• Welcome to ลงประกาศฟรี โพสฟรี โปรโมทเว็บไซด์ให้ติดอันดับ SEO ด้วย PBN.
 

poker online

ปูนปั้น

Menu

Show posts

This section allows you to view all posts made by this member. Note that you can only see posts made in areas you currently have access to.

Show posts Menu

Messages - luktan1479

#10426
 สีผึ้งว่านดอกทอง ฝังดอกว่านดอกทองและตะกรุดนะเมตตามหานิยม



พุทธคุณ เน้นเรื่อง เสน่ห์ เมตตา โชคลาภ ค้าขาย

ก่อนว่าคาถาก็ให้นึกขอบารมีพระพุทธเจ้า และคุณครูบาอาจารย์

คาถากำกับ

โอมละลวยมหาละลวย หลงกันจนงงงวย จะภะกะสะภะคินี อาคัจฉายะ อาคัจฉาหิ นะโมพุทธายะ 

นะมะพะทะ นะมะพะทะ นะมะพะทะ

(ท่องเก้าจบ แล้วอธิษฐาน)

แล้วใช้นิ้วชี้ข้างขวาป้าย แล้วทาที่ปาก

ตามตำราโบราณระบุว่าว่านดอกทองมีอำนาจทางเพศรุนแรง คนสมัยก่อนจึงนิยมเก็บดอกของว่านดอกทองไว้หุงกับน้ำมันจันทน์ ใช้น้ำมันว่านทาที่ตัว หรือใช้สีผึ้งทาปาก เมื่อถึงคราวจะต้องไปพบปะผู้หลักผู้ใหญ่ ผู้คนต่างๆ หรือหนุ่มสาว พอได้กลิ่นว่านในน้ำมันหรือสีผึ้ง มักจะมีอาการใจอ่อนเคลิบเคลิ้มคล้อยตามได้ง่าย ชี้นกเป็นนกชี้ไม้เป็นไม้ สะกดจิตสะกดใจต่อผู้เจรจาด้วยยิ่งนัก ใครเห็นใครรักใครหลง ว่านดอกทองหรือว่านราคะ เป็นเมตามหาเสน่ห์ มหานิยม มหาละลวย ลุ่มหลงงวยงง ทำให้คนรักคนหลง ทั้งยังช่วยให้มีโชคลาภ



ต้องการข้อมูลเพิ่มเติม สั่งซื้อบูชา ทักแชทได้เลยหรือติดต่อได้ที่

โทร. 0846623662

id line : teerapat999

ลาซาด้า

https://pdp.lazada.co.th/products/i2632497251.html?spm=a1zawg.20038917.content_wrap.6.2f304edfF8zGh5



#10427
" BOOM COLLAGEN PLUS "  คอลลาเจน+วิตามินผิว 36 ชนิด



เติมความสดชื่น ผิวลื่นไปอีกก !!  หอม อร่อย สดชื่น ปังมาก

Boom Collagen+

ผลิตภัณฑ์อาหารเสริมที่ช่วยดูแลสุขภาพผิว ผม เล็บ  ช่วยเสริมสร้างมวลกระดูกให้แข็งแรง

ให้คุณดูดีจากภายในสู่นอก ด้วยคุณประโยชน์จากสารสกัดที่มีมากถึง 36 ชนิด



นำเข้าจากต่างประเทศจากทั่วทุกมุมโลก คุณสมบัติที่อุ้มน้ำได้ดี ให้ความแข็งแรงและยืดหยุ่น

 ช่วยให้ผิวหนังเต่งตึง แน่นเนียนกระชับ ลดริ้วรอย ดูอ่อนเยาว์ 



เสริมสร้างสุขภาพได้ง่ายๆ

- นอกจากช่วยให้ผิวสวยแล้ว ยังช่วยบำรุงข้อกระดูก ช่วยลดอาการเสื่อมของข้อต่อ

-เสริมสร้างคอลลาเจน เสริมสร้างภูมิต้านทานให้แก่ร่างกาย ...ดื่มทุกวัน ดีทุกวัน...

ผิวบูมได้ทุกวัน ง่ายๆ

อย่างครบวงจร ให้คุณดูดีจากภายในสู่ภายนอก

ด้วยคุณประโยชน์จากสารสกัดที่มีมากถึง 36 ชนิด

นำเข้าจากต่างประเทศจากทั่วทุกมุมโลก



Collagen คืออะไร มีประโยชน์อย่างไร

คอลลาเจนเป็นโปรตีนมีอยู่ในสัดส่วน 30 % ของโปรตีนทั้งหมดในร่างกาย

โดยพบมากที่สุดที่ผิวหนัง

ด้วยคุณสมบัติที่อุ้มน้ำได้ดี ให้ความแข็งแรงและยืดหยุ่น

ช่วยให้ผิวหนังเต่งตึง แน่นเนียนกระชับ ลดริ้วรอย ดูอ่อนเยาว์



ผิวบูมได้ทุกวัน

เพื่อให้ทุกวันของคุณเป็นวันที่พร้อม เปล่งประกาย

เพียงแค่ดื่ม BOOM วันละ 1-2 ซอง

ผิวของคุณก็จะค่อยๆดูดีขึ้น มีชีวิตชีวาขึ้น

ผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร Boom

ช่วยในการดูแลสุขภาพผิวให้แข็งแรงจากภายใน

สู่ความสวยใสเปล่งประกาย สู่ผิวพรรณภายนอก

ผ่านการตรวจสอบจากองค์การอาหารและยา

ขึ้นทะเบียน เลขที่ 13-1-01760-5-0104

ราคา 590 บาท


สนใจติดต่อสอบถาม/สั่งซื้อ

Tel. 0846623662

Line id : teerapat999



รายละเอียดเพิ่มเติม  http://porntaywa99.lnwshop.com/p/1232


#ปัญหาฝ้า #กระ #จุดด่างดำ #ผิวหมองคล้ำ #ดูดซึมง่ายทันที #พกพาสะดวก  #ขาวใส
#10428


"Killer Kid (เจ้าหนูนักฆ่า)" สิทธิชัย ศิษย์สองพี่น้อง เตรียมงัดเพลงหมัดเล่นงานนักชกยอดฝีมือรุ่นน้อง "ซ้ายดารา" ตะวันฉาย พี.เค.แสนชัยมวยไทยยิม ไม่หวั่นต้องข้ามสายชกมวยไทย เพราะมันอยู่ในสายเลือด ในศึก ONE: BATTLEGROUND III ซึ่งเป็นเทปการแข่งขัน ออกอากาศวันศุกร์ที่ 27 สิงหาคมนี้

หลังจากโปรแกรมการแข่งขันมีการเปลี่ยนแปลงกะทันหันก่อนหน้านี้ สิทธิชัย และ ตะวันฉาย ตกอยู่ในสถานะไร้คู่ชกจึงตัดสินใจที่จับมือกันพบกันครึ่งทางโดย ตะวันฉาย ซึ่งทำร่างกายมาเพื่อชกกติกามวยไทย รุ่นแบนตัมเวต 65.8 กก. ยอมขึ้นชกกับรุ่นพี่ในรุ่นเฟเธอร์เวต 70.3 กก. ขณะที่ สิทธิชัย ก็ยอมข้ามสายจากกติกาคิกบ็อกซิ่ง มาชกกติกามวยไทย แถมยังเป็นการชกด้วยนวม MMA บนเวทีกรงเหล็กครั้งแรกในชีวิตอีกด้วย

แม้ สิทธิชัย จะยอมรับว่าการเรื้อเวทีมานานอาจมีผลกับการเคลื่อนไหวอยู่บ้าง แต่เขายังมั่นใจในการเตรียมตัวมาเป็นแรมปีทำให้สภาพร่างกายดีเกินร้อย และยังมองเห็นข้อได้เปรียบเหนือ ตะวันฉาย อยู่หลายประการ ทั้งเรื่องเชิงมวยที่เป็นมวยซ้ายเหมือนกันทำให้ต่างรู้ไส้รู้พุงกันดี หรือจะเป็นเรื่องประสบการณ์ที่ผ่านยอดฝีมือบนเวทีระดับโลกมาแล้วมากมาย รวมถึงน้ำหนักที่ได้เปรียบอยู่ โดย สิทธิชัย เปิดใจว่า

"ผมรู้ตัวว่าต้องเปลี่ยนมาชกกติกามวยไทยล่วงหน้าแค่วันเดียวก่อนบินไปสิงคโปร์ครับ รู้สึกตกใจนิดหน่อย เพราะเราไม่ได้เตรียมมาชกมวยไทย แต่ว่าผมไม่ได้กังวลอะไร เพราะเราก็เกิดมาจากมวยไทย ทุกอย่างอยู่ในสายเลือดอยู่แล้ว และครั้งนี้ผมมีสภาพร่างกายดีมาก จึงคิดว่าไม่มีปัญหาครับ"

"ด้วยความเป็นมวยซ้ายเหมือนกัน ทำให้ชกยากขึ้น เพราะต่างฝ่ายต่างมองเห็นอาวุธของกันและกันชัดเจน และน้องเขา (ตะวันฉาย) ก็มีความเร็วในการออกอาวุธ และสายตาดีมาก ผมจึงต้องใช้สายตาและความเร็วของผมในเกมนี้เหมือนกันครับ"

