• Welcome to ลงประกาศฟรี โพสฟรี โปรโมทเว็บไซด์ให้ติดอันดับ SEO ด้วย PBN.
 

poker online

ปูนปั้น

Menu

Show posts

This section allows you to view all posts made by this member. Note that you can only see posts made in areas you currently have access to.

Show posts Menu

Topics - Hanako5

#3441
ซิกส์ทีม (SIXTEEM) เป็นแบรนด์ผู้ผลิตเครื่องสำอางบำรุงผิว ที่มีแนวคิดแรกเริ่มจากการนำข้าวไทยมาเป็นวัตถุดิบส่วนผสมในผลิตภัณฑ์ โดยคุณพัทธนันท์ เศรษฐภูวนันท์ ผู้จัดตั้ง ห้างหุ้นส่วนจำกัด ซิกส์ทีม เนเชอรัล โปรดักส์ โดยมีแรงผลักดันจากปัญหาเศรษฐกิจในตอนนั้นคือเกษตรกรกับการจำนำข้าว ทำให้มีแนวคิดเพื่อช่วยส่งเสริมเกษตรกรและเพิ่มมูลค่าให้ข้าวไทย ทางซิกส์ทีมจึงนำปัญหานี้ไปต่อยอดค้นคว้าหาข้อมูลข้าวสายพันธ์ต่างๆที่สามารถนำมาเป็นส่วนประกอบในผลิตภัณฑ์ จนพบว่าข้าวสีนิลไทยหรือข้าวหอมนิล ที่มีคุณประโยชน์ มีคุณสมบัติเหมาะสมแก่การบำรุงผิวพรรณ โดยซิกส์ทีมริเริ่มออกผลิตภัณฑ์ตัวแรกในปี พ.ศ. 2559 เป็นโลชั่นบำรุงผิวกายจากสารสกัดข้าวสีนิล ซึ่งได้รับกระแสตอบรับจากผู้ใช้เป็นอย่างดี





 ซิกส์ทีมยังคงสร้างสรรค์รวมทั้งปรับปรุงผลิตภัณฑ์เพื่อตอบโจทย์การบำรุงผิวเรื่อยมาจนกระทั่งในปี พ.ศ. 2560 ห้างหุ้นส่วนจำกัด ซิกส์ทีม เนเชอรัล โปรดักส์ ก็ได้รับรางวัล Chiang Mai TOP TEN AWARDS 2017 จากหอการค้าจังหวัดเชียงใหม่ และยังถูกรับเลือกให้เป็นหนึ่งในสินค้าของดีจังหวัดเชียงใหม่ ต่อมาก็ได้รับรางวัล SMEs START UP AWARDS 2017-2018 จาก สสว. ถึงสองปีซ้อน แล้วก็ล่าสุดได้รับรางวัล SME Provincial Champions 2020 กิจการต้นแบบของจังหวัดเชียงใหม่ รางวัลต่างๆแล้วก็เสียงตอบรับจากผู้ใช้สินค้า ทำให้ซิกส์ทีมมั่นใจขึ้นว่าสามารถสนับสนุนให้ข้าวไทยมีชื่อเสียงในระดับประเทศได้ ซิกส์ทีมจึงเริ่มนำผลิตภัณฑ์ที่มีออกวางขายไปต่างประเทศ โดยได้รับการส่งเสริมจากภาครัฐได้ออกบูธสินค้าในประเทศจีน แล้วก็สปป.ลาว ต่อเนื่องเรื่อยมา





 ในปี พุทธศักราช 2562 ซิกส์ทีม ได้ผลักดันข้าวไทยสู่งานนวัตกรรมข้าวไทย ซึ่งคิดค้นรวมทั้งพัฒนาร่วมกับคณะเกษตรศาสตร์และเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ สนับสนุนโดย สวทช. โดยข้าวที่ซิกส์ทีมเอามาร่วมศึกษาค้นคว้าในครั้งนี้คือ "ข้าวก่ำดอยสะเก็ด" เป็นพญาแห่งข้าวทั้งหลาย สายพันธุ์ดั้งเดิมของชาวล้านนา และก็ยังเป็นข้าวGI ของจังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งมี 6 คุณประโยชน์ ต่อต้านความชรา จากงานศึกษาค้นคว้าและการวิจัยข้าวครั้งนี้ ทำให้ซิกส์ทีม สร้างสรรค์รวมทั้งต่อยอดจนเกิดผลิตภัณฑ์บำรุงผิวจากข้าวไทย ปัจจุบันนี้ซิกส์ทีมยังคงมุ่งมั่นพัฒนา โดยเป็นแบรนด์แรกๆที่ได้นำข้าวสีนิลไทยมาสกัดจนเกิดผลิตภัณฑ์บำรุงผิวที่มีประสิทธิภาพสูงสุด โดยนอกเหนือจากที่จะต้องการสนับสนุนชาวนาไทยแล้ว ซิกส์ทีมยังมุ่งมั่นสำหรับการเป็นส่วนหนึ่งในการอนุรักษ์ข้าวไทยสายพันธุ์ดั้งเดิมไม่ให้สูญหาย และก็ร่วมส่งเสริมให้ข้าวไทยมีชื่อเสียงในระดับโลกต่อไป



 
 
#3442



ผจญภัยไปกับ มาริโอ้ เมาเร่อ เฟรนด์ ออฟ ลองจินส์ ประเทศไทยกับเบื้องหลังการถ่ายทำวีดีโอ โปรโมท LonginesHydroConquest (ลองจินส์ไฮโดรคองเควสต์) คอลเลกชั่นนาฬิกาสปอร์ตที่มีดีไซน์อันเป็นเอกลักษณ์มาพร้อมกับสีสันใหม่เวอร์ชั่นทูโทนที่ออกแบบมาให้เหมาะกับไลฟ์สไตล์หนุ่มนักกีฬาและผู้ชื่นชอบความท้าทายโดยเฉพาะโดยถ่ายทำที่จังหวัดกระบี่ซึ่งเป็นสวรรค์สำหรับนักดำน้ำ


โดยการถ่ายทำในครั้งนี้ 'หนุ่มโอ้' ปักหลักเริ่มต้นภารกิจกันที่โรงแรม พิมาลัย รีสอร์ท แอนด์ สปา จ.กระบี่ ก่อนเดินทางไปยังเกาะห้าเพื่อทำกิจกรรมสุดเอ็กซ์ตรีม ไม่ว่าจะเป็นขับเรือ Cruising Trimaran หรือ ดำน้ำ (Free Dive) เรียกว่าโชว์สกิลทางด้านกีฬาอย่างเต็มที่ แถมเพิ่มดีกรีความเป็นหนุ่มฮอตแข่งกับอุณหภูมิอันร้อนระอุท่ามกลางท้องทะเลด้วยไอเท็มนาฬิกาคอลเลกชั่น HydroConquest ที่ได้รับแรงบันดาลใจจาก โลกแห่งกีฬาทางน้ำ งานนี้เลยมีรูปมาฝากแฟนๆ กันเพียบ

นักแสดงหนุ่มได้บอกเล่าความรู้สึกของการถ่ายทำว่า "ช่วงที่ไปถ่ายทำวีดีโอนั้นสนุกมากครับ ได้ทำกิจกรรมที่ชอบ อย่างพวกกีฬาเอ็กซ์ตรีมต่างๆ ซึ่งโอ้ได้ Free Dive ด้วยก็ลุยแบบเต็มที่ นอกจากนี้โอ้ยังทึ่งกับประสิทธิภาพของนาฬิกา HydroConquest ซึ่งเป็นนาฬิการุ่นใหม่ล่าสุดจากลองจินส์ ที่สามารถกันน้ำได้ถึง 300 เมตร รับประกันนาฬิกา 5 ปี เหมาะกับกิจกรรม Free Dive มากๆ แถมตัวเรือนก็ดีไซน์แบบสปอร์ต ทันสมัยตอบโจทย์ทุกการผจญภัยจริงๆ ครับ แต่ช่วงนี้โอ้ก็อยากให้ทุกคนรักษาสุขภาพกันก่อน รอวันสถานการณ์ดีขึ้น เราคงได้กลับไปสนุกกับทุกกิจกรรมกันอีกครั้ง"



สามารถเป็นเจ้าของนาฬิกา ลองจินส์ (Longines) แบรนด์นาฬิการะดับโลกจากประเทศสวิตเซอร์แลนด์ ได้ที่ห้างสรรพสินค้าชั้นนำทั่วไป หรือทางออนไลน์ที่ Longines Official Store @Lazada และ @Shopee สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ http://www.facebook.com/LonginesTH และ Line official : @Longines_th
#3443



อุรกวัยจะฉีดวัคซีนต้านโควิด-19 ของไฟเซอร์ เป็นเข็มกระตุ้น ให้แก่ประชาชนที่ฉีดวัคซีนทีมีประสิทธิภาพน้อยกว่าของซิโนแวคครบ 2 เข็มแล้ว ราว 2 สัปดาห์หลังจากประเทศในอเมริกาใต้แห่งนี้ตรวจพบผู้ติดเชื้อตัวกลายพันธุ์เดลตา

