• Welcome to ลงประกาศฟรี โพสฟรี โปรโมทเว็บไซด์ให้ติดอันดับ SEO ด้วย PBN.
 

poker online

ปูนปั้น

Menu

Show posts

This section allows you to view all posts made by this member. Note that you can only see posts made in areas you currently have access to.

Show posts Menu

Messages - Joe524

#10621
ขายดาวน์  215,800 ( กค 2564 ) ห้อง 812
#10622
ที่ติดทะเล ฝั่งแดง (บางสะพานน้อย) ประจวบ ไร่4ลบ. Unseenthailand โทร0837124115
#10623


นายภูสิต รัตนกุล เสรีเริงฤทธิ์ ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า (สนค.) เปิดเผยในการเปิดงานสัมมนาเผยแพร่ผลการศึกษาและข้อเสนอยุทธศาสตร์และแนวทางการขับเคลื่อนการค้าของชาติ ผ่านการประชุมออนไลน์ผ่านระบบ ZOOM Meeting ว่า สนค.ร่วมกับสำนักงานศูนย์วิจัยและให้คำปรึกษาแห่งมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ศึกษาสถานการณ์และสภาพแวดล้อมทางการค้า ศึกษาปัจจัยที่มีผลต่อการกำหนดทิศทางการพัฒนาของประเทศ เพื่อจัดทำข้อเสนอยุทธศาสตร์และแนวทางการขับเคลื่อนการค้าของชาติ พ.ศ. 2565-2570 โดยได้เริ่มดำเนินการมาตั้งแต่ช่วงต้นปี 2564 จนได้ข้อเสนอยุทธศาสตร์ และนำมาสู่การจัดงานเผยแพร่ผลการดำเนินการในครั้งนี้

"ต้องยอมรับว่าในระยะ 4-5 ปีที่ผ่านมาเศรษฐกิจโลกเกิดความผันผวน เปลี่ยนแปลง และเกิดสถานการณ์ที่ไม่อาจคาดเดาได้ขึ้นมากมาย ทั้งกรณีพิพาทระหว่างประเทศ ความไม่แน่นอนจากนโยบาย Brexit หรือบรรยากาศการค้าการลงทุนที่มีความอ่อนไหวจากท่าทีของจีนและสหรัฐฯ ที่ทวีความเข้มข้นมาตั้งแต่ปี 2562 จนมาถึงสถานการณ์การระบาดของโควิด-19 ส่งผลให้ภาพรวมเศรษฐกิจโลกชะลอตัวอย่างรุนแรง ทั้งภาคการค้า การลงทุน และภาคบริการ และแม้ว่าจนถึงวันนี้สถานการณ์ทั่วโลกดูจะคลี่คลายลงมาก แต่โลกยังคงเผชิญกับการเปลี่ยนแปลงในอีกหลายกระแส โดยเฉพาะการก้าวเข้าสู่สังคมสูงวัย ความก้าวหน้าทางเทคโนโลยี และการขยายตัวของสังคมดิจิทัล ซึ่งล้วนแต่ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจการค้าของไทย ทั้งภาคการผลิต การส่งออก การบริโภคภายในประเทศ ทำให้ทุกภาคส่วน ทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน ผู้ประกอบการทุกระดับ ตลอดจนผู้บริโภค ต่างต้องปรับตัวเพื่อบรรเทาผลกระทบจากสถานการณ์ที่เกิดขึ้น"

นายภูสิตกล่าวว่า แม้ว่าเศรษฐกิจโลกเริ่มส่งสัญญาณฟื้นตัวตั้งแต่ช่วงต้นปี 2564 จนถึงปัจจุบัน และมีสัญญาณแสดงถึงความต้องการสินค้าที่เพิ่มขึ้นในต่างประเทศ ส่งผลให้ภาคการผลิตและการส่งออกของไทยเริ่มฟื้นตัวตามเศรษฐกิจโลก แต่ปัจจัยเหล่านี้ก็เป็นประเด็นสำคัญที่เราจะต้องตระหนักถึงสถานการณ์และความไม่แน่นอน เราจึงต้องปรับตัวอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้สามารถรับมือกับสถานการณ์การเปลี่ยนแปลงและความเสี่ยงทั้งที่คาดการณ์ได้และไม่สามารถคาดการณ์ได้ในอนาคตที่อาจจะเกิดขึ้นและส่งผลกระทบทางด้านลบได้อีกในอนาคต และภายใต้ความผันผวนเกิดขึ้น ไทยมีรากฐานที่มีความแข็งแกร่ง สามารถเติบโตต่อไปได้

ทั้งนี้ สนค.ได้มีการศึกษาเกี่ยวกับศักยภาพการนำเข้าของประเทศคู่ค้า พบว่ายังมีตลาดที่ไทยสามารถนำสินค้าที่มีความต้องการอุปโภคบริโภค และไทยมีความสามารถในการผลิตเพื่อเติมเต็มให้แก่ตลาดใหม่ๆ เหล่านี้ได้ ซึ่งส่วนใหญ่เป็นประเทศที่อยู่ในทวีปยุโรป และยังมีการวิเคราะห์กลุ่มอุตสาหกรรมอาหารและเครื่องดื่ม ซึ่งอุตสาหกรรมเหล่านี้มีความเชื่อมโยงห่วงโซ่การผลิตที่กระจายไปสู่เศรษฐกิจระดับฐานราก สามารถสนับสนุนรายได้เข้าประเทศ และสร้างรายได้ให้คนไทยได้อย่างแท้จริง

ดังนั้น ยุทธศาสตร์ที่ได้จัดทำขึ้นจะต้องสะท้อนความท้าทาย ทั้งภายในประเทศและระหว่างประเทศ และสอดคล้องกับทิศทางและเป้าหมายของยุทธศาสตร์ชาติ ซึ่งการขับเคลื่อนเศรษฐกิจการค้าให้บรรลุผลและสามารถก้าวไปอีกระดับได้นั้นต้องตระหนักและให้ความสำคัญใน 4 ประการ ได้แก่ 1. ต้องสร้างขีดความสามารถและความพร้อมที่จะรับมือ ฟื้นตัว และใช้ประโยชน์จากผลกระทบที่เกิดขึ้นจากการเปลี่ยนแปลง หรือจากสถานการณ์ที่ไม่สามารถคาดการณ์ได้ในอนาคต โดยการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ และการพัฒนาสภาพแวดล้อมทางการค้า ไม่ว่าจะเป็นโครงสร้างพื้นฐาน กฎระเบียบ หรือรูปแบบการค้าขายให้สอดรับความท้าทายต่างๆ

2. ต้องเพิ่มความสำคัญต่อการใช้ศักยภาพที่มีอยู่ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การต่อยอดและใช้ประโยชน์จากสินค้าและบริการที่โดดเด่นและเป็นจุดแข็งของประเทศ รวมถึงการสร้างสินค้าและบริการใหม่ๆ ด้วยการใช้นวัตกรรม และจะต้องสอดคล้องกับความต้องการของผู้บริโภคด้วย

