• Welcome to ลงประกาศฟรี โพสฟรี โปรโมทเว็บไซด์ให้ติดอันดับ SEO ด้วย PBN.
 

poker online

ปูนปั้น

Menu

Show posts

This section allows you to view all posts made by this member. Note that you can only see posts made in areas you currently have access to.

Show posts Menu

Topics - Beer625

#3501
เพนดูลั่มลูกดิ่งพลังจิต พร้อมคู่มือ 399 บาท

ประโยชน์ของเพนดูลั่ม
ใช้สื่อสารกับเทพ เทวดาและถามในสิ่งที่เราไม่รู้ ใช้สำหรับตรวจประเมินสุขภาพ ใช้เลือกสิ่งที่เหมาะกับตัวเรา ตรวจฮวงจุ้ย ตรวจเช็คพลัง วัตถุมงคล ตรวจหาของหาย ใช้ทำน้ำมนต์ ใช้ดึงพลังเข้าตัว
การตรวจเช็คพุทธคุณ พลังจากพระเครื่อง วัตถุมงคล ของทนสิทธิ์ ต่าง ๆ
โดยปกติจะทำได้เฉพาะผู้ทรงญาณสมาบัติ แต่วิธีง่าย ๆ โดยผู้ที่มีสมาธิเ้พียงขณิกสมาธิ (แนะนำให้ได้ถึงอุปจารสมาธิ) ก็สามารถทำได้ โดยการใช้เพนดูลั่มเป็นตัวตรวจเช็ค ซึ่งจะมีความถุูกต้องประมาณ 80-90 % โดยผู้ที่ตรวจจะต้อง
1. วางอุเบกขา ให้ได้ ไม่คิดไปก่อน หรือบังคับให้เพนดูลั่ม ทำตามสิ่งที่คิด
2. ต้องมีพื้นฐานความรู้เรื่องวัตถุมงคล เล็กน้อย เช่น รู้ว่า พระเครื่อง วัตถุมงคล จะมีความเด่น ด้านใดบ้าง ซึ่งก็จะมี เด่นด้าน
- เมตตามหานิยม คนรักคนชอบ เข้าหาลูกค้า เข้าหาเจ้านาย
- แคล้วคลาดปลอดภัย
- คงกระพันชาตรี
- มหาอุต ปืนแตก
- มหาลาภ เกี่ยวกับด้านโชค ลาภ
- ป้องกันคุณไสย
- กันสะท้อน คือป้องกันคุณไสย แล้วยังสะท้อนกลับไปยังผู้ที่ปล่อยคุณไสยนั้น โดยแรงสะท้อนกลับก็จะขึ้นกับผู้ที่ใส่วัตถุมงคลนั้น ๆ เช่น ผู้ที่ทรงศีลบริสุทธิ์แรงสะท้อนก็จะมากกว่ากว่าคนที่ศีลขาด คนที่มีศีล 8 ก็จะมากกว่า คนมีศีล 5 ....
- ทำน้ำมนต์ คือวัตถุมงคลนั้น ๆ สามารถนำไปทำน้ำมนต์รักษาโรค ได้
- อื่น ๆ
สำหรับวิธีการใช้เพนดูลั่มในการตรวจเช็ควัตถุมงคล
1. นำวัตถุมงคล พระเครื่อง เครื่องราง ของทนสิทธิ์ นั้น ๆ วาง ไว้บนพื้นโต๊ะ หรือบนภาชนะที่สูงกว่าพื้นธรรมดา หากอาจใช้หนังสือ ผ้ามารองก่อนว่า เพื่อมิให้เป็นการปรามาส
2. ขอขมาพระรัตนตรัย ก่อน เพื่อบอกกล่าว ว่าการตรวจเช็คนี้ไม่ได้มีเจตนาที่จะปรามาส แต่เพื่อเป็นขวัญและกำลังใจ เพื่อเป็นการเพิ่มความมั่นใจว่าวัตถุมงคลชิ้นนี้ได้ผ่านการปลุกเสก หรือพุทธาภิเศก มาแล้ว (วิธีการนี้ก็จะสามารถตรวจดูพระปลอม ที่เขาทำปลอม หรือทำเกินจำนวนแล้วไม่ได้เข้าพิธี แต่ก็มีบางกรณีที่มวลสารในการสร้างพระเป็นมวลสารที่มีความศักดิ์สิทธิ์อยู่แล้ว ในกรณีนี้ก็ต้องยิ่งคำถามที่แตกประเด็นออกไป)
3. ใช้เพนดูลั่ม จ่อเหนือวัตถุมงคลนั้น ๆ ให้ห่างจากวัตถุมงคลประมาณ 1 น้ิว เป็นอย่างน้อย เพื่อป้องกันการกระทบด้วยแรงแหว่งซึ่งมาจากวัตถุมงคลนั้น ๆ
4. ดูทิศทางของแรงแหว่งที่ออกมาจากวัตถุมงคลนั้น ๆ ว่าไปตามทิศทางใดบาง ซึ่งต้องใช้ประสบการณ์ โดยทั่วไปถ้าพุทธคุณรอบด้าน จะทำให้เพนดูลั่มหมุนเป็นวงกลม ถ้าแรงแหว่งมีมากก็แสดงว่ามีพุทธคุณมากตาม บางองค์ แทบจะทำให้เพนดูลั่มหลุ่ดจากมือ
5. ตั้งคำถาม ถามเพนดูลั่ม ไปที่ละข้อ ตามความเด่นของวัตถุมงคล เช่น พระองค์นี้เด่นด้านมหาลาภ ด้านคงกระพันชาตรี ... ไปเรื่อย ๆ จนครบ แล้วก็จะทราบว่าพระองค์นี้เด่นด้าน....ครบทุกด้านหรือไม่
การใช้เพนดูลั่มตรวจพลังนี้สามารถตรวจพลังของหิน ได้ จึงเป็นที่นิยมของนักสะสมหิน จะมีเพนดูลั่มในการตรวจพลังหินไว้ติดตัว

ต้องการข้อมูลเพิ่มเติม สั่งซื้อบูชา ทักแชทได้เลยหรือติดต่อได้ที่

โทร. 0846623662
id line : teerapat999

ลาซาด้า
https://www.lazada.co.th/.../-i1134792176-s2626624357...
#3503


ผลการศึกษาจากฮังการีที่ยังไม่ได้รับการรีวิวจากเพื่อนร่วมวงการ ระบุว่า วัคซีนป้องกันโควิด-19 ของซิโนฟาร์มมีประสิทธิภาพน้อยในการปกป้องผู้สูงวัย

สำนักข่าวรอยเตอร์รายงาน การศึกษาตัวอย่างเลือดจากประชาชน 450 คนในฮังการีที่ได้รับวัคซีนซิโนฟาร์มเข็มที่ 2 มาแล้วอย่างน้อยสองสัปดาห์พบว่า 90% ของผู้ที่อายุต่ำกว่า 50 ปี มีแอนติบอดีที่สามารถป้องกันการติดเชื้อได้ แต่เมื่ออายุมากขึ้นระดับภูมิคุ้มกันลดลง

ประมาณการความน่าจะเป็นที่ภูมิคุ้มกันไม่ตอบสนองในกลุ่มอายุ 60 ปีอยู่ที่ราว 25% และราว 50% ในกลุ่มอายุ 80 ปีผู้สูงวัยหลายคนไม่สามารถสร้างภูมิคุ้มกันได้ เท่ากับว่าควรมีมาตรการป้องกันโควิด-19ระบาดในคนกลุ่มนี้


อย่างไรก็ตาม ผลการศึกษาชิ้นนี้ถูกเผยแพร่บนออนไลน์เมื่อไม่กี่วันก่อน และยังไม่ได้เปิดให้เพื่อนร่วมวงการได้ทบทวน อีกทั้งนักวิจัยยังเตือนว่าการประมาณการที่เชื่อถือได้ถึงความสัมพันธ์โดยตรงระหว่างความเสี่ยงติดโควิด-19 การเข้าโรงพยาบาลหรือการเสียชีิวิตกับระดับแอนติบอดีหลังฉีดวัคซีนนั้นทำได้ยากมาก

ขณะที่งานวิจัยอีกชิ้นหนึ่งเมื่อเร็วๆ นี้ชี้ว่า วัคซีนซิโนฟาร์มสร้างภูมิคุ้มกันสายพันธุ์เดลตาได้น้อยลง

ด้านซิโนฟาร์ม หรือที่รู้จักอย่างเป็นทางการว่า ไชนาเนชันแนลฟาร์มาซูติคอลกรุ๊ป ไม่ได้ให้ความเห็นกับรอยเตอร์

ทั้งนี้ วัคซีนสองโดสของซิโนฟาร์มเป็นอีกตัวหนึ่งที่ใช้กันแพร่หลายในจีน บริษัทเห็นชอบจัดหาวัคซีน 170 ล้านโดสให้โครงการโคแวกซ์ไปจนถึงกลางปี 2565
#3504
7 อย่างต้องทำ ถ้าอยากให้เพจเปิดการมองเห็นhttps://www.chatstickmarket.com/single-post/7thingstodoifyouwantyourpagetobevisible

#3505

วันที่ 24 ก.ค. นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอีเอส) เปิดเผยถึงกรณีที่ประชาชนร้องเรียนเรื่องการติดต่อเบอร์สายด่วน เพื่อเข้ารับการรักษาของผู้ป่วยโควิดที่ต้องรอสายนานและยังมีค่าใช้จ่ายในการโทร ว่า ตนได้ประสานขอความอนุเคราะห์ ไปยังสำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ(กสทช.) ตั้งแต่วันที่ 20 ก.ค.ที่ผ่านมา ให้พิจารณาขอความร่วมมือเครือข่ายผู้ให้บริการโทรศัพท์ หรือ Operator ยกเว้นค่าบริการสำหรับการใช้บริการสายด่วนขอคำปรึกษา และประสานขอเตียงสำหรับผู้ป่วยติดเชื้อโควิด-19 และเลขหมายอื่นที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งค่าบริการข้อความสั้นหรือ SMS สำหรับระบบบริหารจัดการผู้ป่วยติดเชื้อโควิดที่ต้องกักตัวที่บ้าน


นายชัยวุฒิ กล่าวต่อว่า ล่าสุดได้รับการประสานตอบรับการช่วยเหลือยกเว้นค่าบริการสายด่วน เกี่ยวกับโควิดจาก กสทช.และเครือข่ายมาแล้ว ประกอบด้วย บริษัทโทรคมนาคมแห่งชาติ จำกัด (มหาชน)หรือ NT เครือข่าย AIS ,True และ Dtac โดยจะเริ่มยกเว้นค่าบริการสายด่วน ให้โทรฟรีได้ตั้งแต่วันพรุ่งนี้เป็นต้นไป  เนื่องจากบางเครือข่ายยังอยู่ระหว่างทยอยเปิดระบบให้ โดยสายด่วนของหน่วยงานรัฐ เพื่อรองรับการให้บริการข้อมูล ตรวจสอบสิทธิประโยชน์ ให้คำปรึกษาแนะนำและประสานงานกับเจ้าหน้าที่ การหาเตียงสำหรับผู้ติดเชื้อโควิด มีจำนวน 8 หมายเลขสายด่วน คือ 1330, 1323, 1422, 1442, 1646, 1668, 1669 และ1506 เพื่อให้การดูแลป้องกัน แจ้งเตือนและให้ความช่วยเหลือประชาชน ในภาวะสถานการณ์ที่ฉุกเฉินและเร่งด่วน


ทั้งนี้ ที่ผ่านมารัฐบาลมีนโยบายให้จัดทำระบบบริหารจัดการผู้ป่วยติดเชื้อโควิด-19 ที่ต้องกักตัวที่บ้าน (Home Isolation) โดยมอบหมายให้ บริษัท โทรคมนาคมแห่งชาติ จำกัด (มหาชน) หรือ NT เป็นผู้ดำเนินการในเรื่อง SMS Gateway สำหรับส่ง OTP ไปยังผู้ป่วยเพื่อใช้สำหรับการยืนยันตัวตนบนระบบออนไลน์ และเพื่อให้แพทย์สามารถติดต่อกับผู้ป่วยได้โดยสะดวกและไม่ผิดคน

"ส่วนที่ก่อนหน้านี้ที่ยังไม่ได้รับการยกเว้นค่าโทรฯ เนื่องจากต้นสังกัดแต่ละหน่วยงานที่รับผิดชอบสายด่วนไม่ทำเรื่องขอความอนุเคราะห์ไปยังกสทช. กระทรวงดิจิทัลฯ จึงเห็นควรว่าเพื่อลดภาระค่าใช้จ่ายประชาชนและผู้ป่วยโควิดในขณะนี้ จึงได้ประสานไปยังกสทช.เพื่อขอความอนุเคราะห์ดังกล่าว โดยต้องขอขอบคุณไปยังกสทช.และบริษัทเครือข่ายผู้ให้บริการทุกค่ายที่ร่วมกันช่วยเหลือประชาชนในสถานการณ์วิกฤตโควิดในครั้งนี้ด้วย"นายชัยวุฒิกล่าว
#3506

ซัมซุง อิเลคโทรนิคส์ หนึ่งในผู้สนับสนุน โอลิมปิก โตเกียว 2020 คว้าตำแหน่ง "แบรนด์ที่ดีที่สุดในเอเชีย ประจำปี 2021" ต่อเนื่องเป็นปีที่ 10 จากผลการสำรวจของ Asia's Top 1000 Brands 2021 จากมุมมองผู้บริโภค14 ประเทศในเอเชียแปซิฟิก

ซัมซุง อิเลคโทรนิคส์ คว้าตำแหน่ง "แบรนด์ที่ดีที่สุดในเอเชีย ประจำปี 2021" ต่อเนื่องเป็นปีที่ 10 จากผลการสำรวจของ Asia's Top 1000 Brands 2021 โดย Campaign Asia-Pacific นิตยสารด้านการตลาดชื่อดัง และ NielsenIQ ผู้ให้บริการข้อมูลและการวัดผลระดับโลกที่ได้สอบถามมุมมองความคิดเห็นของผู้บริโภคจาก 14 ประเทศในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก

ซัมซุง เป็น หนึ่งในสปอนเซอร์หลักของมหกรรมกีฬา โอลิมปิก โตเกียว 2020 ครั้งนี้ โดยมอบ สมาร์ทโฟนรุ่นพิเศษ Galaxy S21 5G Tokyo Athlete Phone ให้กับนักกีฬาโอลิมปิกกว่า 17,000 คน

The Asia's Top 1000 Brands คือการสำรวจความคิดเห็นของผู้บริโภคเกี่ยวกับความพึงพอใจใน 15 กลุ่มผลิตภัณฑ์และการบริการ โดยแบรนด์ที่ได้รับการคัดเลือกถือเป็นแบรนด์ที่ประสบความสำเร็จในการสร้างความประทับใจ ความไว้วางใจ ซึ่งส่งผลให้เป็นแบรนด์ได้รับความชื่นชอบจากผู้บริโภคมากที่สุด

โดยในปีนี้ ซัมซุง ได้ไต่อันดับสูงขึ้นเมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา พร้อมทั้งครองตำแหน่งผู้นำในด้านทีวี เครื่องใช้ไฟฟ้าสำหรับทำความสะอาด และเทคโนโลยีสมาร์ทโฮม สำหรับผู้ที่สนใจสามารถดูรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับ Asia's Top 1000 Brands ได้ที่ https://www.campaignasia.com/article/asias-top-1000-brands-2021/471135


วิธีการสำรวจ

Asia's Top 1000 Brands รวบรวมข้อมูลจากผลสำรวจออนไลน์โดยนิตยสาร Campaign Asia-Pacific และNielsenIQ ผู้ให้บริการข้อมูลเชิงลึกและการวัดผลระดับโลก ในระหว่างวันที่ 12-30 เมษายน 2564 ที่ได้ทำการสำรวจความคิดเห็นของผู้บริโภคใน 14 ประเทศ ได้แก่ ออสเตรเลีย จีน ฮ่องกง อินเดีย อินโดนีเซีย ญี่ปุ่น มาเลเซีย นิวซีแลนด์ ฟิลิปปินส์ สิงคโปร์ เกาหลีใต้ ไต้หวัน ไทย และเวียดนาม ผ่านกลุ่มตัวอย่างทั้งหมด 400 คนจากแต่ละประเทศ

ยกเว้นประเทศญี่ปุ่นที่จะมีกลุ่มตัวอย่าง 800 คน อินเดีย 1,000 คน และจีน 1,200 คน นอกจากนี้ เพื่อให้ตัวเลขครอบคลุมตัวแทนประชากรในแต่ละพื้นที่ ทางผู้สำรวจจึงได้มีการกำหนดคุณลักษณะเป้าหมายในด้านอายุ เพศ และรายได้เฉลี่ยต่อครัวเรือนต่อเดือนด้วยเช่นกัน

ผลการสำรวจครอบคลุม 15 กลุ่มผลิตภัณฑ์หลัก ได้แก่ เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ เครื่องแต่งกายและเครื่องประดับกลุ่มยานยนต์ เครื่องดื่ม คอนซูเมอร์ อิเลคโทรนิคส์ บริการขนส่ง บริการด้านการเงิน อาหาร เครื่องใช้ไฟฟ้าในบ้าน ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดบ้านและเครื่องใช้ส่วนตัว สื่อและโทรคมนาคม ร้านอาหาร ธุรกิจค้าปลีก กีฬาและ ความบันเทิง การขนส่ง ท่องเที่ยวและสันทนาการ โดยมีอีก 80 หมวดหมู่ย่อยภายในกลุ่มผลิตภัณฑ์หลักดังกล่าวอีกด้วย
#3507


