานบดอัด

  • ทำถนน, ทำลานจอดรถ, ลานอเนกประสงค์, พื้นตลาดนัด, ลานปูน
  • ทำลานฯ ทำถนน ด้วย หินคลุก, ลูกรัง, เศษวัสดุ
รับเหมางานรื้อถอน

  • รื้อถอนโครงสร้างอาคาร บ้าน ที่พักอาศัย
  • รื้อถอนสิ่งปลูกสร้าง, โรงงาน, ทุบตึก
  • รื้อถอนภายในอาคาร, ห้างสรรพสินค้า, ร้านค้า
  • เคลียร์พื้นที่รกร้าง
website : http://www.mmee2000.comtel : 080-022-3804   ID : LINE  MMEE2000รับถมที่ ถมดิน รับเหมา รับถมที่
#3456










ที่ดินบ้านสวนคลอง14 ชุดพิเศษ 10แปลง
ระบบสาธารณูปโภคพร้อม ไฟฟ้า-น้ำประปา
ที่ดินถมแล้ว ราคาโปรโมชั่นพิเศษ ตารางวาละ 5,900บาท
**ยกเว้นแปลง P7 ราคา 4,900บาท/ตารางวา ครับ**

เงื่อนไขจองและทำสัญญาเพียง 50,000บาทเท่านั้น

พื้นใกล้เคียง พร้อมสรรพด้วย คาเฟ่, โรงเรียน, วิทยาลัย, มหาวิทยาลัย, โรงพยาบาลขนาดใหญ่, วัด, ตลาด, การคมนาคมที่สะดวก ห่างจากถนนรังสิต-นครนายก กม.35 เพียง 2 กิโลเมตร เท่านั้น

เพื่อตอบโจทย์ทุกรูปแบบการใช้ชีวิต ของทุกคนในครอบครัว

ถือเป็น ทำเลดี น่าลงทุน ทำเลอนาคต ซื้อเก็บไว้ เป็นมรดกแก่ลูกหลานได้

ปัจจุบัน ความเจริญด้านนวัตกรรมและเทคโนโลยี มีบทบาทที่สำคัญในการดำเนินงาน ในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจและสังคม พร้อมทั้งเชื่อมโยงชีวิต และไลฟ์สไตล์ ให้เป็นหนึ่งความสุขที่ยั่งยืน

ความสุขในการดีไซน์บ้านในฝันของคุณ ท่ามกลางธรรมชาติใกล้กรุงเทพฯ

เพิ่มความอบอุ่นให้กับครอบครัวได้ใช้ชีวิตร่วมกัน ครอบคลุมทุกช่วงวัย

การใช้ชีวิตทั้งในวันนี้และในอนาคตต่อไป


สนใจเชิญให้เข้าร่วมกลุ่ม Line "บ้านที่ดิน HouseLand" เพื่อรับการอัพเดทที่ดิน
https://bit.ly/3xFTxOS

โปรดติดต่อทีมงาน 88
 ติดต่อคุณชัย 88
โทร. 0918849203
LINE ID : @614skoug
เว็บบ้านที่ดิน  https://housetheland.com

กดไลค์กดแชร์ กดติดตาม คือ
https://www.youtube.com/watch?v=Xet4QMhxfKI&t=302s

https://www.facebook.com/HouseTheLand
#3457
ความคุ้มค่าที่มาพร้อมความปลอดภัย ใบมีดโกนหนวดได้รับออกแบบมาจากวัสดุเกรดพรีเมียมป้องกันสนิม มีใบมีดสองชั้นเพื่อรองรับแรงกดขณะโกนหนวด ช่วยป้องกันริ้วรอยที่จะเกิดกับผิวหน้าของคุณ และช่วยให้คุณโกนได้สะอาดเกลี้ยงเกลาเรียบเนียน อีกทั้งใบมีดโกนทั้ง 36 ใบได้รับการผนึกมาเป็นอย่างดีเพื่อป้องกันเชื้อโรค และป้องกันน้ำ สามารถเก็บไว้ใช้ได้ยาวนานหมดปัญหาเรื่องการซื้อใบมีดโกนบ่อย ๆ
เข้าสู้หน้าเว็บ https://razor69.lnwshop.com
#3458


(15 ก.ค.64) นายอนุชา บูรพชัยศรี โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เผยช่วงเย็นวันนี้ พลเอก ประยุทธ์จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม จะเป็นประธานในพิธีเปิดรับนักท่องเที่ยวภายใต้รูปแบบ Samui Plus Model (ผ่านระบบ Video Conference) ณ อำเภอเกาะสมุย จังหวัดสุราษฎร์ธานี  โดยเป็นกิจกรรมการเปิดพื้นที่นำร่องเกาะสมุย เกาะพะงัน เกาะเต่า ภายใต้  Samui Plus Model  ซึ่งเป็นการขยายพื้นที่นำร่องรับนักท่องเที่ยวจากต่างประเทศที่ได้รับวัคซีนแล้วเข้ามาท่องเที่ยวในประเทศไทยต่อยอดจากภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์ ซึ่งได้เปิดโครงการไปเมื่อวันที่ 1 กรกฎาคม 2564 ที่ผ่านมา และจะขยายในพื้นที่อื่นที่มีศักยภาพด้วย