"ถึง ตะวันฉาย จะมีความเร็วเป็นจุดเด่น แต่ผมว่าน้องเขาไม่ค่อยชอบหมัดเท่าไหร่ ถ้าเจอหมัดหนัก ๆ เข้าไป ผมว่าเขาต้องมีแกว่ง ยิ่งผมได้สวมนวม MMA ด้วยแล้ว ผมว่ามันน่าจะสามารถเพิ่มแรงปะทะ และความหนักหน่วงยิ่งกว่าเดิม อีกอย่างผมก็ชกในเวตใหญ่กว่าอยู่แล้วด้วย ถ้าโดนแบบจัง ๆ เกมก็จบได้นะครับ"

แฟน ๆ สามารถรับชมศึกสายเลือดคู่นี้ได้ทาง ONE Super App, YouTube ONE Championship, AIS Play เวลา 19.30 น. และทางไทยรัฐทีวี ช่อง 32 เวลา 22.40 น.
URL
 9
 
#10429
ลงทองเรียกจิต เป็นการเรียกจิตให้อีกฝ่ายคิดถึง

ด้วยการเสกแผ่นทองคำเปลวแท้  100 %  ด้วยคาถาเรียกจิต  เพื่อเรียกจิตบุคคลที่ต้องการมาไว้ในแผ่นทอง  จากนั้นนำแผ่นทองที่ผ่านการเสกแล้ว  ไปติดตรงตำแหน่งกึ่งกลางหน้าผาก  โดยใช้สีผึ้งเรียกจิตทาก่อน  แล้วท่องคาถาเรียกจิตจนบุคคลที่ต้องการ  คิดถึงเรามากๆ 

ค่าครู 99  บาท
สนใจติดต่อ
โทร 0846623662
lide id : teerapat999

ลาซาด้า  คลิก
https://pdp.lazada.co.th/products/i2641064456.html?spm=a1zawg.20038917.content_wrap.6.7dfb4edfDYXNoK

#10430


ประธานาธิบดีโจ ไบเดนกล่าวว่า เขาและนางจิล ไบเดน สุภาพสตรีหมายเลขหนึ่ง จะเข้ารับการฉีดวัคซีนต้านโควิด-19 เข็มที่ 3 เพื่อเพิ่มภูมิคุ้มกันให้ร่างกาย

"เราจะรับการฉีดวัคซีนเข็มกระตุ้น" ปธน.ไบเดนกล่าวในการสัมภาษณ์สำนักข่าวเอบีซี

ด้านผู้นำด้านสาธารณสุขของสหรัฐออกแถลงการณ์ระบุว่า รัฐบาลสหรัฐจะเริ่มทำการฉีดวัคซีนต้านโควิด-19 เข็มที่ 3 ให้แก่ชาวอเมริกันในเดือนก.ย. หลังจากมีข้อมูลบ่งชี้ว่าประสิทธิภาพของวัคซีนในการป้องกันไวรัสโควิด-19 จะลดลงเมื่อเวลาผ่านไป


"เราได้เตรียมพร้อมที่จะทำการฉีดวัคซีนเข็มกระตุ้นให้แก่ชาวอเมริกันทุกคนเริ่มตั้งแต่สัปดาห์ของวันที่ 20 ก.ย." แถลงการณ์ระบุ

แถลงการณ์ดังกล่าวลงนามโดยแพทย์หญิงโรเชล วาเลนสกี ผู้อำนวยการศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคของสหรัฐ (ซีดีซี), แพทย์หญิงเจเน็ต วู้ดคอก รักษาการประธานสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยาสหรัฐ (เอฟดีเอ), นายแพทย์แอนโทนี เฟาชี แพทย์ใหญ่ประจำคณะทำงานด้านการควบคุมโรคโควิด-19 ของทำเนียบขาว และผู้อำนวยการสถาบันโรคภูมิแพ้และโรคติดเชื้อแห่งชาติ (เอ็นไอเอไอดี) รวมทั้งเจ้าหน้าที่ระดับสูงของสหรัฐอีกหลายราย

การฉีดวัคซีนเข็มกระตุ้นดังกล่าวจะขึ้นอยู่กับการอนุมัติจากเอฟดีเอและการพิจารณาทบทวนของคณะกรรมการที่ปรึกษาวัคซีนของซีดีซี ส่วนผู้ที่จะได้รับการฉีดวัคซีนเข็ม 3 ได้แก่ ผู้ที่เคยได้รับการฉีดวัคซีนของไฟเซอร์หรือโมเดอร์นามาก่อน

ซีดีซี เปิดเผยว่า ในขณะนี้ ชาวอเมริกันจำนวน 72.2% ได้รับการฉีดวัคซีนต้านโควิด-19 จำนวน 1 เข็ม ขณะที่จำนวน 61.8% ได้รับการฉีดครบโดสแล้ว
#10431
ต้องการถมดิน ถมที่ นึกถึงเรา เริ่มที่เราจบที่เรา ไม่ใช่นายหน้า ติดต่อ 080-022-3804
รับทุกขนาดพื้นที่ ฟรีตรวจสอบพื้นที่ประมาณ ราคา
#10433
ต้องการถมดิน ถมที่ นึกถึงเรา เริ่มที่เราจบที่เรา ไม่ใช่นายหน้า ติดต่อ 080-022-3804
รับทุกขนาดพื้นที่ ฟรีตรวจสอบพื้นที่ประมาณ ราคา
#10434


ประเทศในเอเชียพยายามพึ่งพาวัคซีนพาสปอร์ตมากขึ้น ด้วยความหวังว่าสิ่งนี้จะช่วยกระตุ้นการเดินทางเพื่อทำธุรกิจของทั่วโลกให้กลับมาคึกคักเหมือนช่วงก่อนเกิดการระบาดของโรคโควิด-19ได้

แต่ปัญหาคือการระบาดอย่างรวดเร็วของโรคโควิด-19 สายพันธุ์เดลตาอาจจะบั่นทอนความพยายามในเรื่องนี้ เนื่องจากวัคซีนพาสปอร์ตไม่ได้มีมาตรฐานแบบเดียวกัน ,อัตราการฉีดวัคซีนที่แตกต่างกัน และขีดความสามารถด้านสุขภาพสาธารณะในเอเชียที่ยังมีความเหลื่อมล้ำกันอยู่ จึงทำให้วัคซีนพลาสปอร์ตกลายเป็นอุปสรรคมากกว่าจะเป็นตัวช่วยให้เกิดการเดินทางข้ามพรมแดนสะดวกรวดเร็วยิ่งขึ้น

สิ่งเหล่านี้สะท้อนถึงความท้าทายในการเปิดพรมแดนและการยกเว้นไม่กักตัวบรรดานักเดินทางที่มีวัคซีนพาสปอร์ต ในรูปแบบเดียวกับที่ยุโรปกำลังดำเนินการอยู่ในขณะนี้

เมื่อวันที่ 10 ส.ค.ที่ผ่านมา สิงคโปร์อนุญาตให้ชาวต่างชาติที่ถือวีซ่าทำงานและได้รับวัคซีนป้องกันเชื้อโควิด-19 ครบแล้ว รวมถึงผู้ติดตาม สามารถเข้าประเทศได้ เนื่องจากสถานการณ์ในประเทศคลี่คลายลง เพราะจนถึงวันที่ 5 ส.ค.ประชาชนสิงคโปร์ได้รับวัคซีนครบ 2 โดสแล้วในสัดส่วน 67% และได้รับการฉีดวัคซีนถึง 70% ในวันที่ 9 ส.ค.ที่ผ่านมา

สิงคโปร์กำหนดให้ชาวต่างชาติที่ขออนุญาตเข้ามาทำงานในประเทศต้องได้รับวัคซีนครบโดสแล้ว 2 สัปดาห์ โดยใช้วัคซีนของไฟเซอร์ โมเดอร์นา หรือวัคซีนที่อยู่ในบัญชีการใช้ฉุกเฉินขององค์การอนามัยโลก (ดับเบิลยูเอชโอ)


ส่วนผู้ติดตามต้องปฏิบัติตามหลักการอยู่ในที่พักอาศัย หากฝ่าฝืนมีบทลงโทษตามกฎหมาย และในระยะต่อไป สิงคโปร์จะอนุญาตให้นักท่องเที่ยวต่างชาติที่ได้รับวัคซีนครบแล้วจากประเทศที่มีอัตราการระบาดในระดับที่ยอมรับได้ สามารถเดินทางเข้าสิงคโปร์ได้เช่นกัน โดยจะประกาศรายชื่อกลุ่มประเทศดังกล่าวในวันที่ 20 ส.ค.นี้


ด้านเวียดนาม ได้ปรับลดระยะเวลาการกักตัวสำหรับชาวต่างชาติที่เดินทางเข้าประเทศจาก 2 สัปดาห์ เหลือเพียง 7 วัน

