• Welcome to ลงประกาศฟรี โพสฟรี โปรโมทเว็บไซด์ให้ติดอันดับ SEO ด้วย PBN.
 

poker online

ปูนปั้น

Menu

Show posts

This section allows you to view all posts made by this member. Note that you can only see posts made in areas you currently have access to.

Show posts Menu

Topics - Chanapot

#3401
นมอัดเม็ดไทยชอง milk tablet  ชอบหวานน้อย นมเน้นๆ มีแคลเซียม ต้องลอง นมอัดเม็ด milk tablet หลายเจ้าในตลาดมากมาย แต่ทำไมนมอัดเม็ดไทยชอง milk tabletแจ้งเกิดเป็นนมอัดเม็ดดาวรุ่งพุ่งแรง เพราะ ความนัวนม ย้ำว่านัวนมๆจริง และรสชาติหวานน้อย ที่เอาใจคนที่หันมาดูแลตัวเองมากขึ้น รสชาติไม่หวานเลี่ยน การันตีไม่หวานแหลมแสบคอ  นมก็นมแท้ๆแน่นๆ จากนิวซีแลนด์ มี 2 ขนาดให้เลือก 





1.นมอัดเม็ดไทยชอง  milk tablet ขนาด 20 กรัมเป็นรูปซองขวด 1 ซองมี 15 เม็ด ขายปลีกซอง 12 บาท ฮัลโล ไม่แพงน้า รสชาติต้องได้ลอง เลือกคุณภาพ ประโยชน์ และ อร่อยด้วย คุ้มค่า

 

2.นมอัดเม็ดไทยชอง milk tablet ขนาด 27 กรัม ซองสี่เหลี่ยม ตกซองละ 18 บาท 
จะซื้อแบบกล่อง หรือ ซื้อแบบซองก็ได้ แบบกล่องซื้อไปเป็นของขวัญของใกเก๋ไก๋ ดูดีมีราคา เพราะแพคเกจเค้าน่ารักเว่อร์ 
 


นมอัดเม็ด milk tabletเป็นขนมทีมีประโยชน์นะคะ ทานได้ทั้งเด็กและผู้ใหญ่ เพราะนมอัดเม็ดไทยชอง milk tabletใช้นมแท้ๆ คุณภาพดีมาเป็นส่วนผสมหลักที่เข้มข้น ทำให้คนทานได้ แคลเซียมและวิตามินบี 2  ใครที่เน้นดูแลเรื่องกระดูกและฟัน และ ลดหวานเพื่อสุขภาพ แนะนำมากๆ กับนมอัดเม็ดไทยชอง milk tablet

สั่งซื้อ คลิกเลย >>> https://lin.ee/sSGXFCK 
 
#3402
แผนประกันออมทรัพย์แบบมีเงินปันผลAllianz Ayudhya แผนประกันสุขภาพปลดล็อคอัลตร้า ประกันสุขภาพเด็กเหมาจ่าย


แผนประกันออมทรัพย์แบบมีเงินปันผลAllianz Ayudhya แนะนำ แผนประกันสุขภาพปลดล็อคอัลตร้าAllianz  และ แผนประกันสุขภาพเด็กเหมาจ่ายรักษาตัวในรพ. สูงถึง 1.2 ล้านบาทต่อปี

แผนประกันออมทรัพย์แบบมีเงินปันผลAllianz Ayudhya แนะนำ แผนประกันสุขภาพ(ปลดล็อคอัลตร้า)
ประกันออมทรัพย์แบบมีเงินปันผลAllianz Ayudhya, ประกันสุขภาพปลดล็อคอัลตร้าAllianz
ประกันสุขภาพ (ปลดล็อค อัลตร้า) ขยายวงเงินความคุ้มครอง ให้เลือกสูงถึง 15 ล้านบาทต่อปี
ขยายอายุความคุ้มครองถึงอายุ90 ปี
ขยายการดูแลด้านการรักษาสุขภาพ ด้วยวงเงินค่าฉีดวัคซีนและค่าตรวจสุขภาพประจำปี
ปลดล็อคค่ารักษาพยาบาลในห้อง ICU จ่ายให้ตามจริง
ปลดล็อคค่าล้างไต ค่าเคมีบำบัด ค่ารังสีบำบัด จ่ายให้ตามจริง

ประกันสุขภาพปลดล็อคอัลตร้าAllianz, ประกันออมทรัพย์แบบมีเงินปันผลAllianz Ayudhya
ประกันออมทรัพย์แบบมีเงินปันผลAllianz Ayudhya ประกันออมทรัพย์ (แบบมีเงินปันผล) เพิ่มโอกาสรับเงินปันผลที่สูงขึ้น

มอบความคุ้มครองชีวิตสูงถึง 115% ของจำนวนเงินเอาประกันภัย

ครบกำหนดสัญญารับเงินคืน 140% ของจำนวนเงินเอาประกันภัย

ลดหย่อนภาษีเงินได้สูงสุด 100,000 บาท

ประกันสุขภาพปลดล็อคอัลตร้าAllianz
ประกันสุขภาพเด็กเหมาจ่าย สำหรับเด็กอายุตั้งแต่ 1 เดือน 1 วัน ถึง 10 ปี
ดูแลค่ารักษาเมื่อต้องพักรักษาตัวในรพ. สูงถึง 1.2 ล้านบาทต่อปี
คุ้มครองค่ารักษาพยาบาลฉุกเฉินจากอุบัติเหตุภายใน 24 ชม.
สามารถใช้บริการดูแลคุณยามพักฟื้น (Nursing Care) โดยไม่มีค่าใช้จ่าย

Contact Mobile : 081-692-5514

Line ID : @life2insurance

Email : bahmeejkq@gmail.com

รายละเอียดเพิ่มเติม
https://pantipmart.com/แผนประกันออมทรัพย์แบบม/


คำค้น

ประกันออมทรัพย์แบบมีเงินปันผลAllianz Ayudhya, ประกันสุขภาพ (ปลดล็อค อัลตร้า), ประกันออมทรัพย์ (แบบมีเงินปันผล), ประกันสุขภาพเด็กเหมาจ่าย
 
#3403
 ข้าวปลอดสารพิษสุรินทร์  ข้าวหอมมะลิอินทรีย์ส่งทั่วไทย #ข้าวออแกนิค หรือ #ข้าวออร์แกนิค หรือ #ข้าวออร์แกนิก หรือ "#ข้าวเกษตรอินทรีย์"  (#OranicRice)
ข้าวออแกนิค หรือ ข้าวออร์แกนิค หรือ ข้าวออร์แกนิก (#OranicFood) หรือเรียกง่ายๆเป็นภาษาไทยว่า "ข้าวเกษตรอินทรีย์" หรือ "ข้าวอินทรีย์" /  ข้าวสุขภาพมะลินิล คือ ข้าวที่ผ่านการผลิตทางการเกษตรโดยไม่ใช้สารเคมี ปุ๋ยเคมี หรือวัตถุสังเคราะห์ใด ๆ ทั้งสิ้น (รวมไปถึงเมล็ดพันธุ์ ข้าวที่ไม่ตัดต่อทางพันธุกรรม) กระบวนการผลิตข้าวไม่มีการใช้สารเคมีในการกำจัดศัตรูพืช ก่อนการปลูกข้าวจะต้องเตรียมหน้าดินก่อนด้วยวิธีธรรมชาติ ทุกขั้นตอนการผลิตข้าวจะไร้สารปนเปื้อนที่เกิดมนุษย์ จะไม่ผ่านการฉายรังสี ไม่เพิ่มเติมสิ่งปรุงแต่งลงไปในข้าว 




 ข้าวกล้องหอมมะลิอินทรีย์สุรินทร์ข้าวออแกนิค หรือ ข้าวออร์แกนิค หรือ ข้าวออร์แกนิก หรือ "ข้าวเกษตรอินทรีย์"  (Oranic Rice)   ข้าวกล้องหอมมะลิสุขภาพ คืออะไร?
1. ส่วนประกอบทุกอย่างล้วนมากจากธรรมชาติ โดยข้าวออแกนิคจะไม่มีการใช้สารสังเคราะห์ใด ๆ ในการเพาะปลูก  กลุ่มข้าวปะกาอำปึลอินทรีย์เลย ข้าวก็จะถูกปลูกและเจริญเติบโตมาด้วยอาหารจากธรรมชาติล้วน ๆ ส่วนข้าวก็จะเป็นการปลูกในนา ไม่ใส่วัตถุสังเคราะห์ใด ๆ ทั้งสิ้น ไม่ว่าจะเป็นปุ๋ยวิทยาศาสตร์ และสารเคมีหรือยาฆ่าแมลง ใช้แต่ปุ๋ยหมักหรือปุ๋ยคอกจากธรรมชาติในการเพาะปลูกข้าว ส่วนเมล็ดพันธุ์ข้าวที่นำมาเพาะปลูกจะต้องไม่มีตัดต่อพันธุกรรม และต้องมีการเตรียมหน้าดินก่อนการเพาะปลูกข้าวด้วยวิธีธรรมชาติ คือ จะต้องทำให้ปลอดสารพิษไม่น้อยกว่า 3 ปี เหล่านี้จึงเรียกได้ว่าเป็นการสร้างอาหารแบบธรรมชาติอย่างแท้จริง 100% มีกลิ่นหอมตามแบบธรรมชาติ ทุกขั้นตอนในการปลูกข้าวและการแปรรูปข้าวจะต้องอยู่ในมาตรฐานที่ผ่านการตรวจสอบจากหน่วยงานต่าง ๆ ส่วนประกอบทุกอย่างจึงสะอาดบริสุทธิ์ ไม่มีสารพิษตกค้างหรือสารก่อมะเร็ง
2. ข้าวออแกนิคจะไม่มีการใช้สารเคมีใด ๆ เลย ส่วนประกอบทุกอย่างจะต้องมาจากธรรมชาติ เพราะถ้ามีการใช้สารเคมีก็จะไม่ถือว่าเป็นข้าวออแกนิค ซึ่งการไม่ใช้สารเคมีที่ว่านั้นหมายถึง การไม่ใช้ยาฆ่าแมลง ปุ๋ยเคมี 
3. ไม่ก่อให้เกิดมลพิษในกระบวนการปลูก  ข้าวหอมมะลิแดงออแกนิก เพราะข้าวออแกนิคนั้น นอกจากจะมุ้งเน้นให้ผู้บริโภคมีสุขภาพที่ดีแล้ว จุดประสงค์ที่สำคัญอีกอย่างหนึ่งก็คือการช่วยลดมลพิษให้กับธรรมชาติ เพราะเป็นที่ทราบกันดีอยู่แล้วว่าการใช้สารเคมีต่าง ๆ เช่น ยาฆ่าแมลง ปุ๋ยเคมี หรือสารเร่งการเจริญเติบโตต่าง ๆ นั้นจะก่อให้เกิดสารพิษตกค้างในดิน ในน้ำ และในอากาศ ซึ่งกว่าจะย่อยสลายไปได้บางทีก็อาจใช้ระยะเวลาเป็นสิบ ๆ ปี ซึ่งวิธีการปลูก  ปลูกข้าวกล้องหอมมะลินิลอินทรีย์ แบบธรรมชาตินี้เองจึงเป็นวิธีที่ดีที่สุดในการช่วยฟื้นฟูธรรมชาติที่เสียไป เพราะนอกจากจะได้รับประทานข้าวที่ปลอดสารพิษแล้ว ยังช่วยลดมลพิษต่าง ๆ ได้ดีอีกด้วย

ข้าว Hor.Boutique ข้าวอินทรีย์สุรินทร์   ปลูกข้าวกล้องหอมมะลิแดงออแกนิค
277 หมู่ 14 ถ.พิชิตชัย ต.นอกเมือง อ.เมือง จ.สุรินทร์ 32000
โทร. 092-8245655
website : https://xn--22c6bf1bev6bzbun6ssb.net/
Line: @Hor.Boutique

เรามีข้าวอินทรีย์ 7 ประเภทครับ
1. ข้าวหอมมะลิorganic
2.  ปลูกข้าวกล้องหอมมะลิออแกนิค
3.   ข้าวปะกาอำปึลอินทรีย์
4.  ขายข้าวสารหอมมะลิผสมหลายสายพันธุ์จังหวัดสุรินทร์
5.  ปลูกข้าวกล้องหอมมะลิแดงออแกนิค6.  ข้าวกล้องหอมมะลินิลปลอดสารพิษ7.  กลุ่มข้าวไรซ์เบอร์รี่อินทรีย์


