• Welcome to ลงประกาศฟรี โพสฟรี โปรโมทเว็บไซด์ให้ติดอันดับ SEO ด้วย PBN.
 

poker online

ปูนปั้น

Menu

Show posts

This section allows you to view all posts made by this member. Note that you can only see posts made in areas you currently have access to.

Show posts Menu

Messages - Jessicas

#8703
กสิกรไทยมองสัปดาห์หน้าเงินบาทเคลื่อนไหวที่ 33.40-34.20 บาทต่อดอลลาร์ บล.กสิกรไทยคาด ดัชนีหุ้นไทยมีแนวรับที่ 1,620 และ 1,600 จุด ขณะที่แนวต้านอยู่ที่ 1,650 และ 1,675 จุด ตามลำดับ

6ปัจจัยต้องติดตาม "สถานการณ์ของบริษัทอสังหาริมทรัพย์จีน- เม็ดเงินลงทุนของนักลงทุนต่างชาติ -สถานการณ์โควิด  -การทยอยประกาศผลประกอบการไตรมาส 3/64 ของบจ. สถานการณ์ราคาพลังงานในตลาดโลก ปัจจัยต่างประเทศอื่นๆ เช่น ข้อมูลเศรษฐกิจจีนเดือนก.ย.และสหรัฐฯ -ผลการประชุมของธนาคารกลางเกาหลีใต้   ผลผลิตภาคอุตสาหกรรมเดือนส.ค. ของญี่ปุ่นและยูโรโซน"

 

ธนาคารกสิกรไทยมองสัปดาห์หน้าระหว่างวันที่ 11-15ตุลาคม 2564 กรอบการเคลื่อนไหวของเงินบาทที่ 33.40-34.20 บาทต่อดอลลาร์ฯ

 

ขณะที่ศูนย์วิจัยกสิกรไทยประเมินปัจจัยสำคัญที่ต้องติดตาม ได้แก่ สถานการณ์ของบริษัทอสังหาริมทรัพย์จีน เม็ดเงินลงทุนของนักลงทุนต่างชาติ และสถานการณ์โควิด ขณะที่ตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่สำคัญ ได้แก่ ตัวเลขการเปิดรับสมัครงานและอัตราการหมุนเวียนของแรงงาน (JOLTS) เดือนส.ค. ดัชนีราคาผู้บริโภค ดัชนีราคาผู้ผลิต ยอดค้าปลีก ดัชนีราคาสินค้านำเข้า/ส่งออกเดือนก.ย. ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค (เบื้องต้น) เดือนต.ค. จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ และบันทึกการประชุมเฟดเมื่อ 21-22 ก.ย. นอกจากนี้ตลาดยังรอติดตามข้อมูลเศรษฐกิจจีนเดือนก.ย. และผลการประชุมของธนาคารกลางเกาหลีใต้ด้วยเช่นกัน  ทั้งนี้  ในวันศุกร์ (8 ต.ค.) เงินบาทอยู่ที่ระดับ 33.85 เทียบกับระดับ 33.63 บาทต่อดอลลาร์ฯ ในวันศุกร์ก่อนหน้า (1 ต.ค.)

 

แนะติดตาม 6ปัจจัยสัปดาห์หน้า ชี้ทิศค่าเงินบาทและดัชนีหุ้นไทย
แนะติดตาม 6ปัจจัยสัปดาห์หน้า ชี้ทิศค่าเงินบาทและดัชนีหุ้นไทย


บริษัทหลักทรัพย์กสิกรไทย จำกัด(บล.)มองว่า ดัชนีหุ้นไทยมีแนวรับที่ 1,620 และ 1,600 จุด ขณะที่แนวต้านอยู่ที่ 1,650 และ 1,675 จุด ตามลำดับ โดยศูนย์วิจัยกสิกรไทยประเมินปัจจัยสำคัญที่ต้องติดตาม ได้แก่ การทยอยประกาศผลประกอบการไตรมาส 3/64 ของบจ. สถานการณ์โควิด ทิศทางเงินลงทุนจากต่างประเทศ และสถานการณ์ราคาพลังงานในตลาดโลก ส่วนข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่สำคัญ ได้แก่ ดัชนีราคาผู้บริโภคและดัชนีราคาผู้ผลิต ยอดค้าปลีก ดัชนีราคานำเข้าและส่งออกเดือนก.ย. รวมถึงบันทึกการประชุมเฟด