สำหรับการเปิด Samui Plus Model วันนี้ ช่วงเช้ามีพิธีต้อนรับ Experimental FAM Trip เที่ยวบินปฐมกฤษ์ PG 5125 BKK-USM ซึ่งเป็นตัวแทนเอเย่นต์และสื่อมวลชนต่างประเทศ  (ลอนดอนปารีส แฟรงค์เฟิร์ต และฮ่องกง) ที่การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยเชิญมาในรูปแบบแฟมทริปด้วย และในช่วงเย็นเวลาประมาณ 19.00 น. ณ SEEN BEACH CLUB SAMUI อำเภอเกาะสมุย จังหวัดสุราษฎร์ธานี นายกรัฐมนตรี จะทำพิธีเปิด Samui Plus Model ผ่านระบบออนไลน์ พร้อมร่วมชมการแสดง 3D Mapping Performance ชุด Samui+ Top of Mind ซึ่งการเปิดกิจกรรมครั้งนี้จะช่วยฟื้นฟูเศรษฐกิจการท่องเที่ยวของหมู่เกาะทะเลใต้ทั้งเกาะสมุย เกาะพงันและเกาะเต่า รวมถึงพื้นที่อื่นๆ โดยคำนึงถึงความปลอดภัยด้านสาธารณสุขของนักท่องเที่ยวและประชาชนในพื้นที่เป็นสำคัญ

โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรียังยืนยันว่า Samui Plus Model และ Phuket Sandbox เป็นการเดินหน้าอย่างเป็นขั้นตอนตามที่ท่านนายกรัฐมนตรีได้ประกาศแนวทางเปิดประเทศไทยภายใน120 วัน เพื่อฟื้นฟูกิจกรรมทางเศรษฐกิจภายใต้การควบคุมสถานการณ์การแพร่ระบาดโควิด-19 อย่างเข็มงวดอีกด้วย ซึ่งตัวเลขนักท่องเที่ยวที่เดินทางเข้ามาภูเก็ต ภายใต้โครงการ Phuket Sandbox ตั้งแต่วันที่1-14 ก.ค.นี้ รวมแล้ว 5,473 คน
#3459
รถบรรทุกที่จะมาช่วยให้คุณเบาแรงมากขึ้น งานก่อสร้าง งานยกเสาเข็ม ยกปูน ยกทราย สอบถามมาใด้ 061-9369562 NLR130 สี่ล้อไม่ติดเวลาติดเครน2.5ตันจดทะเบียนแบบรถปิกอัพ   หรือกดแอดไลน์เป็นเพื่อนจะได้ส่งข้อมูลให้ครับ https://line.me/ti/p/ePNAac8AhS
NLR130 สี่ล้อไม่ติดเวลาติดเครน2.5ตันจดทะเบียนแบบรถปิกอัพ

https://youtu.be/mnTpScvtcfY
#3460
"Boom Gluta Shots" ไอตัวนี้แหละ ที่ไปชนะ รางวัลระดับโลกมา

กลูต้า นวัตกรรม​ใหม่​ล่าสุด ที่ช่วยเปิดไฟให้ผิว ขาวใส ดูดซึม​เร็วสุด 250 เท่า
นวัตกรรม FiR Glutathione (อ่านว่า เอฟ-ไอ-อาร์-กลูตาไธโอน)
ที่นักวิทยาศาสตร์ค้นพบและได้ผ่านการพิสูจน์แล้วว่าดูดซึมดีกว่ากลูต้าเดิม ๆ ถึง 250 เท่า
ได้รับรางวัล งานประกวดนวัตกรรมวิทยาศาสตร์นานาชาติ ที่กรุงโซลประเทศเกาหลีใต้ ในงาน Seoul international invention Fair 2020

หลายคน บอกว่าขาวออร่า ไม่เว้น ตั้งแต่จักแร้ ยันง่ามตูดเลยจ้า
คุณหมอและนักวิทยาศาสตร์ ก็นิยมกินเองเลยตัวนี้ เพราะรู้จักดี ในแง่ของงานวิจัย
ที่ได้รางวัลระดับโลกมาขนาด พี่โดม ปกรณ์ ลัม ก็กินเป็นประจำ
ต้องซื้อมาจัดเอง เดี๋ยวรู้ไม่จริงนะคะ

ใครที่เคยกินมาเยอะแล้วสารพัด แต่ ไม่เห็นผล บอกเลยตัวนี้เห็นผลแน่นอน บางคนอาทิตย์แรกรู้แล้ว บางคนเข้าอาทิตย์ที่ 2 มีคนทักแล้ว ว่าใส ว๊าว ผื่นหาย สิวเกลี้ยง ฟื้นฟูผิวดีมากๆ อาหารผิวที่แท้จริงเลย ผิวนี้ละเอียดขึ้น เห็นๆได้ด้วยตา ไม่ต้องส่องกล้อง หรือเพ่งจิตภาวนาแต่อย่างใด  ตัวนี้มีสารต้านอนุมูลอิสระ(Antioxidants) สูงสุดในโลกจากซุปเปอร์ฟรุต (SuperFruit) อย่าง มากิเบอรี่ ด้วย (Maqui Berry) และมีวิตามินผิวอีกเพียบ A C E / Q10และสารอาหารนางเอกที่รับมง จากเกาหลี อย่างที่บอกไปแต่แรกละ #FiRGlutathione 
ราคากล่องละ 590 บาท เท่านั้น  มีทั้งหมด​ 15 ซอง
ทานวันละซอง ตอนท้องว่าง แนะนำ​ก่อนนอน และเช้าตอนตื่นนอน
โปร 1 เดือน สั่ง​ซื้อ 2 กล่อง ราคา 1,180 บาท ส่งฟรี นะคะ

สั่งซื้อได้ที่นี่เลยจ้าดีลเลอร์ใหญ่ #รับตัวแทนจำหน่ายทั่วประเทศ แบบไม่สต๊อกด้วยจ้า 

คลิกที่ลิงค์มาคุยกันนะคะ https://www.facebook.com/healthyclubbyfaa

ดูรายละเอียดบูมกลูต้าเพิ่มเติมได้ที่
https://coachfaa.glutashots.com

Tags :: Boom Gluta Shots,Gluta,Gluta Shots,กลูต้า