ในปีที่ผ่านมาเวียดนามประสบความสำเร็จในการควบคุมการระบาดของโรคโควิด-19ได้เป็นส่วนใหญ่ จากการตรวจหาเชื้อแบบมุ่งเป้าและการกักกันโรคแบบรวมศูนย์ แต่นับตั้งแต่ปลายเดือน เม.ย. เวียดนามก็พบผู้ป่วยติดเชื้อที่เพิ่มสูงขึ้นซึ่งเป็นผลจากสายพันธุ์เดลตา

ทางการเวียดนามจึงตัดสินใจปิดพรมแดนทั้งหมด ยกเว้นพลเมืองเวียดนามที่เดินทางกลับประเทศ ผู้เชี่ยวชาญต่างชาติ นักลงทุน หรือนักการทูต ซึ่งทุกคนต้องถูกกักตัว 14 วัน ในสถานที่ที่ได้รับการจัดการจากส่วนกลาง

ขณะที่"แฮร์รี โร้ก" โฆษกประธานาธิบดีฟิลิปปินส์ เปิดเผยว่า ฟิลิปปินส์ปรับลดระยะเวลาในการกักตัวเพื่อเฝ้าระวังโรคโควิด-19 จาก 14 วัน ลงเหลือ 7 วัน สำหรับผู้เดินทางเข้าประเทศทุกคนที่ได้รับการฉีดวัคซีนครบสองโดสในประเทศฟิลิปปินส์

"ผู้เดินทางที่เข้ามายังฟิลิปปินส์ทุกคนไม่จำเป็นต้องเข้ารับการตรวจหาเชื้อโควิด-19 ด้วยวิธี RT PCR หรือการเก็บสารคัดหลั่งในโพรงจมูกเมื่อเดินทางมาถึงอีกต่อไป ส่วนวิธี RT PCR จะใช้ก็ต่อเมื่อผู้ที่เดินทางเข้ามาแสดงอาการโควิด-19 ในช่วงกักตัว 7 วัน" โร้ก กล่าว

ส่วนในเกาหลีใต้ นักเดินทางเพื่อทำธุรกิจชาวต่างชาติที่ฉีดวัคซีนครบโดสแล้ว สามารถยื่นเอกสารเพื่อขอรับการยกเว้นถูกกักตัวได้ตั้งแต่วันที่ 1 ก.ค.โดยมีเงื่อนไขต่างๆมากมาย ขณะที่นักวิชาการและผู้ที่ต้องการเดินทางเยือนเกาหลีใต้ด้วยเหตุผลด้านมนุษยธรรม ที่ครอบคลุมถึงผู้ต้องการเดินทางมาเยี่ยมครอบครัวก็มีสิทธิที่จะยื่นขอรับการยกเว้นจากการถูกกักตัวได้เช่นกัน

รัฐบาลโซลไม่เพียงแต่อนุญาตให้ผู้รับวัคซีนครบโดสแล้วเดินทางเข้ามาในเกาหลีใต้ได้เท่านั้น แต่ผู้ที่รับการฉีกวัคซีนซิโนฟาร์มและซิโนแวคของจีนก็สามารถยื่นเอกสารขอรับการยกเว้นไม่ต้องถูกกักตัวได้ โดยนับจนถึงวันเสาร์(14ส.ค.) อัตราการฉีดวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19แบบครบโดสในเกาหลีใต้อยู่ที่ 19% ของประชากรทั้งหมด

"เกาหลีใต้เป็นประเทศแรกที่ยกเว้นผู้รับการฉีดวัคซีนของจีนไม่ต้องถูกกักตัวเมื่อเดินทางเข้าประเทศ" ลี ดอง กู นักวิจัยจากสถาบันอาเซียนเพื่อการศึกษานโยบายกล่าว

"โจเซฟ เอ็ม.เชียร์"ศาสตราจารย์จากศูนย์วิจัยการท่องเที่ยวมหาวิทยาลัยวากายามาของญี่ปุ่นมีความเห็นว่า สิ่งสำคัญที่จะช่วยให้เกิดการเริ่มต้นเดินทางในเอเชียอีกครั้งคืออัตราการฉีดวัคซีนในภูมิภาคที่เพิ่มขึ้นและการลดลงของยอดผู้ติดเชื้อรายใหม่

"ดูเหมือนว่าตอนนี้รัฐบาลหลายประเทศในเอเชียกำลังวุ่นวายอยู่กับการรับมือกับโควิดสายพันธุ์เดลตาที่เพิ่มขึ้นรวมทั้งแก้ปัญหาอัตราการฉีดวัคซีนที่ยังต่ำอยู่ แต่การรับมือกับการระบาดของโควิดสายพันธุ์เดลตาและการฉีดวัคซีนอย่างเป็นเอกภาพของเอเชียเป็นเรื่องยากลำบาก เพราะยังมีความแตกต่างกันอยู่มากในภูมิภาคนี้ ทั้งในแง่ของจำนวนผู้ติดเชื้อ อัตราการฉีดวัคซีน และโรงพยาบาลที่จะรองรับคนไข้" เชียร์ กล่าว

การจัดการปัญหาที่เกิดขึ้นในเอเชียแตกต่างอย่างสิ้นเชิงกับยุโรปที่มีแนวทางการทำงานส่วนใหญ่ที่เป็นเอกภาพ โดยเมื่อวันที่1 ก.ค.สหภาพยุโรป (อียู)เริ่มต้นใช้เอกสารรับรองการฉีดวัคซีนโควิดแบบดิจิทัล หรือ พาสปอร์ตวัคซีนโควิดแบบดิจิทัล

เอกสารยืนยันการรับวัคซีนโควิดแบบดิจิทัลของอียู ออกแบบมาเพื่ออำนวยความสะดวกและปลอดภัยสำหรับการเดินทางภายในกลุ่มสหภาพยุโรป เพื่อให้พลเมืองในสหภาพยุโรปที่ได้รับวัคซีนครบโดสแล้ว สามารถใช้เอกสารนี้ในการเดินทางผ่านพรมแดนประเทศในสหภาพยุโรปได้ โดยไม่ต้องมีการกักตัวหรือต้องเข้ารับการตรวจหาเชื้อเพิ่ม
#10435
ลงทองเรียกจิต เป็นการเรียกจิตให้อีกฝ่ายคิดถึง

ด้วยการเสกแผ่นทองคำเปลวแท้  100 %  ด้วยคาถาเรียกจิต  เพื่อเรียกจิตบุคคลที่ต้องการมาไว้ในแผ่นทอง  จากนั้นนำแผ่นทองที่ผ่านการเสกแล้ว  ไปติดตรงตำแหน่งกึ่งกลางหน้าผาก  โดยใช้สีผึ้งเรียกจิตทาก่อน  แล้วท่องคาถาเรียกจิตจนบุคคลที่ต้องการ  คิดถึงเรามากๆ 

ค่าครู 99  บาท
สนใจติดต่อ
โทร 0846623662
lide id : teerapat999

ลาซาด้า  คลิก
https://pdp.lazada.co.th/products/i2641064456.html?spm=a1zawg.20038917.content_wrap.6.7dfb4edfDYXNoK

#10436


นายธนโชติ รุ่งสิทธิวัฒน์ กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน เอ็มเอฟซี จำกัด(มหาชน) หรือ MFC เปิดเผยว่า ผลการดำเนินงาน6 เดือนแรกปี 2564  มีกำไรสุทธิ183.58 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 191.74%  และมีรายได้ 826.62 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 106.63% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า

สาเหตุหลักมาจากในปีนี้บริษัทจัดตั้งกองทุนรวมใหม่จำนวน 10 กองทุน มีมูลค่าทรัพย์สินสุทธิ(AUM) 8,223 ล้านบาท เพิ่มขึ้น314.3 % จากช่วงเดียวกันของปีก่อน คิดเป็นจำนวนลูกค้าใหม่เพิ่มขึ้น 998.4%

โดยมีกองทุนที่โดดเด่น ที่เป็นกองทุนยอดนิยม คือ MRENEW กองทุนพลังงานทดแทนกองแรกในไทย, M-EM กองทุนตลาดเกิดใหม่, MFTECH กองทุนฟินเทค, MEURO กองทุนหุ้นยุโรป, MCHINA กองทุนหุ้นจีน A-shares, MGF กองทุนหุ้นเติบโตคุณภาพดีทั่วโลก และ MMPLUS กองทุนตราสารหนี้ เป็นต้น

และปัจจัยจากการปรับขยายช่องทางการขายผ่านตัวแทนขายเพิ่มขึ้น ส่งผลให้ผลการดำเนินงานในช่วง 6 เดือนแรกของปี 2564 เติบโตได้อย่างต่อเนื่อง

 ณ วันที่ 30 มิถุนายน 2564 บริษัทมีอัตราผลตอบแทนต่อส่วนของผู้ถือหุ้นรวมอยู่ที่ 31.55 % และมีอัตรากำไรสุทธิต่อรายได้รวมเท่ากับ 22.21 %