ขณะที่ปัจจัยต่างประเทศอื่นๆ ได้แก่ ดัชนีราคาผู้ผลิตเดือนก.ย.ของญี่ปุ่น ผลผลิตภาคอุตสาหกรรมเดือนส.ค. ของญี่ปุ่นและยูโรโซน รวมถึงข้อมูลเศรษฐกิจเดือนก.ย. ของจีน อาทิ ตัวเลขส่งออกและเงินเฟ้อ  สำหรับ ดัชนี SET เมื่อวันที่ 8ต.ค. 2564 ปิดที่ระดับ 1,639.41 จุด เพิ่มขึ้น 2.13% จากสัปดาห์ก่อน ขณะที่มูลค่าการซื้อขายเฉลี่ยต่อวันอยู่ที่ 91,842.36 ล้านบาท ลดลง 7.08% จากสัปดาห์ก่อน ส่วนดัชนี mai เพิ่มขึ้น 3.17% มาปิดที่ 560.62 จุด 
#8704
ติดต่อสอบถาม โทร 0846623662

ไลน์ไอดี  teerapat999

สนใจสั่งซื้อได้ที่   https://bit.ly/3to47cx

#8706
https://www.katobonsai.com/
บอนไซ บอนไซประดิษฐ์ ตกแต่งบ้าน
#8709

"ฝั่งขวาเจ้าพระยา"
"โชกุน"

ในโลกการเงินดิจิทัล คริปโตเคอร์เรนซี (Cryptocurrency) หรือที่รู้จักในชื่อว่าสกุลเงินดิจิทัล ได้รับความสนใจอย่างแพร่หลายว่าจะเป็นสื่อกลางในการแลกเปลี่ยนมูลค่าที่จะมาทดแทนการใช้เงินสดหรือแม้แต่เงินอิเล็กทรอนิกส์ (e-money) ที่เป็นที่นิยมในปัจจุบันได้หรือไม่ และด้วยศักยภาพของเทคโนโลยีการประมวลผลแบบกระจายศูนย์ที่อยู่เบื้องหลังอย่างบล็อกเชน (Blockchain) ที่มีความปลอดภัยและสามารถสร้างความเชื่อมั่นแก่ผู้ใช้งาน ขณะที่เทคโนโลยีดังกล่าวช่วยลดบทบาทตัวกลางอย่างสถาบันการเงิน ที่มีต้นทุนค่าใช้จ่ายในการบริหารจัดการ ธนาคารกลางทั่วโลกจึงหันมาศึกษาความเป็นไปได้ในการนำบล็อกเชนมาใช้เพิ่มประสิทธิภาพของระบบการชำระเงิน และการออกใช้ Central Bank Digital Currency (CBDC) หรือสกุลเงินดิจิทัลที่ออกโดยธนาคารกลาง เพื่อใช้เป็นสื่อกลางในการแลกเปลี่ยนมูลค่าที่จะเป็นตัวแทนของเงินได้จริงๆ

CBDC ถือเป็น "สกุลเงิน" ในรูปแบบดิจิทัลที่ออกโดยธนาคารกลาง ซึ่งมีคุณสมบัติในการเป็นสื่อกลางเพื่อชำระค่าสินค้าและบริการ สามารถรักษามูลค่า และเป็นหน่วยวัดทางบัญชีได้ ซึ่งต่างจากคริปโตเคอร์เรนซีอย่าง Bitcoin Ether หรือ Ripple ที่ออกโดยภาคเอกชน และมีมูลค่าผันผวนจากการใช้เพื่อเก็งกำไร จึงไม่เหมาะสำหรับการนำมาใช้เป็นสื่อกลางในการชำระค่าสินค้าและบริการ

CBDC สามารถแบ่งได้เป็น 2 รูปแบบ ได้แก่ สำหรับการทำธุรกรรมระหว่างสถาบันการเงิน (Wholesale CBDC) และสำหรับธุรกรรมรายย่อยของภาคธุรกิจและประชาชน (Retail CBDC)