90 วันหลังจากฉีดวัคซีนซิโนแวคเข็มที่ 2 ประชาชนในอุรุกวัยสามารถเข้าฉีดวัคซีนชนิด mRNA ของไฟเซอร์ จากการเปิดเผของกราเซียลา เปเรซ หัวหน้าฝ่ายภูมิคุ้มกันของกระทรวงสาธารณสุข พร้อมระบุว่ารัฐบาลจะฉีดวัคซีนเข็มที่ 3 แก่ประชาชนเพื่อเพิ่มภูมิคุ้มกันต้านทานตัวกลายพันธุ์ต่างๆของโควิด-19 ในนั้นรวมถึงเดลตา และโครงการดังกล่าวในเดือนสิงหาคม

"การฉีดวัคซีนจะไม่ใช่การบังคับ" เธอบอกกับผู้สื่อข่าวในกรุงมอนเตวิเดโอ และบอกว่าอุกรุกวัยสั่งซื้อวัคซีนไฟเซอร์มากพอสำหรับฉีดแก่ประชาชนเกือบ 1.5 ล้านคนที่เข้าเกณฑ์ฉีดเข็มกระตุ้น

อุรุกวัยกลายเป็นชาติล่าสุดในหลายประเทศ ในนั้นรวมถึงสาธารณรัฐโดมินิกัน ไทยและสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ที่มีแผนฉีดวัคซีน mRNA ช่วยกระตุ้นภูมิคุ้มกันในคนฉีดวัคซีนสัญชาติจีน ด้วยความหวังว่ามันจะมอบประสิทธิภาพการป้องกันที่ดีขึ้นต่อตัวกลายพันธุ์เดลตาที่แพร่กระจายเชื้อได้ง่ายมาก

ทั้งนี้ อุรุกวัย ซึ่งมีประชากรราว 3.5 ล้านคน ฉีดวัคซีนประชาชนไปแล้วมากกว่า 61% โดยใช้วัคซีนของทั้งซิโนแวค ไฟเซอร์และแอสตร้าเซนเนก้า จากข้อมูลของกระทรวงสาธารณสุข อย่างไรก็ตามวัคซีนซิโนแวค คิดเป็นเกือบ 2 ใน 3 ของประชาชนมากกว่า 5.9 ล้านคนที่ฉีดวัคซีนแล้วในอุรุกวัย

(ที่มา:บลูมเบิร์ก) https:// m.mgronline.com/around/detail/9640000074435
#3444



สมาคมนักวิชาการอ้อยและน้ำตาลแห่งประเทศไทย สำนักงานคณะกรรมการอ้อยและน้ำตาลแห่งประเทศไทย (สอน.) กระทรวงอุตสาหกรรม พร้อมด้วยผู้แทนภาคเอกชน บริษัท ซินเจนทา ครอปโปรเทคชั่น จำกัด หรือ ซินเจนทา จัดเสวนาออนไลน์ "เราจะฝ่าวิกฤต อ้อย และน้ำตาลไทยได้อย่างไร"

ทางออก เอกชนและเกษตรกรผลิตตามมาตรฐานสากล เพิ่มประสิทธิภาพและประสิทธิผลของการผลิต เน้นประสานความร่วมมืออย่างรอบด้านระหว่างภาครัฐ โรงงานน้ำตาล และเกษตรกร รวมทั้ง นำนวัตกรรมเสริมศักยภาพเพื่อให้ผลผลิตสูงสุด อันนำไปสู่การเติบโตของอุตสาหกรรมอ้อยละน้ำตาลอย่างยั่งยืน

ดร. กิตติ ชุณหวงศ์ นายกสมาคมนักวิชาการอ้อยและน้ำตาลแห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า ข้อมูลล่าสุดปี พ.ศ. 2564 ของกระทรวงเกษตรสหรัฐ (United States Department of Agriculture : USDA) พบว่า ภาพรวมคลังน้ำตาลในตลาดโลกมีปริมาณเพิ่มขึ้น 3 ล้านตัน จากเดิม 42.8 ล้านตัน เป็น 45.8 ล้านตัน เนื่องจากปริมาณการบริโภคลดลง มีการผลิตภายในประเทศเพิ่มขึ้น และลดการนำเข้าจากต่างประเทศ ยกเว้นบางประเทศที่มีการนำเข้าเพิ่มขึ้น อาทิ สหรัฐอเมริกาและอินโดนีเซีย รวมทั้ง ราคาน้ำตาลในตลาดโลกตกต่ำมากที่สุดในรอบ 10 ปีที่ผ่านมา


จากสถานการณ์ดังกล่าว เป็นความท้าทายของอุตสาหกรรมน้ำตาลและอ้อยของไทยในอีก 5 ปีข้างหน้า ให้สามารถเติบโตและแข่งขันได้ในตลาดโลก ภาคเอกชนและเกษตรกรจะต้องนำมาตรฐานสากลต่าง ๆ เช่น Bonsucro หรือ Fairtrade International และ Organic เข้ามาปรับใช้ตลอดกระบวนการ ให้สอดคล้องกับความต้องการแต่ละตลาด ตลอดจน จะต้องพัฒนาระบบบริหารการจัดการ เทคโนโลยีในการผลิต เก็บเกี่ยวและขนส่งให้มีประสิทธิภาพและประสิทธิผลสูง ต้นทุนลดลงแต่กำไรเพิ่มมากขึ้น


ดร. ธวัช หะหมาน หัวหน้ากลุ่มพัฒนาด้านอ้อย น้าตาลทราย และอุตสาหกรรมต่อเนื่อง สำนักงานคณะกรรมการอ้อยและน้าตาลทราย (สอน.) กระทรวงอุตสาหกรรม กล่าวว่า ปัจจุบัน วิกฤตการระบาดของไวรัสโควิด-19 กระทบต่อการส่งออกและการบริโภค ร่วมกับปัญหาสภาพภูมิอากาศและฤดูกาลแปรปรวน ส่งผลต่อการผลิตของชาวไร่อ้อย จะเป็นปัญหาหลักแล้ว แต่ยังมีวิกฤตอื่นที่เกษตรกรยังไม่สามารถจัดการได้ อาทิ ต้นทุนการผลิตที่สูงขึ้น ขาดเสถียรภาพและความมั่นคงในการส่งอ้อยเข้าโรงงานน้ำตาล ขาดแหล่งทุน ขาดแรงงาน และการเผาอ้อยก่อนการเก็บเกี่ยวทำให้เกิดมลพิษ ฝุ่น PM 2.5

ดังนั้น สอน. จึงแสวงหาหนทางก้าวข้ามวิกฤตต่าง ๆ โดยขับเคลื่อนนโยบายพัฒนาแบบองค์รวม (BCG) ใน 3 มิติ ได้แก่ ระบบเศรษฐกิจชีวภาพ เศรษฐกิจหมุนเวียน และเศรษฐกิจสีเขียว เพื่อสร้างความสมดุลระหว่างเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม ปรับแก้ไขกฎระเบียบและข้อบังคับต่าง ๆ ให้สอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบัน สนับสนุนอุตสาหกรรมโดยไม่ขัดแย้งกับข้อบังคับความร่วมมือในระดับนานาชาติ จัดหาสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำ เครื่องจักร เพื่อส่งเสริมการผลิต พัฒนาความรู้ สร้างเครือข่าย และสร้างผู้ประกอบการรุ่นใหม่ รวมทั้ง สร้างกลไก และสนับสนุนให้โรงงานน้ำตาลรับซื้อเศษซากใบ และยอดอ้อย และผลักดันธุรกิจที่ต้องการเชื้อเพลิงได้ใช้ เศษซากใบและยอดอ้อย อย่างเป็นรูปธรรม โดยเน้นประสานความร่วมมืออย่างรอบด้านระหว่างภาครัฐ โรงงานน้ำตาล และเกษตรกร


นาย ผดุงพงศ์ เสริญไธสง ผู้จัดการฝ่ายส่งเสริมและสนับสนุนงานวิชาการ ซินเจนทา กล่าวว่า อุตสาหกรรมอ้อยและน้ำตาลมีบทบาทสำคัญต่อประเทศในอีก 5 ปีข้างหน้า ทั้งในด้านการบริโภคน้ำตาลในประเทศแต่ละปี และส่งออก หัวใจสำคัญของการเติบโตอย่างยั่งยืน คือ การพัฒนาภาคการผลิตให้มีศักยภาพ

เพื่อให้ผลผลิตสูงสุด สอดล้องกับเป้าหมายของซินเจนทา ในการนำนวัตกรรมมาช่วยเหลือกระบวนการผลิต เพื่อลดความสูญเสีย ดูแล และกระตุ้นให้เกิดผลผลิตเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะการจัดการกับวัชพืช ที่เป็นศัตรูอ้อยที่สำคัญ หากไม่มีการจัดการที่ดีจะทำให้ผลผลิตอ้อยลดลงทันที 