พร้อมกันนี้ บริษัทยังได้รับงานบริหารการลงทุน 2 แห่ง โดยเป็น "ผู้จัดการกองทรัสต์โรงพยาบาลรายแรกในไทย" และ "ทรัสตีรายแรกของกองโทเคน" ดังนั้นบริษัทตั้งเป้าขยายทีมงานและพัฒนาทักษะการดำเนินงานของทุกภาคฝ่าย ให้มีความพร้อมและแข็งแกร่งยิ่งขึ้น เพื่อเตรียมรับการเข้าบริหารงานกองทุนในโครงการใหม่ๆที่กำลังจะมีเข้ามาในอนาคต

นายธนโชติ กล่าวว่า บริษัทเตรียมเข้ารับหน้าที่เป็น "ผู้จัดการกองทรัสต์" โดยยื่นไฟล์ลิ่งขอจัดตั้งและเสนอขายกองทรัสต์โรงพยาบาลแห่งแรกของประเทศไทยคือ "ทรัสต์เพื่อการลงทุนในสิทธิการเช่าอสังหาริมทรัพย์เครือโรงพยาบาลบางปะกอก" หรือ "Bangpakok Hospital Group Leasehold Real Estate Investment Trust" (ชื่อย่อหลักทรัพย์ BHGRT) คาดว่ามีมูลค่าเข้าลงทุนครั้งแรกไม่เกิน 5,200 ล้านบาท

โดยจะเข้าลงทุนในสิทธิการเช่าที่ดินและสิ่งปลูกสร้างโครงการโรงพยาบาลบางปะกอก1 (BPK 1) และโรงพยาบาลบางปะกอก 9 อินเตอร์เนชั่นแนล (BPK 9) รวมถึงระบบสาธารณูปโภค งานระบบและสิ่งอำนวยความสะดวกต่าง ๆ ซึ่งเป็นส่วนควบของสิ่งปลูกสร้างดังกล่าว และกรรมสิทธิ์ในอุปกรณ์ทางการแพทย์ที่สำคัญต่าง ๆ ที่เกี่ยวเนื่องกับการดำเนินกิจการใน

สำหรับโครงการดังกล่าว มีบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน วรรณ จำกัด เป็นทรัสตี และธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) ร่วมกับบริษัทหลักทรัพย์ เมย์แบงก์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) เป็นที่ปรึกษาทางการเงิน การเข้าเป็นผู้จัดการกองทรัสต์ BHGRT นั้นจะเป็นการเพิ่มความหลากหลายของประเภททรัพย์สินที่ MFC บริหารจัดการ ช่วยเพิ่มความน่าสนใจและเพิ่มโอกาสในการเป็นผู้จัดการกองท

อีกทั้งบริษัทยังได้รับการแต่งตั้งให้เป็น ทรัสตี ในโครงการ "โทเคนดิจิทัลเพื่อการลงทุนสิริฮับ" หรือ "SiriHub Investment Token"มีหน้าที่จัดการกองทรัสต์ และติดตาม ดูแลการบริหารจัดการทรัพย์สินของผู้ออกโทเคนดิจิทัล ซึ่ง MFC เป็นทรัสตีรายแรกของไทย ที่ได้รับอนุญาตจากสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ ให้ประกอบธุรกิจการเป็นทรัสตีของทรัสต์สำหรับธุรกรรมการเสนอขายโทเคนดิจิทัลที่อ้างอิงหรือมีกระแสรายรับจากอสังหาริมทรัพย์ เมื่อวันที่ 24มิถุนายน 2564 ที่ผ่านมา

ด้าน "สิริฮับ" เป็นโทเคนดิจิทัลเพื่อการลงทุนที่อ้างอิงกระแสรายรับจากอสังหาริมทรัพย์ (Real Estate-backed ICO) รายแรกในไทย ได้รับอนุญาตจากสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ เมื่อวันที่  29กรกฎาคม 2564 มีมูลค่าการเสนอขาย 2,400 ล้านบาท

จุดประสงค์เพื่อกระจายโอกาสให้นักลงทุนทุกกลุ่มสามารถลงทุนในโครงการอสังหาริมทรัพย์ที่มีคุณภาพและมีมูลค่าสูงได้ โดยมีกลไกการคุ้มครองนักลงทุนในทุกขั้นตอน ปลอดภัยสูงบนเทคโนโลยีบล็อกเชน เนื่องจากในการเสนอขายโทเคนดิจิทัลเพื่อการลงทุนสิริฮับครั้งนี้ ถูกรองรับด้วยเทคโนโลยีระบบบล็อกเชน (Blockchain) ของเทโซส (Tezos) ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มบล็อกเชนที่ทันสมัยที่สุดถูกออกแบบมาเพื่อรองรับการระดมทุนในรูปแบบของโทเคนดิจิทัลที่มีสินทรัพย์อ้างอิงโดยเฉพาะ ยังเป็นการขยายช่องทางและโอกาสการเป็นทรัสตีในอนาคตอีกด้วย  
#10437
" BOOM COLLAGEN PLUS "  คอลลาเจน+วิตามินผิว 36 ชนิด



เติมความสดชื่น ผิวลื่นไปอีกก !!  หอม อร่อย สดชื่น ปังมาก

Boom Collagen+

ผลิตภัณฑ์อาหารเสริมที่ช่วยดูแลสุขภาพผิว ผม เล็บ  ช่วยเสริมสร้างมวลกระดูกให้แข็งแรง

ให้คุณดูดีจากภายในสู่นอก ด้วยคุณประโยชน์จากสารสกัดที่มีมากถึง 36 ชนิด



นำเข้าจากต่างประเทศจากทั่วทุกมุมโลก คุณสมบัติที่อุ้มน้ำได้ดี ให้ความแข็งแรงและยืดหยุ่น

 ช่วยให้ผิวหนังเต่งตึง แน่นเนียนกระชับ ลดริ้วรอย ดูอ่อนเยาว์ 



เสริมสร้างสุขภาพได้ง่ายๆ

- นอกจากช่วยให้ผิวสวยแล้ว ยังช่วยบำรุงข้อกระดูก ช่วยลดอาการเสื่อมของข้อต่อ

-เสริมสร้างคอลลาเจน เสริมสร้างภูมิต้านทานให้แก่ร่างกาย ...ดื่มทุกวัน ดีทุกวัน...

ผิวบูมได้ทุกวัน ง่ายๆ

อย่างครบวงจร ให้คุณดูดีจากภายในสู่ภายนอก

ด้วยคุณประโยชน์จากสารสกัดที่มีมากถึง 36 ชนิด

นำเข้าจากต่างประเทศจากทั่วทุกมุมโลก



Collagen คืออะไร มีประโยชน์อย่างไร

คอลลาเจนเป็นโปรตีนมีอยู่ในสัดส่วน 30 % ของโปรตีนทั้งหมดในร่างกาย

โดยพบมากที่สุดที่ผิวหนัง

ด้วยคุณสมบัติที่อุ้มน้ำได้ดี ให้ความแข็งแรงและยืดหยุ่น

ช่วยให้ผิวหนังเต่งตึง แน่นเนียนกระชับ ลดริ้วรอย ดูอ่อนเยาว์



ผิวบูมได้ทุกวัน

เพื่อให้ทุกวันของคุณเป็นวันที่พร้อม เปล่งประกาย

เพียงแค่ดื่ม BOOM วันละ 1-2 ซอง

ผิวของคุณก็จะค่อยๆดูดีขึ้น มีชีวิตชีวาขึ้น

ผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร Boom

ช่วยในการดูแลสุขภาพผิวให้แข็งแรงจากภายใน

สู่ความสวยใสเปล่งประกาย สู่ผิวพรรณภายนอก

ผ่านการตรวจสอบจากองค์การอาหารและยา

ขึ้นทะเบียน เลขที่ 13-1-01760-5-0104

ราคา 590 บาท


สนใจติดต่อสอบถาม/สั่งซื้อ

Tel. 0846623662

Line id : teerapat999



รายละเอียดเพิ่มเติม  http://porntaywa99.lnwshop.com/p/1232


#ปัญหาฝ้า #กระ #จุดด่างดำ #ผิวหมองคล้ำ #ดูดซึมง่ายทันที #พกพาสะดวก  #ขาวใส
#10438


กระแสการพัฒนาเมืองในวิถีใหม่ กำลังเป็นอีกโจทย์ท้าทายที่ถูกพูดถึงในเวลานี้ แต่ในขณะที่ทุกคนต่างมุ่งเป้าไปที่ "สมาร์ทซิตี้" หรือเมืองอัจฉริยะ ว่าจะเป็นคำตอบของการพัฒนาเมืองที่ตอบโจทย์โลกในศตวรรษใหม่

อีกฟากมุมมองจากนักพัฒนา กลับเริ่มที่จะหันมาให้ความสำคัญถึงกระแสการพัฒนา "เมืองแห่งการเรียนรู้" หรือ "Learning City"มากขึ้นเช่นกัน นั่นเพราะทุกคนต่างหมายมั่นว่า Learning City อาจเป็นภาพฝันของเมืองคุณภาพในอนาคตที่แท้จริง