กรมพัฒนาพลังงานทดแทนและอนุรักษ์พลังงาน หรือ พพ. ขับเคลื่อนการสร้างการรับรู้ในโครงการโรงไฟฟ้าชุมชนเพื่อเศรษฐกิจฐานราก โดยจัดทำคู่มือประชาสัมพันธ์ในรูปแบบ e-book และสารคดีผ่านช่องทางออนไลน์ และสื่อทีวี ชวนประชาชนศึกษาข้อมูลโครงการ ฯ เพื่อสร้างความตระหนักรู้ และความเข้าใจในทิศทางที่ถูกต้อง ส่วนหนึ่งในการร่วมขับเคลื่อนโครงการโรงไฟฟ้าชุมชนเพื่อเศรษฐกิจฐานราก ให้บรรลุเป้าหมายตามแผนส่งเสริมพลังงานทดแทน มุ่งเน้นกลุ่มเป้าหมาย สามารถเข้าถึงข้อมูลองค์ความรู้ และผลประโยชน์ที่ชุมชนจะได้รับจากโรงไฟฟ้าชุมชน พุ่งเป้า ประชาชนทุกภูมิภาค ทั่วไทย มีความรู้ ความเข้าใจถึงประโยชน์จากโรงไฟฟ้า ฯ พร้อมสร้างการมีส่วนร่วม สู่การดำเนินงานอย่างมีประสิทธิภาพ เป็นรูปธรรม ผู้ที่สนใจสามารถ คลิ๊กดาวน์โหลด e-book คู่มือโรงไฟฟ้าชุมชนเพื่อเศรษฐกิจฐานรากได้ที่ https://online.fliphtml5.com/vsrsk/pcfu/

ดร.ประเสริฐ สินสุขประเสริฐ อธิบดีกรมพัฒนาพลังงานทดแทนและอนุรักษ์พลังงาน (พพ.) เปิดเผยว่า ตามมติคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ (กพช.) วาระการประชุมครั้งที่ 2/2563 (ครั้งที่ 151) วันที่ 16 พฤศจิกายน 2563 มีมติเห็นชอบกรอบหลักการและเงื่อนไขการเปิดรับซื้อไฟฟ้าฯ โครงการโรงไฟฟ้าชุมชนเพื่อเศรษฐกิจฐานราก เนื่องจากการจัดตั้งโรงไฟฟ้าชุมชน ถือเป็นหนึ่งในนโยบายพลังงานเพื่อเศรษฐกิจฐานรากเพื่อช่วยให้ชุมชนมีรายได้จากการเป็นเจ้าของโรงไฟฟ้า และลดภาระค่าใช้จ่าย มีรายได้จากการจำหน่ายวัสดุทางการเกษตรเป็นเชื้อเพลิง เกิดการสร้างงาน สร้างอาชีพ และสร้างความเข้มแข็งในชุมชน ลดการย้ายถิ่นฐานของแรงงาน เกิดการจับจ่ายใช้สอยในพื้นที่ ก่อให้เกิดการหมุนเวียนของเศรษฐกิจในชุมชน โดยมีเป้าหมายรับซื้อไฟฟ้าเข้าระบบไม่เกิน 150 เมกะวัตต์ แบ่งเป็นเชื้อเพลิงชีวมวล 75 เมกะวัตต์ เสนอขายโครงการละไม่เกิน 6 เมกะวัตต์ และเชื้อเพลิงก๊าซชีวภาพ(พืชพลังงาน ผสมน้ำเสีย/ของเสีย น้อยกว่าหรือเท่ากับ 25%) 75 เมกะวัตต์ เสนอขายโครงการละไม่เกิน 3 เมกะวัตต์

ที่ผ่านมา พพ. ได้มีการดำเนินโครงการส่งเสริมและสนับสนุนให้เกิดการผลิตและการใชพลังงานทดแทน ที่มีความเหมาะสมกับศักยภาพของแต่ละพื้นที่มาอย่างต่อเนื่อง นอกจากสร้างความมั่นคงต้านพลังงาน ยังเป็นการช่วยส่งเสริมด้านอาชีพและรายได้ของชุมชน เกิดระบบเศรษฐกิจที่มั่นคงและยั่งยืนในชุมชน พพ. จึงได้จัตทำ "โครงการสื่อสารสร้างการรับรู้ตามนโยบายส่งเสริมโรงไฟฟ้าชุมชนเพื่อเศรษฐกิจฐานราก" ขึ้น เพื่อเป็นเครื่องมือในการชับเคลื่อนโครงการโรงไฟฟ้าชุมชนเพื่อเศรษฐกิจฐานราก ให้บรรลุเป้าหมายตามแผนส่งเสริมพลังงานทดแทน โดยมุ่งเน้นกลุ่มเป้าหมายที่เป็นชุมชนวิสาหกิจชุมชน ซึ่งเป็นกลุ่มสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจฐานรากให้สามารถเข้าถึงข้อมูลองค์ความรู้ และผลประโยชน์ที่ชุมชนจะได้รับจากโรงไฟฟ้าชุมชนเกิดความรู้ความเข้าใจที่ถูกต้องในการขับเคลื่อนโรงไฟฟ้าชุมชนให้เกิดขึ้นอย่างมีประสิทธิภาพและได้รับการยอมรับจากชุมชน

ด้วยเหตุนี้ การจัดทำคู่มือโรงไฟฟ้าชุมชนเพื่อเศรษฐกิจฐานรากในรูปแบบ e-book จึงเป็นอีกหนึ่งช่องทางการสื่อสาร ซึ่งเป็นเครื่องมือส่งข้อมูลด้านโรงไฟฟ้าชุมชนที่ถูกต้องไปยังประชาชนกลุ่มเป้าหมาย อาทิ ภาพรวมแนวนโยบายของโรงไฟฟ้า ฯ ประเภทของโรงไฟฟ้าชุมชน และ หลักการผลิต ตลอดจนกรอบการใช้งานโรงไฟฟ้า ฯ เป็นต้น ซึ่งคาดหวังว่า จะเป็นการช่วยให้ประชาชนเข้ามามีส่วนร่วมกับโครงการ ฯ และเล็งเห็นว่า โรงไฟฟ้าชุมชน จะเข้ามาช่วยให้เกิดประโยชน์รอบด้านกับชุมชน และประชาชนอย่างแท้จริง

ผู้ที่สนใจ และประชาชนเป้าหมาย สามารถ คลิ๊กดาวน์โหลด e-book คู่มือโรงไฟฟ้าชุมชนเพื่อเศรษฐกิจฐานรากได้ที่ https://online.fliphtml5.com/vsrsk/pcfu/
#3508
 
App "มีตังค์" ทำจริงจัง ก็ได้เงินจริงนะ ไม่จกตา สร้างรายได้หลักแสน หลักล้าน อย่างง่าย ๆ
App "มีตังค์" คือ ธุรกิจที่ใช่ ในยุค COVID ครองเมือง
ระบบ Content Builder System
ที่ทำทุกอย่างผ่าน Social บนมือถือเพียงเครื่องเดียว ง่าย ๆ เพียงแค่แชร์
เปลี่ยนใจสมัครกับเราตอนนี้ยังทัน


ธุรกิจ New Platform(แฟลตฟอร์มใหม่)
ที่ลงทุนด้วยเงิน 2,699 ครั้งเดียวผ่าน App เก็บเกี่ยวได้ตลอดชีวิต
รับเฉพาะคนที่จริงจังพร้อมทำเท่านั้น


สอบถามเพิ่มเติม
ไลน์ไอดี teerapat999
โทร 0846623662

ลงทะเบียนฟรีเพื่อเข้าศึกษาเรียนรู้ในกลุ่มปิดเปิดเผยชัดเจน
https://www.metang-solution.com/member/register.php...

รายละเอียดเพิ่มเติม https://web.facebook.com/richbyteerapat

 
 
#3509


"ธุรกิจร้านอาหาร" ไม่ยอมแพ้! สู้ทุกวิถีทางเพื่อเคลื่อนธุรกิจ ภายใต้วิกฤติโรคระบาด มาตรการล็อกดาวน์ ปิดตายหน้าร้านในห้าง "บาบีคิว พลาซ่า" ชู 2 โมเดลใหม่ ตั้งครัวกลาง-จุดกระจายสินค้า ในปั้มน้ำมันบางจาก สู่ฮับเดลิเวอรี่

บุณย์ญานุช บุญบำรุงทรัพย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารฝ่ายสร้างโอกาสทางการตลาด กลุ่มธุรกิจอาหาร ฟู้ดแพชชั่น เจ้าของแบรนด์ดัง บาร์บีคิวพลาซ่า, จุ่มแซบฮัท, ฌานา, โภชา และ หมูทอดกอคอ เปิดเผยว่า บริษัทมีร้านอาหารที่ให้บริการอยู่ในศูนย์การค้า และสร้างยอดขายกว่า 90% หลังจากรัฐยกระดับมาตรการคุมเข้มโรคโควิด-19 เข้มข้นขึ้น ด้วยการประกาศ "ล็อกดาวน์" ร้านในห้างค้าปลีกไม่สามารถจำหน่ายอาหารทั้งเดลิเวอรี่และซื้อกลับบ้าน ใน 13 จังหวัด เป็นเวลา 14 วัน ธุรกิจจึงได้รับผลกระทบเต็ม ๆ 

สำหรับตัวอย่างแบรนด์ร้านบาร์บีคิวพลาซ่าปัจจุบันมี 144 สาขา ทั่วประเทศ มาตรการล็อกดาวน์ให้บริษัทต้องปิดให้บริการ 108 สาขา และเปิดให้บริการ 36 สาขาเท่านั้น บริษัทจึงปรับตัวเป็นการด่วน พลิกกลยุทธ์การทำตลาดอย่างรวดเร็วด้วยการจับมือพันธมิตร โดยเฉพาะรายหลักอย่าง "ปั๊มน้ำมันบางจาก" เปิดตัว "Gon Gang Delivery Hub" ลุย 2 โมเดลธุรกิจใหม่ ตั้งเป็นครัวกลาง และจุดจอดรถเพื่อกระจายสินค้าในรูปแบบเดลิเวอรรี่จัดส่งรายการอาหารจากแบรนด์ในเครือไปยังลูกค้าถึงหน้าบ้าน

สำหรับจุดกระจายสินค้าแบ่งเป็น 2 ส่วน ได้แก่ อาคารพาณิชย์สำหรับจัดตั้งครัวกลาง อยู่ซอยรัชดา 32, สรงประภา, จอมทอง, ผ่านฟ้า และเพชรเกษม 63 และจุดจอดรถเพื่อกระจายสินค้าในรูปแบบเดลิเวอรี่ ซึ่งเปิดให้บริการครั้งแรก 4 จุด ได้แก่ ปั้มน้ำมันบางจากสาขา พระราม 2, ราษฏร์บูรณะ, สุขาภิบาล 1 และบางใหญ่ เพื่อปักหมุดให้ครอบคลุมทั่วกรุงเทพมหานครโดยเร็ว 

"บริษัทเร่งระดมทีมวางแผนการดำเนินงานเพื่อเพิ่มพื้นที่ใหม่สำหรับจัดตั้งเป็นครัวกลาง และจุดจอดรถเพื่อกระจายสินค้าในรูปแบบเดลิเวอรี่ ภายใต้ชื่อ Gon Gang Delivery Hub ซึ่งสอดคล้องกับการคิดกลยุทธ์การตลาดแบบรวดเร็วหรือ Marketing Disruptions Strategy และตอบโจทย์ความต้องงการของผู้บริโภคในช่วงล็อกดาวน์  นอกจากความคิดเร็ว ทำเร็ว ผสานกับพันธมิตร ทำให้เราได้พื้นที่ตั้งครัวกลาง (Cloud Kitchen) อยู่ในทำเลที่ด โดยครั้งนี้ บางจาก ถือเป็นพันธมิตรหลักสำคัญ สำหรับที่ตั้งจุดหลักในการส่งอาหารแบบเดลิเวอรี่อย่างมาก เพราะนอกจากทำเลดี ยังมีสถานีบริการน้ำมันกระจายทั่วพื้นที่กรุงเทพฯจึงเป็นอีกหนึ่งความเชื่อมั่นที่ฟู้ดแพชชั่นจะฝ่าวิกฤติโควิด 19 ในช่วงล็อกดาวน์ 14 วันนี้ ซึ่งหากมีประกาศขยายล็อกดาวน์ เรามีแผนสำหรับการขยายพื้นที่เพิ่มอีกเช่นกัน"

นอกจากการปรับตัวหาครัวกลาง เปิดพื้นที่ขายนอกห้าง บริษัทยังจัดเต็มกับโปรโมชั่นการตลาด กระตุ้นการตัดสินใจของลูกค้า โดยจัดส่งฟรี! ภายในระยะทาง 20 กิโลเมตร เมื่อสั่งขั้นต่ำ 500 บาทขึ้นไป ผ่าน LINE@GonGang ฟู้ดแพชชั่นพร้อมส่งเมนูความอร่อยถึงหน้าบ้าน ตั้งแต่วันที่ 23 กรกฎาคม ถึง 2 สิงหาคม 2664 และมีการคัดสรรเมนูยอดฮิต เช่น บาร์บีคิวพลาซ่านำเสนอมาใน ชุดกักตัวหมูจุใจ ชุดกักตัวเนื้อหน้าใหญ่ ฯลฯพร้อมบริการยืมเตา ทานคู่น้ำจิ้มบาร์บีคิวดั้งเดิม ให้อารมณ์ปิ้งย่างสไตล์บาร์บีคิวพลาซ่าอย่างแท้จริง ไว้เสิร์ฟความอร่อยแก่ลูกค้า 


อย่างไรก็ตาม องค์กรธุรกิจหรือผู้สนใจร่วมสนับสนุนพื้นที่ให้เช่า สำหรับจัดตั้งครัวกลาง Cloud Kitchen พื้นที่ 50-80 ตารางเมตร(ตรม.) และ จุดจอดรถกระจายสินค้า Delivery Hub พื้นที่ 20-25 ตรม.ในกรุงเทพมหานคร และปริมณฑล ยังสอบถามรายละเอียด และอัพเดทสาขาให้บริการ Gon Gang Delivery Hub ได้ที่ Facebook: Bar B Q Plaza 

"ฟู้ดแพชชั่น  และแบรนด์ในเครือ ขอร่วมส่งกำลังใจไปยังคนไทยทุกคน และเพื่อร่วมธุรกิจร้านอาหารให้ผ่านพ้นวิกฤตครั้งนี้ไปด้วยกัน เพราะความไม่หยุดนิ่งทั้งพลังแรงใจ และพลังการขับเคลื่อนองค์กรในทุกสถานการณ์วิกฤติ ฟู้ดแพชชั่น จึงเร่งหาพื้นที่ใหม่ให้รองรับกับความต้องการของลูกค้า"
#3510


ช่วงกักตัวอยู่ที่บ้าน รอให้โควิดหายไป ธุรกิจบันเทิงเกี่ยวกับโรงหนัง ได้รับผลกระทบเต็มๆ โดยมีธุรกิจสตรีมมิง Streaming จากหลายค่ายใหญ่ เป็นอีกแหล่งบันเทิงเข้ามาแทนที่ได้พักใหญ่แล้ว กับการดูหนังเด็ดซีรีส์ดังต่างๆ ทั้งในและต่างประเทศ เก็บเงินรายเดือน ตามแต่โปรโมชันล่อใจในแต่ละเดือน ลดแลกแจกแถมสุดๆ ได้ดูหนังซีรีส์แบบจุใจ ดูตาแตกคาบ้านไปเลย

วิเคราะห์จากหลายอย่างแล้ว ครึ่งปีหลังอีก 6 เดือน โควิดที่ไทยน่าจะยังไม่จบในเร็วๆ วันนี้ มีคำถามคาใจน่าคิด จริงหรือไม่ ถ้า 6 เดือนต่อจากนี้โควิดยังไม่ดีขึ้น โรงหนังยังฟื้น สตรีมมิง Streaming จะเข้ามาแทนที่โรงหนัง เพราะพฤติกรรมการดูหนังของคนเปลี่ยนไปกับโควิด ไทยรัฐรีเฟรช Thairath Refresh จะพาไปค้นหาคำตอบชัดๆ 

SF เปิดใจโควิดกระทบหนัก ยิ่งกว่าสงครามโลก 
มีโรงหนังเยอะมากๆ ทั่วไทย ต้องไปคุยกับผู้บริหารหมื่นล้าน สุวัฒน์ ทองร่มโพธิ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เอสเอฟ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) SF Corporation Public Company Limited ให้สัมภาษณ์พิเศษกับ ไทยรัฐรีเฟรช Thairath Refresh

ธุรกิจโรงภาพยนตร์ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ครั้งนี้ มากน้อยแค่ไหน? "โควิด-19 ส่งผลกระทบต่อธุรกิจโรงภาพยนตร์โดยตรง อย่างหนักหน่วงและรุนแรงมากที่สุด ในประวัติศาสตร์ธุรกิจโรงภาพยนตร์ เราไม่เคยเห็นโรงภาพยนตร์ทั่วโลก ปิดให้บริการมาก่อน

"ในช่วงสงครามโลกโรงภาพยนตร์ก็ยังเปิดให้บริการได้ แต่วิกฤติโควิด-19 ที่เป็นวิกฤติโลกครั้งนี้ โรงภาพยนตร์ก็เหมือนกับหลายธุรกิจ ที่ต้องขาดรายได้จากการหยุดให้บริการ แต่ในขณะเดียวกัน เรายังคงต้องแบกรับค่าใช้จ่ายต่างๆ รวมถึงดูแลพนักงานกว่า 3,000 คน ตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมาจนถึงปัจจุบัน

"ช่วงที่สถานการณ์ในต่างประเทศมีความรุนแรง โดยเฉพาะประเทศหลักที่เป็นผู้ผลิตคอนเทนต์ เช่น สหรัฐอเมริกา จีน เกาหลี คอนเทนต์ก็ได้รับผลกระทบ ทำให้ต้องเลื่อนฉาย แต่สำหรับสถานการณ์ปัจจุบัน ต่างประเทศดีขึ้นแล้ว โรงภาพยนตร์กลับมาเปิดให้บริการ ทำให้เรามีคอนเทนต์ที่พร้อมเข้าฉาย แต่โรงภาพยนตร์ในไทย ยังคงถูกสั่งปิด ต้องรอสถานการณ์ภายในประเทศให้ดีขึ้น จนกว่าจะมีการผ่อนคลายมาตรการ ให้ธุรกิจโรงภาพยนตร์กลับมาเปิดให้บริการได้"


ตอนนี้คนยังกลัวๆ การเข้าโรงหนัง ถึงแม้ว่าจะไม่มีคลัสเตอร์ที่โรงหนังชัดเจน จะปั่นกระแสให้คนกลับมาดูหนังได้ยังไงบ้าง?

