• Welcome to ลงประกาศฟรี โพสฟรี โปรโมทเว็บไซด์ให้ติดอันดับ SEO ด้วย PBN.
 

poker online

ปูนปั้น

Menu

Show posts

This section allows you to view all posts made by this member. Note that you can only see posts made in areas you currently have access to.

Show posts Menu

Topics - Hanako5

#3441


กลุ่มบริษัทกัลฟ์ โดยนางพรทิพา ชินเวชกิจวานิชย์ รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท กัลฟ์ เอ็นเนอร์จี ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) และ การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (กฟภ.) โดยนายสมพงษ์ ปรีเปรม ผู้ว่าการฯ ร่วมลงนามสัญญาบำรุงรักษาอุปกรณ์ภายในสถานีไฟฟ้า และระบบสายส่ง 115 เควี และ 22 เควี ผ่านระบบออนไลน์ Zoom Meeting ซึ่งความร่วมมือครั้งนี้ กฟภ.จะดำเนินงานบำรุงรักษาให้กับโรงไฟฟ้าเอสพีพี (SPP) 19 แห่ง ภายใต้กลุ่มบริษัทกัลฟ์ ส่งผลให้การจำหน่ายไฟฟ้าผ่านสถานีไฟฟ้า และระบบสายส่งไฟฟ้ามีเสถียรภาพ ประสิทธิภาพ มีความมั่นคงและปลอดภัยสูงสุด

นางพรทิพา ชินเวชกิจวานิชย์ รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท กัลฟ์ เอ็นเนอร์จี ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า การที่กลุ่มบริษัทกัลฟ์เลือกกฟภ.เข้ามาดำเนินงานบำรุงรักษาโรงไฟฟ้า SPP 19 แห่ง เนื่องจากกฟภ. ได้รับการยอมรับว่าเป็นผู้บริการงานบำรุงรักษาชั้นนำในธุรกิจอุตสาหกรรมไฟฟ้าในประเทศไทย กลุ่มบริษัทกัลฟ์และกฟภ. เป็นพันธมิตรกันมายาวนานกว่า 20 ปี จึงเชื่อมั่นในทีมงานมืออาชีพที่มีความเชี่ยวชาญสูง การเลือกใช้อุปกรณ์ ชิ้นส่วนอะไหล่ต่างๆ ที่ได้มาตรฐาน ทำให้ระบบไฟฟ้ามีสภาพสมบูรณ์อยู่เสมอ หนุนให้โรงไฟฟ้าผลิตไฟฟ้าได้ตามแผนตลอดระยะสัญญา

นายสมพงษ์ ปรีเปรม ผู้ว่าการการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค กล่าวว่า กฟภ. มีความยินดีเป็นอย่างยิ่ง ที่กลุ่มบริษัท กัลฟ์มอบความไว้วางใจให้ กฟภ. เป็นผู้ดำเนินงานบำรุงรักษาระบบไฟฟ้าให้กับโรงไฟฟ้าจำนวน 19 แห่ง กฟภ. พร้อมนำประสบการณ์ และความชำนาญ ในการให้บริการบำรุงรักษาระบบไฟฟ้าที่รวดเร็ว และมีประสิทธิภาพ เพื่อเสริมความมั่นคงในการจ่ายพลังงานไฟฟ้า ซึ่งจะช่วยสนับสนุนการพัฒนาด้านพลังงานและเศรษฐกิจของประเทศ

 
ทั้งนี้ สัญญามีระยะเวลา 3 ปี ครอบคลุมงานบำรุงรักษาอุปกรณ์ภายในสถานีไฟฟ้า และระบบสายส่ง 115 kV และ 22 kV รวมไปถึงงานบริการฉีดน้ำลูกถ้วยแรงสูงแบบไม่ตัดกระแสไฟฟ้า (Hotline Cleaning Insulator) และการให้บริการซ่อมอุปกรณ์ระบบไฟฟ้าฉุกเฉิน 24 ช.ม. สำหรับโรงไฟฟ้า SPP 19 แห่งภายใต้กลุ่มบริษัทกัลฟ์ รวมมูลค่างานเป็นวงเงินกว่า 223 ล้านบาท
#3442

กระทรวงสาธารณสุข เผย ส่งวัคซีนไฟเซอร์ล็อตแรกสำหรับบุคลากรทางการแพทย์ด่านหน้า ร้อยละ 50-75 ตามข้อมูลสำรวจจากแต่ละโรงพยาบาล พร้อมให้สำรวจจำนวนที่ต้องการอีกครั้ง เนื่องจากบางโรงพยาบาลมีบุคลากรด่านหน้าจบใหม่ หรือได้รับมอบหมายมาทำงานด่านหน้าเพิ่มขึ้น สามารถแจ้งมาได้ที่กรมควบคุมโรค เพื่อส่งวัคซีนให้เพิ่มเติมล็อตถัดไปในสัปดาห์หน้า ยืนยันส่งครบตามสำรวจแน่นอน

วันนี้ (8 ส.ค.) นายแพทย์โสภณ เอี่ยมศิริถาวร รองอธิบดีกรมควบคุมโรค แถลงข่าวการกระจายวัคซีนไฟเซอร์ 1.5 ล้านโดส ว่า การจัดสรรวัคซีนไฟเซอร์ในส่วนของบุคลากรทางการแพทย์ 7 แสนโดส เริ่มทยอยจัดส่งวัคซีนตั้งแต่วันที่ 3 สิงหาคม 2564 ไปยังโรงพยาบาลใหญ่ครบ 170 แห่ง ทั้ง 77 จังหวัดภายใน 3 วัน โดยเริ่มฉีดตั้งแต่วันที่ 4 สิงหาคม 2564 ถือว่าเร็วกว่ากำหนดที่วางไว้ 5 วัน ขณะนี้ฉีดแล้ว 5.7 หมื่นโดส จากการติดตามอาการไม่พึงประสงค์ พบอาการปวด บวม ร้อน และไข้เล็กน้อย ไม่มีอาการรุนแรง

"การจัดส่งวัคซีนไปโรงพยาบาลใหญ่ เนื่องจากมีศักยภาพในการเก็บรักษาควบคุมอุณหภูมิและควบคุมติดตามการฉีดได้ง่ายกว่ากระจายไปจุดย่อยๆ เนื่องจากเมื่อเก็บในอุณหภูมิ 2-8 องศาเซลเซียส วัคซีนจะมีอายุ 31 วัน จึงต้องเร่งฉีดให้หมด โดยวัคซีน 1 ขวดฉีดได้ 6 โดส หากกระจายไปหลายจุดเมื่อเปิดใช้ 1 ขวดอาจไม่ถึง 6 คนจึงต้องรวมไว้ที่โรงพยาบาลใหญ่ก่อนในช่วงแรก" นายแพทย์โสภณ กล่าว

นายแพทย์โสภณ กล่าวว่า สำหรับวัคซีนที่ส่งไปล็อตแรกประมาณร้อยละ 50-75 นั้น เนื่องจากได้สำรวจความต้องการฉีด พบว่ามีบุคลากรทางการแพทย์บางส่วนฉีดบูสเตอร์โดสด้วยแอสตร้าเซนเนก้าแล้วกว่าร้อยละ 20 ต้องการฉีดไฟเซอร์ประมาณร้อยล 70 ซึ่งการบริหารจัดการด้วยวิธีการทยอยส่งเป็นล็อตทำให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด หากส่งไปทั้งหมด 100% ของจำนวนบุคลากร บางพื้นที่อาจได้เกินหรือขาด เนื่องจากมีบุคลากรทางการแพทย์ด่านหน้ารายใหม่ที่ยังไม่เคยฉีดมาก่อน เช่น ผู้ที่จบใหม่ หรือบุคลากรด่านหลังที่ได้รับมอบหมายมาทำงานด่านหน้า เพราะว่าในพื้นที่มีโควิดระบาดเพิ่มขึ้น เป็นต้น สามารถแจ้งมาได้ที่กรมควบคุมโรค เพื่อส่งวัคซีนให้เพิ่มเติมล็อตถัดไปในสัปดาห์หน้า อย่างไรก็ตาม ยืนยันว่าจะจัดส่งครบจำนวนบุคลากรด่านหน้าตามการสำรวจเพิ่มอย่างแน่นอน

นายแพทย์โสภณ กล่าวอีกว่า ส่วนกลุ่มเสี่ยงที่เป็นผู้สูงอายุ 60 ปีขึ้น ผู้ป่วย 7 กลุ่มโรคเรื้อรังอายุ 12 ปีขึ้นไป และหญิงตั้งครรภ์ 12 สัปดาห์ขึ้นไปในพื้นที่ 13 จังหวัดควบคุมสูงสุดและเข้มงวด จำนวน 645,000 โดส รวมถึงชาวต่างชาติกลุ่มเสี่ยงและนักเรียนไทยเดินทางไปต่างประเทศ 1.5 แสนโดส จะทยอยส่งวัคซีนไปยังโรงพยาบาลตั้งแต่วันที่ 9 สิงหาคมนี้ เริ่มจัดบริการได้กลางสัปดาห์ โดยจะฉีดในคนที่ยังไม่เคยได้วัคซีนโควิดตัวอื่นมาก่อนมีการติดตามอาการหลังฉีด 30 นาที 1 วัน 7 วัน และ 30 วัน โดยกลุ่มเด็กอายุ 12 ปีขึ้นไปที่มีโรคเรื้อรังแพทย์ที่รักษาจะประเมินว่าพร้อมรับวัคซีนหรือไม่ และจะติดตามอาการหลังฉีด โดยรายงานผ่านระบบหมอพร้อม ซึ่งเด็กวัยนี้ใช้แอปพลิเคชันได้ หรือให้ผู้ปกครองช่วยรายงาน หลังฉีดวัคซีนหากมีอาการเจ็บหน้าอก ใจสั่นหายใจไม่สะดวก สงสัยอาการกล้ามเนื้อหัวใจอักเสบและเยื่อหุ้มหัวใจอักเสบ ให้รีบมาโรงพยาบาล เพื่อตรวจวินิจฉัยโรคนี้รักษาให้หายได้ ทั้งนี้ เคยมีรายงานจากสหรัฐอเมริกาที่ประชาชนฉีดวัคซีน mRNA เป็นหลักมีโอกาสพบอาการดังกล่าวได้ประมาณ 4 รายต่อล้านเข็ม โดยเฉพาะผู้ที่อายุน้อยกว่า 30 ปี และเพศชาย ยังไม่พบรายงานผู้เสียชีวิต ส่วนในประเทศไทยยังไม่พบอาการเหล่านี้หลังการฉีดวัคซีน

สำหรับเดือนสิงหาคมนี้ จะมีวัคซีนโควิด 10 ล้านโดส ที่จะทยอยส่งสัปดาห์ละ 2 ล้านโดส โดยจะส่งไปต่างจังหวัดกว่าร้อยละ 80 จำนวนนี้ครึ่งหนึ่งจะส่งไปยัง 29 จังหวัดควบคุมสูงสุดและเข้มงวด ซึ่งมีการระบาดเกิดขึ้นอยู่ โดยเน้นฉีดกลุ่ม 608 คือ ผู้สูงอายุ 60 ปีขึ้นไป ผู้ป่วย 7 กลุ่มโรค และหญิงตั้งครรภ์ โดยให้ฉีดเร็วที่สุดเพื่อให้ครอบคลุมร้อยละ 70 อย่างไรก็ตาม ขอให้ประชาชนปฏิบัติตามมาตรการป้องกันตนเองสวมหน้ากาก ล้างมือเว้นระยะห่าง หากต้องไปสถานที่คนจำนวนมากอาจใส่หน้ากากสองชั้น อยู่ในบ้านก็ต้องระวังผู้สูงอายุติดเชื้อจากลูกหลานที่ออกไปนอกบ้าน ดังนั้น จึงควรออกนอกบ้านให้น้อยที่สุด เพื่อลดความเสี่ยงไปรับเชื้อนอกบ้านแล้วนำมาติดสมาชิกในครัวเรือน และให้พาผู้สูงอายุไปฉีดวัคซีนตามนัดหมายของโรงพยาบาล
#3443


ตลาดหุ้นไทยสัปดาห์ที่ผ่านมา (2-6 ส.ค.) มีมูลค่าการซื้อขายรวมกว่า 3.66 แสนล้านบาท โดยดัชนีตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET Index) ปิดการซื้อขายปลายสัปดาห์ที่ 1,521.72 จุด แทบไม่เปลี่ยนแปลงจากระดับปิดของสัปดาห์ก่อนที่  1,521.92 จุด


