• Welcome to ลงประกาศฟรี โพสฟรี โปรโมทเว็บไซด์ให้ติดอันดับ SEO ด้วย PBN.
 

poker online

ปูนปั้น

Menu

Show posts

This section allows you to view all posts made by this member. Note that you can only see posts made in areas you currently have access to.

Show posts Menu

Topics - Chigaru

#3321


กรณีรัฐบาลจีนได้แต่งตั้ง นายหาน จื้อเฉียง ดำรงตำแหน่งเอกอัครราชทูตสาธารณรัฐประชาชนจีน ประจำประเทศไทย หลังจากที่ไม่มีผู้ดำรงตำแหน่งนี้มานานนับปีนั้น ได้ทำให้ภาคนักธุรกิจ โดยเฉพาะหอการค้าทางภาคเหนือของไทยเฝ้าจับตาดูบทบาทว่าจะนำพาความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ/เศรษฐกิจไทย-จีนไปในทิศทางใด โดยเฉพาะนโยบายเกี่ยวกับแม่น้ำโขง เส้นทางคมนาคมทางเรือเชื่อมการค้า การท่องเที่ยวสามเหลี่ยมทองคำ ชายแดนเชียงราย-พม่า-สปป.ลาว มณฑลยูนนาน สป.จีน ที่หยุดชะงักลง เนื่องจากจีนปิดท่าเรือกวนเหล่ย เมืองท่าหน้าด่านสำคัญริมฝั่งโขงมานาน

น.ส.ผกายมาศ เวียร์รา รองประธานหอการค้า จ.เชียงราย เปิดเผยว่า ยุคที่เศรษฐกิจโดยเฉพาะภาคการท่องเที่ยวซบเซาอันเกิดจากวิกฤตโควิด-19 ภาคการค้าชายแดนไม่ได้เงียบเหงาตามไปด้วย การส่งออกสินค้าตามช่องทางชายแดนของไทยไปประเทศเพื่อนบ้านในกลุ่มอาเซียนยังเติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่อง

อย่างของ จ.เชียงรายมีจุดการค้า 4 จุดใหญ่ๆ คือ จุดผ่านแดนถาวร อ.แม่สาย-ท่าขี้เหล็ก ประเทศเมียนมา, จุดผ่านแดนถาวรท่าเรือแม่น้ำโขง อ.เชียงแสน และจุดผ่านแดนถาวร อ.เชียงของ เชื่อมกับแขวงบ่อแก้ว สปป.ลาว ซึ่งมีการค้าทั้งกับประเทศเพื่อนบ้าน (พม่า-ลาว) และ สป.จีน คิดเป็นมูลค่ามหาศาลต่อปี ซึ่งหากได้รับการส่งเสริมผลักดันก็จะสามารถนำมาแก้ปัญหาเศรษฐกิจในยุคปัจจุบันได้

อย่างไรก็ตาม แม้ช่องทางการค้าชายแดนส่วนใหญ่จะไม่ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 แต่การค้าทางเรือแม่น้ำโขงกลับได้รับผลกระทบ เนื่องจากทางการจีนได้สั่งปิดท่าเรือกวนเหล่ย เมืองหล้า เขตปกครองตนเองสิบสองปันนา มณฑลยูนนาน ซึ่งเป็นเมืองท่าหน้าด่านของจีนมาตั้งแต่เกิดวิกฤตโรคระบาดที่เมืองอู่ฮั่นจนถึงปัจจุบันเป็นระยะเวลากว่า 2 ปีแล้ว จนทำให้การค้าทางเรือซบเซาลงอย่างหนัก เรือสินค้ากว่า 400 ลำต้องจอดสนิท และผู้คนลุ่มน้ำโขงตกงานกันเป็นจำนวนมาก



รองประธานหอการค้า จ.เชียงรายกล่าวอีกว่า ในโอกาสที่ทางการจีนได้แต่งตั้งเอกอัครราชทูตประจำประเทศไทยคนใหม่ให้เข้ามาทำงาน จึงขอเสนอให้พิจารณารีบดำเนินการใน 3 เรื่องหลักๆ เพื่อให้มีการขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทย-จีน คือ 1. ขอให้ทางการจีนเปิดท่าเรือกวนเหล่ย ภายใต้มาตรการป้องกันไวรัสโควิด-19 อย่างเข้มงวด อนุญาตข้ามแดนเฉพาะสินค้า โดยไม่อนุญาตคนเข้าออก

2. ให้มีการขุดลอกแม่น้ำโขงช่วงที่เรียกว่า "มองป่าแหลว" ชายแดนประเทศเมียนมา-สปป.ลาว ห่างจาก อ.เชียงแสนไปทางทิศเหนือประมาณ 53 กิโลเมตร เพราะช่วงฤดูแล้งเมื่อเขื่อนจิ่งหงในเขตปกครองตนเองสิบสองปันนาปล่อยน้ำจากเขื่อนในอัตราที่ต่ำกว่า 1,000 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที จะทำให้เกิดหาดทรายกว้างและตื้นเขินจนเรือสินค้าไม่สามารถแล่นผ่านได้ บางครั้งต้องใช้การชักลากและเรือเกิดติดค้างอยู่หลายวัน

เรื่องที่ 3 คือ ขอให้พิจารณาเปิดด่านรุ่ยลี่ที่ติดกับด่านมูเซของเมียนมาที่ทางการจีนปิดด่านเพื่อป้องกันไวรัสโควิด-19 เช่นกัน แต่ควรเปิดโดยวางมาตรการไม่ให้มีคนเข้าออกเหมือนด่านแม่สาย-ท่าขี้เหล็ก ระหว่างไทย-เมียนมา เพื่อให้การค้าชายแดนไทย-เมียนมา-จีนขับเคลื่อนได้

"ดิฉันคาดหวังว่าเมื่อทางการจีนมีเอกอัครราชทูตคนใหม่มาประจำจะทำให้มีอำนาจอย่างเต็มที่ในการพิจารณาเรื่องต่างๆ ได้"



น.ส.ผกายมาศกล่าวด้วยว่า นอกจากนี้ จ.เชียงรายยังมีจุดการค้าด้าน อ.แม่สาย ที่เป็นจุดผ่านแดนถาวรแห่งเดียวของรัฐฉาน ประเทศเมียนมา และติดกับประเทศไทย ซึ่งรัฐฉานมีพื้นที่มากกว่าประเทศกัมพูชาและมีประชากรมากกว่า สปป.ลาว จึงเป็นตลาดใหญ่ ปัจจุบันนำเข้าสินค้าจากประเทศไทยอย่างต่อเนื่องทั้งน้ำมันเชื้อเพลิง วัสดุก่อสร้าง เครื่องอุปโภคบริโภค ฯลฯ และมีด่านมูเซ-รุ่ยลี่ที่มีมูลค่าการค้ามหาศาล มีสินค้าไทยส่งออกไปกว่า 50% นอกจากนี้ยังมีด้านถนนอาร์สามเอผ่าน อ.เชียงของ เข้าไปยัง สปป.ลาว และจีนตอนใต้

ดังนั้น เพื่อให้การค้าชายแดนช่วยฉุดดึงเศรษฐกิจประเทศให้เติบโตในยุควิกฤตโควิด-19 รัฐบาลไทยโดยกระทรวงการต่างประเทศจึงควรผลักดันการเจรจากับประเทศจีนเรื่องท่าเรือกวนเหล่ยโดยเร็ว ส่วนกระทรวงคมนาคมควรเร่งพัฒนาท่าเรือเชียงแสน โดยเฉพาะการจัดหาอุปกรณ์ยกสินค้าที่ได้มาตรฐาน

ขณะที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ต้องผลักดันให้มีพิธีสารเพื่อส่งออกผักและผลไม้ไปยังท่าเรือกวนเหล่ยได้ เพราะปัจจุบันยังไม่มีข้อตกลงดังกล่าวทำให้ส่งออกสินค้าประเภทนี้ไปทางเรือไม่ได้ ทั้งๆ ที่ท่าเรือกวนเหล่ยอยู่ในเมืองหล้ามีองค์กรตรวจสอบมาตรฐานผักและผลไม้แบบเดียวกันกับด่านโมฮานที่ติดกับเมืองบ่อเต็น สปป.ลาว บนถนนอาร์สามเอ ซึ่งรับสินค้าผักและผลไม้ไทยไปจาก อ.เชียงของ
 
#3322


'โควิด-19' เชื้อไฟชั้นดีให้ 'พืชสมุนไพร' ของไทย 'บูม' ในตลาดโลก !! วลีเด็ดของ 'จุลภาส (ทอม) เครือโสภณ' ผู้ก่อตั้ง บริษัท (Founder) บริษัท โกลเด้น ไตรแองเกิล เฮลท์ จำกัด หรือ GTH บอกกับ 'กรุงเทพธุรกิจ BizWeek' เช่นนั้น ซึ่งสอดคล้องกลับเป้าหมายของบริษัทที่ต้องการผลักดันพืชสมุนไพรของไทย เป็นอุตสาหกรรมระดับโลก !

เมื่อโอกาสธุรกิจกำลังเข้ามาจากการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนา สายพันธ์ใหม่ 2019 (โควิด-19) ส่งผลให้พืชสมุนไพร่ไทยเริ่มเป็นที่รู้จักมากยิ่งขึ้นในตลาดโลก...

ประกอบกับเมืองไทยกระทรวงสาธารณสุขประกาศ 'ปลดล็อก' ให้ใช้ประโยชน์บางส่วนของพืชเศรษฐกิจ 'กัญชง' ในเชิงการค้าได้ โดย อย. ได้เปิดให้ขอใบอนุญาตประกอบกิจการตั้งแต่การปลูก โรงงานสกัดสาร CBD ผลิตและจำหน่ายสินค้าส่วนผสมกัญชง เมื่อวันที่ 29 มกราคม 2564 ที่ผ่านมา

สอดรับแผนการให้ บมจ. เอ็นอาร์ อินสแตนท์ โปรดิวซ์ หรือ NRF ผู้ผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์เครื่องปรุงรส อาหารสำเร็จรูป รวมทั้งธุรกิจอาหารโปรตีนจากพืช หรือ Plant-Based Food ของ 'แดน ปฐมวาณิชย์' เข้ามาถือหุ้นสัดส่วน 49% และมีโอกาสซื้อหุ้นเพิ่มได้ถึง 51% แต่ยังไม่ใช่ระยะใกล้นี้ เพื่อร่วมกันขยายตลาดผลิตภัณฑ์จากพืชเศรษฐกิจไทยสู่ตลาดโลก หลัง NRF เข้ามาถือหุ้นทีมผู้บริหารเดิมของ GTH ยังทำงานต่อไปตามแผนธุรกิจที่วางไว้ ด้วยการลงทุนในธุรกิจกัญชง ตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำ และธุรกิจแฟรนไชส์ Hemp House

โดย GTH ทำธุรกิจตั้งแต่ต้นน้ำยันปลายน้ำ โดยการนำเข้าเมล็ดกัญชงสายพันธ์ที่มีคุณภาพ พัฒนาการปลูกและสกัดกัญชง ตลอดจนการพัฒนาสินค้าอาหารและเครื่องดื่มที่ผสมรสชาติกัญชงภายใต้แบรนด์ของ GTH เช่น Kinchakan, TOM , และช่อผกา

อีกทั้งบริษัทยังร่วมมือกับพันธมิตรทางธุรกิจ กับแบรนด์เครื่องสำอางชั้นนำ อาทิ Dentiste Smooth E , เซียงเพียวอิ๊ว เพื่อต่อยอดและพัฒนาธุรกิจกัญชงในประเทศไทย

ดังนั้น เป้าหมายในปี 2564 จึงต้องการขยายธุรกิจสู่ตลาด 'ต่างประเทศ' โดยคาดว่าปลายปีนี้สัดส่วนรายได้ต่างประเทศอยู่ที่ 60% จาก 30% หรือเพิ่มขึ้น 'เท่าตัว' โดยปี 2563 สัดส่วนรายได้ในประเทศ 70% ต่างประเทศ 30% และเป้าหมายรายได้ปีนี้อยู่ที่ 100 ล้านบาท !! 

'ตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมาเรากำลังเน้นตลาดขยายต่างประเทศ ตั้งเป้าปลายปีสัดส่วนรายได้จะเพิ่มขึ้นเท่าตัว จากปีก่อนที่สัดส่วนรายได้อยู่ในประเทศเป็นหลัก เนื่องจากตลาดต่างประเทศเวลาส่งออกที่จะเป็นวอลุ่มที่ใหญ่มาก โดยวอลุ่มที่ใหญ่จะเป็นสารสกัดจากกัญชง สารสกัดใบกระท่อม' 


นอกจากนี้ บริษัทได้เปิดตัว 'ธุรกิจแฟรนไชส์' ร้านจำหน่ายสินค้าส่วนผสมกัญชง ภายใต้แบรนด์ 'Hemp House' ภายหลังจากที่ราชกิจจานุเบกษา ออกประกาศให้นำกัญชงใช้ในเชิงพาณิชย์ได้และ และองค์การอาหารและยา (อย.) ยังเปิดให้เอกชนที่สนใจสามารถลงทะเบียนเพื่อขออนุญาตปลูกกัญชงในพื้นที่ขนาดใหญ่เพื่อธุรกิจได้ รวมถึงใช้กัญชงในส่วนผสมของเครื่องดื่ม ,อาหาร, อาหารเสริม และเครื่องสำอาง

โดย ล่าสุดเมื่อต้นเดือนส.ค.ที่ผ่านมา NRF และ GTH ร่วมกับมหาวิทยาลัยขอนแก่น ปลูกกัญชงกว่า 400 ไร่ ในมหาวิทยาลัยขอนแก่น เป็นแห่งแรกในประเทศไทย เพื่อผลิตกัญชงสายพันธุ์ไทยให้มีคุณภาพสามารถแข่งขันในตลาดโลกได้อย่างมีประสิทธิภาพ และผลักดันให้กัญชงเป็นพืชเศรษฐกิจของประเทศ 



สำหรับวัตถุประสงค์เพื่อ 1.พัฒนาและวิจัยการปลูก การสกัดสารสำคัญจากพืชกัญชงรวมถึงการพัฒนาผลิตภัณฑ์จากพืชกัญชงเพื่อการพัฒนาเศรษฐกิจ 2.เพื่อร่วมมือในการทดลอง วิจัย ปลูกและสกัดสารสำคัญจากพืชกัญชงสายพันธุ์คุณภาพที่บริษัทนำเข้าเมล็ดพันธุ์ โดยมหาวิทยาลัยขอนแก่น จะส่งเสริมการปลูกพืชกัญชงในพื้นที่ของมหาวิทยาลัยและเครือข่ายวิสาหกิจชุมชนในพื้นที่เบื้องต้น 400 ไร่ โดยบริษัท จะเป็นผู้รับผลผลิตทั้งหมดที่ได้จากมหาวิทยาลัย 

3.เพื่อร่วมมือในการพัฒนาสายพันธุ์กัญชงโดยมหาวิทยาลัยขอนแก่น เพื่อให้ได้มาซึ่งกัญชงสายพันธุ์ไทยที่มีค่าสาร CBD สูงและค่าสาร THC ต่ำตามที่กฎหมายแห่งราชอาณาจักรไทยกำหนด โดยบริษัทฯ จะเป็นผู้รับผลผลิตจากสายพันธุ์กัญชงไทยที่มีการพัฒนาคุณภาพ 4.เพื่อร่วมมือในการประชาสัมพันธ์การนำผลิตภัณฑ์คุณภาพที่มีส่วนผสมของกัญชงหรือสารสกัดกัญชงที่มาจากการพัฒน่ร่วมกันให้เป็นที่รู้จักแพร่หลายทั้งในประเทศและต่างประเทศ 

5.เพื่อร่วมมือในการ พัฒนาและสกัดโปรตีนจากพืชกัญชง รวมไปถึงการพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่ให้โปรตีนสูงจากโปรตีนของพืชกัญชง และ 6.เพื่อร่วมมือในการพัฒนาและจัดตั้งหลักสูตรการศึกษาในเรื่องโปรตีนจากพืชสนับสนุนและจัดสรรบุคลากรที่เป็นประโยชน์ต่อหลักสูตรดังกล่าว


โดยสกัดกัญชงเป็นแคนนาบิไดออล (cannabidiol) หรือ CBD เทอร์พีน (Terpenes) และน้ำมันกัญชง (Hemp Oil) ซึ่งเป็นสารไม่มีฤทธิ์กระตุ้นระบบประสาท สามารถใช้รักษาและพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่เป็นประโยชน์ต่อร่างกายได้ โดยหลังจากสกัดกัญชงแล้วบริษัทตั้งเป้านำมาผลิตเป็น ซึ่งคาดว่าจะวางจำหน่ายในตลาดต่างประเทศมากกว่า 36 ประเทศทั่วโลก ทั้งโซนยุโรป สหรัฐฯ ภายในเดือนธ.ค.2564 

สำหรับ 'จุดเด่น' ที่ทำให้ NRF และ GTH แตกต่างจากคู่แข่งทางธุรกิจรายอื่นคือ บริษัทมีพาร์ทเนอร์ด้านเทคโนโลยีที่มีโรงสกัดขนาดใหญ่ในแคลิฟอร์เนีย สหรัฐฯ ซึ่งเป็นเบอร์หนึ่งในวงการด้านการปลูกและสกัดกัญชง หรือ สาร CBD และ Terpenes ได้อย่างมีประสิทธิภาพ

'ภาพรวมการเติบโตของธุรกิจกัญชงในระยะเวลา 3-5 ปีข้างหน้า มีแนวโน้มเติบโตไปในทิศทางที่ดี โดยคาดว่าหลังจากเริ่มปลูกและสามารถเก็บเกี่ยว เพื่อนำมาสกัดสารสำคัญต่างๆจะทำให้ตลาดสามารถขยายไปได้มากทั้งในประเทศและต่างประเทศ'

พร้อมผลักดันกัญชงและผลิตภัณฑ์จากกัญชงให้เป็นสินค้าเศรษฐกิจของประเทศ ซึ่งในเร็วๆ นี้ บริษัทยังได้วางแผนนำสมุนไพรไทยชนิดอื่นๆ เช่น ฟ้าทะลายโจร กระชายขาว และกระท่อม มาให้เกษตรกรปลูกเพิ่มเติมโดยช่วยควบคุมคุณภาพของการปลูกกัญชงและการทำเกษตรพันธสัญญา และพัฒนาเป็นผลิตภัณฑ์พร้อมจัดจำหน่ายไปทั่วโลก

สอดคล้องกับประกาศแล้ว พระราชบัญญัติ ยาเสพติดให้โทษ (ฉบับที่ 8) พ.ศ. 2564 ปลดพืชกระท่อมจากยาเสพติดให้โทษ ส่งผลให้บริษัทศึกษาส่งออกผลิตภัณฑ์สารสกัดจากใบกระท่อมไปในตลาดสหรัฐฯ ซึ่งเป็นตลาดที่มีขนาดใหญ่ มูลค่าราว 60,000 ล้านบาท โดยคาดว่าจะได้เห็นผลิตภัณฑ์ที่มาจากใบกระท่อมวางจำหน่ายในเดือนธ.ค.นี้ เบื้องต้นจะเป็นผลิตภัณฑ์เครื่องดื่มชูกำลัง 

ท้ายสุด 'จุลภาส' ทิ้งท้ายไว้ว่า บริษัทเล็งเห็นถึงความสำคัญและโอกาสการเติบโตของธุรกิจสุขภาพที่มาจากพืชสมุนไพร ประกอบกับที่ผ่านมาได้เดินทางไปศึกษาดูงานในต่างประเทศมาแล้ว จึงเชื่อว่าเป็นธุรกิจที่มีศักยภาพและน่าสนใจลงทุน จึงได้ร่วมกับพันธมิตรคิดค้นและพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่ทำจากกัญชงออกมาใช้ในด้านของการรักษาสุขภาพ และเพิ่มความผ่อนคลาย รวมถึงส่งเสริมให้การนอนหลับได้ดียิ่งขึ้น
#3323


ByteDance เจ้าของ TikTok แอปพลิเคชั่นยอดฮิตสำหรับสร้างสรรค์ผลงานวิดีโอที่กำลังมาแรงในช่วง 2 ปีหลัง เล็งเห็นถึงการเติบโตอย่างรวดเร็วของผู้ใช้ ทำให้แบรนด์จำนวนมากหันมาใช้โฆษณาบน TikTok เพื่อเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายที่กว้างขึ้น ตัดสินใจพร้อมลุยตลาดในภูมิภาคเอเชียอย่างจริงจัง ใช้เวลากว่า 6 เดือนคัดเลือกบริษัทตัวแทนในการดูแลการซื้อขายมีเดียทั่วทั้งภูมิภาคเอเชีย

สุดท้ายได้บริษัทที่มีความเหมาะสม คือ "iFulFeel Co., Ltd." โดย TikTok แต่งตั้งเป็นตัวแทนดูแลการการซื้อขายมีเดียให้กับ Tiktok ทั่วทั้งทวีปเอเชีย รวมถึงประเทศไทย โดย iFulFeel Co., Ltd. มีหัวเรือใหญ่ คือ "ชาร์ลี ฉั่ว" นักธุรกิจผู้คร่ำหวอดในวงการโลจิสติกส์ระหว่างไทยกับจีนมากว่า 30 ปี นั่งแท่นเป็น CEO ของ iFulFeel และเป็นผู้มีส่วนสำคัญในการผลักดันก่อให้เกิด ความตกลงครั้งสำคัญนี้

ตั้งเป้า นำ TikTok มาเป็นส่วนหนึ่งมาสร้างระบบ E-Commerce ระหว่างประเทศให้ทุกคนที่มี TikTok สามารถเข้าถึงได้ โดย iFulFeel เป็นจุดศูนย์กลาง

TikTok เป็นแพลตฟอร์มที่เน้นการทำวิดีโอเป็นคอนเทนต์หลัก ชาร์ลี ฉั่วเล็งเห็นว่า โปรดักชั่นในการถ่ายทำก็เป็นอีกจุดหนึ่งที่มีความสำคัญ และถือเป็นหัวใจหลักของ TikTok จึงได้สร้างโปรเจกต์ iFulFeel x G-Village x Playground ขึ้นมา รวบรวมกลุ่มบริษัทที่มีความสามารถในวงการโฆษณาเพื่อสร้าง TikTok Production House Specialist นำโดย Liveplus Hause Co.,Ltd. โดยมีฐานหลักอยู่ที่ G-Village Co-Creation Hub สถานที่รวบรวมและสร้างคอนเทนต์ครีเอเตอร์ไว้มากมาย และยังเป็น Studio ท่ีมีชื่อเสียงเป็นอันดับต้น ๆ ของประเทศ

นอกจากนี้ iFulFeel ยังได้ "โรจน์ พุทธคุณ" ผู้ก่อตั้งบริษัท Mainstand บริษัทผู้ผลิตข่าวในวงการกีฬา และไลฟ์สไตล์ชื่อดัง อีกทั้งยังเป็นบุคคลสำคัญผู้ผลักดันและพัฒนาวงการ E-Sports ในประเทศไทยให้ฮิตติดเทรนด์ในทุกวันนี้ ที่ครั้งนี้มาในนาม Playground เป็นผู้ดูแลการผลิตทั้งหมดและบริหารสตูดิโอ รวมถึงการตั้งเป้าพัฒนาให้ G-Village กลายเป็นจุดศูนย์กลางที่จะรองรับ TikTok Cerators ที่มีความสนใจในการสร้าง Content สนุก เพื่อสร้างให้ TikTok กลายเป็นโซเชียลมีเดียที่ฮิตติดเทรนด์

สิ่งที่สำคัญ สำหรับวิสัยทัศน์ของ "ชาร์ลี ฉั่ว" คือ การที่เล็งเห็นว่า SME ไทย ต้องการสร้างเเคมเปญโฆษณาต่าง ๆ โดยใช้ TikTok แต่ยังขาดผู้ให้คำปรึกษาและผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทาง จึงได้ร่วมมือกับ Zpace Group Advertising Agency กลุ่มบริษัทโฆษณาในไทย ที่นำทัพโดย จักรพันธ์ ศรีจันทร์ทัพ และ คุณภัทร วิชชุภานน์ ที่จะมาดูแลในส่วนของการวางแผนงานโฆษณาและแคมเปญต่าง ๆ ครอบคลุมถึงการทำแคมเปญในรูปแบบ IMC เพื่อรองรับธุรกิจทุกรูปแบบ

รวมถึงการประชาสัมพันธ์ที่ได้ Space Flares Creative PR Agency นำโดย อุทุมพร สุขประวิทย์ เข้ามาเป็นอีกพาร์ทเนอร์ที่แข็งแกร่งในสายงานประชาสัมพันธ์ โดยได้มีการเริ่มโปรเจกต์ไปแล้วบางส่วน เช่น แคมเปญ 100 บาทช่วยชาติ ที่มีการประสานงานกับ Gmall Co., Ltd. เพื่อช่วยเกษตรกรและ SME ชาวไทยในช่วงวิกฤตการณ์ Covid-19

ชาร์ลี ฉั่ว ยังได้เผยถึงมุมมองแนวคิดการทำงานว่า ต้องการสร้างทีมที่สามารถทำงานโฆษณาได้ครบทุกด้าน เพราะนั่นถือเป็นอีกก้าวที่สำคัญของ Tiktok Asia เพื่อตอบรับความต้องการของกลุ่มธุรกิจต่าง ๆ ให้สอดคล้องกับรูปแบบทางเศรษฐกิจในทุกวันนี้ โดยมีความตั้งใจจะให้บริการในรูปแบบ One Stop Service และต้องการเพิ่มประสิทธิภาพในการให้บริการกับผู้บริโภคถึงขีดสุด

โดยเมื่อผู้บริโภคตัดสินใจซื้อ โฆษณาบน TikTok Media จาก iFulFeelแล้ว จะได้รับการบริการที่ครอบคลุมตั้งแต่ขั้นตอนที่มีความสำคัญและเป็นหัวใจหลักของการทำ TikTok อย่างการทำโปรดักชั่นจากทีมงานมืออาชีพอย่าง Playground พร้อมด้วยคำแนะนำด้านการทำงานครีเอทีฟและสตูดิโอสำหรับจัดกิจกรรมและการถ่ายทำที่ถูกออกแบบให้เหมาะสมกับงานทุกรูปแบบจาก G-village เพื่อยกระดับการสร้างสรรค์ผลงานของผู้บริโภคให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด

ปัจจุบัน TikTok เป็นแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียและตลาดออนไลน์ที่ได้รับความนิยมเป็นอันดับต้น ๆ ซึ่งถือเป็นอีกหนึ่งกลยุทธ์ที่น่าสนใจซึ่งตอบโจทย์แบรนด์ที่ต้องการเข้าถึงกลุ่มเป้าหมาย Generation Y-Z เป็นอย่างมาก ด้วยรูปแบบโฆษณาที่โดดเด่น หลากหลาย และสามารถเลือกใช้ได้ตามความเหมาะสม คุณชาร์ลี ฉั่ว คาดว่าภายในระยะเวลา 2 ปี TikTok จะสามารถขึ้นมาเป็นแพลตฟอร์มหลักของสื่อโซเชียลมีเดียคู่กับ Facebook และจะกลายเป็นแพลตฟอร์มอันดับ 1 ของ E-commerce ได้อย่างเเน่นอน
#3324
สำนักพรเทวะ ศูนย์รวมวัตถุมงคล เครื่องราง ของขลัง เมตตามหานิยม มหาเสน่ห์ศูนย์รวมวัตถุมงคล เครื่องราง ของขลัง เมตตามหานิยม มหาเสน่ห์ รับทำเทียนสะเดาะเคราะห์ สืบชะตา รับโชค แก้ชง เสริมดวงเสริมบารมีต่างๆ เรียกคู่ เรียกจิต ให้บูชาน้ำมันว่านสาวหลง น้ำมันว่านดอกทอง อื่น ๆ รับวิเคราะห์ชื่อ(ฟรี) รับตั้งชื่อ จำหน่ายเพนดูลั่มลูกดิ่งพลังจิต ให้บูชาคัมภีร์พระเวทย์ 

สนใจติดต่อ
อ.ทองเอก พรเทวะ
โทร 0846623662
Line : teerapat999 

Shopee
https://shopee.co.th/teerapat992018?categoryId=100636&itemId=5537373349 
#3325


ต้องการผลักดัน "พืชสมุนไพร" ของไทยเป็นอุตสาหกรรมระดับโลก ! "จุลภาส (ทอม) เครือโสภณ" ผู้ก่อตั้งบริษัท (Founder) บริษัท โกลเด้น ไตรแองเกิลเฮลท์ จำกัดหรือ GTH  กับโอกาสธุรกิจกำลังเข้ามาจากการแพร่ระบาดโควิด-19 

ส่งผลให้พืชสมุนไพร่ไทยเริ่มเป็นที่รู้จักมากยิ่งขึ้นในตลาดโลก...