จาก Lifelong Learning สู่ Learning City

ผศ.ดร.นิรมล เสรีสกุล ผู้อำนวยการศูนย์ออกแบบและพัฒนาเมือง (UddC-CEUS) เล่าถึงเหตุผลว่า ทำไมเราจึงต้องขับเคลื่อน "เมืองแห่งการเรียนรู้" ผ่านการนำเสนอสาธารณะ ภายใต้ประเด็น "ฟื้นเมืองบนฐานความรู้" (Knowledge-based City Development) ซึ่งจัดโดย UddC ภายใต้ศูนย์เชี่ยวชาญเฉพาะทางด้านยุทธศาสตร์เมือง จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ร่วมกับสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) บริษัทป่าสาละ The Urbanis และองค์การกระจายเสียงและแพร่ภาพสาธารณะแห่งประเทศไทย (Thai PBS) โดยมีเป้าหมายสำคัญคือ การนำเสนอผลการศึกษาโครงการเมืองกับบทบาทและศักยภาพของประเทศไทย ตลอดจนการร่วมมองหาทิศทาง "เมืองแห่งการเรียนรู้" ในไทย ว่าจะมีความเป็นไปได้เพียงใด

ผศ.ดร.นิรมลเอ่ยว่า เพราะปัจจุบันเรากำลังอยู่ในมรสุมของความเปลี่ยนแปลงในโลกยุคใหม่ ที่กำลังสร้างความท้าทายใหม่ๆ และเริ่มทำให้ทุกคนตระหนักมากขึ้นว่า การเรียนรู้เฉพาะการศึกษาในระบบอาจไม่เพียงพออีกต่อไป


ดังนั้น แต่ละชุมชนจำเป็นต้องมี "พื้นที่" สำหรับการเรียนรู้นอกระบบโรงเรียนที่สามารถทำให้ "ทุกคน" ในสังคมได้มีโอกาสเรียนรู้ เพื่อพัฒนาศักยภาพ และสมรรถนะของความเป็นพลเมืองเพื่อรับมือกับความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้น

"คำว่าสมาร์ทซิตี้อาจไม่ได้จำกัดแค่เรื่องเทคโนโลยีที่มาทำให้เราสะดวกสบายเท่านั้น แต่ยังเป็นเมืองแบบไหนที่จะสนับสนุนให้เกิดการเรียนรู้ของคนในเมืองด้วย"

ดังนั้น เพื่อสร้างบรรยากาศให้คนเรียนรู้ได้เอง เราต้องสร้างนิเวศน์ จัดการให้เมืองแห่งการเรียนรู้ เพื่อให้ทุกคนสามารถเข้าถึงได้

 

สำหรับกระแส Learning City เริ่มได้รับความสนใจมากขึ้น หลังจากองค์การยูเนสโกเล็งเห็นว่า หากโลกจะเดินไปสู่เป้าหมายการพัฒนาอย่างยั่งยืน (Sustainable Development Goal:SDGs) จำเป็นต้องสร้างสังคม "การเรียนรู้ตลอดชีวิต" ให้เกิดขึ้น

"เมือง" หรือชุมชน จึงเป็นผู้รับบทบาทโดยตรงในการทำหน้าที่นิเวศน์ของการเรียนรู้ ในทุกที่ทุกเวลา 

ซึ่ง ผศ.ดร.นิรมล ยังยกตัวอย่างของเมืองแห่งการเรียนรู้หลายแห่งทั่วโลก ไม่ว่าจะเป็นในยุโรปและเอเชียโดยเฉพาะ "ญี่ปุ่น" สามารถยกระดับสังคมเรียนรู้ กลายเป็นฐานขับเคลื่อนเศรษฐกิจแบบยั่งยืนให้แก่ชุมชนจริงมาแล้ว

"เมืองเหล่านี้ส่วนใหญ่เป็นชุมชนที่มีวัฒนธรรมแห่งการเรียนรู้ และยังมีการส่งต่อข้อมูลหรือความรู้ในท้องถิ่นจากรุ่นสู่รุ่น เช่น ในญี่ปุ่นมีวัฒนธรรมการอ่านที่เข้มแข็งมาตั้งแต่สมัยเอโดะ คนญี่ปุ่นอ่านตลอดเวลาเพราะหนังสือมีราคาถูก ทุกคนเข้าถึงได้ และยังมีวัฒนธรรมการจดบันทึกที่ยาวนาน นอกจากนี้ ญี่ปุ่นยังใช้สถานศึกษาเป็นพื้นที่แกนกลางในการจัดทำเมืองการเรียนรู้ แบ่งปันความรู้ กลั่นความรู้มาสร้างอาชีพสร้างเศรษฐกิจ สร้างภูมิปัญญาในชุมชน"

ตัวอย่างความสำเร็จหนึ่งที่เกิดจากการพัฒนาดังกล่าว คือการต่อยอดแนวคิดการพัฒนาผลิตภัณฑ์หรือสินค้าเอกลักษณ์ประจำท้องถิ่น ที่เรียกว่าหนึ่งผลิตภัณฑ์หนึ่งตำบล ซึ่งประเทศไทยเราได้นำเอาแบบอย่างมาใช้นั่นเอง

สำหรับลักษณะของเมืองแห่งการเรียนรู้ ผศ.ดร.นิรมล ได้สรุปว่าควรมีคุณสมบัติ 5 ประการ ได้แก่

1. การมีวัฒนธรรมการเรียนรู้และการอ่านที่เข้มแข็ง

2. การเป็นเมืองมีอำนาจในการตัดสินใจและจัดการตนเอง

3. การมีโครงสร้างการปกครองที่มีการกระจายอำนาจให้เมือง

4. การมีชุมชนและภาคประชาสังคมที่เข้มแข็ง

5.การมีลักษณะความเป็นเมืองสอดคล้องกับความเป็นมนุษย์หรือ Human scale/walkable

Learning City แค่ผังเมืองไม่พอ?

เมืองแห่งการเรียนรู้แบบไหนที่เราควรสนับสนุนให้เกิดในประเทศไทยบ้าง?

จากการศึกษาการจัดการผังเมืองของ UddC พบว่า ที่ผ่านมาประเทศไทยมุ่งเน้นการจัดการเมืองในเชิงพื้นที่ เป็นหลัก เช่นการจัดวางผังโรงเรียนให้สามารถเดินเข้าถึงได้ การพัฒนาสถานศึกษาให้เกิดความสมดุล เป็นต้น โดยมีเป้าหมายสำคัญ คือต้องการให้ทุกคนสามารถเข้าถึงระบบการศึกษา ซึ่งฟังดูก็น่าจะเป็นการจัดการที่เหมาะสม ทว่าปัจจุบันเพียงแค่มี "การศึกษา" ทั่วถึงอาจไม่เพียงพอ

"โลกกำลังต้องการคนที่มีทักษะความสามารถมากกว่าที่ระบบการศึกษาผลิตออกมา นั่นคือคนที่สามารถวิเคราะห์ แก้ปัญหา และมีความยืดหยุ่นเป็นต้น เหล่านี้คือทักษะอันพึงประสงค์ที่โลกศตวรรษใหม่ต้องการ ความรู้ที่ใช้ในปัจจุบันแตกต่างกับความรู้ในอดีตที่ผ่านมา พลเมืองยุคใหม่ต้องเรียนรู้ตลอดชีวิต เราจึงต้องสร้างสังคมที่ส่งเสริมเรียนรู้ได้ทุกที่ทุกเวลาและสามารถก้าวทันความเปลี่ยนแปลงโลกแบบDigitalization" ผศ.ดร.นิรมล กล่าว

"หากถามว่าเมืองแบบไหนที่จะส่งเสริมการเรียนรู้ ถ้าเรานำกรอบ Learning City ของยูเนสโกมาเป็นแนวทางการพัฒนาเมือง จะพบว่าทิศทางการพัฒนาเมืองวิถีใหม่นี้จะขยับห่างออกจากการพัฒนาเชิงกายภาพทันที"

เพราะการพัฒนาเมืองแห่งการเรียนรู้ไม่ใช่การพัฒนาเฉพาะทางกายภาพ  ดังนั้นนอกจากศาสตร์การวางผังเมือง จำเป็นต้องใช้ศาสตร์หลากหลายในการจัดการชุมชน รวมถึงการพัฒนาศักยภาพ "คน" ที่อยู่ในเมืองนั้น ให้เป็นพลเมืองตื่นการเรียนรู้ไปด้วย

"การลงทุนเมืองแห่งการเรียนรู้ ไม่ใช่การลงทุนการศึกษาในระบบหรือสถานศึกษาเท่านั้น เราสามารถจัดการทรัพยากรที่มีอยู่ หรือปรับปรุง Learning Facility ให้เชื่อมโยงกับในระบบการศึกษาเดิมได้ ไม่จำเป็นต้องสร้างใหม่เสมอไป" ผศ.ดร.นิรมลให้ข้อมูล