"คงต้องเป็นเรื่องของการสร้างความเชื่อมั่น ว่าจะทำอย่างไรให้ลูกค้ามั่นใจ นับตั้งแต่มีวิกฤติโควิด-19 เอสเอฟ SF ได้เตรียมความพร้อม ในการดูแลพนักงานและลูกค้าทุกคนอย่างดีที่สุด

โดยเฉพาะมาตรการดูแลด้วยใจ ที่ให้ความสำคัญกับความสะอาด ลดการสัมผัส และการจัดผังที่นั่งเว้นระยะห่างอย่างเหมาะสม ไม่ว่าจะมาเดี่ยวหรือมาคู่ เพราะสำหรับเอสเอฟ SF แล้ว นอกจากเราต้องดูแลความสุขของลูกค้า ความปลอดภัยคือสิ่งสำคัญที่สุด

"จากตัวเลขของผู้ใช้บริการที่เอสเอฟ SF ในช่วงการแพร่ระบาดลดลง เป็นสิ่งที่พิสูจน์ได้ว่า ถ้าเรามีภาพยนตร์ฟอร์มยักษ์ มีคอนเทนต์ดีๆ เข้ามาฉาย มีความพร้อมในการให้บริการ คนก็พร้อมกลับเข้าโรงภาพยนตร์ อย่างปรากฏการณ์วันเดอร์วูเมน Wonder Woman 1984, อีเรียมซิ่ง ในปลายปีที่ผ่านมา และก็อดซิลลา Godzilla VS Kong ในเดือนมีนาคม

และอีกเหตุผลที่ธุรกิจโรงภาพยนตร์ อยากให้ทุกคนมั่นใจ ยังไม่มีคลัสเตอร์ที่เกิดจากโรงภาพยนตร์เลย ไม่ใช่เฉพาะประเทศไทยเท่านั้น แต่โรงภาพยนตร์ทั่วโลกก็ไม่เคยเกิดคลัสเตอร์เลย  

"ในส่วนสถานการณ์ของประเทศอื่นๆ ที่โรงภาพยนตร์สามารถกลับมาเปิดให้บริการเป็นปกติได้ ตัวเลขคนเข้าโรงภาพยนตร์ เริ่มกลับเข้าสู่สภาวะปกติ เป็นการยืนยันว่าคนยังต้องการใช้ชีวิตตามปกติ และคนยังคิดถึงโรงภาพยนตร์"

หนังเด็ดดังระดับโลก จ่อรอคิวฉาย
หลังโควิดสงบ จะมีแผนเด็ด ดึงคนดูให้เข้าโรงหนังอย่างไรบ้าง? "ชัดเจนเลยครับ หนังหรือคอนเทนต์ที่จะเข้าฉาย เป็นปัจจัยสำคัญที่สุด ของการดึงดูดให้คนกลับมา เร็วๆ นี้จะมีหนังฟอร์มใหญ่หลายเรื่องรอเข้าฉาย โดยเฉพาะหนังที่น่าจะทำรายได้สูงสุดของปี 2021 อย่างฟาสต์แอนด์ฟิวเรียส Fast & Furious 9 ภาพยนตร์แฟรนไชส์ที่ทำรายได้สูงสุดมาตลอด หรือแฟนมาร์เวล Marvel ก็ต้องรอชมแบล็กวิโดว์ Black Widow, Eternals

มีหนังอีกหลายแนว เช่น Conjuring The Devil Made Me do it, The Suicide Squad, Shang-Chi and the Legend of the Ten Rings, Venom : Let There Be Carnage, Spider-Man: No Way Home, No Time To Die, The Matrix 4, The King's Man ฯลฯ รวมไปถึงหนังไทย ค่าย GDH เช่น บุพเพสันนิวาส 2 เป็นต้นครับ




"อีกส่วนที่ขาดไม่ได้ก็คือ โรงภาพยนตร์ในช่วงโควิด ที่ผ่านมาเรามีการพัฒนาโรงภาพยนตร์ เพื่อให้เหมาะกับไลฟ์สไตล์ของลูกค้าที่หลากหลายขึ้น ไม่ว่าจะเป็นเดอะเบดซีเนมา The Bed Cinema รวมไปถึงกิจกรรมดูหนังในรูปแบบพิเศษ ไดรฟ์อินซีเนมา Drive-in Cinema และมูฟวี่บรันช์ Movie Brunch ในช่วงปลายปีที่ผ่านมา ซึ่งได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี และลูกค้าอยากให้จัดกิจกรรมพิเศษลักษณะนี้อีก

"สุดท้ายเรามีเตรียมแคมเปญพิเศษ เพื่อต้อนรับทุกคน คัมแบ็กทูซีเนมา "Comeback to Cinema" โปรโมชันและกิจกรรมการตลาดจำนวนมากจากเอสเอฟ SF และพาร์ทเนอร์ของเรา ที่จะมอบให้กับลูกค้า ส่วนรายละเอียดจะเป็นอะไรบ้าง ให้รอติดตามกันนะครับ"

โรงหนังไม่มีวันตาย สตรีมมิงไร้ Cinematic Experience
สตรีมมิงค่ายต่างๆ ตอนนี้กล้าทุ่มจ้างผู้กำกับเก่งๆ ดาราดังๆ มาทำคอนเทนต์ฉายเฉพาะ ซึ่งก็ดึงคนดูได้ดีเลย มองการเติบโตตรงนี้ ที่จะมาแย่งคนดูในโรงหนังได้มากน้อยแค่ไหน ผู้เชี่ยวชาญด้านหนังหลายคนทำนายว่าโรงหนังจะค่อยๆ ตายไปภายใน 5 ปีหลังจากนี้
จริงหรือไม่?

"ผมมองว่า เป็นคำทำนายที่ไม่เป็นความจริง ไม่มีการนำข้อมูลในอดีตมาวิเคราะห์ โดยเฉพาะโรงภาพยนตร์ในเมืองไทย ได้ผ่านร้อนผ่านหนาวมาหนักกว่านี้เยอะมาก

"หนักสุดน่าจะเป็นยุคเทปผีซีดีเถื่อน ซึ่งคนโหลดมาดูฟรีกันที่บ้าน ก็มีมานานแล้ว แต่โรงภาพยนตร์เป็นเอาต์ออฟโฮม Out of Home ที่ให้ประสบการณ์ที่แตกต่างออกไป หรือพูดง่ายๆว่า มันเป็นคนละแพลตฟอร์ม Platform หรือจะเรียกว่าบิซิเนสโมเดล Business Model ที่แตกต่างกัน

"สตรีมมิงดูไม่ดูก็ต้องจ่าย โรงภาพยนตร์อยากดูก็ค่อยจ่าย และที่สำคัญโรงภาพยนตร์ยังเป็นเฟิร์สวินโดว์ First Window ในการเข้าฉายของหนังอยู่

เราเชื่อว่าสตูดิโอหรือผู้สร้างรายใหญ่ ยังคงให้ความสำคัญ กับการฉายในโรงภาพยนตร์เป็นลำดับแรก โดยเฉพาะกับหนังฟอร์มยักษ์ ต้องอาศัยระบบภาพและเสียง ที่ช่วยให้คอนเทนต์สมบูรณ์แบบกว่าแพลตฟอร์มอื่นๆ

เช่น ถ้าคุณดูฟาสต์แอนด์ฟิวเรียส Fast & Furious 9 ดูในโรงภาพยนตร์กับดูผ่านมือถือ คุณภาพไม่เหมือนกันแน่ๆ เพราะซีเนมาติกเอ็กซ์พรีเรนซ์ Cinematic Experience หรือประสบการณ์การชมภาพยนตร์ในโรงภาพยนตร์ เป็นสิ่งที่สตรีมมิงให้ไม่ได้!

"ยกเว้นเหตุสุดวิสัย ที่ทำให้ไม่สามารถฉายในโรงภาพยนตร์ได้จริงๆ เช่น สถานการณ์ในตอนนี้ หรือเป็นหนังฟอร์มกลางไปถึงเล็ก ที่ไม่ได้เน้นรายละเอียด หรือองค์ประกอบของเทคนิคต่างๆ ในขณะเดียวกัน โรงภาพยนตร์เองยังมีการนำคอนเทนต์ใหม่ๆ ที่ไม่ได้จำกัดเพียงแค่หนังมาฉายในโรงภาพยนตร์

"ปีที่ผ่านมาเรามีการจัดคอนเสิร์ต ฉายคอนเสิร์ต ฉายสเปเชียลคอนเทนต์ Special Content ไปจนถึงจัดงานแฟนมีตติ้ง Fan Meeting ศิลปิน ทั้งหมดนี้คือการยืนยันว่า โรงภาพยนตร์เป็นสถานที่สำหรับคอนเทนต์ได้ทุกรูปแบบ


"สตรีมมิงไม่ใช่สิ่งใหม่ ถ้ามองให้ดี สตรีมมิงก็เป็นอีกช่องทางของการดูที่บ้าน เหมือนที่ดูฟรีทีวี จุดแข็งของเขาคือทีวีซีรีส์ ในขณะเดียวกันจุดแข็งของโรงภาพยนตร์ คือภาพยนตร์

สตรีมมิงไม่ได้ถือเป็นคู่แข่งของโรงภาพยนตร์ ส่วนตัวมองว่า สตรีมมิงกำลังแข่งขันกันเองมากกว่า"

เร่งสร้างภูมิคุ้มกันหมู่ เปิดประเทศ
ฝากถึงหน่วยงานรัฐ ที่จะเข้ามาช่วยเหลือดูแล ธุรกิจบันเทิงโรงหนังหน่อย ว่าต้องทำอย่างไรบ้าง? "โรงภาพยนตร์เป็นธุรกิจกลุ่มแรกๆ ที่ถูกสั่งปิด และก็เป็นกลุ่มท้ายๆ ที่ได้รับอนุญาตให้กลับมาเปิดเสมอ ทางสมาคมโรงภาพยนตร์ได้ยื่นจดหมาย ไปยังกระทรวงวัฒนธรรม เพื่อสอบถามถึงแนวทางในการช่วยเหลือเยียวยาและฟื้นฟูธุรกิจ แต่ก็ยังไม่มีความคืบหน้าใดๆ

"ผมเชื่อว่าตอนนี้ ทุกคน ทุกธุรกิจ มีเป้าหมายเดียวกัน คืออยากให้สถานการณ์โควิด-19 คลี่คลาย เราได้เห็นสัญญาณที่ดี จากการที่รัฐบาลออกมาประกาศ เรื่องการเตรียมเปิดประเทศภายใน 120 วัน ซึ่งจุดชี้วัดคือ การฉีดวัคซีนให้ครอบคลุมประชากรได้มากที่สุด เพื่อเร่งสร้างภูมิคุ้มกันหมู่ ทำให้เศรษฐกิจและสังคม กลับมาขับเคลื่อนได้อีกครั้ง

"หลังจากนี้ อยากฝากไปทางหน่วยงานของภาครัฐฯ ควรมีมาตรการช่วยเหลือเยียวยาผู้ประกอบการและธุรกิจที่ได้รับผลกระทบ เพื่อเสริมสภาพคล่องทางการเงินให้ธุรกิจยังคงเดินหน้าต่อไป เพื่อขับเคลื่อนระบบเศรษฐกิจของประเทศ ให้เดินไปข้างหน้า

"สุดท้ายนี้ ผมขอเป็นกำลังใจให้ทุกท่านผ่านพ้นวิกฤติครั้งนี้ไปได้ และเมื่อสถานการณ์กลับเข้าสู่สภาวะปกติ พวกเราชาว เอสเอฟ SF พร้อมที่จะต้อนรับทุกท่านสู่โรงภาพยนตร์อีกครั้ง"  


เมเจอร์เจ้าใหญ่รวยเละ แต่รายได้หายเยอะช่วงโควิด
ด้านผู้บริหารใหญ่ ของเครือโรงหนังเมเจอร์ Major วิชา พูลวรลักษณ์ ทางเราพยายามติดต่อสัมภาษณ์นานหลายวัน แต่ยังไม่พร้อมที่จะให้สัมภาษณ์ในช่วงนี้ โควิดระบาดระลอกนี้เจ็บหนักอยู่ จากที่เคยโกยเงินสนั่น แต่ตอนนี้ต้องมีหลายโรง หลายจังหวัดต้องปิดไป แต่ยังพอมีบางโรงบางจังหวัด ก็ยังเปิดบริการตามปกติ ซึ่งต้องลดรอบลดโรงไปเยอะเลย เพราะคนไม่ค่อยเข้าไปดู

เมเจอร์เงินเยอะจริง ไม่ง้อรอหนังจากค่ายอื่นๆ จึงผลิตหนังไทยเองมานานแล้ว ตั้งหลายบริษัทในเครือ เมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ กรุ้ป เช่น 

- เอ็ม พิคเจอร์ส M PICTURES

- เอ็มเทอร์ตี้ไนน์ M๓๙

- ทรานส์ฟอร์เมชั่น ฟิล์ม Transformation Film

- ซีเจ เมเจอร์ เอ็นเตอร์เทนเม้นท์ CJ MAJOR Entertainment

- ไท เมเจอร์ Tai Major นำทัพโดย วิสูตร พูลวรลักษณ์ ที่ปล่อยหนังเรื่องแรกของค่าย บอสฉันขยันเชือด

ส่วน รฤก โปรดักชั่น เน้นการผลิตงานเบื้องหลังมากกว่า หนังหลากหลายแนว จากหลายค่ายของเมเจอร์ Major มีทั้งลงทุนเองหมด แต่ก็มีน้อยนะ ต้องลดอัตราเสี่ยงเจ๊ง ด้วยการไปร่วมทุนกับบริษัทต่างๆ ทั้งในและต่างประเทศ

หนังจากค่ายเมเจอร์ช่วยสร้างความคึกคัก ให้กับวงการหนังไทยได้อยู่ โดยหนังส่วนใหญ่ จะทำเสร็จล่วงหน้ามากกว่า 1 ปี เพื่อจะได้มีเวลาเหลือเยอะๆ สำหรับการเก็บแก้ ปรับเปลี่ยนรายละเอียด วางแผนพีอาร์โปรโมตปั่นกระแส หรือวางโปรแกรมฉายล่วงหน้าหลายๆ เดือน วางไทม์มิ่ง Timing เพื่อไม่ให้ชนกับหนังฮอลลีวูดฟอร์มใหญ่ๆ ซึ่งเป็นรายได้หลักของโรงหนัง

การมีค่ายหนังเป็นของตัวเอง มีโรงหนังเป็นของตัวเอง จุดแข็งคือ ถ้าหนังดีมีคุณภาพกระแสแรง ก็เพิ่มโรงเพิ่มรอบโกยเงินได้ง่ายทันทีเลย แต่ถ้าหนังเรื่องไหนกระแสแย่ คนไม่ดู ก็ต้องลดรอบลดโรงเป็นเรื่องธรรมดา ค่ายเมเจอร์ Major ยังได้ขยายโรงหนังไปอีกสาขาแล้วที่ ลาว, กัมพูชา และมีแผนโกยเงินต่อ จะขยายสาขาใหม่เพิ่มอีกเยอะ ทั้งในและต่างประเทศ

โรงหนังทางเลือก ทางรอดที่โตจริง
ธุรกิจโรงหนังสายป่านไม่ยาว รอวันตายได้เลย อุ๋ย ชมศจี เตชะรัตนประเสริฐ ลูกสาวเสี่ยพันล้าน อดีตเจ้าพ่อหนังไทย เสี่ยเจียง สมศักดิ์ เตชะรัตนประเสริฐ เงินเยอะจริงได้ร่วมกับ จ๋อง พงศ์นรินทร์ อุลิศ ตั้งใจสร้างโรงหนังทางเลือก House RCA เปิดมานานกว่า 15 ปี เป็นโรงหนังอินดี้ในดวงใจแฟนหนังตัวจริง จน 31 สิงหาคม 2562 ได้ปิดตัวไป แล้วย้ายมาเปิดใหม่ที่ เฮ้าส์สามย่าน House Samyan

โรงหนังลงทุนเยอะหลายสิบล้านบาท ถึงจะมีสาขาเดียว แต่ก็ครองใจคนรักหนังตัวจริงทั้งไทยและต่างประเทศ ไม่อิงหนังกระแสแรง แต่ขยันหาหนังจี๊ดๆ เด็ดๆ มาให้ดูตลอด แต่โควิดช่วงนี้จำใจต้องปิดโรงแล้ว เบื้องต้นประกาศปิดไปยาวจนถึง 30 มิถุนายนก่อน แล้วรอประเมินสถานการณ์ว่าจะเปิดได้อีกเมื่อไหร่

ผู้บริหารสาว อุ๋ย ชมศจี ที่รักหนังสุดจิตใจ ลุยธุรกิจโรงหนัง แบบไม่แคร์เจ๊ง หนังเก่าบ้างใหม่บ้าง สลับสับเปลี่ยนมาให้คนดูเรื่อยๆ ส่วนใหญ่จะเป็นหนังเก่าที่ยังขลัง ดูได้ไม่เบื่อ ก่อนจะย้ายมาที่ เฮ้าส์สามย่าน House Samyan แถวจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ก็สั่งลากับหนังชายรักชายระดับโลก คอลมีบายยัวร์เนม Call Me By Your Name รอบสุดท้ายลาโรงที่เฮ้าส์อาร์ซีเอ House RCA 

คนแห่ไปแน่นโรง พิสูจน์ชัดแล้วว่า โรงหนังถ้าฉลาดเลือกหนังดีมีคุณภาพ ไม่ว่าจะเก่าแค่ไหน หรือใหม่แต่โดนมองเมิน คนดูก็พร้อมสนับสนุนอยู่แล้ว ดังนั้นที่ใครบอกว่า หนังนอกกระแส หนังไม่มีกระแสแรง หนังอินดี้ทุนน้อยนิด ดาราไม่ดัง คนจะไม่ดู ไม่จริง!

