• Welcome to ลงประกาศฟรี โพสฟรี โปรโมทเว็บไซด์ให้ติดอันดับ SEO ด้วย PBN.
 

poker online

ปูนปั้น

Menu

Show posts

This section allows you to view all posts made by this member. Note that you can only see posts made in areas you currently have access to.

Show posts Menu

Topics - Prichas

#3281


"เซ็นทรัลพัฒนา" ย้ำผู้นำศูนย์การค้า สะอาด ปลอดภัย COVID-FREE เปิดตัวมาตรการ "เซ็นทรัล สะอาด มั่นใจ Safe Plus+" มั่นใจขั้นสูงสุด พนักงานฉีดวัคซีนแล้ว และตรวจคัดกรอง ATK ต่อเนื่อง พร้อมเปิดศูนย์การค้า 1 ก.ย.นี้ พนักงานพร้อม: พนักงานฉีดวัคซีนแล้ว, ตรวจ ATK 100% วันแรก และสุ่มตรวจต่อเนื่องทุกสัปดาห์, สวมหน้ากากอนามัยป้องกัน 2 ชั้น ศูนย์การค้าพร้อม: ฆ่าเชื้อระบบปรับอากาศด้วยแสง UV-C, เช็ดถูจุดสัมผัสทุก 30 นาที, และทำ Big Cleaning ฆ่าเชื้อทุกวัน

วันนี้ (31 ส.ค. 64) ดร. วัลลภ สุวรรณดี ประธานที่ปรึกษาของผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร, นางวัลยา วัฒนรัตน์ รองปลัดกรุงเทพมหานคร พร้อมคณะผู้บริหารลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมความพร้อมของมาตรการที่ศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวิลด์ ก่อนเปิดให้บริการตามปกติพร้อมกัน 21 สาขาในพื้นที่เข้มงวดสูงสุด ได้แก่ กรุงเทพและปริมณฑล, ชลบุรี, ระยอง, นครราชสีมา และหาดใหญ่
ดร. ณัฐกิตติ์ ตั้งพูลสินธนา ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ ฝ่ายการตลาด บมจ. เซ็นทรัลพัฒนา กล่าวว่า "เซ็นทรัลพัฒนา เราได้ริเริ่มแผนแม่บทมาตรการความสะอาดมาตั้งแต่เริ่มต้นการระบาด สร้างมาตรฐานใหม่ New Normal และเราไม่เคยหยุดยั้งในการยกระดับมาตรการ ปรับปรุงตามสถานการณ์ เพื่อให้ศูนย์การค้าเป็นพื้นที่ปลอดภัยสำหรับประชาชน เป็นต้นแบบมาตรการยกระดับเข้มข้นสูงสุดของวงการศูนย์การค้าไทย อีกทั้งยังช่วยเหลือผู้ประกอบการทั้งคู่ค้าผู้เช่า และอาชีพต่างๆ ไปพร้อมกันด้วย ซึ่งการเปิดศูนย์การค้าภายใต้นโยบายที่ภาครัฐควบคุมดูแลจะช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจและประเทศให้เดินหน้า ซึ่งเราหวังว่าสถานการณ์ในประเทศจะค่อยๆ คลี่คลาย พร้อมฟื้นตัวช่วงปลายปี"



"ทั้งนี้จากการประกาศของศบค.เมื่อวันที่ 27 ส.ค. ที่ผ่านมา ที่อนุญาตให้ธุรกิจในศูนย์การค้าเปิดให้บริการได้เพิ่มเติมได้นั้น เรามีความพร้อมอย่างเต็มที่ในการเปิดให้บริการ และพร้อมปฏิบัติตามมาตรการของภาครัฐอย่างเคร่งครัด ในฐานะผู้นำแผนแม่บทเซ็นทรัล สะอาด มั่นใจ ใน 5 แกนหลัก 75 มาตรการ เรามุ่งมั่นและต้องการรณรงค์ให้ทุกคนร่วมกันสร้างสังคมที่สะอาด ปลอดภัยด้วยกัน จึงเป็นที่มาของการพัฒนามาตรการ เซ็นทรัล สะอาด มั่นใจ Safe Plus+ ที่เข้มข้นขึ้น โดยเน้นที่การดูแลสถานที่และพนักงานให้บริการอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้พื้นที่ของศูนย์การค้าเป็นพื้นที่ปลอดภัย COVID-FREE เป็นต้นแบบของการบริหารจัดการมาตรการของศูนย์การค้าไทยต่อไป" ดร. ณัฐกิตติ์ กล่าว

"โดยมาตรการ "เซ็นทรัล สะอาด มั่นใจ Safe Plus+" สอดคล้องตามมาตรฐานของกระทรวงสาธารณสุข เน้นย้ำเป็นพิเศษในการเว้นระยะห่างระหว่างบุคคล รวมไปถึงให้พนักงานให้บริการมีการฉีดวัคซีน – ตรวจคัดกรองวันแรก 100% และต่อเนื่องทุกสัปดาห์ – กักตัวอย่างเป็นระบบ – เว้นระยะห่าง – สะอาดปลอดภัยตลอดเวลาทุกวัน ซึ่งได้รับความร่วมมือเป็นอย่างดีจากทั้งผู้เช่าร้านค้า และพนักงานภายในศูนย์การค้า ที่พร้อมให้ความร่วมมือปฏิบัติตามมาตรการอย่างเต็มที่ รวมถึงการประเมินร้านค้าผ่าน Thai Stop Covid Plus, พนักงานประเมินตนเองผ่าน Thai Safe Thai ทุกวัน ตามขั้นตอนของกระทรวงสาธารณสุขอย่างเคร่งครัด เพื่อตอกย้ำความมั่นใจให้แก่ผู้มาใช้บริการ" ดร.ณัฐกิตติ์ กล่าว



ไฮไลท์ มาตรการ "เซ็นทรัล สะอาด มั่นใจ Safe Plus+" ยกระดับเข้มข้นสูงสุด อาทิ
• Extra Screening+ เรื่องการฉีดวัคซีน และตรวจคัดกรองด้วย ATK
สำหรับลูกค้า
◦ ลูกค้าที่มาใช้บริการในศูนย์การค้าทุกคนต้องสแกน "ไทยชนะ" ก่อนเข้าพื้นที่ศูนย์การค้า และร้านค้าทุกครั้ง
◦ ส่งเสริมให้ทุกคนร่วมกันสร้างสังคมสะอาด ปลอดภัย ด้วยการแสดงหลักฐานอย่างใดอย่างหนึ่ง ได้แก่ 1) ฉีดวัคซีนแล้วอย่างน้อย 1 เข็ม 2) ผลตรวจ ATK ไม่เกิน 7 วัน 3) ผู้ป่วยที่หายจากโควิด ไม่เกิน 3 เดือน แสดงใบรับรองแพทย์ 4) ผลตรวจ RT-PCR ไม่เกิน 7 วัน 5) ประเมินความเสี่ยงผ่าน ไทยเซฟไทย ทุกวัน
◦ เน้นย้ำการสวมหน้ากากอนามัยตลอดเวลา วัดอุณหภูมิ ล้างมือด้วยเจลแอลกอฮอล



สำหรับพนักงาน

◦ พนักงานที่จะเข้าปฏิบัติงานในศูนย์การค้าเซ็นทรัล มี 3 ทางเลือก ได้แก่
1. พนักงานร้านค้า และศูนย์การค้าต้องฉีดวัคซีนอย่างน้อย 1 เข็ม พร้อมแสดงหลักฐานการฉีดวัคซีน
2. พนักงานที่เคยติดโควิดและรักษาหายแล้ว ต้องมีใบรับรองแพทย์ไม่เกิน 3 เดือน
3. พนักงานที่ยังรอรับวัคซีนป้องกันโควิด-19 จะต้องตรวจ ATK ในครั้งแรกทุกคน และตรวจเป็นระยะต่อเนื่อง ทุกสัปดาห์
◦ วันแรกที่เปิดให้บริการ พนักงานต้องตรวจ Antigen Test Kit (ATK) ทุกคน 100% และสุ่มตรวจคัดกรองด้วย ATK หมุนเวียนทุกสัปดาห์
• หากมีอาการ พนักงานต้องหยุดทำงาน และไปตรวจ ATK ทันที
• ผลการตรวจ ATK ของพนักงาน ต้องได้รับการรับรองจากบริษัทต้นสังกัด โดยใบรับรองจะมีผลใช้ได้ 3 วัน นับจากวันที่ตรวจ
• อุปกรณ์การตรวจ ATK ต้องเป็นแบรนด์ที่ได้รับเครื่องหมาย อย. เท่านั้น
• 100% Social Distancing+
• จำกัดจำนวนคนในพื้นที่ 1 ต่อ 5 ตร.ม.
• ร้านอาหาร นั่งได้ 50% ของพื้นที่เพื่อลดความแออัดและ 75% หากไม่มีแอร์
• สำหรับศูนย์อาหาร จัดให้มีระบบ Customer counting ในการควบคุมจำนวนลูกค้า 50% ของพื้นที่
• ส่งเสริมการจองคิวล่วงหน้า และการทำธุรกรรมผ่านออนไลน์
• พนักงานต้องทานข้าวคนเดียวเท่านั้น



• กำหนดระยะห่างระหว่างบุคคลเมื่อใช้บันไดเลื่อน ไม่ต่ำกว่า 2 เมตร หรือ 4 ขั้นบันไดเลื่อน
• Extra Deep Cleaning+
• ฆ่าเชื้อระบบปรับอากาศในศูนย์การค้าตลอดเวลาด้วยแสง UV-C, ควบคุมระบบอากาศหมุนเวียนภายใน 5-6 ACH และล้างไส้กรองแอร์ทุก 2 เดือน
• ทำความสะอาดทุกจุดสัมผัสทุก 30 นาที
• ทำความสะอาด Big Cleaning หลังศูนย์ฯ ปิดทุกวัน
• ศูนย์การค้า / ร้านค้า ต้องลงทะเบียนเพื่อทำการประเมินผ่าน Thai Stop Covid Plus
• พนักงานศูนย์ฯ และร้านค้าทุกคน ต้องประเมินตนเองผ่าน Thai Save Thai ทุกวัน
• ป้องกัน 2 ชั้น พนักงานทุกคนต้องใส่หน้ากากอนามัย 2 ชั้น หรือ ใส่หน้ากากอนามัย 1 ชั้น และ Face Shield
• ห้ามเดินทานอาหารหรือเครื่องดื่ม ระหว่างอยู่ในศูนย์การค้า
• ตรวจสอบคุณภาพน้ำตลอดเวลา โดยควบคุมระดับคลอรีนฆ่าเชื้อในน้ำไม่ต่ำกว่า 0.5 ppm
โดยศูนย์การค้าเซ็นทรัล 21 สาขาในพื้นที่เข้มงวดสูงสุด จะเปิดให้บริการธุรกิจตามปกติ ตั้งแต่วันที่ 1 ก.ย. 2564 เป็นต้นไป ตั้งแต่เวลา 11:00 – 20:00 น.* ยกเว้นบางธุรกิจที่เปิดแบบมีเงื่อนไข ได้แก่
• ร้านอาหาร-เครื่องดื่ม/ Food Court ที่มีเครื่องปรับอากาศให้นั่งรับประทานได้ 50% สำหรับร้านที่ไม่มีเครื่องปรับอากาศ นั่งรับประทานได้ 75% และงดจำหน่ายและดื่มสุราในร้านอาหาร
• ร้านเสริมสวย ร้านตัดผมหรือแต่งผม เปิดได้เฉพาะตัด สระ ซอย แต่งผม โดยผ่านการนัดหมาย ให้บริการไม่เกิน 1 ชั่วโมง และต้องไม่มีผู้นั่งรอในร้าน
• ร้านนวด เปิดได้เฉพาะฝ่าเท้า โดยผ่านการนัดหมาย
• คลินิกเวชกรรม คลินิกเสริมความงาม (ต้องนัดหมายล่วงหน้าเท่านั้น)



โดยศูนย์การค้าเซ็นทรัลทั้ง 21 สาขา ในพื้นที่เข้มงวดสูงสุด ได้แก่ เซ็นทรัลเวิลด์, เฟสติวัล อิสต์วิลล์, เซ็นทรัลพลาซา ลาดพร้าว, ปิ่นเกล้า, พระราม 2, พระราม 3, แกรนด์ พระราม 9, รามอินทรา, บางนา, แจ้งวัฒนะ, เวสต์เกต, รัตนาธิเบศร์, ศาลายา, มหาชัย, เซ็นทรัลวิลเลจ, เซ็นทรัลพลาซา ชลบุรี, เซ็นทรัล มารีนา, เฟสติวัล พัทยา บีช, เซ็นทรัลพลาซา ระยอง, นครราชสีมา และเฟสติวัล หาดใหญ่ เปิดให้บริการตั้งแต่วันที่ 1 กันยายน 2564 เป็นต้นไป ตั้งแต่เวลา 11:00 – 20:00 น.* ซูเปอร์มาร์เก็ต เปิดให้บริการ 8:00 – 20:00 น. ทุกวัน*
เซ็นทรัลพัฒนา พร้อมให้ความร่วมมือกับภาครัฐอย่างเต็มที่ ในการป้องกันและยับยั้งการแพร่ระบาดของโควิด-19 และพร้อมดูแลทุกฝ่ายอย่างเต็มที่ เพื่อให้เราทุกคนฝ่าวิกฤตครั้งนี้ไปด้วยกันได้อย่างดีที่สุดและช่วยกันขับเคลื่อนประเทศชาติให้ยังคงเดินหน้าต่อไป
#3282



ลีดส์ ยูไนเต็ด ประกาศคว้าตัว ดาเนียล เจมส์ ปีกทีมชาติเวลส์ จากแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด มาร่วมทัพอย่างเป็นทางการ ด้วยค่าตัว 25 ล้านปอนด์

'ยูงทอง' ตกเป็นข่าวอย่างต่อเนื่องว่าต้องการดึงตัว เจมส์ มาร่วมทัพให้ได้ และสุดท้ายทีมก็บรรลุข้อตกลงกับ 'ปีศาจแดง' ดึงแข้งความเร็วสูงสรายนี้มาเป็นสมาชิกใหม่ โดยทำการเซ็นสัญญากันยาว 5 ปีเต็ม

บิคตอร์ ออร์ต้า ผู้อำนวยการสโมสรของ ลีดส์ ยูไนเต็ด กล่าวว่า 'ก่อนอื่นต้องขอบคุณทีมงานของเราที่จับตามอง ดาเนียล มาหลายปี และทุกคนทุ่มเทอย่างหนักในการปิดดีลนี้ให้ได้'

'มันไม่ใช่ความลับอะไรที่ ดาเนียล เป็นนักเตะที่เราอยากได้ตัวมาหลายปี และวันนี้เราก็ทำได้ตามเป้าหมายของเรา'

'ดาเนียล เป็นนักเตะที่เข้ากับระบบทีมของ มาร์เซโล่ บิเอลซ่า ได้อย่างลงตัว เขามีความเร็ว เล่นกับฟุต.ในสไตล์ของเราได้ และเขาทุ่มเทอย่างหนักมาตลอด' ผอ.ทีมยูงทอง ทิ้งท้าย
#3283


นักเรียนชั้นประถม 1 เดินทางมาถึงโรงเรียนแห่งหนึ่งในเมืองเสิ่นหยาง มณฑลเหลียวหนิง ทางภาคตะวันออกเฉียงเหนือของจีน เมื่อวันจันทร์ (30 ส.ค.) ซึ่งเป็นวันเริ่มภาคการศึกษาใหม่