โดยนักลงทุนต่างชาติขายสุทธิอยู่กลุ่มเดียว 8,148.43 ล้านบาท ส่วนนักลงทุนสถาบันซื้อสุทธิ 3,899.62 ล้านบาท บัญชีบริษัทหลักทรัพย์ซื้อสุทธิ 12.84 ล้านบาท และนักลงทุนรายย่อยซื้อสุทธิ 4,235.97 ล้านบาท

ทั้งนี้ หากพิจารณาการซื้อขายของบัญชี "เอ็นวีดีอาร์" (NVDR) ซึ่งเป็นทางเลือกหนึ่งสำหรับนักลงทุนชาวต่างประเทศในการซื้อหุ้นไทย ข้อมูลล่าสุด ณ วันที่ 6 ส.ค. พบว่า

 

10 อันดับหุ้นที่นักลงทุนต่างชาติซื้อสูงสุด ได้แก่

PTT มูลค่าซื้อสุทธิ 352.54 ล้านบาท         

ASIAN มูลค่าซื้อสุทธิ 328.31 ล้านบาท     

MTC มูลค่าซื้อสุทธิ 183.72 ล้านบาท        

GULF มูลค่าซื้อสุทธิ 171.25 ล้านบาท       

INTUCH มูลค่าซื้อสุทธิ 156.98 ล้านบาท

SUN มูลค่าซื้อสุทธิ 137.90 ล้านบาท         

EA มูลค่าซื้อสุทธิ 120.17 ล้านบาท           

SCB มูลค่าซื้อสุทธิ 118.84 ล้านบาท         

TIDLOR มูลค่าซื้อสุทธิ 110.75 ล้านบาท   

TOP มูลค่าซื้อสุทธิ 89.26 ล้านบาท

และ 10 อันดับหุ้นที่นักลงทุนต่างชาติขายสูงสุด ได้แก่

IVL มูลค่าซื้อสุทธิ 301.95 ล้านบาท

PSL มูลค่าซื้อสุทธิ 301.20 ล้านบาท

STGT มูลค่าซื้อสุทธิ 208.85 ล้านบาท             

KCE มูลค่าซื้อสุทธิ 193.47 ล้านบาท 

SCC มูลค่าซื้อสุทธิ 187.24 ล้านบาท 

DCC มูลค่าซื้อสุทธิ 172.34 ล้านบาท 

PTTEP มูลค่าซื้อสุทธิ 162.80 ล้านบาท

STA มูลค่าซื้อสุทธิ 155.31 ล้านบาท             

KTC มูลค่าซื้อสุทธิ 153.23 ล้านบาท             

PTTGC มูลค่าซื้อสุทธิ 126.94 ล้านบาท 
#3444


อิบรอฮีม เราะอีซี ประธานาธิบดีที่เพิ่งสาบานตนเข้ารับตำแหน่งของอิหร่าน เข้ารับการฉีดวัคซีนโควิด-19 ที่พัฒนาในประเทศ เมื่อวันอาทิตย์ (8 ส.ค.) ในขณะที่อิหร่านกำลังเผชิญสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่เลวร้ายลงเรื่อยๆ ยอดผู้ติดเชื้อรายวันทุบสถิติสูงสุดและมีผูู้เสียชีวิตรายใหม่กว่า 500 ราย

ประธานาธิบดีฉีดวัคซีนเข็มแรกวัคซีนซีโอวีอิหร่าน บารากัต (COVIran Barakat) หนึ่งใน 2 วัคซีนไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ที่ผลิตในท้องถิ่น เมื่อวันอาทิตย์ (8 ส.ค.) ตามรายงานของสื่อมวลชนท้องถิ่น พร้อมกับแชร์ภาพที่ผู้นำรายนี้ที่เพิ่งสาบานตนเข้ารับตำแหน่งประธานาธิบดีเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว กำลังเข้ารับการฉีดวัคซีน

ขณะเดียวกัน โมฮัมหมัด บาเกอร์ กาลิบาฟ ประธานรัฐสภาก็เข้ารับการฉีดวัคซีนเคียงข้างประธานาธิบดีเช่นกัน

การฉีดวัคซีนของบุคคลระดับผู้นำ มีขึ้นในขณะที่ประเทศกำลังเผชิญกับการแพร่ระบาดระลอกใหม่ของไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ โดยในวันอาทิตย์ (8 ส.ค.) เจ้าหน้าที่สาธารณสุขอิหร่านรายงานพบผู้เสียชีวิตจากโควิด-19 เพิ่มอีก 542 ราย สูงสุดนับตั้งแต่เกิดการแพร่ระบาด ทุบสถิติเดิมที่เคยเกิดขึ้นในช่วงปลายเดือนเมษายน ครั้งที่ประเทศแห่งนี้กำลังเผชิญกับการแพร่ระบาดระลอกก่อนหน้า

จำนวนผู้ติดเชื้อใหม่รายวันในช่วง 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา ก็ทำสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์รอบใหม่เช่นกัน แตะระดับเกือบๆ 40,000 คน

นับตั้งแต่โรคระบาดใหญ่เริ่มต้นขึ้น อิหร่านมีผู้ติดเชื้อโควิด-19 สะสมแล้วมากกว่า 4.1 ล้านคน ในนั้นมากกว่า 94,000 คนเสียชีวิต ส่งผลให้พวกเขาติดอันดับ 1 ใน 15 ชาติที่ได้รับผลกระทบจากไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่เลวร้ายที่สุดในโลก ขณะเดียวกัน อิหร่านยังเป็นประเทศที่ได้รับผลกระทบหนักหน่วงที่สุดในภูมิภาคตะวันออกกลางด้วย

ระลอกการแพร่ระบาดในปัจจุบันรุมล้อมอิหร่านมาตั้งแต่เดือนมกราคม และกลายเป็นระลอกการแพร่ระบาดเลวร้ายที่สุดในแง่ของจำนวนผู้ติดเชื้อสะสม ทั้งนี้เชื่อกันว่าการแพร่ระบาดหนักหน่วงของระลอกนี้มีความเชื่อมโยงกับตัวกลายพันธุ์เดลตา ที่แพร่เชื้อได้ง่ายมากและพบครั้งแรกในอินเดียในช่วงปลายปี 2020 ก่อนแพร่ระบาดลุกลามไปทั่วโลก

ปัจจุบันเจ้าหน้าที่อิหร่านอนุมัติใช้ในกรณีฉุกเฉินวัคซีนผลิตเองภายในประเทศ 2 ตัว แต่มีการผลิตเป็นจำนวนมากเพียงตัวเดียว ซึ่งก็คือซีโอวีอิหร่าน บารากัต แต่ยังไม่เพียงพอ

ส่วนวัคซีนอื่นๆที่ใช้ในอิหร่าน ประกอบด้วยสปุตนิค วี ของรัสเซีย ชิโนฟาร์มของจีน ภารัตของอินเดียและแอสตร้าเซนเนก้า/มหาวิทยาลัยอ็อกซ์ฟอร์ด อ้างอิงจากข้อมูลกระทรวงสาธารณสุขอิหร่าน

(ที่มา : รัสเซียทูเดย์)
#3445


บริษัท เปอโยต์ ไลอ้อน ออโตโมบิล (ประเทศไทย) จำกัด ผู้แทนจำหน่ายรถยนต์ เปอโยต์ อย่างเป็นทางการในประเทศไทย ออกแคมเปญกระตุ้นตลาดเดือนสิงหาคม 'Special Month of LEO' สิงโตจัดให้ กับกิจกรรมพิเศษเริ่มวันที่ 8 เดือน 8 ไปจนถึงสิ้นเดือน

ทวีวัฒน์ ปรุงพัฒนสกุล ผู้จัดการทั่วไป บริษัท เปอโยต์ ไลอ้อน ออโตโมบิล (ประเทศไทย) จำกัด ระบุว่าการณ์ในปัจจุบัน ที่การแพร่ระบาดของไวรัส โควิด-19 รุนแรง ส่งผลให้การเดินทางของผู้บริโภคถูกจำกัด ขณะที่เศรษฐกิจโดยรวมก็อยู่ในภาวะชะลอตัว บริษัทจึงมีกิจกรรมเพื่อกระตุ้นตลาด และเพิ่มความคุ้มค่าให้ลูกค้ามากขึ้น

โดยแคมเปญนี้จะจัดกับรถทั้ง 2 รุ่น คือ เปอโยต์ 3008 และ 5008 โดยมีข้อเสนอประกอบด้วย

PEUGEOT 3008 ACTIVE ผ่อนเริ่มต้น 9,006 บาท
PEUGEOT 5008 ACTIVE ผ่อนเริ่มต้น 10,160 บาท
เพิ่มมูลค่าเทรด-อินรถเก่าสูงสุด 50,000 บาท
แถมบัตรชอปปิง SIAM GIFT CARD มูลค่า 30,000 บาท จากสยามพารากอน หรือไอคอนสยาม
แถมเสื้อ T-Shirt VACCINATED มูลค่า 399 บาท เมื่อ Test Drive at Home
ส่วนลูกค้าที่จองรถในวันที่ 8 เดือน 8 จะได้ร่วมกิจกรรม "The Miracle No. 8"

เพิ่มมูลค่าเทรด-อิน รถเก่าสูงสุด 88,888 บาท
รับสิทธิ์ซื้อ TUNAP Hygiene Care Set ประกอบด้วยผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดห้องโดยสาร, สเปรย์ทำความสะอาดหน้าคอนแทค และน้ำยาฉีดกระจกรถยนต์ ในราคาพิเศษ 888 บาท


สำหรับเปอโยต์ เป็นหนึ่งในกลุ่มธุรกิจของ บริษัท มิลเลนเนียม ออโต้ กรุ๊ป (เอเชีย) จำกัด หรือ เอ็มจีซี-เอเชีย ปัจจุบัน มีโชว์รูมและศูนย์บริการ 3 สาขาในกรุงเทพฯ คือ สุขุมวิท, เยาวราช และเกษตร-นวมินทร์ รวมถึงมี เปอโยต์ สตูดิโอ บริเวณชั้น 2 ศูนย์การค้าสยามพารากอน

และล่าสุดเปิดตัว เปอโยต์ สตูดิโอ สาขาวงเวียนพระราม 5-ราชพฤกษ์ และขยายเครือข่ายในส่วนของฝ่ายขายและบริการไปยังจังหวัดอุบลราชธานี ภูเก็ต และหาดใหญ่
#3446


นพ.แอน - แมรี ฟอร์ส คอลเนลลี นักวิจัยจากมหาวิทยาลัยอูเมโอ ประเทศสวีเดน เปิดเผยผลการศึกษาความเสี่ยงเกิดโรคอื่นๆ ของผู้ติดเชื้อไวรัสโคโรน่าสายพันธุ์ใหม่ (โควิด-19) พบว่า โรคโควิด-19 เพิ่มความเสี่ยงให้ผู้ป่วยเกิดโรคหัวใจวาย และโรคหลอดเลือดสมองอุดตัน โดยเปรียบเทียบอาการผู้ติดเชื้อโควิด-19 ในปี 2563 จำนวน 86,742 ราย และคนที่ไม่ติดเชื้อไวรัส จำนวน 348,481 ราย

ในสัปดาห์หลังการตรวจพบโควิด-19 พบว่าผู้ติดเชื้อเสี่ยงเกิดโรคหัวใจวายครั้งแรก เพิ่มขึ้น 3 - 8 เท่า และเสี่ยงโรคหลอดเลือดสมองอุดตันครั้งแรก 3 - 6 เท่า นอกจากนี้ นักวิจัยยังพบความเสี่ยงอย่างต่อเนื่อง และมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นเป็นเวลาอย่างน้อย 4 สัปดาห์ 

การศึกษาดังกล่าว นักวิจัยไม่ได้รวมผู้ป่วยโควิด-19 ที่เคยมีอาการของโรคหัวใจวาย และโรคหลอดเลือดสมองอักเสบเข้าร่วมศึกษาด้วย แต่พวกเขาจะเสี่ยงอาการหัวใจวายหรือโรคหลอดเลือดสมองอื่นๆ สูงกว่าคนปกติเข้าไปอีก
#3447
มาฟัง ดร.สมโชค เดชะ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท ออสซี่ออยล์ จำกัด ทางรายการ กรุงเทพธุรกิจ ในหัวข้อเรื่อง ออสซี่ออยล์แตกไลน์ 'น้ำมันแกลลอน' สู้ศึกโควิด
โอกาสมาถึงแล้ว..คุณพร้อมแล้วหรือยังที่จะเป็นเจ้าของธุรกิจลงทุนวันนี้ เพื่อผลลัพธ์ที่ดีกว่าในวันข้างหน้าหากสนใจทักแชทได้เลยนะคะ
Aussie oil ผู้เชียวชาญด้านธุรกิจพลังงานที่เราอยากแนะนำให้กับคุณ ...
ปรึกษาหรือสอบถามฟรี
สอบถามรายละเอียดได้ที่ :
Tel : 02-1114-7334  line: @aussieoil
(สามารถติดต่อได้ 9.00 - 17.00 น.)