3. เราต้องพัฒนาและขับเคลื่อนเศรษฐกิจการค้าของประเทศให้ครอบคลุม ทั่วถึง และเกิดความยั่งยืน สนับสนุนให้ผู้ประกอบการ ชุมชน และท้องถิ่น สามารถพึ่งพาตนเองและเชื่อมโยงกับตลาดได้อย่างมีประสิทธิภาพ และ 4. ต้องสร้างความร่วมมือจากทุกภาคส่วนให้ก้าวไปด้วยกัน ส่งเสริมการบูรณาการการทำงานระหว่างหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอย่างจริงจัง มีทิศทางการพัฒนาที่ทุกฝ่ายเห็นร่วมกัน ต้องทำงานกันอย่างสอดคล้อง ทั้งส่วนกลาง ส่วนภูมิภาค ส่วนท้องถิ่น ไปจนถึงผู้ประกอบธุรกิจการค้า และผู้มีส่วนได้ส่วนเสียให้มากที่สุด
#10624


ฝ่ายวิจัย ธนาคารกรุงศรีอยุธยา รายงานว่า อัตราเงินเฟ้อทั่วไปปีนี้มีแนวโน้มต่ำกว่าที่เคยคาดการณ์ไว้ โดยอัตราเงินเฟ้อทั่วไปเดือนสิงหาคมกลับมาติดลบเป็นครั้งแรกในรอบ 5 เดือนที่ -0.02% YoY จากเดือนก่อนอยู่ที่ 0.45% สาเหตุสำคัญจากราคาสินค้าในกลุ่มอาหารสดที่ลดลงค่อนข้างมาก สอดคล้องกับความต้องการที่ชะลอลงในการช่วงการแพร่ระบาดที่รุนแรง ขณะเดียวกันภาครัฐยังมีมาตรการลดภาระค่าครองชีพ โดยการลดค่าน้ำประปา ค่าไฟ และค่าธรรมเนียมการศึกษา ขณะที่ราคาสินค้าในกลุ่มพลังงานแม้ยังขยายตัวแต่มีอัตราที่ชะลอลง ด้านอัตราเงินเฟ้อพื้นฐาน (หักราคาหมวดอาหารสดและพลังงาน) อยู่ที่ 0.07% ชะลอลงจาก 0.14% เดือนกรกฎาคม

ซึ่งผลจากการระบาดที่รุนแรงของไวรัสสายพันธุ์เดลต้าตั้งแต่ต้นเดือนกรกฎาคม ฉุดอุปสงค์ในประเทศอ่อนแอลงมาก ประกอบกับทางการขยายเวลาการใช้มาตรการบรรเทาภาระค่าครองชีพอย่างต่อเนื่อง เป็นผลให้อัตราเงินเฟ้ออยู่ในระดับต่ำโดยเฉลี่ยอยู่ที่ 0.73% ในช่วง 8 เดือนแรกของปีนี้ และล่าสุดวิจัยกรุงศรีได้ปรับลดคาดการณ์อัตราเงินเฟ้อทั่วไปในปีนี้เหลือ 0.9% จากเดิมคาด 1.2% อย่างไรก็ตาม ในช่วงที่เหลือของปีคาดว่าอัตราเงินเฟ้อจะพลิกกลับมาเป็นบวกได้บ้าง ปัจจัยหนุนจากกิจกรรมทางเศรษฐกิจในประเทศที่ทยอยฟื้นตัวอย่างค่อยเป็นค่อยไปตามการผ่อนคลายมาตรการควบคุมการระบาดที่เข้มงวด รวมถึงราคาพลังงานที่ยังทรงตัวในระดับสูงตามการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลก

ด้านมุมมองด้านดอกเบี้ยนโยบาย แม้อัตราเงินเฟ้อมีแนวโน้มต่ำกว่าคาดการณ์เดิม และผลการประชุมกนง.ครั้งล่าสุดบ่งชี้ว่ามีความน่าจะเป็นอยู่ที่ 52.7% ที่กนง.จะปรับลดดอกเบี้ยนโยบายในการประชุมวันที่ 29 กันยายนนี้ แต่วิจัยกรุงศรีคาดว่ากนง.จะยังคงดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ระดับ 0.50% ปัจจัยหนุนจาก กรณีกิจกรรมทางเศรษฐกิจบางสาขาเริ่มกลับมาดำเนินการได้บ้างแล้ว จำนวนผู้ติดเชื้อลดลงจากที่เคยแตะระดับกว่า 20,000 รายต่อวัน ประกอบกับการฉีดวัคซีนมีความคืบหน้า (เฉลี่ยวันละกว่า 6 แสนโดสในช่วงวันที่ 1-9 กันยายน) และทางการเริ่มผ่อนคลายมาตรการควบคุมการระบาดที่เข้มงวดลง และ

นอกจากนี้ ในช่วงต้นเดือนกันยายนที่ผ่านมา ธปท.ได้ประกาศมาตรการเพิ่มเติมเพื่อช่วยเหลือลูกหนี้ SMEs และลูกหนี้รายย่อยที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของ COVID- 19 ทั้งการรักษาสภาพคล่องและเติมเงินใหม่ให้กับลูกหนี้ และการสนับสนุนให้สถาบันการเงินช่วยเหลือลูกหนี้ด้วยการปรับโครงสร้างหนี้แบบระยะยาวที่เหมาะสมกับลูกหนี้ ทั้งนี้ มาตรการเพิ่มเติมดังกล่าวอาจสะท้อนถึงการเน้นใช้มาตรการทางการเงินที่เจาะจงกลุ่มเป้าหมายเพื่อบรรเทาภาระทางการเงินของภาคธุรกิจและครัวเรือนได้อย่างตรงจุดมากกว่าการปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ปัจจุบันอยู่ในระดับต่ำและอาจช่วยสนับสนุนการฟื้นตัวของเศรษฐกิจได้ไม่มาก

ด้านความเชื่อมั่นผู้บริโภคยังอ่อนแอ ขณะที่ความเชื่อมั่นภาคอุตสาหกรรมเริ่มมีสัญญาณบวก สะท้อนจากข้อมูลเดือนสิงหาคม ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคคาดการณ์ในระยะ 6 เดือนข้างหน้า ปรับลดลงต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 6 สู่ระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 46.7 จาก 47.6 เดือนก่อน ขณะที่ดัชนีความเชื่อมั่นภาคอุตสาหกรรมคาดการณ์ในระยะ 3 เดือนข้างหน้าปรับเพิ่มขึ้นเป็นครั้งแรกในรอบ 3 เดือน ที่ 90.9 จาก 89.3 เดือนก่อน

