• Welcome to ลงประกาศฟรี โพสฟรี โปรโมทเว็บไซด์ให้ติดอันดับ SEO ด้วย PBN.
 

poker online

ปูนปั้น

Menu

Show posts

This section allows you to view all posts made by this member. Note that you can only see posts made in areas you currently have access to.

Show posts Menu

Messages - MhooDang

#1
ขณะที่รถยนต์ไฟฟ้ากำลังได้รับความนิยมมากขึ้น การศึกษาเกี่ยวกับประกันรถยนต์ไฟฟ้าจึงเป็นสิ่งจำเป็น

ความพิเศษของประกันรถไฟฟ้า
ยานยนต์ไฟฟ้ามีความพิเศษจากรถยนต์ทั่วไป จึงต้องการการปกป้องที่เฉพาะเจาะจง โดยเฉพาะในส่วนของชิ้นส่วนสำคัญ

ความคุ้มครองหลัก
ประกันรถยนต์ไฟฟ้าให้ความคุ้มครอง:
- ความเสียหายต่อตัวรถ
- ชุดแบตเตอรี่
- ระบบชาร์จ
- การคุ้มครองบุคคลที่สาม

บริการพิเศษ
ผู้ให้บริการประกันมักมีการบริการพิเศษ:
- ความช่วยเหลือตลอด 24 ชม.
- ความช่วยเหลือด้านพลังงาน
- สถานที่ซ่อมบำรุงที่มีประสบการณ์

ปัจจัยที่มีผลต่อเบี้ยประกัน
ค่าใช้จ่ายในการทำประกันจะผันแปรตาม:
- ราคาของรถ
- อายุการใช้งานของรถ
- ประวัติการขับขี่
- รุ่นและยี่ห้อของรถ

ข้อแนะนำในการเลือกประกัน
เมื่อเลือกทำประกัน ควร:
- ศึกษาแผนประกันจากหลายบริษัท
- ประเมินเงื่อนไขความคุ้มครอง
- ศึกษาเครือข่ายศูนย์บริการ
- ประเมินความคุ้มค่าของแผนประกัน

สรุป
การทำประกันรถยนต์ไฟฟ้าเป็นการตัดสินใจที่มีความหมาย ผู้ใช้รถควรศึกษาข้อมูลอย่างละเอียดเพื่อพิจารณาแผนประกันที่เหมาะสมที่สุด
#2
ทำไมต้องเลือกทาวน์โฮมใกล้รถไฟฟ้า
การเดินทางที่สะดวกเป็นจุดพิจารณาหลักในการเลือกที่อยู่อาศัย ทาวน์โฮมใกล้รถไฟฟ้าจึงเป็นตัวเลือกที่ดี

ทำเลยอดนิยม
1. ทำเลติดรถไฟฟ้า BTS
- บางนา
- แบริ่ง-สำโรง
- เพชรเกษม

2. ทำเลติดรถไฟฟ้าใต้ดิน
- รัชดาภิเษก
- บางซื่อ-เตาปูน
- พระราม 9-รามคำแหง

ข้อดีของทาวน์โฮมใกล้รถไฟฟ้า
1. ความสะดวกในการเดินทาง
- เดินทางรวดเร็ว
- หลีกเลี่ยงรถติด
- เดินทางได้หลากหลาย

2. การลงทุน
- ศักยภาพการเติบโต
- ความต้องการสูง
- ทำเลมีศักยภาพ

สิ่งที่ต้องพิจารณา
1. มูลค่า
- ราคาที่ดินสูง
- ภาระผ่อนชำระ
- ค่าบำรุงรักษา

2. ระยะทางถึงรถไฟฟ้า
- ระยะทางที่เดินได้
- บริการรถรับส่ง
- ความสะดวกในการเดินทาง

3. สภาพแวดล้อม
- ความแออัด
- มลภาวะ
- ความเป็นส่วนตัว

ข้อแนะนำในการเลือกซื้อ
1. ตรวจสอบโครงการ
- ชื่อเสียงผู้พัฒนา
- วัสดุที่ใช้
- การดูแลโครงการ