เชื่อว่าแฟนหนังตัวจริง ยังต้องการโรงหนังทางเลือกอยู่อีกเยอะ น่าเสียดายที่โรงหนังเล็กๆ แบงค็อกสกรีนนิงรูม Bangkok Screening Room ย่านศาลาแดง ทนพิษโควิดไม่ไหว คนมาดูน้อยลง จนต้องปิดตัวไปแล้วตั้งแต่ 31 มีนาคม 2564 ที่ผ่านมา

หรือไม่ต้องสร้างโรงหนังอินดี้เฉพาะเหมือน เฮ้าส์สามย่าน House Samyan อย่างโรงหนังเอสเอฟ SF ก็ใจกว้างพอ แบ่งโรงฉายเปิดพื้นที่ให้หนังนอกกระแส ดีเด่นโดน เข้าฉายเรื่อยๆ มีคนดูเพิ่มขึ้นตลอด 



ธุรกิจโรงหนัง เสือนอนกิน?
เป็นความจริงส่วนหนึ่ง ที่ว่าโรงหนังเป็นธุรกิจเสือนอนกินสบายๆ รวยจริงจัง มีแต่ได้กับได้ กำไรมากกำไรน้อยเท่านั้น ขาดทุนแทบจะไม่มี เพราะถ้าหนังเรื่องไหน คนไม่ดู กระแสไม่แรง ก็แค่ถอดทิ้งรีบเขี่ยจากโปรแกรมฉาย เอาหนังใหม่ๆ กระแสดีเด่น ดาราดังเล่น คนอยากดูเข้ามาแทนที่เลย

แต่อย่าลืมว่า ต้นทุนการสร้างโรงหนังแต่ละแห่ง ก็แพงมาก ยิ่งในช่วงโควิดระบาดหนัก เราจะเห็นผลกระทบเต็มๆ ของโรงหนังหลายแห่ง ที่จำต้องปิด หรือต้องลดรอบฉายลงต่อวัน ทำให้โรงหนังรายได้ลดหายไปเยอะ

เรื่องเงินเรื่องใหญ่ เปอร์เซ็นต์การแบ่งเงินกัน ระหว่างโรงหนังกับผู้สร้างหนัง ตามแต่ตกลงกันเลย ดีลแต่ละเรื่องจะไม่เท่าไร ขึ้นอยู่ที่ว่าส่งใครมาดีล มีคอนเนกชันมากน้อยแค่ไหน ที่จะต่อรองกัน ถ้าเป็นจากค่ายเล็ก หนังเล็กหนังอินดี้ จะได้ส่วนแบ่งไปแค่ 40-45% ตลอดการฉาย แต่ถ้าเป็นหนังจากค่ายใหญ่ ฟอร์มดี ดาราดังเล่น ก็จะได้ส่วนแบ่ง 50-50% และได้รอบฉายต่อวันต่อโรงเยอะมากๆ


ต่างกันเยอะความรู้สึก ที่ดูจากสตรีมมิง-โรงหนัง
พีอาร์ตัวแม่ตัวจริง โป้ง ปฐมทัศน์ คชาภา ทำงานเกี่ยวกับการดันดังหนังไทย และหนังต่างประเทศจากหลายค่ายใหญ่เพื่อเข้าโรง มานานกว่า 33 ปี เปิดใจดังๆ "ในฐานะคนดู ที่เราก็จ่ายเงินสมัครรายเดือน เพื่อดูหนัง-ซีรีส์กับค่ายสตรีมมิงต่างๆ พูดตรงๆ มันมาแทนที่การไปดูหนังในโรงหนังใหญ่ไม่ได้ จอใหญ่ระบบเสียงกระหึ่มของโรงหนัง เข้าโรงหนังมืดๆ ทำให้เรามีสมาธิตั้งใจดู ในขณะที่เราดูหนังจากสตรีมมิงต่างๆ เราก็มักจะทำอย่างอื่นไปด้วย ทำให้พลาดฉากสำคัญไป หรือจะย้อนกลับมาดู อารมณ์ความรู้สึก มันก็ไม่เหมือนกับดูหนังจอใหญ่ๆ อยู่แล้ว


"ระบบเสียงต่างๆ มันดีกว่าเยอะ ดีกว่าเยอะมากๆ แบบมันเทียบไม่ได้อยู่แล้ว ที่เราจะเพ่งดูจอเล็กๆ ทางทีวี ทางคอมพิวเตอร์ หรือโทรศัพท์มือถือ และที่สำคัญ การดูหนังของคนไทยเป็นวัฒนธรรม เป็นส่วนหนึ่งของชีวิตไปแล้ว ชวนกันไปดูหนัง จีบกันในโรงหนัง แล้วไปกินข้าว เดินเล่นแล้วไปเที่ยวต่อตามจุดต่างๆ

"ย้อนไปอดีตยุคก่อน ที่มีวิดีโอ video ให้เช่าตามร้านต่างๆ หลายคนก็บอกว่า โรงหนังจะตายแล้ว คนไม่เข้าไปดูในโรง แต่มันก็ไม่ใช่! หรือยุคที่มีหนังแผ่นหนังวีซีดี VCD หลายค่ายก็ทุ่มทุนดึงดาราดังๆ มาเล่นเยอะ เร่งผลิตจนบูมในยุคหนึ่ง แต่คนก็ยังชอบเข้าไปดูหนังในโรงมากกว่า

"หรือยุคถัดมาที่มีหนังดีวีดี DVD คนก็ซื้อไปดูที่บ้านและสะสมกันเยอะ แต่ก็หมดยุคไปแล้ว ตอนนี้ใครจะซื้อดีวีดี DVD ไปดู มันก็น้อยลงๆ เกือบจะไม่มีแล้ว ต้องพ่ายแพ้ให้กับระบบของโรงหนังที่ดีกว่า ยุคนี้เรามีหนัง-ซีรีส์เยอะเลยจากทั่วโลกให้เลือกกดๆ ดูในสตรีมมิงต่างๆ แต่ถึงที่สุด เชื่อเถอะว่ามนตร์เสน่ห์ของโรงหนังก็ยังจับใจ มีพลังดึงดูดมากกว่าการดูผ่านสตรีมมิง  

"โรงหนังจะตาย ลดความนิยมลงเรื่อยๆ เพราะสตรีมมิงจะมาแย่งตลาดเหรอ คงไม่ใช่นะ! สังเกตสิ ห้างใหม่ๆ เกิดขึ้นตลอด โรงหนังก็ต้องมีเยอะตามไปหมด กลายเป็นส่วนหนึ่งที่สำคัญของห้าง โรงหนังหรูหราอลังการทั้งนั้น บริษัทใหญ่ๆ ที่ทำโรงหนัง ยังมุ่งเจาะตลาดต่างจังหวัดต่อไป มีแผนจะเปิดโรงหนังทั่วไทยอีกเพียบ นั่นความหมายว่า โรงหนังมีแต่เพิ่มๆ ไม่ได้ลดลงเลย"


ค่ายใหญ่สตรีมมิง ไม่ยอมให้ระบบโรงหนังตายไป
ไปๆ ไปคุยกันต่อกับ นุชี่ อนุชา บุญยวรรธนะ ผู้กำกับปังจริง จากหนังชายรักชายหลายเรื่อง เช่น อนธการ The Blue Hour, มะลิลา Malila The Farewell Flower ล่าสุดค่ายใหญ่ระดับโลก วอร์เนอร์มีเดีย Warner Media ทีวีช่องดังระดับโลก HBO GO ซึ่งเป็นอีกเจ้าใหญ่ และยังมีสตรีมมิงหนัง-ซีรีส์อีกด้วย ก็จ้างให้ นุชี่-จอช คิม Josh Kim มากำกับร่วมซีรีส์สยองแตก 8 ตอนเรื่อง Forbidden ที่นำโดย เจเจ กฤษณภูมิ พิบูลสงคราม

นุชี่ ได้วิเคราะห์ถึงการเติบโตของสตรีมมิง ที่อาจจะเข้ามาแทนที่โรงหนังในอนาคต
"จริงๆ โรงหนังมันไม่หายไปไหน ถึงแม้ค่ายสตรีมมิงต่างๆ จะทำออริจินัลคอนเทนต์ Original Content มากขึ้นก็ตาม ถึงแม้มีการใช้เงินมาก ลงทุนเยอะสร้างดี มีการเติบโตแค่ไหน

แต่การฉายหนังในโรงก่อน จะได้เงินเป็นกอบเป็นกำ มากกว่าที่จะฉายเฉพาะสตรีมมิงทางเดียว รายได้จากโรงหนังเป็นวันต่อวันเห็นชัดๆ ทางบ็อกซ์ออฟฟิศ Box Office แต่รายได้สตรีมมิง คิดเก็บเงินได้เป็นรายเดือน มันอาจจะไม่คุ้มทุนสร้าง โดยเฉพาะโปรเจกต์หนังใหญ่ๆ ลงทุนสูง

"แต่ละค่ายของสตรีมมิงที่ทำหนังออกมาตลอด ใช้เงินทุนสูงมาก บางเรื่องก็ 200-300 ล้านเหรียญสหรัฐ ถ้าออกฉายเฉพาะทางสตรีมมิงมันไม่คุ้มทุน เช่น ค่ายดิสนีย์ Disney ก็มีสตรีมมิงเขาเอง สร้างหนังลงทุนสูงก็ต้องพึ่งโรงหนัง อยากจะให้หนังเข้าโรง เพราะทำเงินได้มากกว่า

ในอนาคตน่าจะเห็นโมเดล แบบฉายทั้งสองช่องทางมากขึ้น อย่างเรื่องโรมา Roma (หนังขาวดำของผู้กำกับ อัลฟอนโซ กัวรอน) ที่เน็ตฟลิกซ์ Netflix ซื้อไปเป็นออริจินัลคอนเทนต์ Original Content นำไปฉายทั้งโรงหนังและสตรีมมิงด้วย ก็ได้กระแสดี ได้เงินสองช่องทางเลย และได้รางวัลจากสถาบันต่างๆ อีกเยอะด้วย

"อนาคตค่ายสตรีมมิงต่างๆ อาจจะฉายพร้อมกันทั้งทางสตรีมมิงและโรงหนัง ก็เป็นไปได้ ยังไงสตูดิโอใหญ่ต่างๆ เขาไม่ยอมให้ระบบโรงหนังตาย หายไปไหนหรอก เพราะมันเป็นแหล่งทำเงินให้พวกเขา มากกว่าที่ฉายเฉพาะสตรีมมิง"


สตรีมมิงแย่งตลาด คนดูหนังในโรงไม่ได้
อีกหนึ่งผู้กำกับหนังตัวพ่อของเมืองไทย ต้องยกให้ ต้อม ยุทธเลิศ สิปปภาค เขาบอกกับเราว่าสตรีมมิงแย่งตลาด คนดูหนังในโรงไม่ได้


"สตรีมมิงมันมาแย่งตลาดคนดูหนัง ที่ชอบบรรยากาศของโรงหนังไม่ได้หรอกครับ ก็ได้แค่ช่วงโควิดนี้แหละ เพราะถ้าโรงหนังกลับมาเปิดเต็มที่อีกครั้ง หลังโควิดเลิกระบาดแล้ว คนก็ยังพร้อมจะเข้าไปดูหนังในโรงหนังกันอยู่ การดูหนังในโรง มันเป็นวัฒนธรรมที่แข็งแรง เป็นส่วนหนึ่งของชีวิตคนไทย และคนทั่วโลกไปแล้ว

"รายได้จากการนำหนังไปฉายที่ค่ายสตรีมมิง มันก็จำกัดตายตัว ต่างกับการฉายโรง ถ้าหนังเกิดโดนขึ้นมา มันจะทำเงินให้คนทำหนัง มากกว่าเก็บค่าลิขสิทธิ์จากสตรีมมิง แต่ตอนนี้เมื่อโรงหนังถูกปิด แน่นอนการดูหนังอยู่บ้านจึงเป็นทางเลือก แค่เลือกเข้ามาเพียงเพื่อขั้นเวลา แต่ปัญหาคือ มันเป็นการขั้นเวลา ที่กินเวลาปีครึ่งเข้าไปแล้ว และที่สำคัญมันไม่มีใครรู้ว่า เจ้าของโรงที่ทำเงินของคนทำหนัง จะยืนต่อได้นานแค่ไหน

"ค่ายสตรีมมิงอย่างเน็ตฟลิกซ์ Netflix เริ่มบุกตลาดเมืองไทยตั้งแต่ปีที่แล้ว ก็คงได้เรียนรู้รสนิยมของการดูหนัง ดูซีรีส์ของคนไทยไปแล้ว ว่าแตกต่างจากคนชาติอื่นอย่างไร ตอนนี้คงตกใจอยู่ว่า ทำไมคนไทยชอบดูหนังดูซีรีส์เกาหลี มากกว่าดูหนังไทยของชาติตัวเอง


"ตอนนี้เน็ตฟลิกซ์ Netflix คงอยู่ในช่วงปรับเปลี่ยนคนดูแลคอนเทนต์ content พวกเขาคงต้องค้นหา คนที่เข้าใจรสนิยมของคนดูคนไทย และเป็นคนที่เข้าใจโปรดักชั่นและวิถีการทำงานแห่งไทย ที่ไม่เหมือนชาติใดในโลก เข้ามาดูแลให้ได้".
#3511


GPSC เดินเครื่องโรงงานผลิตหน่วยกักเก็บพลังงานด้วยเทคโนโลยี กระบวนการผลิตขั้นสูงแบบ SemiSolid แห่งแรกในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ชู 3 จุดเด่นตอบโจทย์การใช้งานทั้งความปลอดภัย เสถียรภาพ และเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม พร้อมก้าวสู่ผู้นำด้านแบตเตอรี่เทคโนโลยีและโซลูชั่นการบริหารจัดการพลังงานแบบครบวงจร ภายใต้การขับเคลื่อนนวัตกรรมพลังงานของกลุ่ม ปตท. ตั้งเป้าเสริมศักยภาพการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานทดแทนป้อนกลุ่มโรงไฟฟ้า โรงงานอุตสาหกรรมขนาดใหญ่ และ SME ลุยต่อยอดแผนการผลิตแบตเตอรี่เพื่อยานยนต์ไฟฟ้าแห่งอนาคต

เมื่อวันที่ 19 ก.ค. 64 ที่ผ่านมา บริษัท โกล. เพาเวอร์ ซินเนอร์ยี่ จำกัด (มหาชน) หรือ GPSC ได้เปิดโรงงานผลิตหน่วยกักเก็บพลังงาน G-Cell โดยใช้เทคโนโลยี SemiSolid แห่งแรกในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้อย่างเป็นทางการ ด้วยกำลังการผลิตเริ่มต้น 30 เมกะวัตต์ชั่วโมงต่อปี ตั้งอยู่ที่นิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุด จ.ระยอง  โดยได้รับเกียรติจาก พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เป็นประธานในพิธี พร้อมด้วย นายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน นายดิสทัต โหตระกิตย์ เลขาธิการนายกรัฐมนตรี ศาสตราจารย์พิเศษ ดร.ทศพร ศิริสัมพันธ์ ประธานกรรมการ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) นายอรรถพล ฤกษ์พิบูลย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) นายไพรินทร์ ชูโชติถาวร ประธานกรรมการ บริษัท โกล. เพาเวอร์ ซินเนอร์ยี่ จำกัด (มหาชน) นายวรวัฒน์ พิทยศิริ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท โกล. เพาเวอร์ ซินเนอร์ยี่ จำกัด (มหาชน) และคณะผู้บริหารที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมในพิธี ผ่านระบบออนไลน์