ขณะที่อุปสงค์ในประเทศอ่อนแอลงมากเนื่องจากได้รับผลกระทบอย่างหนักจากการแพร่ระบาดอย่างรุนแรงของ COVID-19 ที่ลากยาวและกระจายเข้าสู่ภาคโรงงาน กระทบต่อภาคธุรกิจและครัวเรือนไทยในวงกว้าง ล่าสุดแม้เริ่มมีการผ่อนคลายมาตรการควบคุมการระบาดที่เข้มงวดลง ทำให้กิจกรรมทางเศรษฐกิจบางสาขากลับมาดำเนินการ แต่ยังต้องอยู่ภายใต้พื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวดอยู่ (สีแดงเข้ม) ต่อไปอย่างน้อยจนถึงสิ้นเดือนกันยายน จึงคาดว่ากิจกรรมทางเศรษฐกิจในหลายภาคธุรกิจและการจ้างงานจะยังคงซบเซา นอกจากนี้ ภาระหนี้ครัวเรือนที่เพิ่มขึ้นยังคงเป็นปัจจัยกดดันการฟื้นตัวของการใช้จ่ายในประเทศ โดยคาดว่าการบริโภคภาคเอกชนในปีนี้จะเติบโตต่ำที่ 0.5% อย่างไรก็ตาม อานิสงส์จากปัจจัยภายนอก เศรษฐกิจประเทศคู่ค้าฟื้นตัว หนุนการส่งออกในปีนี้เติบโตได้ที่ 15% ซึ่งจะช่วยเป็นแรงพยุงการผลิตภาคอุตสาหกรรม
#10627


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากที่โลกโซเชียลฯ ได้มีการแชร์ภาพจากเพจ "กลุ่มคนไทยขอทวงคืนทางเท้า" ที่โพสต์ภาพบรรดาผู้ค้าจับจองพื้นที่ขายของ ที่สถานีกลางบางซื่อ พร้อม ระบุว่า "สถานีตลาดกลางบางซื่อ ชอป ชิม เดินทาง เชื่อมต่อศูนย์กลางการค้าริมทางและคมนาคม ครบจบที่เดียวที่นี่ ที่คุณจะได้สัมผัสความสวยแต่รูป จูบแล้วหัวเหม็นควันไก่ย่าง การันตีคุณภาพจากสลัมริมทางรถไฟที่เติบโตอย่างมั่นคงยาวนานนับทศวรรษโดย "การรถไฟแห่งประเทศไทย" เจ้าเก่าเจ้าเดิม มองเห็นอนาคตแล้วว่าจะเป็นอย่างไร น้ำหน้า รฟท. ชื่อนี้การันตีผลงาน"

ซึ่งจากการตรวจสอบล่าสุดในวันนี้ (14 ก.ย.) ไม่พบผู้ค้าบริเวณ ด้านหน้าอาคารสถานีกลางบางซื่อ แล้ว โดยมีเจ้าหน้าที่ตำรวจรถไฟ จัดระเบียบและอำนวยความสะดวกกับประชาชนที่เดินทางไปยังสถานีกลางบางซึ่อซึ่งปัจจุบัน เปิดให้บริการรถไฟชานเมืองสายสีแดง ช่วง บางซื่อ-รังสิต และบางซื่อ-ตลิ่งชัน โดยไม่เก็บค่าโดยสาร และยังคงเป็นใช้เป็นศูนย์การฉีดวัคให้ประชาชน ภายใต้ความร่วมมือของกระทรวงสาธารณสุขและกระทรวงคมนาคม

นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม กล่าวว่า ได้สั่งการให้ผู้เกี่ยวข้องเร่งแก้ปัญหาและให้ดำเนินการตามระเบียบและกฎหมาย. พร้อมทั้งให้มีเจ้าหน้าที่กำกับดูแลทุกวัน ทั้งนี้ การบริหารจัดการพื้นที่ทางเท้าและถนนด้านหน้าอาคารสถานีกลางบางซื่อนั้นจะต้องไม่มีสิ่งกีดขวางการสัญจรของประชาชน เพื่อให้การเข้าออกสถานีกลางบางซื่อมีความสะดวกรวดเร็ว
#10628
ขายดาวน์  215,800 ( กค 2564 ) ห้อง 716
#10629


ตลาดหุ้นปีนี้ กำลังย้อนยุคสู่ช่วงระหว่างปี 2530-2535 หรือยุคที่ "เสี่ยสอง" หรือนายสอง วัชรศรีโรจน์ นักลงทุนรายใหญ่ชื่อดังกระฉ่อน เพราะมีการปั่นหุ้นกันอย่างโจ๋งครึ่ม เย้ยหยัดตลาดหลักทรัพย์และสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.)

ยุคเสี่ยสอง มีการปั่นหุ้นนับสิบตัว โดยมาตรการในการสกัดหุ้นปั่นขณะนั้นคือ การขึ้นเครื่องหมาย "NP" เพื่อเตือนนักลงทุน และมาตรการ" SP" พักการซื้อขายหุ้น

ปัจจุบันตลาดหลักทรัพย์ใช้มาตรการกำกับการซื้อขาย เพื่อดับร้อนหุ้น โดยกำหนดให้ซื้อหวยออนไลน์ซื้อหุ้นด้วยเงินสด ถ้าไม่ได้ผล จะยกระดับมาตรการให้เข้มข้นขึ้น โดยห้ามคำนวณวงเงินซื้อขายและห้ามหักกลบชำระค่าซื้อขายหุ้นในวันเดียวกัน หรือห้ามเนทเซทเทิ้ลเม้นท์

แต่หุ้นที่มีพฤติกรรมเข้าข่ายการสร้างราคาดื้อยา โดยยังมีการลากราคาขึ้นสวนมาตรการกำกับ ทำให้ผู้บริหารตลาดหลักทรัพย์ต้องคุมขมับ และกำลังหามาตรการใหม่ เพื่อสยบหุ้นปั่น

เพราะถ้าปล่อยให้ปั่นหุ้นกันอย่างโจงครึ่มต่อไป ปล่อยให้หุ้น 10 ตัว 1 บาทอาละวาดโดยควบคุมไม่ได้ ตลาดหุ้นจะแปลงสภาพเป็นบ่อนการ.เช่นเดียวกับยุคเสี่ยสอง

การปั่นหุ้นน่าจะสูญพันธุ์ไปแล้ว นับจากสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) จัดตั้งขึ้นเมื่อวันที่ 16 พฤษภาคม 2535 เพราะมีการบังคับใช้กฎหมายอย่างเข็มงวดกับแก๊งปั่นหุ้น

ยุคของเสี่ยสองต้องสิ้นสุดลงหลังมี ก.ล.ต. หุ้นปั่นต้องสยบ เพราะการใช้มาตรการดับหุ้นร้อนที่มีประสิทธิภาพ ขณะที่กระบวนการกล่าวโทษใช้เวลาที่รวดเร็วมาก

มาตรการดับร้อนหุ้นปั่นในช่วงนั้น นอกเหนือจากการแขวนป้าย NP และ SP แล้ว หากแก๊งปั่นหุ้นยังหัวดื้อ เจ้ามือหุ้นยังไม่ยอมสยบ และลากราคาหุ้นต่อ ตลาดหลักทรัพย์จะออกมาให้ข่าวว่า กำลังเข้าตรวจสอบหุ้นที่มีพฤติกรรมปั่น และสั่งให้โบรกเกอร์ ส่งข้อมูลคำสั่งซื้อขายหุ้นที่อยู่ระหว่างการถูกตรวจสอบมาให้

นอกจากนั้นหุ้นตัวใดที่มีพฤติกรรมเข้าข่ายสร้างราคา ตลาดหลักทรัพย์ประกาศจะส่งข้อมูลให้ ก.ล.ต. ดำเนินการสอบสวนต่อ เพื่อรวบรวมหลักฐานกล่าวโทษ