ฟื้นกรุงเทพฯ-ปากน้ำโพ บนฐานการเรียนรู้

แต่ก่อนที่ประเทศไทยจะตั้งเป้าหมายเดินหน้าขับเคลื่อนไปสู่เมืองแห่งการเรียนรู้ การบ้านข้อแรกที่เราอาจต้องทำความเข้าใจคือ การเสาะหาโอกาสและข้อจำกัดของตนเอง ว่ามีอะไรบ้างที่ทำให้เกิดช่องว่าง และการพัฒนาสู่การเป็นเมืองแห่งการเรียนรู้ ตลอดจนโอกาส อุปสรรค

ที่สำคัญการเป็นเมืองแห่งการเรียนรู้จะช่วยพัฒนาปิดช่องโหว่ได้จริงหรือไม่

ซึ่งทาง UddC เองได้มีการลงพื้นที่ศึกษาเมืองต้นแบบ 2 แห่ง ได้แก่ กรุงเทพมหานคร ตัวแทนเมืองศูนย์กลางที่พร้อมที่สุดในประเทศ แต่แม้จะดูมีความพร้อมในฐานะเมืองหลวง กลับพบว่า กรุงเทพฯ เป็นพื้นที่ที่มีระดับความหลากหลายของของ "ย่าน" หรือชุมชนที่ซับซ้อนและยังมีโครงสร้างทางกายภาพที่ไม่เอื้อต่อการสร้างเมืองแห่งการเรียนรู้ ทั้งยังขาดความเชื่อมโยงในหลายมิติ

คณะทำงานได้ทำการเลือกพื้นที่ย่านปทุมวัน บางรัก และธนบุรี เนื่องจากมองว่าเป็นพื้นที่ที่มีความพร้อมที่สุดด้วยมีแหล่งชุมชนและสถานศึกษา เพราะมีทั้งระดับมัธยมศึกษาและมหาวิทยาลัย

ส่วนเมืองต้นแบบแห่งที่สอง คือเมืองปากน้ำโพ จังหวัดนครสวรรค์ ถือเป็นเมืองรองที่ผลิตคน มีฐานการศึกษาระดับมัธยมที่เข้มแข็ง สามารถป้อนคนเข้าสู่ตลาดงานระดับประเทศ แต่ขณะเดียวกัน ในการพัฒนาท้องถิ่น กลับเป็นเมืองที่มีการเติบโตแบบถดถอย

บทสรุปที่ได้จากการวิจัยนี้ คือย้ำให้เห็นว่า "การเรียนรู้" กับ "การศึกษา" นั้นมีความแตกต่างกันอย่างชัดเจน อย่างไรก็ดี แม้จะมีความแตกต่างกัน แต่ก็มีการส่งเสริม เชื่อมโยงกันและกันไปในตัว

"เราพบว่าอุปสรรคสำคัญคือ ประเทศไทยมีลักษณะของเมืองที่เป็นแบบแยกส่วน แต่รวมศูนย์ ที่สำคัญข้อมูลก็ถูกรวมศูนย์ไปอยู่กับส่วนกลาง อาจทำให้การแลกเปลี่ยนข้อมูลที่นำไปสู่องค์ความรู้เกิดขึ้นได้ยากจึงควรมีการถ่ายเทอำนาจการจัดการจากภาคนโยบายมาสู่ท้องถิ่น รวมถึงคืนข้อมูลสู่ชุมชน"

นอกจากนี้ การบริหารภายใต้ระบบราชการไทย ยังมีลักษณะการทำงานเป็นแบบ Project Based คือ การทำงานแยกส่วน หรือแยกกันทำตามภารกิจของแต่ละหน่วยงาน แต่ขาดการเชื่อมโยงกัน ซึ่งอาจทำให้ไม่สามารถตอบสนองแนวทางเมืองบนฐานแห่งความรู้ได้

ปัญหาดังกล่าวยังเกิดขึ้นแม้กระทั่งโครงการพัฒนา ผศ.ดร.นิรมล ยอมรับว่า แม้แต่โครงการอาร์ตอินซอยที่ทาง UddC ดำเนินการเอง ถึงจะประสบความสำเร็จในแง่เป้าหมายโครงการ แต่ไม่ได้ประสบความสำเร็จในด้านการช่วยส่งเสริมพัฒนาเมืองแห่งการเรียนรู้ได้

ดังนั้น ในข้อเสนอเชิงยุทธศาสตร์การพัฒนาเมืองบนฐานความรู้ ผศ.ดร.นิรมล เอ่ยว่า ควรประกอบด้วย 3 ยุทธศาสตร์

"หนึ่งคือการสร้างเครือข่ายของเครือข่ายและกรอบการพัฒนาสู่เมืองฐานความรู้ สอง ควรมีแพลตฟอร์มที่รวบรวมความรู้ย่านในทุกมิติ และสาม คือการผลักดันให้เกิดการสร้างพลเมือง/อาสาสมัครย่านด้านความรู้และข้อมูลในเมือง"

ผศ. คมกริช ธนะเพทย์ ประธานหลักสูตรสถาปัตยกรรมผังเมือง ภาควิชาการวางแผนภาคและเมือง คณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เล่าถึงกรณีศึกษาของเมืองปากน้ำโพ นครสวรรค์ว่า จากการลงพื้นที่พบปัญหาเชิงโครงสร้าง 5 ประเด็น ได้แก่การยึดติดอยู่กับเมืองการศึกษา การต้องการการนำเข้าความรู้เพื่อการพัฒนาอีกมาก การมีต้นทุนความรู้ที่ยังไม่ได้ใช้ประโยชน์ การเชื่อมโยงความรู้ที่จนมีกับการพัฒนาที่ควรจะเป็น ยังไม่ลงตัว และการกระจายความรู้ที่เป็นประโยชน์สีด้านยังไม่ถึงคนทุกกลุ่ม

ซึ่งปัญหาเชิงโครงสร้างที่ปากน้ำโพเผชิญ อาจคือภาพสะท้อนความเป็นเมืองทั่วประเทศไทย ที่ถูกพัฒนาภายใต้ความเคยชิน ในการเดินตามสิ่งที่รัฐ หรือภาคนโยบายเป็นผู้เลือกหรือนำเสนอให้มาโดยตลอดไมนด์เซ็ตใหม่จึงควรพัฒนาระบบนิเวศการเรียนรู้อย่างเป็นรูปธรรม

"อาจเพราะที่ผ่านมาการศึกษาในระบบมุ่งเน้นให้คนเป็นลูกจ้างในตลาดแรงงานใหญ่ทั้งระบบ แต่เมืองท้องถิ่นแบบปากน้ำโพเองกลับขาดการจ้างงานที่ใช้ทักษะสูง ทำให้ไม่มีแรงขับเคลื่อนในการที่จะพัฒนาความรู้เพื่อพัฒนาทักษะด้านอื่น ๆ และเริ่มละทิ้งงานที่ใช้ทักษะเฉพาะทางหรือทักษะเฉพาะพื้นที่ ปากน้ำโพจึงขาดบรรยากาศสาธารณะที่การเรียนรู้ที่กระจายตัวอย่างทั่วถึง"ผศ. คมกริช เอ่ย

อีกสิ่งที่ ผศ.คมกริชมองว่า อันตรายที่สุดของการพัฒนาเมืองปากน้ำโพ คือภาวะ "ความเป็นพลเมืองหดลง"

"การที่คนอยู่ไม่รู้สึกถึงความเป็นพลเมืองและมีชีวิตอยู่เพียงแค่รักษาตึกแถวแล้วหน้าบ้านเอาไว้เพื่อตนเองก็พอ เป็นสิ่งที่น่ากังวล ดังนั้น หากนครสวรรค์จะเปลี่ยนเมืองฐานการศึกษาให้เป็นเมืองฐานความรู้ควรเริ่มด้วยกันรับฟังและต่อยอดความรู้ภายในและภายนอกอย่างเป็นระบบและเข้าถึงได้" ซึ่งผศ.คมกริชเสนอแนะว่า ควรใช้ยุทธศาสตร์การพัฒนาเมือง 3 ยุทธศาสตร์ ตามที่ผศ.ดร.นิรมล เอ่ยบรรจุไว้ในแผนพัฒนาเมืองด้วย

เป็นเมืองเรียนรู้ ต้องมีข้อมูลให้รู้

"เรามักมีมายาคติว่าเมืองเราไม่มีข้อมูล แต่ผมเชื่อว่าทุกเมืองมีข้อมูล แต่อาจจะเป็นในรูปแบบของเศษกระดาษ เอกสาร องค์ความรู้ ภูมิปัญญาต่างๆ หรือแม้แต่ความทรงจำ แต่ปัญหาที่ผ่านมาคือ มันไม่เกิดกระบวนการถ่ายโอน หรือถ่ายทอดข้อมูลในสังคมเมือง" อดิศักดิ์ กันทะเมืองลี้ รองผู้อำนวยการศูนย์ออกแบบและพัฒนาเมือง (UddC-CEUS) ฝ่าย Urban Intelligence เอ่ย

โดยกล่าวว่าปัญหาส่วนหนึ่ง เกิดจากสิ่งที่เรียกว่า "ระบบผูกขาดข้อมูล" กับ "การโจรกรรมข้อมูลเมือง" คือการที่ข้อมูลถูกไม่นำมาคืนกลับสู่ท้องถิ่นหรือชุมชน