ประกอบกับเมืองไทยกระทรวงสาธารณสุขประกาศ "ปลดล็อก"ให้ใช้ประโยชน์บางส่วนของพืชเศรษฐกิจ "กัญชง" ในเชิงการค้า

สอดรับแผนการให้ บริษัท เอ็นอาร์อินสแตนท์โปรดิวซ์ จำกัด (มหาชน) หรือ NRFผู้ผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์เครื่องปรุงรส อาหารสำเร็จรูป รวมทั้งธุรกิจอาหารโปรตีนจากพืช หรือ Plant-Based Food ของ "แดน ปฐมวาณิชย์" เข้ามาถือหุ้นสัดส่วน 49%และมีโอกาสซื้อหุ้นเพิ่มได้ถึง 51% แต่ยังไม่ใช่ระยะใกล้นี้ เพื่อร่วมกันขยายตลาดผลิตภัณฑ์จากพืชเศรษฐกิจไทยสู่ตลาดโลก หลัง NRF เข้ามาถือหุ้นทีมผู้บริหารเดิมของ GTH ยังทำงานต่อไปตามแผนธุรกิจที่วางไว้ ด้วยการลงทุนในธุรกิจกัญชง ตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำ และธุรกิจแฟรนไชส์Hemp House

โดย GTH ทำธุรกิจตั้งแต่ต้นน้ำยันปลายน้ำ โดยการนำเข้าเมล็ดกัญชงสายพันธ์ที่มีคุณภาพ พัฒนาการปลูกและสกัดกัญชง ตลอดจนการพัฒนาสินค้าอาหารและเครื่องดื่มที่ผสมรสชาติกัญชงภายใต้แบรนด์ของ GTH เช่น Kinchakan, TOM, และช่อผกา

อีกทั้งบริษัทยังร่วมมือกับพันธมิตรทางธุรกิจ กับแบรนด์เครื่องสำอางชั้นนำ อาทิ Dentiste Smooth E , เซียงเพียวอิ๊ว เพื่อต่อยอดและพัฒนาธุรกิจกัญชงในประเทศไทย

ดังนั้น เป้าหมายในปี 2564 จึงต้องการขยายธุรกิจสู่ตลาด "ต่างประเทศ"โดยคาดว่าปลายปีนี้สัดส่วนรายได้ต่างประเทศอยู่ที่ 60% จาก 30% หรือเพิ่มขึ้น "เท่าตัว"โดยปี 2563 สัดส่วนรายได้ในประเทศ 70% ต่างประเทศ 30%และเป้าหมายรายได้ปีนี้อยู่ที่ 100 ล้านบาท !!

"ตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมาเรากำลังเน้นตลาดขยายต่างประเทศ ตั้งเป้าปลายปีสัดส่วนรายได้จะเพิ่มขึ้นเท่าตัว จากปีก่อนที่สัดส่วนรายได้อยู่ในประเทศเป็นหลักเนื่องจากตลาดต่างประเทศเวลาส่งออกที่จะเป็นวอลุ่มที่ใหญ่มากโดยวอลุ่มที่ใหญ่จะเป็นสารสกัดจากกัญชง สารสกัดใบกระท่อม"

นอกจากนี้ บริษัทได้เปิดตัว"ธุรกิจแฟรนไชส์"ร้านจำหน่ายสินค้าส่วนผสมกัญชง ภายใต้แบรนด์"Hemp House"ภายหลังจากที่ราชกิจจานุเบกษา ออกประกาศให้นำกัญชงใช้ในเชิงพาณิชย์ได้และ และองค์การอาหารและยา (อย.) ยังเปิดให้เอกชนที่สนใจสามารถลงทะเบียนเพื่อขออนุญาตปลูกกัญชงในพื้นที่ขนาดใหญ่เพื่อธุรกิจได้ รวมถึงใช้กัญชงในส่วนผสมของเครื่องดื่ม,อาหาร, อาหารเสริม และเครื่องสำอาง

ล่าสุดเมื่อต้นเดือนส.ค.ที่ผ่านมา NRF และ GTH ร่วมกับมหาวิทยาลัยขอนแก่นปลูกกัญชงกว่า 400 ไร่ในมหาวิทยาลัยขอนแก่น เป็นแห่งแรกในประเทศไทย เพื่อผลิตกัญชงสายพันธุ์ไทยให้มีคุณภาพสามารถแข่งขันในตลาดโลกได้อย่างมีประสิทธิภาพ และผลักดันให้กัญชงเป็นพืชเศรษฐกิจของประเทศ

โดยสกัดกัญชงเป็นแคนนาบิไดออล (cannabidiol) หรือ CBD เทอร์พีน (Terpenes) และน้ำมันกัญชง (Hemp Oil) ซึ่งเป็นสารไม่มีฤทธิ์กระตุ้นระบบประสาท สามารถใช้รักษาและพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่เป็นประโยชน์ต่อร่างกายได้ โดยหลังจากสกัดกัญชงแล้วบริษัทตั้งเป้านำมาผลิตเป็น ซึ่งคาดว่าจะวางจำหน่ายในตลาดต่างประเทศมากกว่า 36 ประเทศทั่วโลก ทั้งโซนยุโรป สหรัฐฯ ภายในเดือนธ.ค.2564

สำหรับ "จุดเด่น"ที่ทำให้ NRF และ GTH แตกต่างจากคู่แข่งทางธุรกิจรายอื่นคือ บริษัทมีพาร์ทเนอร์ด้านเทคโนโลยีที่มีโรงสกัดขนาดใหญ่ในแคลิฟอร์เนีย สหรัฐฯ ซึ่งเป็นเบอร์หนึ่งในวงการด้านการปลูกและสกัดกัญชง หรือ สาร CBD และ Terpenesได้อย่างมีประสิทธิภาพ

พร้อมผลักดันกัญชงและผลิตภัณฑ์จากกัญชงให้เป็นสินค้าเศรษฐกิจของประเทศ ซึ่งในเร็วๆ นี้ บริษัทยังได้วางแผนนำสมุนไพรไทยชนิดอื่นๆ เช่น ฟ้าทะลายโจร กระชายขาว และกระท่อม มาให้เกษตรกรปลูกเพิ่มเติมโดยช่วยควบคุมคุณภาพของการปลูกกัญชงและการทำเกษตรพันธสัญญา และพัฒนาเป็นผลิตภัณฑ์พร้อมจัดจำหน่ายไปทั่วโลก

สอดคล้องกับประกาศแล้ว พระราชบัญญัติ ยาเสพติดให้โทษ (ฉบับที่ 8) พ.ศ. 2564 ปลดพืชกระท่อมจากยาเสพติดให้โทษส่งผลให้บริษัทศึกษาส่งออกผลิตภัณฑ์สารสกัดจากใบกระท่อมไปในตลาดสหรัฐฯ ซึ่งเป็นตลาดที่มีขนาดใหญ่ มูลค่าราว 60,000 ล้านบาท โดยคาดว่าจะได้เห็นผลิตภัณฑ์ที่มาจากใบกระท่อมวางจำหน่ายในเดือนธ.ค.นี้ เบื้องต้นจะเป็นผลิตภัณฑ์เครื่องดื่มชูกำลัง
#3326


เจ้าหน้าที่สาธารณสุขชิคาโก สหรัฐฯ ในวันพฤหัสบดี(12ส.ค.) รายงานพบเคสผู้ติดเชื้อ 203 รายเกี่ยวข้องกับเทศกาลดนตรีประจำปี "ลอลลาพาลูซา" แต่ระบุไม่เกินความคาดหมาย และยังไม่พบความเชื่อมโยงกับผู้ติดเชื้ออาการหนักถึงขั้นเข้ารักษาตัวในโรพยาบาลหรือเสียชีวิต

"ไม่มีอะไรที่เกินความคาดหมาย" แพทย์หญิงแอลลิสัน อาร์วาดี คณะกรรมการกรมสุขภาพชิคาโกกล่าวระหว่างแถลงข่าว "ไม่มีสัญญาณว่ามันเป็นกิจกรรมซูเปอร์สเปรดเดอร์" เธอระบุ "แต่ชัดเจนว่าด้วยที่มีประชาชนหลายแสนคนเข้าร่วมลอลลาพาลูซา เราจึงคาดหมายว่าคงมีเคสติดเชื้อโควิด-19 อยู่บ้าง"

เทศกาลดนตรีประจำปี 4 วัน ซึ่งจัดขึ้นเมื่อราวๆ 2 สัปดาห์ที่แล้ว ดึงดูดผู้คนราวๆ 385,000 คนมายังสวนสาธารณะริมทะเลสาบแห่งหนึ่ง กระตุ้นให้ฝ่ายวิพากษ์วิจารณ์ตั้งคำถามว่าทำไมถึงจัดกิจกรรมในช่วงเวลาเกิดโรคระบาดใหญ่เช่นนี้ ทั้งที่ปีที่แล้วได้ยกเลิกไปสืบเนื่องจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19

ภาพวิดีโอที่เผยแพร่บนสื่อสังคมออนไลน์พบเห็นฝูงชนอัดแน่นตามเวทีคอนเสิร์ตและระบบคนขนส่งสาธารณะ ระหว่างนั้นพบเห็นผูุ้คนสวมหน้ากากป้องกันโควิด-19 แค่ประปราย

อย่างไรก็ตามลอรี ไลท์ฟูต นายกเทศมนตรีและเจ้าหน้าที่คนอื่นๆ ปกป้องการตัดสินใจอนุญาตให้จัดกิจกรรม ระบุว่ามีการบังคับใช้กฎระเบียบด้านความปลอดภัยต่างๆนานา ในนั้นรวมถึงผู้เข้าร่วมต้องแสดงเอกสารรับรองการฉีดวัคซีนหรือมรผลตรวจโควิด-19 เป็นลบ และทางเจ้าหน้าที่เผยว่ามีราวๆ 90% ที่ฉีดวัคซีนแล้ว



อาร์วาดี ระบุว่าในบรรดาเคสผู้ติดเชื้อนั้น มีทั้งบุคคลที่มีผลตรวจเป็นบวกหลังหรือระหว่างร่วมเทศกาลลอลลาพาลูซา ซึ่งอาจสรุปได้ว่าหลายคนที่เดินทางมาร่วมเทศกาลดนตรีติดเชื้อตั้งแต่ก่อนมาถึง

เธอบอกว่าทางเมืองยังคงอยู่ระหว่างการสืบสวนเคสต่างๆ แต่คาดหมายว่ามันคงไม่ส่งผลกระทบสำคัญๆใดๆต่ออัตราการติดเชื้อโควิด-19

ในบรรดาผู้มีที่ผลตรวจเชื้อเป็นบวกนั้น เจ้าหน้าที่เมืองระบุว่ามี 138 คน มาจากเมืองอื่นๆในรัฐอิลลินอยส์ 58 คนเป็นพลเมืองของเมืองชิคาโก และ 7 คนมาจากรัฐอื่น ทั้งนี้เกือบ 80% ที่มีผลตรวจเป็นบวกมีอายุต่ำกว่า 30 ปี และราว 62% เป็นคนผิวขาว

(ที่มา:เอพี)
#3327


ธนวัฒน์ สุธรรมพันธุ์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ไมโครซอฟท์ (ประเทศไทย) จำกัด เปิดมุมมอง พร้อมเผยถึงแนวทางการดำเนินธุรกิจของไมโครซอฟท์ประเทศไทยว่า วางเป้าหมายให้ในปีนี้ ซึ่งเป็นปีที่ 4 ในฐานะกรรมการผู้จัดการใหญ่ของไมโครซอฟท์ ประเทศไทย เป็นปีแห่งการเดินหน้า เพื่อร่วมสร้างหนทางใหม่ๆ ท่ามกลางยุคของการใช้ชีวิตและทำงานแบบรีโมทที่แทบทุกอย่างต้องมีดิจิทัลเข้ามาเกี่ยวข้อง

6 พันธกิจ หลักที่มุ่งเน้น ประกอบด้วย สร้างมาตรฐานใหม่ ร่วมงานกับหลายภาคส่วนในประเทศไทยเพื่อยกระดับมาตรฐานทางเทคโนโลยีสำหรับปัจจุบันและอนาคต ให้ทุกภาคส่วนได้เดินหน้าและเติบโตไปด้วยกันอย่างมั่นคง

เขากล่าวว่า การสร้างมาตรฐานใหม่ ประเด็นที่ต้องให้ความสำคัญเช่น "มาตรฐานเชิงนโยบายเพื่อโลกดิจิทัล" เพื่อให้การใช้งานดิจิทัลแพลตฟอร์มได้รับการรับรอง มีผลตามกฎหมาย ไม่ว่าจะเป็นการประชุมออนไลน์ ซิเคียวริตี้และการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลสอดคล้องไปกับพีดีพีเอ การสร้างความมั่นใจในยุคดิจิทัล รวมถึงมาตรฐานด้านเอไอเพื่อความก้าวหน้าของมนุษย์

ก้าวสู่ 'วิถีใหม่' ยุคนิวนอร์มอล

สร้างทักษะใหม่ ไมโครซอฟท์มีเป้าหมายที่จะสร้างทักษะดิจิทัลให้กับคนไทยเกินกว่า 10 ล้านคนในทุกระดับ ตั้งแต่นักเรียน นักศึกษา ไปจนถึงคณาจารย์ และคนทำงานในอุตสาหกรรมต่างๆ