ปักกิ่งประกาศในวันจันทร์ (30 ส.ค.) ห้ามการสอบข้อเขียนสำหรับเด็กที่มีอายุแค่ 6-7 ปี ถือเป็นการเดินหน้าแผนปฏิรูปการศึกษาเพื่อลดความกดดันต่อนักเรียนและพ่อแม่ในระบบโรงเรียนที่มีการแข่งขันดุเดือด

ระบบการศึกษาของจีนซึ่งมุ่งเน้นที่ผลสอบ กำหนดให้นักเรียนต้องเข้าสอบตั้งแต่เริ่มเข้าเรียนปีแรกเป็นต้นไป และต่อยอดไปจนถึงการสอบเข้ามหาวิทยาลัยสำหรับนักเรียนอายุ 18 ปีที่เรียกกันในภาษาจีนว่า "เกาเข่า" ซึ่งคะแนนที่เพิ่มขึ้นหรือลดลงเพียงคะแนนเดียว อาจสามารถกำหนดเส้นทางชีวิตของผู้สอบได้

กระทรวงศึกษาธิการจีนแถลงเมื่อวันจันทร์ (30) ว่า การสอบที่ชุกเกินไปส่งผลให้นักเรียนต้องรับภาระหนักและอยู่ภายใต้ความกดดันมหาศาล และความกดดันต่อเด็กตั้งแต่ยังเล็กเป็นอันตรายต่อสุขภาพจิตใจและร่างกายของเยาวชน

นอกจากห้ามจัดสอบข้อเขียนในเด็กเล็กวัย 6-7 ขวบแล้ว กฎระเบียบใหม่ยังจำกัดการสอบในชั้นปีอื่นๆ ของการศึกษาภาคบังคับ ไม่ให้เกินภาคการศึกษาละ1 ครั้ง และอนุญาตให้มีการสอบกลางเทอม ตลอดจนการจัดสอบแบบจำลองการสอบจริงสำหรับชั้นมัธยมศึกษาตอนต้น

มาตรการเหล่านี้เป็นส่วนหนึ่งของแผนการปฏิรูปภาคการศึกษาอย่างครอบคลุมของรัฐบาลจีน ซึ่งรวมถึงการปราบปรามโรงเรียนกวดวิชาที่พ่อแม่มองว่า เป็นวิธีเพิ่มพูนโอกาสทางการศึกษาสำหรับลูก

ทั้งนี้เมื่อปลายเดือนกรกฎาคม จีนสั่งให้บริษัทกวดวิชาของเอกชนทั้งหมดแปลงเป็นองค์กรที่ไม่หวังผลกำไร และห้ามสถาบันติวเตอร์สอนบทเรียนในวิชาหลักในช่วงสุดสัปดาห์หรือวันหยุด ส่งผลกระทบอย่างรุนแรงต่อธุรกิจนี้ที่มีมูลค่าถึง 100,000 ล้านดอลลาร์

เป้าหมายของปักกิ่งคือการลดความเหลื่อมล้ำทางการศึกษา ซึ่งพ่อแม่ชนชั้นกลางบางคนยินดีจ่ายเงินปีละอย่างน้อย 100,000 หยวนเป็นค่าเรียนพิเศษเพื่อให้ลูกสอบเข้าโรงเรียนดีๆ

พ่อแม่บางคนไล่หาที่อยู่ในเขตพื้นที่ของโรงเรียนซึ่งมีชื่อเสียง ส่งผลให้ราคาบ้านย่านนั้นพุ่งขึ้น

คลอเดีย หวัง หุ้นส่วนและผู้อำนวยการฝ่ายการศึกษาเอเชียของบริษัทที่ปรึกษาโอลิเวอร์ วายแมนในสิงคโปร์ ชี้ว่า ไม่มีประเทศไหนอีกแล้วที่มีวัฒนกรรมการติวแข็งแกร่งเท่าจีน

อัตราการขยายตัวของประชากรที่ลดต่ำที่สุดในรอบหลายทศวรรษทำให้ทางการจีนยกเลิกนโยบายจำกัดการมีลูกไม่เกินครอบครัวละ 2 คนเมื่อต้นปี นอกจากนั้นรัฐบาลยังต้องการเพิ่มมาตรการจูงใจเพื่อโน้มน้าวให้ประชาชนมีลูกเพิ่ม

สัปดาห์ที่แล้ว เจ้าหน้าที่ในปักกิ่งประกาศว่า ครูต้องสลับสับเปลี่ยนไปรับตำแหน่งในโรงเรียนต่างๆ ทุก 6 ปี เพื่อป้องกันไม่ให้ครูที่มีความรู้ความสามารถกระจุกอยู่ในโรงเรียนระดับหัวกะทิบางแห่งเท่านั้น

ในวันจันทร์ เจ้าหน้าที่ศึกษาธิการยังย้ำเตือนไม่ให้โรงเรียนต่างๆ สร้างห้องเรียนพิเศษสำหรับเด็กที่มีพรสวรรค์

ต้นปีนี้กระทรวงศึกษาธิการสั่งห้ามการให้การบ้านแบบข้อเขียนสำหรับนักเรียนเกรด 1 และ 2 รวมทั้งจำกัดการให้การบ้านนักเรียนมัธยมต้น ไม่ให้เกินคืนละ 1.5 ชั่วโมง

อย่างไรก็ตาม พ่อแม่จำนวนมากยังมองว่า การศึกษาคือเส้นทางไต่เต้าทางสังคม เนื่องจากเกาเข่าเป็นหนึ่งในไม่กี่วิธีที่นักเรียนยากจนในชนบทจะสามารถเข้าถึงโอกาสทางการศึกษาที่ดีกว่าและโอกาสในการมีงานดีๆ ทำหากได้เข้ามหาวิทยาลัยแถวหน้า

(ที่มา: เอเอฟพี)
#3284


การประกาศวิสัยทัศน์ใหม่ของบริษัท ไออาร์พีซี จำกัด(มหาชน)(IRPC)เพื่อก้าวสู่การเป็นองค์กรที่ "สร้างสรรค์นวัตกรรมการใช้วัสดุและพลังงาน เพื่อชีวิตที่ลงตัว " (To Shape Material and Energy Solutions in Harmony with Life) รองรับกระแสการเปลี่ยนแปลงต่างๆของโลกหลากหลายมิติ (เมกะเทรนด์) อาทิ เทคโนโลยี การสื่อสาร การคมนาคม รวมถึงความต้องการของลูกค้า ที่กำลังเข้าสู่การเป็นสังคมเมือง สังคมผู้สูงอายุ และสังคมคาร์บอนต่ำ ตลอดจนสงครามการค้าที่ไม่เพียงแต่ส่งผลกระทบต่อผู้ประกอบการธุรกิจเท่านั้น ขณะเดียวกันยังเพิ่มโอกาสในการสร้างความแข็งแกร่งให้กับองค์กรอีกด้วย

ชวลิต ทิพพาวนิช ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ไออาร์พีซี จำกัด (มหาชน) หรือ IRPC กล่าวว่า ปัจจุบันมีปัจจัยภายนอกส่งผลกระทบต่อการดำเนินธุรกิจอย่างมากและมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น รวมไปถึงการแพร่ระบาดโควิด-19 ที่เป็นตัวเร่งให้บริษัทต้องปรับตัวนับตั้งแต่วันนี้ เพื่อขับเคลื่อนธุรกิจโดยใช้องค์ความรู้ในองค์กรที่สั่งสมความเชี่ยวชาญด้านธุรกิจโรงกลั่นน้ำมันและปิโตรเคมีมากว่า40ปี ควบคู่กับการนำเทคโนโลยีและดิจิทัลมาประยุกต์ใช้เพื่อเพิ่มความแม่นยำ ว่องไว ทันต่อสถานการณ์ในการต่อยอดธุรกิจปัจจุบัน ควบคู่กับการแสวงหาธุรกิจใหม่ภายใต้วิสัยทัศน์ใหม่ โดยไม่ถูกจำกัดอยู่แค่ธุรกิจการกลั่นและปิโตรเคมีอีกต่อไป

การขยายขอบเขตไปสู่นวัตกรรมการใช้วัสดุและพลังงานแห่งอนาคต ( Material and Energy Solutions )เพื่อตอบสนองความต้องการของผู้บริโภค ไม่ว่าจะเป็นการต่อยอดนวัตกรรมด้านสุขภาพและวัสดุอุปกรณ์สิ้นเปลืองทางการแพทย์ ซึ่งเป็นหนึ่งใน Life Science ธุรกิจเป้าหมายที่บริษัทแม่ คือ ปตท.ให้ความสำคัญในการลงทุน ทำให้ IRPC ได้รับการสนับสนุนจากบริษัทแม่ ผนวกกับอาศัยการเชื่อมโยงเครือข่ายในกลุ่มปตท. และพันธมิตร เพื่อสร้างนวัตกรรมของผลิตภัณฑ์และรูปแบบธุรกิจใหม่ๆ ทำให้IRPCพร้อมที่จะโตอย่างยั่งยืนภายใต้ความสมดุลทั้งชีวิตผู้คน และสิ่งแวดล้อม

ขณะเดียวกัน IRPC ยืนยันไม่ทิ้งธุรกิจการกลั่นและปิโตรเคมีในปัจจุบันที่เป็นตัวสร้างรายได้และกำไร แต่มุ่งที่จะต่อยอด ต่อยาว และต่อใหม่ให้บริษัทเข้มแข็งเทียบเคียงบริษัทลูกในกลุ่มปตท.



ตั้งเป้าปี73 EBITDA50%มาจากธุรกิจใหม่

ทั้งนี้ IRPC ได้วางเป้าหมายในปี 2568 บริษัทจะมีกำไรก่อนดอกเบี้ย ภาษี ค่าเสื่อมราคา (EBITDA) มาจากธุรกิจใหม่ราว 25% และในปี 2573 จะเพิ่มขึ้นเป็น 50% เมื่อเทียบกับปีนี้ที่สัดส่วนEBITDAจากธุรกิจใหม่น้อยมาก เพราะบริษัทเพิ่งเริ่มร่วมลงทุนกับบริษัท อินโนบิก(เอเชีย)ที่ปตท.ถือหุ้น 100% จัดตั้งบริษัท อินโนโพลีเมด จำกัด ที่IRPCจะถือหุ้นในสัดส่วน60 %และบริษัท อินโนบิก (เอเชีย)ถือหุ้น 40 %เพื่อดำเนินธุรกิจผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์ผ้าไม่ถักไม่ทอ (Non-woven Fabric) และวัสดุสิ้นเปลืองทางการแพทย์ (Medical Consumables) ใช้เงินลงทุน 260ล้านบาท โดยIRPCนำเม็ดพลาสติก PP มาพัฒนาสูตรเองเป็นPP เกรด เมลต์โบลน ( Polypropylene Melt blown)ใช้เป็นวัตถุดิบในการผลิตผ้าเมลต์โบลน ซึ่งเป็นผ้าชั้นกรองในหน้ากากอนามัย หน้ากาก N95 และชุดป้องกันส่วนบุคคล (PPE) โครงการดังกล่าวคาดว่าจะแล้วเสร็จในปลายปี2564 นับเป็นโครงการที่ช่วยลดการพึ่งพาการนำเข้าจากต่างประเทศ



ทบทวนงบลงทุนใหม่ให้สอดคล้องวิสัยทัศน์

สำหรับงบการลงทุน 5 ปีข้างหน้า ขณะนี้ IRPC อยู่ระหว่างการทบทวนงบลงทุนใหม่เพื่อให้สอดคล้องวิสัยทัศน์ใหม่ที่ได้ประกาศไป ยืนยันว่าเงินลงทุนจะสูงกว่าเดิมที่เคยตั้งไว้ 3.6 หมื่นล้านบาทอย่างแน่นอน แม้ว่าช่วง1-3ปีแรกส่วนใหญ่จะใช้สำหรับโครงการปรับปรุงคุณภาพน้ำมันดีเซลตามมาตรฐาน EURO (Ultra Clean Fuel Project: UCF) มูลค่า 1.33หมื่นล้านบาท ที่กำหนดเดินเครื่องเชิงพาณิชย์ภายในเดือนมกราคม 2567 ตามนโยบายรัฐในการบังคับใช้น้ำมันมาตรฐานEURO Vในเดือนม.ค. 2567เพื่อลดปัญหามลภาวะฝุ่นละออง PM2.5 ,การปรับปรุงเพิ่มประสิทธิภาพการผลิต ,การปิดซ่อมบำรุงเครื่องจักร และการร่วมทุนหรือซื้อกิจการ(M&A)

ซึ่งเป็นการลงทุนเพื่อสร้างการเติบโตจากกลุ่มธุรกิจในปัจจุบัน(Core Uplift) เป็นหลัก หรือที่เรียกกันสั้นว่าต่อยอด ไม่ว่าจะเป็นโครงการ UCF การพัฒนาและการผลิตเม็ดพลาสติกเกรดพิเศษ (Specialty )เพื่อสร้างมูลค่าเพิ่มหนีจากการผลิตเม็ดพลาสติกเกรดทั่วไปที่ได้รับผลกระทบจากวัฎจักรด้านราคา เป็นต้น

แต่ในระยะกลาง บริษัทจะเพิ่มน้ำหนักการลงทุนในกลุ่มธุรกิจข้างเคียง(Adjacent Business )หรือเรียกสั้นๆว่าต่อยาว เช่นการนำเม็ดพลาสติก PP ไปพัฒนาเป็นPPเกรดเมลต์โบลน แล้วนำไปสู่การผลิตเป็นผ้าเมลต์โบลน เพื่อนำไปผลิตหน้ากากอนามัย เป็นต้น ซึ่งในอนาคตจะเห็นอีกหลายโครงการ

สำหรับธุรกิจใหม่ (Step Out Business) หรือต่อใหม่จะเป็นการขยายสู่ธุรกิจที่บริษัทไม่เคยทำมาก่อน (นิว ฟรอนเทียร์ ) กล่าวได้ว่าเป็นการก้าวสู่ "พรมแดนใหม่" มีทั้งการลงทุนผ่านกองทุนVCที่สนับสนุนการลงทุนStartup รวมทั้งหาโอกาสลงทุนในธุรกิจใหม่เองจากการM&A ซึ่งวิสัยทัศน์ใหม่เปิดช่องให้ลงทุนหลากหลายรวมภายใต้คำจำกัดความว่า Material รวมถึงพลังงานรูปแบบใหม่ มีทั้งลงทุนในไทยและต่างประเทศ เพื่อให้บริษัทบรรลุเป้าหมายที่ตั้งไว้ในปี2573

 จีบพันธมิตรร่วมผลิตถุงมือยางการแพทย์

การก้าวสู่เป้าหมายได้อย่างรวดเร็ว หนึ่งในแนวทางนั้นคือการร่วมทุนหรือควบรวมกิจการ (M&A) IRPCเริ่มแรกมุ่งเน้นการลงทุนต่อยอดธุรกิจเดิมด้วยขนาดการลงทุนที่ใช้เงินไม่มาก ขณะนี้บริษัทอยู่ระหว่างการเจรจาM&Aแล้ว 2-3 โครงการทั้งในไทยและต่างประเทศซึ่งเป็นโครงการที่อยู่ระหว่างการพัฒนา และโครงการใหม่ โดยหนึ่งในนั้นคือโครงการผลิตถุงมือยางสังเคราะห์ทางการแพทย์ นับเป็นการลงทุนที่ต่อยอดจากโครงการผลิตหน้ากากอนามัยที่ร่วมมือกับกลุ่ม ปตท. ไปก่อนหน้านี้ โดยจะผลิต Nitrile Butadiene Latex (NBL)ซึ่งเป็นวัตถุดิบในการผลิตถุงมือยางทางการแพทย์ สร้างมูลค่าเพิ่มตอบรับเมกะเทรนด์ด้านธุรกิจสุขภาพที่ทั่วโลกกำลังเติบโต ขณะนี้อยู่ระหว่างการเจรจากับพันธมิตรธุรกิจที่เป็นเจ้าของเทคโนโลยีคาดจะได้ข้อสรุปในโครงการดังกล่าวภายในปี2564 และวางเป้าหมายที่จะผลิตในปี2568