นอกจากประเทศจีนที่ประกาศใช้เงินดิจิทัลหยวนสำหรับประชาชนอย่างเป็นทางการไปแล้วเมื่อช่วงต้นปี 2563 ยังมีหลายประเทศที่กำลังเดินหน้าศึกษาและทดลองเรื่องนี้ อาทิ



E-Krona ในสวีเดน ซึ่งเป็นอีกหนึ่งประเทศที่พัฒนา CBDC เป็นประเทศแรกๆเนื่องจากในปี 2018 อัตราการชำระเงินด้วยเงินสดในสวีเดนเหลืออยู่เพียง 13% ซึ่งมูลค่าในตลาด Remittance ของสวีเดนมีมูลค่ามากถึง 16,400 พันล้านดอลลาร์ ซึ่งมากกว่า GDP ในประเทศถึง 3.5 เท่า โครงการเริ่มต้นตั้งแต่ปี 2017 ปัจจุบัน E-Krona มีการทดสอบกับร้านค้าและ End-User เรียบร้อยแล้ว นอกจากนี้ในรายงานระบุว่าผู้ใช้งานสามารถทำ Anonymouse payment ได้หากมีมูลค่าไม่ถึง 250 EURO และรองรับระบบ Offline Payment

ธนาคารฝรั่งเศสประกาศเมื่อเดือนมีนาคม 2020 เกี่ยวกับ CBDC ว่าทดสอบการใช้เงินยูโรดิจิทัล โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อสำรวจการใช้งาน CBDC สำหรับ Tokenized Financial Assets แม้ว่าก่อนหน้านี้ธนาคารแห่งประเทศฝรั่งเศสจะเรียกร้องให้มีการสร้างระบบการชำระราคาแบบบล็อกเชนในยุโรป

แอฟริกาใต้ประกาศพัฒนาสกุลเงินดิจิทัลเมื่อเดือนพฤษภาคมปี 2019 โดยธนาคารกลางแอฟริกาใต้ อ้างถึงคุณสมบัติของ CBDC ที่จะถูกพัฒนาขึ้นว่าจะเป็น Legal tender และจะทำงานร่วมกันกับเงินสดมากกว่าจะมาแทนที่เงินสด และสามารถใช้งานได้โดยไม่ต้องมีบัญชีธนาคาร

ธนาคารกลางอังกฤษยังอยู่ในช่วงพิจารณาการสร้าง CBDC แต่ก็มีเอกสารและการอภิปรายในการศึกษาความเสี่ยงและโอกาสในการพัฒนา เพราะแม้อังกฤษยังมีการใช้เงินสดอยู่มากแต่ก็มีแนวโน้มที่ลดลงจนกระทั่งปี 2018 นั้น อัตราการใช้เงินสดเหลืออยู่เพียง 28% เท่านั้น

ล่าสุด สหรัฐฯ ก็ได้ประกาศโครงการ Digital Dollar ก่อตั้งขึ้นโดยอดีตผู้นำของคณะกรรมการการ Commodity Futures Trading Commission (CFTC) และ Accenture โดยกล่าวว่าจะสร้างให้เสร็จใน 5-10 ปี

ในส่วนของประเทศไทยนั้น ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ร่วมกับธนาคารพาณิชย์ 8 แห่งได้ริเริ่ม "โครงการอินทนนท์" ตั้งแต่ปี 2560 เพื่อศึกษาประสิทธิภาพและความเป็นไปได้ของการใช้ CBDC ในภาคสถาบันการเงิน รวมถึงมีการทดลองการโอนเงินข้ามประเทศร่วมกับธนาคารกลางฮ่องกง ซึ่งผลการทดสอบและองค์ความรู้ในการทำโครงการฯ เป็นประโยชน์อย่างมากต่อการพัฒนาเงินสกุลดิจิทัลของไทยในอนาคตที่ต้องให้ความสำคัญต่อเสถียรภาพการเงินและการสร้างนวัตกรรมที่สนับสนุนภาคธุรกิจเอกชน