2. เลือกโลเคชั่น
- โครงการพัฒนา
- สิ่งอำนวยความสะดวก
- ระบบรักษาความปลอดภัย


ทาวน์โฮมใกล้รถไฟฟ้าเป็นทางเลือกที่น่าสนใจสำหรับผู้ที่ต้องการที่อยู่อาศัยที่เหมาะกับไลฟ์สไตล์ในเมือง แต่ควรศึกษาปัจจัยต่างๆ อย่างรอบคอบก่อนเลือกซื้อ

Tags : ทาวน์โฮม ใกล้ BTS
#3
การต่อ พ.ร.บ. รถยนต์เป็นสิ่งที่เจ้าของรถทุกคนต้องดำเนินการทุกปี เพื่อให้เป็นไปตามกฎหมายและได้รับความคุ้มครองตามพระราชบัญญัติคุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถ โดยมีรายละเอียดสำคัญดังนี้

ค่าใช้จ่ายในการต่อ พ.ร.บ. รถยนต์
1. รถยนต์นั่งส่วนบุคคลไม่เกิน 7 ที่นั่ง: ประมาณ 600-645 บาท
2. รถยนต์นั่งเกิน 7 ที่นั่ง: ประมาณ 900-1,000 บาท
3. รถยนต์บรรทุก: ประมาณ 900-2,000 บาท (ขึ้นอยู่กับน้ำหนักบรรทุก)
4. รถจักรยานยนต์: ประมาณ 320-350 บาท

การต่อ พ.ร.บ. รถยนต์ออนไลน์
ปัจจุบันสามารถต่อ พ.ร.บ. ได้หลายช่องทางออนไลน์ เช่น:
1. เว็บไซต์บริษัทประกันภัยโดยตรง
2. แอปพลิเคชันของบริษัทประกันภัย
3. เว็บไซต์ตัวแทนจำหน่ายที่ได้รับอนุญาต
4. แอปพลิเคชันธนาคาร

ข้อดีของการต่อ พ.ร.บ. ออนไลน์:
- ประหยัดเวลา ไม่ต้องเดินทาง
- สามารถเปรียบเทียบราคาได้ง่าย
- ชำระเงินได้หลากหลายช่องทาง
- ได้รับเอกสารทางอีเมลทันที

เอกสารที่ต้องใช้ในการต่อ พ.ร.บ. รถยนต์
1. สำเนาบัตรประชาชนของเจ้าของรถ
2. สำเนาทะเบียนรถ
3. พ.ร.บ. เดิมที่หมดอายุ (ถ้ามี)
4. เอกสารการโอนกรรมสิทธิ์ (กรณีซื้อรถมือสอง)

ขั้นตอนการต่อ พ.ร.บ. ออนไลน์
1. เข้าสู่เว็บไซต์หรือแอปพลิเคชันที่ให้บริการ
2. กรอกข้อมูลรถยนต์และข้อมูลส่วนตัว
3. เลือกแผนประกันและระยะเวลาคุ้มครอง
4. อัพโหลดเอกสารที่จำเป็น
5. ชำระเงินผ่านช่องทางที่สะดวก
6. รับกรมธรรม์ทางอีเมล

ข้อควรระวังในการต่อ พ.ร.บ.
1. ตรวจสอบความถูกต้องของข้อมูลรถยนต์
2. เลือกซื้อจากบริษัทประกันที่น่าเชื่อถือ
3. เก็บหลักฐานการชำระเงินไว้
4. ตรวจสอบวันหมดอายุของ พ.ร.บ. เดิม
5. พกพา พ.ร.บ. ติดรถเสมอ

บทลงโทษหากไม่มี พ.ร.บ.
- ปรับไม่เกิน 10,000 บาท
- อาจถูกยึดป้ายทะเบียน
- ไม่ได้รับความคุ้มครองตามกฎหมาย