เพียงแค่ออกข่าวว่าจะเข้าตรวจสอบ และสั่งให้โบรกเกอร์ส่งข้อมูลคำสั่งซื้อขายของลูกค้ามาให้ตลาดหลักทรัพย์เท่านั้น นักลงทุนรายย่อยก็แห่เทขายหุ้นทิ้ง จนเจ้ามือหรือนักลงทุนขาใหญ่ลากหุ้นต่อไม่ไหว เกมปั่นหุ้นก็ต้องปิดฉากลง โดยเจ้ามือหรือขาใหญ่ยังขายหุ้นออกไม่ทัน และต้อง "ติดหุ้น"เสียเอง

ไม่เข้าใจว่า ทำไมผู้บริหารตลาดหลักทรัพย์ในปัจจุบัน จึงไม่นำมาตรการที่เข้มข้นในอดีตมาใช้ เพื่อสยบหุ้นตัวเล็กตัวร้ายนับร้อยตัวที่กำลังปั่นกันอย่างสนุกสนาน

เช่นเดียวกับกระบวนการกล่าวโทษการปั่นหุ้น ซึ่งไม่เข้าใจว่า ทำไมจึงใช้เวลายาวนานนับ โดยการลงโทษการปั่นหุ้นกรณีล่าสุด บริษัท เนชั่น บรอดแคสติ้ง คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ NBC ซึ่งปั่นหุ้นกันตั้งแต่กลางปี 2559

แต่ ก.ล.ต.เพิ่งกล่าวโทษเมื่อต้นเดือนกันยายนที่ผ่านมา โดยใช้เวลารวบรวมหลักฐานถึง 5 ปีเต็ม

ก.ล.ต.ยุคแรก ช่วงนายเอกกมล คีรีวัฒน์ เป็นเลขาธิการคนแรก ใช้เวลาไม่ถึง 1 ปี สามารถรวบรวมหลักฐานและกล่าวโทษหุ้นปั่นได้ และกล่าวโทษหุ้นปั่นพร้อมกันถึง 4 ตัว

หุ้นธนาคารนครหลวง หุ้นบริษัท กฤษดามหานคร จำกัด หรือ KMC หุ้นบริษัทเงินทุน เฟิร์สซิตี้ อินเวสเมนท์ จำกัด หรือ FCI ฉายาหุ้นฟ้าใส หุ้นบริษัท รัตนะการเคหะ จำกัด หรือ RR ถูกกล่าวโทษพร้อมกันในวันที่ 26 เมษายน 2536 โดยหุ้นทั้ง 4 ตัวมีการปั่นกันในช่วงกลางปี 2535 ถึงต้นปี 2536

ตลาดหลักทรัพย์ และ ก.ล.ต.ยุคนายเอกกมล ใช้เวลาไม่ถึง 1 ปี สามารถกล่าวโทษได้ แม้ในจำนวนผู้ถูกล่าวโทษ 30 ราย ซึ่งมีกลุ่มคุณหญิงพัชรี ว่องไพฑูรย์ หรือ รัตตกุล และนายวิชัย กฤษดาธานนท์ ร่วมอยู่ด้วย จะมีเพียงเสี่ยสองคนเดียวที่ถูกตัดสินจำคุกก็ตาม

เพียงแต่เสี่ยสองหลบหนีเข้า ๆ ออก ๆ ระหว่างประเทศไทยและประเทศเพื่อนบ้าน โดยไม่ถูกจับกุมจนคดีหมดอายุความ และวันนี้ยังวนเวียนอยู่ในตลาดหุ้น

มาตรฐานการตรวจสอบ รวบรวมหลักฐาน และการกล่าวโทษหุ้นปั่นถือว่าตกต่ำลงมาก เพราะเฉลี่ยแต่ละคดี ใช้เวลา 3-5 ปี ซึ่งสาธารณชนไม่เข้าใจว่า ทั้งตลาดหลักทรัพย์ และ ก.ล.ต.ทำอะไรกันอยู่

ทำไมจึงงุ่มง่าม ทำให้การดำเนินคดีล่าช้า จนกฎหมายไร้ความศักดิ์สิทธิ์ มิจฉาชีพในตลาดหุ้นไม่เกรงกลัว โดยเจ้ามือหุ้นบริษัทจดทะเบียนนับร้อยแห่งปั่นหุ้นเยาะเย้ย ก.ล.ต.และตลาดหลักทรัพย์

การตรวจสอบข้อมูลการซื้อขายหุ้น ตลาดหลักทรัพย์ไม่ควรใช้เวลาเกิน 1 เดือน ก่อนส่งเรื่องให้ ก.ล.ต.สอบสวนข้อมูลในเชิงลึกต่อ

ส่วน ก.ล.ต. ก็ไม่ควรใช้เวลาเกิน 6 เดือน ในการสอบสวนข้อมูล รวบรวมหลักฐาน ก่อนจะกล่าวโทษกับกรมสอบสวนคดีพิเศษหรือดีเอสไอ

ไม่รู้ว่า กระบวนการล่าสุดช้าในจุดใด และหน่วยงานไหน จึงทำให้การกล่าวโทษคดีหุ้นปั่นจึงล่าช้าจนคนลืม

ไม่รู้ว่า ทำไมมาตรฐานในการสยบหุ้นปั่น จึงต่ำลง ทั้งที่ในอดีตมีมาตรการที่มีประสิทธิภาพสยบหุ้นปั่นจนอยู่หมัด

ผู้บริหาร ก.ล.ต.และตลาดหลักทรัพย์ จะต้องทบทวนแล้วว่า ทำไมแก๊งปั่นหุ้นจึงเหิมเกริม

และทำไม่จึงสยบเจ้ามือที่ปั่นหุ้นเย้ยหยันกฎหมายไม่ได้เสียที

(วันพรุ่งนี้ อ่านศักดิ์ศรี และสำนึกของกรรมการบริษัทจดทะเบียนที่ปั่นหุ้น)
#10630
ขายดาวน์  215,800 ( กค 2564 ) ห้อง 812
#10631
ที่ติดทะเล ฝั่งแดง (บางสะพานน้อย) ประจวบ ไร่4ลบ. Unseenthailand โทร0837124115
#10632


ดีบีเอส กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ ซึ่งเป็นธนาคารรายใหญ่ที่สุดของสิงคโปร์และเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ตั้งเป้าเพิ่มจำนวนสมาชิกบนแพลตฟอร์มใหม่สำหรับการซื้อขายสกุลเงินดิจิทัลให้ได้ 1,000 รายภายในสิ้นเดือนธ.ค.นี้ พร้อมตั้งเป้าหมายการเติบโตไว้ที่ 20-30% ต่อปีตลอดช่วงสามปีข้างหน้า หลังสกุลเงินดิจิทัลเป็นที่ยอมรับมากขึ้น

ผู้บริหารระดับสูงของดีบีเอสระบุว่า บริการดีบีเอส ดิจิทัล เอ็กซ์เชนจ์ ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มซื้อขายคริปโทเคอร์เรนซี สำหรับสมาชิกที่เปิดตัวไปเมื่อเดือนธ.ค. 2563 ได้รับการตอบรับที่แข็งแกร่งจากนักลงทุนกลุ่มสถาบัน, ผู้ลงทุนที่มิใช่รายย่อย และบริษัทด้านการลงทุน