หลายคนคงจำได้ถึงการเปิดตัว Libra ของเฟซบุ๊กเมื่อกลางปี 2562 ที่ทำให้ธนาคารกลางทั่วโลกตื่นตัวยิ่งขึ้นและเริ่มให้ความสนใจกับการพัฒนา CBDC สำหรับรายย่อยมากขึ้น โดย ธปท.อยู่ระหว่างศึกษา ออกแบบ และพัฒนาระบบต้นแบบ CBDC ร่วมกับภาคธุรกิจเอกชน ซึ่งเป็นโครงการต่อยอดการพัฒนาจากโครงการอินทนนท์ เพื่อศึกษารูปแบบ ผลกระทบ และข้อจำกัดในการนำ CBDC ไปใช้ในภาคเอกชน โดยเริ่มจากการเชื่อมต่อระบบการบริหารการจัดซื้อและการชำระเงินระหว่างบริษัท ปูนซิเมนต์ไทย จำกัด (มหาชน) กับคู่ค้าในห่วงโซ่อุปทาน โดยมีบริษัท ดิจิทัล เวนเจอร์ส จำกัด ซึ่งเป็นผู้พัฒนาระบบดังกล่าวร่วมทดสอบ

อย่างไรก็ดี การนำระบบต้นแบบมาปรับใช้จริงในวงกว้างนั้น จำเป็นต้องใช้เวลาศึกษาและพิจารณาผลกระทบในมิติอื่นๆ อย่างรอบคอบ ไม่ว่าจะเป็นข้อกฎหมายเสถียรภาพของระบบความปลอดภัยในการใช้งาน และความพร้อมด้านเทคโนโลยีของผู้ใช้ เป็นต้น

การพัฒนาเงินดิจิทัลสำหรับประชาชนถือว่าเป็นเรื่องใหญ่และต้องพิจารณาให้รอบด้าน ซึ่งยากที่จะสามารถตอบได้ว่าเมื่อใดเราจะมี CBDC ใช้ เพราะความพร้อมอาจไม่ขึ้นอยู่กับ ธปท. เพียงฝ่ายเดียว แต่ต้องไปทั้งองคาพยพ ในด้านความพร้อมของภาครัฐและภาคธุรกิจเอกชน รวมถึงมาตรการความปลอดภัยต่างๆ เพื่อให้ประชาชนมั่นใจในเสถียรภาพระบบการเงิน ซึ่งเป็นหัวใจหลักของการทำหน้าที่ของธนาคารกลาง

(ที่มา: วารสาร BOT Magazine ฉบับที่ 4/2563)
#8711
ธนาคารทิสโก้ รุกตลาดประกันบำนาญ รับเทรนด์ผู้สูงอายุ ส่ง 'My Wish Retirement' ประกันบำนาญตัวท็อป คุ้มครองยาวนานถึงอายุ 99 ปี รับเงินบำนาญสุดปัง 24% ต่อปี

นางกุสุมา ประถมศรีเมฆ ผู้อำนวยการสายประกันภัยธนกิจ ธนาคาร ทิสโก้ จำกัด (มหาชน)เปิดเผยว่า ธนาคารได้เปิดตัวประกันบำนาญ 'My Wish Retirement' เพื่อช่วยลูกค้าวางแผนการเงินให้มีรายรับที่มั่นคง แน่นอนและเพียงพอต่อการใช้ชีวิตภายหลังเกษียณอายุ ตามสังคมไทยที่เข้าสู่สังคมสูงอายุในปี 2564 โดยมีความโดดเด่นที่ลูกค้าสามารถเลือกรับเงินบำนาญรายปีสูงถึง 24% ของจำนวนเงินเอาประกันภัย หรือรายเดือน เดือนละ 2.025% ของจำนวนเงินเอาประกันภัย และให้ความคุ้มครองยาวนานถึง 99 ปี โดยไม่ต้องตรวจหรือตอบคำถามสุขภาพ

  นางกุสุมา ประถมศรีเมฆ ผู้อำนวยการสายประกันภัยธนกิจ ธนาคา รทิสโก้ จำกัด (มหาชน)
นางกุสุมา ประถมศรีเมฆ ผู้อำนวยการสายประกันภัยธนกิจ ธนาคา รทิสโก้ จำกัด (มหาชน)

 