ทางปตท. กล่าวถึงความร่วมมือกับIRPCในการผลิตผ้าเมลต์โบลนและ NBL ซึ่งเป็นวัตถุดิบหลักในการผลิตอุปกรณ์ทางการแพทย์และอุปกรณ์สาธารณสุข ถือเป็นอีกก้าวที่สำคัญจะช่วยยกระดับสาธารณสุข วิทยาศาสตร์เทคโนโลยี และอุปกรณ์ทางการแพทย์ของประเทศไทย สอดคล้องกับการพัฒนาธุรกิจ Life Science ซึ่งเป็น New S-Curve ของกลุ่ม ปตท. และยังเป็นส่งเสริมยุทธศาสตร์การพัฒนาประเทศไทยให้เป็น Medical Hub ของอาเซียน ตามนโยบาย Thailand 4.0 ของรัฐบาล

แม้ว่าบริษัทจะได้รับการสนับสนุนการลงทุนธุรกิจใหม่ที่เน้นด้าน Health and Wellness แต่IRPC มีจุดยืนในการลงทุนโครงการใหม่หรือM&A ต้องมีขนาดโครงการไม่ใหญ่ ใช้เงินลงทุนไม่มาก เน้นการต่อยอดธุรกิจปัจจุบันของบริษัท แต่หากเป็นการลงทุนขนาดใหญ่ก็จะลงทุนเป็นทีมร่วมกับกลุ่มปตท.หรือพันธมิตร เพื่อให้ได้3สิ่งนี้คือองค์ความรู้ พันธมิตร และ ผลตอบแทนการเงิน เมื่อบริษัทมีเข้มแข็งมากขึ้น ก็จะขยับการลงทุนโครงการที่มีขนาดใหญ่ขึ้น



หากกล่าวถึงจุดเด่นIRPC ที่ทำให้นักลงทุนสนใจดึงเป็นพาร์ทเนอร์ นอกเหนือจากความเชี่ยวชาญในธุรกิจปิโตรเคมีและการกลั่นแล้ว ขนาดโรงกลั่นน้ำมันไม่ใหญ่เฉลี่ยวันละ1.9แสนบาร์เรล/วัน แต่ผลิตภัณฑ์ที่ได้ส่วนใหญ่นำไปเป็นผลิตปิโตรเคมีที่มีความหลากหลายทั้งเม็ดพลาสติก PP PE โพลีสไตรีน อะคริโลไนไตรล บิวทาไดอีน สไตรีน ฯลฯ รวมทั้งบริษัทยังมีที่ดินในเขตประกอบการอุตสาหกรรมไออาร์พีซีที่เชิงเนิน อ.เมือง จ.ระยอง ที่มีท่าเทียบเรือน้ำลึก คลังน้ำมัน และโรงไฟฟ้า ตัดปัญหาการหาพื้นที่ตั้งโรงงานและระบบสาธารณูปโภคเลย

รุกสู่ธุรกิจยานยนต์ไฟฟ้า

ส่วนความคืบหน้าการรุกตลาดยานยนต์ไฟฟ้า(EV)ภายหลังจากการร่วมทุนกับบริษัท เจแปน โพลิโพรพิลีน คอร์ปอเรชั่น จำกัด( JPP ) ที่มีความเชี่ยวชาญในด้านสูตรการผลิตเม็ดพลาสติกชนิดพิเศษที่หลากหลาย โดยIRPCเข้าถือหุ้นในสัดส่วน50 %ของบริษัท ไมเท็กซ์ โพลิเมอร์ (ประเทศไทย) จำกัดเพื่อผลิตและจำหน่ายเม็ดพลาสติกชนิดพิเศษพีพีคอมพาวด์ให้กับลูกค้าอุตสาหกรรมชิ้นส่วนยานยนต์และยานยนต์ไฟฟ้า (EV) ทั้งในประเทศไทยและเอเชียตะวันออกเฉียงใต้นั้น IRPCได้ส่งเม็ดพลาสติกPPเกรดพิเศษไปทดสอบเพื่อใช้ผลิตชิ้นส่วนยานยนต์ ซึ่งขณะนี้มีความคืบหน้าไประดับหนึ่ง สุดท้ายเมื่อได้รับการยอมรับในผลิตภัณฑ์ก็พร้อมเจาะตลาดทั้งในและต่างประเทศ ทำให้บริษัทต่อเวลูเชนลงไปสู่Converter นับเป็นก้าวสำคัญในการรุกธุรกิจใหม่อีกหนึ่งธุรกิจตอบโจทย์เทรนด์โลก

IRPCยังเป็นส่วนในการผลักดันให้ไทยเป็นฮับในอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้า ซึ่งขณะนี้ทางปตท.ก็ได้จับมือกับบริษัท หงไห่ พริซิชั่น อินดัสทรี จำกัด หรือ ฟ็อกซ์คอนน์ กรุ๊ป (Foxconn Technology Group) จากไต้หวันในโครงการลงทุนอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้าในประเทศไทย เพื่อศึกษาโอกาสในการพัฒนาฐานการผลิตยานยนต์พลังงานไฟฟ้าในประเทศไทย โดยจะเป็นการใช้เทคโนโลยีสมัยใหม่ โดยเป็นโรงงานที่รับจ้างผลิตรถอีวีได้หลายยี่ห้อ และหากศึกษาแผนร่วมทุนกันสำเร็จ ปตท.จะจัดตั้งโรงงานผลิตในประเทศไทย รวมทั้งกลุ่มปตท.มีความพร้อมในธุรกิจแบตเตอรี่ป้อนอีวีและสถานีอัดประจุไฟฟ้าสำหรับยานยนต์ไฟฟ้าด้วย



IRPC ยังได้กำหนดวิธีการเดินหน้าสู่ความสำเร็จด้วยกลยุทธ์ 3 S ได้แก่ Strengthening the core, Striving the growth, Sustaining the future ดังนี้

Strengthening the core การเพิ่มความสามารถในการแข่งขันของธุรกิจหลัก ได้แก่ โครงการUCF ,การปรับปรุงกระบวนการทำงาน IRPC 4.0 เป็นการนำระบบดิจิทัลและเทคโนโลยีที่ทันสมัยมาประยุกต์ใช้ เพื่อยกระดับประสิทธิภาพในการดำเนินงานขององค์กร

Striving the growth ขยายการลงทุนในธุรกิจที่มีศักยภาพ โดยเพิ่มสัดส่วนผลิตภัณฑ์มูลค่าสูง กลุ่มผลิตภัณฑ์ชนิดพิเศษ และขยายธุรกิจสู่ปิโตรเคมีปลายน้ำเพื่อให้ใกล้ชิดกับผู้บริโภคมากยิ่งขึ้น และ Sustaining the future การพัฒนาและสร้างสรรค์นวัตกรรม เพื่อลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม และส่งเสริมคุณภาพชีวิตที่ดี ตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภคที่เปลี่ยนไปตามแนวโน้มการเปลี่ยนแปลงของโลก ด้วยการใช้พลังงานทดแทนและการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก

สำหรับแนวโน้มการดำเนินงานครึ่งหลังปี2564 พบว่ายังมีปัจจัยลบจากสถานการณ์การแพร่ระบาดโควิด-19 สายพันธุ์เดลต้าในภูมิภาคเอเชีย รวมทั้งมีโรงงานปิโตรเคมีแห่งใหม่จากจีนและมาเลเซียจะทยอยเข้าสู่ตลาดกดดันภาพรวมตลาดปิโตรเคมีอยู่ ขณะที่เป้าหมายกำลังการกลั่นของIRPCครึ่งปีหลังอยู่ที่ 1.90-1.95แสนบาร์เรล/วัน ใกล้เคียงหรือสูงกว่าครึ่งปีแรกเล็กน้อย ทำให้รายได้บริษัทในครึ่งปีหลังส่อแววต่ำกว่า 6เดือนแรกปี2564 ที่มีผลงานดีเกินความคาดหมาย บริษัทมีรายได้รวม 1.05 แสนล้านบาทและกำไรสุทธิ 1.01หมื่นล้านบาท

ความท้าทายในการดำเนินธุรกิจของ IRPC ที่ต้องเผชิญในอนาคตเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญที่ IRPCจะต้องก้าวไปถึงเป้าหมายเพื่อสร้างความแข็งแกร่งอีกครั้งโดยมีบริษัทแม่อย่างปตท.คอยหนุนหลังเพื่อเทียบเคียงบริษัทลูกอื่นๆในกลุ่มปตท.ที่เริ่มสยายปีกลงทุนโครงการขนาดใหญ่ในต่างประเทศ
#3285


ธนาคารซิตี้แบงก์ ประเทศไทย เดินหน้าพัฒนาดิจิทัลโซลูชัน และบิ๊กดาต้าเพื่อให้บริการลูกค้าบนช่องทางออนไลน์อย่างสมบูรณ์แบบครอบคลุมทุกบริการ เงินฝาก บัตรเครดิต การลงทุน สินเชื่อบุคคล โดยเฉพาะช่องทางโมบายล์ แอปพลิเคชัน อาทิ การพัฒนาฟีเจอร์ การให้บริการ ระบบเพิ่มความปลอดภัย โดยในช่วง 2 ไตรมาสที่ผ่านมาพบว่าลูกค้าธนาคารฯ มียอดใช้จ่ายของการสมัครใช้บริการโอนเงินหรือการแบ่งชำระจากบัตรเครดิตผ่านช่องทางดังกล่าวเติบโตคิดเป็นร้อยละ 72 เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า และมีจำนวนลูกค้ารายใหม่สมัครใช้บริการผ่านช่องทางออนไลน์มากขึ้นกว่าร้อยละ 40

นอกจากนี้ ธนาคารฯ ยังออกมาตรการให้ความช่วยเหลือลูกค้าของซิตี้ที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์แพร่ระบาดของโควิด-19 โดยมีมาตรการให้ความช่วยเหลือทั้งการยืดระยะเวลาผ่อนชำระสินเชื่อ ลดภาระการชำระเงิน ตลอดจนการลดอัตราดอกเบี้ยให้กับลูกค้าสำหรับลูกค้าที่ได้รับผลกระทบ ซึ่งลูกค้าสามารถลงทะเบียนเพื่อขอเข้าร่วมมาตรการรวมถึงตรวจสอบรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ https://citi.asia/thcovid หรือที่ซิตี้โมบายล์ แอปพลิเคชัน ตลอดจน www.citibank.co.th/
#3286


เล่นคู่กันเป็นเรื่องที่ 2 แล้ว สำหรับหนุ่มหล่อเข้ม 'จา พชร' และ Cuteboy (คิ้วท์บอย) 'เฟริสท์ ฉลองรัฐ' คู่จิ้นมาแรงขวัญใจสาววายที่ตอนนี้มีผลงานคู่กัน "Don't Say No The Series เมื่อหัวใจใกล้กัน" ออกมาให้ได้ฟินจนกรี๊ดลั่นหน้าจอ กับฉากหวานที่เสิร์ฟกันไม่หยุด  ซึ่งการทำงานร่วมกันในเรื่องนี้ ทั้งคู่ยอมว่าบทที่ต้องสัมผัสใกล้ชิดกันเล่นได้ง่ายขึ้น เพราะความรู้ใจที่มีเพิ่มมากขึ้นตามเลเวลความสนิทสนม โดยทั้งคู่เผยถึงการทำงานร่วมกันครั้งนี้ว่า 

จา : ' ตอนนี้เรา 2 คนค่อนข้างสนิทกันมากขึ้นครับ คุยกัน ปรึกษากันแทบจะทุกเรื่อง เพราะเคยเจอกันมาแล้วจากเรื่องก่อน ซึ่งตั้งแต่ตอนนั้นเราก็มีการปรับจูนเข้าหากันเรื่อยๆ ทั้งในเรื่องของการแสดง หรือแม้กระทั่งความสนิทนอกจอ คุยกันบ่อย พอยิ่งนานๆไปมันก็ทำให้ยิ่งรู้ใจกันมากขึ้นครับ เวลาแสดงด้วยกันก็เลยทำให้การถ่ายทำผ่านไปได้ด้วยดีในทุกๆครั้งที่เราต้องเข้าฉากด้วยกันครับ ' 

เฟริสท์ : 'ต้องบอกว่าเรารู้จักกันมา 1 ปีกว่าแล้ว ยิ่งนานมันก็รู้สึกยิ่งสนิท เชื่อใจกันละกันมากขึ้นครับ ทำให้ตอนเข้าฉากด้วยกันมันง่ายขึ้นมากๆ จำได้ว่าเรื่องที่แล้วพอมีบทต้องใกล้ชิดกันเรา 2 คนจะเขิลหนักมากทำอะไรไม่ถูกเลยครับ พอมาเรื่องนี้ได้เล่นเป็นแฟนกันแบบจริงๆ จังๆ ในบทมันก็จะมีสกินชิพ ถึงเนื้อถึงตัวกันเต็มไปหมดแทบจะทุกอีพี แต่โชคดีที่เป็นจาก็เลยทำให้มันง่ายขึ้นเรื่องการส่งอารมณ์ถึงกันเวลาเข้าฉากครับ  ยังไงก็ฝากติดตาม "Don't Say No The Series เมื่อหัวใจใกล้กัน"  ของพวกเราด้วยนะครับ ทุกคืนวันศุกร์ เวลา 22:45 น. ทางช่องวัน 31 และดูย้อนหลังได้ทาง LINE TV  ครับ' 

ติดตามทุกการอัปเดตของซีรีส์ Don't Say No The Series เมื่อหัวใจใกล้กัน , นักแสดง รวมถึงผลงานต่างๆ ของ MeMindY  ได้ที่ @memindyofficial
#3287


อธิวัฒน์ แพงเหนือ นักกีฬาวีลแชร์ เรซซิง ทีมชาติไทย คว้าเหรียญเงิน การแข่งขันพาราลิมปิก 2020 ประเภท 400 เมตรชาย คลาส T54 ขณะที่ สายชล คนเจน กับ ภูธเรศ คงรักษ์ พลาดหยิบเหรียญรายการนี้

การแข่งขันวีลแชร์ เรซซิง พาราลิมปิก เกมส์ 2020 ณ สนาม โอลิมปิก สเตเดียม ประเภท 400 เมตรชาย คลาส T54 ช่วงเย็นวันอาทิตย์ที่ 29 สิงหาคม เป็นการแช่งรอบชิงชนะเลิศ โดยมี สายชล คนเจน, อธิวัฒน์ แพงเหนือ, และ ภูธเรศ คงรักษ์ 3 ตัวแทนของไทย เข้าร่วม

ปรากฏว่า อธิวัฒน์ แพงเหนือ เจ้าของสถิติใหม่ของอีเวนท์ เข้าเส้นชัยอันดับ 2 เวลา 45.73 วินาที ช้ากว่า แดเนียล โรมันชุก จาก สหรัฐอเมริกา แค่ 0.01 วินาที และ ไต หยุนเชียง จาก จีน ซิวเหรียญทองแดง เวลา 46.20 วินาที