https://youtu.be/cZRFXCcpzo0
#3448


เมื่อวันที่ 5 ส.ค.ที่ผ่านมา นางสาวศรินทิพย์ ศรีทองคำ ผู้จัดการแผนกองค์กรสัมพันธ์ ฐานสนับสนุนการพัฒนาปิโตรเลียม ปตท.สผ. ร่วมกับบริษัทผู้ร่วมทุน สนับสนุนอุปกรณ์ทางการแพทย์ โดยมอบหลอดน้ำยาสำหรับเลี้ยงเก็บเชื้อโรคเพื่อส่งตรวจ จำนวน 1,820 หลอด มูลค่ากว่า 106,000 บาท ให้กับ นพ.อุทิศศักดิ์ หริรัตนกุล นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดสงขลา เพื่อให้สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดนำไปใช้ในการคัดกรองผู้ป่วยโรคโควิด-19

และเมื่อเร็วๆ นี้ ยังได้มอบอุปกรณ์ที่จำเป็นสำหรับการจัดตั้งโรงพยาบาลสนาม เครื่องมือแพทย์ รวมทั้งหน้ากากอนามัยและเจลแอลกอฮอล์   เพื่อสนับสนุนจัดตั้งโรงพยาบาลสนามอำเภอสิงหนคร  มอบเตียงกระดาษ ที่นอน หมอน ผ้าห่มและมุ้ง มูลค่าประมาณ 216,000 บาท  ถังเก็บน้ำขนาดความจุ 2,000 ลิตร  ตู้เย็น เต็นท์อเนกประสงค์  มุ้งครอบและพัดลมตั้งโต๊ะ มูลค่าประมาณ 123,000 บาท 

และยังได้มอบงบประมาณ 120,000 บาทให้โรงพยาบาลสิงหนครจัดหาเต็นท์สำหรับจุดบริการฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19  เพื่อขยายพื้นที่บริการให้เพียงพอกับจำนวนประชาชนที่มารอฉีดวัคซีนด้วย



สนับสนุนอุปกรณ์สำหรับจัดตั้งโรงพยาบาลสนามอำเภอควนเนียง เตียงกระดาษ ที่นอน หมอน ผ้าห่มและมุ้ง มูลค่าประมาณ 216,000 บาท และได้มอบชุดเครื่องนอนเพื่อใช้ในโรงพยาบาลสนามของโรงพยาบาลสงขลา มูลค่า 254,000 บาท


นอกจากสนับสนุนด้านการแพทย์ระดับจังหวัดดังกล่าวแล้ว ปตท.สผ. ยังได้สนับสนุนโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล (รพ.สต.) จำนวน 3 แห่งในตำบลหัวเขา ตำบลชิงโค ตำบลบ้านสถิตย์ และอีก 10 ชุมชน ในเขตเทศบาลเมืองสิงหนคร โดยส่งมอบเจลแอลกอฮอล์ให้กับผู้นำหรือประธานชุมชนในพื้นที่ ภายใต้โครงการรักเพื่อนบ้าน มูลค่ากว่า 150,000 บาท เพื่อให้บุคลากรทางการแพทย์และชุมชน นำไปใช้ป้องกันและควบคุมการแพร่ระบาดของโรคไวรัสโคโรนา 2019

สำหรับในพื้นที่ใกล้เคียง บริษัทฯ ได้ร่วมกับสมาคมการประมงจังหวัดปัตตานี มอบอุปกรณ์ทางการแพทย์ให้แก่โรงพยาบาลปัตตานี เช่น เครื่อง PAPR เครื่องวัดความดันโลหิตแบบสอดแขน เครื่องวัดออกซิเจนในเลือด และเครื่องวัดอุณหภูมิ มูลค่าประมาณ 152,000 บาท

ก่อนหน้านี้ ปตท.สผ.ยังได้สนับสนุนการจัดตั้งโรงพยาบาลสนาม โดยส่งมอบที่นอนและชุดเครื่องนอน มูลค่า 300,000 บาท ให้กับโรงพยาบาลสงขลา  เพื่อช่วยเสริมศักยภาพของโรงพยาบาลสนามรองรับผู้ป่วยในพื้นที่จังหวัดสงขลาและพื้นที่ใกล้เคียง  ตามเจตนารมย์ของฐานสนับสนุนการพัฒนาปิโตรเลียมสงขลา ปตท.สผ. ที่ให้ความสำคัญกับชุมชนและสังคมมาโดยตลอด

พร้อมร่วมมือและประสานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อให้ความช่วยเหลือชุมชนในวิกฤติการณ์ต่างๆ อย่างเต็มความสามารถและยังคงเดินหน้าในการสนับสนุนหน่วยงานราชการที่เกี่ยวข้องและช่วยบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์โควิด – 19  อย่างต่อเนื่อง 
#3449


สำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (สผ.) อยู่ระหว่างทำแผนสิ่งแวดล้อมในเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (ระยะที่ 2) ปี 2565-2569 เพื่อใช้ดูแลสิ่งแวดล้อมในเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (อีอีซี) ต่อจากแผนระยะที่ 1 (2561-2564) 

ทั้งนี้ แผนระยะที่ 2 จะมีความชัดเจนในการบริหารจัดการสิ่งแวดล้อมเพิ่มมากขึ้น เพราะเป็นการวางแผนในช่วงที่มีการประกาศใช้แผนผังการใช้ประโยชน์ในที่ดินและแผนผังการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานและระบบสาธารณูปโภคเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก พ.ศ.2562 ซึ่งกำหนดการใช้พื้นที่ภาคอุตสาหกรรม ภาคเกษตรกรรม การพัฒนาเมือง การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคม ดิจิทัล และการป้องกันสาธารณภัย

รายงานข่าวจาก สผ.ระบุว่า ขณะนี้การจัดทำแผนอยู่ระหว่างการรับฟังความเห็นผู้มีส่วนเกี่ยวข้องใน จ.ฉะเชิงเทรา จ.ชลบุรี และ จ.ระยอง โดยได้มีการสรุปปัจจัยที่มีผลต่อสิ่งแวดล้อมในอีอีซี 6 ด้าน คือ

1.ความมั่นคงทางอาหาร ซึ่งในเขตเกษตรกรรม มีการเปลี่ยนแปลงการใช้ที่ดินเพื่อการพัฒนา ส่งผลให้พื้นที่ทางการ เกษตรถูกเปลี่ยนเป็นพื้นที่สิ่งปลูกสร้างและทิ้งร้างว่างเปล่าอย่างต่อเนื่อง ส่งผลต่อการลดลงของผลผลิตอาหารในพื้นที่ ส่วนในเขตเมืองและชุมชน เขตอุตสาหกรรมความต้องการบริโภคเพิ่มขึ้น เพราะจำนวนประชากรที่เพิ่มจาก 4.15 ล้านคน ในปี 2562 เป็น 5.85 ล้านคน ในปี 25670 โดยประชากร 53% อาศัยอยู่ในเขตเมือง (ปี 2562) ซึ่งผลิตอาหารเองไม่ได้และต้องพึงพาแหล่งอาหารจากพื้นที่เกษตรกรรม 

2.สุขภาพ เขตเมืองและชุมชน เขตอุตสาหกรรมมีพฤติกรรมการบริโภคเปลี่ยนไปเป็นแบบเมือง ได้แก่ การกิน การสูบบุหรี่ มลพิษทางอากาศ การดื่มแอลกอฮอล์ และพฤติกรรม เนือยนิ่ง ส่งผลต่อโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง โดยอีอีซีมีพฤติกรรมการบริโภคแบบเมืองเพิ่มจาก 11.12% ในปีงบประมาณ 2556 เป็น 14.89% ในปีงบประมาณ 2563 และหากอัตรการเพิ่มยังไม่เปลี่ยนแปลงคาดการณ์ว่าปี 2570 จะเพิ่มเป็น 18.66% 

ขณะที่สถานการณ์ด้านมลภาวะทางอากาศเป็นส่วนหนึ่งของผลกระทบต่อสุขภาพ ซึ่งปัจจุบันมลพิษภาพรวมอยู่ระดับมาตรฐาน แต่มีเกินค่ามาตรฐานบ้างในบางพื้นที่และบางเวลา โดยเฉพาะในพื้นที่ที่มีโรงงานหนาแน่น โดยพื้นที่สีเขียวที่เป็นแนวทางการลดและบรรเทามลภาวะในพื้นที่เมืองที่มีความหนาแน่นสูงมีสัดส่วนพื้นที่ที่น้อยกว่าค่าที่ควรจะเป็นสำหรับการสร้างสภาพอากาศที่ดีในเมือง

3.การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ต้นไม้ทั่วไป 1 ต้น ดูดซับ CO2 ได้ 21 กิโลกรัมต่อปี แต่หากต้นไม้มีอายุ 100 ปี จะ ดูดซับ CO2 ได้ 1 ตันต่อปีต่อต้น พื้นที่ป่าไม้ในเขตอีอีซีจาก 12.50% ในปี 2556 เป็น 12.39% ในปี 2563 นั่นหมายถึงประสิทธิภาพการกักเก็บ คาร์บอนในอีอีซีต่ำลง โดยแนวทางการพัฒนาเมืองคาร์บอนต่ำจำเป็นต่อการพัฒนาพื้นที่ ในขณะที่ไทยมีเป้าหมายลดปล่อยก๊าซเรือนกระจกลง 20-25% ภายในปี 2573 เท่ากับเป้าหมายการลดปล่อยก๊าซเรือนกระจกในอีอีซีอยู่ที่ 6.9-8.6 ล้านตัน คาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่า

4.นโยบายหรือโครงการพัฒนา การเปลี่ยนแปลงการใช้ที่ดินในอีอีซีพบว่า พื้นที่เกษตรกรรมลดลง 4.9% ในช่วงปี 2556-2563 ในขณะที่พื้นที่อยู่อาศัยเพิ่มขึ้น 27.41% พื้นที่พาณิชยกรรมเพิ่มขึ้น 35.64% และพื้นที่อุตสาหกรรมเพิ่มขึ้น 28.98% นับว่าเป็นแรงกดดันของทุกภูมินิเวศ ทั้งนี้ขึ้นกับทำเลที่ตั้งของโครงการพัฒนาต่างๆ

5.ประชากร นักท่องเที่ยวเพิ่มขึ้นจาก 10 ล้านคน ในปี 2553 เพิ่มขึ้นเป็น 18 ล้านคนในปี 2562 ส่งผลต่อการบุกรุกและความเสื่อมโทรมของทรัพยากรในพื้นที่ธรรมชาติหากขาดการบริหารจัดการที่ดีพอ ในขณะที่ประชากรแฝงในพื้นจังหวัดชลบุรีเพิ่มขึ้นจาก 538,000 ในปี 2562 เป็น 1.15 ล้านคน ในปี 2570 ซึ่งหมายถึงความต้องการบริโภคทรัพยากรและการปล่อยของเสียออกสู่พื้นที่เพิ่มสูงขึ้นตามไปด้วย รวมทั้งจำนวนนักท่องเที่ยวและแรงงานที่เพิ่มขึ้นส่งผลต่อความเปราะบางของพื้นที่ในการเปลี่ยนแปลง และความมีอยู่ของอาหารในพื้นที่

6.สถานการณ์ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เขตพื้นที่ชุ่มน้ำ แหล่งน้ำมีคุณภาพเสื่อมโทรม คือ คลองนครเนื่องเขต คลองท่าไข่ จ.ฉะเชิงเทรา , คลองตำหรุ คลองพานทอง จ.ชลบุรี และแม่น้ำประแสร์ แม่น้ำระยอง จ.ระยอง ในขณะที่พื้นที่สีเขียวในเขตเมืองและชุมชน เขตอุตสาหกรรม 168,166 ไร่ คิดเป็น 10.06% และน้ำต้นทุนอยู่ที่ 1,215 ล้าน ลบ.ม. ซึ่งไม่พอความต้องการที่มากถึง 2,375 ล้าน ลบ.ม.