ความคุ้มครองของ พ.ร.บ.
1. ค่ารักษาพยาบาลผู้ประสบภัย: สูงสุด 80,000 บาทต่อคน
2. ค่าชดเชยกรณีทุพพลภาพถาวร: 300,000 บาท
3. ค่าชดเชยกรณีเสียชีวิต: 300,000 บาท
4. ค่าปลงศพ: 50,000 บาท

การต่อ พ.ร.บ. รถยนต์เป็นสิ่งสำคัญที่เจ้าของรถต้องดำเนินการเพื่อปฏิบัติตามกฎหมายและได้รับความคุ้มครองที่เหมาะสม การต่อ พ.ร.บ. ออนไลน์ช่วยให้กระบวนการสะดวกและรวดเร็วขึ้น แต่ต้องระมัดระวังในการตรวจสอบข้อมูลและเลือกบริษัทประกันที่น่าเชื่อถือ เพื่อความปลอดภัยและความคุ้มครองที่ครบถ้วน
Tags : พรบรถยนต์
#4
มอเตอร์ไซค์ทะเบียนขาดเกิน 3 ปี ต่อกี่บาท?
การต่อทะเบียนมอเตอร์ไซค์ที่ขาดเกิน 3 ปีจะมีค่าใช้จ่ายดังนี้:
1. ค่าภาษีประจำปี: ขึ้นอยู่กับขนาดเครื่องยนต์ (ประมาณ 100-300 บาท/ปี)
2. ค่าปรับ: 1 เท่าของภาษีประจำปี (สูงสุดไม่เกิน 2,000 บาท)
3. ค่า พ.ร.บ.: ประมาณ 300-400 บาท
4. ค่าธรรมเนียมอื่นๆ: ประมาณ 50-100 บาท

รวมแล้วอาจอยู่ที่ประมาณ 1,500-3,000 บาท ขึ้นอยู่กับขนาดเครื่องยนต์และระยะเวลาที่ขาดต่อ

 มอเตอร์ไซค์ทะเบียนขาดเกิน 3 ปี ต่อที่ไหน?
สามารถต่อได้ที่:
1. สำนักงานขนส่งจังหวัดในพื้นที่ที่จดทะเบียนรถ
2. สาขาของสำนักงานขนส่งในเขตพื้นที่
3. จุดบริการ Drive Thru ของกรมการขนส่งทางบก (บางพื้นที่)

**หมายเหตุ:** สำหรับรถที่ขาดต่อเกิน 3 ปี อาจต้องนำรถไปตรวจสภาพด้วย

 ต่อภาษี พ.ร.บ. มอเตอร์ไซค์ ราคาเท่าไหร่?
ราคาการต่อภาษีและ พ.ร.บ. มอเตอร์ไซค์โดยประมาณ:
1. ภาษีประจำปี:
  - รถจักรยานยนต์ไม่เกิน 125 cc: 100 บาท
  - รถจักรยานยนต์ 126-250 cc: 150 บาท
  - รถจักรยานยนต์ 251-500 cc: 200 บาท
  - รถจักรยานยนต์ 501-750 cc: 250 บาท
  - รถจักรยานยนต์ 751 cc ขึ้นไป: 300 บาท
2. ค่า พ.ร.บ.: ประมาณ 300-400 บาท (ขึ้นอยู่กับบริษัทประกัน)
3. ค่าธรรมเนียมอื่นๆ: ประมาณ 50-100 บาท

รวมแล้วประมาณ 450-800 บาท ขึ้นอยู่กับขนาดเครื่องยนต์

 มอเตอร์ไซค์ขาดต่อทะเบียน 2 ปี ต้องทำอย่างไร?
สำหรับมอเตอร์ไซค์ที่ขาดต่อทะเบียน 2 ปี:
1. เตรียมเอกสาร: บัตรประชาชน, สำเนาทะเบียนบ้าน, เล่มทะเบียนรถ
2. ไปที่สำนักงานขนส่งในพื้นที่
3. จ่ายค่าภาษีย้อนหลัง 2 ปี พร้อมค่าปรับ
4. ทำ พ.ร.บ. ใหม่
5. รับใบเสร็จและสติ๊กเกอร์ใหม่

