เมื่อพูดถึง SEO หลายคนมักนึกถึงการใส่คีย์เวิร์ด การเขียนคอนเทนต์ หรือการสร้างลิงก์ แต่ยังมีอีกด้านที่สำคัญไม่แพ้กัน นั่นคือ
Technical SEO หรือการปรับแต่งด้านเทคนิคของเว็บไซต์ให้เอื้อต่อการจัดอันดับบน Google
แม้ชื่อจะดูเทคนิคจ๋า แต่จริง ๆ แล้วนักการตลาดก็จำเป็นต้องเข้าใจ เพราะ Technical SEO เป็นรากฐานสำคัญที่จะทำให้คอนเทนต์ดี ๆ และกลยุทธ์ SEO (https://seolabour.co/seo/) ของคุณทำงานได้เต็มประสิทธิภาพ
Technical SEO คืออะไร?
Technical SEO คือการปรับปรุงโครงสร้างและระบบหลังบ้านของเว็บไซต์ เพื่อช่วยให้เครื่องมือค้นหา (เช่น Googlebot) สามารถ
เข้าถึง, เข้าใจ, และจัดอันดับ เว็บไซต์ของคุณได้อย่างราบรื่น
5 เรื่องสำคัญของ Technical SEO ที่นักการตลาดควรรู้
1. ความเร็วเว็บไซต์ (Page Speed)
Google ให้ความสำคัญกับประสบการณ์ผู้ใช้ และความเร็วในการโหลดหน้าเว็บคือหนึ่งในปัจจัยหลัก
[ul]
- เว็บไซต์ที่โหลดช้า = ผู้ใช้ออกจากเว็บเร็ว = อันดับตก
- เครื่องมือแนะนำ: Google PageSpeed Insights, GTmetrix
[/ul]
เคล็ดลับ: ลดขนาดรูปภาพ, ใช้ระบบแคช, ใช้โฮสติ้งที่เร็ว
2. Mobile-Friendly = ต้องใช้งานดีบนมือถือ
จากปี 2023 เป็นต้นมา Google ใช้
Mobile-First Indexing อย่างเต็มรูปแบบ หมายความว่า Google จะดูเวอร์ชันมือถือก่อนเป็นหลัก
นักการตลาดควรเช็ค:[ul]
- เว็บไซต์แสดงผลบนมือถือได้ดีหรือไม่?
- ฟอนต์เล็กเกินไปไหม? ปุ่มกดยากไหม?
- ใช้ Mobile-Friendly Test ของ Google ได้เลย
[/ul]
3. Sitemap และ Robots.txt
สองไฟล์นี้เหมือน "แผนที่" และ "ประตูเข้าออก" ของ Googlebot
[ul]
- Sitemap.xml: บอกว่าเว็บเรามีหน้าหลัก ๆ อะไรบ้าง
- robots.txt: บอกว่า Google ควรหรือไม่ควรเข้าไปอ่านหน้าไหน
[/ul]
แนะนำ: นักการตลาดควรประสานกับทีมเทคนิคให้ส่ง sitemap เข้า Search Console และไม่บล็อกหน้าสำคัญโดยไม่ตั้งใจ
4. Canonical Tags และ Duplicate Content
หากเว็บไซต์มีหลายหน้าที่เนื้อหาใกล้เคียงกัน เช่น
[ul]
- หน้าเดียวกันแต่มี URL หลายแบบ
- เวอร์ชัน HTTP กับ HTTPS / มี www กับไม่มี
[/ul]
Google อาจสับสนว่าอันไหนคือของจริง
Canonical Tag ช่วยบอกว่า "URL ไหนคือเวอร์ชันหลัก" และป้องกันปัญหา Duplicate Content
5. Core Web Vitals (CWV)
เป็นชุดตัวชี้วัดด้าน UX ที่ Google ใช้ประเมินเว็บไซต์ เช่น:
[ul]
- LCP (Largest Contentful Paint): โหลดเนื้อหาหลักเร็วแค่ไหน
- FID (First Input Delay): กดปุ่ม/สั่งการได้เร็วแค่ไหน
- CLS (Cumulative Layout Shift): หน้าเพี้ยนหรือไม่เมื่อโหลด
[/ul]
CWV มีผลต่ออันดับจริง นักการตลาดควรตรวจและส่งต่อให้ทีมพัฒนาแก้ไขให้สอดคล้อง
ทำไมนักการตลาดควรเข้าใจ Technical SEO?
[ul]
- ช่วยประสานงานกับ Developer ได้แม่นยำ
- แก้ปัญหา SEO ที่ไม่เกี่ยวกับคอนเทนต์ได้ตรงจุด
- ต่อยอดแผน SEO ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
- ลดเวลาเสียเปล่าในการทำคอนเทนต์ที่ Google เข้าไม่ถึง
[/ul]
สรุป
Technical SEO อาจไม่ใช่เรื่องที่นักการตลาดต้องลงมือเขียนโค้ดเอง แต่ "ความเข้าใจ" ในหลักการสำคัญของมันจะทำให้คุณสามารถวางแผน SEO ได้อย่างครบมิติ เห็นปัญหาที่แท้จริง และร่วมมือกับทีมเทคนิคได้อย่างมีประสิทธิภาพ
Quoteเพราะ SEO ที่ดี ไม่ใช่แค่คอนเทนต์ดี แต่ต้องเริ่มจากเว็บไซต์ที่พร้อมให้ Google มองเห็นและจัดอันดับได้อย่างถูกต้อง