ประกันบำนาญ 'My Wish Retirement' รับประกันโดยบริษัท กรุงเทพประกันชีวิต จํากัด (มหาชน) สมัครได้ตั้งแต่อายุ 20 - 55 ปี สามารถเลือกระยะเวลาชำระเบี้ยได้ทั้งแบบ 5 ปี 10 ปี หรือชำระถึงอายุ 60 ปี โดยผลประโยชน์ไม่ต่ำกว่าเบี้ยประกันที่จ่ายมาตลอดสัญญา เบี้ยประกันภัยเริ่มต้นเพียง 500 บาทต่อเดือน จำนวนเงินเอาประกันภัยขั้นต่ำ  50,000 บาทต่อปี ไม่จำกัดจำนวนเงินรับประกันภัยสูงสุด สามารถนำค่าเบี้ยประกันภัยไปหักลดหย่อนภาษีได้สูงสุดถึง 300,000 บาท ตามเกณฑ์ที่กรมสรรพากรกำหนด

 


ทั้งนี้ หากผู้เอาประกันภัยเสียชีวิตก่อนวันครบรอบปีกรมธรรม์ที่ผู้เอาประกันภัยมีอายุครบ 60 ปี ผู้รับประโยชน์หรือทายาทรับเงิน 105% ของเบี้ยประกันภัยสะสมตามจริงหรือมูลค่าเวนคืนกรมธรรม์แล้วแต่จำนวนใดจะมากกว่า และหากเสียชีวิตในระหว่างรับเงินบำนาญก่อนวันครบรอบปี กรมธรรม์ที่ผู้เอาประกันภัยมีอายุครบ 99 ปี ผู้รับประโยชน์หรือทายาทรับเงินเท่ากับเบี้ยประกันภัยสะสมตามจริง หักด้วยผลประโยชน์สะสมที่ผู้เอาประกันภัยรับไปแล้ว และหากซื้อประกัน 'My Wish Retirement' ผ่านธนาคาร ทิสโก้ ในกรณีการเสียชีวิตจากอุบัติเหตุรับผลประโยชน์เพิ่มเติม 100,000 บาท 

 

"ในไตรมาส 4 ธนาคารจะทยอยเปิดตัวประกันบำนาญตัวท็อป ที่มุ่งเน้นสร้างผลประโยชน์รับกับสังคมสูงอายุของไทย โดยในปี 2564 อายุขัยเฉลี่ยของคนไทยอยู่ที่ 75.3 ปี ซึ่งค่าเฉลี่ยเพิ่มขึ้น 4.4 เดือนต่อปี และมีความเป็นไปได้ว่าคนไทยที่เกิดในปีตั้งแต่ 2559 จะมีอายุขัยเฉลี่ยถึง 100 ปี"

ดังนั้น จึงมีโอกาสเสี่ยงที่ต้องแบกรับค่าใช้จ่ายไม่ว่าจะเป็นค่าใช้จ่ายในชีวิตประจำวันหลังการเกษียณที่มีความสำคัญไม่แพ้ค่าใช้จ่ายด้านสุขภาพ และต้องยอมรับว่าคนไทยส่วนใหญ่มีเงินไม่เพียงพอต่อภาระค่าใช้จ่ายหลังการเกษียณจนกลายเป็นภาระของลูกหลาน หรือไม่ก็ยังต้องทำงานหนักต่อไป หรือแม้จะเร่งลงทุนหลังเกษียณก็ทำได้ยาก เนื่องจากไม่สามารถลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยงสูงเพื่อให้มีโอกาสรับผลตอบแทนที่สูงขึ้นได้

 

"ประกันบำนาญจึงถือเป็นเครื่องมือสำคัญที่จะสร้างประโยชน์ในระหว่างที่ลูกค้ามีชีวิตอยู่ ทำให้มีรายรับที่สม่ำเสมอ แน่นอนและมั่นคง และคาดว่าจะกลายเป็นเมกะเทรนด์ในการวางแผนเกษียณอายุของคนไทยในอนาคต"นางกุสุมากล่าว
#8713
ติดต่อสอบถาม โทร 0846623662

ไลน์ไอดี  teerapat999

สนใจสั่งซื้อได้ที่   https://bit.ly/3to47cx

#8714
https://www.katobonsai.com/
บอนไซ บอนไซประดิษฐ์ ตกแต่งบ้าน