**หมายเหตุ:** อาจไม่จำเป็นต้องนำรถไปตรวจสภาพ เนื่องจากขาดไม่เกิน 3 ปี

 มอเตอร์ไซค์ภาษีขาด ควรทำอย่างไร?
1. รีบดำเนินการต่อภาษีโดยเร็วที่สุดเพื่อหลีกเลี่ยงค่าปรับที่จะเพิ่มขึ้น
2. เตรียมเอกสาร: บัตรประชาชน, สำเนาทะเบียนบ้าน, เล่มทะเบียนรถ
3. ไปที่สำนักงานขนส่งหรือจุดบริการ
4. จ่ายค่าภาษีพร้อมค่าปรับ (ถ้ามี)
5. ทำ พ.ร.บ. ใหม่ (ถ้าหมดอายุ)
6. รับใบเสร็จและสติ๊กเกอร์ใหม่

**ข้อควรระวัง:** การขับขี่รถที่ภาษีขาดอาจมีโทษปรับสูงถึง 2,000 บาท หากถูกตรวจพบ

การต่อทะเบียนและภาษีมอเตอร์ไซค์เป็นหน้าที่สำคัญของเจ้าของรถ ควรดำเนินการให้ตรงเวลาเพื่อหลีกเลี่ยงค่าปรับและปัญหาทางกฎหมาย หากมีข้อสงสัยเพิ่มเติม สามารถสอบถามได้ที่สำนักงานขนส่งในพื้นที่หรือสายด่วนกรมการขนส่งทางบก 1584

Tags : มอเตอร์ไซค์ ภาษีขาด
#5
การต่อ พ.ร.บ. รถยนต์เป็นสิ่งที่เจ้าของรถทุกคนต้องดำเนินการทุกปี เพื่อให้เป็นไปตามกฎหมายและได้รับความคุ้มครองตามพระราชบัญญัติคุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถ โดยมีรายละเอียดสำคัญดังนี้

ค่าใช้จ่ายในการต่อ พ.ร.บ. รถยนต์
1. รถยนต์นั่งส่วนบุคคลไม่เกิน 7 ที่นั่ง: ประมาณ 600-645 บาท
2. รถยนต์นั่งเกิน 7 ที่นั่ง: ประมาณ 900-1,000 บาท
3. รถยนต์บรรทุก: ประมาณ 900-2,000 บาท (ขึ้นอยู่กับน้ำหนักบรรทุก)
4. รถจักรยานยนต์: ประมาณ 320-350 บาท

การต่อ พ.ร.บ. รถยนต์ออนไลน์
ปัจจุบันสามารถต่อ พ.ร.บ. ได้หลายช่องทางออนไลน์ เช่น:
1. เว็บไซต์บริษัทประกันภัยโดยตรง
2. แอปพลิเคชันของบริษัทประกันภัย
3. เว็บไซต์ตัวแทนจำหน่ายที่ได้รับอนุญาต
4. แอปพลิเคชันธนาคาร

ข้อดีของการต่อ พ.ร.บ. ออนไลน์:
- ประหยัดเวลา ไม่ต้องเดินทาง
- สามารถเปรียบเทียบราคาได้ง่าย
- ชำระเงินได้หลากหลายช่องทาง
- ได้รับเอกสารทางอีเมลทันที

เอกสารที่ต้องใช้ในการต่อ พ.ร.บ. รถยนต์
1. สำเนาบัตรประชาชนของเจ้าของรถ
2. สำเนาทะเบียนรถ
3. พ.ร.บ. เดิมที่หมดอายุ (ถ้ามี)
4. เอกสารการโอนกรรมสิทธิ์ (กรณีซื้อรถมือสอง)