#ข้าวออร์แกนิกสุรินทร์  #ข้าวออแกนิคสุรินทร์  #ข้าวออแกนิกสุรินทร์   #ข้าวอินทรีย์สุรินทร์  #ข้าวสุขภาพสุรินทร์
 

 

 
 
#3404


ยอร์เดนิส อูกาส กำปั้นชาวคิวบา กล่าวด้วยความมั่นใจว่าจะโชว์ฟอร์มจัดการ แมนนี ปาเกียว นักชกรุ่นใหญ่จากฟิลิปปินส์ จนอีกฝ่ายไปไม่เป็น และเชื่อว่าจะไม่โดนนักชกรุ่นพี่น็อกคาสังเวียนแน่นอน

อูกาส มีคิวถือเข็มขัดรุ่นซูเปอร์ เวลเตอร์เวต ป้องกันแชมป์กับ ปาเกียว ที่สังเวียน ที โมบายล์ อารีน่า สหรัฐอเมริกา วันที่ 22 สิงหาคมนี้ ตามเวลาเมืองไทย ซึ่งก่อนขึ้นชกทั้งคู่ก็มาเผชิญหน้ากันในงานแถลงข่าว

ปาเกียว ห่างหายการขึ้นชกอาชีพไปนาน 2 ปีหลังเกิดการระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ทั่วโลก ขณะเดียวกัน ด้วยความที่เจ้าตัวพิชิตคู่แข่งด้วยการชนะคะแนนในช่วงหลังหลายไฟต์ ทำให้ อูกาส วัย 35 ปี มั่นใจว่าอีกฝ่ายไม่มีทางน็อกตนเองได้แน่

อูกาส เผยว่า "ผมมั่นใจ 100 เปอร์เซนต์เลยว่าเขาไม่มีทางน็อกผมได้แน่นอน ผมเตรียมงานของตัวเองเสร็จแล้ว และฝึกซ้อมมาอย่างดีตลอด 6 ปี และผมก็ไม่คิดว่า แมนนี ปาเกียว จะน็อกผมได้"

"ผมเตรียมตัวมาอย่างดีสำหรับการชก 12 ยก มันต้องออกมาสูสีแน่ ถ้านี่จะเป็นไฟต์สุดท้ายของตำนานที่ชื่อ แมนี ปาเกียว เขาก็จะได้เผชิญหน้ากับชายที่ทำให้เขาต้องเค้นทุกสิ่งทุกอย่างออกมาสู้ในฐานะยอดนักชกระดับโลก" อูกาส ระบุ

สำหรับ ปาเกียว น็อกคู่ต่อสู้คนสุดท้ายต้องย้อนกลับไปในปี 2018 ซึ่งครานั้นชนะน็อกใส่ ลูคัส มาธิสเซ่ จากอาร์เจนติน่าในยก 7 อย่างไรก็ตาม "แพ็คแมน" ก็ยังเชื่อว่าตัวเองพร้อมและมั่นใจกว่าทุกครั้งที่ผ่านมา

"ผมรู้สึกว่าตัวเองยังหนุ่มอยู่เลย อายุสัก 24 ได้ (ยิ้ม) ผมแฮปปี้กับสิ่งที่ทำ การชกมวยคือสิ่งที่ผมหลงใหล ผมสนุกกับการซ้อมและตื่นเต้นที่ได้ขึ้นเวที ผมไมใช่หมอดู แต่อยากให้มาดูกัน ผมจะทำให้ดีที่สุด" ปาเกียว ทิ้งท้าย
#3405
111-Lotto 111  ตัวแทนจำหน่าย ล็อตเตอรี่ออนไลน์ รายใหญ่ของ มังกรฟ้าล็อตเตอรี่ออนไลน์  ปรับเปลี่ยนรูปแบบการซื้อล็อตเตอรี่แบบใหม่  ยุค new normal




ไม่ต้องไปหน้าแผง ไม่ต้องเสียเวลาก้มหาเลข ไม่ต้องไปลุ้นว่าจะมีเลขที่อยากได้มั้ย แค่แอดไลน์ หาเรา บอกเลขที่ต้องการ เลขเด็ด เลขดัง แจ้งโอนเงิน จะได้รับ SMS ยืนยัน




ถ้าถูกรางวัลสามารถขึ้นเงินได้จริง ได้รับเงินจริงไม่เกิน 24 ชม โดยปกติใช้เวลาเพียง 3 ชั่วโมงหลังผลสลากกินแบ่งรัฐบาลออกเท่านั้น 

ขั้นตอนการซื้อ ล็อตเตอรี่ออนไลน์ กับเรานั้น ง่ายๆ มาก มี 2 แบบให้เลือกแล้วแต่สะดวก

1. แอดไลน์ @111-lotto หรือคลิกทีนี่ เพื่อ คุยกับแอดมินโดยตรงและทำการสั่งซื้อและโอนเงินผ่านไลน์ มีเจ้าหน้าที่แนะนำทุกขั้นตอน 

111-lotto รีบแอดไลน์เพื่อเลือกเลขรางวัลก่อนใคร

Add Line : @111-lotto





2. สั่งซื้อผ่านระบบ 111-lotto ล็อตเตอรี่ของของมังกรฟ้าล็อตเตอรี่ออนไลน์ ด้วยตัวเอง จะทำที่ไหน เมื่อไหร่ เวลาไหนก็ได้ Add Line : @111-lotto


 


 
#3406


กาชาดสากลเรียกร้องทุกประเทศทั่วโลกแบ่งวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 ให้แก่ภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้เพิ่ม เพื่อควบคุมอัตราการติดเชื้อและเสียชีวิตที่พุ่งทำสถิติจากสายพันธุ์เดลตา

"อเล็กซานเดอร์ มาเธอู" ผู้อำนวยการสหพันธ์สภากาชาดและสภาเสี้ยววงเดือนแดงประจำเอเชีย-แปซิฟิก แถลงเมื่อวันพุธ (18 ส.ค.) ว่า ไวรัสโคโรน่ากลายพันธุ์สายพันธุ์เดลตาที่ระบาดหนักมาระยะหนึ่งในเอเชียอาคเนย์ ไม่มีแนวโน้มว่าจะยุติลงง่ายๆ และภูมิภาคนี้ที่เคยรอดพ้นจากสถานการณ์เลวร้ายที่สุดจากการระบาดระลอกก่อนๆ ในปีที่ผ่านมา กลายเป็นศูนย์กลางการระบาดที่มีสถิติผู้เสียชีวิตสูงที่สุดในโลกในช่วงไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา

กาชาดสากล ตั้งข้อสังเกตว่า ประเทศส่วนใหญ่ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่รวมถึงเวียดนาม ไทย และอินโดนีเซีย มีผู้ติดเชื้อหรือเสียชีวิตสูงสุดเป็นประวัติการณ์

"ในระยะสั้นชาติร่ำรวยจำเป็นต้องเพิ่มความพยายามแบ่งปันวัคซีนส่วนเกินให้เอเชียอาคเนย์เป็นการเร่งด่วน นอกจากนั้น ผู้ผลิตวัคซีนควรแบ่งปันเทคโนโลยีกับภาครัฐของชาติเหล่านี้เพื่อเพิ่มศักยภาพการผลิต

พร้อมเตือนว่า ในอีกไม่กี่สัปดาห์ข้างหน้าจะเป็นช่วงเวลาสำคัญที่ต้องยกระดับการรักษา การตรวจ และการฉีดวัคซีนในทุกพื้นที่ของทุกประเทศในภูมิภาคนี้ และต้องตั้งเป้าฉีดวัคซีนให้ได้ถึง 70-80% ของจำนวนประชากร"มาเธอู กล่าว
#3407
ชวนผู้ใช้ zoom update มาทำการตั้งค่า Zoom Software Update ให้เป็นเวอร์ชั่นล่าสุด ก่อนอื่น มาดูกันว่า Zoom Software 
ของคุณเป็นเวอร์ชั่นล่าสุดแล้วหรือยัง (ณ วันนี้ 6 สิงหาฯ เป็นเวอร์ชั่น 5.7.4) อันนี้เป็นเรื่องสำคัญอย่างยิ่งสำหรับการใช้งาน 
หากใครเคยพบปัญหาระหว่างการใช้งานอย่างเช่น ใช้งานสะดุด ภาพค้าง หลุดออกจากระบบ หรือไม่สามารถใช้บางฟีเจอร์ได้ 
หรือมีเครื่องอุปกรณ์ไม่ครบ บางปัญหาก็สามารถแก้ไขได้เพียงแค่การอัพเดทเวอร์ชั่น Zoom Software เท่านั้นเอง ขั้นตอนก็ไม่ยุ่งยากครับ 
เข้าไปที่หน้า Zoom Meeting Software ของคุณ  สามารถทำได้เลยครับ




ติดตามอัพเดตข่าวสารจากพวกเรา Zoom Thailand

Tag : แหล่งที่มา | Zoom cloud meeting
#3408


The 1 ผู้นำดิจิทัลไลฟ์สไตล์และลอยัลตี้แพลตฟอร์มอันดับ 1 ของไทย ภายใต้กลุ่มเซ็นทรัล ตอกย้ำวิสัยทัศน์ Your Everyday Lifestyle App ดัน The 1 Today มุ่งสู่ Shopping & Deals Destination ผนึกกลยุทธ์ View-to-Purchase นำเสนอครบจบบนแอป The 1 ในเพียง 3 ขั้นตอน อ่าน-เช็ค-ช้อป พร้อมเสริมทัพ 17 คอนเทนต์พาร์ทเนอร์ด้านไลฟ์สไตล์ ช้อปแบบ Omnichannel

นางสาวมิ่งขวัญ พฤฒิสถาพร Head of Program Management, The 1 App Discovery - The 1 กล่าวว่า The 1 Today หนึ่งในฟีเจอร์หลักของแอป The 1 นั้นเป็นเหมือนเพื่อนคู่คิดที่คอยมอบคำแนะนำเรื่องการช้อปปิ้งให้กับผู้อ่านได้อย่างตรงใจ ล่าสุด เราได้เพิ่มความสะดวกสบายด้วย View-to-Purchase อ่าน-เช็ค-ช้อป โดยได้นำข้อมูลสินค้า แคมเปญโปรโมชั่นดีๆ ไปจนถึงช่องทางสั่งซื้อมารวมไว้ในแอป The 1 ที่เดียว

นอกจากสมาชิก The 1 ทั้ง 18 ล้านคนแล้ว เรายังมีเว็บไซต์ และระบบ Guest Mode ในแอป เพื่อเปิดโอกาสให้ทุกคนสามารถเข้าถึง The 1 Today ได้ในวงกว้าง The 1 เชื่อว่าการนำเสนอประการณ์ครบวงจรเช่นนี้จะช่วยให้ทุกคนสามารถช้อปออนไลน์ได้อย่างสะดวกสบายไร้รอยต่อยิ่งขึ้น

หลังจากที่เปิดตัวเมื่อปลายปี 2563 The 1 Today ได้กลายเป็นฟีเจอร์สำคัญที่ได้รับความนิยมอันดับต้นๆ ของแอป The 1 โดยมีผู้อ่านเพิ่มขึ้นกว่า 30% และอัตราการเข้าชมบทความเพิ่มขึ้นถึง 160% ในเดือนมิถุนายนเมื่อเทียบกับต้นปี ด้วยจำนวนผู้เข้าชมที่เพิ่มขึ้นและจำนวนบทความกว่า 1,000 บทความต่อเดือน ทีมงาน The 1 จึงพัฒนาแอปให้สามารถรองรับความต้องการที่มากขึ้นอยู่เสมอ โดยปัจจุบันนอกจากจะจัดกลุ่มบทความเป็นหมวดหมู่ ไม่ว่าจะเป็น ช้อปปิ้ง ข่าวสาร ไลฟ์สไตล์ จัดอันดับ Top 10 ดูดวง เป็นต้น สมาชิก The 1 ยังสามารถค้นหาบทความด้วยแฮชแท็กที่สนใจได้อีกด้วย