ที่ผ่านมา ร่วมมือกับหลากหลายหน่วยงานพัฒนาองค์กรความรู้และทักษะเชิงดิจิทัลให้กับบุคลากรครู นักเรียน แรงงาน ทั้งได้เปิดหลักสูตรการสอนทักษะคลาวด์ ไอที ขณะเดียวกัน นำโครงการ Enterprise Skills Initiative (ESI) เข้ามาเปิดตัวในประเทศไทยในปีนี้ เพื่อยกระดับทักษะด้านเทคโนโลยีเชิงลึกของบุคลากรในองค์กรขนาดใหญ่

สร้างวิถีใหม่ โดย 8 วิถีใหม่ที่จะขับเคลื่อนการพัฒนานวัตกรรม จากมุมมองของไมโครซอฟท์ประกอบด้วย "Anywhere, Everywhere" ที่การเรียน เล่น ติดต่อสื่อสาร และการใช้ชีวิตทำผ่านระบบดิจิทัล, "Digital First World" ทุกอย่างเป็นดิจิทัลและผลักดันให้ระบบทุกอย่างถูกออกแบบมารองรับ รวมไปถึงโมเดลธุรกิจที่ต้องมีดิจิทัลเป็นหัวใจสำคัญ, "Cloud Economy" การมาอย่างรวดเร็วและยิ่งใหญ่ของระบบเศรษฐกิจที่ขับเคลื่อนด้วยคลาวด์, "New Gen of Business & Intelligence" ก้าวต่อไปของการยกระดับธุรกิจด้วยข้อมูลและเอไอ

นอกจากนี้ "Strategic Economy Partnership" สร้างความร่วมมือด้วยจุดมุ่งหมายและกลยุทธ์ที่ชัดเจน เพื่อความสำเร็จที่ดีขึ้น, "Citizen Developers" พลเมืองนักพัฒนาที่ทุกคนสามารถนำเทคโนโลยีมาพัฒนางานของตัวเอง, "Economy of Trust" ความไว้วางใจต้องมาก่อนและเป็นรากฐานในการออกแบบทุกผลิตภัณฑ์และบริการ สุดท้าย "Sustainable Development Goal" การตั้งเป้าหมายด้านสิ่งแวดล้อมควบคู่ไปกับการทำธุรกิจแบบยั่งยืน

สำหรับปีนี้ไมโครซอฟท์จะมีผลิตภัณฑ์และบริการใหม่ๆ จำนวนมากเข้ามาตอบสนองต่อความต้องการและวิถีชีวิตที่เปลี่ยนแปลงไปดังกล่าว สอดรับไปกับทั้งสถานการณ์ปัจจุบันและแนวโน้มในอนาคต


ปีนี้ใช้จ่ายไอทีไทยโตอีก 4.9%

สร้างการเติบโต ไมโครซอฟท์ยังคงทำงานกับเครือข่ายพันธมิตร ครอบคลุมทุกภาคส่วนและหลากหลายอุตสาหกรรมในประเทศไทย เพื่อขับเคลื่อนการเติบโตอย่างทั่วถึง

สำหรับภาพรวมอุตสาหกรรมไอทีไทยในปีนี้ การ์ทเนอร์คาดการณ์ไว้ว่าจะมีการใช้จ่ายในภาพรวมเพิ่มสูงขึ้นราว 4.9% ขณะที่การใช้จ่ายกับบริการคลาวด์สาธารณะ (public cloud) มีแนวโน้มว่าจะขยายตัวขึ้นถึง 31.7% ซึ่งสูงกว่าค่าเฉลี่ยทั่วโลกที่ีมีแนวโน้มเติบโต 23.1%

สำหรับไมโครซอฟท์เอง ผลิตภัณฑ์และบริการที่มีแนวโน้มการเติบโตอย่างแข็งแกร่งมีทั้งกลุ่ม Power Platform, Intelligent Endpoint, Data & AI ซึ่งเติบโตเกิน 100%, Microsoft Teams เติบโตกว่า 10 เท่า, Azure, Dynamics และโซลูชั่นเพื่อความปลอดภัย 

สร้างความมั่นใจ แพลตฟอร์มที่น่าเชื่อถือยังคงเป็นหัวใจสำคัญในการออกแบบทุกผลิตภัณฑ์และบริการของไมโครซอฟท์ ด้วยหลักการพื้นฐานที่ครอบคลุมทั้งการปกป้องทุกภาคส่วนจากภัยไซเบอร์ การรองรับมาตรฐานทั้งในเชิงกฎหมายและภาคอุตสาหกรรมต่างๆ การเก็บรักษาข้อมูลส่วนบุคคลอย่างเหมาะสม และการเสริมสร้างความมั่นใจในเทคโนโลยีให้องค์กรเลือกใช้งานได้โดยไม่กังวล

สร้างความยั่งยืน เมื่อเร็วๆ นี้ ไมโครซอฟท์เปิดตัว "Cloud for Sustainability" กลุ่มโซลูชั่นคลาวด์ใหม่ล่าสุดที่มุ่งช่วยให้องค์กรต่างๆ สามารถปฏิบัติงานได้อย่างยั่งยืนยิ่งขึ้น ผ่านทางการติดตามข้อมูล ทำรายงานสรุป และวัดประสิทธิภาพการทำงานในด้านการลดผลกระทบที่มีต่อสิ่งแวดล้อม จึงทำให้องค์กรที่ใช้งานสามารถรับรู้ รายงาน ลด และชดเชยการปล่อยมลภาวะของตนเองได้ดียิ่งขึ้น

'ธนวัฒน์เผยว่า การเป็นผู้นำองค์กรยามเกิดภาวะวิกฤติ นอกจากการบริหารจัดการ สร้างความต่อเนื่องในการดำเนินธุรกิจและการดูแลลูกค้า สิ่งสำคัญคือ การดูแลความปลอดภัยพนักงาน และหลังจากนี้มุ่งทำงานอย่างใกล้ชิดกับลูกค้ามากขึ้น เพื่อเข้าไปสนับสนุน ทำความเข้าใจสถานการณ์

รวมไปถึงอัพสกิล รีสกิลให้พนักงานภายในเพื่อรองรับความต้องการใหม่ๆ วิถีใหม่ๆ ของการใช้ชีวิตและการทำงาน โดยภาพรวมมีแผนสร้างการเติบโตให้กับทั้งองค์กรภาครัฐ เอกชน และสตาร์ทอัพในประเทศไทย

อย่างไรก็ดี 19 เดือนที่ผ่านมาเป็น 19 เดือนที่ไม่ง่าย 19 เดือนแห่งการไม่ยอมแพ้ เต็มไปด้วยความท้าทาย สับสน ต้องดิ้นรน เรียนรู้ เพื่อรับมือการเปลี่ยนแปลงและความอยู่รอด ขณะเดียวกันสำหรับบางธุรกิจเป็นโอกาสที่จะสร้างความสำเร็จ เกิดความร่วมมือรูปแบบใหม่ๆ ข้ามอุตสาหกรรม ซึ่งมีส่วนสำคัญในการสร้างโอกาสใหม่ๆ และทำให้การบริการลูกค้าทำได้ดีขึ้น

ปัจจุบัน ประเทศไทยยังคงเป็นตลาดกลยุทธ์ของไมโครซอฟท์ในระดับอาเซียน แนวทางการลงทุนจากนี้จะเน้นไปที่การยกระดับศักยภาพธุรกิจ เพิ่มการเข้าถึงเทคโนโลยี โดยเกณฑ์ในการพิจารณาตัดสินใจจะขึ้นอยู่กับนโยบายรัฐบาลไทยที่ต้องสอดคล้องไปกับนโยบายของไมโครซอฟท์ด้วย
#3328


ราคาทองฟิวเจอร์ ปิดวันพุธ(11ส.ค.)ปรับตัวขึ้น 21.60 ดอลลาร์ ขานรับตัวเลขเงินเฟ้อสหรัฐที่ชะลอตัว ซึ่งช่วยให้นักลงทุนคลายความกังวลเกี่ยวกับแนวโน้มการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด)
นอกจากนี้ ราคาทองยังได้ปัจจัยบวกจากการอ่อนค่าของดอลลาร์ หลังการเปิดเผยตัวเลขเงินเฟ้อสหรัฐ


สัญญาทองคำตลาดโคเม็กซ์ ส่งมอบเดือนธ.ค. บวก 21.60 ดอลลาร์ ปิดที่ 1,753.30 ดอลลาร์/ออนซ์

ทั้งนี้ ดอลลาร์ที่อ่อนค่าจะเพิ่มความน่าดึงดูดของทอง โดยทำให้สัญญาทองมีราคาถูกลงสำหรับผู้ถือครองเงินสกุลอื่น

ประกันโควิด เจอ จ่าย จบ! รับเลย 100,000 บาท

กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยดัชนีราคาผู้บริโภค (ซีพีไอ) ซึ่งเป็นมาตรวัดเงินเฟ้อจากการใช้จ่ายของผู้บริโภค โดยระบุว่า ดัชนีซีพีไอ ปรับตัวขึ้น 0.5% ในเดือนก.ค. เมื่อเทียบรายเดือน สอดคล้องกับตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ หลังจากดีดตัวขึ้น 0.9% ในเดือนมิ.ย.

เมื่อเทียบรายปี ดัชนีซีพีไอพุ่งขึ้น 5.4% ในเดือนก.ค. ใกล้เคียงกับที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 5.3% หลังจากทะยานขึ้น 5.4% เช่นกันในเดือนมิ.ย. ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนส.ค.2551

'
นอกจากนี้ หากไม่นับรวมหมวดอาหารและพลังงาน ดัชนีซีพีไอพื้นฐานปรับตัวขึ้น 0.3% ในเดือนก.ค. เมื่อเทียบรายเดือน ต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 0.4% หลังจากเพิ่มขึ้น 0.9% ในเดือนมิ.ย.

เมื่อเทียบรายปี ดัชนีซีพีไอพื้นฐานดีดตัวขึ้น 4.3% ในเดือนก.ค. หลังจากพุ่งขึ้น 4.5% ในเดือนมิ.ย.

นักลงทุนจับตาการประชุมประจำปีของเฟดที่เมืองแจ็กสัน โฮล รัฐไวโอมิง ในวันที่ 26-28 ส.ค. โดยคาดว่าเฟดจะส่งสัญญาณที่ชัดเจนมากขึ้นเกี่ยวกับทิศทางอัตราดอกเบี้ย รวมทั้งแนวโน้มการปรับลดวงเงินคิวอีในการประชุมดังกล่าว

'บิตคอยน์'ปรับตัวขึ้นเคลื่อนไหวที่ 45,000 ดอลล์

ราคาบิตคอยน์เทรดที่เว็บไซต์คอยน์เดสก์ เมื่อเวลา 05.55 น.ของวันนี้ (12 ส.ค.)ปรับตัวขึ้น 0.38% เคลื่อนไหวที่ 45,688.24 ดอลลาร์
#3329


เมื่อวันที่ 10 ส.ค.64 นายประภาศ คงเอียด อธิบดีกรมบัญชีกลาง เปิดเผยว่า ปัจจุบันอัตราค่าตรวจทางห้องปฏิบัติการเพื่อยืนยัน การติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโควิด 19 ปรับลดลงและมีการจำแนกประเภทของการตรวจเพิ่มมากขึ้น ประกอบกับการตรวจด้วยเทคนิคอื่น ๆ เช่น Antigen test ยังมิได้กำหนดอัตราไว้ชัดเจน กรมบัญชีกลางจึงได้หารือร่วมกับสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) และสำนักงานประกันสังคม เห็นสมควรกำหนดแนวปฏิบัติ ในการเบิกจ่ายค่ารักษาพยาบาล กรณีผู้มีสิทธิหรือบุคคลในครอบครัวเสี่ยง หรือติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโรคโควิด 19 โดยมีสาระสำคัญ ดังนี้ 

1. การตรวจยืนยันการติดเชื้อโควิด 19 

1.1 การตรวจยืนยันการติดเชื้อด้วยวิธี Real time RT- PCR - การทำป้ายหลังโพรงจมูกและลำคอ (nasopharyngeal and throat swab sample) ประเภท 2 ยีน ให้เบิกได้เท่าที่จ่ายจริงไม่เกิน 1,500 บาท โดยรวมค่าบริการอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องกับการตรวจทางห้องปฏิบัติการ - การทำป้ายหลังโพรงจมูกและลำคอ (nasopharyngeal and throat swab sample) ประเภท 3 ยีน ให้เบิกได้เท่าที่จ่ายจริงไม่เกิน 1,700 บาท โดยรวมค่าบริการอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องกับการตรวจทางห้องปฏิบัติการ
1.2 การตรวจการติดเชื้อด้วยวิธี Antigen test - ด้วยเทคนิค Chromatography ให้เบิกได้เท่าที่จ่ายจริงไม่เกิน 450 บาท โดยรวมค่าบริการอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องกับการตรวจทางห้องปฏิบัติการ - ด้วยเทคนิค Fluorescent Immunoassay (FIA) ให้เบิกได้เท่าที่จ่ายจริงไม่เกิน 550 บาท โดยรวมค่าบริการอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องกับการตรวจทางห้องปฏิบัติการ
1.3 การตรวจการติดเชื้อด้วยวิธีอื่น ๆ นอกเหนือจาก 1.1 และ 1.2 ให้เบิกได้เท่าที่จ่ายจริงไม่เกิน 550 บาท โดยรวมค่าบริการอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องกับการตรวจทางห้องปฏิบัติการ 

2. การเบิกค่าอุปกรณ์ป้องกันส่วนบุคคล กรณีผู้มีสิทธิฯ ติดเชื้อแต่อาการเล็กน้อย ให้เบิกได้ในอัตรา เท่าที่จ่ายจริงไม่เกิน 300 บาท ต่อวัน 