ดร.ไพรินทร์ ชูโชติถาวร ประธานกรรมการ บริษัท โกล. เพาเวอร์ ซินเนอร์ยี่ จำกัด (มหาชน) หรือ GPSC ได้กล่าวถึงโรงงานแห่งนี้ ถือเป็นโรงงานผลิตแบตเตอรี่ Lithium แบบ SemiSolid แห่งแรกของไทย และภูมิภาคอาเซียน ด้วยกำลังการผลิตเริ่มต้น 30 เมกะวัตต์ชั่วโมงต่อปี โดยโรงงานแห่งนี้ตั้งขึ้นตามวัตถุประสงค์ในการสร้างนวัตกรรมและอุตสาหกรรมการผลิตแบตเตอรี่ Lithium ให้เกิดขึ้นในประเทศไทย และกระตุ้นให้เกิด Ecosystem ของการใช้พลังงานสะอาด และพลังงานไฟฟ้าในรูปแบบต่างๆ ที่มากขึ้นในทุกภาคส่วน โดยวางแผนขยายกำลังการผลิตขึ้นเป็น 1 กิกะวัตต์ชั่วโมงต่อปีในอนาคต เพื่อบรรลุสู่เป้าหมายของ GPSC ที่มุ่งพัฒนาพลังงานทดแทน ให้สามารถขยายกำลังผลิตไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียนที่ 8,000 เมกะวัตต์ต่อปี ภายในปี 2573

โดยพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ได้กล่าวในโอกาสเป็นประธานพิธีเปิดโรงงานผลิตหน่วยกักเก็บพลังงาน G-Cell ว่า ถือเป็นก้าวสำคัญของประเทศไทย ในการเริ่มต้นเทคโนโลยีนวัตกรรมด้านพลังงาน ที่จะช่วยให้อุตสาหกรรมยานยนต์ของไทยรักษาจุดยืนการเป็นผู้นำฐานการผลิตยานยนต์ในภูมิภาค และเป็นการต่อยอดเปลี่ยนผ่านเทคโนโลยีการผลิตยานยนต์ไฟฟ้าสมัยใหม่ได้เร็วขึ้น เพื่อมุ่งสู่การเป็นศูนย์กลางการลงทุนยานยนต์ไฟฟ้าที่สำคัญของอาเซียน ตอบสนองนโยบายของรัฐบาลในการมุ่งหน้าพาประเทศลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิจนเป็นศูนย์ Net Zero Carbon Country ในอนาคต สอดรับกับทิศทางด้านพลังงานของประเทศอื่นๆ ทั่วโลก ที่ต่างได้กำหนดเป้าหมายเดียวกัน ภายในปี ค.ศ. 2050 และยังสอดคล้องกับเป้าหมายการส่งเสริมยานยนต์ไฟฟ้าของประเทศไทย

โดยปัจจุบัน มีการใช้ยานยนต์ไฟฟ้า (รถอีวี) ตามท้องถนนมากขึ้น ซึ่งปัจจัยสำคัญที่ยานยนต์ไฟฟ้าจะได้รับความนิยมมากยิ่งขึ้น คือ การทำให้ราคารถยนต์ลดลง เพื่อเข้าถึงได้ง่ายขึ้น รวมถึงเทคโนโลยีแบตเตอรี่ที่พัฒนาอย่างก้าวกระโดด ก็เป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพของยานยนต์ไฟฟ้า พร้อมรองรับการเติบโตของตลาดยานยนต์ไฟฟ้าที่รัฐบาลต้องการสนับสนุนให้เกิดขึ้น


ด้านนายวรวัฒน์ พิทยศิริ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ GPSC กล่าวว่า GPSC พร้อมสนับสนุนนโยบายภาครัฐในการผลักดันประเทศลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิจนเป็นศูนย์ ส่งเสริมอุตสาหกรรมรถยนต์ไฟฟ้าและการลดช่องว่างของระบบพลังงานทดแทน ด้วยนวัตกรรมการผลิตแบตเตอรี่ SemiSolid เทคโนโลยีการผลิตของบริษัท 24M Technologies Incorporation หรือ 24M จากประเทศสหรัฐอเมริกา ซึ่งบริษัทฯ ได้รับสิทธิในการดำเนินการผลิตและจัดจำหน่าย


โดยบริษัทฯ จะเริ่มจากการผลิต G-Cell ในแบบ LFP (Lithium Iron Phosphate) ที่มีจุดเด่นในเรื่องความปลอดภัยในการใช้งานสูง และมีอายุการใช้งานที่ยาวนานกว่า จึงเหมาะสมกับแอพพลิเคชั่นที่หลากหลาย รวมทั้งยังสามารถรีไซเคิลได้ง่ายเมื่อแบตเตอรี่หมดอายุการใช้งาน จึงเป็นแบตเตอรี่ที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ด้วยกำลังการผลิตเริ่มต้น ที่ 30 เมกะวัตต์ชั่วโมงต่อปี ซึ่งสามารถขยายกำลังการผลิตของโรงงานนี้ ได้ถึง 100 เมกะวัตต์ชั่วโมงต่อปี

โดยแผนระยะยาว ใน 10 ปีข้างหน้า วางเป้าสู่โรงงานผลิตแบตเตอรี่ขนาด Giga-scale กำลังผลิต 1 กิกะวัตต์ชั่วโมงต่อปี ซึ่งยังอยู่ในขั้นตอนการศึกษาและพิจารณาแผนการลงทุนในช่วงต่อไป คาดว่าจะเห็นข้อสรุปของพื้นที่ตั้งในปีหน้า ซึ่งเบื้องต้นได้มองถึงพื้นที่เขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (อีอีซี) และตั้งอยู่ใกล้โรงงานผลิตยานยนต์ไฟฟ้า เพื่อลดต้นทุนค่าขนส่ง เพื่อรองรับต่อแผนยานยนต์ไฟฟ้าของประเทศไทย ด้วยเงินทุนประมาณ 30,000 ล้านบาท


"แผนการดำเนินงานครั้งนี้ จะเสริมสร้างความพร้อมด้านพลังงานให้กับอุตสาหกรรมแห่งอนาคต (S-CURVE) โดยเฉพาะยานยนต์ไฟฟ้า (Electric Vehicle หรือ EV) การเพิ่มขึ้นของการผลิตและใช้ไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียน (Renewable Energy) และการพัฒนาเมืองอัจฉริยะ (Smart City) ฯลฯ ซึ่งจะสร้างศักยภาพการแข่งขันให้กับประเทศ และเสริมคุณภาพชีวิตให้กับประชาชนคนไทยตามนโยบายรัฐบาล" นายวรวัฒน์ กล่าว


สำหรับการพัฒนาผลิตภัณฑ์ของโรงงานแห่งนี้ มีขีดความสามารถผลิตแบตเตอรี่และระบบกักเก็บพลังงานได้ใน 3 ระดับ คือ 1.G-Cell ซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์ขั้นพื้นฐานในรูปแบบ Battery Pouch Cell 2.ผลิตภัณฑ์ G-Pack ที่มีการนำ Battery Pouch Cell มาเชื่อมต่อกันในรูปแบบ Battery Module และ Pack พร้อมทั้งติดตั้งระบบบริหารจัดการแบตเตอรี่ หรือ Battery Management System (BMS) ร่วมด้วย สำหรับการใช้งานในกลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้าขนาดเล็กและขนาดใหญ่ (Mobility Application–Light Duty and Heavy Duty) เช่น รถบัสไฟฟ้า เรือไฟฟ้า รถตุ๊กต๊กไฟฟ้า รถไฟฟ้าสี่ล้อขนาดเล็ก รถมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้า และกลุ่มอุตสาหกรรมการผลิตระบบกักเก็บพลังงานไฟฟ้า (Stationary Application) และ 3.กลุ่ม G-Box ซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์พร้อมใช้งาน สำหรับระบบสำรองไฟฟ้า (Uninterruptible Power Supply หรือ UPS) และระบบกักเก็บพลังงาน (Energy Storage System หรือ ESS) ที่มีขนาดตั้งแต่ 10-1,000 กิโลวัตต์ชั่วโมงขึ้นไป ซึ่งสามารถนำเทคโนโลยี IOT (Internet of Things) AI (ระบบปัญญาประดิษฐ์) และ Blockchain เข้ามาพัฒนาเป็นแพลตฟอร์มการให้บริการ


โดยผลิตภัณฑ์ทั้งหมด พร้อมรองรับลูกค้าทั้งในกลุ่ม ปตท. กลุ่มโรงไฟฟ้าพลังงานสะอาด กลุ่มลูกค้าอุตสาหกรรมขนาดใหญ่ และกลุ่มวิสาหกิจขนาดกลางและย่อม (SME) รวมถึงผู้ประกอบการที่ต้องใช้แบตเตอรี่เป็นส่วนประกอบของสินค้า โดยในระยะแรกจะมุ่งเน้นไปที่กลุ่มผู้ผลิตและใช้งานระบบกักเก็บพลังงาน (ESS) และยานยนต์ไฟฟ้าขนาดเล็กและขนาดใหญ่ ด้วยลักษณะการใช้งานที่เหมาะสมกับจุดแข็งของ G-Cell แบบ LFP (Lithium Iron Phosphate)


ส่วนยานยนต์ไฟฟ้าในกลุ่ม Passenger EV ที่มีแนวโน้มเติบโตอย่างก้าวกระโดด และเป็นอุตสาหกรรมแห่งอนาคตที่ประเทศไทยให้การส่งเสริม และมีเป้าหมายการผลิตให้ได้ 30% ของอุตสาหกรรมยานยนต์ที่ผลิตเพื่อจำหน่ายในประเทศ ในปี 2573 ซึ่งมักจะนิยมใช้แบตเตอรี่แบบ NMC (Lithium Nickel Manganese Cobalt Oxide) นั้น ในเบื้องต้นบริษัทฯ สามารถนำเข้าแบตเตอรี่แบบ NMC ที่ผลิตจากเทคโนโลยีเดียวกัน โดยบริษัท Anhui Axxiva New Energy Technology Co., Ltd. (AXXIVA) ประเทศจีน ที่บริษัทฯ ได้เข้าไปลงทุนก่อนหน้านี้ ป้อนให้กับกลุ่มลูกค้าที่มีความต้องการได้เช่นกัน


ทั้งนี้ แบตเตอรี่ G-Cell ที่ผลิตโดย GPSC นับเป็นการตอกย้ำถึงบทบาทสำคัญของบริษัทฯ ในฐานะแกนนำนวัตกรรมธุรกิจไฟฟ้าของกลุ่ม ปตท. ที่ได้มองเห็นโอกาสในการให้บริการด้านแบตเตอรี่และระบบกักเก็บพลังงาน และมุ่งสู่การเป็นผู้พัฒนาโซลูชั่นเพื่อบริหารจัดการพลังงานชั้นนำของประเทศ โดยการนำนวัตกรรมใหม่ที่คิดค้นและถูกพัฒนา โดย 24M เป็นแบตเตอรี่ชนิดกึ่งแข็ง ที่มีความปลอดภัยสูง สามารถป้องกันเหตุไฟฟ้าลัดวงจรจากภายในเซลล์แบตเตอรี่ได้เป็นอย่างดี ด้วยโครงสร้างที่มีชั้นฟิล์มพิเศษห่อหุ้มภายใน Unit Cell และด้วยสูตรการผลิตแบบ SemiSolid ส่งผลให้ G-Cell มีความเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ด้วยความสามารถในการเข้าสู่กระบวนการรีไซเคิลได้ง่ายกว่าแบตเตอรี่ทั่วไป จึงมั่นใจได้ว่า ผลิตภัณฑ์ของ GPSC เมื่อนำมาประกอบเป็นผลิตภัณฑ์ G-Pack และ G-Box จำหน่ายให้กับลูกค้าแล้วคาดว่าจะสามารถตอบโจทย์ทุกการใช้งานของลูกค้าได้อย่างดี
#3512


ธุรกิจหลายเซ็กเตอร์ได้รับผลกระทบหนักจากโรคโควิด-19 ระบาด และรัฐงัดมาตรการเข้มข้นขึ้น "ล็อกดาวน์" เพื่อสกัดการแพร่กระจายของไวรัส ทำให้กิจการค้าขายต้องถูก "ล็อกปิด" ตามไปด้วย
เมื่อไม่สามารถซื้อขายสินค้าและบริการได้ บางธุรกิจจึง "โคม่า" รวมถึงอุตสาหกรรม ""สื่อ-โฆษณา" มูลค่าจาก "แสนล้านบาท" ในอดีต ปัจจุบันหดตัวลงเรื่อยๆลดเหลือเพียง 7-8 หมื่นล้านบาทเท่านั้น

ภวัต เรืองเดชวรชัย ประธานกรรมการ บริษัท มีเดีย อินเทลลิเจนซ์ จํากัด ฉายภาพ " ระบบนิเวศน์ของคนโฆษณาตายสนิท โอกาส ทางรอด และความหวัง " ภายใต้การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ซึ่งเวลานี้ต้องมองสถานการณ์บนข้อเท็จจริง ไม่ใช่แค่มองบวกให้มีความหวังอีกต่อไป

ปี 2563 อุตสาหกรรมโฆษณาดิ่งเหวหนัก เพราะเป็นครั้งแรกที่ทั้งโลกและไทยเผชิญโรคโควิด-19 ทำให้ช็อก! การล็อกดาวน์เกิดขึ้นหลายเดือน ทำให้ธุรกิจชะงัก กว่าจะคลายล็อกดาวน์ คือช่วงเดือนกรกฎาคม การตระหนก และปรับตัวไม่ทัน ทำให้อุตฯโฆษณาติดลบเกือบ 20% ต่ำสุดเป็นประวัติการณ์

ปีก่อนสาหัส ทุบสถิติวงการโฆษณา ปี 2564 เหตุไม่คาดฝันเกิด เมื่อโควิด-19 ระบาดรอบ 3 หนักและลากยาวถึงขณะนี้ การ "ล็อกดาวน์" ถูกนำมาใช้อีกครั้ง ดับฝันอุตสาหกรรมโฆษณาที่เดิมจะเห็นตัวเลขโต 8% ผ่านไตรมาสแรก เอ็มไอ ทบทวนตัวเลขโตเหลือ 1% แต่ล่าสุดประเมินทั้งปีจะเห็นตัวเลข "ติดลบ 3-5%" หรือเฉลี่ย -4% เป็นอัตราติดลบเพิ่มจากปี 2563 ฉุดเงินสะพัดเหลือเพียง 72,138 ล้านบาท เท่านั้น

"ล่าสุดสถานการณ์ทุกอย่างแย่ลงมาก ระบบนิเวศของอุตสาหกรรมโฆษณาเข้าขั้นโคม่า สื่อ เอเยนซี่โฆษณา ลูกค้าที่เป็นเจ้าของสินค้าและบริหาร เดือดร้อนหนัก ทำให้ทั้งปีจะเห็นอุตฯโฆษณาติดลบหนักเพิ่มจากปีก่อน แม้ตัวเลขครึ่งปีจะเห็นตัวเลจโต 8% หากมาหักส่วนลด โฆษณาที่ไม่มีมูลค่าเกิดขึ้น เพราะอาจเป็นการแบ่งกำไร การร่วมทุนกัน การเติบโตเกิดเพียงเล็กน้อยเท่านั้น" 

เนอกจากวิกฤติโรคระบาด อีกปัจจัยที่กระทบความเชื่อมั่น แผนการดำเนินงานของภาคธุรกิจคือการ "สื่อสารที่ไม่ชัดเจน" ของภาครัฐ ทั้งเรื่องมาตรการป้องกันโรค ที่มีการล็อกดาวน์ การกระจายวัคซีน การเข้าถึงระบบสาธารณสุขของประชาชน ทั้งการตรวจคัดกรอง การรักษาผู้ติดเชื้อในระดับต่างๆ รวมถึงการสื่อสารมาตรการเยียวยาต่างๆ ทำให้ทุกภาคส่วนเกิดความสับสน ส่งผลต่อการปรับตัวของประชาชน เอกชน

"เรามาถึงจุดนี้ได้ เพราะรัฐสื่อสารไม่ชัดเจน เรื่องอำนาจอาจไม่ต้องบูรณาการ แต่การสื่อสารรัฐต้องบูรณาการ สื่อสารจากแหล่งเดียว ทันที ชัดเจน ให้คนทุกระดับชั้นเข้าใจ ไม่ต้องให้ประชาชนมีคำถามต่อ ประเด็น มาตรการใดที่ยังไม่ชัด ต้องบอกให้รอติดตาม อย่าให้คนคิดไปเอง ซึ่งการสื่อสารเป็นศาสตร์ขั้นพื้นฐานหนึ่งของการบริหารจัดการ"

วิกฤติที่รายล้อมอุตสาหกรรมสื่อ แวดวงโฆษณา จนกระเทือนเม็ดเงินหายไปอย่างหนัก อีกตัวแปรที่ยังคงกัดกร่อนภูมิทัศน์สื่อ ยังเป็น "ดิจิทัล ดิสรัปชั่น" เกิดขึ้นตลอด 5-6 ปีที่ผ่านมา หลายองค์กรปรับตัวให้แข็งแรงเพื่อฝ่ามรสุมดังกล่าว แต่เมื่อโควิดทุบซ้ำ จึงทำให้อาการโคม่า!