 

 ประกอบกับปัจจุบัน เกษตรกรประสบปัญหาวัชพืชต้านทานสารกำจัดวัชพืชเดิม ทำให้ต้องผสมสารฯ หลายชนิดเพื่อให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น นวัตกรรมล่าสุดของซินเจนทา จึงได้แนะนำ "คาลารีส (Calaris)" ให้แก่เกษตรกรผู้ปลูกอ้อย ซึ่งเป็นสารออกฤทธิ์ยับยั้งกระบวนการสังเคราะห์แคโรทีนอยด์และการสังเคราะห์แสงของวัชพืช มีประสิทธิภาพคุมวัชพืชได้นาน ไม่เป็นพิษต่ออ้อย นวัตกรรม "คาลารีส (Calaris)" จะช่วยให้เกษตรกรลดต้นทุนด้านแรงงาน ไม่ต้องกำจัดวัชพืชบ่อยครั้ง เหมาะกับสภาวะปัจจุบันและอนาคตที่แรงงานในภาคเกษตรขาดแคลนจึงต้องนำนวัตกรรมมาใช้ และยังตอบโจทย์เพื่อเข้าสู่มาตรฐานสากลต่างๆ อีกด้วย

นอกจากนี้ ซินเจนทา กำลังวิจัยและพัฒนานวัตกรรมใหม่เพิ่มเติม ชื่อ โมดดัส (MODDUS) ซึ่งจะมาช่วยให้ผลผลิตดีขึ้นด้วยการเพิ่มค่าโพล หรือ น้ำตาลซูโครสในอ้อย (Pol) ทำให้ผลผลิตอ้อยมีค่าน้ำตาลเพิ่มขึ้น หรือ ร่นระยะเวลาเก็บเกี่ยวได้เร็วขึ้น อันจะส่งผลต่อรายได้ของเกษตรกรให้เพิ่มขึ้นด้วย ทั้งนี้ ทุก ๆ 1 ซีซีเอส (C.C.S.) หรือ ค่าร้อยละของน้ำตาลซูโครส จะมีรายได้เพิ่มขึ้น 50 บาทต่อ 1 ตันอ้อย หรือคิดเฉลี่ยต่อไร่ จะได้เพิ่ม 500 บาท


"ทั้งหมดนี้ เป็นความมุ่งมั่นของ สมาคมนักวิชาการอ้อยและน้ำตาลแห่งประเทศไทย ที่จะส่งเสริมและผลักดันให้อุตสาหกรรมอ้อยและน้ำตาล เติบโตอย่างยั่งยืน พร้อมอบรมให้ความรู้ เพื่อให้ภาคเอกชนและเกษตรกรสามารถแก้ไขปัญหาต่าง ๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ และบริหารจัดการไร่อ้อยได้ดี มีผลผลิตที่คุ้มค่า โดยประสานความร่วมมือกับทุกภาคส่วนอย่างใกล้ชิดและต่อเนื่อง"
#3445



"เดอะ ฟ็อกซ์" เลสเตอร์ ซิตี้ ลงสนามเกมอุ่นเครื่องพบ วีคอม ทีมจากลีกแชมเปียนชิพ อังกฤษ เมื่อวันที่ 28 กรกฎาคมที่ผ่านมา

ผลการแข่งขันปรากฎว่า วีคอม ได้ประตูจาก ดารีล ฮอร์แกน ในนาทีที่ 80 เป็นประตูชัยทำให้พวกเขาเอาชนะ เลสเตอร์ ซิตี้ 1-0

เกมนี้ "เจ้ากัน" ธนวัฒน์ ซึ้งจิตถาวร มิดฟิลด์ทีมชาติไทย ถูกส่งลงเล่นในครึ่งเวลาหลังนาทีที่ 46 อย่างไรก็ตามเจ้าตัวได้รับบาดเจ็บจนเล่นต่อไม่ไหว ถูกเปลี่ยนตัวออกในนาทีที่ 62

ทั้งนี้ทีมแพทย์ของ เลสเตอร์ ซิตี้ จะมีการตรวจสอบอาการบาดเจ็บของ ธนวัฒน์ อย่างละเอียด ว่าเจ้าตัวจะต้องพักยาวแค่ไหน
#3446



นายสิทธิเดช มัยลาภ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท สกาย ไอซีที จำกัด (มหาชน) หรือ SKY ผู้นำการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานความปลอดภัย ด้วยเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารระดับประเทศ กล่าวว่า ร่วมกับบริษัท แอพแมน จำกัด (AppMan) ผู้นำเทคโนโลยี OCR อันดับหนึ่งในตลาด เรื่องความแม่นยำในการอ่านอักขระโดยเฉพาะภาษาไทย เชื่อมโยงเทคโนโลยีที่แข็งแกร่งของทั้ง 2 บริษัทเข้าด้วยกัน เพื่อสนับสนุนการทำสร้างระบบ e-KYC Solution ครบวงจร พร้อมตอบโจทย์โลกแห่งอนาคตเทคโนโลยีดังกล่าวมีบทบาทสำคัญอย่างมากต่อความปลอดภัยของธุรกิจและแพลตฟอร์มต่างๆ สำหรับการเปิดให้บริการบนช่องทางออนไลน์ 

"เรามีความเชี่ยวชาญด้านปัญญาประดิษฐ์ โดยเฉพาะเทคโนโลยีการตรวจจับใบหน้า หรือ Face Recognition ที่ได้รับเทคโนโลยีมาจากพันธมิตรชั้นนำด้าน AI ของโลกอย่าง SenseTime ขณะเดียวกัน AppMan ก็ถือเป็นผู้นำในเทคโนโลยีการอ่านอักขระด้วยแสง หรือ Optical Character Recognition เมื่อเราเชื่อมโยงเทคโนโลยีของทั้ง 2 บริษัทเข้าด้วยกัน จะช่วยให้เราสามารถสร้าง e-KYC Solution ครบวงจร สร้างมูลค่าเพิ่มและยกระดับมาตรฐานการรักษาความปลอดภัยให้แก่ทั้งภาครัฐและภาคเอกชนที่กำลังมุ่งหน้าสู่ดิจิทัลได้อย่างมีประสิทธิภาพ" นายสิทธิเดช กล่าว

ทั้งนี้ เทคโนโลยี e-KYC ของทั้ง 2 บริษัท จะช่วยพิสูจน์ตัวตนผู้ใช้งาน ผ่านการสแกนบัตรประชาชน สแกนเอกสารทางราชการ ตลอดจนสแกนใบหน้า บนแพลตฟอร์มหรือแอปพลิเคชันต่างๆ ช่วยให้ทั้งภาครัฐและภาคเอกชนสามารถป้องกันการปลอมแปลงเอกสารหรือตัวตน ป้องกันความเสี่ยงต่อการทำผิดกฎหมาย เรียกใช้ข้อมูลได้ง่ายจากฐานข้อมูล ลดขั้นตอนการทำงานเมื่อเทียบกับการต้องยืนยันตัวตนแบบต่อหน้า (Face to Face) ขณะเดียวกัน ยังช่วยอำนวยความสะดวกแก่ผู้ใช้งาน ลดขั้นตอนการกรอกเอกสาร ลดระยะเวลาในการวิเคราะห์ข้อมูล โดยเทคโนโลยี Face Recognition และ OCR ของบริษัทยังมีจุดแตกต่างจากเทคโนโลยี e-KYC ทั่วไปที่มักมีต้นทุนต่อการทำธุรกรรม (Transaction) ค่อนข้างสูง การผนึกกำลังระหว่าง 2 บริษัท จะส่งผลให้ลูกค้ามีต้นทุนต่อ Transaction ต่ำลง เพื่อให้บริการในราคาที่เข้าถึงได้ มีความแม่นยำสูง อีกทั้งมีความปลอดภัยมาตรฐาน Banking Grade

ด้านนายธนภูมิ เจริญศิริ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท แอพแมน จำกัด หรือ AppMan ผู้นำเทคโนโลยี OCR อันดับหนึ่งในตลาด กล่าวว่า เนื่องจากข้อมูลส่วนบุคคลนั้นเป็นข้อมูลที่มีความเปราะบางสูง บริษัทฯ จึงสร้างความเชื่อมั่นปกป้องข้อมูลความปลอดภัย ผ่านการตรวจสอบ (Audit) ทุกขั้นตอนมาตรฐานสากลระดับ CSA- Star Level 2 และ ISO/IEC27001 ก่อนนำเสนอสู่ตลาด พร้อมให้บริการบน Cloud อีกทั้งในระดับโลกนั้น เทคโนโลยีที่ใช้ร่วมกับ e-KYC เข้ามามีบทบาทสำคัญมากในหลากหลายกลุ่มธุรกิจระยะหนึ่งแล้ว อาทิ กลุ่มธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับดิจิทัลโดยตรง เช่น ธุรกิจศูนย์ซื้อ-ขายแลกเปลี่ยนคริปโทเคอร์เรนซี ธุรกิจนายหน้าซื้อขายหลักทรัพย์ที่ใช้ e-KYC เข้ามายืนยันตัวตน ป้องกันการโจรกรรมทางการเงินและการฟอกเงิน กลุ่มธุรกิจการศึกษาที่ปัจจุบันเริ่มมีสถาบันการศึกษาดิจิทัล หรือแม้กระทั่งการเรียนออนไลน์ของสถาบันการศึกษาต่างๆ ใช้ e-KYC เข้ามาช่วยยืนยันตัวตนผู้เข้าเรียนและผู้เข้าสอบ