ปรัชญา สมะลาภา ประธานคณะกรรมการพัฒนาเศรษฐกิจพื้นที่ภาคตะวันออก หอการค้าไทย กล่าวว่า แผนสิ่งแวดล้อมอีอีซีจะไปผูกพันกับการศึกษาผลกระทบสิ่งแวดล้อมในโครงการในอีอีซี ซึ่งต้องพิจารณาถึงระยะเวลาการศึกษาให้สั้นลงและให้คนมีส่วนร่วมมากขึ้น ซึ่งบางครั้งไม่สอดคล้องกับงบประมาณ เช่น การพัฒนาถนนเลียบชายฝั่ง การสร้างสะพานข้ามคลองหรือแหล่งน้ำ

ทั้งนี้ ปัญหาสิ่งแวดล้อมที่เกิดขึ้นในอีอีซีจะมีมากขึ้น โดยเฉพาะจากอุตสาหกรรมใหม่ คือ ปัญหาขยะอิเล็กทรอนิกส์ ขยะจากกระบวนการการผลิต ขยะชีวภาพ ซึ่งต้องมีกระบวนขจัดให้ถูกต้อง ดังนั้นต้องพิจารณากระบวนการจัดขยะให้ชัดเจนในแผนจัดการสิ่งแวดล้อม และต้องไม่เพิ่มขั้นตอนอีกเพราะจะทำให้ผู้ลงทุนลังเลและไม่อยากลงทุน ซึ่งที่ผ่านมาเกิดขึ้นหลายโรงงาน ดังนั้นจึงอยากให้มีความชัดเจนในแผนการขจัดขยะทั้งระบบ

ส่วนการบริหารจัดการแหล่งน้ำที่ปัจจุบันใช้น้ำรวมกันทั้งการบริโภคและอุตสาหกรรม เช่น อ่างเก็บน้ำหนองปลาไหล อ่างเก็บน้ำประแสร์ อ่างเก็บน้ำคลองใหญ่ ซึ่งแหล่งน้ำในภาคตะวันออกที่ดีที่สุด คือ อ่างเก็บน้ำประแสร์ เพราะต้นน้ำไม่มีโรงงานอุตสาหกรรมทำให้ไม่มีปนเปื้อน ดังนั้นการบริหารจัดการน้ำต้องแยกให้ชัดเจนระหว่างแหล่งน้ำผลิตประปาเพื่ออุปโภคบริโภคและแหล่งน้ำอุตสาหกรรม โดยที่ผ่านมาหอการค้าไทยเสนอโครงการเดินท่อน้ำจากแหล่งน้ำเพื่อเป็นระบบปิดเพื่อป้องกันการปนเปื้อนเมื่อถึงโรงกรองน้ำสำหรับผลิตน้ำประปา

นอกจากนี้การบริหารทรัพยากรทางชายฝั่งที่มีปัญหาการกัดเซาะชายฝั่ง ปัญหาการรั่วไหลน้ำมันจากเรือบรรทุกน้ำมัน หรือเรือบรรทุกสินค้า หรือเรือบรรทุกของเสียทำของเสียรั่วลงทะเลและซัดมาเกยตื้นที่ชายฝั่ง ซึ่งควรมีแนวทางจัดการเรื่องนี้ ส่วนปัญหาอากาศต้องการให้รัฐบาลปัดฝุ่น พ.ร.บ.อากาศสะอาดกลับมาอีกครั้ง แม้ว่าปัจจุบันหลายโรงงงานดูแลจัดการเรื่องนี้แล้วก็ตาม
#3450


เคียวโก ฟุรุฮาชิ แนวรุกทีมชาติญี่ปุ่น ที่เพิ่งย้ายร่วมทีม กลาสโกว์ เซลติก สโมสรในศึกพรีเมียร์ลีก สกอตติช ได้รับโอกาสลงสนามเป็นตัวจริงครั้งแรก และทำประตูได้ทันที

โดย กลาสโกว์ เซลติก บุกไปเอาชนะ ยาโบลเนช ทีมจากสาธารณรัฐเช็ก 4-2 ในเกมยูโรปา ลีก รอบคัดเลือก เมื่อคืนวันพฤหัสบดีที่ 5 สิงหาคม ที่ผ่านมา

ซึ่งดาวเตะวัย 26 ปี เพิ่งจะย้ายจาก วิสเซล โกเบ ทีมในศึกเจลีก ไปร่วมทีมเมื่อเดือนกรกฎาคม ที่ผ่านมา ด้วยค่าตัวอยู่ที่ประมาณ 5 ล้านยูโร (ประมาณ 193 ล้านบาท) สัญญา 4 ปี

สำหรับ เคียวโก ฟุรุฮาชิ โชว์ฟอร์มโดดเด่นกับ วิสเซล โกเบ โดยฤดูกาลนี้ ยิงประตูในเจลีกไปแล้ว 14 ประตู ขึ้นนำเป็นดาวซัลโว ก่อนย้ายสู่ทีมดังลีกสกอตแลนด์
#3451


นางสาวจตุพร วิไลแก้ว ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท พรีโม เซอร์วิส โซลูชั่น จำกัดเครือ ออริจิ้น เผยว่า จากวิสัยทัศน์ ORIGIN NEXT LEVEL บริษัทในฐานะผู้ให้บริการด้านอสังหาริมทรัพย์ครบวงจร จึงได้ต่อยอดงานด้านบริการและเตรียมจัดตั้งบริษัท แฮมป์ตัน โฮเทล แอนด์ เรสซิเดนซ์ จำกัดเพื่อก้าวเข้าสู่ธุรกิจรับจ้างบริหารโรงแรมและที่อยู่อาศัยตั้งแต่ 1.การบริหารจัดการสินทรัพย์ ช่วยบริหารจัดการผู้เช่าหรือผู้เข้าพัก สร้างรายได้หรือผลตอบแทนให้เป็นไปตามเป้าหมายของเจ้าของโรงแรมหรือที่พักอาศัย 2.การร่วมวางแผนตกแต่ง จัดหาบริการและสิ่งอำนวยความสะดวกสำหรับผู้เช่าหรือผู้เข้าพัก เพื่อสร้างประสบการณ์ที่ยอดเยี่ยมให้แก่ผู้เข้าพัก

"ในไทยยังไม่ค่อยมี Operator สัญชาติไทย การเข้าถึง Operator ชั้นนำจากต่างประเทศ ก็ยังมีข้อจำกัดอยู่มากสำหรับเจ้าของโรงแรม หรือ Owner หลายๆ ราย เราจึงจะเป็น Operator สัญชาติไทยที่ให้บริการด้วยมาตรฐานการบริการระดับสากล ในราคาที่เข้าถึงได้ง่าย เพื่อเข้าไปให้บริการในตลาดที่ยังมีช่องว่างอยู่ เน้นเจาะตลาดโรงแรมและที่อยู่อาศัยใน 5 หัวเมืองสำคัญ ได้แก่ กรุงเทพฯ พัทยา หัวหิน เชียงใหม่ ภูเก็ต" นางสาวจตุพร กล่าว

ทั้งนี้ บริษัทมีความแข็งแกร่ง 4 ด้านในการดำเนินธุรกิจดังกล่าว ได้แก่ 1.ประสบการณ์ของทีมงาน รวบรวมผู้บริหารและผู้มีประสบการณ์คลุกคลีในการบริหารจัดการดูแลธุรกิจโรงแรมและเซอร์วิสอพาร์ทเมนท์มายาวนานกว่า 20 ปี รวมถึงประสบการณ์บริหารโรงแรมสเตย์บริดจ์ สวีท แบงค็อก ทองหล่อ ให้ยังมีอัตราการเข้าพักสูงถึง 70% เมื่อต้นปีที่ผ่านมา แม้ยังมีสถานการณ์คาบเกี่ยวกับผลกระทบจากโควิด-19

2.มาตรฐานการให้บริการ ใส่ใจเรื่องความปลอดภัย และการดูแลแบบอเนกประสงค์ มาตรฐานโรงแรม 5 ดาว มีบริการครบถ้วนสำหรับผู้เข้าพักระยะยาว (Long-Stay) เพียงขนกระเป๋ามา สามารถเข้าอยู่กับสิ่งอำนวยความสะดวกครบวงจร 3.ฐานข้อมูลลูกค้า มีเครือข่ายลูกค้ากลุ่ม เข้าพักระยะยาว ทั้งกลุ่มสถานทูต กลุ่มภาคธุรกิจและอุตสาหกรรม โดยเฉพาะตลาดชาวญี่ปุ่น อาทิ กลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์ กลุ่มอุตสาหกรรมขุดเจาะน้ำมัน-ก๊าซธรรมชาติ 4.การส่งต่อลูกค้า เป็นพันธมิตรกับกลุ่มบริษัทต่างชาติและบริษัทจัดหาที่พักสำหรับชาวต่างชาติ เพื่ออำนวยความสะดวกในการส่งต่อลูกค้าไปยังพื้นที่ต่างๆ

นางสาวจตุพร กล่าวอีกว่า สำหรับในระยะแรก บริษัทจะเข้ารับบริหารโครงการอสังหาริมทรัพย์เพื่อการลงทุนภายใต้แบรนด์แฮมป์ตันก่อนเป็นกลุ่มแรก เนื่องจากเป็นตลาดที่ยังเติบโตสูง สังเกตได้จากโครงการ แฮมป์ตัน ศรีราชา ที่มียอดขายสะสมแล้วกว่า 90% และเครือออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ ยังมีแผนการพัฒนาโครงการกลุ่ม Investment Property อย่างต่อเนื่อง


ล่าสุดบริษัทได้เข้าไปช่วยบริหารใน 3 โครงการ ได้แก่ โครงการ เดอะ แฮมป์ตัน สวีท ศรีราชา และระยอง บนทำเลศักยภาพ EEC โดยบริษัทจะเข้าไปช่วยทั้งการจัดหาผู้เช่าให้แก่นักลงทุนที่ไม่มีเวลาปล่อยเช่า และอำนวยความสะดวกในการใช้ชีวิตให้แก่ผู้เช่าในรูปแบบเซอร์วิสอพาร์ตเมนท์ ผสมผสานที่พักอาศัยรูปแบบและการให้บริการแบบโรงแรมและล่าสุด เตรียมเข้าไปบริหารโครงการแฮมป์ตัน เรสซิเดนซ์ เน็กซ์ ทู เอ็มโพเรียม ทำเลใจกลางสุขุมวิท พร้อมรับผลตอบแทนต่อเนื่อง นานสูงสุด 20 ปี ซึ่งกำลังจะเปิดให้จองยูนิตลงทุนออนไลน์ ภายในเดือน ส.ค.นี้

ขณะเดียวกัน บริษัทเตรียมรับบริหารโรงแรมใน pipeline ของบริษัท วัน ออริจิ้น จำกัด ในเครือออริจิ้นอีก 11 โครงการ มูลค่ากว่า 25,000 ล้านบาท ตั้งเป้าบริหารโรงแรมนอกเครืออีก 30 แห่ง และส่งแฮมป์ตัน โฮเทล แอนด์ เรสซิเดนซ์เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยภายใน 5 ปีข้างหน้า

"5 ทำเลเป้าหมายสำคัญของเรายังคงเป็นที่ต้องการอย่างแข็งแกร่งของตลาดBusiness Long-Stayและเมื่อสถานการณ์โควิด-19 คลี่คลายลง ตลาดกลุ่มพักผ่อนหย่อนใจระยะยาว หรือ Leisure Long-Stay จะเติบโตขึ้นอย่างมีนัยสำคัญด้วย โดยเฉพาะกลุ่มผู้เข้าพักจากประเทศจีน ธุรกิจ Operator จึงจะยิ่งมีความสำคัญในการรองรับความต้องการในอนาคต" นางสาวจตุพร กล่าว
#3452


บริษัท หลักทรัพย์จัดการกองทุนเอไอเอ (ประเทศไทย) จำกัด นำโดย นายสุขวัฒน์ ประเสริฐยิ่ง ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร เป็นตัวแทนรับมอบรางวัล Best New Asset Management Company Thailand ประจำปี 2564 ในหมวด Fund & Asset Management Newcomer Awards จาก Global Banking & Finance Review สื่อการเงินการลงทุนชั้นนำแห่งประเทศอังกฤษ โดยรางวัลดังกล่าวแสดงให้เห็นถึงความแข็งแกร่งและความเชี่ยวชาญพร้อมด้วยประสบการณ์ในด้านการลงทุนของบลจ. เอไอเอ (ประเทศไทย) แม้จะเป็นบลจ. ใหม่ในอุตสาหกรรม โดย บลจ. เอไอเอ (ประเทศไทย) เป็นผุ้บริหารเงินลงทุนให้แก่กลุ่มบริษัท เอไอเอ ซึ่งเป็นหนึ่งในบริษัทประกันชีวิตที่ใหญ่ที่สุดในโลก[1] ผ่านความเชี่ยวชาญด้านการลงทุนใน 18 ประเทศทั่วภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก เสริมด้วยเครือข่ายทางธุรกิจระดับโลก พร้อมทั้งพันธมิตรผู้จัดการกองทุนที่มีชื่อเสียงในระดับสากล