"เรามีการเติบโตที่รวดเร็วมาก เนื่องจากนักลงทุนเริ่มให้ความสนใจซื้อหวยออนไลน์สกุลเงินคริปโตเคอร์เรนซีและสินทรัพย์ดิจิทัลมากขึ้นเรื่อยๆ" อิง-ควอก ซีท เหมย หัวหน้าฝ่ายตลาดทุนและประธานดิจิทัล เอ็กซ์เชนจ์ ของดีบีเอส กล่าว

การรุกธุรกิจสกุลเงินคริปโทเคอร์เรนซีเกิดขึ้น หลังจากที่นายไพยุช กัปต้า ซีอีโอของดีบีเอสเร่งลงทุนในธนาคารเป็นเงินหลายพันล้านดอลลาร์ เพื่อยกระดับโครงสร้างพื้นฐานด้านเทคโนโลยีในช่วง 8 ปีที่ผ่านมา เพื่อเตรียมพร้อมรองรับการใช้งานคลาวด์คอมพิวติ้งและบริการไปสู่ดิจิทัล


ความนิยมสกุลเงินคริปโทเคอร์เรนซีที่เพิ่มขึ้นสร้างความท้าทายให้กับธนาคารในกระแสหลัก ซึ่งต้องพยายามถ่วงดุลระหว่างความสนใจของลูกค้าในสกุลเงินดิจิทัลและความกังวลเรื่องความเสี่ยงด้านกฎระเบียบ
#10633


นักลงทุนที่โชคดีและอดทนมากพอที่จะซื้อคริปโตเคอเรนซี่มูลค่า 1,000 ดอลลาร์หรือประมาณ 30,000 บาทไทยตามอัตราแลกเปลี่ยน และถือยาวมาจนถึงปัจจุบันกว่า 9 เดือน พอร์ตการลงทุนนั้นจะเติบโตกว่า 100 เท่าในเดือนนี้

จากการรายงานของ cryptopotato ระบุ ความเสี่ยงเกิดขึ้นเสมอ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อพูดถึงการลงทุน อย่างไรก็ตาม บางครั้งการทบทวนสิ่งที่อาจเกิดขึ้นอาจเป็นเรื่องที่ค่อนข้างน่าสนใจหากนักลงทุนทำการลงทุนโดยเฉพาะตลาดสกุลเงินดิจิตอลที่มีความผันผวนสูง สามารถสร้างสถานการณ์ที่น่าประทับใจได้ ตัวอย่างเช่น การวางเงิน 1,000 ดอลลาร์ในโซลานาในวันที่ 1 มกราคม 2564 จะส่งผลให้วันนี้เกือบ 140,000 ดอลลาร์

การเปลี่ยนแปลงของตลาด Cryptocurrency ในหนึ่งปี

พูดได้ว่าปีที่ผ่านมาเป็นช่วงขาขึ้นอย่างมากสำหรับอุตสาหกรรมสกุลเงินดิจิตอล ภาพรวมคร่าวๆ ในเดือนกันยายนปีที่แล้วแสดงให้เห็นว่ามูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาดทั้งหมดอยู่ที่ประมาณ 300,000 ล้านดอลลาร์ ขณะที่วันนี้มีมูลค่ามากกว่า 2 ล้านล้านเหรียญ แม้ว่ามีข่าวเชิงลบถึงฟองสบู่ที่ระบุถึงการพังทลายของตลาดคริปโตที่จะเกิดขึ้นในเร็ว ๆ นี้ซึ่งสร้างความแตกตื่นต่อนักลงทุนหลายพันล้านคน

ขณะที่ Bitcoin ซึ่งเป็นสินทรัพย์ดิจิทัลที่ใหญ่ที่สุด ได้เห็นมูลค่าพุ่งสูงขึ้นสู่จุดสูงสุดใหม่ เนื่องจากการนำไปใช้ซื้อหวยออนไลน์มาจากหลายด้าน โดยเมื่อต้นปีนี้ ราคา Bitcoin ทะลุ 60,000 ดอลลาร์ต่อเหรียญ และมูลค่าตลาดของมันเองนั้นสูงกว่า 1 ล้านล้านดอลลาร์

ในขณะที่ BTC ซึ่งเป็นผู้นำในแง่ของการได้รับ แต่ altcoins อื่น ๆ ที่ไม่ค่อยมีใครรู้จัก (อย่างน้อยก็ล่าสุด) มีประสิทธิภาพเหนือกว่าเหรียญผู้นำอย่างมาก เมื่อดูจากมาตราส่วนปีจนถึงปัจจุบันโดย altcoins บางส่วนได้แสดงผลตอบแทนที่น่าเหลือเชื่อ

เช่นกรณีของโทเค็นเช่น Solana (SOL), Fantom (FTM), รูปหลายเหลี่ยม (MATIC), Terra (Luna), Cardano (ADA) และอีกมากมาย ดังนั้นจึงคุ้มค่าที่จะทบทวนว่าการลงทุนที่มีศักยภาพในเหรียญใด ๆ เหล่านี้อาจคุ้มค่าในวันนี้ หรือในอีกเก้าเดือนต่อมา

บริษัทวิเคราะห์คริปโต Coin98 Analytics ระบุว่าเมื่อเร็ว ๆ นี้ได้ยกตัวอย่างข้อมูลนี้และจัดประเภทโครงการบล็อคเชนดังกล่าวเป็น "อัญมณีที่ซ่อนอยู่" โดย Ethereum เข้าสู่ปีนี้ด้วยราคาเพียง $700 จากการเติบโตที่มาจากโปรเจ็กต์ DeFi และ NFT มากมาย รวมถึงเหรียญ stablecoin จำนวนมาก ทำให้ความต้องการสกุลเงินดิจิทัลดั้งเดิมเพิ่มขึ้น ขณะเดียวกันการเปลี่ยนแปลงที่กำลังจะเกิดขึ้นกับ ETH 2.0 เป็นผลให้ราคาของ ETH พุ่งขึ้นเหนือ $4,400 สำหรับ ATH ใหม่เพียง 5 เดือนหลังจากต้นปี

อย่างไรก็ตามการลงทุน 1,000 ดอลลาร์ใน ETH ในวันที่ 1 มกราคมปีนี้จะส่งผลให้ ROI มากกว่า 4 เท่า การจัดสรรที่เหมือนกันในโครงการอื่น ๆ เช่น Binance Coin จะได้รับเงินคืนประมาณ 11,000 ดอลลาร์ ใน Cardano – $14,000 ใน Luna – ต่ำกว่า 50,000 ดอลลาร์ และใน MATIC – 80,000 ดอลลาร์ ขณะที่โทเค็นสองรายการที่ระบุไว้จะมี ROI มากกว่า 100 เท่า โดย FTM และ SOL จากอินโฟกราฟิกแสดงให้เห็นว่า Solana ซึ่งใช้ประโยชน์จากความนิยมของ NFT อย่างเต็มที่ จะได้รับเงินคืนเกือบ 140,000 ดอลลาร์ สำหรับนักลงทุนที่โชคดีที่ลงทุน 1,000 ดอลลาร์ ในโทเค็นในวันที่ 1 มกราคมและถือยาวมาจนถึงปัจจุบัน
 