นายศุภณัฏฐ์ โรจน์สุข Head of Content Partnerships & Content Operation - The 1 กล่าว "นอกจากการมอบแรงบันดาลใจและความเพลิดเพลินให้กับผู้อ่านแล้ว คอนเทนต์ใน The 1 Today ยังมุ่งเน้นสาระประโยชน์ โดยเฉพาะสำหรับคอนเทนต์ช้อปปิ้งที่โดดเด่นกว่าบนแพล็ตฟอร์มอื่นๆ เพราะ The 1 สามารถนำข้อมูลจาก The 1 Insight มานำเสนอสินค้าที่ได้รับความนิยมในช่วงนั้นๆ ได้แบบเรียลไทม์ ทั้งนี้ เพื่อนำเสนอคอนเทนต์ที่ตรงใจให้กับผู้อ่านนั่นเอง โดย The 1 Today นับว่าประสบความสำเร็จแล้วในก้าวแรกด้วยการเพิ่มยอดขายให้กับเครือเซ็นทรัลได้มากขึ้นถึง 10 เท่าในช่วงครึ่งปีที่ผ่านมา"

นอกจากคอนเทนต์สำหรับสายช้อปที่มีทั้งคอนเทนต์รีวิวสินค้าและแคมเปญต่างๆ คอนเทนต์นำเสนอสินค้า Top 10 และคอนเทนต์ Must-Have ที่ต่างก็ได้รับความนิยมจากสมาชิก โดยมีตัวเลขผู้เข้าชมรวมสูงสุดจากทุกหมวด The 1 Today ยังนำเสนอบทความจาก 17 พันธมิตรสื่อไลฟ์สไตล์อย่างหลากหลาย ได้แก่ สายอัปเดตข่าว อาทิ เรื่องเล่าเช้านี้, Sanook! และ Infoquest สายคัลเจอร์ อาทิ The Standard Pop, Time Out Bangkok, Hello!, Soimilk, Soul4Street, Coundsheck's Journey และ ILI.U สายกิน อาทิ Gourmet & Cuisine, Krua.co และตามล่า Fine Dining และ สายดูดวง อาทิ aดวง, Horosociety พ. พาทินี และหมอจันทรา
#3409


นายกฤษณ มรกต รองกรรมการผู้จัดการอาวุโส ซีพีเอฟ กล่าวว่า บริษัทฯ เล็งเห็นถึงความปลอดภัยและความสะดวกสบายของผู้บริโภคเป็นสำคัญ โดยเฉพาะในช่วงการแพร่ระบาดโควิด-19 เช่นนี้ จึงจัดทำแคมเปญของไหว้สารทจีน โดยสามารถสั่งซื้อสินค้าผ่านช่องทางออนไลน์มากขึ้น เพื่อช่วยกระตุ้นสภาวะเศรษฐกิจโดยรวมได้อีกระลอก เพราะการไหว้สารทจีนเป็นอีกเทศกาลสำคัญของชาวจีนและชาวไทยเชื้อสายจีน ด้วยการยกทัพสินค้ามงคลชั้นดีที่ใช้ในการไหว้มาอย่างหลากหลาย โดยไฮไลต์ชุดของไหว้ในปีนี้ ได้แก่ "เกี๊ยวกุ้งจักรพรรดิ" โฉมใหม่! มีให้เลือก 2 แบบ ได้แก่ เกี๊ยวกุ้งแพกสุดคุ้มและเกี๊ยวกุ้งดิบ อร่อยเต็มคำทำจากกุ้งทั้งตัว วางจำหน่ายที่แม็คโครเท่านั้น นอกจากนี้ ยังมี "ไก่นางพญา" ไก่ต้มทั้งตัว เนื้อนุ่ม เพื่อความเจริญก้าวหน้าในหน้าที่การงาน "เป็ดนางฟ้า" เป็ดพะโล้และเป็ดย่าง เสริมอำนาจและวาสนา มีเงินทองเหลือเก็บ "ขาหมูจักรพรรดิ" ขาหมูและคากิเนื้อแน่น ถึงรสเครื่องพะโล้พร้อมน้ำจิ้มสูตรเด็ด เสริมความมั่งคั่งและความอุดมสมบูรณ์ รวมทั้งขาหมูเยอรมัน หมูดำซีพี-คุโรบูตะ เสริมความมั่นคง เงินทอง และสินค้าไหว้มงคลอื่นๆ อีกมากมาย ตามความเชื่อที่ว่าไหว้ของดีชีวิตเป็นมงคล

"สถานการณ์โควิด-19 และการล็อกดาวน์อีกหลายพื้นที่ในขณะนี้อาจกระทบต่อพฤติกรรมการจับจ่ายใช้สอยของผู้บริโภค ดังนั้น สินค้าที่สด สะอาด ปลอดภัยได้มาตรฐาน ในราคาเหมาะสมและถูกต้องตามประเพณีของชาวไทยเชื้อสายจีนที่สืบทอดต่อกันมายาวนานเป็นสิ่งสำคัญ ซีพีเอฟจึงผลิตและพัฒนาสินค้าแช่แข็งในแพกที่บรรจุอย่างดี ปิดสนิท สะอาด ง่ายต่อการซื้อหาไว้ล่วงหน้า สามารถแช่แข็งไว้ได้โดยที่ยังคงคุณภาพที่ดี คงคุณค่าทางโภชนาการ และยังเตรียมสะดวกด้วยรูปแบบบรรจุภัณฑ์ที่สามารถต้มในน้ำเดือดได้ (Boiled-in Bag) ทำให้ง่ายต่อการปรุงและเตรียมของไหว้ ลดภาระและความยุ่งยากให้แก่ผู้บริโภค โดยเพิ่มทางเลือกด้วยการเปิดจองและจำหน่ายผ่านทุกช่องทาง ที่เน้นความสะดวก รวดเร็ว และครบครัน" นายกฤษณกล่าว

สำหรับโปรโมชันพิเศษที่ห้างแม็คโคร เพียงซื้อชุดไหว้ครบ 999 บาท รับฟรี! กระเป๋าเก็บความเย็น มูลค่า 399 บาท หากซื้อครบ 1,500 บาท รับอั่งเปาส่วนลด 80 บาท และโปรโมชัน ซื้อหมูกรอบชาชู พิเศษจากราคา 259 บาท ลดเหลือ 249 บาท เมื่อซื้อ 1 แพก แถมกระเป๋าคล้องแขน 1 ใบ มูลค่า 129 บาท เริ่มตั้งแต่วันนี้ จนถึง 21 สิงหาคม 2564 หรือจนกว่าของแถมจะหมด เฉพาะสาขาที่ร่วมกิจกรรมเท่านั้น นอกจากนี้ ยังมีส่วนลดในช่องทางออนไลน์ ซื้อของไหว้ครบ 990 บาท รับส่วนลดทันที 80 บาท ติดตามได้ที่ Makro Click : https:// www.makroclick.com/th/campaign/cpf

นอกจากนี้ ยังสามารถหาซื้อได้ที่ CP FreshMart โลตัส ท็อปส์ ซูเปอร์มาร์เก็ตออนไลน์ และห้างสรรพสินค้าชั้นนำทั่วประเทศ พร้อมโปรโมชันพิเศษรับสารทจีนนี้เท่านั้น
#3410


ธนาคาร ซีไอเอ็มบี ไทย และ ธนาคาร ซีไอเอ็มบี ไนอาก้า อินโดนีเซีย ร่วมให้บริการชำระเงินผ่าน QR Code ระหว่างประเทศไทยและประเทศอินโดนีเซีย ตอกย้ำยุทธศาสตร์ของธนาคาร ซีไอเอ็มบี ไทย ในการก้าวเป็น 'a Digital-led with ASEAN Reach'

ภายใต้ความร่วมมือระหว่างธนาคารแห่งประเทศไทยและธนาคารกลางอินโดนีเซีย ธนาคาร ซีไอเอ็มบี ไทย เป็น 1 ใน 3 ธนาคารที่ได้รับความไว้วางใจในระดับภูมิภาคอาเซียนให้เป็นผู้ทำหน้าที่เป็นตัวแทนในการชำระดุล (Settlement Bank) ของประเทศไทย ในการชำระเงินผ่าน QR Code ระหว่างประเทศไทยและอินโดนีเซีย โดยธนาคาร ซีไอเอ็มบี ไทย จะเริ่มให้บริการเดือนกันยายน 2564  

คนไทยที่เดินทางไปอินโดนีเซีย สามารถใช้ CIMB THAI Digital Banking แอปพลิเคชันหลักของธนาคารบนมือถือ จ่ายเงินผ่าน QR Code ที่อินโดนีเซีย โดยสแกน QRIS (Quick Response Code Indonesian Standard) ซึ่งเป็น QR มาตรฐานของประเทศอินโดนีเซีย ขณะที่คนอินโดนีเซียที่เดินทางมาไทยสามารถใช้ OCTO Mobile แอปของธนาคาร ซีไอเอ็มบี ไนอาก้า ชำระสินค้าที่ไทย โดยสแกน Thai QR Code  เพิ่มความสะดวกสบายให้ทั้งนักท่องเที่ยวและร้านค้า เพราะปัจจุบัน การชำระเงินผ่าน QR Code เป็นวิธีการชำระและรับเงินได้ทันที มีประสิทธิภาพ ช่วยลูกค้าปลอดภัยเพราะไม่ต้องพกเงินสด และประหยัดค่าธรรมเนียมต่างๆ อาทิ ค่าธรรมเนียมการแลกเปลี่ยนสกุลเงินต่างประเทศ

นายพอล วอง ชี คิน กรรมการผู้จัดการใหญ่และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ธนาคาร ซีไอเอ็มบี ไทย เปิดเผยว่า "การชำระเงินข้ามพรมแดนผ่าน QR Code ระหว่างไทย-อินโดนีเซีย เป็นการเปิดช่องทางใหม่ในอาเซียน ประเทศที่ 2 แล้วของธนาคาร ซีไอเอ็มบี ไทย ที่เข้าไปมีส่วนร่วม และเป็นอีกก้าวสำคัญในการเชื่อมโยงการชำระเงินในอาเซียนให้กว้างยิ่งขึ้น เราตื่นเต้นที่จะได้เห็นคนอาเซียนเชื่อมโยงกันใกล้ชิด ผ่านการชำระเงินของผู้บริโภครายย่อยและร้านค้าแบบเรียลไทม์ เราหวังให้ภูมิภาคของเราสามารถควบคุมการแพร่ระบาดของไวรัส COVID-19 ได้โดยเร็ว และอาเซียนกลับมาเปิดประเทศกันได้อีกครั้ง" นายพอล วอง กล่าว

Mr. Tigor M. Siahaan, President Director & Chief Executive Officer, PT Bank CIMB Niaga Tbk เปิดเผยว่า "การขยายตัวของการชำระเงินด้วย QR Code ในอาเซียนสะท้อนให้เห็นถึงความก้าวหน้าในการบูรณาการทางการเงินระดับภูมิภาคผ่านนวัตกรรมดิจิทัลที่มองไปข้างหน้า และเป็นความภาคภูมิใจที่ ซีไอเอ็มบี ไนอาก้า ซีไอเอ็มบี ไทย และสมาชิกอื่นๆ ของกลุ่มซีไอเอ็มบีได้ทำงานร่วมกันอย่างใกล้ชิดเพื่อให้บริการลูกค้าของเราได้ดียิ่งขึ้นทั่วทั้งภูมิภาคอาเซียน"

ทั้งนี้ เมื่อเดือนมิถุนายน 2564 ธนาคาร ซีไอเอ็มบี ไทย ได้รับเลือกให้เป็นผู้ให้บริการ QR payment ระหว่างประเทศไทย และมาเลเซีย จากความร่วมมือระหว่างธนาคารกลางมาเลเซีย และธนาคารแห่งประเทศไทย
อนึ่ง กลุ่มซีไอเอ็มบี มีเครือข่ายครบทั้ง 10 ประเทศอาเซียน ทั้งการเป็นสาขาเต็มรูปแบบ สำนักงานตัวแทน และเครือข่ายธุรกิจ ตลอดจนผลิตภัณฑ์ทางการเงินที่เชื่อมโยงความเป็นอาเซียน อาทิ BizChannel@CIMB Mobile app ที่ให้ลูกค้าธุรกิจสามารถบริหารจัดการทุกบัญชี CIMB ทั่วอาเซียนได้ในแอปเดียว สำหรับลูกค้ารายย่อยผู้ถือบัตรเดบิต ของกลุ่มซีไอเอ็มบี สามารถกดเงินข้ามประเทศผ่านตู้ ATM ของกลุ่มซีไอเอ็มบีโดยไม่เสียค่าธรรมเนียม
#3411