3. การเบิกค่าห้องพักสำหรับควบคุมหรือดูแลรักษา กรณีผู้สิทธิฯ ให้ถือปฏิบัติ ดังนี้ 3.1 มีอาการเล็กน้อย (สีเขียว) ให้เบิกได้ในอัตราเท่าที่จ่ายจริงไม่เกิน 1,500 บาท ต่อวัน 3.2 มีอาการปานกลาง (สีเหลือง) ให้เบิกได้ในอัตราเท่าที่จ่ายจริงไม่เกิน 3,000 บาท ต่อวัน 3.3 มีอาการรุนแรง (สีแดง) ให้เบิกได้ในอัตราเท่าที่จ่ายจริงไม่เกิน 7,500 บาท ต่อวัน 

4. กรณีผู้มีสิทธิฯ ต้องเข้ารับการผ่าตัดในสถานพยาบาลของทางราชการและมีความจำเป็นต้องตรวจ คัดกรองการติดเชื้อโควิด 19 ก่อนเข้ารับการผ่าตัด ค่าตรวจคัดกรองกรณีดังกล่าว สถานพยาบาลของทางราชการสามารถขอเบิกเงินจาก สปสช. ได้ รัฐบาลได้จัดสรรงบประมาณการตรวจคัดกรองการติดเชื้อโควิด 19 ให้ประชาชน คนไทยทุกกลุ่ม 

ทั้งนี้ เพื่อเป็นการอำนวยความสะดวกให้กับสถานพยาบาลฯ ไม่ต้องแยกทำธุรกรรมในการส่งเบิก ค่าตรวจคัดกรองไปยัง สปสช. โดยอนุญาตให้สถานพยาบาลฯ สามารถส่งค่าตรวจคัดกรองมาพร้อมกับการเบิก ค่ารักษาพยาบาลรายการอื่น ๆ สำหรับวิธีการส่งข้อมูลให้เป็นไปตามหน่วยงานที่กรมบัญชีกลางมอบหมายให้ทำหน้าที่รับส่งข้อมูลเป็นผู้กำหนด โดยที่กรมบัญชีกลางจะจัดส่งข้อมูลค่าตรวจคัดกรองให้ สปสช. ใช้ประมวลผลการจ่ายเงินให้กับสถานพยาบาลของทางราชการโดยตรงต่อไป 

"แนวปฏิบัติในการเบิกจ่ายค่ารักษาพยาบาลกรณีผู้มีสิทธิหรือบุคคลในครอบครัวเสี่ยงหรือติดเชื้อไวรัส โคโรนา 2019 หรือโรคโควิด 19 (เพิ่มเติม) ให้มีผลใช้บังคับตั้งแต่วันที่ 16 สิงหาคม 2564 เป็นต้นไป เพื่อให้การ เบิกจ่ายเงินค่ารักษาพยาบาลสอดคล้องกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้นจริง หากมีข้อสงสัยสามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ Call Center กรมบัญชีกลาง หมายเลข 02 270 6400 ในวัน เวลาราชการ" อธิบดีกรมบัญชีกลาง กล่าว
#3330


ช่วงที่ต้องอยู่บ้านเป็นหลักแบบนี้ ร้านอาหารก็ยังไม่สามารถไปนั่งกินได้ เลยได้แต่สั่งอาหารอร่อยๆ มากินกันที่บ้าน ซึ่งแต่ละร้านก็มีบริการเดลิเวอรี่ส่งตรงถึงบ้าน

อย่างถ้าใครนึกถึงอาหารญี่ปุ่นอร่อยๆ ซูชิหลากหลาย ที่ใช้วัตถุดิบคุณภาพ ก็ขอแนะนำแบรนด์ "Kouen" (โคเอ็น) ที่เริ่มจากการเป็นร้านซูชิบาร์เล็กๆ แถวๆ สามย่าน ก่อนจะพัฒนามาเรื่อยๆ จนมาเป็นบุฟเฟต์อาหารญี่ปุ่นเกรดพรีเมียม ที่มีแนวคิดการรวบรวมของดีในราคาเหมาะสม และเลือกใช้วัตถุดิบคุณภาพ

แต่สำหรับในช่วงที่ยังมานั่งกินที่ร้านไม่ได้ ก็มีการเปิดร้านซูชิน้องใหม่ "Ono Sushi by Kouen Group" (โอโนะ ซูชิ) ที่ให้บริการอาหารญี่ปุ่นในแบบเดลิเวอรี่ เพื่อตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าในช่วงสถานการณ์แบบนี้ คือ การได้กินของอร่อย มีคุณภาพ และมีให้เลือกหลากหลาย ในราคาที่เอื้อมถึง

ซึ่งที่ร้าน Ono Sushi ปัจจุบันสามารถสั่งได้จากสาขา Cloud Kitchen ดังนี้ สาทร, พระราม 2 ปิ่นเกล้า, รัชดา ซอย 3, ราชพฤกษ์, ศรีนครินทร์, ประชาชื่น, ทองหล่อ, รามคำแหง 118, โรงเบียร์เยอรมันตะวันแดงรามอินทรา และ จุฬา ซอย 12โดยสามารถเลือกบริการเดลิเวอรี่จากแอพลิเคชั่นต่างๆ และเลือกสั่งได้จากสาขาใกล้บ้าน

สำหรับอาหารญี่ปุ่นภายในร้าน มีให้เลือกกว่า 100 เมนู จะมีซูชิประเภทต่างๆ นิกิริ มากิ ซาชิมิ โรล และข้าวหน้าด้งต่างๆ

เริ่มจากประเภทซูชิ (เริ่มต้น ชิ้นละ 10 บาท) เช่น ซูชิหน้าปลาแซลมอน ซูชิหน้าท้องปลาแซลมอน ซูชิหน้าปลาทูน่า อินาริซูชิ ซูชิไข่ปลาแซลมอน ซูชิหน้าปลาไหล ซูชิหน้าหอยเชลล์ ซูชิหน้ากุ้งจัมโบ้ ซูชิเนื้อวากิวซอสเทริยากิ ไข่หวานหน้ากุ้ง เป็นต้น


ประเภทโรล (เริ่มต้น 79 บาท) และ มากิ (เริ่มต้น 39 บาท) ได้แก่ โรลแซลมอนภูเขาไฟ โรลกุ้งเทมปุระ โรลฟูโตมากิ มากิไส้สลัดปูอัดข้าวโพดและแตงกวา มากิไส้อโวคาโด มากิไส้แซลมอน เป็นต้น

และยังมี ดงบุริ หรือข้าวหน้าต่างๆ (เริ่มต้น 109 บาท) ได้แก่ ข้าวหน้าปลาไหล ข้าวหน้าปลาแซลมอน ข้าวหน้าเนื้อริบอายราดซอสสไปซี่ ข้าวหน้าปลาดิบรวม ข้าวหน้าปลาซาบะย่างเกลือ ข้าวหน้าหมูชาชู เป็นต้น

มีเมนูอาหารญี่ปุ่นให้เลือกกินกันแบบหลากหลาย ส่งตรงมาให้อร่อยถึงบ้านกันได้ง่ายๆ และพิเศษสำหรับสมาชิกบัตรเครดิตเคทีซี เมื่อสั่ง Delivery ทาง Line Man และชำระด้วยบัตรเครดิตเคทีซี สามารถใช้คะแนนสะสม KTC FOREVER 399 คะแนน แลกค่าจัดส่ง 50 บาท


ร้าน "Ono Sushi by Kouen Group" (โอโนะ ซูชิ) เปิดให้บริการแบบเดลิเวอรี่ ทุกวัน เวลา 10.00-20.00 น. ดูรายละเอียดและสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ Facebook : ONO Sushi โอโนะ ซูชิ / Line@ : @onosushi (https:// lin.ee/wYy2P7k) / IG : onosushi.bkk
#3331


การคว้าตัว ลิโอเนล เมสซี่ ดาวเตะอาร์เจนไตน์ ทำให้ ปอล ป๊อกบา กองกลางทีมชาติฝรั่งเศส ต้องการย้ายไปร่วมทัพ ปารีส แซงต์-แชร์กแมง โดยจะปล่อยหมดสัญญากับ "ผีแดง" แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ในช่วงซัมเมอร์หน้า เพื่อจะได้โยกแบบฟรีทรานเฟอร์

ป๊อกบา เหลือข้อผูกมัดปีเดียว ดังนั้น มิโน ไรโอล่า เอเยนต์ส่วนตัวจะล้มแผนเจรจาสัญญาฉบับใหม่กับ แมนฯยู และจะปล่อยให้หมดสัญญาเหมือนเมื่อปี 2012 ที่เลือกไปร่วมทัพ ยูเวนตุส ก่อนที่จะย้ายกลับถิ่น โอลด์ แทร็ฟฟอร์ด ด้วยค่าตัว 89 ล้านปอนด์เมื่อปี 2016

กระนั้นก็ตามไม่ง่ายเหมือนกันกับการ ป๊อกบา เนื่องจาก เปแอสเช อาจจะผิดกฎการเงิน โดยตอนนี้มี เมสซี่ อยู่ภายในทีมแล้ว ส่วนกองกลางทีมชาติฝรั่งเศสต้องการค่าเหนื่อยเพิ่มขึ้นกับการรับอยู่ที่ แมนฯยู ตอนนี้คือ 290,000 ปอนด์ต่อสัปดาห์ ดังนั้นยอดทีมเมืองน้ำหอมอาจจะต้องวางแผนโละนักเตะคนอื่นๆ ออกไปเพื่อลดเพดานค่าจ้าง

ซัมเมอร์นี้ แมนฯยู ได้ตัว จาดอน ซานโช มาเติมเกมรุก ส่วน ราฟาเอล วาราน กองหลังจาก รีล มาดริด กำลังจะชูเสื้อด้วยค่าตัว 34 ล้านปอนด์ ส่วนเป้าหมายอื่นๆ ที่ว่าจะมาแทน ป๊อกบา อย่าง เอดูอาร์โด กามาแวงก้า, รูเบน เนเวส และ ซาอูล ยิเกซ ได้ล้มแผนหมดแล้ว
#3332


จากกรณี ประเด็นร้อนในโซเชียลออนไลน์ เรื่องร่างออกกฎหมายนิรโทษกรรมแบบกึ่งเหมาเข่ง ให้กับคณะบุคคลที่เกี่ยวข้องกับการจัดหา และบริหารวัคซีนโควิด


ล่าสุด มีการผุดแคมเปญ! คัดค้าน พ​.​ร​.​ก. นิรโทษกรรมแบบเหมาเข่งคนจัดหาวัคซีน  โดยระบุว่า ไม่ต้องอ้างว่าทำเพื่อบุคลากรด่านหน้า ไม่ต้องอ้างคนทำงานเพื่อสอดไส้นิรโทษกรรมให้ตัวเอง 

ขอคัดค้าน พ.ร.ก. นิรโทษกรรมแบบเหมาเข่งให้กับรัฐบาลและคณะผู้จัดหาวัคซีน 



มีการเปิดเผยเอกสารนำเสนอแนวทางปรับปรุงกฎหมายเพื่อเพิ่มความคุ้มครองบุคลากรการแพทย์ในสถานการณ์โควิด ที่ชื่อว่า 'พระราชกำหนดจำกัดความรับผิดสำหรับบุคลากรสาธารณสุขในการรักษาพยาบาลผู้ป่วยโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) พ.ศ....' ซึ่ง ล่าสุด อนุทิน ชาญวีรกูล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ออกมายืนยันว่าเป็นเอกสารจริง มีวัตถุประสงค์เพื่อสร้างความมั่นใจให้แก่บุคลากรทางการแพทย์ และลดช่องโหว่คนหัวใสฟ้องร้องเอาผิด โดยบอกว่า

"ร่างกฎหมายนี้เป็นการให้ความมั่นใจกับผู้ปฏิบัติหน้าที่เกี่ยวกับโรคโควิด-19 ให้คลายความกังวล เช่น การวินิจฉัยโรคและรักษาพยาบาล ก็ต้องทำความมั่นใจว่าเขาจะได้รับความเป็นธรรม โดยเฉพาะเรื่องของการฟ้องร้อง หากทำโดยเจตนาสุจริต ศาลก็ไม่เคยลงโทษ เราไม่ต้องการให้บรรดาแพทย์ พยาบาล มีความวิตกกังวลหากถูกฟ้องร้อง แม้จะมั่นใจว่าชนะก็ยังมีความวิตกกังวลระดับหนึ่ง เราต้องการให้แพทย์ พยาบาล มีขวัญกำลังใจเต็มที่ จะได้ทุ่มเทในการรักษาพยาบาล วัคซีนก็ต้องจัดหาเข็มสามเพื่อความปลอดภัยในการไปรักษาคนไข้ มีความกังวลให้น้อยที่สุด สุดท้ายประชาชน คนไข้ก็ได้ประโยชน์" อ่านต่อ
ขอยืนยันว่า ไม่มีใครไม่เห็นด้วยกับการนิรโทษกรรมให้แพทย์พยาบาล บุคลากรสาธารณสุขในฐานะผู้ปฏิบัติงาน แต่จุดที่เป็นปัญหาที่สุดคือ รายละเอียดที่สอดไส้มาในข้อ 7 ที่เหมารวมถึง "บุคคล / คณะบุคคลที่ได้รับการแต่งตั้งหรือมอบหมายจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการจัดหาหรือบริหารวัคซีน" (ไม่ว่าจะเป็นศบค. ที่ปรึกษา หรือคณะบุคคลที่เกี่ยวข้อง ฯลฯ) 

เราเห็นว่า 'ด่านหน้าไม่มีความผิด' แต่ 'หน้าด้าน' ที่บริหารประเทศจนทำให้ระบบสาธารณสุขล้มเหลว จนเกิดความสูญเสียจนประชาชนล้มตายกว่า 6 พันคน อันนี้ ต้องรับผิดชอบ หรืออย่างน้อยที่สุดหากเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม ส่วนจะถูก หรือผิด ศาลจะเป็นผู้วินิจฉัยเอง ดังนั้น พ.ร.ก ฉบับนี้ไม่ควรได้ไปต่อจนว่าจะถูกปรับแก้ 