ขั้นตอนการต่อ พ.ร.บ. ออนไลน์
1. เข้าสู่เว็บไซต์หรือแอปพลิเคชันที่ให้บริการ
2. กรอกข้อมูลรถยนต์และข้อมูลส่วนตัว
3. เลือกแผนประกันและระยะเวลาคุ้มครอง
4. อัพโหลดเอกสารที่จำเป็น
5. ชำระเงินผ่านช่องทางที่สะดวก
6. รับกรมธรรม์ทางอีเมล

ข้อควรระวังในการต่อ พ.ร.บ.
1. ตรวจสอบความถูกต้องของข้อมูลรถยนต์
2. เลือกซื้อจากบริษัทประกันที่น่าเชื่อถือ
3. เก็บหลักฐานการชำระเงินไว้
4. ตรวจสอบวันหมดอายุของ พ.ร.บ. เดิม
5. พกพา พ.ร.บ. ติดรถเสมอ

บทลงโทษหากไม่มี พ.ร.บ.
- ปรับไม่เกิน 10,000 บาท
- อาจถูกยึดป้ายทะเบียน
- ไม่ได้รับความคุ้มครองตามกฎหมาย

ความคุ้มครองของ พ.ร.บ.
1. ค่ารักษาพยาบาลผู้ประสบภัย: สูงสุด 80,000 บาทต่อคน
2. ค่าชดเชยกรณีทุพพลภาพถาวร: 300,000 บาท
3. ค่าชดเชยกรณีเสียชีวิต: 300,000 บาท
4. ค่าปลงศพ: 50,000 บาท

การต่อ พ.ร.บ. รถยนต์เป็นสิ่งสำคัญที่เจ้าของรถต้องดำเนินการเพื่อปฏิบัติตามกฎหมายและได้รับความคุ้มครองที่เหมาะสม การต่อ พ.ร.บ. ออนไลน์ช่วยให้กระบวนการสะดวกและรวดเร็วขึ้น แต่ต้องระมัดระวังในการตรวจสอบข้อมูลและเลือกบริษัทประกันที่น่าเชื่อถือ เพื่อความปลอดภัยและความคุ้มครองที่ครบถ้วน
Tags : พรบรถยนต์
#6
ประกันรถยนต์ 2+ คืออะไร?

ประกันรถยนต์ 2+ หรือที่เรียกอีกชื่อว่า ประกันรถยนต์ชั้น 2 พลัส เป็นประกันภัยรถยนต์ที่ให้ความคุ้มครองรองจากประกันชั้น 1 แต่มีความคุ้มครองมากกว่าประกันชั้น 2 ทั่วไป โดยเป็นทางเลือกที่เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการความคุ้มครองที่ครอบคลุมในราคาที่ประหยัดกว่าประกันชั้น 1

ความคุ้มครองของประกันรถยนต์ 2+ มีอะไรบ้าง

1. ความคุ้มครองต่อตัวรถยนต์
  - คุ้มครองกรณีรถยนต์สูญหาย/ไฟไหม้
  - คุ้มครองกรณีรถชนคู่กรณีที่เป็นยานพาหนะทางบก
  - ไม่คุ้มครองกรณีรถชนวัตถุอื่นๆ เช่น เสาไฟฟ้า ต้นไม้

2. ความคุ้มครองต่อบุคคลภายนอก
  - ความเสียหายต่อชีวิต ร่างกาย หรืออนามัย
  - ความเสียหายต่อทรัพย์สิน
  - ค่าเสียหายส่วนแรก (กรณีเป็นฝ่ายผิด)

ราคาประกันรถยนต์ 2+

ราคาประกันรถยนต์ 2+ จะแตกต่างกันไปตามปัจจัยต่างๆ ดังนี้:
- อายุรถยนต์
- ยี่ห้อและรุ่นของรถ
- ทุนประกันที่เลือก
- บริษัทประกันภัยที่เลือกทำ
โดยทั่วไปราคาจะอยู่ที่ประมาณ 8,000 - 15,000 บาทต่อปี

ข้อดีของประกันรถยนต์ 2+

1. ค่าเบี้ยประกันถูกกว่าประกันชั้น 1
2. ให้ความคุ้มครองที่ครอบคลุมมากกว่าประกันชั้น 2
3. เหมาะสำหรับรถที่มีอายุการใช้งาน 3-7 ปี
4. มีบริการช่วยเหลือฉุกเฉิน 24 ชั่วโมง