ทั้งนี้ บลจ. เอไอเอ (ประเทศไทย) เริ่มประกอบธุรกิจในปี พ.ศ. 2563 ถือหุ้นโดยกลุ่มบริษัทเอไอเอ ซึ่งเป็นบริษัทชั้นนำระดับโลก ด้วยวิสัยทัศน์ที่ว่า "เราลงทุนเคียงข้างลูกค้า บริหารจัดการสินทรัพย์ผ่านความชำนาญและประสบการณ์ระดับโลก เพื่อสร้างผลตอบแทนที่ดีในระยะยาวให้กับผู้ลงทุน" ปัจจุบัน บลจ. เอไอเอ (ประเทศไทย) มีสินทรัพย์ภายใต้การบริหารประมาณ 800,000 ล้านบาท อันรวมถึงกองทุนรวม และกองทุนส่วนบุคคล ซึ่งถือเป็นบลจ. ที่มีขนาดใหญ่ใน 5 อันดับแรกของอุตสาหกรรมบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน[2] (ข้อมูล ณ เดือนพฤษภาคม 2564)
#3453


นายวุฒิภูมิ จุฬางกูร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท สายการบินนกแอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ NOK เปิดเผยว่า ตามที่ศาลล้มละลายกลางได้มีคำสั่งให้บริษัทฯ ฟื้นฟูกิจการและแต่งตั้งผู้ทำแผนตามที่บริษัทเสนอเมื่อวันที่ 4 พ.ย.2563 และบริษัทได้นำส่งแผนฟื้นฟูกิจการในวันที่ 17 พ.ค.2564 แล้วนั้น บริษัทใคร่ขอรายงานว่า ในวันนี้ (4 ส.ค.) เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ได้มีการจัดการประชุมเจ้าหนี้ของบริษัทเป็นที่เรียบร้อยแล้ว และที่ประชุมได้มีมติตามมาตรา 90/46 แห่งพระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ. 2483 (และที่แก้ไขเพิ่มเติม)

โดยมีเจ้าหนี้ที่มีจำนวนหนี้รวมกันในสัดส่วนร้อยละ 76.72 ของจำนวนหนี้ของเจ้าหนี้ทั้งหมดที่เข้าร่วมประชุมและออกเสียงลงคะแนน ลงมติยอมรับแผนฟื้นฟูกิจการที่ผู้ทำแผนได้ยื่นต่อเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์เมื่อวันที่ 17 พ.ค.2564 และคำร้องขอแก้ไขแผนฟื้นฟูกิจการจำนวน 1 ฉบับที่บริษัทได้ยื่นต่อเจ้าพนักงานพิทักษ์รัพย์เมื่อวันที่ 30 ก.ค.2564 ส่งผลให้บริษัทฯ จะมีผู้บริหารแผนที่ถูกนำเสนอดังนี้

1. นายวุฒิภูมิ จุฬางกูร

2. นายไต้ ชอง อี

3. นายปริญญา ไววัฒนา

4. นายชวลิต อัตถศาสตร์
#3454


ดีป้า เดินหน้าโครงการ Transform ตลาดสดยุควิถีใหม่ รวมพลเครือข่ายดิจิทัลสตาร์ทอัพและผู้ให้บริการด้านดิจิทัล ร่วมจับคู่ธุรกิจกับบรรดาผู้ประกอบการเอสเอ็มอี ร้านค้า หาบเร่ แผงลอย นำร่องพื้นที่ 6 จังหวัด สู่ระบบออนไลน์ สู่สังคมไร้เงินสด พลิกฟื้นเศรษฐกิจฐานรากด้วยเทคโนโลยีและนวัตกรรมดิจิทัล ก้าวข้ามวิกฤตโควิด-19 คาดช่วยสร้างรายได้มากกว่า 300 ล้านบาท

ดร.ณัฐพล นิมมานพัชรินทร์ ผู้อำนวยการใหญ่ สำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล หรือ ดีป้า เปิดเผยว่า นโยบายสำคัญที่ นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอีเอส) มอบหมายให้ ดีป้า ดำเนินการอย่างต่อเนื่องคือ การเร่งส่งเสริมและสนับสนุนให้ทุกภาคส่วนสามารถเข้าถึงและประยุกต์ใช้เทคโนโลยีดิจิทัลตอบโจทย์บริบทของตนเองได้อย่างตรงจุด โดยเฉพาะกลุ่มเศรษฐกิจฐานราก

ดังนั้น ดีป้า จึงได้ดำเนินโครงการ Transform ตลาดสดยุควิถีใหม่ ขึ้น เพื่อส่งเสริมและสนับสนุนให้ผู้ประกอบการวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (เอสเอ็มอี) ผู้ประกอบการรายย่อย ร้านค้า หาบเร่ แผงลอย จำนวน 30,000 ราย สามารถประยุกต์ใช้เทคโนโลยีและนวัตกรรมดิจิทัลจากเครือข่ายดิจิทัลสตาร์ทอัพและผู้ให้บริการด้านดิจิทัล (ดิจิทัลโพรไวเดอร์) เพื่อสร้างโอกาสทางการตลาด เพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินธุรกิจ รองรับการแข่งขันรูปแบบใหม่ เริ่มต้นเดือนสิงหาคมนี้เป็นต้นไป



โดยจะนำร่องในพื้นที่ 6 จังหวัด ประกอบด้วย กรุงเทพมหานคร นครสวรรค์ นครปฐม ชัยนาท สิงห์บุรี และลพบุรี พร้อมวางแผนต่อยอดสู่ปริมณฑลอีก 4 จังหวัดคือ ปทุมธานี นนทบุรี สมุทรสาคร และสมุทรปราการ

ดร.ณัฐพล กล่าวต่อว่า ช่วงเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา ดีป้า ได้จัดประชุมออนไลน์เพื่อชี้แจงรายละเอียดต่าง ๆ ของโครงการ โดยขณะนี้มีดิจิทัลสตาร์ทอัพและผู้ให้บริการดิจิทัลที่มีระบบบริหารจัดการร้านค้า และต้องการเข้าถึงผู้ประกอบการเอสเอ็มอี ธุรกิจการค้าและบริการ ร้านโชห่วย ร้านค้าปลีก-ค้าส่ง หาบเร่ แผงลอย ตอบรับเข้าร่วมโครงการแล้วประมาณ 28 ราย ครอบคลุม 6 กลุ่มเทคโนโลยี ได้แก่ ระบบรับชำระเงินออนไลน์ (E-payment) ระบบจำลองการสนทนา (Chatbot) ระบบการสั่งอาหารหรือสินค้า (Delivery) ระบบการขนส่งสินค้า (Logistics) ระบบบริหารจัดการจุดขาย (Point Of Sales: POS) และระบบบริการ (Service)

"โครงการ Transform ตลาดสดยุควิถีใหม่ นอกจากจะเป็นการยกระดับและติดอาวุธดิจิทัลให้กับผู้ประกอบการเอสเอ็มอี ร้านค้า หาบเร่ แผงลอย เพื่อการเติบโตอย่างมั่นคงและยั่งยืนแล้ว ยังช่วยสร้างโอกาสในการขยายธุรกิจแก่ดิจิทัลสตาร์ทอัพและผู้ให้บริการด้านดิจิทัล ผ่านการจับคู่ธุรกิจกับบรรดาผู้ประกอบการในพื้นที่ตลาดต้นแบบ 6 จังหวัดนำร่อง ซึ่งจะช่วยพลิกฟื้นเศรษฐกิจฐานราก พัฒนาสู่สังคมไร้เงินสด สอดรับกับสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) พร้อมขับเคลื่อนประเทศไทยสู่เศรษฐกิจและสังคมดิจิทัลต่อไป โดยเราประเมินว่า โครงการ Transform ตลาดสดยุควิถีใหม่ จะช่วยเพิ่มรายได้ให้กับผู้ประกอบการในช่วง 5 เดือนแรกไม่น้อยกว่า 300 ล้านบาท" ผู้อำนวยการใหญ่ ดีป้า กล่าว
 
#3455












โควิดลดกระหน่ำ ที่ดินติดถนนเอเซีย ติดถนนพหลโยธิน  AH1  เนื้อที่ 3-1-40 ไร่ ขาย 5ลบ. ต.ตากออก อ.บ้านตาก  จ.ตาก หน้ากว้างติดถนนเอเซียยาว แบ่งโฉนดขาย 1.5 ลบ./ไร่  

ทำเลยอดเยี่ยม ติดถนนAH1 หลักของไทย สายหลักขึ้นเหนือ ทำธุรกิจค้าขายดี เกร็งกำไรได้ ใกล้ตัวเมืองแหล่งชุมชนน้ำไฟเข้าถึง ผ่านจุดสำคัญมากมาย บรรยากาศวิวดี  สดชื่นอากาศดีน่าอยู่  ใกล้สถานที่ราชการสำคัญ ทำเลที่ตั้งดีหายาก เหมาะแก่การทำธุรกิจต่างๆ สร้างรีสอร์ท บ้านพัก ปั๊มน้ำมัน สนใจโทร

083-7124115
Line id : 0837124115

ปักหมุด
https://maps.app.goo.gl/fnyjh5h4krmYAWVB8

 
#3456


"พาณิชย์"เผยจดตั้งบริษัทโฆษณาใหม่ครึ่งปีแรก 557 ราย เพิ่ม 26.59% โตตามกระแสคนไทยใช้สื่อออนไลน์และโซเชียลมีเดียพุ่ง แถมภาคธุรกิจยังให้ความสำคัญกับการโฆษณาผ่านสื่อดิจิทัล แนะเอสเอ็มอี ผู้เริ่มต้นทำธุรกิจ ใช้เป็นช่องทางโปรโมตและสื่อสารถึงลูกค้า

นายสินิตย์ เลิศไกร รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า การจดทะเบียนจัดตั้งธุรกิจโฆษณา ในช่วง 6 เดือนปี 2564 (ม.ค.-มิ.ย.) มีจำนวนการจดทะเบียนใหม่ทั้งสิ้น 557 ราย เพิ่มขึ้น 26.59% มีทุนจดทะเบียน 893.15 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 59.39% เป็นการส่งสัญญาณแนวโน้มการฟื้นตัวที่ดีของธุรกิจโฆษณาในประเทศไทย โดยเฉพาะการโฆษณาดิจิทัล เพราะผลจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 ทำให้พฤติกรรมผู้บริโภคเปลี่ยนไป มีการทำงานที่บ้านและเรียนออนไลน์มากขึ้น ส่งผลให้การใช้งานระบบออนไลน์ การใช้โซเชียลมีเดีย และการรับชมทีวีผ่านอินเทอร์เน็ตเพิ่มขึ้น การโฆษณาผ่านช่องทางเหล่านี้ จึงโตตามไปด้วย

ทั้งนี้ ยังมีปัจจัยสนับสนุนธุรกิจโฆษณาดิจิทัลให้มีอัตราการเติบโต คือ ภาคธุรกิจสามารถเลือกช่องทางการตลาดให้เข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้ตรงจุดมากขึ้น มีแพลตฟอร์มที่เข้าถึงได้ง่ายและรวดเร็ว และการมีเทคโนโลยีที่สามารถรองรับให้ผู้บริโภคเปิดรับสื่อได้ตลอดเวลา โดยเฉพาะช่องทางโซเชียลมีเดียที่มีการเติบโตของการลงเงินโฆษณาถึง 20% โดยสื่อดิจิทัลที่มีเม็ดเงินลงทุน ได้แก่ Facebook 32% , YouTube 23% และ TikTok มีแนวโน้มการเติบโตสูงอยู่ที่ 21% โดยการลงทุนในแต่ละสื่อมีมูลค่าเม็ดเงินสูงถึงพันล้านบาท

สำหรับการโฆษณาทางโซเชียลมีเดียในปัจจุบัน มีความเหมาะสมกับกลุ่มธุรกิจเอสเอ็มอี หรือผู้ที่เพิ่งเริ่มต้นดำเนินธุรกิจ เนื่องจากเป็นช่องทางการสื่อสารกับผู้บริโภคได้อย่างสะดวกรวดเร็วและใช้เงินลงทุนที่ไม่สูงมากนัก แต่ต้องคำนึงถึงกลุ่มเป้าหมายเป็นลำดับแรก การเลือกช่องทางการสื่อสาร การเลือกช่วงเวลา และความถี่ที่เหมาะสม รวมทั้งการคิดนอกกรอบในการสร้างสรรค์สื่อโฆษณา เพื่อให้กลุ่มเป้าหมายที่มีความหลากหลายเข้าใจในคุณค่าของผลิตภัณฑ์หรือสินค้าของลูกค้าได้อย่างแท้จริง จะทำให้ธุรกิจโฆษณาสามารถอยู่รอดในตลาดและสามารถแข่งขันได้อย่างสมบูรณ์และยั่งยืน