ปัจจุบันแบรนด์สินค้าและบริการโยกงบโฆษณาไปอยู่บนแพลตฟอร์มออนไลน์เพิ่มขึ้นและครองสัดส่วนถึง 30% จากเดิมสัดส่วน 5% เท่านั้น ขณะที่ทีวีครองเม็ดเงินโฆษณากว่า 50% อีกสื่อที่ยังมีแนวโน้มเติบโตคือสื่อโฆษณานอกบ้านและสื่อเคลื่อนที่ เพราะตอบรับไลฟ์สไตล์ของผู้บริโภคและสังคมเมืองมากขึ้น และ 3 สื่อหลักจะยังทรงอิทธิพลในอนาคต


ทั้งนี้ 6 เดือนแรก นีลเส็นรายงานงบโฆษณาสะพัด 46,565 ล้านบาท เอ็มไอ คำนวณส่วนลดต่างๆ คาดตัวเลขจริงสะพัด 37,448 ล้านบาทเท่านั้น โดยทีวีมีมูลค่า 18,900 ล้านบาท เติบโต 10% อินเตอร์เน็ต 11,400 ล้านบาท เติบโต 20% สื่อในโรงภาพยนตร์มูลค่า 531 ล้านบาท เติบโต 6% เพราะโรงหนังในต่างจังหวัดยังเปิดให้บริการได้

ยอดติดโควิดโตเกียวพุ่งซ้ำเติมมหกรรมกีฬาโลก
ปี 2564 ปัจจัยที่เป็น "ความหวัง" หนุนอุตสาหกรรมโฆษณาให้คึกคัก กลับมาฟื้นตัว คือมหกรรมกีฬาใหญ่ เช่น ฟุต.ยูโร 2020 แต่เมื่อผู้ได้ลิขสิทธิ์ถ่ายทอดสด ไม่มีการทำตลาดเชิงพาณิชย์ แบรนด์อื่นๆไร้พื้นที่สื่อสารการตลาดช่วงนาทีทอง เม็ดเงินจึงหายจากระบบ ล่าสุดมหกรรมกีฬาแห่งมวลมนุษยชาติ "โตเกียว โอลิมปิก 2020" ยังซบเซา ในญี่ปุ่นกระแสความไม่พอใจของคนในชาติ ทำให้สปอนเซอร์ไม่ผูกแบรนด์(Embed)กับกิจกรรมครั้งนี้ เพื่อลดผลกระทบต่อความรู้สึกผู้บริโภค

ส่วนในไทย ปกติโอลิมปิกจะผลักดันเม็ดเงินโฆษณาสะพัดช่วงสั้นๆ ถึงหลัก "พันล้านบาท" จากการมีแพ็คเกจโฆษณาย่อยๆออกมาหลัก 3, 5, 8 และ 10 ล้านบาทออกมา นอกเหนือจากสปอนเซอร์หลัก แต่นาทีนี้ผู้ประกอบการ แบรนด์เงินน้อยลง แพ็คเกจเล็กสุด 3 ล้านบาท ยังไม่ได้รับความสนใจแต่อย่างใด

"ปีนี้เป็นโอลิมปิกที่ซึมเศร้าสุด ไม่มีผลตอบรับใดๆ ในมุมของการสื่อสารหรือทำแคมเปญการตลาด เพราะมีปัจจัยโรคระบาดที่คุมไม่ได้ สปอนเซอร์หลักไม่ผูกแบรนด์กับโอลิมปิก ที่ไทยก็ไม่ร้อนแรง เพราะภาคธุรกิจไม่มีเงินอุดหนุนการแข่งขัน และไม่เชื่อมั่นในกำลังซื้อ และอารมณ์การจับจ่ายใช้สอยของผู้บริโภค"


โควิดและการล็อกดาวน์อาจฉุดโฆษณาให้หดตัวหนักเป็นประวัติการณ์อีกครั้ง แต่ปลายปี ช่วงเดือนพฤศจิกายน-ธันวาคม ภวัต หวังว่าอุตสาหกรรมจะกลับมาฟื้นตัวได้

"การมองโลกสวยอาจทำให้ได้พลังบวก แต่อาจไม่สอดคล้องกับสถานการณ์จริง เพราะการแพร่ระบาดของโรคโควิดตอนนี้ หากรัฐเอาไม่อยู่ อุตสาหกรรมโฆษณาจะยิ่งติดลบ"

สำหรับภาพรวมของเอ็มไอ ลูกค้าแบรนด์สินค้าและบริการต่างๆ "ชะลอ-เลื่อน-เลิก" ทำแคมเปญการสื่อสารตลาดกับผู้บริโภคกลุ่มเป้าหมายทั้งหมด กระทบผลการดำเนินงานบริษัท  
#3513
นมอัดเม็ดไทยชอง milk tablet  ชอบหวานน้อย นมเน้นๆ มีแคลเซียม ต้องลอง นมอัดเม็ด milk tablet หลายเจ้าในตลาดมากมาย แต่ทำไมนมอัดเม็ดไทยชอง milk tabletแจ้งเกิดเป็นนมอัดเม็ดดาวรุ่งพุ่งแรง เพราะ ความนัวนม ย้ำว่านัวนมๆจริง และรสชาติหวานน้อย ที่เอาใจคนที่หันมาดูแลตัวเองมากขึ้น รสชาติไม่หวานเลี่ยน การันตีไม่หวานแหลมแสบคอ  นมก็นมแท้ๆแน่นๆ จากนิวซีแลนด์ มี 2 ขนาดให้เลือก 





1.นมอัดเม็ดไทยชอง  milk tablet ขนาด 20 กรัมเป็นรูปซองขวด 1 ซองมี 15 เม็ด ขายปลีกซอง 12 บาท ฮัลโล ไม่แพงน้า รสชาติต้องได้ลอง เลือกคุณภาพ ประโยชน์ และ อร่อยด้วย คุ้มค่า

 

2.นมอัดเม็ดไทยชอง milk tablet ขนาด 27 กรัม ซองสี่เหลี่ยม ตกซองละ 18 บาท 
จะซื้อแบบกล่อง หรือ ซื้อแบบซองก็ได้ แบบกล่องซื้อไปเป็นของขวัญของใกเก๋ไก๋ ดูดีมีราคา เพราะแพคเกจเค้าน่ารักเว่อร์ 
 


นมอัดเม็ด milk tabletเป็นขนมทีมีประโยชน์นะคะ ทานได้ทั้งเด็กและผู้ใหญ่ เพราะนมอัดเม็ดไทยชอง milk tabletใช้นมแท้ๆ คุณภาพดีมาเป็นส่วนผสมหลักที่เข้มข้น ทำให้คนทานได้ แคลเซียมและวิตามินบี 2  ใครที่เน้นดูแลเรื่องกระดูกและฟัน และ ลดหวานเพื่อสุขภาพ แนะนำมากๆ กับนมอัดเม็ดไทยชอง milk tablet

สั่งซื้อ คลิกเลย >>> https://lin.ee/sSGXFCK 
 
#3514
น้ำมันว่านเครือเขาหลง ใส่ตะกรุดนะมหานิยม ทุกขวด

สายพุทธคุณ คุณพระ คุณว่าน ไม่เข้าตัว ไม่มีข้อห้าม ใช้ด้วยศรัทธา สำเร็จทุกราย
เครือเขาหลงจัดอยู่ในของขลังธรรมชาติ เป็นของเสน่ห์ ของเสน่ห์แรงๆ หมอเสน่ห์เขมร หมอเสน่ห์ไทยนิยมใช้กันมาก และจัดได้ว่าเป็นของเสน่ห์ที่แรงที่สุด
 
คุณของน้ำมัน
เพิ่มเสน่ห์ เพิ่มเมตตา นำพาโชคลาภ เรียกจิต เรียกใจ ประสานสัมพันธ์ ค้าขายร่ำรวย

คาถามหาหลง
โอม หลง หลง มหาหลง สารพัดที่จะหลง หลงทั้งต้น หลงทั้งกิ่ง หลงทั้งก้าน หลงทั้งราก หลงทั้งใบ หลงทั้งดอก คนเห็นน้ำตาตก นกเห็นน้ำตาไหล ไผผู้ใดเห็นหน้ากู อยู่มิได้ร้องไห้หากู หลงทั้งหน้า หลงทั้งหลัง หลงทั้งซ้าย หลงทั้งขวา หลงทั้งต่ำ หลงทั้งสูง หลงทั้งกลางวัน หลงทั้งกลางคืน หลงทั้ง
 
วิธีใช้
เพิ่มเสน่ห์ เมตตา โชคลาภ ค้าขาย ประสานสัมพันธ์ สวดคาถาแล้วนำน้ำมันว่านแตะที่หน้าผาก นึกถึงสิ่งที่ต้องการด้วยใจมุ่งมั่น แน่วแน่ศรัทธา เป็นไปดังว่า สมปรารถนา
 
เรียกจิต เรียกใจ ให้ท่องคาถา ใช้แต้มแตะทา ลงบนวัตถุ รูปภาพหามา ของคนต้องการ เพ่งพลังจิต ลงไปแน่วแน่ ให้เกิดเป็นภาพ เคียงคู่กายา ทำได้ดังนี้นั้นหนา บอกคำว่า ได้ตามนั้นเลย

รายละเอียดเพิ่มเติม http://porntaywa99.lnwshop.com/p/12

หรือ  https://www.lazada.co.th/products/-i1863368460-s5737984707.html?spm=a2o4m.searchlist.list.1.74a1133dVZ1MWn&search=1&freeshipping=1
#3515
 


พลาสติก...ไม่ใช่ผู้ร้าย  ตรงกันข้าม "พลาสติก" เป็นวัตถุดิบที่นำมาใช้ผลิตข้าวของเครื่องใช้ที่มีความจำเป็นต่อการใช้ชีวิตและอุตสาหกรรมใหญ่ในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจระดับประเทศและระดับโลก เพียงแต่พลาสติกใช้เวลาย่อยสลายตามธรรมชาตินานและยาก ถ้าหลุดออกไปเป็น ขยะ ก็จะสร้างมลภาวะให้กับสิ่งแวดล้อม

การบริหารจัดการ "พลาสติกใช้แล้ว" ในชีวิตประจำวัน จึงเป็นเรื่องสำคัญที่ทุกคนควรมีจิตสำนึกร่วมกัน ไม่ใช่เพื่อใครที่ไหน แต่เพื่อคุณภาพในการใช้ชีวิตของเราทุกคน รวมไปถึงรุ่นลูกรุ่นหลาน หน่วยงานทั้งภาครัฐและเอกชนซึ่งมีศักยภาพในหลายๆ ด้านต่างเห็นความสำคัญในเรื่องนี้ และร่วมกันรณรงค์ผลักดันโครงการดีๆ มากมายเพื่อสิ่งแวดล้อม

ล่าสุด ได้เกิดความร่วมมือกันของกลุ่มพันธมิตรหัวใจสีเขียว จัดตั้งโครงการใหม่ชื่อ SIAM PIECES (สยาม พีซเซส) เพื่อจัดการ 'ขยะพลาสติก' ให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น


ภาคเอกชน หน่วยงานรัฐ และสถาบันการศึกษา จับมือร่วมกันทำโครงการ SIAM PIECES 

กลุ่มพันธมิตรดังกล่าวประกอบด้วย  บริษัท สยามพิวรรธน์ จำกัด, สถาบันพลาสติก, จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย, PPP Plastics, กลุ่มบริษัท ดาว ประเทศไทย,  กรมควบคุมมลพิษ กรมส่งเสริมคุณภาพสิ่งแวดล้อม สำนักสิ่งแวดล้อม กรุงเทพมหานคร และ เขตปทุมวัน โดยจัดงานแถลงข่าวออนไลน์เปิดตัวโครงการ SIAM PIECES เป็นทางการไปเมื่อวันอังคารที่ 13 กรกฎาคม 2564

ชื่อโครงการ SIAM PIECES  ประกอบขึ้นด้วยตัวอักษรที่มีความหมาย

Siam Pi มาจากชื่อบริษัทสยามพิวรรธน์ ซึ่งเป็นผู้ริเริ่มสร้างสรรค์โครงการนี้
E มาจากคำว่า empower
C มาจากคำว่า circular
E มาจากคำว่า economy
S มาจากคำว่า society
บริษัทสยามพิวรรธน์และกลุ่มพันธมิตรจัดตั้งโครงการ Siam Pieces เพื่อสร้างต้นแบบการจัดการขยะพลาสติกอย่างยั่งยืน ตามแนวคิดเศรษฐกิจหมุนเวียน อันจะนำไปสู่การพัฒนาแบบแผนธุรกิจ (Business Model) ตลอดห่วงโซ่ธุรกิจ ผ่านการศึกษาวิจัยพฤติกรรมจากกลุ่มตัวอย่างของผู้บริโภคในพื้นที่ เขตปทุมวัน ซึ่งนอกจาก 'บริษัทสยามพิวรรธน์' ตั้งอยู่ในพื้นที่นี้อันเอื้อให้เกิดความสะดวกในการทำงาน เขตปทุวันยังประกอบด้วยสถาบันการศึกษา โรงพยาบาล หน่วยงานราชการ พิพิธภัณฑ์ ย่านธุรกิจ ชุมชน มีกลุ่มตัวอย่างพร้อมสำหรับการสร้างแบบแผนนำร่องตามแนวคิด Circular Economy หรือการนำ 'ทรัพยากรที่ใช้ไปแล้ว' กลับมาแปรรูปและนำกลับไปใช้อีกในอนาคต โดยใช้นวัตกรรมและเทคโนโลยีเข้ามาช่วยในกระบวนการผลิตใหม่ เพื่อการใช้ทรัพยากรให้เกิดประโยชน์สูงสุด

นราทิพย์ รัตตประดิษฐ์ และ Recycle Collection Center จุดรับขยะรีไซเคิลที่สยามพารากอน

นางสาว นราทิพย์ รัตตประดิษฐ์ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่อาวุโส สายงานปฏิบัติการ บริษัท สยามพิวรรธน์ จำกัด กล่าวในงานแถลงข่าวเปิดตัวโครงการ 'สยาม พีซเซส' ว่า "การดูแลรักษาสิ่งแวดล้อมเป็นสิ่งที่สยามพิวรรธน์ให้ความสำคัญเป็นอย่างมาก ด้วยความมุ่งมั่นที่จะขับเคลื่อนธุรกิจสู่ความยั่งยืน เราจึงได้นำแนวคิด 'เศรษฐกิจหมุนเวียน' มาพัฒนาเป็นหลักการบริหารจัดการขยะในทุกกระบวนการของธุรกิจ ตั้งแต่การรณรงค์ภายในองค์กร ไปจนถึงการสร้างจิตสำนึกให้ลูกค้า และล่าสุดกับการร่วมเปิด Recycle Collection Center จุดรับขยะรีไซเคิลที่เปิดให้คนทั่วไปสามารถนำมาทิ้งได้ โดยสยามพิวรรธน์ มีความยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้ร่วมมือกับสถาบันพลาสติก และจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ในการใช้พื้นที่ 'วันสยาม' ในการทำวิจัย รวบรวมและวิเคราะห์ข้อมูลจากพนักงาน และลูกค้าวันสยาม เพื่อนำองค์ความรู้มาพัฒนาเป็นต้นแบบของการบริหารจัดการขยะพลาสติกในสังคมอย่างยั่งยืน พร้อมต่อยอดไปใช้แก้ไขปัญหาการจัดการขยะพลาสติกในพื้นที่ต่างๆ ในประเทศไทย ทั้งยังสอดรับกับสถานการณ์โลกปัจจุบัน ที่ขณะนี้ทางสหภาพยุโรป หรืออียู ต้องการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมของโลกในการลดปริมาณขยะพลาสติก และมุ่งมั่นที่จะสร้างเศรษฐกิจหมุนเวียน จึงได้ออกระเบียบว่าด้วยการใช้พลาสติกแบบใช้ครั้งเดียวของสหภาพยุโรป (EU Single Use Plastics Directive) ที่เริ่มต้นใช้ตั้งแต่วันที่ 3 กรกฎาคม 2021 ที่ผ่านมา"


ขณะที่นาย วีระ ขวัญเลิศจิตต์ ผู้อำนวยการสถาบันพลาสติก กล่าวว่า สถาบันพลาสติกได้รับมอบหมายจาก หน่วยบริหารและจัดการทุนด้านการเพิ่มความสามารถในการแข่งขันของประเทศ (บพข.) ภายใต้สำนักงานสภานโยบายการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมแห่งชาติ (สอวช.)  ให้ดำเนินโครงการพัฒนาแบบแผนธุรกิจ (Business Model) ในการนำพลาสติกใช้แล้วทุกชนิดกลับสู่กระบวนการรีไซเคิลอย่างมีประสิทธิภาพ โดยใช้แนวคิด 'เศรษฐกิจหมุนเวียน' หรือ Circular Economy ในพื้นที่เขตเมืองชั้นใน อันเป็นโครงการหนึ่งที่สนองตอบวาระแห่งชาติเรื่อง BCG (Bio-Circular-Green Economy Model)ของประเทศไทย