ข้อควรพิจารณาก่อนทำประกันรถยนต์ 2+

1. ตรวจสอบเงื่อนไขความคุ้มครองให้ละเอียด
2. เปรียบเทียบราคาและความคุ้มครองจากหลายบริษัท
3. พิจารณาทุนประกันให้เหมาะสมกับมูลค่ารถ
4. ตรวจสอบวงเงินความคุ้มครองบุคคลภายนอก
5. ศึกษาเงื่อนไขการเรียกร้องค่าสินไหมทดแทน

 
ประกันรถยนต์ 2+ เป็นทางเลือกที่น่าสนใจสำหรับผู้ที่ต้องการความคุ้มครองที่ครอบคลุมในราคาที่เหมาะสม แม้จะไม่ครอบคลุมเท่าประกันชั้น 1 แต่ก็ให้ความคุ้มครองที่จำเป็นสำหรับการใช้รถยนต์ในชีวิตประจำวัน การเลือกทำประกันประเภทนี้จึงเป็นการตัดสินใจที่สมเหตุสมผลสำหรับรถยนต์ที่มีอายุการใช้งานพอสมควร
Tags : ประกันรถยนต์ ชั้น 2
#7
ประวัติ XSR Series ความดุดันและโมเดิร์นที่ผสมผสานกันอย่างลงตัวในโลกของรถมอเตอร์ไซค์

รถมอเตอร์ไซค์ XSR Series จากยามาฮ่าเป็นตัวอย่างที่ยอดเยี่ยมของการผสมผสานระหว่างความคลาสสิก ความดุดันและความทันสมัยในวงการยานยนต์สองล้อ ซีรีส์นี้ได้รับการออกแบบมาเพื่อตอบสนองความต้องการของผู้ขับขี่ที่ชื่นชอบรูปลักษณ์ที่ดูคลาสสิกแต่ยังคงต้องการประสิทธิภาพและเทคโนโลยีสมัยใหม่

ความเป็นมาของ XSR Series

XSR Series เป็นส่วนหนึ่งของกลุ่มรถมอเตอร์ไซค์ Sport Heritage ของยามาฮ่า ซึ่งมีจุดมุ่งหมายในการนำเสนอรถมอเตอร์ไซค์ที่มีรูปลักษณ์คลาสสิกแต่ซ่อนเทคโนโลยีทันสมัยไว้ภายใน แนวคิดนี้เริ่มต้นขึ้นเมื่อยามาฮ่าตระหนักถึงความต้องการของตลาดสำหรับรถมอเตอร์ไซค์ที่มีเสน่ห์แบบย้อนยุคแต่ยังคงมีสมรรถนะสูงและความปลอดภัยตามมาตรฐานปัจจุบัน

การออกแบบที่เป็นเอกลักษณ์ของรถมอเตอร์ไซค์ XSR Series

รถมอเตอร์ไซค์ XSR Series โดดเด่นด้วยการออกแบบที่ได้แรงบันดาลใจจากรถมอเตอร์ไซค์คลาสสิกในอดีต แต่ได้รับการปรับปรุงให้มีความทันสมัยมากขึ้น โดยมีจุดเด่นของซีรีส์นี้ ได้แก่

ตัวถังน้ำมันทรงกลมที่เป็นเอกลักษณ์
เบาะนั่งแบบแบนยาว
ไฟหน้าทรงกลมแบบคลาสสิก
แฮนด์บาร์แบบเปลือยที่ให้ท่าทางการขับขี่แบบตรง
ล้อซี่ลวดที่ให้ความรู้สึกย้อนยุค