ปัจจุบัน มีธุรกิจโฆษณาที่ดำเนินกิจการอยู่จำนวนทั้งสิ้น 10,293 ราย คิดเป็น 1.28% ของธุรกิจทั้งหมดที่ดำเนินกิจการอยู่ และมูลค่าทุนรวม 52,668.81 ล้านบาท คิดเป็น 0.27% ของมูลค่าทุนธุรกิจที่ดำเนินกิจการอยู่ มีสถิติการใช้งานอินเทอร์เน็ต 5.07 ชั่วโมงต่อวัน เป็นอันดับ 3 ของโลก และหากนับรวมการใช้อินเทอร์เน็ตทั้งระบบ คนไทยมีการใช้อินเทอร์เน็ตเพิ่มขึ้นเป็นเฉลี่ยวันละ 10 ชั่วโมง หรือคิดเป็น 41% ของการใช้เวลาภายใน 1 วัน ส่วนข้อมูลของบริษัท นีลเส็น ประเทศไทย จำกัด รายงานว่า ช่วงครึ่งปี 2564 (ม.ค.-มิ.ย.) มีการใช้เม็ดเงินโฆษณาผ่านสื่อประชาสัมพันธ์ทุกช่องทางรวมแล้วจำนวน 53,640 ล้านบาท
#3457


เป็นเรื่องปกติธรรมดาอยู่แล้ว ที่เหล่าเซเลบริตีซึ่งมีธุรกิจของครอบครัวและต่างสืบทอดธุรกิจกันมาจากรุ่นสู่รุ่น แต่จะมีบางบ้านที่อาจจะมีลูกหลายคน และอาจจะมีบางคนไม่อยากทำธุรกิจของครอบครัว แต่อยากที่จะทำตามฝันสร้างธุรกิจเป็นของตัวเอง และมีอีกหลายคนที่จำเป็นต้องช่วยทำธุรกิจของครอบครัวบ้าง แต่มุ่งเดินหน้าธุรกิจของตัวเองอย่างสุดกำลัง ซึ่งจะมีใครบ้างนั้นตามมาดูกัน

อุณาวรรณ ตั้งคารวคุณ
"ยูกิ-อุณาวรรณ ตั้งคารวคุณ" ทายาทคนโตของ อรสา ตั้งคารวคุณ หนึ่งในเจ้าของธุรกิจสี TOA ภายใต้บริษัท ทีโอเอ เพ้นท์ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ยูกิเป็นทายาททางธุรกิจที่ไม่ประสงค์จะสืบสานธุรกิจของครอบครัว แต่รักที่จะเดินทางตามฝันของตัวเองซึ่งชอบแฟชั่นและรักการแต่งตัวมาตั้งแต่เด็กๆ ด้วยการสร้างแบรนด์ "ยูนา" (YUNA) แบรนด์เสื้อผ้าที่เธอปลุกปั้นมากับมือ จนเข้าสู่ปีที่ 10 แล้ว นอกจากนี้ เธอยังนำร้านชานมไข่มุก The Alley จากไต้หวันมาเปิดในไทย จนเป็นที่นิยมของสาวกชานม และขยายสาขาไปกว่า 20 แห่ง โดยเธอนั่งบริหารในตำแหน่งเอ็มดีของบริษัท มิลลาร์รี่ กับธุรกิจด้านอาหารและเครื่องดื่ม ที่เธอหมายมั่นปั้นมือมาจนสำเร็จสมใจ



กรัชเพชร อิสสระ
รายนี้เป็นทายาทของอาณาจักรใหญ่แห่งไขมุกอันดามัน "ปลาเข็ม-กรัชเพชร อิสสระ" ลูกสาวคนเล็กของ สงกรานต์ กับศรีวรา อิสสระ แห่งศรีพันวา ภูเก็ต ที่พี่ชายทั้งสองคน ปลาวาฬ-วรสิทธิ์ และปลาทู-ดิฐวัฒน์ ต่างก็มุ่งมั่นสืบทอดธุรกิจของครอบครัว มีแต่ตัวเธอเท่านั้นที่แม้จะช่วยธุรกิจของที่บ้านอยู่บ้าง แต่ก็ยังมีธุรกิจในฝันของตัวเอง ที่ไม่เกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย์ นั่นก็คือ แบรนด์ KEMISSARA ซึ่งเป็นแบรนด์แฟชั่นที่เธอภาคภูมิใจ สมกับที่เธอร่ำเรียนทางด้านแฟชั่นมาจากอังกฤษ



มธุนาฏ ซอโสตถิกุล
สาวเก่งร่างเล็กแต่ใจใหญ่ ทายาทธุรกิจห้างสรรพสินค้าซีคอนสแควร์, รองเท้านันยาง และผงชูรสตราชฎา "ผึ้ง-มธุนาฏ ซอโสตถิกุล" เป็นลูกสาวของ ธีระ และบุศรา ซอโสตถิกุล หลานสาวของคุณปู่กอบชัย ซอโสตถิกุล หลังจบการศึกษาระดับปริญญาโท เธอก็มุ่งหน้าทำงานด้านศิลปะที่เธอรัก ด้วยการเป็นศิลปินอิสระเจ้าของ "มธุนาฏดีไซน์" ที่มีผลงานเพนต์กำแพงร้านอาหารจนเป็นที่ยอมรับ แม้กระทั่ง ร้านอาหารในสหรัฐอเมริกา ยังต้องใช้บริการฝีมือเพนต์กำแพงของเธอมาแล้วหลายแห่ง จึงทำให้เป็นกำลังใจให้เธอมุมานะที่จะสร้างผลงานของตัวเอง ให้คนจดจำเธอได้ในฐานะมธุนาฏดีไซน์ ไม่ใช่เพราะเธอเป็นทายาทธุรกิจใหญ่



สุวดี พึ่งบุญพระ
ประธานกรรมการบริษัท PP Group Thailand ผู้นำเข้าและจัดจำหน่ายแบรนด์แฟชั่นสุดหรูชื่อดังระดับโลก Givenchy, Loewe, Tory Burch, Longchamp, Roger Vivier, MCM, Off White, Maison Kitsune และ Palm Angels แม้ว่า "ปิ่น-สุวดี พึ่งบุญพระ" จะเติบโตมาในครอบครัวที่ทำธุรกิจด้านการสื่อสารมวลชนและสิ่งพิมพ์ ของคุณพ่อสวาสดิ์ และคุณแม่ประพีร์ ปุ้ยพันธวงศ์ แต่ตัวเธอกลับมาบริหารจัดการในเรื่องเกี่ยวกับแบรนด์สินค้าที่หลากหลายรวมทั้งแบรนด์สตรีทแวร์ ร่วมกับน้องชาย "โอฬาร ปุ้ยพันธวงศ์" จนเป็นที่ยอมรับของหนุ่มสาวในแวดวงสังคม



อภินรา ศรีกาญจนา
"ปรางค์-อภินรา ศรีกาญจนา" ทายาทนักธุรกิจพันล้านแห่งเอเชียประภันภัย ลูกสาวคนโตของ คุณพ่อจุลพยัพ ศรีกาญจนา เจ้าของบริษัท เอเชียประกันภัย กับคุณแม่ยูกิ-นราวดี ผู้บริหารบริษัท เพนดูลัม จำกัด (Pendulum) ที่นอกจากจะช่วยคุณแม่ดูแลร้านธุรกิจร้านอาหาร NARA ร่วมกับน้องๆ แล้ว เธอยังทำธุรกิจสตาร์ทอัพเพื่อสังคมของตัวเองในชื่อ U Drink I Drive ให้บริการส่งคนขับรถรับส่งบุคคลที่ไปดื่มในงานสังสรรค์กลับบ้านอย่างปลอดภัย เพื่อช่วยลดอุบัติเหตุเมาแล้วขับ ล่าสุด เธอได้ร่วมแรงร่วมใจกับเพื่อนสาวรุ่นพี่ ทำธุรกิจใหม่ ONNA ที่แปล "ผู้หญิง ผู้หญิง" ในภาษาญี่ปุ่น เพราะทั้งคู่เรียนจบจากญี่ปุ่น และสาวปรางค์ก็ใช้ผลิตภัณฑ์ดูแลผิวหน้าและผลิตภัณฑ์อื่นๆ จากญี่ปุ่นมาโดยตลอด จึงตกลงกันว่าควรที่จะแบ่งปันสิ่งดีๆ ให้กับผู้ที่รักสวยรักงามได้ดูแลตัวเอง จึงเป็นที่มาของ @onnaonna2021 นับเป็นธุรกิจใหม่ที่น่าสนใจของสาวปรางค์



วารีนิธิ-วาริธร กันท์ไพบูลย์
ดีไซเนอร์สาวสวย "บูบี-วารีนิธิ กันท์ไพบูลย์" ผู้ก่อตั้งแบรนด์เสื้อผ้า Varithorn Boutique ร่วมกับพี่สาว "เปเป้-วาริธร กันท์ไพบูลย์" ทั้งสองเป็นลูกสาวของนักธุรกิจด้านอสังหาริมทรัพย์ชาวฮ่องกง คุณพ่อไกรวุฒิ กับคุณแม่ศศิ กันท์ไพบูลย์ และสร้างแบรนด์เสื้อผ้าให้เป็นที่รู้จักมาได้ถึง 9 ปีแล้ว ไม่เพียงฮอตฮิตในประเทศไทยเท่านั้น ยังส่งออกไปจำหน่ายในหลายประเทศอีกด้วย และด้วยความที่สาวบูบีรักและหลงเสน่ห์ในซูเปอร์คาร์ ปัจจุบันสาวบูบียังทำธุรกิจ The Ultimate Rides ซึ่งเป็นตัวกลางในการซื้อขายรถยนต์ระดับลักชัวรีอีกด้วย ขณะที่ เปเป้ พี่สาวก็มีธุรกิจแบรนด์น้ำตาลโตนด "ตาลสยาม" (Tansiam), ร้านชานมไข่มุก "ราก" (Raak) และคลินิกเสริมความงาม "Infinity Clinic"



ระริน ธรรมวัฒนะ
แม้ว่าจะเป็นลูกหลานของตระกูลใหญ่ ผู้ทำธุรกิจตลาดยิ่งเจริญอันโด่งดังแห่งหนึ่งของเมืองไทย แต่สาวระรินเธอกลับมาปลุกปั้นแบรนด์ไอศกรีมฝีมือคนไทย Guss Damn Good ร่วมกับเพื่อนสนิท นที จรัสสุริยงค์ ซึ่งเป็นคราฟต์ไอศกรีมที่มีคาแรกเตอร์ของตัวเองมาได้ 7 ปี จนเป็นที่ถูกอกถูกใจเหล่าไอศกรีมเลิฟเวอร์



ชยพล หลีระพันธ์
ลูกหลานตระกูลธรรมวัฒนะอีกหนึ่งคน โดยปอนด์เป็นลูกชายคนโตของ อ.มัลลิการ์ (ธรรมวัฒนะ) หลีระพันธ์ แต่เขากลับมุ่งเดินหน้าทำธุรกิจของตัวเอง ไม่ได้สนใจในธุรกิจใหญ่โตของตระกูล ซึ่งที่ผ่านมาแม้ว่าเขาจะเป็นผู้สืบทอดธุรกิจร้านอาหาร มัลลิการ์ ต่อจากคุณแม่ของเขา แต่เขากลับทำให้ธุรกิจนี้โด่งดังและเป็นที่จดจำด้วยตัวของเขาเอง ด้วยไอเดียที่สร้างสรรค์ ไม่ซ้ำใครของเขานั่นเอง



วฤธ หงสนันทน์
คุ้นหน้าคุ้นตากันดีทางหน้าจอทีวี ในบทบาทนักแสดงหนุ่ม "เป๋า-วฤธ หงสนันทน์ บุตรชายคนเล็กของ ศักดิ์ชัย หงสนันทน์ ประธานกรรมการ บริษัท สุปรีมทรัค จำกัด ผู้แทนจำหน่ายรถบรรทุกยี่ห้อ FAW ที่ใหญ่ที่สุดในประเทศ กับวิสาขา หงสนันทน์ น้องชายของพ่อหนุ่มกล้ามล่ำ ปาล์ม-ฐณส หงสนันทน์ ที่ปล่อยให้คุณพี่ชายสุดหล่อลุยธุรกิจของครอบครัวไปอย่างเต็มตัว ส่วนตัวเองหันมาเอาดีด้านการแสดงและนายแบบไปพลางๆ เพราะความที่รักทางด้านแฟชั่นและศิลปะ หล่อเลือกได้ของจริงคร่า