อดิศักดิ์ กล่าวว่าข้อมูลประกอบด้วยข้อมูลพื้นที่โครงสร้างเมือง ข้อมูลคน/พลเมือง และข้อมูลพฤติกรรมปฏิสัมพันธ์ ซึ่งอาจเป็นข้อมูลอะไรก็ได้ แม้แต่ข้อมูลสุขภาพ

 "อาจเริ่มมีการพูดถึงดาต้าเซ็นเตอร์ในภาครัฐมากขึ้น แต่หากไม่มีนำมาใช้ประโยชน์ให้เกิดการแลกเปลี่ยน จึงอาจไม่ใช่คำตอบในการสร้างฐานข้อมูลเมือง ข้อมูลท้องถิ่น เมืองควรเป็นผู้จัดเก็บและนำมาใช้งานได้เองในท้องถิ่น เพื่อที่จะสามารถเอาข้อมูลนั้นมาสร้างให้เกิดประโยชน์หรือเกิดนวัตกรรม ต่อยอดการพัฒนาต่าง ๆ เพราะหากเราปราศจากข้อมูลก็ยากที่จะมีความรู้ และหากปราศจากความรู้และข้อมูลก็ยากที่จะขับเคลื่อนเมืองการเรียนรู้ได้ จึงจำเป็นต้องมีการจัดสรรและจัดวางกลไกต่างๆ ภายในชุมชนเมือง ไม่ใช่แค่ระบบท็อปดาวอย่างเดียว"

รศ.ดร.ชัชชาติ สิทธิพันธุ์ กลุ่ม .ter Bangkok ให้อีกมุมมองว่าในการสร้างสังคมของการเรียนรู้ หรือเมืองบนฐานความรู้ต้องมีแรงจูงใจ (incentive) ของการเรียนรู้

"ผมว่าหัวใจแห่งการเรียนรู้ คือการสร้าง Incentive ให้เขาเห็นว่า หากเขาได้เรียนรู้แล้วจะได้อะไร มันส่งผลดีกับชีวิต หรือทำให้ชีวิตเขาดีขึ้นอย่างไร"

ซึ่งปัจจัยที่จะสร้างแรงจูงใจของการเรียนรู้ รศ. ดร.ชัชชาติ มองว่าต้องเริ่มด้วย Passion, Self interest และ Public interest

"ที่ผ่านมาการเรียนรู้ไม่เกิดเนื่องจากระบบอุปถัมภ์ การผูกขาดผลประโยชน์ให้กับรายใหญ่ ทำให้คนตัวเล็กเข้าไม่ถึงทรัพยากร จนมองว่าไม่มีประโยชน์ในการจะเรียนรู้สิ่งใหม่ ซึ่งเห็นด้วยว่าภาพประชาสังคมและภาคเอกชนจะเป็นกลไกสำคัญในการขับเคลื่อนเพื่อให้ประชาชน" รศ.ดร.ชัชชาติ กล่าว


อีกโอกาสที่จะเกิดขึ้นจากการพัฒนาเมืองด้วยฐานความรู้ นั่นคือ การที่พลเมืองสามารถใช้ประโยชน์จากข้อมูลและความรู้ เพื่อเป็นรากฐานสำคัญในการส่งเสริมการตระหนักรู้ ตลอดจนมีความตื่นตัวในการดูแลสุขภาวะของตนเองได้ ในเรื่องนี้ ดร.นพ.ไพโรจน์ เสาน่วม ผู้ช่วยผู้จัดการ สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) และ รักษาการผู้อำนวยการสำนักสร้างเสริมวิถีชีวิตสุขภาวะ สสส. กล่าวถึงเหตุผลที่ สสส. สนับสนุนกระบวนการศึกษาและกระบวนการมีส่วนร่วมที่เกี่ยวกับการพัฒนาเมืองสุขภาวะ ด้วยการส่งเสริมกิจกรรมทางกายเพื่อรองรับความเป็นเมือง (Urbanization) ว่า เป็นการสร้างต้นแบบพื้นที่สุขภาวะที่เอื้อต่อการมีกิจกรรมทางกาย ซึ่งผลจากการสนับสนุนดังกล่าว ยังนำไปสู่การเกิดนโยบายสาธารณะด้านสุขภาพทั้งระดับท้องถิ่น และระดับชาติ สำหรับการผลักดันนโยบายเมืองแห่งการเรียนรู้ (Learning City) และแนวคิดการพัฒนาบนฐานความรู้ (knowledge based development) ผ่านการออกแบบกิจกรรมสร้างเมืองผ่านการร่วมเรียนรู้ ฟื้นกรุงเทพฯ บนฐานความรู้" และ ฟื้นนครสวรรค์บนฐานความรู้" มองว่าจะช่วยตอบโจทย์ในการเพิ่มปัจจัยแวดล้อม/พื้นที่สุขภาวะ (Built Environment/Healthy Space) ทั้งยังเป็นการใช้ประโยชน์พื้นที่ทั้งในพื้นที่สาธารณะ พื้นที่เอกชน รวมไปถึงสถานที่ทางธรรมชาติ ภายใต้การออกแบบ หรือการจัดการเพื่อพัฒนาให้เป็นปัจจัยแวดล้อมที่เอื้อต่อกิจกรรมทางกายและสุขภาวะอย่างเท่าเทียม
#10439


สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส ส่งมอบเดือนก.ย. ซึ่งมีการซื้อขายที่ตลาดไนเม็กซ์ลดลง 1.13 ดอลลาร์ ปิดที่ 65.46 ดอลลาร์/บาร์เรล ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ ส่งมอบเดือนต.ค. ลดลง 80 เซนต์ ปิดที่ 68.23 ดอลลาร์/บาร์เรล

สำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐ (อีไอเอ) เปิดเผยว่า สต็อกน้ำมันดิบสหรัฐลดลง 3.2 ล้านบาร์เรลในสัปดาห์ที่แล้ว ขณะที่นักวิเคราะห์คาดว่าลดลง 3.1 ล้านบาร์เรล

สถาบันปิโตรเลียมอเมริกา (เอพีไอ) ซึ่งเป็นกลุ่มอุตสาหกรรมน้ำมันของสหรัฐ เปิดเผยก่อนหน้านี้ว่า สต็อกน้ำมันดิบสหรัฐลดลง 1.2 ล้านบาร์เรลในสัปดาห์ที่แล้ว

อีไอเอยังเปิดเผยว่า สต็อกน้ำมันดิบที่เมืองคูชิง รัฐโอกลาโฮมา ซึ่งเป็นจุดส่งมอบสัญญาน้ำมันดิบล่วงหน้าของสหรัฐ ลดลง 1 ล้านบาร์เรล

ส่วนสต็อกน้ำมันเบนซินเพิ่มขึ้น 700,000 บาร์เรล ขณะที่นักวิเคราะห์คาดว่าลดลง 2.3 ล้านบาร์เรล

นอกจากนี้ สต็อกน้ำมันกลั่น ซึ่งรวมถึงฮีตติ้งออยล์และน้ำมันดีเซล ลดลง 2.7 ล้านบาร์เรลในสัปดาห์ที่แล้ว ขณะที่นักวิเคราะห์คาดว่าเพิ่มขึ้น 700,000 บาร์เรล

ก่อนหน้านี้ ราคาน้ำมันร่วงลง 4 วันติดต่อกัน ท่ามกลางความกังวลเกี่ยวกับอุปสงค์น้ำมันที่อ่อนแอในเอเชีย

ราคาน้ำมันยังถูกกดดันจากการที่กลุ่มเฮดจ์ฟันด์ได้เทขายสัญญาน้ำมันในสัปดาห์ที่แล้วเป็นสัปดาห์ที่ 6 ในรอบ 8 สัปดาห์ ท่ามกลางความกังวลที่ว่า การแพร่ระบาดของโควิด-19 ในจีน ยุโรป และอเมริกาเหนือจะส่งผลกระทบต่อการสัญจรทางอากาศ

สำนักงานสถิติแห่งชาติจีน (เอ็นบีเอส) ระบุว่า เศรษฐกิจจีนยังคงได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดครั้งใหม่ของไวรัสโควิด-19 รวมทั้งภัยพิบัติจากน้ำท่วม ทำให้การฟื้นตัวของเศรษฐกิจไร้เสถียรภาพ

นอกจากนี้ การกลั่นน้ำมันดิบของจีนในเดือนก.ค.ดิ่งลงแตะระดับต่ำสุดเมื่อเทียบรายวันนับตั้งแต่เดือนพ.ค.2563 ขณะที่โรงกลั่นอิสระพากันลดการผลิตน้ำมัน อันเนื่องจากกำไรที่ลดต่ำลง

สำนักงานพลังงานสากล (ไออีเอ) ออกรายงานเตือนว่า ผลกระทบทางเศรษฐกิจที่เกิดจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์เดลตาจะฉุดความต้องการใช้น้ำมันลดลงมากกว่าที่คาดการณ์ไว้ก่อนหน้านี้

ทั้งนี้ ไออีเอได้ปรับลดคาดการณ์การขยายตัวของความต้องการใช้น้ำมันทั่วโลกในปี 2564 ลงสู่ระดับ 5.3 ล้านบาร์เรล/วัน จากระดับ 5.4 ล้านบาร์เรล/วัน แต่ไออีเอได้ปรับเพิ่มคาดการณ์การขยายตัวของความต้องการใช้น้ำมันในปี 2565 สู่ระดับ 3.2 ล้านบาร์เรล/วัน จากระดับ 3 ล้านบาร์เรล/วัน
#10440


"สุรเชษฐ กองชีพ" กรรมการผู้จัดการ บริษัท ฟินิกซ์ พร็อพเพอร์ตี้ ดีเวลลอปเม้นท์ แอนด์ คอนซัลแทนซี่ จำกัด กล่าวว่า ภาวะเศรษฐกิจ กำลังซื้อ ชาวไทย และต่างชาติ ชะลอตัวลงอย่างต่อเนื่องเกือบ 2 ปี ผู้ประกอบการในธุรกิจอสังหาฯ ต่างพยายามหาทางรอด สร้างรายได้เพิ่มอย่างสุดความสามารถ!