#10634


"เซ็นทรัล วิลเลจ" ตอกย้ำเบอร์หนึ่งลักชัวรีเอาต์เลตแห่งแรกของไทย ตัวจริงแบรนด์เนมเดสติเนชันระดับโลก ฉลองครบรอบ 2 ปียิ่งใหญ่ Central Village 2nd Anniversary Celebration มอบความสุขX2 ลดสูงสุด 90% และใจป้ำลด on-top เพิ่มสูงสุด 50% แชร์กลยุทธ์ครองใจขาชอปกับกระแสตอบรับท่วมท้นทั้งชอปเองที่เอาต์เลต ยอดทราฟฟิกพุ่ง 85% และยอดใช้จ่ายต่อหัวเพิ่มกว่า 20% ในสัปดาห์แรกของเดือน ก.ย.หลังคลายล็อกดาวน์ พร้อมขยายฐานลูกค้าออนไลน์ชอปปิ้งด้วยกลยุทธ์ Intensive Lottovip Omnichannel สู่ผู้นำ Luxury Outlet Chat & Shop ด้วยยอดขายกว่า 12 ล้านบาทภายในสามเดือน (มิ.ย.-ส.ค. 64)

ครองใจลูกค้ายาวนานต่อเนื่องกว่า 2 ปีที่เปิดให้บริการ ดึงดูดขาชอปแบรนด์เนมตลอดทั้งปีด้วยบรรยากาศ Outdoor เหมือนชอปปิ้งเอาต์เลตเมืองนอก เดินทางสะดวกด้วยโลเกชันใกล้ที่สุดจาก CBD เพียง 30 นาที พร้อมมอบส่วนลดสุดคุ้มค่า ลดจริงทุกวันตลอดทั้งปี ลดสูงสุด 90% และ on-top ด้วยโปรโมชันที่ดีที่สุดในแต่ละซีซัน ตอบโจทย์นักชอปรุ่นใหม่ที่เน้นความคุ้มค่าของสินค้า ไม่ว่าจะเลือกชอปผ่าน Physical Store ด้วยความมั่นใจและปลอดภัยภายใต้มาตรการ "เซ็นทรัล สะอาด มั่นใจ Safe Plus+" หรือชอปผ่าน Online ด้วยบริการ Luxury Outlet Chat & Shop ทาง LINE OA: @CentralVillage หรือ Facebook: Central Village ที่สะดวกสบายเหมือนยก เซ็นทรัล วิลเลจ มาไว้ที่บ้านคุณ



ดร.ณัฐกิตติ์ ตั้งพูลสินธนา ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายงานการตลาด บมจ.เซ็นทรัลพัฒนา กล่าวว่า "ตลอดระยะเวลากว่าสองปีตั้งแต่เซ็นทรัล วิลเลจ เปิดให้บริการ เราเดินหน้าฝ่าทุกวิกฤต แม้กระทั่งในสถานการณ์โควิด-19 เราก็ยังคงมุ่งมั่นพัฒนาและเคียงข้างพันธมิตรร้านค้า ปรับแผนการตลาดเพื่อช่วยกระตุ้นยอดขาย โดยได้รับกระแสตอบรับที่ดีและครองใจเหล่านักชอปมาโดยตลอด เซ็นทรัล วิลเลจ ครบครันด้วยสินค้าและบริการที่ครอบคลุมทุกความต้องการ เรียกได้ว่าเป็นเดสติเนชันสำหรับแบรนด์เนมชอปปิ้งระดับโลก และสะท้อนความเป็นผู้นำลักชัวรีเอาต์เลตตัวจริงแห่งแรกในไทย"

ถอดสูตรสำเร็จ 5 กลยุทธ์ที่ทำให้ เซ็นทรัล วิลเลจ ครองใจลูกค้ามายาวนานต่อเนื่องตลอดกว่า 2 ปีที่เปิดให้บริการ:

1. Welcome Back to Central Village #ชอปให้หายคิดถึง หลังภาครัฐประกาศคลายล็อกดาวน์ในสัปดาห์แรกยอดทราฟฟิกกลับมาฟื้นตัวกว่า 85% และมียอดใช้จ่ายต่อหัวเพิ่มขึ้นกว่า 20% เมื่อเทียบกับก่อนล็อกดาวน์ และมีแนวโน้มที่จะดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง สะท้อนให้เห็นว่าลูกค้ายังคงคิดถึงและโหยหาการประสบการณ์การชอปปิ้งแบบ Physical Store



2. อัดโปรฯ แรงต่อเนื่องตลอดปี ล่าสุดเปิดแคมเปญ 'Central Village 2nd Anniversary Celebration ฉลองครอบรอบ 2 ปี มอบความสุขx2' ลดสูงสุดถึง 90% ลด on-top เพิ่มสูงสุดถึง 50% และโปรโมชันบัตรเครดิตที่ร่วมรายการ ตั้งแต่วันนี้-3 ต.ค. 64 ดึงดูดขาชอปด้วยการเน้นกระตุ้นยอดขายกับส่วนลดที่คุ้มค่าเพิ่มจากราคาเอาต์เลตมากขึ้นไปอีกทั้ง Physical Store และ Online จัดแคมเปญต่อเนื่องพร้อมโปรโมชันรองรับตลอดทั้งปี โดยได้รับการตอบรับจากนักชอปเป็นอย่างดีมาโดยตลอด เช่น Super Brand Grand Sale, Central Village 1st Anniversary, Jim Thompson Clearance Sale, Year's End Sale
• สำหรับแคมเปญ Central Village 2nd Anniversary Celebration ฉลองครบรอบ 2 ปี ความสุขx2 ช้อปสนุก ความสุขเพิ่มขึ้นเป็นสองเท่า ตั้งแต่วันนี้-3 ต.ค. 2564 พบสินค้าแบรนด์ชั้นนำที่มีเฉพาะที่เซ็นทรัล วิลเลจเท่านั้น ลดสูงสุด 90%* และส่วนลด on-top ฉลองสองปีลดเพิ่มอีกกว่า 50%* เช่น Adidas ลดสูงสุด 70% พิเศษ สำหรับลูกค้าที่เกิดในเดือนกันยายน รับส่วนลดเพิ่ม 20%* หากเป็นสมาชิก The1 รับส่วนลดเพิ่ม 300 บาท เมื่อชอปครบ 3,000 บาท, Coach ลดสูงสุด 80% และลดเพิ่มสูงสุด 30% เมื่อชอปครบ 4 ชิ้น, Michael Kors ลดสูงสุด 70% และสินค้า One price ราคา 1,490 บาท, Kate Spade ลดสูงสุด 80% พิเศษลดเพิ่ม 20% สำหรับสินค้าร่วมรายการ และรับฟรีกระเป๋าคล้องมือ (Small Wristlet Bag) เมื่อชอปครบ 18,000 บาท, Polo Ralph Lauren ลดสูงสุด 80% รับส่วนลด 900 บาท เมื่อชอปครบ 5,000 บาท, Outlet by Club21 ลดสูงสุด 90% รับส่วนลดเพิ่ม 20% เมื่อชอป 4 ชิ้นขึ้นไป, Coccinelle ลดสูงสุด 80% และลดเพิ่ม 50% เมื่อชอปสำหรับสินค้าร่วมรายการครบ 2 ชิ้น, Radley London ลดสูงสุด 70% และลดเพิ่ม19% เมื่อชอปสินค้าลด 50%, Keds ลดสูงสุด 70% และลดเพิ่ม 20% เมื่อชอปครบ 2 คู่, ลดเพิ่ม 200 บาท เมื่อชอปครบ 2,000 บาท และรับฟรีรองเท้า 1 คู่ เมื่อชอปครบ 3,000 บาท, G2000 รับส่วนลด 70% เมื่อชอปสินค้า 2 ชิ้น, รับส่วนลด 80% เมื่อชอปสินค้า 3 ชิ้น, Jim Thompson ลดสูงสุด 80% รับส่วนลดเพิ่ม 50% เมื่อชอปครบ 4 ชิ้น