"ในไทยเอง e-KYC ก็เริ่มเข้ามามีบทบาทสำคัญมากขึ้นในแทบทุกกลุ่มธุรกิจเช่น ในกลุ่มธุรกิจบริการสุขภาพ ก็มีการปรับตัวให้บริการคำปรึกษาด้านสุขภาพแบบ Online Video Consultation ต้องมีกระบวนการ Digital Onboarding และ e-KYC เข้ามาเกี่ยวข้อง ความร่วมมือกับสกาย ไอซีทีในครั้งนี้ จึงถือเป็นก้าวสำคัญที่ทำให้ทั้ง 2 บริษัทขยายโอกาสในการบริการกลุ่มลูกค้าให้หลากหลายมากขึ้น รองรับทั้งการเติบโตในไทยและระดับโลก" นายธนภูมิ กล่าว

ทั้งนี้ กลุ่มเป้าหมายหลักที่ทั้ง 2 บริษัท จะมุ่งเจาะตลาด มีทั้งกลุ่มหน่วยงานภาครัฐที่มีความจำเป็นต้องมีมาตรการพิสูจน์ตัวตนและตรวจสอบเอกสารทางราชการเพื่อความปลอดภัย กลุ่มภาคเอกชนในหลากหลายประเภทธุรกิจ อาทิ กลุ่มธุรกิจการเงิน กลุ่มธุรกิจประกันภัย กลุ่มธุรกิจโลจิสติกส์ กลุ่มธุรกิจการศึกษา กลุ่มธุรกิจบริการสุขภาพ กลุ่มธุรกิจขนส่งอาหาร กลุ่มธุรกิจอีคอมเมิร์ซ ซึ่งทั้งหมดล้วนเป็นกลุ่มธุรกิจที่มีการเติบโตอย่างมากในช่วงที่ผ่านมา และยังมีแนวโน้มเติบโตอย่างต่อเนื่อง

สำหรับ บริษัท สกาย ไอซีที จำกัด (มหาชน) หรือ SKY เป็นบริษัท Tech Company เต็มรูปแบบที่เน้นการพัฒนานวัตกรรม การให้บริการ Digital Platform และ AI Solutions ให้ลูกค้าอย่างครบวงจร เพื่อช่วยยกระดับคุณภาพชีวิตของคนในสังคมด้วยเทคโนโลยีอัจฉริยะของ SKY ICT

ขณะที่ บริษัท แอพแมน จำกัด หรือ AppMan เป็นบริษัทผู้นำด้านเทคโนโลยีกระบวนการทำงานอัจฉริยะ หรือ Intelligent Working Process (IWP) ดิจิตอลโซลูชั่นหลากหลายรูปแบบด้วยความเชี่ยวชาญเทคโนโลยี OCR, เอไอ (AI) และ แมชชีนเลิร์นนิง (Machine Learning) ครอบคลุมทุกธุรกิจ เสริมศักยภาพและขยายอีโคซิสเต็ม (Ecosystem) ทุกองค์กรตามมาตรฐานสากล
#3447



และร่วมกันนำองค์ความรู้ที่ได้จากงานวิจัยไปต่อยอดสู่การใช้ประโยชน์ทั้งในเชิงนโยบาย เชิงสาธารณะ และเชิงพาณิชย์ ตลอดจนถ่ายทอดเทคโนโลยีและส่งเสริมความร่วมมือทางวิชาการกับภาคส่วนต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง โดยที่ผ่านมาแต่ละหน่วยงานได้มีการดำเนินงานในการวิจัยพัฒนาและส่งเสริมในเรื่องของกัญชงมาอย่างต่อเนื่อง


นายวิรัตน์ ปราบทุกข์ ผู้อำนวยการสถาบันวิจัยและพัฒนาพื้นที่สูง เปิดเผยว่า สถาบันวิจัยและและพัฒนาพื้นที่สูง (องค์การมหาชน) หรือ สวพส. ร่วมกับ มูลนิธิโครงการหลวง สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้วิจัยและพัฒนากัญชง (Hemp) เพื่อให้เป็นพืชเศรษฐกิจบนพื้นที่สูง มาอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ ปี พ.ศ.2549 จนถึงปัจจุบัน ผลการวิจัยและพัฒนา ทำให้จากอดีตที่แม้แต่การใช้ประโยชน์ตามภูมิปัญญาและวิถีของชนเผ่าม้ง เพื่อทำเครื่องนุ่งห่มและใช้สอยในครัวเรือนนั้น ยังผิดกฎหมาย คือ พ.ร.บ.ยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. 2522 มีข้อมูลและองค์ความรู้ที่นำมาสู่แก้ไขกฎหมาย เพื่อส่งเสริมกัญชงเป็นพืชเศรษฐกิจ  

โดยอาศัยความร่วมมือของหลายภาคส่วน และผลการวิจัยและพัฒนาจำนวนไม่น้อย นับจากปีพ.ศ. 2549-จนถึงปัจจุบัน กว่า 15 ปี เริ่มจากการพัฒนาพันธุ์เพื่อให้มีสารเสพติดต่ำกว่าที่กฎหมายกำหนด การพัฒนาวิธีการเพาะปลูก การแก้กฎหมาย และสร้างการตลาด เพื่อให้สามารถปลูกเป็นอาชีพได้จริง ในช่วงแรกๆ มุ่งการใช้ประโยชน์จากเส้นใยสำหรับในครัวเรือน ต่อมาขยายการศึกษาวิจัยสู่การใช้ประโยชน์จากแกน ลำต้น เมล็ด และเส้นใยในเชิงอุตสาหกรรม และนำไปสู่การศึกษาวิจัยที่มุ่งการใช้ประโยชน์ครอบคลุมทุกส่วน ทั้งเส้นใย เมล็ด และช่อดอก สำหรับอาหาร เวชสำอาง และการแพทย์ ในขณะนี้ โดยมีผลงานที่สำคัญคือ

ระยะที่ 1 ปี พ.ศ.2549-2554 ปรับปรุงและขึ้นทะเบียนพันธุ์ 4 พันธุ์ เป็นพันธุ์ที่มีปริมาณ THC ต่ำกว่า 0.3% คือ RPF1, RPF2, RPF3 และ RPF4 ควบคู่กับวิจัยและพัฒนาวิธีการเพาะปลูกที่เหมาะสม ได้แก่ ระยะปลูก ช่วงเวลาปลูก อายุเก็บเกี่ยว และระบบการปลูกเฮมพ์อย่างถูกต้องตามกฎหมาย การแปรรูปผลิตภัณฑ์ การตลาด และนำข้อมูลไปสู่การจัดทำแผนยุทธศาสตร์การส่งเสริมการปลูกเฮมพ์เป็นพืชเศรษฐกิจบนพื้นที่สูง (2552-2556) แผนปฏิบัติการพัฒนาเฮมพ์บนพื้นที่สูง ระยะ 5 ปี (พ.ศ.2553-2557) และแผนปฏิบัติการพื้นที่นำร่องส่งเสริมการปลูกเฮมพ์ใน 5 จังหวัด ได้แก่ จังหวัดเชียงใหม่น่าน เชียงราย ตาก และเพชรบูรณ์


ระยะที่ 2 ปี พ.ศ.2555-2559 สวพส. ร่วมกับหน่วยงานต่าง ๆ วิจัยและพัฒนาตามแผนยุทธศาสตร์การส่งเสริมการปลูกเฮมพ์เป็นพืชเศรษฐกิจบนพื้นที่สูง ได้แก่ กองควบคุมวัตถุเสพติด สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา ดำเนินการเพื่อแก้ไขกฎหมายให้สามารถปลูกเฮมพ์ได้อย่างถูกต้องตามกฎหมาย สถาบันสำรวจและติดตามการปลูกพืชเสพติด สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (ป.ป.ส.) พัฒนาระบบควบคุมการปลูกที่เหมาะสม และสนับสนุนการดำเนินงานของสถาบันพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (Institute of Small and Medium Enterprises Development, ISMED) กระทรวงอุตสาหกรรม ดำเนิน "โครงการส่งเสริมและพัฒนาอุตสาหกรรมเฮมพ์อย่างสร้างสรรค์แบบครบวงจร" เพื่อพัฒนาผลิตภัณฑ์จากส่วนต่างๆ ของกัญชงที่เชื่อมโยงสู่ภาคปฏิบัติในโรงงานอุตสาหกรรมเกษตรแปรรูป และ สวพส. ได้ศึกษาวิจัยต่อเนื่อง ในด้านการศึกษาระบบส่งเสริมการปลูกภายใต้ระบบควบคุม ในพื้นที่นำร่อง 5 จังหวัด