แม้จะมีรูปลักษณ์ภายนอกที่ดูคลาสสิก แต่ภายในรถมอเตอร์ไซค์ XSR Series กลับเต็มไปด้วยเทคโนโลยีล้ำสมัย ทำให้เป็นตัวเลือกที่ลงตัวสำหรับผู้ที่ชื่นชอบรถมอเตอร์ไซค์สไตล์วินเทจแต่มียังคงประสิทธิภาพและความสะดวกสบายของเทคโนโลยีสมัยใหม่ไว้อยู่

เทคโนโลยีที่อยู่ภายในรถมอเตอร์ไซค์ XSR Series

รถมอเตอร์ไซค์ XSR Series ไม่ได้เป็นเพียงแค่รถที่มีเพียงความสวยงามเท่านั้น แต่ยังมาพร้อมกับเทคโนโลยีที่ทันสมัยอีกหลายอย่างดังนี้

เครื่องยนต์ประสิทธิภาพสูงXSR Series ใช้เครื่องยนต์เฉพาะในยามาฮ่าที่มีประสิทธิภาพสูง ให้กำลังและแรงบิดที่ยอดเยี่ยม ตอบสนองการขับขี่ได้อย่างดีเยี่ยม
ระบบเบรก ABS ที่ช่วยป้องกันล้อล็อคในสถานการณ์ฉุกเฉินที่มีประสิทธิภาพและความปลอดภัยสูง
ระบบจ่ายน้ำมันแบบหัวฉีด ช่วยให้การเผาไหม้มีประสิทธิภาพสูง ประหยัดน้ำมันได้มากขึ้น และลดมลพิษ
ระบบกันสะเทือนปรับแต่งได้ ช่วยให้ผู้ขับขี่สามารถปรับแต่งการขับขี่ให้เหมาะกับสไตล์และสภาพถนนที่แตกต่างกัน
ไฟ LED รูปทรงคลาสสิก ไฟหน้าและไฟท้ายของ XSR Series ใช้เทคโนโลยี LED ที่ให้ความสว่างสูงและประหยัดพลังงาน
จอแสดงผลแบบดิจิทัล ซ่อนอยู่อย่างแนบเนียนในมาตรวัดแบบอนาล็อก ให้ข้อมูลที่จำเป็นแก่ผู้ขับขี่ได้อย่างชัดเจน ครบทุกฟังก์ชั่น

รถมอเตอร์ไซค์ XSR Series ทุกรุ่น

XSR Series มีหลายรุ่นให้เลือก แต่ละรุ่นมีเอกลักษณ์และจุดเด่นเฉพาะตัวดังนี้

XSR 900 รถมอเตอร์ไซค์ขนาดกลางที่ใช้เครื่องยนต์ 3 สูบ ขนาด 890 ซีซี ให้สมรรถนะสูงและการตอบสนองที่ฉับไว เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการรถที่มีพละกำลังมากแต่ยังคงความคล่องตัว
XSR 700 รุ่นน้องของ XSR900 ใช้เครื่องยนต์ 2 สูบ ขนาด 689 ซีซี เหมาะสำหรับผู้ขับขี่ที่ต้องการรถที่ควบคุมง่าย มีน้ำหนักเบา และประหยัดน้ำมัน
XSR 155 รุ่นเล็กสุดในตระกูล เหมาะสำหรับผู้เริ่มต้นหรือผู้ที่ต้องการรถมอเตอร์ไซค์สไตล์คลาสสิกขนาดเล็กสำหรับการเดินทางในเมือง

รถจักรยานยนต์ เฮอริเทจ XSR Series จากยามาฮ่า เรียกได้ว่าเป็นอีกหนึ่งรถมอเตอร์ไซค์ที่นิยมอย่างมากในตลาดรถนี้ ด้วยความที่มีเอกลักษณ์ และจุดเด่นมากมายไม่ว่าจะเป็นเรื่องของดีไซน์ที่ดูเท่ ดุดัน แต่ก็มีความเป็นวินเทจร่วมอยู่ด้วย หรือในมุมของประสิทธิภาพที่เป็นจุดเด่นของรถรุ่นนี้โดยเฉพาะ หากเพื่อนๆสนใจรถรุ่นนี้สามารถเข้าไปดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ kodyod.com