• พิเศษ! สำหรับลูกค้าที่เกิดในเดือนกันยายน รับฟรี บัตรกำนัล VIP One Day Pass สำหรับเข้าใช้บริการห้องรับรองพิเศษ 1 ใบ, ชอป 8,000 บาท รับฟรีหน้ากากผ้า PASAYA Fabric Mask, ชอป 35,000 บาท รับ Cash Voucher 300 บาท, พิเศษ ทุกวันเสาร์และอาทิตย์ ชอป 35,000 บาท รับ Cash Voucher 600 บาท, Top Spender 2 ท่านแรก เมื่อสะสมยอดซื้อครบ 500,000 บาทขึ้นไปตลอดรายการ รับแพกเกจ Yacht Trip (Siamese Cat Half Day Trip) พร้อมห้องพักโรงแรม Hilton Pattaya 2 คืน และโปรโมชันเครดิตเงินคืนสูงสุด 15% จากบัตรเครดิตที่ร่วมรายการ



3. ผู้นำ Luxury Outlet Chat & Shop ท็อปฟอร์มไม่หยุดด้วยยอดขายสินค้าที่เติบโตต่อเนื่อง การันตีด้วยยอดขายกว่า 12 ล้านบาทภายในสามเดือน สร้างฐานลูกค้า Online Shopping ให้เพิ่มมากขึ้น เหมาะกับยุค Shop From Anywhere และลูกค้าที่ชอบความสะดวกสบาย รองรับวิถีชีวิตใหม่ของผู้บริโภคในยุคดิจิทัล ด้วยกลยุทธ์ Intensive Omnichannel สั่งซื้อสินค้าและบริการได้ง่ายๆ ผ่านปลายนิ้วด้วยบริการ 'Chat & Shop - Home Delivery - Drive Thru Pick Up' เพียง add LINE OA: @CentralVillage https://lin.ee/vwF2C3l สั่งผ่านแอดมินได้ทุกวัน ตั้งแต่เวลา 11.00-18.00 น. หรือ ชอปผ่าน Facebook Live ได้ทุกวันอังคารและวันพฤหัสบดี เวลา 16.00-18.00 น. แล้วรอสินค้าจัดส่งถึงหน้าบ้านเหมือนยก เซ็นทรัล วิลเลจ มาไว้ที่บ้านคุณ โดยในช่วงล็อกดาวน์ที่ผ่านมายอดขายผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์เติบโตกว่า 12 ล้านบาทภายในระยะเวลาสามเดือน และมีแนวโน้มเติบโตเพิ่มขึ้นในทุกๆ เดือน ตอกย้ำเบอร์หนึ่งผู้นำ Luxury Outlet Chat & Shop ตัวจริง โดยที่ผ่านมาเราได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีจากกลุ่มลูกค้าชาวไทยทั่วประเทศ และกลุ่มลูกค้าประเทศเพื่อนบ้านอย่าง CLMV (กัมพูชา ลาว เมียนมา และเวียดนาม) และมาเลเซีย

4. นึกถึงแหล่งแบรนด์เนมชอปปิ้งสุดคุ้ม ต้องที่เซ็นทรัล วิลเลจ เท่านั้น!
• ใกล้ที่สุด เพียง 30 นาที จากศูนย์กลางธุรกิจ CBD เดินทางสะดวกด้วยทำเลที่ดี
• บรรยากาศดีที่สุด ด้วยดีไซน์ศูนย์รูปแบบสถาปัตยกรรมไทยโมเดิร์น ท่ามกลางบรรยากาศ Outdoor ที่อากาศถ่ายเท สร้าง Shopping Vibes เหมือนชอปปิ้งเอาต์เลตเมืองนอก
• คุ้มค่าที่สุด ลดจริง ลดทุกวัน ตลอดทั้งปี จะซื้อมาใช้เองก็คุ้ม จะซื้อไปขายต่อก็ปล่อยง่าย ด้วยแบรนด์สินค้าทั้งจากในและต่างประเทศที่ขนมาให้เลือกช้อปกันแบบจุใจกว่า 220 แบรนด์ใน 130 ร้านค้า ที่ส่วนใหญ่เป็น First Time Outlet Shop ในประเทศไทย และอีกกว่า 67 แบรนด์ ได้เลือกเปิด Exclusive Outlet Store เฉพาะเซ็นทรัล วิลเลจ เช่น Chloé, Coach, Ermenegildo Zegna, Jimmy Choo, Kate Spade, Kenzo, Marimekko, Max & Co, MCQ, Michael Kors, Moschino, Outlet by Club21, Polo Ralph Lauren, Salvatore Ferragamo, Tommy Hilfiger, Valentino, Victoria's Secret, Vivienne Westwood, Bath & Body Works, Coccinelle, Jim Thompson และลักชัวรีแบรนด์ชื่อดังระดับโลกอื่นๆ ที่จะเข้ามาเสริมทัพเพื่อเพิ่มความหลากหลายของสินค้าและบริการต่อไปอีกในอนาคต เติมเต็มทุกมิติการชอปปิ้งสินค้าแบรนด์เนมระดับโลกในราคาลดทุกวันตลอดทั้งปีให้แก่ลูกค้าทุกคน
นอกจากนี้ยังตอบโจทย์นักชอปยุคใหม่ที่เป็น Bargain Shoppers และกลุ่ม Young Affluents ที่เลือกใช้จ่ายแบบคุ้มค่ากับสินค้าคุณภาพดีในราคาถูกลงกว่าครึ่ง เพราะเรารู้จักลูกค้าของเราเป็นอย่างดี เข้าถึง Lifestyle Insight จากฐานข้อมูล The1 ที่นำมาวิเคราะห์ความต้องการ และพฤติกรรมที่มีต่อสถานการณ์ต่างๆ ที่เกิดขึ้น ทำให้สามารถปรับกลยุทธ์ให้สอดคล้องกับความต้องการของกลุ่มเป้าหมายได้อย่างถูกต้อง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในยุคโควิด เทรนด์การชอปปิ้งเอาต์เลตจะกลายเป็นชอปปิ้งแพลตฟอร์มที่ดีที่สุด เพราะสินค้าลดราคาถูกมาก และยังมีส่วนลด on-top เพิ่มอีกในแต่ละซีซัน ซึ่งเหมาะกับพฤติกรรมการใช้จ่ายเงินที่ประหยัดขึ้นของคนไทย