"ทุกๆ ปีประเทศไทยมีขยะพลาสติกหลังการใช้จำนวนมากถูกนำไปกลบฝังในบ่อขยะ และจำนวนหนึ่งหลุดรอดสู่สิ่งแวดล้อม ด้วยสาเหตุจากการขาดองค์ความรู้การคัดแยกขยะของผู้บริโภคบ้าง ปัจจัยด้านการจัดการขยะที่ยังไม่สมบูรณ์ ทำให้เกิดการปนเปื้อนของขยะพลาสติก จนยากหรือไม่สามารถนำกลับไปรีไซเคิลได้ และปัญหาด้านกลไกการตลาด อุปสงค์และอุปทาน ที่ทำให้มูลค่าของพลาสติกบางชนิดต่ำจนกระทั่งไม่สามารถนำเข้าไปสู่ระบบรีไซเคิล การบริหารจัดการขยะเพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดตามหลักเศรษฐกิจหมุนเวียนจึงมีความจำเป็นต้องทำเป็นองค์กรองค์รวม และบูรณาการส่วนต่างๆ เข้าด้วยกัน โดยมีแบบแผนธุรกิจเพื่อให้เกิดความยั่งยืน"


แผนผังการรวมพลังจากภาคส่วนที่ร่วมกันดำเนินโครงการ Siam Pieces

ผู้อำนวยการสถาบันพลาสติก กล่าวด้วยว่า โครงการ SIAM PIECES เป็นการศึกษาตั้งแต่ต้นทางของการเกิดขยะพลาสติก นั่นก็คือพฤติกรรมของผู้บริโภคที่มีผลต่อการคัดแยกและการทิ้งขยะพลาสติกหลังการใช้ จะมีการหาเครื่องมือที่สร้างแรงจูงใจต่อผู้บริโภคให้เกิดการคัดแยกที่มีคุณภาพมากขึ้น  พร้อมกับการต่อยอดการศึกษาถึงผู้มีส่วนได้ส่วนเสียตลอดห่วงโซ่เศรษฐกิจหมุนเวียน เพื่อนำผลการศึกษามาพัฒนาและจัดทำ แบบแผนธุรกิจ (Business Model) ในการนำขยะพลาสติกทุกชนิดกลับเข้าสู่การผลิตหรือการนำไปใช้ประโยชน์ในรูปแบบของสำหรับการบริหารจัดการขยะพลาสติกหลังการใช้โดยใช้แนวคิด เศรษฐกิจหมุนเวียน (Circular Economy) ในพื้นที่เขตเมืองชั้นใน ที่ทำการศึกษาตั้งแต่พฤติกรรมของผู้บริโภคที่มีผลต่อการคัดแยกและทิ้งขยะพลาสติก เพื่อเข้าใจและหาเครื่องมือที่จะทำให้เกิดแรงจูงใจในการคัดแยกพลาสติกของผู้บริโภคที่มากขึ้น และต่อยอดไปจนถึงการศึกษาผู้มีส่วนได้ส่วนเสียตลอดห่วงโซ่เศรษฐกิจหมุนเวียนเพื่อนำผลการศึกษามาพัฒนาและจัดทำ 'แบบแผนธุรกิจ' เพื่อลดการเพิ่มขยะพลาสติกสู่สิ่งแวดล้อมและส่งเสริมให้มีการนำขยะพลาสติกเข้าสู่ระบบรีไซเคิลมากยิ่งขึ้น

หนึ่งผู้เข้าร่วมการแถลงข่าวครั้งนี้ ศ.ดร.สุพจน์ เตชวรสินสกุล คณบดีคณะวิศวกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กล่าวว่า "ปัจจุบันทุกภาคส่วนให้ความสำคัญกับการรักษาสิ่งแวดล้อม มีการคิดค้นนวัตกรรมในการจัดการวัสดุเหลือใช้ โดยเฉพาะ กลุ่มพลาสติก อย่างไรก็ตาม การจัดการปัญหาขยะพลาสติกนั้นไม่สามารถสำเร็จได้ด้วยเทคโนโลยีหรือนวัตกรรมเพียงอย่างเดียว แต่จำเป็นต้องมีการประยุกต์ใช้องค์ความรู้ด้านอื่นมาร่วมด้วย โดยเฉพาะอย่างยิ่งการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมของผู้ใช้พลาสติกหรือผู้บริโภค และการสร้างกลไกทางเศรษฐกิจที่ทำให้เกิดจัดการพลาสติกที่ครบวงจร เศรษฐกิจหมุนเวียน ซึ่งจะทำให้พลาสติกทั้งที่มีมูลค่าสูงและส่วนที่ยังมีมูลค่าต่ำอยู่ได้กลับเข้าสู่ระบบเพื่อการจัดการอย่างเหมาะสม การดำเนินการในส่วนนี้จำเป็นต้องมีการเก็บและวิเคราะห์ข้อมูลที่ถูกต้องตามหลักวิชาการเพื่อให้สามารถนำผลสัมฤทธิ์ที่เกิดขึ้นไปอ้างอิงและขยายผลสู่พื้นที่อื่นได้...

จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยในฐานะสถาบันการศึกษาจึงจะร่วมเป็นส่วนหนึ่งในโครงการ SIAM PIECES ที่มีวัตถุประสงค์หลักในการพัฒนาแบบแผนธุรกิจที่ส่งเสริมให้เกิดการจัดการขยะพลาสติกอย่างครบวงจร เพื่อร่วมขับเคลื่อนแนวคิดเศรษฐกิจหมุนเวียนและผลักดันการพัฒนาอย่างยั่งยืนของประเทศ"


ด้าน ดร.วิจารย์ สิมาฉายา ประธาน PPP Plastics กล่าวว่า "โครงการความร่วมมือภาครัฐ ภาคธุรกิจ ภาคประชาสังคม เพื่อจัดการพลาสติก และขยะอย่างยั่งยืน (PPP Plastics) ได้มีส่วนร่วมในการพิจารณาร่วมให้ทุนสนับสนุนงบประมาณในการดำเนินงานโครงการพัฒนา 'แบบแผนธุรกิจ' สำหรับการบริหารจัดการขยะพลาสติกหลังการใช้โดยใช้แนวคิด เศรษฐกิจหมุนเวียน (Circular Economy) ในพื้นที่เขตเมืองชั้นใน ปัจจุบันองค์กรภาคธุรกิจได้เข้ามามีบทบาทสำคัญในการร่วมเป็นส่วนหนึ่งของการขับเคลื่อนเศรษฐกิจหมุนเวียน เพื่อแก้ไขปัญหาขยะพลาสติก เพื่อร่วมหาทางออกการบริหารจัดการขยะพลาสติก เพื่อสร้างรูปแบบที่สมดุลอันมุ่งไปสู่เศรษฐกิจหมุนเวียนอย่างยั่งยืนในมิติต่างๆ ทั้งด้านเศรษฐกิจ สังคมและสิ่งแวดล้อม โดยการขับเคลื่อนแก้ไขปัญหาขยะพลาสติกได้มีการดำเนินงานในบริบทที่มีความสอดคล้องกับแนวทางเศรษฐกิจ BCG หรือ เศรษฐกิจชีวภาพ เศรษฐกิจหมุนเวียน และเศรษฐกิจสีเขียว (Bio-Circular-Green: BCG Model)  ที่รัฐบาลกำหนดเป็นโมเดลเศรษฐกิจในการพัฒนาประเทศอย่างยั่งยืนและเป็นวาระแห่งชาติ อีกด้วย นับได้ว่าการปรับเปลี่ยนรูปแบบการดำเนินธุรกิจดังกล่าวเป็นการตอบสนองนโยบายของภาครัฐในการขับเคลื่อนประเทศไทยสู่ความยั่งยืนในอนาคต"


สำหรับภาคเอกชนซึ่งทำงานใกล้ชิดกับวัสดุประเภทนี้ ฉัตรชัย เลื่อนผลเจริญชัย ประธานบริหาร กลุ่มบริษัท ดาว ประเทศไทย กล่าวว่า "โครงการนี้สอดคล้องเป็นอย่างยิ่งกับหนึ่งในเป้าหมายด้านความยั่งยืนที่ 'ดาว' ได้ประกาศไปเมื่อปีที่แล้วคือ 'การหยุดขยะพลาสติก' โดยเราตั้งเป้าจะผลักดันให้พลาสติกที่ใช้แล้วจำนวน 1 ล้านตันจากทั่วโลกถูกเก็บกลับมาใช้ประโยชน์ หรือ รีไซเคิล ผมรู้สึกภูมิใจที่ 'ดาว' ได้ร่วมมือกับพันธมิตรในการก่อตั้งโครงการ Siam Pieces อีกทั้งร่วมผลักดันให้เกิด business model ของการจัดการพลาสติกใช้แล้วที่มีประสิทธิภาพ และช่วยยกระดับผู้ประกอบการรับซื้อของเก่า ซาเล้ง รวมทั้งผู้มีส่วนได้เสียตลอดทั้ง value chain ให้มีรายได้พอเพียงที่จะสามารถดำเนินธุรกิจได้ด้วยตนเอง ซึ่งจะทำให้การจัดการพลาสติกเป็นไปอย่างยั่งยืนในอนาคต"

นอกจากนี้ ภายใต้งานแถลงข่าวโครงการ Siam Pieces ในรูปแบบออนไลน์ผ่านระบบ ZOOM และ Facebook Live เพจสถาบันพลาสติก ยังมีการจัดเสวนาหัวข้อ Siam Pieces โมเดลเส้นทางการจัดการพลาสติกใช้แล้วครบวงจร โดยมี นราทิพย์ รัตตประดิษฐ์ ผู้บริหารระดับสูงแห่งบริษัท สยามพิวรรธน์ จำกัด พร้อมด้วยเหล่าคนดังสายนักอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมและผู้เชี่ยวชาญทางท้องทะเลมาร่วมแลกเปลี่ยนมุมมองและร่วมหาทางออกในการกู้วิกฤตขยะพลาสติก ทั้ง ผศ.ดร.ธรณ์ ธำรงนาราสวัสดิ์ ผู้เชี่ยวชาญด้าน​นิเวศทางทะเล และรองคณบดีกิจการพิเศษภาควิชาวิทยาศาสตร์ทางทะเล คณะประมง มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์, เชอรี่ เข็มอัปสร สิริสุขะ นักขับเคลื่อนด้านสิ่งแวดล้อม , เปรม พฤกษ์ทยานนท์ เจ้าของเพจ 'ลุงซาเล้งกับขยะที่หายไป, ศ.ดร.พิสุทธิ์ เพียรมนกุล รองคณบดีด้านยุทธศาสตร์นวัตกรรมและความยั่งยืน คณะวิศวกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และ ก้อง-ชณัฐ วุฒิวิกัยการ พิธีกรหนุ่มสายกรีนที่หันมาเอาจริงเอาจังในการสื่อสารเรื่องสิ่งแวดล้อม
 
 
#3516


"บลจ.อีสท์สปริง" ชี้เศรษฐกิจสหรัฐ ยุโรป จีน ทยอยฟื้นตัวหลังโควิดหนุนหุ้นต่างประเทศสร้างโอกาสเติบโตแนะกระจายลงทุน ชูหุ้น 2 ธีมหลัก "อินฟราฯ -พลังงานทางเลือก" 3 ธีมเสริม "หุ้นเติบโต-จีน-เปิดเมือง" ด้านหุ้นไทย "บลจ.ทาลีส" เน้นคัดหุ้นกลาง-เล็ก โตเด่น

จากงานสัมมนาออนไลน์ "Mutual Fund in Trend"  จับทิศกองทุนรวม คว้าโอกาส ตามเทรนด์ให้ทัน โดยตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย  

ทั้งนี้ ในช่วงครึ่งหลังปีนี้ การฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทย ยังรอ "วัคซีน"  ในขณะที่เศรษฐกิจต่างประเทศ เริ่มเห็นแสงสว่างปลายอุโมงค์หลังโควิด-19 เริ่มเห็นการฟื้นตัวมากกว่า ดังนั้นในแง่ของการลงทุน ควรคว้าโอกาส "กราะจายการลงทุนหุ้นต่างประเทศ" ตั้งแต่ตอนนี้

นายอดิศร เสริมชัยวงศ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) ทหารไทย จำกัด หรือ อีสท์สปริง และบลจ. ธนชาต จำกัด เปิดเผยว่า ขณะนี้พัฒนาการของวิกฤติการแพร่ระบาดโควิด-19 ในต่างประเทศปรับตัวดีขึ้นและมองข้ามไปถึงการเปิดเมือง  โดยเฉพาะในสหรัฐ ยุโรปและจีน  

ดังนั้น เรามองว่า ขณะนี้เป็นจังหวะที่ต้องเริ่มลงทุนในหุ้นต่างประเทศ มากกว่าหุ้นไทย  เนื่องเศรษฐกิจไทยในปีนี้ยังอยู่ในช่วงที่มีการกระจายวัคซีนล่าช้าและยังจำเป็นช่วยกันประคับประคองสถานการณ์ให้อยู่รอด ซึ่งการแพร่ระบาดโควิด-19 ระลอก 4 ทำให้จีดีพีของไทยปีนี้อาจต่ำกว่า 2%  

ส่วนปัจจัยมีผลต่อการลงทุนต่างประเทศ โดยเฉพาะนโยบายการเงินของเฟดที่เริ่มส่งสัญญาณลดคิวอีและขึ้นดอกเบี้ย ที่จะมีผลกระทบต่อตลาดการลงทุนนั้น  เรายังมองว่าเฟดยังคงต้องดำเนินนโยบายการเงินอย่างระมัดระวัง

อีสท์สปริง แนะ2 ธีมหลัก 3 ธีมเสริมลุยหุ้นนอก 

นายอดิศร กล่าวต่อว่า  เราแนะกระจายการลงทุนหุ้นต่างประเทศ จัดพอร์ตลงทุนหลัก ในกองทุนที่กระจายการลงทุนในหุ้นทั่วโลก เน้นหุ้น 2 ธีมหลัก  คือ 1. อินฟราสตักเจอร์ รองรับการฟื้นตัวของเศรษฐกิจหลักโควิด-19 หนุนให้ภาคธุรกิจมีกำไรและราคาหุ้นปรับตัวขึ้นต่อไปได้  และ2.พลังงานทางเลือกหรือพลังสะอาด ปัจจุบันยังราคาอยู่ในจุดที่เหมาะสม   

ขณะที่ควรมีการลงทุนเสริม เน้นหุ้น 3 ธีมเสริม ได้แก่ 1. หุ้นเติบโต เช่น หุ้นเทคโนโลยี เป็นเทรนด์ของโลก 5จีและเฮลธ์เทค ในช่วงครึ่งปีแรกราคาปรับตัวลงมาพอสมควรแล้ว  เช่นเดียวกับ 2. หุ้นจีน ที่ราคาหุ้นยังปรับตัวลงมาตั้งแต่ต้นปีนี้  และ3.หุ้นเปิดเมือง เช่นกลุ่มค้าปลีกและท่องเที่ยว  ที่กำไรและราคาหุ้นมีแนวโน้มกลับมาขยายตัวตามการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ  

สิ่งที่ผู้ลงทุนควรทำ หากต้องการลงทุนต่างประเทศ คือ จัดพอร์ตให้ดี  ควรลงทุนอย่างมีความรู้และมีข้อมูลที่เป็นเทรนด์การเปลี่ยนแปลงของโลก รวมถึงต้องมีการติดตามปัจจัยต่างที่มีผลกระทบอย่างใกล้ชิด ปรับพอร์ตการลงทุนให้สอดคล้องกับสถานการณ์ เพื่อลดความเสี่ยง  

   
ทางด้านการลงทุน ในตลาดหุ้นไทย ด้วยทิศทางในการขับเคลื่อนตลาดในระยะข้างหน้า  จะต้องพึ่งพานักลงทุนในประเทศเป็นหลัก โดยเฉพาะรายย่อย  ซึ่งในช่วงครึ่งปีแรกของปี 2564  เม็ดเงินลงทุนต่างชาติ (ฟันด์โฟลว์) ยังขายสุทธิมาอย่างต่อเนื่อง คงไม่ได้กลับเข้ามาง่ายๆ จากภาพการฟื้นตัวของเศรษฐกิจหลังโควิด-19 อาจใช้เวลาถึง 4 ปี ถึงจะกลับมาเท่าก่อนเกิดโควิด-19 ในปี 2562

จับตา 3 สัปดาห์นี้ คาดล็อกดาวน์เข้ม 

 นายประภาส ตันพิบูลย์ศักดิ์ ประธานเจ้าหน้าที่การลงทุน บลจ.ทาลิส เปิดเผยว่า ด้วยสถานการณ์ตลาดหุ้นไทยดังกล่าว และการแพร่ระบาดโควิด-19 ระลอก 4 ในเดือนก.ค.นี้ คาดว่ารัฐยังใช้มาตรการคุมการแพร่ระบาดที่เข้มข้นขึ้น "มาตรการล็อกดาวน์" เป็นเรื่องที่หลีกเลี่ยงได้ยากในปีนี้  ยังต้องติดตามว่าจะเข้มข้นแค่ไหน เพราะยังมีความมเสี่ยงสูงในช่วง3 สัปดาห์ข้างหน้า