ส่วน สายชล คนเจน จบการแข่งขันอันดับ 4 เวลา 46.42 วินาที และ ภูธเรศ คงรักษ์ เข้าเส้นชัยอันดับ 8 เวลา 47.56 วินาที
#3288


ที่สนาม แคร์โรว์ โร้ด ประเทศอังกฤษ ในการแข่งขันฟุต.พรีเมียร์ลีก ดูกาล 2021-2022 คืนวันที่ 28 ส.ค.64 ระหว่างทีม 'นอริช ซิตี้' พบกัลทีม 'เลสเตอร์ ซิตี้' เริ่มเกมการแข่งขันในครึ่งเวลาแรก ในนาทีที่ 8 เลสเตอร์ ขึ้นนำ 1-0 จังหวะที่ วิลเลี่ยมส์ มัวแต่ช้าก่อนที่จะโดน เปเรยร่า ฉก.ไปได้แล้วจะกระชากขึ้นมาทางฝั่งขวาแล้วเปิดเข้าไปให้ เจมี่ วาร์ดี้ วิ่งเข้ามายิงเข้าประตูไป ต่อมานาทีที่ 44 นอริช มาได้จุดโทษ จังหวะที่ โซยุนซู ไปเสียบเข้าใส่ทาง ปิแอร์ ลีส์-เมลู ตอนแรกผู้ตัดสินไม่ได้เป่าเป็นลูกโทษ ก่อนจะไปดูจอวีเออาร์แล้วกลับมาให้ลูกโทษกับ นอริช และเป็น ปุ๊กกี้ ที่รับหน้าที่ยิงตีเสมอ 1-1


เริ่มเกมการแข่งขันในครึ่งเวลาหลัง นาทีที่ 76 เลสเตอร์ มาได้ประตูขึ้นนำ 2-1 ในจังหวะที่ วาร์ดี้ ได้.ตรงกลางสนามก่อนที่จะจ่ายออกขวาไปให้ อัลไบรท์ตัน ได้กดด้วยขวา.ไปแฉลบกองหลัง นอริช พุ่งเข้าเสาสองไป ช่วงท้าย นอริช พยายามเปิดเกมรุกเข้าใส่ เลสเตอร์ เพื่อหวังเอาประตูตีเสมอ แต่พวกเขาก็ไม่สามารถเจาะเกมรับของผู้มาเยือนได้ จบเกม เลสเตอร์ บุกมาเฉือนชนะ นอริช 2-1
#3289


ประชาคมข่าวกรองของสหรัฐฯไม่ได้ข้อสรุปเด็ดขาดในการสืบสวนต้นตอของไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ และเชื่อว่าพวกเขาคงไม่สามารถคลี่คลายข้อถกเถียง ในสมมุติฐานอุบัติเหตุที่ห้องปฏิบัติการแห่งหนึ่งของจีนคือต้นตอของโควิด-19 หากปราศจากข้อมูลที่มากกว่านี้ บรรดาเจ้าหน้าที่อเมริการะบุในรายงานสรุปที่ไม่ถูกจัดในชั้นลับสุดยอดในวันศุกร์(27ส.ค.)

เจ้าหน้าที่สหรัฐฯระบุว่ามีเพียงแค่จีนเท่านั้นที่สามารถช่วยคลี่คลายคำถามต่างๆเกี่ยวกับต้นกำเนิดที่แท้จริงของไวรัส ซึ่งคร่าชีวิตผู้คนทั่วโลกแล้วมากกว่า 4.6 ล้านราย "ความร่วมมือของจีนจะเป็นสิ่งจำเป็นมากที่สุด สำหรับการบรรลุคำประเมินที่ได้ข้อสรุปของแหล่งต้นตอโควิด-19"

ประธานาธิบดีโจ ไบเดน ซึ่งได้รับรายงานสรุปลับสุดยอดเมื่อช่วงกลางสัปดาห์ ระบุว่าวอชิงตันและพันธมิตรจะเดินหน้ากดดันรัฐบาลจีนต่อไปเพื่อให้ได้คำตอบต่างๆนานาเหล่านั้น

รายงานการสืบสวนของประชาคมข่าวกรองสหรัฐฯฉบับนี้มีขึ้นหลังจากเมื่อช่วงปลายเดือนพฤษภาคม ผู้นำสหรัฐฯออกคำสั่งให้หน่วยข่าวกรองเพิ่มความพยายามสืบหาต้นตอโควิด-19 และรายงานผลภายใน 90 วัน

"ข้อมูลสำคัญเกี่ยวกับต้นตอของโรคระบาดใหญ่ มีอยู่ในสาธารณรัฐประชาชนจีน ใช่ตั้งแต่แรกเริ่ม เจ้าหน้าที่รัฐบาลในจีนขัดขวางคณะสืบสวนนานาชาติและสมาชิกประชาคมสาธารณสุขโลกไม่ให้เข้าถึงมัน" ไบเดนระบุในถ้อยแถลง หลังมีการเผยแพร่รายงานสรุป

รายงานสรุปที่เผยแพร่โดยสำนักข่าวกรองแห่งชาติสหรัฐฯ น่าจะทำให้ความไม่ลงรอยระหว่างปักกิ่งและวอชิงตันเลวร้ายลงไปอีก ในช่วงเวลาที่ความสัมพันธ์ระหว่างสองประเทศดำดิ่งสู่ระดับต่ำสุดในรอบหลายทศวรรษ ขณะที่ในสหรัฐฯ พวกนักเคลื่อนไหวกังวลว่าผลการสืบสวนอาจปะทุเหตุใช้ความรุนแรงกับคนอเมริกันเชื้อสายเอเชียขึ้นมาอีกระลอก

จีนเย้ยหยันมาตลอดต่อทฤษฎีหนึ่งว่าเชื่อว่าโควิด-19 หลุดออกมาจากห้องปฏิบัติการไวรัสวิทยาของภาครัฐในเมืองอูฮั่น และยังนำเสนอสมมุติฐานต่างๆของตนเอง ในนั้นรวมถึงไวรัสหลุดออกมาจากห้องปฏิบัติการหนึ่งในฐานทัพฟอร์ต ดีทริค แห่งกองทัพสหรัฐฯ ในแมรีแลนด์ ปี 2019

รายงานของสหรัฐฯยังเผยให้เห็นรายละเอียดใหม่เกี่ยวกับขอบเขตความเห็นที่ขัดแย้งกันภายในรัฐบาลของไบเดนเกี่ยวกับทฤษฎีไวรัสหลุดมาจากห้องปฏิบัติการ

หลายหน่วยงานของประชาคมข่าวกรองสหรัฐฯคิดว่าไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่น่าจะอุบัติขึ้นจากการสัมผัสโดยธรรมชาติกับสัตว์ที่ติดเชื้อไวรัสหรือใกล้ชิดกับรากเหง้าไวรัส รายงานสรุประบุ

อย่างไรก็ตามรายงานสรุประบุว่าพวกเขามีความมั่นใจในข้อสรุปดังกล่าวในระดับต่ำ ขณะที่บางส่วนก็ไม่สามารถให้ความคิดเห็นที่หนักแน่นใดๆต่อต้นกำเนิดของไวรัส

กระนั้นก็มีอยู่บางส่วนในประชาคมข่าวกรองของสหรัฐฯ ที่มีความเชื่อมั่นพอประมาณว่ามนุษย์คนแรกที่ติดเชื้อโควิด-19 น่าจะเป็นผลจากอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นในห้องปฏิบัติการ บางทีอาจเกี่ยวข้องกับการทดลอง การจัดการสัตว์หรือการสุ่มตัวอย่างโดยสถาบันไวรัสวิทยาอูฮั่นของจีน

สำนักข่าวรอยเตอร์ระบุว่า คณะทำงานที่นำโดยองค์การอนามัยโลก ซึ่งใช้เวลา 4 สัปดาห์ ตรวจสอบทั้งในและรอบๆเมืองอู่ฮั่นในเดือนมกราคมและกุมภาพันธ์ ปฏิเสธทฤษฎีดังกล่าว แต่ในรายงานขององค์การอนามัยโลกในเดือนมีนาคม ซึ่งพวกนักวิทยาศาสตร์จีนร่วมเขียนด้วย ไม่ได้ให้หลักฐานอย่างพอเพียงสำหรับบอกปัดทฤษฎีนี้

รายงานฉบับใหม่ของสหรัฐฯสรุปว่าพวกนักวิเคราะห์จะไม่สามารถมอบคำอธิบายชัดเจนเด็ดขาดกว่านี้หากปราศจากข้อมูลใหม่ๆจากจีน อย่างเช่นตัวอย่างทางคลินิกและข้อมูลระบาดวิทยาของเคสผู้ติดเชื้อรายแรกๆ

ทีโดรส อัดฮานอม กีบรีเยซุส ผู้อำนวยการองค์การอนามัยโลก ระบุว่าหน่วยงานของเขายังไม่ตัดข้อสันนิษฐานใดๆ โดยองค์การที่มีสำนักงานใหญ่ในเจนีวาแห่งนี้เตรียมตั้งคณะกรรมการชุดใหม่ขึ้นมาเพื่อวางแผนขั้นต่อไปสำหรับศึกษาไวรัส SARS-CoV-2

อย่างไรก็ตามบรรดาผู้เชี่ยวชาญด้านระบาดวิทยาบอกว่าประตูสำหรับการใช้ประโยชน์จากข้อมูลที่เป็นประโยชน์ใดๆที่รวบรวมมาได้กำลังปิดลง โดยเฉพาะอย่างยิ่งจากบุคคลที่ติดเชื้อไวรัสในปี 2019 ครั้งที่โควิด-19 อุบัติขึ้นเป็นครั้งแรก

(ที่มา:รอยเตอร์)
#3290


บริษัท เชลล์แห่งประเทศไทย จำกัด เดินหน้าส่งเสริมพลังของคนรุ่นใหม่ในการเป็นผู้นำออกแบบเมืองแห่งอนาคตและเปลี่ยนผ่านสู่พลังงานสะอาด โดยส่งทีม Global Minds ซึ่งประกอบด้วยเยาวชนไทยจากหลากหลายมหาวิทยาลัยเป็นตัวแทนเข้าแข่งขัน Imagine the Future Scenarios Competition 2020/2021 และคว้ารางวัลชนะเลิศพร้อมเงินรางวัล 4,000 ดอลลาร์สิงคโปร์ ด้วยแนวคิด "Modern Dragon vs Blind Falcon"

Imagine the Future Scenarios Competition 2020/2021 เป็นโครงการให้คนรุ่นใหม่จากทวีปเอชียแปซิฟิกและตะวันออกกลาง นำเสนอสถานการณ์จำลองในอนาคต ทั้งการดำรงชีวิตและการทำงาน ในปีนี้มีเยาวชนจำนวน 277 ทีม จากอียิปต์ สิงคโปร์ และไทย เข้าร่วมแข่งขัน

เยาวชนในปัจจุบันมองโลกของเราใน พ.ศ 2593 อย่างไร โลกของเราจะเป็นอย่างไรใน พ.ศ 2593 บ้านเราจะจมอยู่ใต้น้ำหรือไม่ ชีวิตของเราจะถูกปกครองโดยปัญญาประดิษฐ์หรือไม่ เหล่านี้คือคำถามที่ผู้เข้าร่วมการแข่งขันครั้งนี้ได้สำรวจ และจำลองสถานการณ์ เพื่อเสนออนาคตที่มีความสมเหตุสมผล โดยเชลล์ได้จัดการแข่งขันนี้ขึ้นเป็นเวลา 5 ปีติดต่อกัน เยาวชนคนรุ่นใหม่ที่เข้าร่วมโครงการได้รับมอบหมายให้จินตนาการถึงพลังงานที่สะอาดยิ่งขึ้นของเมืองในทวีปเอเชียหรือตะวันออกกลางในพ.ศ 2593 รวมถึงวิธีที่เมืองจะเปลี่ยนวิถีการใช้ชีวิตและการทำงาน





ภาพการนำเสนอผลงานจากทีม Global Minds
ภาพการนำเสนอผลงานจากทีม Global Minds

การแข่งขันรอบชิงชนะเลิศแบบเสมือนจริง เมื่อวันที่ 26 สิงหาคม 2564 นอกจากเยาวชนจากประเทศไทยจะได้รับรางวัลชนะเลิศแล้ว ยังมีเยาวชนจาก American University Cairo ประเทศอียิปต์ที่จำลองสถานการณ์ถึงสิ่งที่เกิดขึ้น ณ เมืองอเล็กซานเดรียในพ.ศ. 2593 ได้รับรางวัลรองชนะเลิศอันดับหนึ่ง และ Nanyang Technological University จากสิงคโปร์ ได้รับรางวัลรองชนะเลิศอันดับสอง นำเสนอแบบจำลอง Sang Kancil vs Buto Ijo

ทีม Global Minds ตัวแทนประเทศไทย ซึ่งมีสมาชิกในทีม 5 คน ประกอบด้วย น.ส.นัชชา ยงพิพัฒน์วงศ์ จาก University of Oxford นายคณิน ตั้งชาติสิริ จาก University of Illinois at Urbana Champaign นายอยุช โคการ์ จาก University of British Columbia น.ส.ชนารดี ลีลาแม้นเทพ จาก Carnegie Mellon University และ น.ส.แครี่ เหล่าฤกษ์อุทัย จาก University of British Columbia เปิดเผยความรู้สึกหลังคว้ารางวัลชนะเลิศ ว่า "พวกเราภูมิใจและดีใจที่ได้เข้าร่วมการแข่งขันครั้งนี้ เพราะการแข่งขัน IMAGINE THE FUTURE ทำให้เปิดโอกาสให้ได้คิด และขยายมุมมองโลกทัศน์ของพวกเราให้กว้างขึ้น โดยเฉพาะประเด็นที่เกี่ยวข้องกับความสำคัญของพลังงาน การพัฒนากระบวนการคิด และการจำลองสถานการณ์อย่างถูกต้องและครอบคลุม ผ่านการตีโจทย์ต่างๆ รวมถึงการได้ทำโปรเจกต์ การเรียนรู้การใช้เครื่องมือการทำ scenarios เพื่อวางรูปแบบของเมืองในอนาคตที่ต้องการเห็น และได้พบกับผู้เชี่ยวชาญมากประสบการณ์ ที่มาให้ความรู้และคำแนะนำต่างๆ เป็นอย่างดี"

ทีม Global Minds ได้นำเสนอแบบจำลองสถานการณ์เมืองแห่งอนาคต "ฮ่องกง" ด้วยแนวคิด "Modern Dragon vs Blind Falcon" โดยคาดการณ์ถึงความท้าทายต่างๆ ในอนาคตที่ฮ่องกงจะต้องเผชิญหน้าในพ.ศ. 2593 ตามหลักการ "1 ประเทศ 2 ระบบ" ด้วยการฉายภาพอนาคต 2 รูปแบบภายใต้เงื่อนไขการปกครองต่างกัน ซึ่งปัจจัยสำคัญที่มีผลต่ออนาคตของฮ่องกง คืออำนาจการปกครองของจีนต่อฮ่องกงใน 2 รูปแบบ คือ 1. "มังกรยุคใหม่" (Modern Dragon) หมายถึงฮ่องกงภายใต้การปกครองของจีนอย่างเต็มรูปแบบ เป็นเมืองที่มีอัตราภาษีสูง เป็นรัฐสวัสดิการที่แข็งแกร่ง มีการอุดหนุนโครงการการศึกษา STEM ในฮ่องกงและเชินเจิ้น รวมถึงการสร้างความแข็งแกร่งให้กับระบบนิเวศด้วยแรงงานที่มีทักษะ และการนำเทคโนโลยีใหม่รวมถึงรถยนต์ไฟฟ้ามาใช้อย่างรวดเร็ว โดยฮ่องกงจะยังคงรักษาเอกลักษณ์ที่โดดเด่นในฐานะเมืองท่าสำคัญ เนื่องจากตั้งอยู่ใกล้กับกัมพูชา ลาว เมียนมาร์ และเวียดนาม และ 2. "เหยี่ยวตาบอด" (Blind Falcon) คือฮ่องกงยังคงเป็นเขตปกครองพิเศษของจีนต่อไปอีก 50 ปี โดยผู้คนค่อยๆ ยอมรับการปกครองของปักกิ่ง อย่างไรก็ตาม สังคมยังคงแบ่งแยกความเชื่อ ในเชิงเศรษฐกิจ ฮ่องกงยังคงรักษาสถานะเป็นศูนย์กลางทางการเงินของเอเชีย และกลายเป็นศูนย์กลางสำหรับความร่วมมือเชิงนวัตกรรมระหว่างตะวันออกและตะวันตก