ฐิติกุล อยู่วิทยา
"พลอย-ฐิติกุล อยู่วิทยา" หนึ่งในทายาทผู้ก่อตั้งเครื่องดื่มกระทิงแดง หลานสาวของคุณปู่เฉลียว อยู่วิทยา ที่เธอฉีกแนวมาทำธุรกิจเกี่ยวกับสัตว์เลี้ยงแบบครบวงจร "พอว์พาลส์" นับเป็นธุรกิจที่ไม่เกี่ยวเนื่องกับธุรกิจของครอบครัวอย่างสิ้นเชิง แต่เป็นธุรกิจที่สาวพลอยทำเพราะใจรักอย่างแท้จริง จากพื้นฐานที่เป็นคนรักสุนัขมาก จึงอยากทำธุรกิจเกี่ยวกับน้องหมา ปัจจุบันสาวพลอยทำธุรกิจในฝันของตัวเองมาได้ถึง 8 ปีแล้ว
#3458


เมื่อเร็วๆนี้ เครือเจริญโภคภัณฑ์ องค์กรที่มุ่งมั่นและสนับสนุนการสร้างสรรค์และเปลี่ยนแปลงโลกสู่ความยั่งยืนได้ส่ง 20 ตัวแทนเยาวชนและคนรุ่นใหม่จากกลุ่มธุรกิจในเครือฯ เข้าร่วมการประชุมระดับนานาชาติ One Young World Summit 2021 ซึ่งเป็นการประชุมสุดยอดผู้นำเยาวชนที่ใหญ่ที่สุดในโลก ระหว่างวันที่ 22-25 กรกฎาคม 2564 ณ Olympic Hall  เมืองมิวนิค ประเทศเยอรมนี

โดยปีนี้จากสถานการณ์โควิด-19 ได้ปรับรูปแบบเป็นการจัดประชุมเสมือนจริงผ่านทางออนไลน์ (Virtual Summit) และถ่ายทอดสดจากกรุงมิวนิคเพื่อออนไลน์ไปยังผู้เข้าร่วมทั่วโลก ซึ่งบรรยากาศการประชุมเป็นไปด้วยความคึกคัก มีตัวแทนเยาวชนและผู้นำคนรุ่นใหม่กว่า 1,700 คน จาก 170 ประเทศทั่วโลกเข้าร่วมเพื่อแสวงหาความร่วมมือและแนวทางแก้ปัญหาสำคัญต่าง ๆ ของโลกเพื่อนำไปสู่โลกที่ยั่งยืนในทุกมิติ

เครือซีพีตระหนักถึงการส่งเสริมและสร้างบทบาทผู้นำเยาวชนคนรุ่นใหม่ของไทยที่จะขึ้นมาเป็น "The Change Maker" หรือผู้นำสร้างการเปลี่ยนแปลง ให้แก่สังคมและประเทศชาติ เพื่อเป็นพลังสำคัญในการสร้างการเปลี่ยนแปลงให้โลกที่ยั่งยืนต่อไปในอนาคต โดยในงานมี นางอังเกลา แมร์เคิล นายกรัฐมนตรีประเทศเยอรมนี ให้เกียรติกล่าวต้อนรับผู้ร่วมงาน นายดีเทอร์ เรเทอร์ นายกเทศมนตรีเมืองมิวนิค พร้อมด้วย นางเคท โรเบิร์ตสัน และ นายเดวิด โจนส์ สองผู้ก่อตั้ง One Young World Summit ร่วมกล่าวเปิดการประชุมสุดยอดผู้นำเยาวชนที่ใหญ่ที่สุดในโลกครั้งนี้ 


นางอังเกลา แมร์เคิล นายกรัฐมนตรีเยอรมนี กล่าวว่า การจัดประชุม One Young World Summit ได้รวมเหล่าผู้นำคนรุ่นใหม่และเยาวชนที่มีศักยภาพจากประเทศต่างๆทั่วโลกมารวมตัวกันเพื่ออภิปรายแลกเปลี่ยนมุมมองสำคัญในแต่ละหัวข้อสำคัญของโลกที่ครอบคลุมในทุกมิติตั้งแต่การปกป้องรักษาสิ่งแวดล้อม การศึกษา เสรีภาพในการแสดงความคิดเห็น การขจัดความยากจน เป็นต้น

สำหรับปีนี้ถือเป็นโอกาสอันล้ำค่าของเมืองมิวนิคที่ได้เป็นเจ้าภาพจัดการประชุมที่จะทำให้มองประเด็นปัญหาของโลกที่เกิดขึ้นผ่านสายตาของคนรุ่นใหม่ และเป็นรากฐานสำคัญในการหารือแนวทางแก้ปัญหาโลกได้อย่างตรงจุด และนำไปสู่การเตรียมความพร้อมที่จะรับมือต่อปัญหาที่เป็นวิกฤตเร่งด่วน

ทั้งยังเป็นเวทีที่ได้รวมคนรุ่นใหม่อย่างพร้อมเพรียงเพื่อให้เราตระหนักว่า เราจะสามารถเอาชนะปัญหาที่เกิดขึ้นในโลกไปด้วยกันได้ ท่ามกลางสถานการณ์การแพร่ระบาดไวรัสโควิด-19 ที่ทำให้ทั่วโลกตกอยู่ในภาวะวิกฤตเสียขวัญมาเป็นเวลากว่า 1 ปีครึ่ง งานประชุมนี้จึงถือเป็นทั้งโอกาสและความคืบหน้าที่ดีขึ้นของโลกใบนี้ที่แม้การจัดประชุมอยู่ภายใต้สถานการณ์ที่ยากลำบากจากวิกฤตโควิด-19 แต่เชื่อมั่นว่าจะจุดประกายสร้างแรงบันดาลใจให้กับเราทุกคน

สำหรับการประชุม One Young World 2021 ได้วางประเด็นหารือแนวทางแก้ปัญหาวิกฤตสำคัญของโลกไว้ด้วยกัน 6 ประเด็น คือ 

1.การเปลี่ยนแปลงภูมิอากาศ (Climate Crisis)

2.การศึกษา (Education) 

3.สิทธิและเสรีภาพ (Rights & Freedom)

4.การแก้ปัญหาความขัดแย้ง (Conflict Resolution)

5.การพัฒนาเศรษฐกิจในอนาคต (Future Economies) 

6.บทเรียนจากโรคระบาด (Lessons from The Pandemic)

พร้อมกันนี้ยังได้เชิญตัวแทนผู้นำ ผู้มีชื่อเสียงระดับโลกมาร่วมปาฐกถาพิเศษเพื่อจุดประกายการเป็นผู้นำสร้างการเปลี่ยนแปลงให้แก่ตัวแทนเยาวชนคนรุ่นใหม่ด้วย อาทิ ศาสตราจารย์ มูฮัมหมัด ยูนุส นักเศรษฐศาสตร์เจ้าของรางวัลโนเบลสาขาสันติภาพ ผู้ริเริ่มแนวคิดธุรกิจเพื่อสังคม นายโรแลนด์ บุช ประธานคณะกรรมการบริหารของบริษัท ซีเมนส์ เอจี เยอรมนี นายโธมัส บาค ประธานคณะกรรมการโอลิมปิกสากล หรือ ไอโอซี (IOC) เซอร์บ๊อบ เกลดอฟ  ศิลปินและนักเคลื่อนไหวทางการเมืองชื่อดังในประเด็นการต่อต้านความยากจนในแอฟริกา ศาสตราจารย์ โชชาน่า ซูบอฟ (Professor Shoshana Zuboff) นักวิชาการชื่อดังด้านสิทธิและเสรีภาพ และนางแองเจล่า หวัง (Angela Hwang) สมาชิกของทีมผู้บริหารของไฟเซอร์และประธานกลุ่มของกลุ่มบริษัท ชีวเภสัชภัณฑ์ของไฟเซอร์ เป็นต้น


นายดีเทอร์ เรเทอร์ นายกเทศมนตรีมิวนิค กล่าวเปิดงานว่า หัวใจสำคัญของการประชุมผู้นำรุ่นใหม่ระดับโลกครั้งนี้  คือ 'Pacmaso' หรือ การลงมือทำ การร่วมแรงร่วมใจเพื่อสร้างความเปลี่ยนแปลงและสร้างความสำเร็จไปด้วยกัน โดยการรวมตัวกันของตัวแทนผู้นำรุ่นใหม่จากทั่วโลกครั้งนี้ถือเป็นโอกาสอันยิ่งใหญ่ที่จะได้ผนึกกำลัง ร่วมแลกเปลี่ยนประสบการณ์และมุมมองต่อประเด็นสำคัญทางสังคมถึง 6 ประเด็นที่ต้องใช้พลังคนรุ่นใหม่มาร่วมแก้ปัญหาเร่งด่วนนี้

นางเคท โรเบิร์ตสัน และ นายเดวิด โจนส์ สองผู้ก่อตั้งเวทีการประชุมผู้นำรุ่นใหม่ ได้กล่าวต้อนรับเหล่าตัวแทนเยาวชนคนรุ่นใหม่และพูดถึงบทบาทของเวทีนี้ว่าจะช่วยส่งเสริมสนับสนุนและสร้างสัมพันธ์อันดีระหว่างผู้นำรุ่นใหม่ทั่วโลกที่จะก้าวออกไปเป็นผู้ร่วมเปลี่ยนแปลงโลก และมุ่งหวังว่าจะได้จุดประกายให้เกิดหนทางแก้ปัญหาใหม่ ๆ  ผ่านกิจกรรมและโครงการที่ผู้นำเยาวชนของแต่ละประเทศจะร่วมกันขับเคลื่อนต่อไปเพื่อสร้างความเปลี่ยนแปลง ร่วมผนึกมุมมองที่แตกต่างทางความคิดเพื่อขับเคลื่อนแก้ไขปัญหาต่าง ๆ ในโลกใบนี้ เพราะเชื่อมั่นว่าความหลากหลาย คือ จุดแข็งของโลกยุคใหม่


ด้านตัวแทนเยาวชนคนรุ่นใหม่จากเครือซีพี ได้แสดงทัศนะต่อประเด็นท้าทายสำคัญของโลก

น.ส.จารุพร สุขเกษตร ตัวแทนจากกลุ่มเจียไต๋  ธุรกิจในเครือซีพี ซึ่งสนใจประเด็นการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศ  กล่าวว่า สังคมหันมาสนใจปัญหานี้มากขึ้น แต่ยังไม่ได้มีการแก้ไขอย่างทั่วถึง ในฐานะที่ทำงานอยู่ในแวดวงเกษตรโดยตรง ทำให้ได้เห็นความเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศอย่างชัดเจนทั้งจากปัญหาภัยแล้ง น้ำท่วมที่ส่งผลกระทบโดยตรงต่อเกษตรกรและผลผลิต ต่อเนื่องไปจนถึงความมั่นคงทางอาหาร

ดังนั้นเป็นเรื่องสำคัญที่จะต้องสร้างความตระหนักรู้และเร่งแก้ไขปัญหาอย่างรวดเร็วให้มีประสิทธิภาพ เช่น การนำแนวคิดเกษตรแม่นยำเข้ามาช่วยพัฒนาขั้นตอนการผลิต รวมไปถึงการพัฒนาสายพันธุ์พืชที่ทนต่อความเปลี่ยนแปลงในทุก ๆ สภาพอากาศ ซึ่งเป็นสิ่งที่ท้าทายมาก จึงอยากเป็นหนึ่งในกระบอกเสียงที่จะสร้างความตระหนักรู้โดยเชื่อว่าจะต้องเริ่มต้นจากตัวเราในการลงมือทำแก้ไขปัญหาและจุดประกายให้คนอื่นร่วมกันเป็นส่วนหนึ่งในการสร้างความเปลี่ยนแปลงให้กับโลกใบนี้