ในเวลานี้เราต่างรู้ดีว่า 'เงียบแล้วอดทน เปลี่ยนประเทศนี้ไม่ได้' จึงขอเชิญผู้ที่เห็นตรงกันร่วมลงชื่อคัดค้าน และช่วยกันแสดงพลังด้วยการส่งเสียง เพื่อขับเคลื่อนให้ประเทศได้ไปต่อ เมื่อรัฐบาลบริหารงานแบบดิ่งลงเหว เรายิ่งต้องบ่นให้เสียงดังขึ้นไปอีก เสียงของทุกคนมีค่าเสมอ 

"หยุดอ้างว่านี่คือการปกป้องคนทำงาน หยุดอ้างว่านี่คือการให้กำลังใจบุคลากรด่านหน้า เพราะบุคลากรด่านหน้า และอาสาสมัครต่างๆ ทำงานเต็มที่โดยอยู่บนมาตรฐานวิชาชีพอย่างสูงสุดเท่าที่สถานการณ์จะเอื้อให้ทำได้...และพวกท่านทั้งหลายจงหยุดอ้างว่าทั้งหมดเพื่อผลประโยชน์ของประชาชน แต่พวกท่านจงระลึกว่า เพราะการทำงานของพวกท่านนั่นเองที่นำพาประเทศและการสาธารณสุขให้ดิ่งลงเหวมาจนถึงจุดนี้ และพวกท่านนั่นแหละต้องรับผิดชอบกับการกระทำของตนเอง!" เครือข่าย Nurses Connect
#3333


อว. เผยฉีดวัคซีนของไทย ณ วันที่ 9 สิงหาคม ฉีดวัคซีนแล้ว 20,669,780 โดส และทั่วโลกแล้ว 4,450 ล้านโดส ใน 201 ประเทศ/เขตปกครอง ส่วนอาเซียนฉีดแล้วทุกประเทศ รวมกันกว่า 182.951 ล้านโดส โดยจังหวัดของไทยที่ฉีดมากที่สุด คือ ภูเก็ต โดยฉีดวัคซีนเข็มแรกกว่า 75.9%

เมื่อวันที่ 9 ส.ค.กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) เผยข้อมูลสถิติการฉีดวัคซีนโควิด-19 ทั่วโลกแล้ว 4,450 ล้านโดส ใน 201 ประเทศ/เขตปกครอง โดยขณะนี้อัตราการฉีดล่าสุดรวมกันทั่วโลกที่ 42.7 ล้านโดสต่อวัน และมีแนวโน้มที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ในขณะที่สหรัฐอเมริกามีจำนวนการฉีดวัคซีนสูงที่สุดที่ 351 ล้านโดส โดยมีชาวอเมริกันกว่า 166 ล้านคนได้รับวัคซีนครบ 2 โดสแล้ว

ด้านอาเซียนขณะนี้ทุกประเทศได้ฉีดวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 แล้ว มียอดรวมกันที่ประมาณ 182.951 ล้านโดส โดยสิงคโปร์ฉีดวัคซีนในสัดส่วนประชากรมากที่สุดในภูมิภาค (74.0% ของประชากร) ในขณะที่อินโดนีเซียฉีดวัคซีนในจำนวนมากที่สุดที่ 75.42 ล้านโดส สำหรับประเทศไทยข้อมูล ณ วันที่ 9 สิงหาคม 2564 ได้ฉีดวัคซีนแล้วกว่า 20,669,780 โดส โดยฉีดให้กับประชาชนในพื้นที่เสี่ยงมากที่สุดในสัดส่วนกว่า 53.84%

ในการฉีดวัคซีน จำนวน 4,450 ล้านโดสนี้ อว. ขอรายงานสถิติที่สำคัญ คือ

1. ข้อมูลการฉีดวัคซีนล่าสุดของประเทศไทย ณ วันที่ 9 สิงหาคม 2564
จำนวนการฉีดวัคซีนสะสม 20,669,780 คน ใน 77 จังหวัด แบ่งเป็น
-เข็มแรก 15,986,354 โดส (24.2% ของประชากร)
-เข็มสอง 4,461,861 โดส (6.7% ของประชากร)
-เข็มสาม 221,565 โดส (0.3% ของประชากร)

2. อัตราการฉีดวัคซีนตั้งแต่ 28 ก.พ.- 9 ส.ค. 64 พบว่า ประเทศไทยฉีดวัคซีนแล้ว 20,669,780 โดส (อัตราการฉีดล่าสุดเฉลี่ย 3 วันย้อนหลัง ตั้งแต่วันที่ 7 มิ.ย. 64 ซึ่งเป็นการฉีดวัคซีนวาระแห่งชาติ 400,465 โดส/วัน

3. อัตราการฉีดวัคซีน ประกอบด้วย
วัคซีน Sinovac
- เข็มที่ 1 6,606,930 โดส
- เข็มที่ 2 3,436,086 โดส
- เข็มที่ 3 0 โดส

วัคซีน AstraZeneca
- เข็มที่ 1 8,234,544 โดส
- เข็มที่ 2 653,195 โดส
- เข็มที่ 3 182,082 โดส

วัคซีน Sinopharm
- เข็มที่ 1 1,1136,014 โดส
- เข็มที่ 2 360,601 โดส
- เข็มที่ 3 0 โดส

วัคซีน Pfizer
- เข็มที่ 1 31,866 โดส
- เข็มที่ 2 11,979 โดส
- เข็มที่ 3 39,483 โดส

4. การฉีดวัคซีนโควิด-19 แยกตามกลุ่มเป้าหมาย
- บุคลากรการแพทย์/สาธารณสุข เข็มที่1 116.3% เข็มที่2 100.3% เข็มที่3 31.1%
- เจ้าหน้าที่ด่านหน้า เข็มที่1 49.3% เข็มที่2 29.3% เข็มที่3 0%
- อสม เข็มที่1 52.3% เข็มที่2 23.2% เข็มที่3 0%
- ผู้ที่มีโรคเรื้อรัง 7 กลุ่มโรค เข็มที่1 32.7% เข็มที่1 5.6% เข็มที่3 0%
- ประชาชนทั่วไป เข็มที่1 29.0% เข็มที่2 8.2% เข็มที่3 0%
- ผู้ที่มีอายุตั้งแต่ 60 ปีขึ้นไป เข็มที่1 30.6% เข็มที่2 2.0% เข็มที่3 0%
- หญิงตั้งครรภ์ เข็มที่1 1.1% เข็มที่2 0.1% เข็มที่3 0%
รวม เข็มที่1 32.0% เข็มที่2 8.9% เข็มที่3 0.4%

5. จังหวัดที่ฉีดวัคซีน เข็มที่ 1 และเข็มที่ 2 แบ่งเป็น 2 ชุดข้อมูล
กรุงเทพฯ และปริมณฑล เข็มที่1 51.1% เข็มที่2 11.9% เข็มที่3 0.4% ประกอบด้วย
- กรุงเทพฯ เข็มที่1 70.9% เข็มที่2 15.5% เข็มที่3 0.6%
- สมุทรสาคร เข็มที่1 31.4% เข็มที่2 13.2% เข็มที่3 0.3%
- นนทบุรี เข็มที่1 33.5% เข็มที่2 11.2% เข็มที่3 0.3%
- สมุทรปราการ เข็มที่1 33.6% เข็มที่2 6.3% เข็มที่3 0.3%
- ปทุมธานี เข็มที่1 28.3% เข็มที่2 6.2% เข็มที่3 0.2%
- นครปฐม เข็มที่1 18.0% เข็มที่2 4.2% เข็มที่3 0.4%

จังหวัดอื่น ๆ 71 จังหวัด เข็มที่1 14.7% เข็มที่2 4.7% เข็มที่3 0.3%
- ภูเก็ต เข็มที่1 75.9% เข็มที่2 59.8% เข็มที่3 0.6%
- ระนอง เข็มที่1 41.6% เข็มที่2 12.6% เข็มที่3 0.3%
- สุราษฎร์ธานี เข็มที่1 22.1% เข็มที่2 8.6% เข็มที่3 0.2%
- พังงา เข็มที่1 41.1% เข็มที่2 11.4% เข็มที่3 0.4%
- กระบี่ เข็มที่1 23.1% เข็มที่2 6.9% เข็มที่3 0.2%
- ฉะเชิงเทรา เข็มที่1 34.4% เข็มที่2 4.4% เข็มที่3 0.4%

6. ในภูมิภาคอาเซียน ได้ฉีดวัคซีนแล้วครบ 10 ประเทศ รวมจำนวน 182,951,774 โดส ได้แก่
1. อินโดนีเซีย จำนวน 75,426,933 โดส (18.5%* ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ Sinovac, AstraZeneca, Moderna และ Sinopharm
2. มาเลเซีย จำนวน 24,542,437 โดส (48.2%* ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ Pfizer, AstraZeneca และ Sinovac
3. ฟิลิปปินส์ จำนวน 24,479,750 โดส (11.8%* ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ Sinovac, Pfizer, Sputnik V, Moderna, J&J และ AstraZeneca
4. ไทย จำนวน 20,669,780 โดส (24.2%* ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ Pfizer, Sinovac, AstraZeneca และ Sinopharm
5. กัมพูชา จำนวน 13.949,503 โดส (48.2%* ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ Sinopharm, AstraZeneca, J&J และ Sinovac
6. เวียดนาม จำนวน 9,405,819 โดส (8.7%* ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ AstraZeneca, Pfizer, Moderna และ Sinopharm
7. สิงคโปร์ จำนวน 8,167,147 โดส (74.0%* ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ Pfizer, Moderna และ Sinovac
8. พม่า จำนวน 3,500,000 โดส (N/A* ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ AstraZeneca และ Sinopharm
9. ลาว จำนวน 2,620,478 โดส (18.8%* ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ Sinopharm, Sputnik V, Pfizer, J&J, Sinovac และ AstraZeneca
10. บรูไน จำนวน 189,927 โดส (33.7%* ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ AstraZeneca และ Sinopharm
* คำนวณจากจำนวนฉีด/จำนวนประชากร/2 เหมือนกันทุกประเทศ

7. จำนวนการฉีดวัคซีนแยกตามภูมิภาค
1. เอเชียและตะวันออกกลาง 66.19%
2. อเมริกาเหนือ 11.52%
3. ยุโรป 13.76%
4. ลาตินอเมริกาและแคริบเบียน 6.45%
5. แอฟริกา 1.70%
6. โอเชียเนีย 0.38%

8. ประเทศที่ฉีดวัคซีนแล้วมากที่สุด 4 ประเทศลำดับแรกที่ฉีดวัคซีนมากกว่า 100 ล้านโดส รวมกันเกือบ 70% ของปริมาณการฉีดวัคซีนทั่วโลก
1. จีน จำนวน 1,770.30 ล้านโดส (63.2% ของจำนวนการฉีดทั่วโลก)
2. อินเดีย จำนวน 506.81 ล้านโดส (18.5%)
3. สหรัฐอเมริกา จำนวน 351.40 ล้านโดส (54.9%)
4. บราซิล จำนวน 151.71 ล้านโดส (37.1%)

9. ประเทศที่ฉีดวัคซีนครอบคลุมประชากรมากที่สุด มี 10 ประเทศที่ฉีดวัคซีนให้กับประชากรอย่างน้อย 25% แล้ว ได้แก่ (เฉพาะประเทศที่มีประชากรมากกว่า 500,000 คน)
1. มัลดีฟส์ (81.3% ของประชากร) (ฉีดวัคซีนของ AstraZeneca/Oxford, Pfizer/BioNTech และ Sinopharm)
2. สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (79.6%) (ฉีดวัคซีนของ AstraZeneca/Oxford, Pfizer/BioNTech, Sinopharm และ Gamaleya)
3. บาห์เรน (79.6%) (ฉีดวัคซีนของ AstraZeneca/Oxford, Pfizer/BioNTech, Sinopharm และ Gamaley)
4. สิงคโปร์ (74.0%) (ฉีดวัคซีนของ Pfizer/BioNTech Moderna และ Sinovac)
5. กาตาร์ (70.7%) (ฉีดวัคซีนของ Pfizer/BioNTech และ Moderna)
6. อุรุกวัย (69.4%) (ฉีดวัคซีนของ AstraZeneca/Oxford, Pfizer/BioNTech และ Sinovac)
7. ภูฏาน (67.8%) (ฉีดวัคซีนของ AstraZeneca/Oxford, Pfizer/BioNTech และ Moderna)
8. แคนาดา (67.3%) (ฉีดวัคซีนของ AstraZeneca/Oxford Moderna และ Pfizer/BioNTech)
9. ชิลี (67.2%) (ฉีดวัคซีนของ AstraZeneca/Oxford, CanSino, Pfizer/BioNTech และ Sinovac)
10. เดนมาร์ก (66.6%) (ฉีดวัคซีนของ Moderna, Pfizer/BioNTech และ J&J)
แหล่งข้อมูล Bloomberg Vaccine Tracker, กระทรวงสาธารณสุข
ประมวลข้อมูลโดย กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.)
#3334


        เงินในกระเป๋าสั่นเลยทีเดียว เมื่อทางค่าย LG ออกทีวีรุ่นใหม่มากรุบๆ ชื่อรุ่นว่า "LG Stand By Me" ตอบโจทย์สายมินิมอลสุด ตรงที่สามารถเคลื่อนย้ายไปไว้ส่วนต่างๆของบ้านได้ไม่ว่าจะเป็นในครัว ห้องนั่งเลย ห้องนอน เพราะตัวนี้มีล้อเลื่อนได้



        สาวก TikTok น่าจะชอบตรงที่จอสามารถปรับหมุนเป็นแนวตั้งได้เลยทันทีดีงามมาก แถมหน้าจอขนาด 27 นิ้ว  เป็นแบบทัชสกรีน หากลากเครื่องนี้ไปอยู่ในครัวขณะทำอาหาร จะเปิดดูวิธีการทำอาหารจากยูทูปก็ย่อมได้  แต่เด็ดสุดๆ ตรงที่ทีวีเครื่องนี้ สามารถใช้แบบไร้สายได้เลยไม่ต้องยุ่งยากเสียบปลั๊กต่างๆ นาๆ เพราะมีแบตเตอรี่ในตัวเสร็จสรรพ ที่ใช้งานได้นาน 3 ชั่วโมง