นายกิจจา ศรีพัฑฒางกุระ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ราช กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ RATCH เปิดเผยว่า สำหรับแผนการเพิ่มทุนมูลค่า  30,000 ล้านบาท  เพื่อรองรับการเติบโตใน 5 ปีข้างหน้า (ปี 2564-2568 )หนุนกำลังการผลิตที่10,000 เมกะวัตต์ ขณะนี้อยู่ระหว่างการดำเนินการตามขั้นตอน คาดว่าแล้วเสร็จได้ภายในต้นปี2565

ทั้งนี้บริษัทอยู่ระหว่างเจรจาลงทุนโรงไฟฟ้าทั้งในและต่างประเทศหลายโครงการ ขนาดกำลังผลิตเกิน 100 เมกะวัตต์ขึ้นไป โดยขณะนี้มี 2  ดีล ทีี่มีความชัดเจน คาดสรุปหรือปิดดีลอย่างน้อย 1 ดีลในสิ้นปีนี้ ซึ่งเป็นโรงไฟฟ้าก๊าซธรรมชาติในประเทศ คาดใช้เงินลงทุนราว 4,000-5,000 ล้านบาท 

ส่วนอีก 1 ดีล คาดปีดดีลได้ในกลางปี 2565 เป็นโครงการลงทุนโรงไฟฟ้าขนาดใหญ่ในต่างประเทศ ทั้งพลังงานทดแทนและก๊าซธรรมชาติ คาดใช้เงินลงทุนค่อนข้างมาก จึงจำเป็นต้องใช้เงินเพิ่มทุนดังกล่าว และยังใช้เวลาเจรจรพอสมควร

"แผนขยายการลงทุนโรงไฟฟ้าในต่างประเทศสอดคล้องกับแผน 5 ปี มุ่งขยายโครงการโรงไฟฟ้าในอาเซียนและเอเชียแปซิฟิก เรา สนใจลงทุนเพิ่มเติมในไต้หวันและเกาหลีใต้ ขณะนี้อยู่ระหว่างการเจรจา จากปัจจุบันได้ลงทุนในเวียดนาม ออสเตรเลีย ฟิลิปปินส์ แล้ว"   


ขณะที่งบลงทุนในปีนี้และปีหน้า บริษัทเตรียมไว้ปีละ ่ 15,000 ล้านบาท อีกทั้งบริษัทยังมีวงเงินกู้จากสถาบันการเงินอีกราว 40,000-45,000 ล้านบาท และสามารถระดมทุนออกหุ้นกู้ในและต่างประเทศ ในจังหวะที่เหมาะสมได้อีก พร้อมรองรับการลงทุนในช่วงดังกล่าว 

สำหรับงบลงทุนปีนี้ที่ 15,000ล้านบาท เป็นลงทุนในโครงการเดิม 8,000 ล้านบาท และโครงการใหม่ 7,000 ล้านบาท โดยครึ่งหลังปีนี้ยังเหลืออีกราว 9,560 ล้านบาท ไว้รองรับการลงทุนโครงการใหม่และเดินหน้าโครงการลงทุนที่มีอยู่ ทั้งโรงไฟฟ้า และไม่ใช่โรงไฟฟ้า 

"ธุรกิจระบบสาธารณูปโภคพื้นฐาน ธุรกิจเกี่ยวเนื่องพลังงาน และธุรกิจด้านสุขภาพ กำลังขับเคลื่อนโครงการที่อยู่ระหว่างการศึกษาให้ไปสู่การร่วมทุนและดำเนินการเชิงพาณิชย์อย่างเป็นรูปธรรม ทั้งการร่วมทุนนวัตกรรมด้านไฟฟ้ากับกลุ่ม กฟผ.โครงการจัดตั้งโรงงานผลิตชีวมวลอัดแท่งในประเทศและสปป. ลาว ด้านสุขภาพขยายการลงทุนร่วมกับ บริษัท พริ้นซิเพิล แคปิตอล จำกัด (มหาชน) หรือ PRINC เป็นต้น" 

นายกิจจา กล่าวว่า แนวโน้มผลประกอบการครึ่งปีหลังคาดดีต่อเนื่องจากครึ่งปีแรกที่กำไรพุ่ง 72%  โดยครึ่งปีหลังในแง่ของรายได้พยายามบริหารจัดการ โรงไฟฟ้าที่มีอยู่ให้พร้อมจ่ายไฟให้มากที่สุด  ถ้าโรงไฟฟ้าพร้อมจ่ายผลตอบแทนก็เป็นไปตามเป้า จึงเชื่อมั่นว่าที่ตั้งไว้จะเป็นไปตามเป้าหรือมากกว่าเป้าหมาย เพราะครึ่งปีแรกยังทำได้ดีกว่าเป้าหมายค่อนข้างมาก             

ขณะที่กำลังผลิตในปีนี้มั่นใจว่าเป็นไปตามเป้าวางไว้ที่ 8,874เมกะวัตต์ จากครึ่งปีแรกทำได้แล้ว 8,290.34 เมกะวัตต์  และปัจจุบันมีโรงไฟฟ้าที่เดินเครื่องเชิงพาณิชย์ (COD) แล้ว 7,053เมกะวัตต์ คาดครึ่งปีหลังนี้จะ COD เพิ่มอีก 160 เมกะวัตตต์ ได้แก่ โรงไฟฟ้าพลังความร้อนร่วมเรียว อินโดนีเซีย และโรงไฟฟ้าพลังงานลมในเวียดนาม ที่จะ COD ในไตรมาส 4ปีนี้ รวมสิ้นปีจะมีโรงไฟฟ้า COD แล้ว 7,213เมกะวัตต์ 
#3412


วานนี้ ( 16 ส.ค.2564) โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สถากาชาดไทย และคณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ได้แถลงข่าว 'แพทย์จุฬาแจ้งข่าวดี ทดสอบวัคซีน ChulaCOV19 ในอาสาสมัคร เร่งวิจัยระยะต่อไป'

'ChulaCOV19' ทดลองในอาสาสมัครประสิทธิภาพเทียบเท่าไฟเซอร์
โดยมี ศ.นพ.สุทธิพงศ์ วัชรสินธุ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย และคณบดีคณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กล่าวว่ารพ.จุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย และศูนย์วิจัย คณะแพทยศาสตร์ จุฬาฯ ได้มีการพัฒนา วิจัย ต่อยอด คิดค้น ผลิตวัคซีน เพื่อใช้ในการป้องกันโรคต่างๆ มาให้แก่ประชาชน รวมถึง โรคโควิด-19 ได้มีการทดสอบวัคซีน ChulaCov19 ในอาสาสมัครในระยะที่ 1 และต่อเนื่องไปในระยะที่ 2 ภายใต้การควบคุมดูแลจากหลายภาคส่วน รวมถึงมีทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญของศูนย์วิจัยวัคซีน คณะแพทยศาสตร์ จุฬาฯ มาดูแลอย่างใกล้ชิด เพื่อให้ประชาชนเกิดความเชื่อมั่นในความปลอดภัยสูงสุดของการทดสอบฉีดวัคซีน 


ด้าน ศ.นพ.เกียรติ รักษ์รุ่งธรรม ผู้อำนวยการบริหารโครงการพัฒนาวัคซีนโควิด-19 ศูนย์วิจัยวัคซีน คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กล่าวว่าจากการพัฒนาวัคซีนนี้ได้รับการสนับสนุนจากสถาบันวัคซีนแห่งชาติ สำนักงานการวิจัยแห่งชาติ (วช.) ทุนศตวรรษที่สอง จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และเงินบริจาคจากสมาคมศิษย์เก่าแพทย์จุฬาฯ กองทุนบริจาควิจัยวัคซีน สภากาชาดไทย  

ทั้งนี้ วัคซีน ChulaCov19 เป็น วัคซีนชนิด mRNA ที่ได้มีการทดลองในสัตว์ทดลองทั้งหนู และลิง พบว่ามีประสิทธิภาพ สร้างภูมิคุ้มได้ในระดับสูง ต่อมามีทดลองในกลุ่มอาสาสมัคร อายุ 18-55 ปี จำนวน 36 คน ในเดือนมิ.ย. พบว่า  ไม่มีผลข้างเคียงรุนแรงใดๆ มีผลข้างเคียงอยู่ในระดับเล็กน้อยหรือปานกลาง เช่น มีอาการอ่อนเพลีย เป็นไข้ต่ำๆ และมีอาการหนาวสั่นบ้างในกลุ่มอาสาสมัครที่ได้เข็ม 2  ซึ่งอาการต่างๆ จะดีขึ้นภายในเฉลี่ยประมาณ1-3 วัน

สมัครผ่อนของ 0% 40 เดือนกับ Citi คลิกเลย

'ChulaCOV19' ป้องกันการข้ามสายพันธุ์โควิด-19
"ผลการทดลองในกลุ่มอาสาสมัครที่ฉีดวัคซีน  ChulaCov19 พบว่า สามารถกระตุ้นภูมิคุ้มกันชนิดแอนตี้บอดี้ ได้เทียบเท่ากับวัคซีนชนิด mRNA อย่าง ไฟเซอร์ โดยสามารถยับยั้งการจับโปรตีนที่กลุ่มหนามได้ 94% เท่ากับไฟเซอร์ 94%   รวมถึงสามารถกระตุ้นแอนตี้บอดี้ได้สูงมากในการยับยั้งสายพันธุ์ดั้งเดิม แอนตี้บอดี้ที่สูงนี้สามารถยับยั้งเชื้อข้ามสายพันธุ์ได้ทั้ง 4 สายพันธุ์ คือ อัลฟ่า เบต้า แกมม่า และเดลต้า อีกทั้งสามารถกระตุ้นภูมิคุ้มกันชนิด T-cell ซึ่งจะช่วยขจัดและควบคุมเชื่อที่อยู่ในเซลล์ของคนที่ติดเชื้อได้" ศ.นพ.เกียรติ กล่าว

วัคซีน ChulaCov19 เป็นการคิดค้นออกแบบและพัฒนาโดยคนไทยจากความร่วมมือสนับสนุนโดยคุณหมอนักวิทยาศาสตร์ผู้คิดคนเทคโนโลยีนี้คือ Prof.Drew Weissman มหาวิทยาลัยเพนซิลวาเนีย วัคซีน ChulaCov19 ผลิตโดยสร้างชิ้นส่วนขนาดจิ๋วจากสารพันธุกรรมของเชื้อไวรัสโคโรนา (โดยไม่มีการใช้ตัวเชื้อแต่อย่างใด) ซึ่งเมื่อร่างกายได้รับชิ้นส่วนของสารพันธุกรรมขนาดจิ๋วนี้เข้าไป จะทำการสร้างเป็นโปรตีนที่เป็นส่วนปุ่มหนามของไวรัสขึ้น (spike protein) และกระตุ้นให้เกิดการสร้างภูมิคุ้มกันไวเตรียมต่อสู้กับไวรัสเมื่อไปสัมผัสเชื้อ เมื่อวัคซีน mRNA ทำหน้าที่ให้ร่างกายสร้างโปรตีนเรียบร้อยแล้ว ภายในไม่กี่วัน mRNA นี้จะถูกสลายไปโดยไม่มีการสะสมในร่างกายแต่อย่างใด


 ทั้งนี้ การทดสอบดังกล่าว เป็นไปในระยะที่ 1 แบ่งออกเป็นสองกลุ่มอายุ จำนวน 72 คน

กลุ่มแรก เป็นอาสาสมัครผู้ที่มีอายุ 18-55 ปี ทดสอบจำนวน 36 คน
กลุ่มที่สอง เป็นอาสาสมัครผู้ที่มีอายุ 65-75 ปี ทดสอบจำนวน 36 คน
ในจำนวนสองกลุ่มข้างต้นจะแบ่งเป็นกลุ่มย่อยที่ฉีดวัคซีน 10 ไมโครกรัม,  25 ไมโครกรัม และ 50 ไมโครกรัม เพื่อดูว่า วัคซีน ChulaCov19 มีประสิทธิภาพสูงสุดที่ปริมาณเท่าใด เพราะปัจจุบันโมเดอร์นาใช้วัคซีนปริมาณ 100 ไมโครกรัม ส่วนไฟเซอร์ใช้ 30 ไมโครกรัม ทางศูนย์ฯ ต้องศึกษาว่าคนไทยหรือเอเชียเหมาะกับการฉีด 10 หรือ 25 หรือ 50 ไมโครกรัม  จะได้รู้ขนาดที่ปลอดภัยและกระตุ้นภูมิได้สูง หลังจากนั้นจึงเข้าสู่การทดสอบทางคลินิกระยะที่ 2