ขณะที่มาตรการเยียวยาภาครัฐยังจำเป็นและยังต้องใช้เม็ดเงินเยียวยาผลกระทบในปีนี้ มองอาจมากกว่าปีก่อน จาก5 แสนล้านบาทเพิ่มเป็น 8-9 แสนล้านบาท โดยจำเป็นต้องปรับเพิ่มเพดานหนี้สาธารณะต่อจีดีพี จากระดับ 60% ไปถึง80%ในปีนี้และปีหน้า ก็เป็นเรื่องที่ควรทำ  ภายใต้สถานการณ์การแพร่ระบาดโควิด-19ในปีนี้ เชื้อรุนแรงขึ้น  มีวัคซีนแต่ยังต้องรอการกระจายที่เพียงพอและมีประสิทธิภาพต่อเชื้อกลายพันธุ์

แม้ว่า "มาตรการล็อกดาวน์" ทั้งประเทศหรือ "กึ่งล็อกดาวน์" แค่ในบางพื้นที่ นั้นมองว่าเป็นข่าวร้ายสำหรับผู้ประกอบการ แต่ในแง่ของการลงทุน มองว่า "ยังเป็นโอกาส"  จากสถานการณ์ที่ผ่านมาก่อนล็อกดาวน์ ตลาดหุ้นไทยปรับตัวต่ำแล้วหลังจากนั้นราวสองเดือนกลับมาฟื้นตัวได้  

 ประเด็นสำคัญปัจจัยที่มีผลกระทบต่อตลาดหุ้นไทย คือ จำนวนผู้ติดเชื้อโควิด-19 ในไทย หากในช่วง 3-6 เดือนนี้ ยังไม่เห็นปรับลดลง น่าเป็นห่วง แต่หากปรับลดลงได้ หนุนตลาดหุ้นไทย จากแนวโน้มเศรษฐกิจไทยคาดว่าปลายปีหน้าน่าจะเริ่มเห็นการฟื้นตัวได้ คาดใช้เวลา 4 ปีกลับมาฟื้นตัวที่ 3-4% เท่าช่วงก่อนโควิด-19ในปี2562

   
จับเทรนด์รับ "เปิดเมือง-พลังงานทางเลือก" 

นอกจากนี้ในช่วงวิกฤติโควิด-19 ที่ผ่านมา พบว่า บริษัทขนาดกลางและเล็ก ที่มีความคล่องตัวและปรับตัวได้ ในขณะที่ตลาดทุนยังเป็นแหล่งระดมทุนที่ดี ขณะที่บริษัทขนาดใหญ่ยังใช้ระยะเวลาในการฟื้นตัว

ดังนั้นกลยุทธ์การลงทุนหุ้นไทย  ยังแนะการลงทุน "หุ้นขนาดกลางและเล็ก" ซึ่งยังมีความน่าสนใจลงทุนในระยะ 3-5 ปีข้างหน้า

แต่กลยุทธ์ที่สำคัญ คือ ผู้ลงทุนต้องคัด เลือกธุรกิจที่มีความแข็งแกร่ง ปรับตัวได้ดีในชช่วงโควิด-19 และยังมีแนวโน้มเติบโตสูง 15-30% ต่อปีในระยะข้างหน้า  รวมถึงต้องเป็นธุรกิจที่ไม่ใช่เงินลงทุนสูง และผู้บริหารธุรกิจมีความสามารถบริหารจัดการกับปัญหา ลดอุปสรรคได้ดีในวิกฤติครั้งนี้  

พร้อมกับการจัดพอร์ตหุ้นขนาดกลางและเล็ก เน้นกระจายการลงทุนในธีม "เปิดเมือง"  หรืออยู่ในเทรนด์การลงทุนที่สอดคล้องไปกับเทรนด์การเปลี่ยนแปลงของโลก  "พลังงานทางเลือก"
#3517











ที่ดินบ้านสวนคลอง14 ชุดพิเศษ 10แปลง
ระบบสาธารณูปโภคพร้อม ไฟฟ้า-น้ำประปา
ที่ดินถมแล้ว ราคาโปรโมชั่นพิเศษ ตารางวาละ 5,900บาท
**ยกเว้นแปลง P7 ราคา 4,900บาท/ตารางวา ครับ**

เงื่อนไขจองและทำสัญญาเพียง 50,000บาทเท่านั้น

พื้นใกล้เคียง พร้อมสรรพด้วย คาเฟ่, โรงเรียน, วิทยาลัย, มหาวิทยาลัย, โรงพยาบาลขนาดใหญ่, วัด, ตลาด, การคมนาคมที่สะดวก ห่างจากถนนรังสิต-นครนายก กม.35 เพียง 2 กิโลเมตร เท่านั้น

เพื่อตอบโจทย์ทุกรูปแบบการใช้ชีวิต ของทุกคนในครอบครัว

ถือเป็น ทำเลดี น่าลงทุน ทำเลอนาคต ซื้อเก็บไว้ เป็นมรดกแก่ลูกหลานได้

ปัจจุบัน ความเจริญด้านนวัตกรรมและเทคโนโลยี มีบทบาทที่สำคัญในการดำเนินงาน ในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจและสังคม พร้อมทั้งเชื่อมโยงชีวิต และไลฟ์สไตล์ ให้เป็นหนึ่งความสุขที่ยั่งยืน

ความสุขในการดีไซน์บ้านในฝันของคุณ ท่ามกลางธรรมชาติใกล้กรุงเทพฯ

เพิ่มความอบอุ่นให้กับครอบครัวได้ใช้ชีวิตร่วมกัน ครอบคลุมทุกช่วงวัย

การใช้ชีวิตทั้งในวันนี้และในอนาคตต่อไป


สนใจเชิญให้เข้าร่วมกลุ่ม Line "บ้านที่ดิน HouseLand" เพื่อรับการอัพเดทที่ดิน
https://bit.ly/3xFTxOS

โปรดติดต่อทีมงาน 88
 ติดต่อคุณชัย 88
โทร. 0918849203
LINE ID : @614skoug
เว็บบ้านที่ดิน  https://housetheland.com

กดไลค์กดแชร์ กดติดตาม คือ
https://www.youtube.com/channel/UCIz5DVj6igFVHKPUqY-Z4RA

https://www.facebook.com/HouseTheLand
#3518


นพ.สุกิจ อัถโถปกรณ์ ที่ปรึกษาประธานสภาผู้แทนราษฎร เปิดเผยว่า ขณะนี้มีการติดเชื้อโควิด-19 เพิ่มขึ้น เป็นเจ้าหน้าที่สำนักงบประมาณที่เข้ามาชี้แจงต่อคณะอนุกรรมาธิการงบฯ 3 คณะในวันที่ 8,10 และ 13 กรกฎาคม โดยวันที่ 8 กรกฎาคม เจ้าหน้าที่คนดังกล่าวยังไม่มีอาการ แต่มีอาการเริ่มเจ็บคอในวันที่ 12 กรกฎาคม ก่อนจะตรวจพบเชื้อในวันที่ 13 กรกฎาคม ทั้งนี้ จึงได้สอบสวนโรคย้อนไปในวันที่ 10 กรกฎาคม ซึ่งเจ้าหน้าที่คนดังกล่าวร่วมประชุมคณะอนุกรรมาธิการฯฝึกอบรมฯ ตั้งแต่เวลา 20.30-21.00 น. ดังนั้น ผู้ที่เข้าร่วมประชุมคณะอนุกรรมาธิการฯในวันดังกล่าวถือเป็นกลุ่มเสี่ยงทั้งหมด ส่วนในวันที่ 13 กรกฎาคมนั้น เจ้าหน้าที่คนดังกล่าวร่วมประชุมคณะอนุกรรมาธิการกองทุนรัฐวิสาหกิจฯในเวลา 14.25-14.40 น. ซึ่งวันดังกล่าวนั้นแน่ชัดว่ามีการติดเชื้อแล้ว ดังนั้น กลุ่มนี้ทั้งหมดก็เป็นกลุ่มเสี่ยง อย่างไรก็ตาม พบว่า ห้องประชุมกรรมาธิการฯมีขนาดเล็ก แต่มีผู้เข้าร่วมประชุมจำนวนมากเกือบ 40 คนต่อคณะ

นพ.สุกิจ กล่าวว่า คณะกรรมาธิการงบประมาณชุดใหญ่มีความเห็นว่าควรตรวจหาเชื้อกลุ่มเสี่ยงเหล่านี้ ทางสภาฯจึงติดต่อกับทางโรงพยาบาลเอกชนเพื่อตรวจหาเชื้อด้วยอุปกรณ์ Rapid Antigen Test คาดว่า เร็วที่สุดน่าจะได้ตรวจในวันพรุ่งนี้ โดยเบื้องต้นมีกลุ่มเสี่ยงประมาณ 100 คนที่จะได้รับการตรวจหาเชื้อ ซึ่งเจ้าหน้าที่ที่สัมผัสใกล้ชิดจะต้องกักตัว โดยจะสอบสวนกันอีกครั้ง อย่างไรก็ตาม การคัดกรองจะเริ่มพรุ่งนี้ แต่ในวันนี้ทุกคนยังคงทำงานปกติ

เมื่อถามว่า จะเป็นข้อครหาหรือไม่ว่า การตรวจหาเชื้อในหน่วยงานราชการง่ายกว่าประชาชนที่ต้องไปต่อคิวตรวจหาเชื้อ นพ.สุกิจ ระบุว่า เป็นกรณีการทำงานเพื่อส่วนรวม หากกรรมาธิการเดินหน้าไม่ได้ ก็โดนข้อครหาอีกด้านว่า ทำไมจึงไม่สามารถประชุมได้ ซึ่งการทำงานของกรรมาธิการเป็นเรื่องบ้านเมืองและเป็นเรื่องผลประโยชน์บ้านเมืองที่สำคัญ
#3519


ประเทศไทยยังคงเผชิญวิกฤติการแพร่ระบาดหนักของไวรัสโควิด-19 ส่งผลกระทบรุนแรง! ทำให้รัฐบาลต้องประกาศมาตรการควบคุมการระบาดอย่างเข้มงวดทำให้หลายกิจกรรมทางเศรษฐกิจต้องสะดุดอีกครั้ง!

ขณะเดียวกันรัฐบาลได้เร่งออกมาตรการเพื่อบรรเทาผลกระทบในภาคประชาชนและผู้ประกอบการ เช่น โครงการเราชนะ ม 33 เรารักกัน โครงการเพิ่มกำลังซื้อ ให้ผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ระยะที่ 3 รวมทั้ง "คนละครึ่ง" เฟส 3 และ "ยิ่งใช้ยิ่งได้" เพิ่มดีมานด์การบริโภคภายในประเทศ

พิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา กล่าวว่า  มาตรการต่างๆ ประเมินว่าจะทำให้มีเม็ดเงินเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจประมาณ 558,500 ล้านบาท ซึ่งเป็นการดำเนินการควบคู่กับการเร่งฉีดวัคซีนให้ประชาชน โดยมีเป้าหมายเพื่อสร้างภูมิคุ้มกันหมู่โดยเร็วที่สุด จะยิ่งส่งเสริมเศรษฐกิจไทยฟื้นตัวได้เร็วมากขึ้น! 

สำหรับ "อุตสาหกรรมการท่องเที่ยว" หนึ่งในเครื่องยนต์หลักเศรษฐกิจไทย รัฐมีการดำเนินโครงการ "เราเที่ยวด้วยกัน เฟส3" และ "ทัวร์เที่ยวไทย" เตรียมเปิดให้ประชาชนจองสิทธิเมื่อสถานการณ์โควิด-19 ภายในประเทศคลี่คลาย

รวมทั้งการเปิดให้นักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางมาเที่ยวได้ในบางจังหวัด เช่น โครงการ "ภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์" นำร่องเมื่อ 1 ก.ค.ที่ผ่านมา และโครงการ "สมุย พลัส โมเดล" คิกออฟวานนี้ (15 ก.ค.) เพื่อให้เกิดรายได้จากการท่องเที่ยวเพิ่มขึ้นจากนักท่องเที่ยว คาดว่าในปี 2564 จะมีนักท่องเที่ยวต่างชาติกลับมาเที่ยวประเทศไทยประมาณ 2 ล้านคน

นอกจากนี้ยังมีโครงการ "Amazing Thailand Grand Sale 2021 Amazing ยิ่งกว่าเดิม" ที่กระทรวงการท่องเที่ยวฯ โดยการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ร่วมมือกับพันธมิตรในอุตสาหกรรมท่องเที่ยวจำนวนมาก ผนึกกำลังนำเสนอสินค้าและบริการทั้งออนไลน์และออฟไลน์ ให้สิทธิพิเศษนักท่องเที่ยวชาวไทยและชาวต่างชาติ ตลอด 2 เดือน ตั้งแต่วันที่ 15 ก.ค.-15 ก.ย.2564 จะเป็นหนึ่งโครงการช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจภาพรวม

ยุทธศักดิ์ สุภสร ผู้ว่าการ ททท. กล่าวว่า ททท. จัดโครงการ Amazing Thailand Grand Sale ต่อเนื่องปีที่ 20 เพื่อกระตุ้นการใช้จ่ายของนักท่องเที่ยว โดยเฉพาะชาวต่างชาติที่เดินทางเข้ามาท่องเที่ยวในประเทศไทยในช่วงนอกฤดูกาลท่องเที่ยวหรือ "โลว์ซีซั่น" โดยเชิญชวนพันธมิตร เช่น ห้างสรรพสินค้า ศูนย์การค้า สายการบิน โรงแรม สปา ธนาคาร บัตรเครดิต เอ็นเตอร์เทนเม้นท์ ฯลฯ ให้ส่วนลดและสิทธิพิเศษต่างๆ เพื่อให้นักท่องเที่ยวเกิดความประทับใจในการชอปปิง ซึ่งที่ผ่านมา ททท. ได้รับความร่วมมือจากพันธมิตรและผู้ประกอบการในอุตสาหกรรมท่องเที่ยวและธุรกิจเกี่ยวเนื่องเป็นอย่างดี และหลายๆ รายก็เป็นพันธมิตรที่กันมาอย่างยาวนานตั้งแต่ปีแรกที่จัดทำโครงการจนถึงปัจจุบัน

Amazing Thailand Grand Sale 2021 ยังคงมุ่งส่งเสริมและตอกย้ำภาพลักษณ์ประเทศไทยเป็น "ชอปปิง เดสติเนชั่น" (Shopping Destination) 

อย่างไรก็ตาม ททท. ปรับกลุ่มเป้าหมาย และเพิ่มพื้นที่ดำเนินโครงการ รวมถึงปรับรูปแบบ เพื่อให้สอดคล้องกับพฤติกรรมของนักท่องเที่ยวและสถานการณ์ในยุคโควิดนี้มากขึ้น! 

"ปีนี้กลุ่มเป้าหมายเน้นไปที่นักท่องเที่ยวไทยและชาวต่างชาติที่พำนักในประเทศไทย (Expat) ที่มีศักยภาพในการใช้จ่ายสูง เพิ่มพื้นที่ดำเนินโครงการครอบคลุมทุกภูมิภาคของประเทศไทย และเชิญชวนผู้ประกอบการที่เป็นแพลตฟอร์มขายสินค้าออนไลน์เข้าร่วมโครงการมากขึ้น"

พันธมิตรหลายรายได้นำ "แพลตฟอร์มออนไลน์" ของตัวเองเข้าร่วม! เพราะสถานการณ์ปัจจุบันและพฤติกรรมของนักท่องเที่ยวไม่สามารถเดินทางและจับจ่ายซื้อสินค้าและบริการได้อย่างสะดวก ขณะที่ การจัดกิจกรรมลด แลก แจก แถม ของพันธมิตรและผู้ประกอบการในรูปแบบ on-site ก็ยังคงพร้อมรับนักท่องเที่ยวที่ต้องการไปซื้อสินค้าและบริการ ณ จุดขาย ภายใต้มาตรการรักษาความปลอดภัยด้านสาธารณสุขอย่างเคร่งครัด

ททท.คาดว่าจะมีผู้เข้าร่วมกิจกรรมมากกว่า 500,000 คน และมีร้านค้าเข้าร่วมโครงการกว่า 10,000 ร้านค้า สร้างเม็ดเงินสะพัดไม่น้อยกว่า 1,000 ล้านบาท!!
#3520
**cash back 200,000.- ** หลังจากยอดโอนห้อง
ขอข้อมูลเพิ่มเติมได้ทางไลน์ https://line.me/ti/p/Q4De1HQ9SZ
ห้อง 225 ชั้น 2 ราคา 1,690,000 ยอดโอน 1,457,600
แบบห้อง B2-01 1bedroom 25.50 sqm.
รายการของแถมจากทางโครงการ
1.digital door lock
2.home automation
3.voucher ทำความสะอาดฟรีเดือนละ 1 ครั้ง จำนวน 12 เดือนมูลค่า 6,000 บาท
4.ก๊อกอ่างล้างจาน
5.เครื่องดูดควัน
6.เครื่องปรับอากาศ 9,000 btu 2 รายการ (พิเศษจากโครงการเฉพาะห้องนี้)
7.ฉากกั้นอาบน้ำ
8.ชั้นวางทีวี
9.ชุดครัว
10.ตู้แขวนชุดครัว
11.ตู้เสื้อผ้า
12.ตู้รองเท้า
13.เตาไฟฟ้า
14.เตียงนอน 5 ฟุต
15.โต๊ะแต่งตัว
16.อ่างล้างจาน
สนใจติดต่อ (เจ้าของขายเอง ต่อรองได้)
โทร 0848072778
https://line.me/ti/p/Q4De1HQ9SZ
Line kozcm