บอกสรรพคุณมาขนาดนี้ ราคาน่าจะเป็นปัจจัยหลักที่ตัดสินใจว่าจะฟาดซื้อดีไหม  อดใจไว้ก่อนเพราะทางเกาหลียังไม่บอกราคาแบบเป็นทางการออกมา ที่เกาหลีจะเปิดตัวทีวีรุ่น "LG Stand By Me" เร็วๆ นี้

ระหว่างนี้เข้าไปชมพลางๆ ได้ที่เวปนี้
https:// www.lge.co.kr/tvs/27art10akpl?fbclid=IwAR3-g5oeez6uuOBo9d3OrU3V0fk5SNAepecV6VRdCGQw-TdwL4dUo4j99Z8
#3335


วันที่ 9 ส.ค. นายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน เปิดเผยว่า ความคืบหน้าการจ่ายเงินเยียวยากลุ่มแรงงานและผู้ประกอบการตามมาตรการบรรเทาผลกระทบโควิด-19 ที่อยู่ในพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด ตามมติคณะรัฐมนตรี (ครม.) เมื่อวันที่ 20 กรกฎาคม 2564 เห็นชอบขยายพื้นที่เยียวยาผู้ประกอบการและลูกจ้างที่ได้รับผลกระทบจากมาตรการโควิด-19 จาก 10 จังหวัด เป็น 13 จังหวัด คือ ฉะเชิงเทรา ชลบุรี และพระนครศรีอยุธยา ใน 9 ประเภทกิจการ ประกอบด้วย กิจการก่อสร้าง กิจการที่พักแรมบริการด้านอาหาร กิจกรรมศิลปะ ความบันเทิงและนันทนาการ กิจกรรมบริการด้านอื่นๆ สาขาการขนส่งและสถานที่เก็บสินค้า สาขาขายส่งและการขายปลีก การซ่อมยานยนต์ สาขากิจกรรมการบริหารและบริการสนับสนุน สาขากิจกรรมวิชาชีพ วิทยาศาสตร์และกิจกรรมทางวิชาการ และสาขาข้อมูลข่าวสารและการสื่อสาร โดยให้มีอัตราการจ่ายและวิธีการจ่ายเงินเช่นเดิม

"พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี มีความห่วงใยผู้ใช้แรงงานและผู้ประกอบการที่ได้รับผลกระทบจากมาตรการควบคุมการแพร่ระบาดของโควิด-19 และในวันนี้ สปส.ได้โอนเงินให้กับผู้ประกันตนมาตรา 33 ในพื้นที่ชลบุรี ฉะเชิงเทรา และพระนครศรีอยุธยา"นายสุชาติ กล่าว

นายสุชาติ กล่าวว่า สำหรับการจ่ายเงินเยียวยานายจ้าง ลูกจ้าง มาตรา 33 ในพื้นที่ฉะเชิงเทรา ชลบุรี และพระนครศรีอยุธยา มีผู้ประกันตนได้รับสิทธิจำนวน 272,746 คน นายจ้าง 19,213 ราย ใช้วงเงินทั้งสิ้น 1,522 ล้านบาท แยกเป็น นายจ้าง 841 ล้านบาท และลูกจ้าง 681 ล้านบาท โดยประกันสังคมได้โอนเงินให้ผู้ประกันตนผ่านบัญชีพร้อมเพย์ที่ผูกกับเลขประจำตัวประชาชนเท่านั้น ส่วนนายจ้างบุคคลธรรมดา จะโอนเงินผ่านบัญชีพร้อมเพย์เลขประจำตัวประชาชนเช่นกัน และนายจ้างสถานะนิติบุคคล จะโอนเข้าบัญชีธนาคารตามชื่อนิติบุคคลนายจ้าง

"การโอนเงินเยียวยาแก่ผู้ประกันตนมาตรา 33 ใน 3 จังหวัด 9 กิจการในวันนี้ ถือเป็นการบรรเทาความเดือดร้อนแก่ภาคแรงงานและผู้ประกอบการที่ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 ตามเจตนารมย์ของนายกรัฐมนตรีและรัฐบาลที่จะไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง เพื่อให้ทุกคน ทุกกลุ่ม เดินหน้าต่อไปได้และก้าวข้ามสถานการณ์โควิด-19 ในครั้งนี้ไปด้วยกัน" นายสุชาติกล่าว
#3336


ดัชนีและภาวะตลาดหุ้น น้ำมัน ทองคำ และตลาดเงินต่างประเทศ ประจำวันที่ 6 ส.ค. 2564

-- ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดบวกเมื่อวันศุกร์ (6 ส.ค.) ที่ระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ เนื่องจากนักลงทุนขานรับการเปิดเผยข้อมูลการจ้างงานนอกภาคเกษตรที่แข็งแกร่งเกินคาดของสหรัฐ และมองข้ามความวิตกเกี่ยวกับการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์เดลตาที่กำลังส่งผลกระทบต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 35,208.51 จุด เพิ่มขึ้น 144.26 จุด หรือ +0.41% และดัชนี S&P500 ปิดที่ 4,436.52 จุด เพิ่มขึ้น 7.42 จุด หรือ +0.17% ขณะที่ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 14,835.76 จุด ลดลง 59.36 จุด หรือ -0.40%

-- ตลาดหุ้นยุโรปปิดบวกเมื่อวันศุกร์ (6 ส.ค.) ที่ระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ครั้งใหม่เป็นวันที่ 5 ติดต่อกัน โดยได้แรงหนุนจากการเปิดเผยผลประกอบการที่แข็งแกร่งของบริษัทจดทะเบียน และนักลงทุนได้พากันเข้าซื้อหุ้นที่คาดว่าจะได้รับประโยชน์จากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ

ดัชนี Stoxx Europe 600 ปิดตลาดที่ระดับ 469.97 จุด เพิ่มขึ้น 0.01 จุด หรือ +0.002%

ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 6,816.96 จุด เพิ่มขึ้น 35.77 จุด หรือ +0.53%, ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมนีปิดที่ 15,761.45 จุด เพิ่มขึ้น 16.78 จุด หรือ +0.11% และดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,122.95 จุด เพิ่มขึ้น 2.52 จุด หรือ +0.035%

-- ตลาดหุ้นลอนดอนปิดบวกเมื่อวันศุกร์ (6 ส.ค.) โดยได้แรงหนุนจากการเปิดเผยผลประกอบการที่แข็งแกร่งของบริษัทจดทะเบียนในอังกฤษ

ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,122.95 จุด เพิ่มขึ้น 2.52 จุด หรือ +0.035%

-- สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดลบเมื่อวันศุกร์ (6 ส.ค.) เนื่องจากนักลงทุนวิตกเกี่ยวกับแนวโน้มความต้องการใช้น้ำมันท่ามกลางการแพร่ระบาดอย่างรวดเร็วของไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์เดลตา

ทั้งนี้ สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนก.ย. ลดลง 81 เซนต์ หรือ 1.2% ปิดที่ 68.28 ดอลลาร์/บาร์เรล และร่วงลง 7.7% ในรอบสัปดาห์ที่ผ่านมา

ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนต.ค. ลดลง 59 เซนต์ หรือ 0.8% ปิดที่ 70.70 ดอลลาร์/บาร์เรล และร่วงลง 6.2% ในรอบสัปดาห์ที่ผ่านมา

-- สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดร่วงลงเมื่อวันศุกร์ (6 ส.ค.) เนื่องจากนักลงทุนเทขายสัญญาทองคำในฐานะที่เป็นสินทรัพย์ปลอดภัยออกมา หลังจากสหรัฐเปิดเผยข้อมูลการจ้างงานเดือนก.ค.พุ่งขึ้นเกินคาด

ทั้งนี้ สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนธ.ค. ร่วงลง 45.8 ดอลลาร์ หรือ 2.53% ปิดที่ 1,763.1 ดอลลาร์/ออนซ์ และร่วงลง 2.97% ในสัปดาห์ที่ผ่านมา ซึ่งเป็นการร่วงลงรายสัปดาห์รุนแรงที่สุดนับตั้งแต่สัปดาห์ที่สิ้นสุดวันที่ 18 มิ.ย.

สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนก.ย. ร่วงลง 96.6 เซนต์ หรือ 3.82% ปิดที่ 24.326 ดอลลาร์/ออนซ์

สัญญาพลาตินัมส่งมอบเดือนต.ค. ร่วงลง 33.5 ดอลลาร์ หรือ 3.33% ปิดที่ 972.2 ดอลลาร์/ออนซ์

ส่วนสัญญาพัลลาเดียมส่งมอบเดือนก.ย. ร่วงลง 25 ดอลลาร์ หรือ 0.9% ปิดที่ 2,630.10 ดอลลาร์/ออนซ์

-- ดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักๆ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อวันศุกร์ (6 ส.ค.) เนื่องจากนักลงทุนขานรับสหรัฐเปิดเผยข้อมูลการจ้างงานเดือนก.ค.ที่แข็งแกร่งเกินคาด

ทั้งนี้ ดัชนีดอลลาร์ซึ่งเป็นดัชนีวัดความเคลื่อนไหวของดอลลาร์เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก 6 สกุลในตะกร้าเงิน เพิ่มขึ้น 0.58% แตะที่ 92.7918 เมื่อวันศุกร์

ดอลลาร์แข็งค่าเมื่อเทียบกับเงินเยน ที่ระดับ 110.20 เยน จากระดับ 109.75 เยน และแข็งค่าเมื่อเทียบกับฟรังก์สวิส ที่ระดับ 0.9150 ฟรังก์ จากระดับ 0.9061 ฟรังก์ นอกจากนี้ ดอลลาร์สหรัฐยังแข็งค่าเมื่อเทียบกับดอลลาร์แคนาดา ที่ระดับ 1.2559 ดอลลาร์แคนาดา จากระดับ 1.2494 ดอลลาร์แคนาดา

ยูโรอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ ที่ระดับ 1.1758 ดอลลาร์ จากระดับ 1.1835 ดอลลาร์ ขณะที่เงินปอนด์อ่อนค่าลงแตะที่ระดับ 1.3877 ดอลลาร์ จากระดับ 1.3932 ดอลลาร์ ส่วนดอลลาร์ออสเตรเลียอ่อนค่าลงสู่ระดับ 0.7352 ดอลลาร์ จากระดับ 0.7404 ดอลลาร์

ดัชนี DJIA ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดที่ 35,208.51 จุด เพิ่มขึ้น 144.26 จุด, +0.41%

ดัชนี S&P500 ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดที่ 4,436.52 จุด เพิ่มขึ้น 7.42 จุด, +0.17%

ดัชนี NASDAQ ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดที่ 14,835.76 จุด ลดลง 59.36 จุด, -0.40%

ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,122.95 จุด เพิ่มขึ้น 2.52 จุด, +0.035%

ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 6,816.96 จุด เพิ่มขึ้น 35.77 จุด, +0.53%,

ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมนีปิดที่ 15,761.45 จุด เพิ่มขึ้น 16.78 จุด, +0.11%

ดัชนี SENSEX ตลาดหุ้นอินเดียปิดที่ 54,277.72 ลบ 215.12 จุด, -0.39%

ดัชนี Jakarta Composite ตลาดหุ้นอินโดนีเซียปิดที่ 6,203.43 จุด ลดลง 1.99 จุด, -0.03%

ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซียปิดที่ 1,489.80 จุด ลดลง 5.98 จุด, -0.40%

ดัชนี PSE Composite ตลาดหุ้นฟิลิปปินส์ปิดที่ 6,539.91 จุด ลดลง 7.36 จุด, -0.11%

ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์ปิดที่ 3,177.18 จุด เพิ่มขึ้น 2.08 จุด, +0.07%

ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกงปิดที่ 26,179.40 จุด ลดลง 25.29 จุด, -0.10%

ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีนปิดที่ 3,458.23 จุด ลดลง 8.32 จุด, -0.24%

ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวันปิดที่ 17,526.28 จุด ลดลง 76.84 จุด, -0.44%

ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้ปิดที่ 3,270.36 จุด ลดลง 5.77 จุด, -0.18%

ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่นปิดที่ 27,820.04 จุด เพิ่มขึ้น 91.92 จุด, +0.33%

ดัชนี S&P/ASX 200 ตลาดหุ้นออสเตรเลียปิดที่ 7,538.40 จุด เพิ่มขึ้น 27.30 จุด, +0.36%

ดัชนี ALL ORDINARIES ตลาดหุ้นออสเตรเลียปิดที่ 7,806.50 จุด เพิ่มขึ้น 26.90 จุด, +0.35%
#3337


นพ.สันต์ ใจยอดศิลป์ ศัลยแพทย์หัวใจและผู้เชี่ยวชาญเวชศาสตร์ครอบครัว โพสต์ผ่านเฟซบุ๊กเมื่อวันที่ 7 ส.ค.64 ระบุ จำเป็นต้องมีการวิจัยรักษาโควิด-19 ด้วยฟ้าทะลายโจรซ้ำด้วยกลุ่มตัวอย่างที่ใหญ่ขึ้น โดยว่า "เมื่อวานนี้ ทีมผู้วิจัย (ชาวไทย) ซึ่งได้ทำวิจัยแบบสุ่มตัวอย่างแบ่งกลุ่มเปรียบเทียบ (RCT) ที่สรุปผลได้ว่าฟ้าทะลายโจรใช้รักษาโควิด19แล้วมีผลดีลดการเกิดปอดอักเสบได้ ได้ขอถอนนิพนธ์ต้นฉบับของตนเองที่รอตีพิมพ์กลับคืนจากคลังวารสารรอตีพิมพ์ (medRxiv) ด้วยเหตุผลว่ามีความผิดพลาดในการคำนวณค่านัยสำคัญของความแตกต่าง (p-value) จึงของดการเผยแพร่ไว้ก่อนเพื่อป้องกันการนำผลวิจัยไปใช้ด้วยสำคัญผิด