เดินหน้าเฟส 2 ทดลองในอาสาสมัคร 25 ส.ค.นี้
ศ.นพ.เกียรติ กล่าวต่อว่าผลการทดลองในกลุ่มอาสาสมัครเป็นการดำเนินการเบื้องต้น ซึ่งในปลายสัปดาห์นี้จะมีการประชุมหารือ เพื่อหาปริมาณของโดสที่ใช้ในการดำเนินการขั้นต่อไป  และการดำเนินการตอนนี้จะเป็นไปทีละขั้นตอนคงไม่ได้ เพราะต้องแข่งกับเวลา เราได้มีการดำเนินการในเฟส 2 แบ่งเป็น 2a และ2b ซึ่งในส่วนของ 2a จะมีการคัดกรองอาสาสมัคร 150 ท่าน  และคาดว่าจะเริ่มทดสอบเปรียบเทียบวัคซีน ChulaCov19 กับวัคซีนชนิด mRNA อย่างไฟเซอร์ ประมาณ 25 ส.ค.นี้  ก่อนจะดำเนินการในส่วน 2b ซึ่งจะใช้งบประมาณ 500-600 ล้านบาท 


ส่วนเฟส3 จะดำเนินการหรือไม่อย่างไรนั้น ต้องอยู่ที่กติกาของสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ซึ่งจะคาดว่าจะกำหนดกติกาการขึ้นทะเบียนวัคซีนชนิด mRNA ที่ผลิตโดยคนไทย จะออกมาในเดือนก.ย.นี้ ก็จะทำให้วัคซีนของคนไทยทั้ง 4 ทีม ได้รู้ว่าการจะขึ้นทะเบียนต้องดำเนินการอะไรบ้าง และหากกติกาอย. ให้สามารถขึ้นทะเบียนได้ในเฟส 2 โดยวัคซีนที่ผลิตโดยคนไทย มีประสิทธิภาพมากกว่าวัคซีนชนิด mRNA ที่นำเข้ามาจากต่างประเทศและได้ขึ้นทะเบียนในเมืองไทย เชื่อมั่นว่าภายในเม.ย.2565 ประเทศไทยจะมีวัคซีนชนิด mRNA ที่ผลิตโดยคนไทยใช้ในการกระตุ้นเข็ม 3 อย่างแน่นอน

ด่วน! ยอด 'โควิด-19' วันนี้ ตายสูง! พบเสียชีวิต 239 ราย ติดเชื้อเพิ่ม 20,128 ราย ไม่รวม ATK อีก 2,102 ราย
ด่วน! ราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์ นัดลงทะเบียนจองฉีดวัคซีนโควิด 20,000 ราย
'ChulaCOV19' ประสิทธิภาพเทียบเท่า 'ไฟเซอร์' คาดทันใช้กระตุ้นเข็ม 3
ตั้งเป้า'ChulaCov19' ผลิตใช้ฉีดให้คนไทยเม.ย.65
"ปี2565 เชื่อว่าคนไทยเกิน 80-70% ได้รับการฉีดวัคซีนโควิด-19 เป็นที่เรียบร้อยแล้ว ดังนั้น วัคซีนทั้ง 4 ทีม ที่คนไทยกำลังพัฒนา ผลิตอยู่นี้จะใช้เป็นการฉีดวัคซีนกระตุ้นเข็มที่ 3 โดยในส่วนของวัคซีน ChulaCov19 ถ้ากติกาของอย.ไม่จำเป็นต้องทดลองในเฟส 3 ประมาณเดือนเม.ย.ปี2565 คนไทยจะได้ฉีดวัคซีนดังกล่าวอย่างแน่นอน อีกทั้งวัคซีนชนิดนี้มีประสิทธิภาพในการป้องกันการข้ามสายพันธุ์ได้ดีมาก และตอนนี้มีข้อมูลยืนยันชัดเจน ว่าวัคซีน ChulaCov19 สามารถอยู่ในอุณหภูมิตู้เย็น (2-8 องศาเซลเซียส) ได้นานถึง 3 เดือน และเก็บในอุณหภูมิห้อง (25 องศาเซลเซียส) ได้นาน 2 สัปดาห์ ซึ่งทำให้การจัดเก็บรักษาง่ายกว่าวัคซีนโควิด-19 ชนิด mRNA ยี่ห้ออื่น เป็นอย่างมาก" นพ.เกียรติ กล่าว

นอกจากนั้น ขณะนี้ จุฬาฯ ได้มีการเตรียมโรงงานในการผลิตจากโรงงานของบริษัทไบโอเนท-เอเชีย จำกัด ในประเทศไทย ซึ่งมีการพัฒนาเทคโนโลยีการผลิตรองรับมาตั้งแต่ปีที่แล้ว ซึ่งหากผลการศึกษาวิจัยสำเร็จตามแผนจะใช้โรงงานแห่งนี้ในการผลิตวัคซีนโควิด ชนิด mRNAของจุฬาฯ โดยคาดว่าโรงงานจะสามารถผลิตได้ 30-50 ล้านโดสต่อปี ทำให้สามารถปิดช่องว่างวงจรการผลิตวัคซีนในไทยได้


4 ข้อที่จะทำให้ไทยมี 'วัคซีนโควิด-19' ของตนเอง
นพ.เกียรติ กล่าวด้วยว่า ตอนนี้คนไทยต้องงดเสพสื่อที่จะมองลบอย่างเดียว ถ้าประเทศไทยต้องการให้มีอย่างน้อย 1 ใน 4 วัคซีนที่ได้รับการรับรอง ภายในเม.ย.2565 ซึ่งการจะทำให้ไทยมีวัคซีนของตนเองได้นั้น ต้องมี 4 อย่าง คือ

1.ไทยต้องไม่บริหารระดมทุนแบบเดิม ต้องมีเป้าหมายร่วมกันทั้งภาครัฐ เอกชน และภาคปราชน ต้องมีงบที่เพียงพอรวดเร็ว และมีประสิทธิภาพ  ซึ่งในส่วนของวัคซีนนี้ ควรจะมีการระดมทุนกองไว้ 2,500-3,000 ล้านบาท เพราะถ้าทำถึง 2 b จะต้องใช้งบประมาณ 500-600 ล้านบาท แต่ถ้าจะเฟส 3 ซึ่งจะมีการทดลองในอาสาสมัครประมาณ 10,000 กว่าคน คาดว่าจะใช้งบประมาณ 1,500 ล้านบาท และอีก1,000 ล้านบาท สำหรับวัตถุดิบ โดยตอนนี้ได้มีการจองวัตถุดิบล่วงหน้าไว้แล้ว แต่ยังไม่มีเงินไปจองเขา ทำให้เราติดขัดในเรื่องนี้ หากมีระดมทุนกองไว้อย่างชัดเจน คาดว่าจะได้วัคซีน 1 ตัวขึ้นทะเบียนภายในปีหน้า อย่างไรก็ตาม โดยส่วนตัวถ้าระบบการบริหารติดกับดักราชการแบบไทย คงไม่สามารถทำได้

2.กติกาในการขึ้นทะเบียนวัคซีน ต้องมีกติกาออกมาชัดเจน ภายในเดือนก.ย. จากอย. ว่าการขึ้นทะเบียนจะต้องทำวิจัยระยะ2บี หรือระยะ3อย่างไรจึงจะเพียงพอ

3.โรงงานผลิต จะต้องเร่งดำเนินการ ให้สามารถผลิตวัคซีนที่มีคุณภาพและจำนวนมาก

4.นโยบายการจองและจัดซื้อวัคซีนล่วงหน้าต้องมีความชัดเจน

นพ.นคร เปรมศรี ผู้อำนวยการสถาบันวัคซีนแห่งชาติ กล่าวว่าการที่จุฬาฯ เดินมาถึงจุดนี้ได้เป็นเรื่องน่ายินดี อย่างมาก เพราะถือเป็นการพัฒนาวัคซีนโควิด-19 ในไทย ซึ่งเป็นเรื่องที่มีความท้าทาย เนื่องจากทั้งการศึกษาวิจัย องค์ความรู้ เทคโนโลยี และการพัฒนาวัคซีนในขั้นตอนต่างๆ ที่ต้องเร่งแข่งกับเวลา การที่จุฬา ได้ดำเนินการทดลองในอาสาสมัครเป็นเรื่องน่ายินดี และชื่นชม สถาบันวัคซีนฯมีทิศทางสนับสนุนการพัฒนาวิจัยพัฒนาวัคซีนในประเทศอย่างชัดเจน แต่การที่มีทุนสนับสนุนอย่างเดียวไม่เพียงพอ ต้องมีนักวิจัยที่เก่ง และออกแบบงานวิจัยได้ดี

"แม้ว่าเราจะทำได้ช้ากว่า แต่เราก็ได้วัคซีนที่เมื่อมาเปรียบเทียบกับวัคซีนชนิด mRNA ที่มีอยู่ ประสิทธิภาพไม่ได้ด้อยกว่า ซึ่งเชื่อว่าถ้าเราทดลองในระยะที่ 2 จะทำให้เรามีวัคซีนใช้เอง มีความยั่งยืน ยืนอยู่บนขาตัวเอง อีกทั้งรูปแบบการพัฒนาวัคซีนสามารถใช้ในการป้องกัน และรักษาโรคอื่นได้ นอกเหนือจากโควิด-19 ถ้าเราสามารถวิจัยพัฒนาวัคซีนชนิด mRNA   ได้สำเร็จก็จะเป็นพื้นฐาน ในการรับมือกับโรคติดต่ออุบัติใหม่ และโรคมะเร็งต่างๆ ต่อไป"นพ.นคร กล่าว
#3413


เมื่อเวลา 16.00 น. วันที่ 16 สิงหาคม 2564 ที่ สภ.เมืองพิจิตร ร.ต.อ.วินัย อาสว่าง รอง สว.(ป.) กก.สืบสวน ภ.จว.พิจิตร นำเอาสลากกินแบ่งรัฐบาล งวดประจำวันที่ 16 ส.ค.2564 หมายเลข 046750 จำนวน 5 ใบ ซึ่งถูกรางวัลที่ 1 รวมเงินรางวัล 30 ล้านบาท  เข้าแจ้งความไว้เป็นหลักฐานกับ ร.ต.ท.(หญิง)ศิราณี บัวพันธ์ รอง สว.(สอบสวน) สภ.เมืองพิจิตร โดย ร.ต.อ.วินัย จะเกษียณอายุราชการ 30 ก.ย.2564

ร.ต.อ.วินัย เปิดเผยกับผู้สื่อข่าวว่า ก่อนหน้านี้ ได้ไปไหว้หลวงพ่อเพชร พระคู่บ้านคู่เมือง จ.พิจิตร พระประธานในโบสถ์วัดท่าหลวง พระอารามหลวง อ.เมืองพิจิตร โดยขอพรว่าขอให้ถูกลอตเตอรี่รางวัลที่ 1 ตนและครอบครัวจะนำเงินไปทำบุญเพื่อสร้างหลังคาโบสถ์ที่ทางวัดท่าหลวงกำลังซ่อมแซมอยู่ 1 ล้านบาท โดยได้ซื้อเลขทะเบียนของรถตู้ ยี่ห้อโตโยต้า สีเทา ของตนเอง ทะเบียน ฮย 5750 กทม. ที่ค้างส่งมาหลายงวด โดยซื้อลอตเตอรี่หมายเลขดังกล่าวที่แผงขายลอตเตอรี่ข้างพระอุโบสถวัดท่าหลวง มา 5 ใบ และทราบว่าถูกรางวัลที่ 1 เมื่อทางกองสลากประกาศผลออกมา


"สำหรับเงินจากโชคครั้งนี้ ตนจะนำไปทำบุญซ่อมแซมหลังคาโบสถ์วัดท่าหลวงตามที่ได้บนไว้ ส่วนเงินที่เหลือจะใช้หนี้ที่มี และเป็นทุนการศึกษาให้กับลูก 2 คน และเก็บไว้ใช้ในยามเกษียณอีกไม่กี่เดือนนี้" ผู้กองดวงเฮงกล่าวทิ้งท้าย
#3414