นายปนันท์ ประจวบเหมาะ ประธานกรรมการ บริษัท เชลล์แห่งประเทศไทย จำกัด กล่าวว่า "เชลล์ขอแสดงความยินดีกับทีมเยาวชนทุกคนที่เข้าร่วมโครงการนี้ ถือเป็นโอกาสที่ดีในการพัฒนาศักยภาพของตนเอง ซึ่งจะเป็นประโยชน์ต่อการพัฒนาเมือง ขณะที่ตอบรับความเปลี่ยนแปลงและความท้าทายที่ทุกคนเผชิญทั้งในปัจจุบันและอนาคต เชลล์ ประเทศไทย มีความมุ่งมั่นในการสร้างการมีส่วนร่วมเพื่อ Powering Progress อย่างสร้างสรรค์และยั่งยืน สำหรับการสานต่อเจตนารมณ์ Trusted Partner for .ter Life พันธมิตรที่ไว้วางใจได้นั้น โครงการประกวดแนวคิดมีส่วนสนับสนุนและเปิดเวทีให้เยาวชนได้มีส่วนร่วมในการสร้างอนาคตในแบบที่คนรุ่นใหม่จิตนาการและทำให้เกิดขึ้นร่วมกันได้ ผมเชื่อมั่นในพลังของเยาวชนคนรุ่นใหม่ ที่จะร่วมมือกันพัฒนาเมืองแห่งอนาคตและสร้างเสริมการเปลี่ยนผ่านสู่พลังงานสะอาดต่อไป
สำหรับตัวแทนทีมเยาวชนไทย ผมมีความภูมิใจและหวังว่าน้องๆ จะนำองค์ความรู้และประสบการณ์ ตลอดจนมิตรภาพในระดับภูมิภาคนี้ ไปต่อยอดทางความคิดและส่งต่อพลังงานที่สร้างสรรค์ของพวกเขา เพื่ออนาคตที่ยั่งยืนและดียิ่งขึ้นบนความร่วมมือของทุกคนในสังคม"

ภาพบรรยากาศการแข่งขันโครงการ IMAGINE THE FUTURE SCENARIO COMPETITION 2021 APAC & ME ในรูปแบบ Virtual 
ภาพบรรยากาศการแข่งขันโครงการ IMAGINE THE FUTURE SCENARIO COMPETITION 2021 APAC & ME ในรูปแบบ Virtual

สำหรับสถานการณ์จำลองอื่นๆ ได้แก่

American University Cairo จากอียิปต์ ได้รับรางวัลรองชนะเลิศอันดับหนึ่ง นำเสนอแบบจำลอง Modern Atlantis vs Green Osiris จากคำถามที่ว่า อเล็กซานเดรียสามารถหลีกเลี่ยงภัยพิบัติจากระดับน้ำทะเลที่สูงขึ้นในพ.ศ. 2593 ได้หรือไม่ ในอนาคตที่การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ ทีมจากอียิปต์ได้พิจารณาตัวแปรต่างๆ เช่น ระบบเศรษฐกิจที่มีอำนาจมากขึ้น การดำเนินการด้านสภาพอากาศ ความเป็นอยู่ที่ดีของสังคม และการแปลงสู่การเป็นดิจิทัล เพื่อกำหนด 2 รูปแบบที่เกี่ยวกับอนาคตที่อเล็กซานเดรียในพ.ศ. 2593 รูปแบบที่ 1 "แอตแลนติสยุคใหม่" (Modern Atlantis) คือแอตแลนติสสมัยใหม่ที่ระบบทุนนิยมจะช่วยให้สิ่งแวดล้อมฟื้นตัวและยกระดับคุณภาพชีวิตของแต่ละบุคคล เมืองอเล็กซานเดรียจะเป็นเมืองอัจฉริยะที่มีคาร์บอนต่ำ โดยใช้ประโยชน์จากเทรนด์ดิจิทัลล่าสุดและเทคโนโลยีพลังงานหมุนเวียนต่างๆ นอกจากนี้ยังจะกลายเป็นศูนย์กลางระหว่างประเทศที่เป็นสากลเนื่องจากระบบเครือข่ายใต้ทะเลแบบไฮเปอร์ลูปที่เชื่อมต่อประเทศอเล็กซานเดรียและเมดิเตอร์เรเนียน รูปแบบที่ 2 "เทพเจ้าโอไซริสที่สมบูรณ์" (Green Osiris) โดยประชาคมระหว่างประเทศรวมถึงอเล็กซานเดรียจะใช้ระบบเศรษฐกิจสังคม 2.0 ของอียิปต์ โดยจะปล่อยมลพิษเป็นศูนย์ด้วยการใช้นโยบายที่ก้าวหน้าและใช้พลังงานนิวเคลียร์ สังคมจะเปลี่ยนจากการบริโภคนิยมแบบตามใจชอบ เป็นวิถีชีวิตที่ร่ำรวยซึ่งเต็มไปด้วยความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน ความอยากรู้ และการแสดงออกที่เน้นความเป็นตัวของตัวเอง

Nanyang Technological University จากสิงคโปร์ ได้รับรางวัลรองชนะเลิศอันดับสอง นำเสนอแบบจำลอง Sang Kancil vs Buto Ijo ที่มาจากคำถามว่า กรุงจาการ์ตาจะทำอะไรได้บ้างเพื่อให้อยู่รอดในพ.ศ. 2593 ทีมสิงคโปร์มุ่งเน้นไปที่วิธีที่กรุงจาการ์ตาสามารถปรับตัวให้เข้ากับปัญหา 2 ประการคือการที่เมืองจะจมน้ำและระดับน้ำทะเลที่สูงขึ้น ที่สะท้อนถึงผลกระทบของการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศที่โลกกำลังเผชิญ ซึ่งอาจนำไปสู่การที่เมืองใหญ่ ๆ จะจมอยู่ใต้น้ำในช่วงกลางศตวรรษ โดยกำหนดแนวคิด 2 รูปแบบคือ รูปแบบที่ 1 คือ "กวางเมาส์" (Sang Kancil) แสดงให้เห็นถึงกรุงจาการ์ตาที่ทนต่อการทรุดตัวของที่ดิน ผ่านนโยบาย การวางแผน และความก้าวหน้าทางเทคโนโลยี โดยจะตรวจสอบแนวทางต่างๆ ที่สามารถนำมาใช้ได้ ตั้งแต่สิ่งก่อสร้างทางวิศวกรรมไปจนถึงการแก้ปัญหาทางสังคมเชิงระบบ เพื่อเอาชนะการทรุดตัว รูปแบบที่ 2 คือ "ยักษ์ใหญ่สีเขียว" (Buto Ijo) ที่จำลองกรุงจาการ์ตาที่กำลังปรับตัวเข้ากับความปกติใหม่ - ของระดับน้ำทะเลที่สูงขึ้น และสำรวจว่าอิทธิพลจากต่างประเทศและในประเทศสามารถช่วยให้จาการ์ตายังคงความก้าวหน้าในพ.ศ. 2593 แม้จะมีปัญหาการทรุดตัวก็ตาม

ติดตามข้อมูลรูปภาพเพิ่มเติมได้ที่ https:// www.facebook.com/imaginethefuturecompetition/
#3291


บริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด ร่วมกับกระทรวงพาณิชย์ และกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ภาคเอกชน เดินหน้าช่วย เกษตรกรไทย ลดผลกระทบจากวิกฤต การแพร่ระบาดของ COVID-19 ภายใต้โครงการเกษตรกรแฮปปี้ ด้วยการรับขนส่งผลไม้ผ่านบริการ EMS ส่งด่วนทั่วไทย ในอัตราค่าบริการพิเศษ และเปิดพื้นที่ขายผลไม้ตามฤดูกาล เพื่อช่วยแบ่งเบาภาระค่าขนส่งและเพิ่มช่องทางการขายให้เกษตรกร

โดยสามารถจำหน่ายได้ทั้งช่องทางออนไลน์เว็บไซต์ thailandpostmart.com และที่ทำการไปรษณีย์ รวมถึงให้สิทธิ์เกษตรกรไทยที่เป็นสมาชิกของสำนักงานพาณิชย์จังหวัดได้ฝากส่งผลไม้ 5 ประเภท ได้แก่ มังคุด เงาะ ลำไย ลองกอง และทุเรียน ได้โดยไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายใด ๆ เพิ่มเติม ณ ที่ทำการไปรษณีย์ไทยทั่วประเทศ

นายดนันท์ สุภัทรพันธุ์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด กล่าวว่า ตลอดระยะเวลา 2 ปี ที่มีการ แพร่ระบาดของ COVID-19 ไปรษณีย์ไทยได้เดินหน้าผนึกกำลังร่วมกับกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงพาณิชย์ และภาคเอกชน ในการช่วยบรรเทาผลกระทบแก่เกษตรกรไทยด้วยการลกต้นทุนค่าขนส่งให้กับพี่น้องเกษตรกรที่ต้องการระบายผลผลิตให้ทันตามฤดูกาลมาอย่างต่อเนื่อง


โดยได้จัดตั้งโครงการ เกษตรกรแฮปปี้ เปิดช่องทางให้เกษตรกรสามารถนำผลไม้ตามฤดูกาล อาทิ มังคุด ลำไย และ เงาะโรงเรียน มาจำหน่ายผ่าน เว็บไซต์ thailandpostmart.com และที่ทำการไปรษณีย์ ในราคาพิเศษ รวมถึงลดค่าบริการส่งด่วนทั่วไทย (EMS) สูงถึง 20% ในช่วงเทศกาลผลไม้ถึงวันที่ 31 สิงหาคม 2564 และปรับอัตราค่าบริการแบบเหมาจ่ายในราคาพิเศษ เริ่มต้นที่ 3 กิโลกรัมแรก เพียง 50 บาท ส่งได้สูงสุดถึง 20 กิโลกรัม เพื่อช่วยเกษตรกรและประชาชนทั่วไปอย่างต่อเนื่อง

นายดนันท์ กล่าวต่อว่า นอกจากนี้ ไปรษณีย์ไทยยังได้เดินหน้าโครงการบริหารจัดการผลไม้ปี 2564 ร่วมกับกรมการค้าภายใน กระทรวงพาณิชย์ ให้เกษตรกรไทยที่เป็นสมาชิกของสำนักงานพาณิชย์จังหวัด ฝากส่งผลไม้ 5 ประเภท ได้แก่ มังคุด เงาะ ลำไย ลองกอง และทุเรียน ได้โดยไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายใดๆเพิ่มเติม ซึ่งในช่วงฤดูกาลจำหน่ายลำไยที่กำลังจะมาถึงนี้ ไปรษณีย์ไทยเปิดให้บริการรับฝากผลไม้ผ่านการหุ้มห่อและใส่บรรจุภัณฑ์ได้ตามปกติ ผู้ใช้บริการสามารถเลือกบรรจุภัณฑ์ได้ทั้งแบบกล่องและตะกร้าตามที่ไปรษณีย์ไทยวางจำหน่าย และจัดส่งได้ที่ไปรษณีย์ทั่วประเทศจนถึงสิ้นปี 2564


ในการก้าวสู่ปีที่ 19 ขององค์กร ไปรษณีย์ไทยยังคงยึดมั่นและเป็นแรงผลักดันให้เกษตรกรไทยได้ฝ่าวิกฤต COVID-19 อย่างเต็มกำลัง พร้อมทั้งจะเดินหน้าสนับสนุนภาครัฐและเอกชนในการเข้าถึงความช่วยเหลือในทุกภารกิจสำคัญ โดยเฉพาะภาคสังคมและสาธารณสุข อย่างเช่น โครงการ "ส่งความห่วยใย ส่งให้ สู้ภัย COVID-19" ที่ช่วยขนส่งอุปกรณ์ทางการแพทย์ให้กับบุคลากรด่านหน้าเพื่อรับมือกับการแพร่ระบาดของเชื้อ COVID-19 เพื่อส่งพลังความห่วงใยและเคียงข้างคนไทยให้ผ่านสถานการณ์วิกฤต COVID-19 นี้ ไปด้วยกัน นายดนันท์ กล่าวทิ้งท้าย
#3292


ข้อมูลศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 (ศบค.) ระบุว่า ผู้ป่วยโควิดในกรุงเทพฯ ที่อยู่ในกลุ่มสีเขียวที่มีอาการน้อย หรือไม่มีอาการ ซึ่งให้สามารถแยกกักตัวเองที่บ้าน (Home isolation) มีจำนวนกว่า 1 แสนคน แสดงให้เห็นว่า จำนวนผู้ป่วยรายใหม่ที่เพิ่มขึ้นทุกวัน เกินกว่าจำนวนเตียงในโรงพยาบาลที่มีอยู่จำกัด แม้แต่โรงพยาบาลสนาม จึงจำเป็นต้องให้การรักษาที่บ้าน หรือ ศูนย์พักคอย (Community Isolation) มากขึ้น ปฏิเสธไม่ได้ว่า ผู้ป่วยจำนวนหนึ่งต้องกักตัวอยู่ในคอนโด หรือหมู่บ้านที่ตนเองอาศัยอยู่

"จตุพร วิไลแก้ว" ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท พรีโม เซอร์วิส โซลูชั่น จำกัด ในเครือบริษัท ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า สถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด -19 ที่ยังต้องเฝ้าระวังอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้ผู้ป่วยกลุ่มอาการสีเขียวบางส่วนมีความจำเป็นต้องเข้าระบบรักษาแบบแยกกักตัวภายในที่อยู่อาศัยของตนเอง บริษัทจึงได้ร่วมกับบริษัท ออริจิ้น เฮลท์แคร์ จำกัด ในเครือออริจิ้น ยกระดับการดูแลคุณภาพชีวิตของลูกบ้าน ผ่านโครงการ Origin Health Buddy "เราคือเพื่อนคุณ" เพื่ออำนวยความสะดวกในการรักษาและเฝ้าระวังอาการให้แก่ผู้ติดเชื้อโควิดตามมาตรฐานอย่างปลอดภัย

"เราตระหนักถึงความกังวลใจของลูกบ้านทุกคน จึงวางมาตรการป้องกันสูงสุด ควบคู่กับการเฝ้าติดตามสถานการณ์และประกาศจากภาครัฐอย่างใกล้ชิด ตลอดจนตั้งทีม Origin Health Buddy ที่จะเป็นเสมือนผู้ช่วยคนสำคัญสำหรับลูกบ้านระหว่างโฮม ไอโซเลชั่น ให้ได้รับความปลอดภัยและสามารถกลับมาใช้ชีวิตได้ตามปกติอีกครั้ง"