เจาะลึกลงไปอีกหน่อยก็คือในงานวิจัยนั้นรายงานว่า กลุ่มผู้ใช้ฟ้าทะลายโจร 29 คน เป็นปอดอักเสบ 0 คน กลุ่มที่ใช้ยาหลอก 28 เป็นปอดอักเสบ 3 คน คำนวณนัยสำคัญของความแตกต่างได้ p=<0.039 ซึ่งเป็นความแตกต่างที่มีนัยสำคัญ (ตัดกันที่ p=<0.05)

แต่หากคำนวณอย่างถูกต้องแท้จริงแล้วค่านัยสำคัญจริงๆคือ p=0.1 แปลไทยให้เป็นไทยก็คือจะต้องเปลี่ยนคำสรุปผลวิจัยเป็น "การใช้ฟ้าทะลายโจรลดปอดบวมได้ไม่แตกต่างจากใช้ยาหลอก"

ระหว่างที่งานวิจัยใหม่นี้ยังไม่ออกมา ชาวไทยเราก็ต้องอาศัยข้อสรุปใหม่ล่าสุดที่ว่า "ฟ้าทะลายโจรลดปอดบวมในคนไข้โควิด-19ได้ไม่แตกต่างจากยาหลอก" ไปพลางๆ ก่อนนะครับ และที่หมอสันต์เคยบอกว่าหลักฐานวิทยาศาสตร์สนับสนุนการใช้ฟ้าทลายโจรรักษาโควิดตอนนี้พอแล้วนั้น ก็ต้องถอนคำพูด และขอใช้คำพูดใหม่ว่า

"หลักฐานวิทยาศาสตร์สนับสนุนการใช้ฟ้าทะลายโจรรักษาโควิดตอนนี้ยังมีไม่พอ ต้องรอการวิจัยซ้ำด้วยกลุ่มตัวอย่างที่ใหญ่ขึ้น"
#3338


วันนี้ (8 ส.ค.) เมื่อเวลา 11.45 น. พล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ตรวจความคืบหน้าการสร้างห้องความดันลบ (Modular ICU) สำหรับรองรับผู้ป่วยโควิดที่อาการรุนแรง (สีแดง) โดยมี ผู้บริหารกรุงเทพมหานคร ผู้บริหารสำนักการแพทย์ ผู้บริหารโรงพยาบาลราชพิพัฒน์ โรงพยาบาลธนบุรี และผู้ที่เกี่ยวข้อง ร่วมคณะ ณ ชั้น 1 โรงพยาบาลสนามราชพิพัฒน์ 1 (ศูนย์การเรียนรู้ของโรงพยาบาลราชพิพัฒน์)

ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร กล่าวว่า กรุงเทพมหานครได้ปรับระบบการรักษาและพื้นที่บริเวณ ชั้น 1 ของโรงพยาบาลสนามราชพิพัฒน์ 1 (ศูนย์การเรียนรู้ของโรงพยาบาลราชพิพัฒน์) จากเดิมใช้สำหรับดูแลผู้ป่วยสีเหลือง สร้างเป็นห้องความดันลบ (Modular ICU) เพื่อรองรับผู้ป่วยสีแดงเพิ่มเติม สามารถรองรับได้ 40 เตียง ขณะนี้การดำเนินการแล้วเสร็จแล้ว จะเปิดรับผู้ป่วยโควิดที่อาการรุนแรง (สีแดง) ในช่วงบ่ายวันนี้(8 ส.ค.64) ซึ่งก่อนหน้านี้ได้เปิดบริการ Modular ICU แล้ว 4 อาคาร (ICU 1,2,3,4) รองรับผู้ป่วยได้ 40 เตียง ผู้ป่วยเข้าพักเต็มแล้ว จำนวน 40 เตียง โดยมีแพทย์และพยาบาลจากโรงพยาบาลราชพิพัฒน์และโรงพยาบาลธนบุรีร่วมดูแลผู้ป่วย ทั้งนี้ ตั้งแต่ที่กรุงเทพมหานคร เปิดให้บริการ Modular ICU เมื่อวันที่ 12 ก.ค.64 มีผู้ป่วยเข้ารับการรักษาประมาณ 200 ราย ภายหลังจากที่อาการดีขึ้น ได้ย้ายไปดูแลในโรงพยาบาลที่รองรับผู้ป่วยสีเหลืองและสีเขียว จนรักษาหายกลับบ้านแล้วกว่า 50 ราย อนึ่ง ขณะนี้โรงพยาบาลสนามราชพิพัฒน์ 1 (ศูนย์การเรียนรู้ของโรงพยาบาลราชพิพัฒน์) มีเตียงสำหรับรองรับผู้ป่วยโควิดรวม 160 เตียง แบ่งเป็นผู้ป่วยสีแดง 80 เตียง และผู้ป่วยสีเหลือง(ชั้น 2) 80 เตียง
#3339


"เลดี้ กาก้า" และ "โทนี่ เบนเน็ต" ทำเซอร์ไพรส์ โคจรคัมแบ็คมาร่วมงานกันอีกครั้ง ในซิงเกิลล่าสุด "I Get A Kicked Out Of You" กับเพลง Jazz สุดละมุน ซึ่งรวมอยู่ในอัลบั้ม "Love For Sale" ที่จะปล่อย 1 ตุลาคมนี้

ศิลปินสาวแซ่บตัวแม่ "เลดี้ กาก้า" (Lady Gaga) จับมือคุณปู่ "โทนี่ เบนเน็ต" (Tony Bennett) นักร้องเพลงแจ๊ซระดับตำนาน สร้างเซอร์ไพรส์ ด้วยการกลับมาร่วมงานกันอีกครั้ง ในซิงเกิ้ลล่าสุด
"I Get A Kicked Out Of You" ซึ่งเป็นการโคจรมาร่วมงานกันอีกครั้ง ในรอบ 7 ปี หลังจากอัลบั้ม "Cheek To Cheek" เมื่อปี 2014


I Get A Kicked Out Of You เป็นหนึ่งในผลงานสุดคลาสสิกของ Cole Porter เพลงนี้เปิดตัวครั้งแรกในละครบรอดเวย์เรื่อง "Anything Goes" ในปี ค.ศ. 1934 หลังจากนั้นก็มีศิลปินคนดังนำไปร้อง อาทิ แฟรงก์ ซินาตรา (Frank Sinatra) เอลลา ฟิตซ์เจอรัลด์ (Ella Fitzgerald) และ โทนี่ เบนเน็ต

สำหรับ I Get A Kicked Out Of You ในเวอร์ชั่นของ โทนี่ เบนเน็ต & เลดี้ กาก้า เป็นงานเพลงสแตนดาร์ตแจ๊ซสุดละมุน ขึ้นต้นมาด้วยเสียงเปียโนแผ่วพลิ้ว เลกี้ กาก้า ร้องนำมาในแนวทางแจ๊ซได้อย่าง น่าฟัง ก่อนที่คุณปู่โทนี่จะรับลูกต่ออย่างสุดเก๋า จากนั้นดนตรีเร่งจังหวะขึ้นเป็นสวิงสนุก ๆ ชวนโยกตัว ถือเป็นอีกหนึ่งบทเพลงไพเราะน่าฟังไม่น้อย

เพลงนี้ถือเป็นซิงเกิ้ลแรกในอัลบั้ม ใหม่ "Love For Sale" ของเลดี้ กาก้า ซึ่งนี่ถือเป็นอีกหนึ่งอัลบั้มประวัติศาสตร์ เพราะจะเป็นการอัดเพลงฉลองอายุ 95 ปีของโทนี่


เลกี้ กาก้า กล่าวว่า "ฉันรู้สึกตื่นเต้นและเป็นเกียรติมากที่ได้ร่วมงานกับ "Tony Bennett" อีกครั้ง และตื่นเต้นจะที่ประกาศอัลบั้มใหม่ของเรา"

Love For Sale เป็นอัลบั้มสดุดีแด่ Cole Porter กับการรวมผลงานเพลงของ "The Cole Porter Song Book" ซึ่งเป็นไอเดียของโทนี่ เบนเน็ต และ เลดี้ กาก้า ที่ได้เคยพูดคุยกันหลังจากอัลบั้มแรกของเขา "Cheek To Cheek" ได้อยู่อันดับ 1 บน Billboard album charts เมื่อปี 2015


อัลบั้ม Love For Sale เป็นงานเพลงแจ๊สที่ได้รวมวงดนตรีหลากหลายเอาไว้ด้วยกัน ไม่ว่าจะเป็น วงแจ๊ส,วงบิ๊กแบนด์ และวงเครื่องสาย ที่จะมาร่วมบรรเลงสร้างสรรค์ดนตรีให้ทุกคนได้เปิดประสบการณ์ด้านดนตรีแปลกใหม่

โดยอัลบั้มชุดนี้ มีกำหนดปล่อยอัลบั้มนี้ ในวันที่ 1 ตุลาคมนี้ ผ่านทาง Columbia Records/Interscope Records ผู้สนใจสามารถติดตามมาไว้ในครอบครองกันได้


LOVE FOR SALE TRACK LISTING:

1 - It's De-Lovely
2 - Night and Day
3 - Love For Sale
4 - Do I Love You
5 - I Concentrate On You
6 - I Get a Kick Out of You
7 - So In Love
8 - Let's Do It
9 - Just One of Those Things
10 - Dream Dancing
11 – I've Got You Under My Skin (DELUXE VERSION)
12 – You're The Top (DELUXE VERSION)
#3340
หัวขับวาล์ว Sirca ทุกรุ่นปกติจะเป็นแบบ double acting actuator หรือทำงานด้วย ไป/กลับ ด้วยลม หากเราต้องการใช้งานแบบ single acting actuator เราสามารถใส่สปริงเข้าไปที่หัวขับได้เลยครับผม โดยสปริงจะเป็นแท่งเล็กๆต่อ 1 ข้างจะสามารถใส่สปริงได้ 1-6 ชิ้นขึ้นอยู่กับรุ่น

หัวขับsirca เป็นหัวขับลมคุณภาพสูงจากประเทศ อิตาลี หัวขับลมแบรนด์ เซอร์ก้า ได้รับความนิยมมากมายในประเทศไทย body aluminium anodize สีทองงดงาม ในรูปจะประกอบกับ limit switch box valve position indicator 2SPDT เป็นแบบ dry contact 2 ชุดครับผมนำสัญญาณไปต่อใช้งานได้เลยครับผม





หัวขับลม sirca นี้มี 2 รุ่น ได้แก่ รุ่น AP แล้วก็ รุ่น APM

AP series ที่มีการปรับเพียงครั้งเดียว อนุญาตให้ปรับจังหวะของลูกสูบในตำแหน่งเปิดได้ 90° ± 3° เพียงแค่นั้น

ส่วน APM series ที่มีการปรับสองครั้งช่วยทำให้ปรับจังหวะของลูกสูบสำหรับการปิดรวมทั้งเปิดได้ ± 5°

การออกแบบชั้นวางลูกสูบคู่และก็ปีกนกสำหรับโครงสร้างที่กะทัดรัด ลูกสูบติดตั้งแบบสมมาตร ออกแบบกะทัดรัดชิ้นเดียวที่มีตัวกล้องรวมทั้งฝาปิดเช่นเดียวกันสำหรับรุ่น Double Acting แล้วก็ Spring Return

ตัวอลูมินัมอัดขึ้นรูป มีให้เลือกป้องกันการกัดกร่อนสองแบบ ได้แก่ ชุบทองหรือชุบแข็ง ตัวเครื่องทั้งหมดถูกกลึงด้วยเครื่องจักรที่ควบคุมด้วย CNC เพื่อได้คุณภาพรวมทั้งความแม่นยำสูงสุด

ฝาท้ายรวมทั้งลูกสูบทำจากอะลูมิเนียมหล่อขึ้นรูป ฝาด้านหลังถูกลงสี

ปีกนกทำจากโลหะผสมเหล็กชุบนิกเกิล ระบบป้องกันการระเบิดจะเซฟไม่ให้ก้านหลุดออกจากตัวหัวขับลม

ส่วนประกอบที่ขยับเขยื้อนทั้งหมดมีวงแหวนหรือตลับลูกปืนกันการเสียดสีพิเศษ

สปริงทั้งหมดถูกสร้างขึ้นด้วยระบบห่อหุ้มเพื่อหลีกเลี่ยงความเสี่ยงที่จะเกิดอุบัติเหตุระหว่างขั้นตอนถอดประกอบของหัวขับลม

ตัวยึดสแตนเลสด้านในรวมทั้งด้านนอกเพื่อความคงทนต่อการกัดกร่อนในระยะยาว





สอดคล้องกับข้อกำหนดทางด้านเทคนิค:
ISO 5211, DIN3337 และ VDI / VDE 3845 NAMUR
สำหรับความสามารถในการเปลี่ยนแปลงผลิตภัณฑ์แล้วก็การติดตั้งโซลินอยด์วาล์ว ลิมิตสวิตช์ รวมทั้งเครื่องมือเสริมอื่นๆได้ง่าย
ใช้ในโรงงานอุตสาหกรรมอาหาร โรงงานเคมี โรงงานฟอกย้อม โรงงานพลาสติก โรงงานน้ำกิน น้ำผลไม้ โรงงานยาง อยู่ในส่วนของการเปิดปิดวาล์วน้ำในโรงงานอุตสาหกรรมต่างๆเป็นระบบออโต้ ลดแรงงานคนได้

หัวขับลม sirca มีประกันคุณภาพสินค้า และก็บริการหลังการขาย มีชิ้นส่วนอะไหล่ให้เปลี่ยนอยู่หลายส่วนดังเช่นว่า โอริงสำหรับหัวขับลม ฝาหัวท้ายสำหรับหัวขับลม สปริงสำหรับหัวขับลม และก็ rack and pinion

สามารถเอามาประกอบ.วาล์วได้อีกหลายรุ่น ดังเช่นว่า .วาล์ว2ทาง .วาล์ว 3ทาง .วาล์วหน้าแปลน รวมทั้ง.วาล์วยูพีวีซี ยิ่งกว่านั้นยังสามารถประกอบกับวาล์วปีกผีเสื้อ (บัตเตอร์ฟลายวาล์ว butterfly valve) ทั้งแบบ wafer type รวมทั้ง rug type รวมทั้งแบบ flange type.