ผศ.ธารีทิพย์ ทากิ อาจารย์ประจําสาขาการโรงแรมและธุรกิจอาหาร คณะการท่องเที่ยวและ การโรงแรม มหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์ เผยถึง "ข้อเสนอทางรอด" ของธุรกิจร้านอาหาร และผู้เกี่ยว ข้องทุกฝ่ายว่า จากการจัดเวทเสวนาแบบกลุ่มย่อยหรือ "โฟกัสกรุ๊ป" โดยเชิญตัวแทนผู้ประกอบการร้าน อาหารและผู้ให้บริการแพลตฟอร์มหรือแอปพลิเคชั่นฟู้ดเดลิเวอรี่ เข้าร่วมประชุมผ่านช่องทางออนไลน์ เพื่อรับฟังความคิดเห็น สรุปประเด็นปัญหา และข้อเสนอแนะจากทุกฝ่าย เมื่อเร็วๆ นี้

ได้ข้อสรุปว่ามาตรการกระตุ้นการใช้จ่ายหรือโครงการส่งเสริมยอดขายเพื่อสร้างรายได้ของร้านอาหารให้เพิ่มขึ้น คือ การตอบโจทย์ของทุกปัญหาที่ผู้ประกอบการร้านอาหารและผู้เกี่ยวข้องทั้งหมดต้องการจะเห็น เพราะรายได้จากยอดขายที่เพิ่มขึ้น ไม่ว่าจะมาจากช่องทางใดก็ตาม นอกจากจะช่วยให้ผู้ประกอบการ ร้านอาหาร ได้มีสภาพคล่องทางการเงินและมีเงินทุนหมุนเวียน สามารถหล่อเลี้ยงธุรกิจและ แรงงานภาค บริการภายในร้านแล้ว ยังช่วยส่งเสริมและกระจายรายได้ไปถึงไรเดอร์ (Rider) หรือคนขับผู้จัดส่งอาหาร และผู้ให้บริการแพลตฟอร์มฯ รวมถึงเพิ่มทางเลือกในการตัดสินใจสั่งซื้ออาหารของผู้บริโภคได้เป็นอย่างดี





"ส่วนตัวเห็นด้วยกับนโยบายล่าสุดของรัฐบาลที่ผ่อนปรนให้มีการขายอาหารภายในห้างสรรพสินค้าได้ รวมถึงเปิดโอกาสให้ผู้บริโภคสามารถสั่งซื้ออาหารผ่านแอปพลิเคชั่นฟู้ดเดลิเวอรี่ เพื่อเป็นทางเลือกในการ ตัดสินใจช่วงที่มีการประกาศล็อกดาวน์ แต่ภาครัฐและทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องจะต้องช่วยกันสร้างโอกาสในการ เพิ่มยอดขาย เพื่อสร้างรายได้ให้กับร้านอาหาร เพราะรายได้จากยอดขายที่เพิ่มขึ้น จะช่วยลดปัญหาต่างๆ ในสถานการณ์ปัจจุบันได้เป็นอย่างดี"

ผศ.ธารีทิพย์ ย้ำว่า ทางรอดที่จะนำไปสู่การสร้างยอดขายหรือรายได้ให้เพิ่มขึ้น ซึ่งผู้ประกอบการทุกกลุ่มได้ นำเสนอ กระทั่ง สรุปเป็นประเด็นที่มีโอกาสความเป็นไปได้นั้น ประกอบด้วย 4 แนวทาง ดังนี้

1.เพิ่มช่องทางขายออนไลน์ ผู้ประกอบการร้านอาหารควรเร่งปรับตัวเพื่อให้สามารถเข้าถึงลูกค้าผ่าน ช่องทางออนไลน์ โดยเฉพาะการ ให้บริการผ่านแอปพลิเคชั่นฟู้ดเดลิเวอรี่ เนื่องจากเป็นช่องทางที่ดีและ เหมาะสมที่สุดในยามนี้ ทั้งนี้ จากการสัมภาษณ์พบว่าร้านอาหารมีรายได้ที่เพิ่มขึ้นจากยอดสั่งซื้ออาหาร ผ่านช่องทางนี้สูงถึงร้อยละ 60-70% เมื่อเทียบกับการขายหน้าร้านเพียงอย่างเดียว แสดงให้เห็นว่าสิ่งที่ สำคัญสำหรับผู้ประกอบการคือการ กระตุ้นยอดขายให้มากขึ้นในช่องทางออนไลน์ ในช่วงเวลาที่ยอดขาย จากการนั่งทานในร้านหายไป เพื่อให้เกิดสภาพคล่องและยังคงประคับประครองธุรกิจให้ดำเนินต่อไปได้

2.โปรโมทร้านสร้างยอดขายจากโปรโมชั่น ผู้ประกอบการร้านอาหารจะต้องโปรโมทตัวเองให้เป็นที่รู้จัก ของลูกค้า เนื่องจากในแต่ละแฟลตฟอร์มฟู้ดเดลิเวอรี่มีร้านอาหารมาเข้าร่วมเป็นจำนวนมาก ร้านอาหารที่มี ชื่อเสียงเป็นที่รู้จัก หรือทำการโปรโมทไปก่อนหน้านี้จะมีโอกาสได้รับความสนใจและสั่งซื้อมากกว่าร้านที่ไม่ เคยทำการโปรโมทฯมาก่อน แต่ก็ต้องแลกกับภาระต้นทุนที่เพิ่มขึ้น ทั้งนี้ มีผู้ประกอบการบางรายที่เข้าร่วม ในทุกแพลตฟอร์มฯและโหมทำการโปรโมทร้านค้าตัวเองจนยอดขายเพิ่มขึ้นมากถึงร้อยละ 90 ถึงจะแลก กับการจ่ายเงินค่าการตลาดที่เพิ่มขึ้นมา แต่ทำให้ร้านมีชื่อเสียงเป็นที่รู้จักของผู้บริโภค และนำมาซึ่งยอด ขายตามมาในอนาคต



3.เข้าร่วมโครงการสนับสนุนจากภาครัฐ โดยมาตรการต่างๆ ของภาครัฐมีส่วนช่วยลดภาระต้นทุนใน การขนส่งอาหารให้กับผู้บริโภค เพราะสิ่งนี้จะเป็นตัวตัดสินใจสั่งซื้ออาหารของผู้บริโภค เนื่องจากนโยบาย

ของรัฐในช่วงที่ผ่านมาส่งผลโดยตรงอย่างมากต่อการปรับเปลี่ยนการใช้ชีวิตของผู้คน และอาหารก็เป็นสิ่งที่ ผู้คนจะต้องบริโภคทุกวันๆ ละ 2-3 มื้อ ดังนั้น หากผู้บริโภคต้องแบกรับภาระค่าขนส่งฯมากเกินไป อาจ กระทบต่อการตัดสินใจสั่งซื้ออาหาร ทั้งนี้ การที่ภาครัฐเตรียมจะเปิดโอกาสให้ผู้มีสิทธิในโครงการคนละครึ่ง สามารถสั่งซื้ออาหารผ่านแอปพลิเคชั่นฟู้ดเดลิเวอรี่ ถือเป็นอีกความช่วยเหลือที่ดีแก่ผู้บริโภคและผู้เกี่ยวข้อง กลุ่มอื่นๆ แต่ก็เป็นคนละส่วนกับการช่วยลดภาระด้านต้นทุนการขนส่งฯที่ภาครัฐจะต้องให้น้ำหนักความ สำคัญแยกออกมาต่างหาก

และ 4.สร้างจุดขายผ่าน CSR ผู้ประกอบการร้านอาหารจะต้องมองหาพันธมิตรองค์กร ทั้งจากภาครัฐ และเอกชน ที่มีนโนบายด้านสังคม (CSR) ด้วยการรับผลิตอาหารชุด (กล่อง) เพื่อนำไปบริจาคให้กับ ผู้ป่วยโควิด-19 และบุคลากรทางการแพทย์ที่อยู่ในโรงพยาบาล, โรงพยาบาลสนาม และศูนย์พักคอยผู้ป่วย โควิดฯแม้จะไม่ใช่เรื่องง่ายแต่ก็เป็นสิ่งจำเป็นที่ผู้ประกอบการร้านอาหารจะต้องพยายามทำควบคู่ไปกับแนวทางอื่นๆ เพื่อเพิ่มยอดขาย

"เห็นได้ชัดว่า ทั้ง 4 แนวทางที่สรุปจากข้อเสนอของทุกฝ่ายนั้น ล้วนส่งผลไปถึงการสร้างรายได้จากยอดขาย ที่เพิ่มขึ้น ตรงกับความต้องการแท้จริงของทุกฝ่ายที่จะได้ประโยชน์จากสิ่งนี้ โดยเฉพาะกลุ่มผู้ประกอบการ ร้านอาหาร กลุ่มคนขับหรือไรเดอร์, ผู้ให้บริการแฟลตฟอร์มฯ แม้กระทั่ง ผู้บริโภคฯเอง ส่วนประเด็นเรื่องค่า GP หรือค่าคอมมิชชันที่ผู้ให้บริการแฟลตฟอร์มฯคิดกับร้านอาหารฯตามข้อเสนอที่ภาครัฐเคยมีก่อนหน้านี้ นั้น ผู้ประกอบการร้านอาหารส่วนใหญ่กลับมองเห็นว่า เรื่องนี้ยังไม่สำคัญเท่ากับการกระตุ้นให้เกิดการ สั่งซื้ออาหาร ที่จะนำไปสู่การเพิ่มยอดขายและสร้างรายได้ให้กับพวกเขา เพื่อแก้ไขปัญหาทั้งมวลที่เกิดขึ้น ในทุกวันนี้ และเข้าใจดีว่าแพลตฟอร์มเองก็มีต้นทุนที่ต้องรับผิดชอบ โดยเฉพาะค่าตอบแทนของไรเดอร์ และค่าทำการตลาดที่สำคัญต่างๆ อีกทั้งมองว่าการลดค่า GP ของแพลตฟอร์ม อาจนำมาซึ่งผลกระทบต่อ ผู้เกี่ยวข้องฝ่ายหนึ่งฝ่ายใดอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ และไม่ใช่การแก้ปัญหาที่ยั่งยืน" อาจารย์มหาวิทยาลัย ธุรกิจบัณฑิตย์ กล่าวสรุป
#3415


การระบาดของโรคโควิด-19 ในประเทศไทยนับตั้งแต่ระลอกแรกในเดือน ม.ค.2563 ถึงระลอกปัจจุบัน วันที่ 15 ส.ค.2564 มีผู้ติดเชื้อในประเทศไทยรวม 907,157 คน ซึ่งรัฐบาลต้องจัดงบประมาณหลายส่วนเพื่อรับมือการระบาด โดยเฉพาะการออก พ.ร.ก.ให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงิน 2 ฉบับ วงเงินรวม 1.5 ล้านล้านบาท ซึ่งงบประมาณที่อนุมัติสำหรับเป็นค่าใช้จ่ายด้านสาธารณสุขไปแล้วมากกว่า 1 แสนล้านบาท

รายงานข่าวจากทำเนียบรัฐบาล ระบุว่า สํานักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) ได้สรุปการใช้งบประมาณจาก พ.ร.ก.ให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อแก้ไขปัญหา เยียวยา และฟื้นฟูเศรษฐกิจและสังคม ที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 พ.ศ.2563 วงเงิน 1 ล้านล้านบาท ได้จัดสรรสำหรับแผนงานด้านสาธารณสุขรวม 45,000 ล้านบาท แต่การระบาดที่มีอย่างต่อเนื่องส่งให้งบประมาณที่ตั้งไว้ไม่เพียงพอและต้องโยกงบประมาณจากแผนงานฟื้นฟูเศรษฐกิจเข้ามารวมแล้วจัดสรรให้ด้านสาธารณสุขรวม 63,900 ล้านบาท ผ่านการอนุมัติ 51 โครงการ แบ่งเป็น 5 ด้าน คือ

1.แผนงานเพื่อรองรับค่าใช้จ่ายสำหรับบุคลากรทางการแพทย์ 4 โครงการ วงเงิน 6,301 ล้านบาท เบิกจ่ายไปแล้ว 6,666 ล้านบาท หรือคิดเป็น 74.05%