สำหรับ Origin Health Buddy จะเป็นโครงการอำนวยความสะดวกและเป็นสื่อกลางในการประสานความช่วยเหลือแก่ผู้ติดเชื้อ โควิด-19 ทุกคนภายในโครงการที่อยู่อาศัยเครือออริจิ้น ที่จำเป็นต้องเข้าระบบการรักษาแบบโฮม ไอโซเลชั่น โดยทีมนิติบุคคลและเจ้าหน้าที่จะให้ความช่วยเหลือจัดเตรียมกล่องยังชีพและอุปกรณ์ต่างๆ อาทิ ยาสามัญประจำบ้าน ที่วัดอุณหภูมิ และเครื่องวัดออกซิเจนปลายนิ้ว พร้อมคู่มือแนะนำในการปฏิบัติตัว และเบอร์โทรติดต่อฉุกเฉิน ตลอดจนอำนวยความสะดวกในการจัดส่งอาหารให้กับผู้ป่วยและลูกบ้าน และสอบถามติดตามอาการผ่านทางโทรศัพท์ทุกวัน

นอกจากนี้ บริษัทได้จัดตั้งทีมฉุกเฉิน พร้อมให้ความช่วยเหลือตลอด 24 ชม. ตลอดระยะเวลาการรักษา 14 วัน เพื่อสร้างความมั่นใจให้กับผู้ป่วย และช่วยประสานไปยังทีมแพทย์ หรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการจัดหาเตียง กรณีที่ผู้ป่วยเข้าสู่อาการระดับสีเหลืองถึงสีแดงในระหว่าง โฮม ไอโซเลชั่น ให้เข้าถึงการรักษาโดยเร็วที่สุด


ทั้งนี้ ลูกบ้านเครือออริจิ้น ที่เข้าระบบรักษาแบบแยกกักตัวที่บ้าน โฮม ไอโซเลชั่นและมีความประสงค์รับอุปกรณ์และบริการอำนวยความสะดวก สามารถลงทะเบียนผ่านฟีเจอร์ใหม่ในแอปพลิเคชัน Primo Plus ทั้งใน App Store และ Play Store ได้ตั้งแต่วันนี้ทั้งระบบ iOS และ Android โดยภายในฟีเจอร์ดังกล่าว จะมีหลากหลายฟังก์ชันย่อยให้ผู้รับบริการสามารถใช้ได้ประกอบการทำโฮม ไอโซเลชั่น

ด้านบริษัท สมาร์ท เซอร์วิส แอนด์ แมเนจเม้นท์ จำกัด (SMART) ธุรกิจพร็อพเพอร์ตี้ แมเนจเม้นท์ ในเครือเอพี ไทยแลนด์ ระบุว่า ท่ามกลางสถานการณ์โควิด-19 ในครอบครัวที่อยู่ในพื้นที่เสี่ยงสูง บริษัทได้จัดตั้งทีมพิเศษ 'Smart Home Isolation' ที่พนักงานทุกคนได้รับการฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19 แล้ว เพื่อดูแลคุณภาพชีวิตลูกบ้านในคอมมูนิตี้เครือเอพีกว่า 270 โครงการ รวมกว่า 70,000 ครัวเรือน

ด้วยการให้คำแนะนำลูกบ้านที่ต้องกักตัวและรักษาตัวเองที่บ้านพร้อมจัดทำ "ถุงห่วงใยจากใจสมาร์ท" มอบเสริมให้กับลูกบ้านที่ดูแลตนเองในรูปแบบ โฮม ไอโซเลชั่น รวมถึงการอัพเดทสถานการณ์และข้อมูลที่เป็นประโยชน์ผ่านทางแอปพลิเคชัน SMART WORLD ซึ่งเป็นช่องทางการสื่อสารระหว่างสมาร์ทและลูกบ้าน ที่ช่วยลดความเสี่ยงจากการพบปะกับเจ้าหน้าที่นิติบุคคล ในขณะที่ธุรกรรมเรื่องบ้านและการอยู่อาศัยยังคงสามารถดำเนินได้ตามปกติ และเป็นส่วนหนึ่งในการช่วยแบ่งเบาภาระบุคลากรทางการแพทย์ เพื่อให้ประเทศไทยผ่านพ้นวิกฤตินี้


"สมศรี เตชะไกรศรี" กรรมการผู้จัดการ บริษัท แอล พี พี พรอพเพอร์ตี้ มาเนจเมนท์ จำกัด ในเครือแอล.พี.เอ็น กล่าวว่า สถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ที่ทวีความรุนแรงขึ้น ทำให้มียอดผู้ติดเชื้อรวมในประเทศเฉลี่ย 2 หมื่นคน/วัน และสถานการณ์จำนวนเตียง อุปกรณ์การแพทย์ รถพยาบาล และบุคลากรทางการแพทย์ที่มีไม่เพียงพอต่อจำนวนผู้ป่วย LPP ในฐานะผู้บริหารนิติบุคคลอาคารชุดได้จัดตั้งโครงการ "Livable Community Isolation" รองรับสถานการณ์ผู้ติดเชื้อที่ทวีจำนวนยิ่งขึ้น โดยให้ความดูแลและช่วยเหลือลูกบ้านในโครงการที่ LPP ดูแลกว่า 1.2 แสนครัวเรือน ใน 200 โครงการ ทั้งโครงการที่พัฒนาโดยบริษัท แอล.พี.เอ็น.ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) (LPN) และโครงการภายนอก หรือ Non-LPN ให้ก้าวผ่านวิกฤตในครั้งนี้ไปพร้อมกัน

ทั้งนี้ การจัดเตรียมโครงการช่วยเหลือผู้ป่วยที่ติดเชื้อโควิด-19 ในรูปแบบการแยกกักตัวรักษาที่บ้านสำหรับกลุ่มผู้ป่วยที่ไม่มีอาการรุนแรงหรือเป็นผู้ป่วยในกลุ่มสีเขียวนี้ LPP ได้รับการสนับสนุนด้านข้อมูลความรู้และหลักปฏิบัติในการดูแลผู้ป่วยแบบโฮม ไอโซเลชั่น จาก พญ.นาฏ ฟองสมุทร ผู้เชี่ยวชาญด้านการดูแลผู้สูงอายุ สภากาชาดไทย และกรรมการแพทยสมาคมแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ โดยการจัดสัมมนาออนไลน์ให้คณะกรรมการทุกนิติฯ รวมถึงเจ้าหน้าที่และบุคลากรของ LPP เพื่อสร้างความเข้าใจร่วมกันในแนวทางดำเนินการของ "Livable Community Isolation" และเพื่อให้บุคลากรในทุกชุมชนมีความพร้อมสูงสุด

สำหรับมาตรการดูแลและช่วยเหลือผู้ป่วยที่ LPP จัดเตรียมให้ลูกบ้านผู้พักอาศัยภายในโครงการในรูปแบบการแยกกักตัวภายในห้องพักอาศัยนั้น จะมีการประสานความร่วมมือกับหน่วยสถานพยาบาลต่างๆ ให้ผู้ป่วยสามารถเข้าระบบการรักษาของรัฐตามโครงการ "โฮม ไอโซเลชั่น" และจะติดตามดูแลรวมถึงให้การสนับสนุนช่วยเหลือในเรื่องต่างๆ จนกว่าผู้ป่วยจะได้รับความปลอดภัย อุ่นใจ และพบว่าผลตรวจเป็นลบ (Negative)

โดยมีเจ้าหน้าที่ของแต่ละนิติฯ คอยดูแลและอำนวยความสะดวกให้แก่ผู้ป่วยที่มีอาการไม่มากหรือไม่แสดงอาการ (ผู้ป่วยสีเขียว) ภายใต้หลักการสำคัญ คือ การอำนวยความสะดวกแก่ลูกบ้านในทุกๆ ด้าน ไม่ว่าจะเป็นการจัดทำไทม์ไลน์ของผู้ป่วยย้อนหลัง 7-14 วันเพื่อแจ้งเจ้าของร่วมหรือผู้พักอาศัยทุกท่านให้สังเกตอาการของตนเอง จัดส่งอาหาร ยา รวมทั้งสิ่งของที่จำเป็นในชีวิตประจำวัน

นอกจากนี้ ยังรวมถึงการจัดเตรียมแม่บ้านคอยจัดเก็บขยะเศษอาหาร ขยะติดเชื้อตามเวลาที่กำหนดทุกวันด้วยมาตรฐานความปลอดภัยขั้นสูง พร้อมช่วยประสานงานกับหน่วยงานต่างๆ ที่เกี่ยวข้องหากผู้ป่วยต้องการความช่วยเหลือ

"เรายังอำนวยความสะดวกหากผู้ป่วยต้องไปพบแพทย์หรือหากผู้ป่วยมีการเปลี่ยนแปลงของโรคจากผู้ป่วยสีเขียวเป็นสีเหลือง ฝ่ายจัดการจะประสานงานกับโรงพยาบาลเจ้าของไข้เพื่อให้เข้ารับการรักษาที่สถานพยาบาล โดยคำนึงถึงความปลอดภัยของทั้งผู้ป่วยและผู้อยู่อาศัยเป็นหลัก" สมศรีกล่าว
#3293


ทีเอ็มบีธนชาต หรือ ทีทีบี (ttb) เสนอโซลูชันช่วยคนไทยจัดการหนี้ได้อย่างเหมาะสม ภายใต้แนวคิด "รอบรู้เรื่องกู้ยืม" โดยใช้สินทรัพย์ที่มีให้เกิดประโยชน์ ทั้งบ้าน รถ ใบแจ้งหนี้ค่าใช้จ่ายที่จำเป็น นำไปเสริมสภาพคล่อง ลดภาระดอกเบี้ย และปลดหนี้ได้เร็วขึ้น ด้วยการรวบหนี้ที่มีอยู่เป็นก้อนเดียว   ลดภาระการผ่อนชำระ ผ่านผลิตภัณฑ์สินเชื่อบ้านแลกเงินทีทีบี  สินเชื่อรถแลกเงิน ทีทีบีไดรฟ์ (ttb  DRIVE) และสินเชื่อบุคคลทีทีบี แคชทูแคร์ (ttb cash2care) ช่วยให้ชีวิตสามารถเดินต่อไปได้ภายใต้สถานการณ์วิกฤติ 

จากสถานการณ์เศรษฐกิจที่ชะลอตัวจากผลกระทบของโควิด-19 สะท้อนให้เห็นความเปราะบางทางด้านการเงินของคนไทยได้อย่างชัดเจน เมื่อรายได้ลดลง แต่ยังมีภาระผ่อนหนี้สินจากหลาย ๆ แห่ง ทำให้ขาดสภาพคล่องในการใช้จ่ายเพื่อดำรงชีวิต  ทีเอ็มบีธนชาต ตระหนักถึงปัญหาภาระหนี้ของคนไทย จึงได้พัฒนาโชลูชันการจัดการหนี้สินที่ตอบโจทย์ ภายใต้พื้นฐานการเงินด้าน "รอบรู้เรื่องกู้ยืม" ที่ช่วยจัดการหนี้อย่างเหมาะสม โดยใช้สินทรัพย์ที่มีอยู่นำมาเป็นหลักประกันในการรวบหนี้ (Debt Consolidation) ช่วยลดภาระผ่อนต่อเดือนและเสริมสภาพคล่องให้แก่ลูกค้า

นายอนุวัติร์ เหลืองทวีกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหารลูกค้าบุคคล ทีเอ็มบีธนชาต หรือ ทีทีบี (ttb)  กล่าวว่า ทีเอ็มบีธนชาต เข้าใจความต้องการของลูกค้าที่แตกต่างกันในแต่ละช่วงเวลาของชีวิต โดยมองลูกค้าเป็นศูนย์กลาง โดยเฉพาะในสถานการณ์ปัจจุบันที่ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 คนส่วนใหญ่อาจมีปัญหาขาดสภาพคล่องที่จะนำไปใช้ในชีวิตประจำวัน หรือหมุนเวียนธุรกิจ และต้องการสินเชื่อจากธนาคารเป็นอีกแหล่งเงินทุนเพื่อเสริมสภาพคล่อง ดังนั้น ทีทีบี จึงต้องการสนับสนุนให้ลูกค้ามีความรอบรู้ทางด้านการเงิน โดยเฉพาะการจัดการเรื่องกู้ยืม เพื่อให้เข้าใจและเลือกใช้สินเชื่อได้อย่างเหมาะสม โดยหากมีภาระหนี้ที่มีดอกเบี้ยสูงจากหลาย ๆ แห่ง ธนาคารแนะนำให้ลูกค้าเลือกใช้โซลูชันการรวบหนี้ (ttb debt consolidation) มารวมเป็นก้อนเดียวไว้กับทีทีบี ซึ่งมีผลิตภัณฑ์หลากหลายรูปแบบที่จะเข้ามารองรับความต้องการของแต่ละคน คิดดอกเบี้ยถูกลง ลดภาระผ่อนชำระต่อเดือนให้น้อยลง จึงมีเงินเหลือสำหรับใช้จ่ายในเรื่องจำเป็น และจัดการสภาพคล่องได้ดีขึ้น โดยเชื่อมั่นว่าจะช่วยส่งเสริมให้ลูกค้ามีชีวิตทางการเงินที่ดีขึ้นได้ในอนาคต

นายป้อมเพชร รสานนท์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารด้านสินเชื่อรถยนต์ ทีเอ็มบีธนชาต หรือ ทีทีบี (ttb) กล่าวว่า ในฐานะผู้นำในตลาดสินเชื่อรถยนต์ ttb DRIVE มีลูกค้าให้ความไว้วางใจเป็นจำนวนมาก เมื่อสถานการณ์ปัจจุบันทำให้ลูกค้าจำเป็นต้องใช้เงินก้อนเพื่อมาเสริมสภาพคล่อง เราก็ได้พัฒนาโซลูชันที่ตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าให้ตรงจุด เพื่อช่วยแก้ปัญหา ช่วยเคลียร์ ช่วยรวบหนี้ให้ในเมื่อลูกค้ามีรถยนต์อยู่ ซึ่งรถถือเป็นสินทรัพย์ที่มีหลักประกัน ทำให้ดอกเบี้ยไม่สูง ค่างวดลดลง และได้วงเงินที่สูงขึ้น พร้อมกับมีเจ้าหน้าที่ผู้เชี่ยวชาญที่คอยดูแลให้คำปรึกษา ซึ่งนับเป็นครั้งแรกของวงการสินเชื่อรถยนต์ที่ใช้รถยนต์เป็นหลักประกันในการรวบหนี้ได้ โดยสมัครได้ง่าย ๆ ผ่านช่องทางออนไลน์ แล้วจะมีเจ้าหน้าที่มาให้บริการถึงที่ สะดวก ปลอดภัย และมั่นใจได้ เพราะเจ้าหน้าที่ทุกคนได้รับการฉีดวัคซีนโควิด-19 เรียบร้อยแล้ว เป็นอีกทางเลือกหนึ่งนอกเหนือจากการไปสาขาธนาคารในช่วงนี้ ช่วยให้ลูกค้าก้าวผ่านวิกฤตในยามที่รายได้ลดลงแต่รายจ่ายยังเท่าเดิม เป็นทางออกให้ลูกค้าสามารถดำเนินชีวิตต่อไปได้ 