การพัฒนาระบบการผลิตเมล็ดพันธุ์เฮมพ์ภายใต้ระบบควบคุม การพัฒนาชุดตรวจปริมาณ THC ภาคสนาม (THC test kit) ร่วมกับกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ การวิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์จากเส้นใยเฮมพ์ที่สอดคล้องกับความต้องการของตลาด เช่น เสื้อผ้าเครื่องนุ่งห่ม เฟอร์นิเจอร์ วัสดุก่อสร้าง การวิจัยและพัฒนาต้นแบบอาหารสุขภาพจากเมล็ดเฮมพ์ เช่น น้ำมันในแคปซูล และโปรตีนอัดเม็ด ซึ่งพบว่าเมล็ดกัญชงที่มีอยู่ในปัจจุบัน 4 พันธุ์ มีน้ำมัน 28.06-29.62 % และเมื่อสกัดด้วยวิธีการบีบเย็นจะได้ผลผลิตน้ำมัน 22.29% ซึ่งมีกรดไขมันได้แก่โอเมก้า 3, โอเมก้า 6 และโอเมก้า 9 เท่ากับ 20.91, 58.23, 9.74 กรัมต่อน้ำมันเฮมพ์ 100 กรัม และมีโปรตีนที่ในกากเมล็ดเฮมพ์ 33.25 % 


ระยะที่ 3 ปี พ.ศ.2560-ปัจจุบัน มุ่งศึกษาวิจัยเพื่อปรับปรุงพันธุ์และพัฒนาเทคโนโลยีการเพาะปลูก ในการเพิ่มผลผลิตและคุณภาพผลผลิตให้สอดคล้องกับความต้องการใช้ประโยชน์ โดยร่วมมือกับสถาบันการศึกษา หน่วยงานรัฐ และเอกชน เพื่อขยายผลและผลักดันเฮมพ์เป็นพืชเศรษฐกิจใหม่ของไทยตามนโยบายรัฐบาล ทั้งด้านเส้นใย อาหาร เวชสำอาง และการแพทย์ เช่น ร่วมกับสำนักงานวิจัยและพัฒนาการทางทหาร กองทัพบก และกรมพลาธิการทหารบก วิจัยและพัฒนาเครื่องแต่งกายทหารจากเส้นใยเฮมพ์ 3 ชนิด คือ ชุดพราง เสื้อยืด และถุงเท้า กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข โดยศูนย์วิทยาศาสตร์การแพทย์ที่ 1 เชียงใหม่ พัฒนาชุดตรวจวัดปริมาณ THC อย่างง่าย (THC strip test) ซึ่งมีค่าใช้จ่ายน้อยกว่าการส่งตัวอย่างตรวจในห้องปฏิบัติการ ประมาณ 15-25 เท่า รวมทั้งการถ่ายทอดและเผยแพร่ความรู้ให้กับเกษตรกร ภาครัฐ และเอกชน ผ่านการจัดฝึกอบรม สัมมนา ศึกษา ดูงาน ผลงานทางวิชาการ เอกสาร และคู่มือต่างๆ

ข้อจำกัดที่สำคัญของการสนับสนุนให้กัญชงเป็นพืชเศรษฐกิจของประเทศไทยคือ ข้อมูล พันธุ์ และ การเตรียมการด้านการตลาด ซึ่งกฎหมายเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว และเปิดโอกาสให้ใช้ประโยชน์ได้กว้างขวางยิ่งขึ้น แต่ข้อมูลที่มีอยู่ในปัจจุบัน เป็นผลการวิจัยที่เน้นใช้ประโยชน์จากเส้นใยเป็นหลัก จึงยังไม่สมบูรณ์มากพอสำหรับวัตถุประสงค์อื่นๆ ซึ่งความสนใจปลูกขณะนี้ส่วนใหญ่มุ่งใช้ประโยชน์จาก CBD และเมล็ด และข้อจำกัดที่สำคัญมากอีกประการหนึ่ง คือเมล็ดพันธุ์ที่ยังผลิตได้ปริมาณน้อยมากสำหรับปี พ.ศ.2564 นี้ 

เพราะมีการผลิตจำนวนน้อยเพื่อใช้ในงานวิจัย ไม่สอดคล้องกับความต้องการเพิ่มขึ้นอย่างกระทันหัน ทั้งนี้จะสามารถการผลิตเมล็ดพันธุ์ให้พอเพียงได้เร็วที่สุด คือในปี พ.ศ.2565 การใช้ข้อมูลและเมล็ดพันธุ์นำเข้าจากต่างประเทศอาจจะเป็นอีกช่องทางหนึ่ง แต่อย่างไรก็ตามคงต้องทำอย่างรอบครอบ โดยมีการศึกษาทดลองก่อนนำมาใช้อย่างจริงจัง
#3448



ยังคงเดินหน้าช่วยเหลือสังคมอย่างต่อเนื่อง สำหรับนางเอกหน้าหวาน มิน พีชญา วัฒนามนตรี ที่ก่อนหน้านี้ลงครัวทำอาหารไปมอบให้กับคนงานที่แคมป์ก่อสร้างต่างๆ ในกรุงเทพมหานคร

แต่ล่าสุดนางเอกคนดังก็ครีเอทไอเดียเจ๋งช่วยประชาชนที่เดือดร้อนกับพิษโควิด-19 แบบคูณสอง กับการเหมาอาหาร ขนมและเครื่องดื่มจากพ่อค้าแม่ค้าที่ขายของไม่ได้เพื่อแจกจ่ายให้กับผู้เดือดร้อนจากโรคระบาดดังกล่าวได้กินฟรีรอบกรุงฯค่ะ

"กับโครงการนี้จริงๆ มินได้มีโอกาสทำมาพักนึงแล้วค่ะ คือตอนแรกอย่างที่ทุกคนได้เห็นว่ามินทำอาหารแจกพี่ๆ น้องๆ ที่แคมป์คนงาน แต่ตอนนี้เราก็ลองปรับมาดูว่าเราสามารถช่วยอะไรได้มากกว่านั้นไหม


มินเลยลองเปลี่ยนจากการทำอาหารเองมาเป็นการซื้ออาหาร ไปเหมาอาหารจากพ่อค้าแม่ค้าที่ขายของไม่ได้ดีกว่า แล้วมินก็เอาของที่ซื้อมาแจกจ่ายให้กับพี่ๆ น้องๆ ประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากพิษโควิดแทน

ถือว่าเราได้ช่วยคนแบบสองต่อเลยค่ะ เพราะบางร้านค้าขายของไม่ได้เลย บางร้านก็ขายได้แต่ก็ไม่พอค่าเช่าที่ แถมพ่อค้าแม่ค้าบางคนยังมีลูกเล็กๆ ที่ต้องเลี้ยงดูอีก

คือเราเห็นแล้วก็สงสารพ่อค้าแม่ค้าทุกคนค่ะ เราเลยมาช่วยตรงจุดนี้ เพราะพอเราซื้อของเค้า เหมาของเค้าพ่อค้าแม่ค้าเองก็ยิ้มได้ มีเงินกินเงินใช้เลี้ยงดูครอบครัว

มินเห็นเค้ามีความสุขเราเองก็ดีใจ ส่วนคนที่มารับของที่เราซื้อไว้ทุกคนก็ยิ้มได้ ได้กินของอร่อย ได้ยินแค่คำขอบคุณเราเองก็ปลื้มใจเช่นกันค่ะ


เพราะเรารู้ว่าตอนนี้พี่ๆ น้องๆ บางคนก็ตกงาน บางคนทำงานเป็นรายวัน ตอนนี้โรงงานปิดก็ขาดรายได้ บางคนก็โดนลดเงินเดือน เราก็ถือว่าเราได้ช่วยให้เค้ามีความสุข ได้อิ่มท้องในแต่ละวัน

เราเองก็มีความสุขมากแล้วค่ะ เพราะถ้าทุกคนมีข้าวกินในแต่ละวัน ทุกคนก็จะมีแรงต่อสู้กับปัญหาที่จะเข้ามาและมินก็คิดว่าจะทำโครงการดีๆ แบบนี้ไปเรื่อยๆ จนกว่าสถานการณ์ทุกอย่างจะดีขึ้นค่ะ" 
#3449