นายชยพัทธ์ ปทุมนากุล จากกลุ่มทรู ในเครือซีพี กล่าวถึงประเด็นด้านการศึกษาว่า การศึกษาเป็นจุดเริ่มต้นของการพัฒนาสังคม เป็นพื้นฐานสำคัญที่ทุกคนควรได้รับโอกาสในการเข้าถึงการศึกษาอย่างเท่าเทียมและมีประสิทธิภาพ สิ่งที่จะเป็นตัวช่วยสำคัญในการแก้ไขปัญหาความเหลื่อมล้ำที่ทุกคนจะสามารถเข้าถึงการศึกษาคือการนำเทคโนโลยีเข้ามาช่วยพัฒนาระบบการศึกษาให้เข้าถึงทุกพื้นที่ของประเทศ โดยเฉพาะในพื้นที่ห่างไกล โดยจะต้องมีการเสริมทักษะ upskills และ reskills ทางด้านดิจิทัลให้กับเยาวชนเพื่อลดช่องว่างในการเข้าถึงการศึกษาในยุค 4.0

สำหรับการประชุม One Young World Summit 2021 ในปีนี้ได้สรุปปิดการประชุมด้วยการตอกย้ำความสำคัญในเรื่อง "ความหลากหลายทางความคิด" ที่จะเป็นส่วนสำคัญในการผลักดันสังคมให้เกิดความยั่งยืนในอนาคต โดยต้องสนับสนุนคนรุ่นใหม่ให้ได้แสดงบทบาทความเป็นผู้นำ ตลอดจนพัฒนาทักษะองค์ความรู้ใหม่ๆขึ้นมารวมถึงการใช้เทคโนโลยีให้เกิดประโยชน์สูงสุดสิ่งเหล่านี้จะสร้างความเปลี่ยนแปลงให้เกิดขึ้นในอนาคตได้ สำหรับการประชุม One Young World Summit ในปี 2022 จะจัดขึ้นที่ประเทศญี่ปุ่น
#3459


แกร็บ ไฟแนนเชียล กรุ๊ป เดินหน้าขยายการให้บริการแกร็บเพย์ วอลเล็ต (GrabPay Wallet) สนองตอบการใช้ชีวิตแบบสังคมไร้เงินสด เพิ่มความสะดวกสบายให้พาร์ทเนอร์คนขับและร้านค้า พร้อมมอบความคุ้มค่าและบริการชำระเงินที่ปลอดภัยแก่ผู้ใช้บริการภายในอีโคซิสเต็มของแกร็บ ผ่านการเปิดใช้งานและเติมเงินเข้า แกร็บเพย์ วอลเล็ต ง่ายๆ ผ่าน 3 ธนาคาร ได้แก่ ธนาคารกสิกรไทย ธนาคารไทยพาณิชย์ และธนาคารกรุงศรีอยุธยา

นายวรฉัตร ลักขณาโรจน์ กรรมการผู้จัดการ แกร็บ ไฟแนนเชียล กรุ๊ป กล่าวว่า แกร็บ ไฟแนนเชียล กรุ๊ป มุ่งขยายการบริการแกร็บเพย์ วอลเล็ต อย่างต่อเนื่องในยุคแห่งสังคมไร้เงินสด เพื่อเพิ่มความสะดวกสบาย และปลอดภัยให้กับผู้ใช้งานในอีโคซิสเต็มส์ของแกร็บ ทั้งผู้ใช้บริการ พาร์ทเนอร์คนขับ และพาร์ทเนอร์ร้านค้า

โดยล่าสุดได้ร่วมมือกัน 3 ธนาคารชั้นนำ ได้แก่ ธนาคารกสิกรไทย ธนาคารไทยพาณิชย์ และธนาคารกรุงศรี ในการให้บริการเติมเงินเพื่อใช้ชำระค่าบริการในอีโคซิสเต็มของแกร็บได้อย่างง่ายดาย โดยไม่ต้องใช้บัตรเดบิต หรือเครดิต ตอบโจทย์ผู้บริโภคที่ต้องการความสะดวกสบายและเพลิดเพลินกับสิทธิประโยชน์ของการชำระเงินแบบไร้เงินสด

เพื่อเพิ่มความมั่นใจ และความปลอดภัยในทุกๆ การชำระเงิน ลูกค้าของทั้ง 3 ธนาคารสามารถยืนยันตัวตนอิเล็กทรอนิกส์ (e-KYC) ทุกครั้งก่อนใช้บริการด้วยตนเอง ผ่านแอปพลิเคชันแกร็บ นอกจากนี้ แกร็บยังมอบความคุ้มค่า ด้วยโปรโมชันสุดพิเศษเพื่อผู้ใช้งาน แกร็บเพย์ วอลเล็ต โดยเฉพาะ ผู้ใช้บริการสามารถรับส่วนลดสูงสุด 1,000 บาทต่อเดือนทุกบริการ Grab เมื่อใส่รหัส WALLET ตั้งแต่วันนี้ ถึงวันที่ 31 ธันวาคม 2564
#3460


เรื่องของฤกษ์อันเหมาะในวิถีกระทำการต่างๆนี้ น่าสนใจเป็นอย่างมาก ดิฉันได้ทดลองแล้วพบว่าได้ผลจริงในหลายๆเรื่อง จึงตั้งใจจะแบ่งปันให้เพื่อนๆ นำไปใช้งานกันทุก 2 เดือน

สำหรับคนทำแปลงเกษตร "ภูมิปาโลฤกษ์" จะเหมาะกับการปลูก พืชผล พริก กะเพรา ถั่วนานาชนิด ฯลฯ ให้ออกผลดกมหาศาล จนกิ่งโย้

แล้วเวลาปลูกต้นไม้ จะต้องทำใจดีๆ อธิษฐานจิตดีๆ ให้จิตเคลื่อนไปด้วยรัก เมตตา อภัยทาน

ละโลภ โกรธ หลง ในเวลานั้น ถือเป็นต้นทางในการฝึกจิตด้วยก็ได้ อยู่นิ่งๆกับความรู้สึกตัวสดๆ กับอุเบกขาธรรม ของการ "ไม่เป็นไร"

คุณพ่อดิฉันเคยเล่าถึงคาถาปลูกต้นไม้ ไว้ในหนังสือ เกิดเป็นคนใต้ ของท่านว่า

"แม่เคยบอกผมว่า เวลาน่ำข้าวหรือปลูกต้นไม้ ให้ท่องคาถาด้วย ข้าวหรือต้นไม้จะได้เติบโตงอกงาม คาถาว่าดังนี้ "พุทธัง(ธัมมัง สังฆัง) ผลาผล นกเกาะได้บุญ คนกินเป็นทาน"

คาถาที่ว่านี้ ดูจากเนื้อความหรือสาระแล้ว ผมคิดว่า เป็นความงามในวิถีชีวิตของชาวพุทธ และเชื่อว่าบัดนี้คงไม่มีผู้ใดว่าคาถาปลูกพืชหรือผลาผลเช่นนี้ เพราะผมเองก็ยังลืม กว่าจะนึกได้ ก็ต้องทบทวนสอบหากันอยู่นาน"

ดังนั้นปลูกต้นไม้ในช่วงภูมิปาโลฤกษ์แล้ว ท่องคาถานี้กำกับด้วย ก็จะได้ผลดีอย่างยิ่ง

สำหรับคนทำการค้าขาย สมควรอย่างยิ่งที่จะเปิดตัวสินค้าในช่วง "มหัทธโนฤกษ์" หรือฤกษ์เศรษฐี เพราะจะทำให้สินค้าขายได้ ขายดี

สำหรับคนต้องการกู้หนี้ ยืมสิน ทวงเงินจากลูกหนี้ ขอบริจาค ควรจะใช้ "ทลิทโทฤกษ์" ฤกษ์ขอทาน หรือฤกษ์ชูชก จะหาเงินได้เป็นกอบเป็นกำ นับเงินเพลิดเพลิน

ในช่วงเดือนกรกฎาคม-สิงหาคม 2564 นี้ ดิฉันจึงขอแจ้งเรื่องฤกษ์มาให้เพื่อนๆได้ใช้งานตามวิชาชีพ ตามถนัดของแต่ละคนเลยนะคะ โดยอ้างอิงตามไดอารี่โหร พ.ศ.2564 ของครูทองเจือ อ่างแก้ว ในช่วง 2 เดือนนี้ ดังนี้

ในวันที่ 1 กรกฎาคม 2564– 31 สิงหาคม 2564

ฤกษ์ปลูกต้นไม้ ทำเกษตร ได้ผลงอกงาม (ภูมิปาโลฤกษ์)
1.วันอังคาร 6 กรกฎาคม ตั้งแต่เวลา 14.42 น. ถึงวันพุธ 7 กรกฎาคม เวลา 16.42 น.
2.วันศุกร์ 16 กรกฎาคม ตั้งแต่เวลา 00.01 น. ถึงวันศุกร์ 16 กรกฎาคม เวลา 24.00 น.
3.วันเสาร์ 24 กรกฎาคม ตั้งแต่เวลา 13.06 น. ถึงวันอาทิตย์ 25 กรกฎาคม เวลา 12.18 น.
4.วันจันทร์ 2 สิงหาคม ตั้งแต่เวลา 21.06 น. ถึงวันอังคาร 3 สิงหาคม เวลา 24.00 น.
5.วันพฤหัสบดี 12 สิงหาคม ตั้งแต่เวลา 08.42 น. ถึงวันศุกร์ 13 สิงหาคม เวลา 07.54 น.
6.วันศุกร์ 20 สิงหาคม ตั้งแต่เวลา 21.06 น. ถึงวันเสาร์ 21 สิงหาคม เวลา 20.18 น.
7. วันจันทร์ 30 สิงหาคม ตั้งแต่เวลา 05.54 น. ถึงวันอังคาร 31 สิงหาคม เวลา 08.18 น.

ฤกษ์เก็บผลผลิตขาย เริ่มเปิดร้านค้า เริ่มเปิดขายของออนไลน์ ติดต่อการขายให้ขายสินค้าได้คล่องได้ดี ใช้ฤกษ์เศรษฐี มหัทธโนฤกษ์
1. วันอาทิตย์ 4 กรกฎาคม ตั้งแต่เวลา 10.18 น. ถึงวันจันทร์ 5 กรกฎาคม เวลา 12.18 น.
2. วันพุธ 14 กรกฎาคม ตั้งแต่เวลา 01.30 น. ถึงวันพฤหัสบดี 15 กรกฎาคม เวลา 01.30 น.
3. วันพฤหัสบดี 22 กรกฎาคม ตั้งแต่เวลา 15.30 น. ถึงวันศุกร์ 23 กรกฎาคม เวลา 13.54 น.
4. วันเสาร์ 31 กรกฎาคม ตั้งแต่เวลา 16.42 น. ถึงวันอาทิตย์ 1 สิงหาคม เวลา 18.42 น.
5. วันอังคาร 10 สิงหาคม ตั้งแต่เวลา 09.30 น. ถึงวันพุธ 11 สิงหาคม เวลา 09.30 น.
6. วันพุธ 18 สิงหาคม ตั้งแต่เวลา 23.54 น. ถึงวันพฤหัสบดี 19 สิงหาคม เวลา 22.42 น.
7. วันเสาร์ 28 สิงหาคม ตั้งแต่เวลา 01.30 น. ถึงวันอาทิตย์ 29 สิงหาคม เวลา 03.30 น.


ฤกษ์ขอความช่วยเหลือ ขอเงิน ขอบริจาค ทวงหนี้ ขอสิทธิที่ตัวเองพึงมีพึงได้ ใช้ฤกษ์ชูชก ทลิทโทฤกษ์
๑.วันเสาร์ 3 กรกฎาคม ตั้งแต่เวลา 08.18 น. ถึงวันอาทิตย์ 4 กรกฎาคม เวลา 10.18 น.
๒.วันอังคาร 13 กรกฎาคม ตั้งแต่เวลา 01.30 น. ถึงวันพุธ 14 กรกฎาคม เวลา 01.30 น.
๓.วันพุธ 21 กรกฎาคม ตั้งแต่เวลา 17.06 น. ถึงวันพฤหัสบดี 22 กรกฎาคม เวลา 15.30 น.
๔.วันศุกร์ 30 กรกฎาคม ตั้งแต่เวลา 15.06 น. ถึงวันเสาร์ 31 กรกฎาคม เวลา 16.42 น.
๕.วันจันทร์ 9 สิงหาคม เวลา 09.06 น. ถึงวันอังคาร 10 สิงหาคม เวลา 09.30 น.
๖.วันพุธ 18 สิงหาคม เวลา 00.01 น. ถึงวันพุธ 18 สิงหาคม เวลา 23.54 น.
๗.วันพฤหัสบดี 26 สิงหาคม เวลา 21.54 น. ถึงวันเสาร์ 28 สิงหาคม เวลา 01.30 น.
...............
ดูรายละเอียดเพิ่มเติมที่เฟซบุ๊ค นิพัทธ์พร เพ็งแก้ว