2.แผนงานหรือโครงการเพื่อจัดซื้อหาอุปกรณ์การแพทย์และสาธารณสุขวัคซีนป้องกันโรคและห้องปฏิบัติการทางการแพทย์ 20 โครงการ วงเงิน 15,250 ล้านบาท เบิกจ่ายแล้ว 1,606 ล้านบาท คิดเป็น 10.53%

3.แผนงานหรือโครงการเพื่อรองรับค่าใช้จ่ายที่จำเป็นต่อการบำบัดรักษา ป้องกันควบคุมโรค 5 โครงการ วงเงิน 30,360 ล้านบาท เบิกจ่ายแล้ว 17,334 ล้านบาท คิดเป็น 57.10%

4.แผนงานหรือโครงการเพื่อเตรียมความพร้อมด้านสถานพยาบาล 14 โครงการ วงเงิน 10,257 ล้านบาท เบิกจ่ายแล้ว 1,822 ล้านบาท คิดเป็น 17.77%

5.แผนงานหรือโครงการด้านสาธารณสุขเพื่อรับมือสถานการณ์ฉุกเฉินอันเนื่องมาจากการระบาดของโควิด 8 โครงการ วงเงิน 1,727 ล้านบาท เบิกจ่าย 180 ล้านบาทคิดเป็น 10.43%

ทั้งนี้ รวมแล้วโครงการตามแผนงานด้านสาธารณสุขที่อนุมัติไว้ 63,897 ล้านบาท เบิกจ่าย 25,610 ล้านบาท คิดเป็น 40.08%


"สาธารณสุข" ทยอยขอใช้งบกลาง

นอกจากนี้ กระทรวงสาธารณสุขได้รับการอนุมัติจากคณะรัฐมนตรี (ครม.) ให้ใช้งบกลาง 2564 เพื่อใช้ควบคุมสถานการณ์การระบาดของโรคโควิด-19 ไม่น้อยกว่า 40,000 ล้านบาท ประกอบด้วย

1.โครงการเตรียมความพร้อมแก้ไขปัญหาโควิด-19 ระลอก เม.ย.2563 ระยะเวลาดำเนินการตั้งแต่ ก.ค.-ก.ย.2564 วงเงิน 12,669 ล้านบาท ครม.อนุมัติเมื่อวันที่ 10 ส.ค.2564

2.โครงการฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19 นอกสถานพยาบาล 1,877 ล้านบาท ครม.อนุมัติวันที่ 10 ส.ค.2564

3.โครงการเตรียมพร้อมแก้ไขปัญหาโควิด-19 ระลอก เม.ย.25654 วงเงิน 12,567 ล้านบาท ครม.อนุมัติวันที่ 5 พ.ค.2564

4.โครงการจัดหาวัคซีน Sivovac จำนวน 500,000 โดส วงเงิน 321 ล้านบาท ครม.อนุมัติวันที่ 17 เม.ย.2564

5.โครงการจัดหาวัคซีน AstraZeneca จำนวน 35 ล้านโดส วงเงิน 6,387 ล้านบาท ครม.อนุมัติวันที่ 2 มี.ค.2564

6.โครงการเตรียมความพร้อมแก้ไขปัญหาโควิด-19 ระยะการระบาดระลอกใหม่ วงเงิน 4,661 ล้านบาท ครม.อนุมัติวันที่ 5 ม.ค.2564

7.โครงการจัดหาวัคซีน AstraZeneca 2,379 ล้านบาท ครม.อนุมัติวันที่ 17 พ.ย.2563

งบค่าตอบแทนบุคลากร-จ้างเหมา

ทั้งนี้ หากดูรายละเอียดการประชุม ครม.ครั้งล่าสุดเมื่อวันที่ 10 ส.ค.2564 อนุมัติโครงการการเตรียมความพร้อมแก้ไขปัญหาโควิด-19 ระลอก เม.ย.2563ระยะเวลาดำเนินการตั้งแต่ ก.ค.-ก.ย.2564 ซึ่งเป็นการขยายโครงการต่อจากโครงการเดิมที่ ครม.เคยอนุมัติไว้เมื่อวันที่ 5 พ.ค.2564 เพื่อดำเนินการจ่ายค่าตอบแทน ได้แก่ ค่าตอบแทนเสี่ยงภัย ค่าล่วงเวลา (OT) ค่าตอบแทนคณะทำงาน ผู้เชี่ยวชาญ ที่ปรึกษา บุคคลภายนอก ค่าใช้สอย ได้แก่ ค่าอำนวยการและสั่งการเชิงบูรณาการ และค่าจ้างเหมาบริการอื่นๆ

นอกจากนี้ กระทรงวสาธารณสุขรายงานว่าการดำเนินการดังกล่าวจะรองรับมาตรการการแก้ไขปัญหาโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ตามนโยบายของรัฐบาล เพื่อลดจำนวนการติดเชื้อโควิด-19 ลดการแพร่ระบาดในวงกว้าง และลดอัตราการเสียชีวิตของประชากรในประเทศไทย ให้ผู้รับบริการสามารถเข้าถึงระบบการบริการของสถานพยาบาลและหน่วยบริการ ได้อย่างทั่วถึงสะดวกและรวดเร็ว


นายเดชาภิวัฒน์ ณ สงขลา ผู้อำนวยการสำนักงบประมาณ กล่าวกับ "กรุงเทพธุรกิจ" ว่า ในการบริหารจัดการเงินกู้ตาม พ.ร.ก.ให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจและสังคมจากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 เพิ่มเติม พ.ศ.2564 วงเงิน 500,000 ล้านบาท ของรัฐบาล ซึ่งในส่วนนี้มีคณะกรรมการกลั่นกรองโครงการที่มีเลขาธิการ สศช.พิจารณาดูแลตามความเหมาะสมอยู่ 

สำหรับวงเงินงบประมาณสำหรับแผนงานด้านสาธารณสุขที่มีการตั้งวงเงินไว้ 30,000 ล้านบาท ซึ่งในส่วนนี้ก็สามารถที่จะบริหารจัดการโดยโยกเอางบประมาณในส่วนของเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบจากการระบาด และงบประมาณแผนงานการฟื้นฟูเศรษฐกิจมาใช้ได้หากมีความจำเป็นซึ่งในการกู้เงินครั้งหลังนี้วางเงื่อนไขที่ยืดหยุ่นมากขึ้น 

ส่วนงบประมาณที่ไว้ใช้รับมือกับการแพร่ระบาดของโควิด-19 ที่มีแนวโน้มยืดเยื้อออกไปนอกจากงบประมาณรายจ่ายประจำปี 2565 ที่มีงบกลาง วงเงิน 89,000 ล้านบาท ยังมีงบกลางฯโควิด-19 ที่มีการแปรญัตติไว้ที่วงเงิน 16,000 ล้านบาท ซึ่งในส่วนนี้การใช้จ่ายจะคล้ายกับงบกลาง 40,000 ล้านบาท ที่เป็นงบกลางสำหรับใช้ในสถานการณ์โควิดในปีงบประมาณ 2564 ซึ่งวงเงินนี้ส่วนใหญ่ไว้ใช้ในเรื่องของสาธารณสุข การซื้อยาเวชภัณฑ์และเครื่องมือการแพทย์ในช่วงที่มีสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 และส่วนนี้ถือว่ามีความจำเป็นที่รัฐบาลจะมีเงินอีกส่วนไว้ใช้ในสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ที่ยังคงมีการระบาดต่อไปอีกระยะ 

คาดต้องการงบสาธารณสุขสูง

นายเดชาภิวัฒน์ กล่าวว่า วงเงินจำนวนนี้หากเทียบกับรายจ่ายด้านสาธารณสุขที่มีจำนวนมากก็จะเห็นว่าไม่ใช่วงเงินที่มากนัก โดยเมื่อวันที่ 10 ส.ค.ที่ผ่านมามีการอนุมัติงบกลาง 2564 ให้กระทรวงสาธารณสุขเป็นค่าใช้จ่าย ค่าจ้างล่วงเวลาสำหรับบุคลากรทางการแพทย์ในช่วงเดือน ก.ค.-ก.ย.ก็ใช้งบประมาณมากถึง 12,600 ล้านบาท ทำให้เห็นว่าความต้องการใช้วงเงินงบประมาณด้านสาธารสุขยังคงมีมากในสถานการณ์ช่วงนี้ 
#3416


บริษัท พฤกษา โฮลดิ้ง จำกัด (มหาชน) หรือ PSH  แจ้งตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) ว่า บริษัทมีกำไรสําหรับไตรมาส 2/2564 เท่ากับ 427 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 2.4%เมื่อเทียบช่วงเดียวกันปีก่อนและ 6 เดือนแรกของปี2564 เท่ากับ 1,034 ล้านบาท ลดลง22.8% โดยหลักมาจากต้นทุนขายอสังหาริมทรัพย์ เพิ่มขึ้น 754 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 8.6% 

ครึ่งปีแรก 2564บริษัทมีรายได้รวม 13,289 ลา้นบาท ลดลง 0.8%เมื่อเทียบช่วงเดียวกันปีก่อน โดยมีภาพรวมกลุ่มธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ มีรายได้ 13,222 ล้านบาท ลดลง 0.6% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อน จากรายได้อาคารชุดลดลง 1,750ล้านบาทหรือ ลดลง35.6% ขณะที่รายได้บ้านทาวน์เฮาส์เพิ่มขึ้น  1,153 ล้านบาท หรือ เพิ่มขึ้น 19.9%  รายไดจากบ้านเดี่ยว เพิ่มขึ้น  543 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น  21%  ทางด้านมีอัตรากำไรขั้นต้น27.5% ลดลงจากช่วงเดียวกันปีก่อน 34.0%  มาจากอตัราต้นทุนขายที่เพิ่มขึ้นและต้นทุนกิจการโรงพยาบาลวิมุต

ครึ่งปีแรก 2564บริษัทมีรายได้รวม 13,289 ลา้นบาท ลดลง 0.8%เมื่อเทียบช่วงเดียวกันปีก่อน โดยมีภาพรวมกลุ่มธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ มีรายได้ 13,222 ล้านบาท ลดลง 0.6% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อน จากรายได้อาคารชุดลดลง 1,750ล้านบาทหรือ ลดลง35.6% ขณะที่รายได้บ้านทาวน์เฮาส์เพิ่มขึ้น  1,153 ล้านบาท หรือ เพิ่มขึ้น 19.9%  รายไดจากบ้านเดี่ยว เพิ่มขึ้น  543 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น  21%  ทางด้านมีอัตรากำไรขั้นต้น27.5% ลดลงจากช่วงเดียวกันปีก่อน 34.0%  มาจากอตัราต้นทุนขายที่เพิ่มขึ้นและต้นทุนกิจการโรงพยาบาลวิมุต

ณ วันที่ 30 มิถุนายน 2564 กลุ่มธุรกิจอสังหาฯ มีโครงการที่เริ่มเปิดขายและยังดำเนินงานอยู่ (Active Poiet) จำนวน 150 โครงการ มูลค่ารวมโครงการ (Total projed value) 161.697 ล้านบาท แบ่งเป็นกลุ่มผลิตภัณฑ์ทาวน์เฮ้าส์ จำนวน 86 โครงการ มูลค่ารวม 70,295 ล้านบาท บ้านเดี่ยวจำนวน 41 โครงการ มูลค่รวม 44.941  ล้านบาท  โครงการอาคารชุดจำนวน 23 โครงการ มูลค่รวม 46,461 ล้านบาท


ณ วันที่ 30 มิถุนายน 2564 บริษัทมีสินทรัพย์รวมเท่ากับ 75.,118 านบาท โดยลดลง จากอสังหาริมทรัพย์พัฒนาเพื่อขายเป็นหลัก และบริษัทมีหนี้สินที่มีภาระดอกเบี้ย ประกอบด้วย เงินกู้ยืมระยะสั้นจากสถาบันการเงินจำนวน  1,150 ล้านมาท เงินกู้ยืมระยะยาว จำนวน 3,457 ล้านบาท และหุ้นกู้จำนวน 18,250 ล้านบาท ทั้งนี้เพื่อใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนและบริหารสภาพคล่องของบริษัท
#3417