นายวิศิษฐ์  ศรีสุวรรณ์ อธิบดีกรมส่งเสริมสหกรณ์ เปิดเผยว่า ขณะนี้เกษตรกรชาวสวนผลไม้ในภาคใต้กำลังประสบปัญหาช่องทางจำหน่ายเงาะและมังคุด เนื่องจากในช่วงปลายเดือนกรกฎาคม - สิงหาคม เป็นฤดูกาลที่ผลผลิตในภาคใต้ออกมาพร้อมกัน จนเกิดการกระจุกตัวและราคาตกต่ำ

 โดยเฉพาะในปีนี้สถานการณ์โควิด – 19 กำลังระบาด มีการล็อกดาวน์ทำให้พ่อค้าไม่สามารถเข้าไปตั้งล้งเพื่อรับซื้อมังคุดจากเกษตรกรได้  ซึ่งนางสาวมนัญญา ไทยเศรษฐ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ได้มอบหมายให้กรมส่งเสริมสหกรณ์เร่งหาทางช่วยเหลือและบรรเทาความเดือดร้อนของเกษตรกรโดยด่วน เบื้องต้น จึงได้สั่งการให้สหกรณ์จังหวัดทุกจังหวัดประสานเครือข่ายสหกรณ์ในแต่ละพื้นที่ สั่งซื้อเงาะและมังคุดจากสหกรณ์ที่เป็นแหล่งผลิตในภาคใต้ กระจายสู่ผู้บริโภคของแต่ละจังหวัด

โดยให้สหกรณ์ต้นทาง 6 จังหวัด ได้แก่ ชุมพร ระนอง นครศรีธรรมราช สุราษฎร์ธานี พังงา และยะลา เปิดจุดรวบรวมเงาะ มังคุดจากเกษตรกรและสมาชิก เน้นผลไม้ที่ได้คุณภาพมาตรฐาน GAP ก่อนนำมาคัดเกรดบรรจุลงกล่อง และเร่งจัดส่งให้สหกรณ์ที่เป็นตลาดปลายทางเพื่อให้ถึงผู้บริโภคโดยเร็ว

เบื้องต้น มีสหกรณ์ในภาคเหนือ และภาคตะวันออกเฉียงเหนือได้ เปิดรับพรีออเดอร์เงาะและมังคุด ซึ่งมีผู้บริโภคให้ความสนใจทยอยสั่งซื้อผ่านเครือข่ายสหกรณ์อย่างต่อเนื่อง โดยมีสหกรณ์หลัก ๆ ที่เป็นตัวกลางรวบรวมผลผลิต เช่น สหกรณ์การเกษตรพระพรหม จำกัด สหกรณ์การเกษตรเพื่อการตลาดลูกค้า ธ.ก.ส.นครศรีธรรมราช จำกัด สหกรณ์การเกษตรพรหมคีรี จำกัด จ.นครศรีธรรมราช สหกรณ์การเกษตรเมืองสุราษฎร์ธานี จำกัด

สหกรณ์การเกษตรบ้านนาสาร จำกัด จ.สุราษฎร์ธานี กลุ่มเกษตรกรทำสวนปากจั่น อ.กระบุรี จ.ระนอง สหกรณ์การเกษตรเพื่อการตลาดลูกค้าธ.ก.ส.พังงา จำกัด จ.พังงา สหกรณ์รวมใจการเกษตร จำกัด สหกรณ์การเกษตรหลังสวน จำกัด  จ.ชุมพร และชุมนุมสหกรณ์การเกษตรยะลา จำกัด สหกรณ์การเกษตรเพื่อการตลาดลูกค้า ธ.ก.ส.ยะลา จำกัด จังหวัดยะลา โดยมีสหกรณ์ปลายทางอยู่ที่จังหวัดเชียงใหม่ พะเยา นครราชสีมา มหาสารคาม ร้อยเอ็ด อุบลราชธานี ยโสธร ราคามังคุดขายส่งเฉลี่ยกิโลกรัมละ 25 – 35 บาท และเงาะ ราคาขายกิโลกรัมละ 30 บาท 

ทั้งนี้  กรมฯได้ตั้งเป้าหมายกระจายมังคุดผ่านเครือข่ายสหกรณ์ไม่น้อยกว่า 5,216 ตัน และกระจายเงาะไม่น้อยกว่า  3,329 ตัน พร้อมจัดสรรเงินกู้ดอกเบี้ยต่ำจากกองทุนพัฒนาสหกรณ์ วงเงิน 122  ล้านบาทเพื่อให้สหกรณ์กู้ยืมเป็นทุนหมุนเวียนรับซื้อผลผลิตจากสมาชิกและเกษตรกรในราคานำตลาด  เพื่อดึงราคาผลไม้ในพื้นที่ให้อยู่ในระดับที่เหมาะสมและเป็นธรรมแก่พี่น้องเกษตรกร


ส่วนการขนส่งผลไม้ ในปีที่ผ่าน ๆ มา กรมฯได้อุดหนุนงบประมาณจัดซื้อตะกร้าบรรจุผลไม้และรถบรรทุกสินค้าให้เครือข่ายสหกรณ์ ใช้ในการขนส่งผลผลิตการเกษตร ทำให้การจัดส่งสินค้าในเครือข่ายสหกรณ์เป็นไปอย่างสะดวกรวดเร็วทันใจและช่วยยืดอายุของผลผลิตให้ยาวนานก่อนถึงมือผู้บริโภค ผู้ที่สนใจจะอุดหนุนผลไม้สหกรณ์ภาคใต้ สามารถสั่งซื้อผ่านเครือข่ายสหกรณ์ในจังหวัดของท่าน  สำหรับส่วนกลางในเขตกรุงเทพและปริมณฑล สามารถสั่งซื้อกับทางชุมนุมสหกรณ์การเกษตรแห่งประเทศไทย จำกัด โทร. 081-823 3639
#3450
สำหรับการประชุมหรือ เรียนออนไลน์ โปรแกรมมีให้ใช้งานหลากหลายมากๆ ครับ แต่วันนี้ ทางผู้เขียนอยากแนะนำโปรแกรม Zoom หรือชื่อในการค้นหาคือ Zoom meeting นั่นเองครับทำไมโปรแกรม Zoom meeting ถึงมีคนนิยมใช้ทั่วโลก ..?สาเหตุส่วนใหญ่ก็คือ มันตอบโจทย์ ใช้งานง่าย แชร์สกรีนได้ทั้งภาพและมิเดีย แต่ที่ผู้เขียนชอบที่สุดก็น่าจะเป็นการใช้งานแบนด์วิทอินเตอร์เน็ตน้อยมากเมื่อเทียบกับ โปรแกรมอื่นๆ เพราะความเร็วเน็ตในแต่ละที่ก็แตกต่างกัน แล้วแต่ผู้ใช้งานด้วย อันนี้สามารถช่วยได้มากทีเดียว


 การเข้าใช้งาน zoom join ก่อนที่เราจะเข้าใช้งาน Zoom เราจะต้อง sign in เพื่อสมัครก่อนครับ โดยไปที่https://zoom.us/signin   แล้วกด Sign in อาจเลือกเป็น sign in ด้วย google หรือ Facebook ก็ได้นะครับ





 1.      ผ่านทางหน้าเว็ป https://zoom.us/signin
 2.      ผ่านโปรแกรมที่ดาวน์โหลดติดตั้งไว้ในเครื่อง (ทั้งคอมพิวเตอร์ , Notebook , Tablet , มือถือ)ในทีนี้ ผู้เขียน เลือกที่จะเข้าแบบที่ 2 นะครับ เพราะมันง่ายดี เลือกโปรแกรม zoom meeting ในคอมฯของคุณเปิดขึ้นมาจะเป็นหน้าต่างแบบนี้ครับ เข้าใช้งานด้วย Email ที่สมัครไว้ครับ ก็จะสามารถใช้งานได้แล้วครับผม
#3451




เมื่อเร็วๆนี้ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี(ครม.)รับทราบผลการประชุมคณะกรรมการนโยบายการพัฒนาเขตเศรษฐกิจพิเศษ (กพศ.) ครั้งที่ 1/2564 และมอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการ ตามที่สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) เสนอ

     สาระสำคัญประกอบด้วยการขับเคลื่อนการพัฒนาเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษ 10 แห่งได้แก่ เขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษตาก สงขลา สระแก้ว ตราด หนองคาย นครพนม มุกดาหาร เชียงราย กาญจนบุรี และนราธิวาส 

โดยกำหนดกรอบการพัฒนา ได้แก่ ประกอบด้วยการรับฟังความคิดเห็นจากภาคส่วนต่าง ๆ สิทธิประโยชน์โดยมีหลักเกณฑ์การพิจารณา เช่น ต้องเชื่อมโยงการพัฒนาตั้งแต่ 3 จังหวัดขึ้นไป พื้นที่มีศักยภาพและความพร้อมในการพัฒนา และเครือข่ายกิจกรรมทางเศรษฐกิจสามารถเชื่อมโยงในลักษณะของห่วงโซ่มูลค่า 