ทั้งนี้ หลังจากทีเอ็มบีและธนชาตรวมกิจการเป็นหนึ่งเดียวแล้ว ธนาคารได้เดินหน้ายกระดับการบริการและส่งมอบผลิตภัณฑ์ได้อย่างครอบคลุม เพื่อช่วยในการจัดการและชำระหนี้ที่อยู่ในระบบของลูกค้า ไม่ว่าจะเป็นหนี้บ้าน รถ บัตรเครดิต บัตรกดเงินสด โดยธนาคารจะช่วยตัดวงจรหนี้ซ้ำซ้อนและภาระผ่อนชำระหนี้ที่มีดอกเบี้ยสูง ทำให้ลูกค้าสามารถผ่อนชำระค่างวดต่อเดือนลดลง และยังเหลือวงเงินใช้จ่ายหลังเคลียร์หนี้ที่รวบหมดแล้ว นำไปเสริมสภาพคล่องในชีวิตประจำวัน หรือหมุนเวียนต่อยอดธุรกิจได้ ด้วยผลิตภัณฑ์สินเชื่อที่เหมาะกับความต้องการของลูกค้าที่มีความแตกต่าง ได้แก่ 

สินเชื่อบ้านแลกเงิน ทีทีบี  สำหรับลูกค้าที่มีบ้านและต้องการวงเงินสูง  5 แสน ถึง 10 ล้านบาท เพื่อเสริมสภาพคล่องส่วนตัวหรือธุรกิจ เพียงมีบ้านที่ปลอดภาระแล้ว หรือกรณีผ่อนอยู่ก็สามารถรีไฟแนนซ์มาอยู่กับทีทีบี และขอวงเงินเพิ่มเติมได้ ด้วยอัตราดอกเบี้ยพิเศษ 0% ใน 3 เดือนแรก และดอกเบี้ยเฉลี่ย 3 ปีแรกเพียง 5.15% ต่อปี (เมื่อสมัครพร้อมประกันชีวิตคุ้มครองวงเงินสินเชื่อ) ผ่อนเบาเพราะกู้ได้ยาวสูงสุดถึง 30 ปี พร้อมช่วยลูกค้าลดภาระค่าใช้จ่ายด้วยสิทธิประโยชน์ ฟรีค่าเบี้ยประกันอัคคีภัยและค่าประเมินราคาหลักทรัพย์    

สินเชื่อรถแลกเงิน ttb DRIVE สำหรับผู้ที่มีรถ ไม่ว่าจะปลอดภาระแล้ว หรือยังผ่อนอยู่(รีไฟแนนซ์) ต้องการวงเงินปานกลาง ประมาณ 2 แสนบาทขึ้นไป เพื่อนำไปจัดการกับรายจ่ายหลายทาง ทั้งค่าบัตรเครดิต บัตรกดเงินสด ค่าผ่อนรถ โดยให้วงเงินสูงสุด 100% ดอกเบี้ยเริ่มต้น 3.18% ต่อปี บริการเดลิเวอรี่ไปทำสินเชื่อให้ถึงที่ รู้ผลอนุมัติเบื้องต้นไว ทันใจเมื่อเอกสารครบ ทำให้ลูกค้าสามารถเคลียร์หนี้เดิมได้ ลดภาระดอกเบี้ย และผ่อนต่อเดือนน้อยลง เคลียร์หนี้แล้วอาจมีเงินเหลือ สำหรับเสริมสภาพคล่องให้กับตัวเองหรือธุรกิจต่อไป
#3294


นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ นายบุณยฤทธิ์ กัลยาณมิตร ปลัดกระทรวงพาณิชย์ นางมัลลิกา บุญมีตระกูล มหาสุข ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ นายบุณย์ธีร์ พานิชประไพ เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ นายวิทยากร มณีเนตร ผู้ตรวจราชการกระทรวงพาณิชย์ และนายเอกฉัตร ศีตวรรัตน์ รองอธิบดีกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ เป็นสักขีพยานพิธีประกาศความตกลง ซื้อขายผลไม้ล่วงหน้า (MOP) ณ ห้องบุรฉัตรไชยากร ชั้น 4 สํานักงานปลัดกระทรวงพาณิชย์

นายจุรินทร์ กล่าวว่า ผลไม้ไทยถือเป็นสินค้าเป้าหมายสำคัญในการส่งออกเพื่อทำรายได้ให้กับประเทศ 7 เดือนแรกปีนี้ยอดการส่งออกผลไม้สดและผลไม้แปรรูปมีมูลค่าสูงถึง 131,166 ล้านบาทขยายตัวเพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 48.31 และเป้าหมายในปีนี้ทั้งปีตั้งเป้าหมายว่าจะส่งออกผลไม้เพื่อทำรายได้เข้าประเทศให้ได้ไม่ต่ำกว่า 180,000 ล้านบาท ขยายตัวไม่ต่ำกว่าร้อยละ 30 โดยงานสำคัญในการส่งเสริมการส่งออกผลไม้เพื่อทำรายได้เข้าประเทศประกอบด้วย 4 งานใหญ่1.กิจกรรมจัดคู่เจรจาทางการค้าออนไลน์ OBM หรือ Online Business Matching 2.กิจกรรมการส่งเสริมการขายการบริโภคผลไม้ในห้างสรรพสินค้าและตลาดสำคัญในต่างประเทศ 3.กิจกรรมการจัด Thai Fruits Golden Months หรือเดือนทองของการบริโภคผลไม้ไทยในประเทศต่างๆ 4.กิจกรรมขายผลไม้ผ่านแพลตฟอร์มต่างๆโดยเฉพาะแพลตฟอร์มสำคัญในระดับโลกเช่น bigbasket.com ของอินเดีย Tmall ของจีน เป็นต้น

รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ กล่าวว่าต่อว่า ตัวอย่างของความสำเร็จ เช่น การจัด Thai Fruits Golden Months ในประเทศจีนซึ่งช่วง 7 เดือนที่ผ่านมาได้จัดไปแล้วใน 8 เมือง ประกอบด้วย หนานหนิง ไห่หนาน ฉงชิ่ง ชิงต่าว เซี่ยงไฮ้ เฉิงตู ต้าเหลียน และฝอซาน สามารถทำได้ถึง 15,466 ล้านบาท และยังมีแผนงานที่เหลืออีก 5 เมืองคือ เซี่ยเหมิน หนานชาง คุนหมิง อู่ฮั่น และหนานหนิง ซึ่งคาดว่าจะทำรายได้ไม่ต่ำกว่า 5,000 ล้านบาท รวมแล้วเฉพาะการจัด Thai Fruits Golden Monthsในจีน 13 เมืองทำรายได้เข้าประเทศไม่ต่ำกว่า 20,000 ล้านบาท



สำหรับ 1 ใน 4 งานหรือกิจกรรมคือ OBM จับคู่เจรจาทางการค้าซื้อขายผลไม้ เราดำเนินการ 2 ส่วน ส่วนที่หนึ่งการส่งเสริมการจับคู่ซื้อขายผลไม้ของภาคตะวันออกของประเทศไทยมีการจัดกิจกรรมจับคู่ไปแล้วเมื่อวันที่ 24-25 มีนาคมที่ผ่านมา มีผู้ส่งออกไทยทั้งสิ้น 39 บริษัทผู้นำเข้าจากต่างประเทศ 179 บริษัทจาก 37 ประเทศ สามารถเจรจาซื้อขายได้ถือ 392 คู่ 2,276 ล้านบาท ประเทศนำเข้าสำคัญที่จับคู่นำเข้าผลไม้กับไทยประกอบด้วย จีน ญี่ปุ่น ฟิลิปปินส์ ฮังการี อินเดีย รัสเซียและสหรัฐอเมริกา เป็นต้นโดยผลไม้ Top 5 ที่ได้เจรจาจนประสบความสำเร็จประกอบด้วย ทุเรียน มะม่วง มะพร้าว สับปะรดและมังคุด

ช่วงต่อมา จับคู่เจรจาซื้อขายผลไม้ในภาคใต้กับภาคเหนือ วันที่ 22-23 กรกฎาคมมีผู้ส่งออกไทย 65 บริษัทผู้นำเข้า 72 บริษัทจาก 20 ประเทศสามารถเจรจาประสบความสำเร็จ 257 คู่ มูลค่า 1,865 ล้านบาท
ผู้นำเข้าประกอบด้วยจีน เมียนมา อินเดีย ฮ่องกงและกัมพูชา ผลไม้สำคัญประกอบด้วยมะพร้าว สับปะรด มะม่วง ลำไย



ในการเจรจาจับคู่ซื้อขายผลไม้ 2 ครั้งทั้งภาคตะวันออก ภาคใต้และภาคเหนือสามารถทำยอดได้ถึง 4,141 ล้านบาท และกิจกรรมในวันนี้ถือว่าเป็นส่วนหนึ่งจากการเจรจาทั้ง 2 ครั้งโดยมีการประกาศการจับคู่ที่กำหนดการส่งมอบที่เป็นรูปธรรมแล้วจำนวน 21 คู่ เป็นเงินซื้อขายจริงที่จะชำระ 2,394 ล้านบาทคือความตกลงซื้อขายผลไม้ส่งออก หรือ Memorandum of Purchasing : MOP เป็นผู้ส่งออกของไทย 21 บริษัทผู้นำเข้า 21 บริษัทจาก 16 ประเทศประกอบด้วยอินเดีย ลาว เมียนมา สิงคโปร์ จีน ฮ่องกง ญี่ปุ่น สเปน เกาหลี ไต้หวัน อินโดนีเซีย อาร์เจนตินา กัมพูชา ยูเออีและมาเลเซีย ผลไม้สำคัญประกอบด้วย ทุเรียน มะม่วง ลำไย มังคุดและมะพร้าว เป็นต้น

"และขอมอบนโยบายพาณิชย์จังหวัด และ ทูตพาณิชย์ ที่เข้าร่วมประชุมผ่านระบบออนไลน์วันนี้ช่วยเจรจาจับคู่เพื่อระบายผลไม้ที่ยังเหลืออยู่ในขณะนี้โดยเฉพาะลำไยภาคเหนือและลองกองที่กำลังจะออกตามมา จับคู่กันระหว่างเซลล์แมนจังหวัด และขอให้ทีมเซลล์แมนประเทศประจำสำนักงานพาณิชย์ในต่างประเทศทั้งหมดที่เข้าร่วมประชุมให้เร่งหาตลาดระบายพลไม้เพิ่มเติม และให้วางแผนล่วงหน้าเชิงรุก ให้ทีมเซลล์แมนจังหวัดกับทีมเซลล์แมนประเทศประสานงานกัน ทางไทยให้เตรียมการผลิตผลไม้คุณภาพและทีมเซลล์แมนในต่างประเทศให้นำออกไปขายให้ทั่วถึง คือนอกจากจังหวัดต่อจังหวัดแล้วยังให้เป็นภารกิจจังหวัดกับโลกต่อไปด้วย" นายจุรินทร์ กล่าว
#3295


นางสาวรัชดา ธนาดิเรก รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.)วานนี้(24 ส.ค.) ว่า ที่ประชุม ได้เห็นชอบผลการพิจารณาของคณะกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้ฯตามที่สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.)เสนอ

โดยในส่วนแรกเป็นการอนุมัติโครงการพัฒนาและเสริมสร้างความเข้มแข็งของเศรษฐกิจฐานราก ครั้งที่ 2 รวม 12 จังหวัด 2,186 โครงการ กรอบวงเงินรวม 3.58 พันล้านบาท โดยใช้งบกลางรายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น พ.ศ.2564 ในการจัดสรรให้ 

ซึ่งโครงการนี้มุ่งเน้นในเรื่องของการจ้างงานและการพัฒนาพื้นที่โดยตรง แบ่งเป็น 4 กลุ่มลักษณะได้แก่ 1.กลุ่มโครงการพัฒนาสินค้า ท่องเที่ยว บริการ และการค้า 2.กลุ่มโครงการยกระดับประสิทธิภาพและสร้างมูลค่าเพิ่มด้านการเกษตร 3.กลุ่มโครงการส่งเสริมและพัฒนาทักษะฝีมือแรงงาน และ 4.กลุ่มโครงการที่เป็นการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานชุมชน

สำหรับโครงการที่เกี่ยวข้องกับการท่องเที่ยวที่ประชุม ครม.เห็นชอบให้การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย ขยายระยะเวลาดำเนิน "โครงการกำลังใจ" จากเดิมที่สิ้นสุดระยะเวลาการเบิกจ่ายภายในเดือนส.ค. 2564 เป็นเดือนธ.ค. 2564 เนื่องจากขณะนี้มีผู้ที่อยู่ระหว่างการยื่นเอกสารและรอการตราจสอบข้อมูลการเดินทางภายใต้โครงการฯ จึงจำเป็นต้องขยายระยะเวลา

"โครงการเราเที่ยวด้วยกัน" และ "โครงการทัวร์เที่ยวไทย" ที่ประชุม ครม.มอบหมายให้กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา และการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) พิจารณาความเหมาะสมของช่วงระยะเวลาที่จะเริ่มดำเนินการ พร้อมทั้งกำหนดเงื่อนไขและรายละเอียดให้เหมาะสม 

หากพิจารณาแล้วเห็นว่าไม่สามารถเริ่มต้นดำเนินโครงการทั้ง 2 โครงการได้ภายในเดือนต.ต. สามารถพิจารณาเสนอขอยุติโครงการฯ และคืนกรอบวงเงินกู้เหลือจ่ายต่อไป

นอกจากนี้ ครม.ยังอนุมัติให้กรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข ขยายระยะเวลาดำเนินโครงการยกระดับหน่วยบริการกรมอนามัยรองรับการระบาดของโรคโควิด19 จากเดิมที่ระยะเวลาการดำเนินโครงการกำหนดไว้ระหว่างเดือนมิ.ย. - ก.ย. 2564 ขยายไปจนถึงเดือนธ.ค. 2564 ซึ่งโครงการนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อให้หน่วยบริการอนามัยหรือศูนย์อนามัยมีศักยภาพรองรับผู้ป่วยโควิด19 ในพื้นที่ทั่วประเทศได้
#3296


บล.คันทรี่ กรุ๊ป (CGS) เปิดเผยว่า มีมุมมองเป็นบวกมากขึ้นกับกลุ่มเปิดเมือง โดยเริ่มเห็นแรงเก็งกำไรเข้ามาในกลุ่ม Domestic เช่น ค้าปลีก ร้านอาหาร สนามบิน ธนาคารพาณิชย์ ซึ่งคาดว่ามีประเด็นสนับสนุนจากจำนวนผู้ติดเชื้อโดยรวมไม่ทำจุดสูงสุดใหม่และเริ่มเห็นสัญญาณการลดน้อยถอยลง ข้อมูลล่าสุด ณ วันอาทิตย์ (22 ส.ค.) พบผู้ติดเชื้อ 19,014 รายต่ำสุดในรอบ 20 วัน ขณะที่รักษาหายอยู่ที่ 20,672 ราย ถือเป็นสัญญาณที่ดีในแง่ระบบสาธารณสุขที่จะคล่องตัวมากขึ้น

มีรายงานว่า กทม. รับ Vaccine เข็มแรกไปแล้วกว่า 80% ของประชากรทั้งหมดใน กทม. หากอิงสมมติฐานเดียวกับ New York พบช่วงที่ประกาศผ่อนคลายมาตรการทาง New York วางสมมติฐานคือประชากรได้รับ Vaccine เกินกว่า 70% สำหรับเข็มแรก

Valuation หุ้นกลุ่มเปิดเมืองหลายตัวค่อนข้างถูก ประกอบกับมี Upside ค่อนข้างสูงบนสมมติฐานอิงกำไรและราคา PRE COVID-19 และคาดการณ์จาก ศบค. เชื่อว่าจุดสูงสุดของการติดเชื้อจะอยู่ในช่วง ก.ย.-ต.ค.