"รายได้หลักของการพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยเพื่อขายนั้นมาจากการโอนกรรมสิทธิ์เป็นสำคัญ นั่นหมายความว่ายอดพรีเซลหรือยอดขายที่ได้รับจากการเปิดขายในช่วงแรก ไม่ใช่ทั้งหมดของรายได้ที่จะได้รับ และ ไม่ใช่รายได้ที่แท้จริงของผู้ประกอบการ การจะรับรู้รายได้ของที่อยู่อาศัยแต่ละโครงการส่วนใหญ่ใช้เวลามากกว่า 1 เดือนขึ้นไป จนถึง 4-5 ปี"

โครงการคอนโดมิเนียมบางแห่งหากสร้างเสร็จก่อนเปิดขายอาจรอเพียง 1 เดือนก็อาจได้ต้นทุนพร้อมกำไรกลับคืนมาแล้วในกรณีที่มีการซื้อขายเกิดขึ้น แต่ถ้าเป็นคอนโดหรือบ้านจัดสรรที่เปิดขายก่อนการก่อสร้างก็อาจรอนานกว่า 3-4 เดือน คอนโดส่วนใหญ่ 1 ปีขึ้นไป หรือมากกว่านั้น และคอนโดเป็นรูปแบบโครงการที่ค่อนข้างมีความเสี่ยงในเรื่องของการโอนกรรมสิทธิ์ทั้งในแง่ของการเก็งกำไรจากนักลงทุนที่บางส่วนไม่ต้องการโอนกรรมสิทธิ์ตั้งแต่แรกที่ซื้อไป

"กว่าที่ผู้ประกอบการจะรับรู้ว่าผู้ซื้อคอนโดของตนเมื่อเปิดขายช่วงแรกนั้นไม่สามารถโอนกรรมสิทธิ์ได้ทั้งจากความไม่ต้องการโอนกรรมสิทธิ์ และจากปัญหาเรื่องของการขอสินเชื่อไม่ผ่าน ก็ต้องรอจนกระทั่งโครงการก่อสร้างแล้วเสร็จ หรือผ่านไปแล้ว 1-2 ปีหรือมากกว่านั้น ผู้ประกอบการจึงมีความเสี่ยงมากกว่าการเปิดขายโครงการบ้านจัดสรร"

ดังนั้น เมื่อเศรษฐกิจชะลอตัวและกำลังซื้อลดลงชัดเจน ผู้ประกอบการอสังหาฯ จึงพยายามเพิ่มสัดส่วนโครงการบ้านจัดสรรมากขึ้น และลดโครงการคอนโดเพื่อลดความเสี่ยง! แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าคอนโดจะมีความเสี่ยงในเรื่องนี้เหมือนกันหมด เพราะคอนโดในทำเลที่ดี ยังมีความต้องการสูงจากกลุ่มเรียลดีมานด์ หรือกลุ่มนักลงทุนที่คาดหวังผลตอบแทนจากการเช่าหรือขายต่อ


ผู้ประกอบการหลายรายที่มีการโอนกรรมสิทธิ์โครงการคอนโดช่วงครึ่งแรกของปีนี้และสร้างรายได้รวมไปถึงผลกำไรสุทธิที่มากกว่าช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า เช่น ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ แอสเซทไวส์ และศุภาลัย ที่มีการโอนกรรมสิทธิ์โครงการคอนโดในช่วงต้นปี โครงการส่วนใหญ่ของทั้ง 3 รายอยู่ในทำเลที่คาดหวังการเปลี่ยนแปลงในเรื่องของราคาที่เพิ่มขึ้นและเรื่องของการเช่าได้เมื่อเศรษฐกิจกลับเข้าสู่ภาวะปกติ

สำหรับ 5 บริษัทที่มีผลประกอบการโดดเด่นด้านรายได้ครึ่งแรกปี 2564 อันดับแรก เอพี (ไทยแลนด์) มีรายได้ 20,506 ล้านบาท ตามด้วย แลนด์แอนด์เฮ้าส์ 17,217 ล้านบาท แสนสิริ 14,868 ล้านบาท พฤกษา 13,289 ล้านบาท และ ศุภาลัย 11,000 ล้านบาท

ส่วน 5 บริษัทกำไรสูงสุด ได้แก่ แลนด์แอนด์เฮ้าส์ 3,606 ล้านบาท ถือว่าโดดเด่นในแง่ความสามารถทำกำไรที่เอาชนะคู่แข่งด้วยบรรทัดสุดท้ายเสมอ! ตามด้วย เอพี (ไทยแลนด์) 2,518 ล้านบาท ศุภาลัย 2,497 ล้านบาท แสนสิริ 1,046 ล้านบาท และ พฤกษา 1,034 ล้านบาท

ทั้งนี้ "บ้านจัดสรร" ที่เป็นที่สนใจมีตั้งแต่ทาวน์เฮ้าส์ในระดับราคา 2.5 ล้านบาทขึ้นไป จนถึงบ้านเดี่ยวราคามากกว่า 35 ล้านบาทต่อยูนิต ซึ่งผู้ซื้อให้ความสนใจโครงการบ้านจัดสรรในหลายระดับราคา ผู้ประกอบการจึงพัฒนาโครงการหลากหลายทุกระดับราคาเพื่อเข้าถึงผู้ซื้อได้หลายกลุ่ม ผู้ประกอบการที่โดดเด่น ได้แก่ แลนด์แอนด์เฮ้าส์ เอสซีแอสเสท พฤกษา แสนสิริ และเอพี

อย่างไรก็ดี ผู้ประกอบการที่เน้นโครงการคอนโดต่อเนื่องมาหลายปี และมีคอนโดรอการขายอยู่เยอะก็อาจมีรายได้หรือกำไรที่ไม่สูงมาก เมื่อเทียบกับผู้ประกอบการที่มีโครงการรูปแบบอื่นๆ ด้วย การที่ผู้ประกอบการหลายรายเลือกที่จะเพิ่มสัดส่วนบ้านจัดสรรมากขึ้นนั้นสอดคล้องกับรายได้ในภาวะแบบนี้เช่นกัน ด้วยความที่รอบของการรับรู้รายได้ที่สั้นกว่า และสามารถสร้างรอบใหม่ได้รวดเร็วในกรณีที่เกิดปัญหาขึ้นจากการโอนกรรมสิทธิ์ไม่ได้

อีกทั้งขนาดของโครงการบ้านจัดสรรในปัจจุบันไม่มีขนาดใหญ่มากนักเมื่อเทียบอดีต ต้นทุนในการซื้อที่ดินรวมถึงการพัฒนาโครงการไม่สูงมาก การเปิดขายโครงการบ้านจัดสรรจึงเป็น "ทางเลือก" ที่น่าสนใจมากกว่าคอนโด ในช่วงที่ "กำลังซื้อ" จำกัด แม้ว่ารายได้จากการขายบ้านจัดสรรอาจไม่สูงเมื่อเทียบกับคอนโดแต่ด้วยระยะเวลาตั้งแต่การเปิดขายจนถึงวันที่ก่อสร้างแล้วเสร็จไม่นานมากจึงเพิ่มจำนวนโครงการได้รวดเร็วกว่า สามารถ "ชดเชย" รายได้จากโครงการคอนโดที่ลดลง

ช่วงครึ่งปีหลัง 2564 รายได้และกำไรสุทธิของผู้ประกอบการและลำดับน่าจะไม่แตกต่างจากครึ่งแรก เพราะผู้ที่สร้างรายได้และทำกำไรได้ดีนั้นยังคงเดินหน้าตามแผนงานต่อเนื่องตั้งแต่ปี 2563 หากเพิ่งขยับตัวเปิดขายโครงการใหม่อาจยังไม่สามารถสร้างรายได้หรือกำไรขึ้นมาเทียบเท่า หรือผู้ประกอบการบางรายที่มีการขยายไลน์ธุรกิจนอกเหนือจากที่อยู่อาศัย ก็ต้องใช้เวลาในรับรู้รายได้