เขตเศรษฐกิจพิเศษกำลังเป็นอีกเครื่องมือดึงดูดการลงทุนเพื่อเป็นกลไกพื้นเศรษฐกิจหลังโควิด ซึ่งนอกตากเขตพัฒนาพิเศษภาคตะว้ันออก(อีอีซี) แล้วจากนี้จะมีเขตศก.พิเศษกระจายอยู่ในทุกภูมิภาคของประเทศด้วย 
#3452



รายงานข่าวจากบริษัทศูนย์วิจัยกสิกรไทย จำกัด เปิดเผยว่า ภาพรวมเงินให้สินเชื่อและดอกเบี้ยค้างรับสุทธิของธนาคารพาณิชย์จดทะเบียนในประเทศ 19 แห่ง (ธ.พ.ไทย) ณ สิ้นเดือน มิ.ย. 2564 ขยับขึ้นจากเดือนก่อนหน้าประมาณ 7.84 หมื่นล้านบาท ซึ่งทำให้ศูนย์วิจัยกสิกรไทยประเมินว่า อัตราการเติบโตของสินเชื่อระบบธ.พ.ไทยน่าจะปิดสิ้นไตรมาส 2/2564 ที่ระดับประมาณ 4.4% YoY เทียบกับ 4.6% YoY ในไตรมาสที่ 1/2564

โดยแม้จะเริ่มชะลอตัวลง แต่ก็ยังไม่มากนัก เพราะได้รับแรงประคองทิศทางกลับมาบางส่วนจากการขยายตัวต่อเนื่องของสินเชื่อใน 2 ส่วนหลัก ได้แก่ (1) สินเชื่อกลุ่มธุรกิจขนาดใหญ่เพื่อเสริมสภาพคล่องและใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนในช่วงสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด 19 และ (2) สินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัย โดยเฉพาะในกลุ่มลูกค้าที่ยังคงมีกำลังซื้อ กลุ่มที่อยู่อาศัยแนวราบราคาประมาณ 1-3 ล้านบาท และ 3-5 ล้านบาท ตามลำดับ 

อย่างไรก็ตาม หากขาดแรงส่งของสองกลุ่มสินเชื่อดังกล่าวที่มาจากลูกค้าที่ยังมีขีดความสามารถในการกู้เงินและสามารถบริหารจัดการผลกระทบจากโควิดได้นั้น คาดว่าจะเห็นตัวเลขอัตราการขยายตัวของสินเชื่อที่ชะลอตัวอย่างชัดเจนขึ้น นำโดยสินเชื่อเอสเอ็มอี และสินเชื่อรายย่อยประเภทอื่นๆ อาทิ สินเชื่อเช่าซื้อ และสินเชื่อเพื่อการอุปโภคบริโภค

เงินฝากเติบโตในอัตราชะลอลงเช่นกัน โดยส่วนหนึ่งอาจเป็นเพราะเทียบกับฐานที่สูงในช่วงเดียวกันปีก่อน  

สำหรับภาพรวมเงินรับฝากของระบบธ.พ.ไทย ณ สิ้นเดือน มิ.ย. 2564 ลดลงจากเดือนก่อนหน้า 1.09 แสนล้านบาท นับเป็นการปรับลดลงครั้งแรกในรอบ 5 เดือน โดยเป็นการปรับตัวลงในเกือบทุกธนาคาร ส่วนหนึ่งอาจเป็นผลของการนำเงินฝากไปลงทุนในตัวเลือกที่ให้ผลตอบแทนสูงกว่า ประกอบกับมีการทยอยเบิกใช้สภาพคล่องเพื่อรองรับสถานการณ์โควิด 19 ทั้งในส่วนของภาคธุรกิจและผู้ฝากเงินรายย่อย ซึ่งทำให้ภาพรวมเงินฝาก ณ สิ้นไตรมาส 2/2564 ชะลอการขยายตัวลงมาที่ 4.0% YoY เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน จากอัตราการขยายตัวที่ 5.0% YoY ในไตรมาสที่ 1/2564


นอกจากนี้หากพิจารณาเงินฝากในกลุ่มผู้ฝากเงินรายย่อย จะพบว่า เงินฝากกลุ่มรายย่อยยังเติบโตในอัตราใกล้เคียงกับภาพรวมเงินฝากทั้งระบบ

อย่างไรก็ดี ภาพเงินฝากรายย่อยอาจแบ่งออกได้เป็น 2 กลุ่ม ได้แก่ 1) เงินฝากรายย่อยในกลุ่มที่วงเงินต่อบัญชีสูงกว่า 1 ล้านบาท (สัดส่วน 65% ของเงินฝากรายย่อยโดยรวม) ซึ่งประคองการเติบโตได้สูงกว่าเงินฝากรายย่อยในภาพรวม และ 2) เงินฝากรายย่อยในกลุ่มที่วงเงินต่อบัญชีไม่เกิน 1 ล้านบาท (สัดส่วน 35% ของเงินฝากรายย่อยโดยรวม) ที่มีอัตราการเติบโตที่ชะลอลงอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะในกลุ่มวงเงินต่อบัญชีไม่เกิน 50,000 บาท และกลุ่มวงเงินต่อบัญชีเกินกว่า 50,000 บาทแต่ไม่เกิน 100,000 บาท  ซึ่งอาจสะท้อนภาพการนำเงินฝากบางส่วนมาใช้เพื่อประคองสถานการณ์ในช่วงโควิด-19


ในช่วงครึ่งหลังของปี 2564 ศูนย์วิจัยกสิกรไทย คาดว่า ความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจจะทำให้ความต้องการสินเชื่อจากกลุ่มลูกค้าที่ยังพอมีรายได้หรือศักยภาพนั้น เป็นไปอย่างระมัดระวัง ทำให้การเติบโตของสินเชื่อปิดสิ้นปี 2564 ในอัตราการเติบโตใกล้เคียงระดับกลางปีที่ประมาณ 4.5% ซึ่งชะลอลงจากที่ขยายตัว 5.8% ในปี 2563

ทั้งนี้ ศูนย์วิจัยกสิกรไทย ประเมินว่า ยอดคงค้างสินเชื่อของระบบธ.พ.ไทยในครึ่งหลังของปี 2564 มีโอกาสขยายตัวได้ต่อเนื่อง เพียงแต่แรงหนุนสำคัญยังมาจากมาตรการช่วยเหลือลูกหนี้ของสถาบันการเงิน ทั้งในส่วนของการปล่อยสินเชื่อเพื่อช่วยเหลือด้านสภาพคล่องกับกลุ่มลูกค้าธุรกิจ และการเร่งอนุมัติสินเชื่อผ่านโครงการสินเชื่อฟื้นฟู

ขณะที่การช่วยเหลือลูกหนี้ผ่านมาตรการพักชำระหนี้และปรับโครงสร้างหนี้ น่าจะส่งผลทำให้การชำระคืนหนี้ช้าลง และลดแรงกดดันต่อยอดคงค้างสินเชื่อในภาพรวม อย่างไรก็ดี การปล่อยสินเชื่อใหม่ในส่วนอื่นๆ น่าจะเริ่มชะลอลง เนื่องจากสถานการณ์โควิดในประเทศยังมีความไม่แน่นอนสูง ซึ่งทำให้ทั้งฝั่งลูกค้าชะลอความต้องการสินเชื่อเพื่อลงทุนออกไป ขณะที่ฝั่งสถาบันการเงินยังคงต้องประเมินความเสี่ยงด้านเครดิตจากการปล่อยสินเชื่ออย่างระมัดระวัง 
#3453



นายอรรถนพ พันธุกำเหนิด ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ซิซซา กรุ๊ป จำกัด ผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์เพื่อการลงทุนรูปแบบ กล่าวว่า หลังจากที่ภาครัฐเปิดโครงการ "ภูเก็ต แซนด์บ็อกซ์" เกือบ 1 เดือนที่ผ่านมานั้น ยังไม่สามารถตอบได้ว่าโมเดลดังกล่าวช่วยเหลือผู้ประกอบการภูเก็ตได้มากน้อยเพียงใด เพราะยังไม่มีการประเมินจากภาครัฐในส่วนของภาคธุรกิจอสังหาริมทรัพย์นั้น แทบจะไม่เกิดประโยชน์ เพราะชาวต่างชาติหวังเข้ามาท่องเที่ยวเพียงอย่างเดียว ไม่มีเจตนาเข้ามาลงทุนแต่อย่างใด ในขณะที่ชาวต่างชาติบางส่วน ที่ซื้อบ้านหลังที่ 2 ไว้ที่ภูเก็ตก่อนหน้านี้ ก็ไม่สามารถเข้าพักได้ทีเดียว เนื่องจากต้องไปกักตัวในโรงแรมในระบบที่ภาครัฐจัดเตรียมไว้ให้ก่อน 14 วัน จึงเป็นข้อจำกัดที่ทำให้ชาวต่างชาติไม่อยากเดินทางเข้ามาในประเทศไทยในช่วงนี้ ซึ่งมองว่าภาครัฐยังขาดความพร้อมและการวางแผนที่รัดกุม