ทั้งนี้ แนะนำนักลงทุนสามารถสะสมหุ้นกลุ่มเปิดเมืองได้ เนื่องจากระดับ Valuation ระยะยาวที่น่าสนใจ ประกอบกับปีหน้าเชื่อว่าสถานการณ์โควิด-19 มีแนวโน้มจะดีกว่าปีนี้ ส่วนระยะสั้นหากรับความเสี่ยงได้ก็สามารถ Trading ได้

สำหรับสัปดาห์นี้เชื่อว่าตลาดจะจับจ้องกับการประชุม Jackson Hole ในวันที่ 26-28 ส.ค. มีการคาดการณ์จากตลาดว่าการประชุมครั้งนี้ FED จะเริ่มส่งสัญญาณถึงการลดวงเงิน QE (Tapering QE) แต่เชื่อว่าปัจจุบันราคาหุ้นทั่วโลกสะท้อนถึงประเด็นการส่งสัญญาณ Tapering QE แล้ว ดังนั้น หากที่ประชุมส่งสัญญาณออกมาจริงน่าจะไม่มีผลกระทบมากนัก แต่กลับกันหากไม่มีสัญญาณออกมาเชื่อตลาดหุ้นจะตอบรับเชิงบวก

อย่างไรก็ตาม กับตลาดหุ้นไทยไม่ว่าจะส่งสัญญาณหรือไม่ส่งสัญญาณเชื่อไม่มีผลใดๆมากนัก เพราะปัจจุบันการเคลื่อนไหวของตลาดหุ้นไทยมาจากนักลงทุนสถาบันและรายย่อย สถานะยอดหลัง 6 ปีพบนักลงทุนสถาบันและรายย่อยซื้อสุทธิ 3.73 แสนล้านบาท และ 2.96 แสนล้านบาทตามลำดับ ส่วนนักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 7.37 แสนล้านบาท ส่วนอื่นๆ จะเป็นตัวเลขการค้าระหว่างประเทศ ในวันอังคาร Bloomberg ประเมินส่งออก +19.8% จากปีก่อน นำเข้า +38.8% จากปีก่อน หากดีกว่าคาดจะเป็น Sentiment บวกต่อตลาด รวมถึงสถานการณ์โควิด-19 ในประเทศ

กลยุทธ์การลงทุน สำหรับนักลงทุนระยะยาวขึ้นไปแนะทยอยสะสม Domestic Play ประกอบไปด้วย ค้าปลีก (BJC CRC CPALL HMPRO) รถไฟฟ้า (BTS BEM) ศูนย์การค้า (CPN) ท่องเที่ยว (AOT CENTEL MINT SPA) โรงภาพยนตร์ (MAJOR) สื่อ (PLANB VGI) ร้านอาหาร (M) ธนาคารพาณิชย์ (BBL KBANK) ส่วนนักลงทุนระยะสั้นเน้นหุ้นกำไรครึ่งปีหลังเติบโตเด่น (EPG JWD KCE MEGA WICE TU)

CRC (ซื้อ/ราคาเป้าหมาย 37.5 บาท) เชื่อราคาหุ้นที่ปรับฐานลงมา 12% จากจุดสูงสุดก่อนหน้าสะท้อนการระบาดโควิด-19 ไประดับหนึ่งแล้ว จากนี้หากมีสัญญาณที่ดีของการควบคุมการระบาดได้หรือกระจาย Vaccine อย่างมีนัย คาดราคาหุ้นจะเริ่มเคลื่อนไหวได้ดีขึ้น โดยคาดผลประกอบการปี 65 จะฟื้นตัวเด่น

PLANB (ซื้อ/ราคาเป้าหมาย 7.7 บาท) คาดรายได้สื่อของ PLANB จะปรับตัวลดลงไปที่จุดต่ำสุดในะไตรมาส 3/64 ก่อนจะมีการฟื้นตัวที่แข็งแกร่งในช่วงครึ่งหลังของไตรมาส 4/64 หนุนจากการใช้จ่ายค่าโฆษณาของภาคเอกชนที่กลับมาอีกครั้ง การเริ่มรับรู้รายได้จากป้ายสื่อโฆษณาที่ติดตั้งใหม่ในปลายปีที่แล้ว ทั้งในส่วนที่อยู่ใน 7-11 และสื่อที่รอรถเมล์ใน กทม.
#3297


อ่างทอง - วัดดังสร้าง พระราหูเหยียบโควิด แนวคิดทางวัด อยากให้เป็นสิ่งเตือนใจให้ ระลึกถึง ในช่วง ปี 2563-2564 ได้เกิดเหตุการณ์มีการแพร่ระบาดของโรคไวรัสโควิด-19 และเตือนสติให้ลูกหลาน

เป็นที่พูดถึงกันมาก สำหรับ วัดโล่สุทธาวาส ต.ตลาดหลวง อ.เมือง จ.อ่างทอง ได้มีการสร้าง พระราหูเหยียบโควิด ซึ่งตั้งอยู่ภายในวัด บริเวณหน้าพระอุโบสถ 2 ชั้น ลักษณะพระ ราหูอยู่ในท่ายืนและเท้าทั้ง 2 ข้างเหยียบไวรัสโควิด-19 สูง ประมาณ 2 เมตร 50 เซนติเมตร กว้าง 1 เมตร 20 เซนติเมตร

โดยทางนายสิทธิพร สิทธิพงษ์พานิช ไวยาวัจกร วัดโล่ห์สุทธาวาส เปิดเผยว่า เหตุแรงจูงใจ ที่มีการสร้างรูปปั้นราหู เหยียบโควิด ได้มาจากแนวคิดที่ ทางวัดอันดับแรก อยากให้เป็นสิ่งเตือนใจให้ประชาชนทั่วไป ระลึกถึง คำนึงถึง ว่า ในช่วง ปี 2563-2564 ได้เกิดเหตุการณ์มีการแพร่ระบาดของโรคไวรัสโควิด-19 และเตือนสติให้ลูกหลานและแม้แต่ ประชาชนที่ใช้ชีวิตอยู่ในปัจจุบัน อย่าประมาทในการใช้ชีวิต อย่าทำลายธรรมชาติ

และในความเชื่อ เมื่อใดก็ตามที่เกิดปัญหาความวุ่นวาย การเปลี่ยนแปลง ความวุ่นวายอุปสรรค ไม่ว่าจะด้านภัยพิบัติ หรือโรคภัย ดาวราหู ก็มักจะถูกพาดพิงถึง พระราหูเป็นเทวดา จึงมีแนวคิดสร้างพระราหูในลักษณะ ที่มีเท้าทั้ง 2 ข้างเหยียบโควิดไว้ เพื่อยับยั้งไม่ให้เกิดการแพร่ระบาด สร้างความเสียหายและฆ่าชีวิตผู้คนเจ็บป่วย ล้มตายเป็นจำนวนมาก ประชาชนทั่วไปที่มีความเชื่อ ต่างแวะเวียนมากราบขอพร อย่างน้อย เป็นการสร้างขวัญและกำลังใจ เหมือนกับการขอพรจากพระ ให้ทุกอย่างผ่านไปด้วยดี ไม่เจ็บไม่ป่วยจากโรคร้ายนี้
#3298


สมาพันธ์ฟุต.ยุโรป หรือ 'ยูฟ่า' มอบรางวัลเกียรติยศให้กับ ซิมง เคียร์ กองหลังกัปตันทีมชาติเดนมาร์ และทีมแพทย์ หลังสามารถช่วยชีวิตของ คริสเตียน อิริคเซ่น ในศึกยูโร 2020 ที่ผ่านมา

คริสเตียน อิริคเซ่น จอมทัพของทีม 'โคนม' มีอาการหัวใจหยุดเต้นเฉียบพลัน จนล้มฟุบลงไปแบบสุดช็อก ในเกมที่ เดนมาร์ก พบกับ ฟินแลนด์ แต่ด้วยการช่วยเหลือของ เคียร์ และทีมแพทย์คนอื่นๆ ทำให้เขากลับมามีสติได้อีกครั้ง

โดย เคียร์ ได้รับรางวัลจากการกระทำ และความเป็นผู้นำ หลังจัดร่างกาย อิริคเซ่น ให้อยู่ในท่าที่เหมาะสม และเริ่มปั้มหัวใจเป็นคนแรก พร้อมนำผู้เล่นคนอื่นๆ มายืนบังเพื่อไม่ให้ภาพของเจ้าตัวที่มีสภาพไม่ค่อยดีนั้นหลุดออกไป

ขณะที่ทีมแพทย์ของเดนมาร์ก 2 คน ได้แก่ มอร์เท่น โชลดาเกอร์ และมอร์เท่น โบเซ่น รวมถึงแพทย์ประจำสนาม อย่าง โมเกนส์ ครอยท์เฟลด์ท, เฟรเดริค เฟลนสเตด, อันเดอร์ส โบเซ่น, เปเดอร์ เออร์สการ์ด และเจ้าหน้าที่ฝ่ายการแพทย์ของยูฟ่า ก็จะได้รับรางวัลด้วยเช่นกัน
#3299


บริษัท เซ็ทเทรด ดอท คอม จำกัด (Settrade) เปิดตัว Streaming Fund+ แอปพลิเคชันใหม่ล่าสุดเพื่อผู้ลงทุนในกองทุนรวม เปิดบัญชี ซื้อขาย สร้างและติดตามพอร์ต เพื่อการลงทุนในกองทุนรวมที่สะดวกง่ายดายมากขึ้น พร้อมให้ดาวน์โหลดแล้ววันนี้ ทั้ง iOS และ Android

นายพุฒิพงศ์ สกนธวัฒน์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท เซ็ทเทรด ดอท คอม จำกัด (Settrade) กล่าวว่า ในช่วงปีที่ผ่านมา ประชาชนให้ความสนใจในเรื่องการลงทุนเพื่อบริหารผลตอบแทนจากเงินออมเพิ่มมากขึ้น โดยกองทุนรวมนับเป็นทางเลือกให้ผู้สนใจลงทุนและผู้ลงทุนบุคคลใหม่ที่ยังไม่มีประสบการณ์ในการลงทุน หรือผู้ลงทุนที่ไม่มีเวลาลงทุนด้วยตนเอง Settrade จึงได้พัฒนาเครื่องมือเพื่อการลงทุนในกองทุนรวมอย่างต่อเนื่อง ล่าสุดเปิดตัว Streaming Fund+ เป็นการพัฒนาแอปพลิเคชันที่เน้นตอบโจทย์ผู้ลงทุนอย่างครบวงจร ตั้งแต่การเปิดบัญชีกองทุนรวม ซื้อขาย และสร้างแผนการลงทุนและบริหารพอร์ตได้อย่างสะดวกรวดเร็วในแอปเดียว

"Streaming Fund+ เป็นแอปใหม่ที่พัฒนาต่อยอดจาก Streaming for Fund ให้มีฟังก์ชันการใช้งานที่ง่ายและทันสมัยมากขึ้น ประกอบด้วยฟีเจอร์ต่างๆ ตอบโจทย์ลูกค้าที่สนใจการลงทุนในกองทุนรวม ให้จัดการการลงทุนได้ครบ จบ ในที่เดียว ไม่ว่าจะเป็นการเปิดบัญชีออนไลน์กับตัวแทนซื้อขายหน่วยลงทุน (selling agent) 20 ราย เลือกลงทุนในกองทุนรวมหลากหลายจาก 22 บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) ชั้นนำ ส่งคำสั่งซื้อ-ขาย และรองรับการลงทุนแบบตั้งลงทุนล่วงหน้า รวมถึงการลงทุนแบบถัวเฉลี่ยต้นทุน (DCA) ติดตามภาพรวมพอร์ตการลงทุนได้ในหน้าเดียว นอกจากนี้ ลูกค้ายังสามารถเลือกลงทุนผ่านแผนการลงทุนที่ออกแบบโดยผู้เชี่ยวชาญ ซึ่งสามารถเลือกแผนลงทุนในระดับความเสี่ยงที่รับได้ โดยจะมีการสรุปผลการลงทุนให้อย่างสม่ำเสมอ และปรับแผนการลงทุนได้ตลอดเวลา Settrade เชื่อว่า Streaming Fund+ จะช่วยให้ผู้ลงทุนเข้าถึงการลงทุนได้ง่ายขึ้น ส่งเสริมการวางแผนการออมการลงทุน เพิ่มโอกาสสร้างผลตอบแทนสำหรับอนาคตอีกด้วย" นายพุฒิพงศ์กล่าว

ผู้สนใจสามารถดาวน์โหลดแอป Streaming Fund+ ได้แล้ววันนี้ ทั้งใน iOS และ Android สำหรับผู้ใช้ Streaming for Fund ปัจจุบัน สามารถดาวน์โหลดและใช้งาน Streaming Fund+ ได้ทันทีด้วย Username และ Password เดิม หรือยังคงใช้งาน Streaming for Fund ได้จนถึงช่วงเดือนมกราคมต้นปีหน้า ดูรายละเอียดเพิ่มเติมที่ https://bit.ly/3gah2JB
#3300


กระทรวงสาธารณสุข แรงงาน และสวัสดิการของญี่ปุ่นจ่ายค่าชดเชยให้กับผู้ได้รับผลกระทบจากการฉีดวัคซีนโรคโควิด-19 เป็นครั้งแรกจำนวน 29 ราย

รัฐบาลญี่ปุ่นได้ระบุไว้ในระเบียบการฉีดวัคซีนให้กับประชาชนว่า หากได้รับวัคซีนแล้วมีผลข้างเคียงรุนแรงต้องเข้ารับการรักษาตัวในสถานพยาบาลหรือพิการ รัฐบาลจะรับผิดชอบค่าใช้จ่ายในการรักษาตัว และจ่ายค่าชดเชยเป็นรายเดือนสูงสุดเดือนละ 37,000 เยน (ราว 12,000 บาท)

คณะผู้เชี่ยวชาญของกระทรวงสาธารณสุขได้พิจารณาผู้ที่ยื่นขอรับค่าชดเชยเป็นครั้งแรกเมื่อวันที่ 19 ส.ค. จำนวน 41 ราย และมีมติให้จ่ายค่าชดเชยให้ 29 ราย ซึ่งเข้าข่ายมีอาการทางสุขภาพซึ่งเกิดจากการฉีดวัคซีน 29 คนนี้มีทั้งชายและหญิงอายุตั้งแต่ 20-69 ปี

ผู้ที่ได้รับค่าชดเชย 23 คนมีอาการแพ้วัคซีนอย่างรุนแรง และ 6 คนมีอาการแพ้วัคซีนแบบฉับพลัน แต่ทางกระทรวงไม่ได้เปิดเผยรายชื่อบุคคลและชนิดของวัคซีนที่ได้รับ (ในญี่ปุ่นใช้วัคซีน 2 ยี่ห้อคือ ไฟเซอร์ และโมเดอนา)



ผู้ที่ได้รับผลกระทบจากวัคซีน 29 คนนี้จะได้รับค่ารักษาพยาบาลและค่าชดเชย ทางกระทรวงยังจะติดตามอีก 12 คนที่ยังไม่ได้รับอนุมัติให้รับค่าชดเชยในครั้งนี้ต่อไปว่า อาการที่เกิดขึ้นเกี่ยวข้องกับวัคซีนหรือไม่

นี่เป็นครั้งแรกที่กระทรวงสาธารณสุขญี่ปุ่นอนุมัติจ่ายค่าชดเชยที่เกิดจากการฉีดโควิด-19 และการดำเนินการพิจารณาจะมีต่อเนื่องไป.