The 1 ผู้นำด้านดิจิทัลไลฟ์สไตล์และลอยัลตี้แพลตฟอร์มอันดับ 1 ของไทย จับมือ กลุ่มโรงพยาบาลในเครือบางปะกอกและปิยะเวท ส่งเสริมการดูแลสุขภาพและบริการทางการแพทย์ให้สมาชิก The 1 มอบสิทธิประโยชน์ให้สมาชิกสามารถสะสมและแลกคะแนน The 1 พร้อมมอบสิทธิพิเศษตลอดทั้งปีในการรับบริการด้านสุขภาพผ่านแอปพลิเคชั่นThe 1

ความร่วมมือในครั้งนี้ ได้เริ่มนำร่องแล้วที่โรงพยาบาลปิยะเวท และ โรงพยาบาลบางปะกอก 9 อินเตอร์เนชั่นแนล และจะขยายต่อไปยังโรงพยาบาลอื่นๆ ในเครือโรงพยาบาลบางปะกอกจนครบทุกสาขาภายในปีนี้ซึ่งนอกจากสมาชิก The 1 จะได้รับสิทธิประโยชน์ในการสะสมและแลกคะแนน The 1 เมื่อเข้ารับบริการที่โรงพยาบาลในเครือบางปะกอกและปิยะเวททั้ง 7 แห่งแล้ว จะยังได้รับสิทธิพิเศษเพิ่มเติมในด้านบริการสุขภาพ อาทิ โปรแกรมตรวจสุขภาพ โปรแกรมวัคซีน และโปรแกรมดูแลความงาม รวมกว่า 10 รายการ ซึ่งสามารถกดรับสิทธิ์และแสดงบาร์โค้ดสมาชิกเพื่อเข้ารับบริการ พร้อมสะสมและแลกคะแนนได้ผ่านทางแอปพลิเคชั่น The 1

"กวิน ตั้งอุทัยศักดิ์" กรรมการผู้จัดการ บริษัท เดอะวันเซ็นทรัล จำกัด กล่าวว่า "The 1 ให้ความสำคัญกับการสร้างเครือข่ายพันธมิตรใน ecosystem เพื่อนำเสนอประสบการณ์รูปแบบใหม่ๆ ที่ครอบคลุมทุกแง่มุมการใช้ชีวิต ซึ่งบริการด้านสุขภาพและการแพทย์นับเป็นสิ่งที่สมาชิกของเราให้ความสำคัญมากขึ้น โดยเฉพาะในช่วงที่COVID-19 กำลังแพร่ระบาดในปัจจุบัน"
"โรงพยาบาลในเครือบางปะกอกและปิยะเวทมีความเชี่ยวชาญทางการแพทย์แบบองค์รวมซึ่งมีสาขาหลายแห่งในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑล รวมทั้งศูนย์บริการสุขภาพและความงามที่ได้มาตรฐาน จึงนับเป็นการยกระดับการดูแลลูกค้าของเราให้สามารถเข้าถึงบริการทางการแพทย์และบริการด้านสุขภาพที่ตอบโจทย์ความต้องการของสมาชิกที่หลากหลายทั้งด้านเพศ วัย พื้นที่ ไลฟ์สไตล์และความสนใจและช่วยเติมเต็มประสบการณ์ที่ The 1 มอบให้กับสมาชิกได้อย่างครบวงจรภายใต้แนวคิด Your Everyday Lifestyle Application"

"แพทย์หญิงเจรียง จันทรกมล" ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร โรงพยาบาลในเครือบางปะกอก-ปิยะเวท กล่าวว่า "โรงพยาบาลในเครือบางปะกอกและปิยะเวทได้พัฒนาการให้บริการและโปรแกรมลูกค้าสัมพันธ์อย่างต่อเนื่องตามวิสัยทัศน์ขององค์กรที่มุ่งเน้นการรักษาที่ได้มาตรฐานและการบริการที่ประทับใจ โดยมีความเชี่ยวชาญทางการแพทย์แบบองค์รวมที่ได้รับมาตรฐานสากล JCI และ HA รวมถึงศูนย์บริการสุขภาพเฉพาะทางและศูนย์ความงามที่ได้รับการยอมรับในระดับประเทศและนานาชาติ สำหรับความร่วมมือกับ The 1 ซึ่งเป็นลอยัลตี้โปรแกรมที่ดีที่สุดในประเทศไทยในครั้งนี้ นับเป็นการเปิดประสบการณ์ด้านการบริการสุขภาพของเครือโรงพยาบาลด้วยข้อเสนอพิเศษเฉพาะสำหรับสมาชิก The 1 ทั้ง 18 ล้านคน โดยสามารถรับสิทธิได้ที่โรงพยาบาลในเครือทั้ง 7 สาขา"
"โรงพยาบาลในเครือบางปะกอกและปิยะเวทพร้อมให้การต้อนรับสมาชิก The 1 ทุกท่าน โดยเชื่อมั่นว่าลูกค้า The 1 ที่มาใช้บริการจะได้รับความประทับใจจากมาตรฐานการรักษาและให้บริการของโรงพยาบาลและกลับมาใช้บริการที่โรงพยาบาลอีกครั้งอย่างแน่นอน"
#3418


บริษัท จีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ จำกัด (มหาชน)หรือ GRAMMY เปิดเผยว่า ไตรมาส2ปี2564 ขาดทุนสุทธิ 15.02 ล้านบาท จากช่วงเดียวกันปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ7.49 ล้านบาท เนื่องจาก บริษัทมีรายการพิเศษจากการบันทึกขาดทุนจากการให้วัดมูลค่ายุติธรรมในสินทรัพย์ทางการเงินอื่นจำนวน160.1 ล้านบาท

ขณะที่บริษัทมีรายได้รวมจำนวน 1,012.8 ล้านบาท เพิ่มขึ้น8.9% ซึ่งมาจากธุรกิจเพลง จำนวน 443.9 ล้านบาท ธุรกิจโฮมชอปปิง353.7 ล้านบาท ธุรกิจภาพยนตร์ 93.5 ล้านบาท  ธุรกิจจัดจำหน่ายกล่องรับสัญญาณทีวี 66.2 ล้านบาท และธุรกิจอื่นๆ 49.6 ล้านบาท 

ขณะที่งวดครึ่งปีแรกกำไรสุทธิ 383.16 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 690% จากช่วงเดียวกันปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ48.46 ล้านบาท

สินทรัพย์รวม ณ สิ้นไตรมาส 2/2564เท่ากับ 4,944.8 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 703.0 ล้านบาท จาก ณ สิ้นปีก่อน ซึ่งส่วนใหญ่มาจากการการรับรู้และการวัดมูลค่ายุติธรรมจากการใช้สิทธิเข้าซื้อหุ้น บริษัท โรจูคิส อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) จ านวน 749.3 ล้านบาท ในหมวดสินทรัพย์ทางการเงินหมุนเวียนอื่น ในขณะเงินสดและรายการเทียบเท่าเงินสดลดลง

หนี้สินรวม ณ สิ้นไตรมาส 2/2564 เท่ากับ 3,612.6 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 328.6 ล้านบาทจาก ณ สิ้นปีก่อน ส่วนใหญ่มาจากเงินกู้ยืมระยะสั้นที่เพิ่มขึ้น ในขณะที่เจ้าหนี้การค้าและเจ้าหนี้อื่นที่ลดลง

ณ สิ้นไตรมาส 2/2564 บริษัทมีหนี้สินที่มีภาระดอกเบี้ยเท่ากับ 1,672.4 ล้านบาท อัตราส่วนหนี้สินที่มีภาระดอกเบี้ยต่อส่วนของผู้ถือหุ้นเพิ่มขึ้น จาก 1.19 ณ สิ้นปี 2563 มาอยู่ที่ระดับ 1.26 ณ สิ้นไตรมาส 2/2564


ส่วนของผู้ถือหุ้น 1,332.2 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 374.4 ล้านบาท จาก ณ สิ้นปี 2563 ที่ 957.8 ล้านบาท จากผลกำไรระหว่างปี
กระแสเงินสด ใช้ไปในกิจกรรมดำเนินงาน ในไตรมาสนี้ เท่ากับ 16.0 ล้านบาท ขณะที่กระแสเงินสดใช้ไปในการลงทุนเท่ากับ 645.2 ล้านบาท และกระแสเงินสดสุทธิกิจกรรมจัดหาเงินเท่ากับ 489.8 ล้านบาท

ส่งผลให้กระแสเงินสดสุทธิของไตรมาสนี้ ลดลง172.9 ล้านบาท ณ สิ้นไตรมาส2/2564 บริษัทมีเงินสดและรายการเทียบเท่าเงินสด 554.8 ล้านบาท

 
#3419


บาเยิร์น มิวนิค ภายใต้การคุมของกุนซือใหม่ จูเลียน นาเกิลสมัน ประเดิมศึก บุนเดสลีกา เยอรมนี นัดแรกด้วยการต้องไล่ตีเสมอ โบรุสเซีย มึนเชนกลัดบัค แบบหืดขึ้นคอ 1-1 เมื่อคืนวันที่ 13 สิงหาคม ที่ผ่านมา

บุนเดสลีกา เยอรมนี
โบรุสเซีย มึนเชนกลัดบัค 1-1 บาเยิร์น มิวนิค

เกมนัดเปิดซีซั่นใหม่ บาเยิร์น มิวนิค แชมป์เก่า ยกพลมาเยือน โบรุสเซีย มึนเชนกลัดบัค ท่ามกลางแฟน.ที่ยกพลมาเชียร์กันเต็มสนาม เกมนี้ กลัดบัค ส่ง อเลสซาเน่ เพลีย เป็นหน้าเป้า ส่วน "เสือใต้" มาพร้อม โรเบิร์ต เลวานดอฟสกี ดาวยิงพระกาฬ

เริ่มแค่ 3 นาที กลัดบัค เกือบนำ แพทริค เฮอร์มันน์ แตะ.ขึ้นหน้าแล้วยิงแต่โชคร้ายหลุดออกข้าง แต่แล้ว นาที 9 กลัดบัค นำก่อนจนได้ ลาร์ส สตินเดล สไลด์.ออกซ้ายให้ อเลสซาเน่ เพลีย แปโล่งๆ ตุง 1-0

นาที 26 บาเยิร์น ชวดตีเสมอ อัลฟอนโซ่ เดวิส ตักโด่งเข้าขวาให้ โรเบิร์ต เลวานดอฟสกี ชาร์จจ่อๆ แต่ ยานน์ ซอมเมอร์ เอาขาเซฟไว้ กระทั่ง นาที 42 บาเยิร์น ทำสำเร็จ โจชัว คิมมิช เปิดเตะมุมฝั่งขวาให้ โรเบิร์ต เลวานดอฟสกี ตวัดยิงตีเสมอ 1-1 และจบครึ่งแรกไปเลย

ครึ่งหลัง นาที 55 กลัดบัค อยากได้ลูกสอง แพทริค เฮอร์มันน์ เปิดเข้ามา ฟลอเรียน นอยฮอส จับแล้วยิงขวาแต่เจอ มานูเอล นอยเออร์ เซฟไว้ ข้ามมา นาที 70 กลัดบัค มาอีกรอบ ฮันเนส วูล์ฟ ยิงด้วยขวานอกเขตแต่ไม่ผ่านเซฟ มานูเอล นอยเออร์

ท้ายเกม นาที 86 บาเยิร์น มีโอกาสยิงแซง จามาล มูเซียล่า ป้ายต่อให้ คิงสลีย์ โคมอง แปขวาเหน่งๆ แต่ก็ไม่ตรงกรอบ สุดท้ายไม่มีประตูแล้ว จบเกม เสมอแบ่งแต้มกันไป

รายชื่อผู้เล่นทั้งสองทีม
โบรุสเซีย มึนเชนกลัดบัค - ยานน์ ซอมเมอร์, นิโค เอลเวดี, มาเธียส กินเทอร์, โจเซฟ สคัลลี, สเตฟาน ไลเนอร์, ลาร์ส สตินเดล, ฟลอเรียน นอยฮอส, คริสตอฟ เครเมอร์, อเลสซาเน่ เพลีย, ฮันเนส วูล์ฟ, แพทริค เฮอร์มันน์
บาเยิร์น มิวนิค - มานูเอล นอยเออร์, นิคลาส ซูเล่, ดาโยต์ อูปาเมกาโน่, อัลฟอนโซ่ เดวิส, โจซิป สตานิซิช, โธมัส มุลเลอร์, ลีออน โกเรตซก้า, โจชัว คิมมิช, แซร์จ นาบรี, เลอรอย ซาเน่, โรเบิร์ต เลวานดอฟสกี