5. ชอปสะดวก มั่นใจ ปลอดภัยสูงสุดแบบศูนย์การค้ายุคใหม่ COVID-FREE ด้วยมาตรการ "เซ็นทรัล สะอาด มั่นใจ Safe Plus+" ยกระดับเข้มข้นสูงสุด ลูกค้าที่มาใช้บริการสามารถวางใจมาตรฐานความสะอาดที่สอดคล้องตามมาตรฐานของกระทรวงสาธารณสุข เน้นย้ำเป็นพิเศษในการเว้นระยะห่างระหว่างบุคคล รวมไปถึงให้พนักงานให้บริการมีการฉีดวัคซีน ตรวจคัดกรองวันแรก 100% และต่อเนื่องทุกสัปดาห์ กักตัวอย่างเป็นระบบ เว้นระยะห่าง สะอาดปลอดภัยตลอดเวลาทุกวัน ซึ่งได้รับความร่วมมือเป็นอย่างดีจากทั้งผู้เช่าร้านค้า และพนักงานที่พร้อมให้ความร่วมมือปฏิบัติตามมาตรการอย่างเต็มที่ รวมถึงการประเมินร้านค้าผ่าน Thai Stop Covid Plus, พนักงานประเมินตนเองผ่าน Thai Safe Thai ทุกวัน ตามขั้นตอนของกระทรวงสาธารณสุขอย่างเคร่งครัด เพื่อตอกย้ำความมั่นใจให้แก่ผู้มาใช้บริการ โดยทางศูนย์ฯ ขอความร่วมมือลูกค้าทุกท่าน ร่วมกันสังคม สะอาด ปลอดภัย ด้วยความสมัครใจ เช่น การฉีดวัคซีน การตรวจ ATK เพื่อให้มั่นใจร่วมกันว่า เซ็นทรัล วิลเลจ จะเป็นพื้นที่ที่ปลอดภัยที่สุดสำหรับทุกคน

เซ็นทรัล วิลเลจ ภายใต้คอนเซ็ปต์ Bangkok Luxury Outlet เปิดให้บริการทุกวัน ตั้งแต่เวลา 11.00-20.00 น. Starbucks เปิดให้บริการ 09.00-20.00 น. Tops Market เปิดให้บริการ 08.00-20.00 น. และสามารถติดตามรายละเอียดอื่นๆ เพิ่มเติมได้ทางเว็บไซต์: http://www.centralvillagebangkok.com, LINE: @centralvillage, Facebook: Central Village, Instagram: centralvillagebangkok
#10635


วันนี้ (13 ก.ย.) นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมมีความชื่นชมและภูมิใจนักออกแบบไทยสามารถนำวิจิตรศิลป์ของไทยในแขนงต่าง ๆ มาสร้างสรรค์ร่วมกับอุตสาหกรรมบันเทิงสมัยใหม่ ตรงกับโมเดลเศรษฐกิจ BCG ของรัฐบาล ซึ่งส่วนหนึ่งคือการผลักดัน 'Soft Power' ไทย เพิ่มมูลค่าเศรษฐกิจสร้างสรรค์ รัฐบาลเร่งเดินหน้าส่งเสริมอุตสาหกรรมสร้างสรรค์ของไทยใน 15 สาขา คือ 1) งานฝีมือและหัตถกรรม 2) ดนตรี 3) ศิลปะการแสดง 4) ทัศนศิลป์ 5) ภาพยนตร์ 6) การแพร่ภาพและกระจายเสียง 7) การพิมพ์ 8) ซอฟต์แวร์ 9) การโฆษณา 10) การออกแบบ 11) การให้บริการด้านสถาปัตยกรรม 12) แฟชั่น 13) อาหารไทย 14) การแพทย์แผนไทย 15) การท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรม ขณะเดียวกันก็ผลักดันวัฒนธรรมที่มีศักยภาพ 5 F ได้แก่ 1. อาหาร (Food) 2.ภาพยนตร์และวีดิทัศน์ (Film) 3.ผ้าไทยและการออกแบบแฟชั่น (Fashion) 4.มวยไทย (Fighting) และ 5.การอนุรักษ์และขับเคลื่อน เทศกาล ประเพณีสู่ระดับโลก (Festival) เชื่อว่ายังจะเป็นอีกหนึ่งอุตสาหกรรมส่งออกสร้างการเติบโตทางเศรษฐกิจหลังยุคโควิด -19 ที่สำคัญของไทยด้วย

นายธนกร กล่าวว่า พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีซึ่งเป็นผู้กำหนดโมเดล BCG ที่เน้นการพัฒนาเศรษฐกิจด้วย 'ปัญญา" 'สร้างสรรค์' มีความมั่นใจว่า เศรษฐกิจสร้างสรรค์ไทยจะประสบความสำเร็จ เนื่องจากไทยมีจุดเด่นและความพร้อมด้านทุนวัฒนธรรมต่าง ๆ ที่สะสมอยู่เป็นจำนวนมาก ทั้งศิลปหัตถกรรม ประเพณี สถานที่ท่องเที่ยว ชุมชนที่มี 'อัตลักษณ์' ของตนเอง นำมาผนวกกับความคิดสร้างสรรค์และงานฝีมือของคนไทย ก่อให้เกิดมูลค่าเศรษฐกิจได้เป็นอย่างดี ล่าสุด จากกระแสความชื่นชม MV ของศิลปินลิซ่า ที่มีการสอดแทรกงานหัตถศิลป์ และสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญของไทย มียอดผู้ชมกว่า 100 ล้านวิวแล้ว เชี่อว่าจะสร้างความมั่นใจให้กับอุตสาหกรรมบันเทิงและออกแบบแฟชั่นไทย ในการนำทุนทางวัฒนธรรมมาต่อยอด เป็นสินค้า/บริการ สร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจ ซึ่งขณะนี้ ไทยมีตลาดประเทศเพื่อนบ้านและในภูมิภาครองรับอยู่แล้ว

'ท่านนายกรัฐมนตรีชื่นชมความสำเร็จของศิลปินไทย ทุกสาขาศิลปะ ดนตรี ภาพยนต์ ออกแบบดีไซน์ รวมถึงบุคคลที่มีส่วนเกี่ยวข้อง สะท้อนให้เห็นถึงความเอาจริงเอาจัง มุ่งมั่น ทุ่มเทฝึกฝนอย่างหนัก จนประสบความสำเร็จ เชื่อว่าจะช่วยจุดประกาย สร้างแรงบันดาลใจให้กับเยาวชนไทยและผู้อยู่ในอุตสาหกรรมสร้างสรรค์ของไทย ในการนำศิลปวัฒนธรรมไทยมาสร้างสรรค์เป็น soft power เพิ่มมูลค่าทางเศรษฐกิจและให้เป็นที่รู้จักและเผยแพร่ในระดับโลก' นายธนกรฯ กล่าว