ทั้งนี้การเปิด "ภูเก็ต แซนด์บ็อกซ์" มีข้อดีคือได้ทดลองเปิดดู หากผลเสียมีมากกว่า ธุรกิจทั่วไปยังไม่ได้รับผลประโยชน์ และนักท่องเที่ยวยังถูกจำกัดการทำกิจกรรมอยู่ ก็ยังรู้สึกไม่เกิดผลดีกับภาพรวมของภูเก็ต ซึ่งมองว่า ต้องหยุดเรื่องการติดเชื้อให้ลดน้อยลงที่สุดก่อน หากนำวัคซีนที่มีคุณภาพเข้ามาได้ ก็จะสามารถเปิดทุกกิจกรรมให้นักท่องเที่ยวได้ ทั้งนี้ภาครัฐต้องแก้ไขปัญหา ประเมินข้อดี ข้อเสียก่อน เพื่อให้ทุกอย่างรัดกุมมากกว่านี้

"นักท่องเที่ยวพอมาถึงประเทศไทยและได้ยินข้อมูลด้านลบ เพราะในภูเก็ตยังมีการติดเชื้ออยู่ ทำให้นักท่องเที่ยวได้รับการติดเชื้อไปด้วย ทำให้บรรยากาศรู้สึกไม่ปลอดภัย และนักท่องเที่ยวเกิดความกังวล ทำให้รีบเดินทางกลับประเทศ ส่วนคนที่กำลังจะมาภูเก็ตก็รอดูท่าทีก่อน โมเดลนี้ไม่ถือว่าล้มเหลว ถือว่าเป็นจุดเริ่มต้น เพื่อเริ่มทดลองและได้เห็นปัญหา ซึ่งก็ต้องนำปัญหานั้นมาแก้ไข แต่ไม่ทราบว่าภาครัฐมีการแก้ไขมากน้อยเพียงใด หากเปิดประเทศไม่ได้ แต่สามารถเปิดภูเก็ตได้ เพราะช่วงไฮซีซั่นก็ต้องมีชาวต่างชาติกลับมาอย่างแน่นอน ซึ่งควรแก้ปัญหาด้วยการหาวัคซีนมาฉีดให้คนในภูเก็ตให้หมด และคลายกฎให้นักท่องเที่ยว รวมไปถึงทำประชาสัมพันธ์ระดับโลกว่าภูเก็ตมีอัตราการติดเชื้อต่ำ ซึ่งภาครัฐอาจมองในมุมที่ต่างจากผู้ประกอบการเพราะประเทศไทยไม่ได้ใช้ระบบการทำการตลาดไปทั่วโลก ให้ชาวต่างชาติรับรู้ว่าภูเก็ตมีความพร้อมแล้ว แต่สิ่งที่รัฐขาดคือความเป็นอินเตอร์เนชั่นแนล ทำให้การประชาสัมพันธ์การเปิด 'ภูเก็ต แซนด์บ็อกซ์' ไม่เป็นไปในทิศทางที่จะเป็น แต่ก็ยังมีเวลาที่จะแก้ไขได้ก่อนที่จะถึงช่วงไฮซีซั่น ซึ่งเชื่อว่าจะมีนักท่องเที่ยวกลับมาภูเก็ตอย่างแน่นอน" นายอรรถนพ กล่าว

สำหรับ ผู้ประกอบการอสังหาฯในภูเก็ตมีความต่างกันพอสมควร เพราะไม่ได้เป็นสมาชิกในสมาคมอสังหาริมทรัพย์ภูเก็ตทุกคน ซึ่งมีทั้งผู้ประกอบการที่สร้างบ้านเพื่อขาย และลงทุน มีทั้งคนไทยและต่างชาติ ดังนั้นจึงอยากจะฝากถึงรัฐบาล ในการช่วยภาคธุรกิจอสังหาฯและท่องเที่ยว หากมีการทำประชาสัมพันธ์เมืองภูเก็ต ก็ควรที่จะดึงงบประมาณบางส่วนให้ภูเก็ตเป็นเมืองท่องเที่ยวระดับโลกนักท่องเที่ยวมาแล้วรู้สึกประทับใจ ระบบราชการต้องมีความเป็นอินเตอร์เนชั่นแนล รวมไปถึงควรตัดวงจรกลุ่มที่ขูดรีดชาวต่างชาติ และคนไทยด้วยกันออกไปให้หมด และควรมีงบบำรุงสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญ อีกทั้งเพื่อความยั่งยืนของภูเก็ตควรเปิดโอกาสให้นักลงทุนเข้ามาร่วมทุนกับภาครัฐเพื่อดึงดูดนักท่องเที่ยวเข้ามาในภูเก็ตมากขึ้น

"การที่จะดึงให้ชาวต่างชาติเข้ามาลงทุนในภูเก็ต ภาครัฐควรมีการแก้ไขกฎหมายต่างๆ อาทิ 1. ดึงนักลงทุนมาลงทุนอสังหาฯด้วยการแก้ไขสิทธิกฎหมายการเช่าที่ดินจากเดิม 30 ปี เป็น 90 ปี , 2. เปิดโอกาสให้ชาวต่างชาติถือครองกรรมสิทธิ์คอนโดได้ 100% จากเดิม 49% , 3. การลงทุนกิจการในภูเก็ตไม่ควรคิดมาตรการด้านภาษีรายได้ โดยไม่หักภาษีชาวต่างชาติ เพื่อให้นำเงินออกนอกประเทศได้ ซึ่งจะทำให้เกิดเงินสะพัด ภาคธุรกิจมีการเติบโต และ 4.หากชาวต่างชาติที่มีการลงทุนเกิน 30 ล้านบาท ควรให้วีซ่าเกิน 30 ปีไปเลย หากสามารถปลดกฎพวกนี้ได้ ราคาที่ดินภูเก็ตจะพุ่งขึ้นเป็น 2-3 เท่าตัวอย่างแน่นอน และทำให้เกิดการจ้างงาน เงินสะพัด เพราะที่ยุโรป อเมริกาก็ทำกันมาก ซี่งอยากให้รัฐเข้าใจและพัฒนาอย่างจริงจัง" นายอรรถนพ กล่าว

ในส่วนของ "ซิซซา กรุ๊ป" นั้นในช่วงวิกฤติการแพร่ระบาดของโควิต-19 ได้พยายามประคับประคองธุรกิจให้อยู่ได้ ทั้งส่วนของการพัฒนาอสังหาฯเพื่อการขายและธุรกิจโรงแรม รวมไปถึงพยายามหารายได้เพิ่มขึ้น ด้วยการจัดแคมเปญต่างๆหรือมีการลดราคาสินค้า เพื่อดันยอดขายเพิ่มขึ้น อีกทั้งหาช่องทางหรือเปิดธุรกิจใหม่ๆเพื่อสร้างรายได้ เช่น การร่วมทุนกับกลุ่มพันธมิตรเปิดตัวโครงการ "Natai Medical Center & Resort" ที่จะขายแพ็กเกจให้กับนักลงทุนล่าสุดเพื่อเป็นการกระตุ้นยอดขายในช่วงไตรมาส 3/2564 บริษัทได้นำโครงการ "วินแดม แกรนด์ ในหาน บีช ภูเก็ต" มาจัดโปรโมชั่น "Pay Less Get TRIPLE" ซื้อ 1 ได้ถึง 3 ต่อ คุ้มค่าเหนือทุกเงื่อนไข กับการลงทุนแบบ Unit Ownership
#3454


แม้ในห้วงวิกฤติเศรษฐกิจที่มีผลจากการหดตัวลงของการค้าทั่วโลก เนื่องจากการแพร่ระบาดของเจ้าไวรัสโควิด-19 ที่ทำเอาการค้าอัญมณีและเครื่องประดับหัวทิ่มหัวตำไปตามๆกัน ไม่จำเพาะแต่บ้านเราที่ถือเป็นผู้ส่งออกรายใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งของโลก ทั้งการขายอัญมณีพลอยก้อน พลอยร่วง (พลอยที่ยังไม่เข้าตัวเรือนเป็นเครื่องประดับ) และที่นำโด่งกว่าใครๆก็คือการเป็นผู้ผลิตและส่งออกเครื่องประดับเงิน ซึ่งถือเป็นผู้ส่งออกรายใหญ่ที่สุดของโลกอีกด้วย

นับตั้งแต่โควิด-19 ทำพิษมาตั้งแต่ต้นปี 2563 จนถึงสิ้นปี 2563 การค้าเครื่องประดับและอัญมณีดิ่งหัวลงสวนทางกับการแพร่กระจายของไวรัส เพราะในปีที่ผ่านมาทั้งโลกยังคงตระหนกกับการกลายพันธุ์ของไวรัส และจำนวนผู้ติดเชื้อที่เพิ่มขึ้น

มาในปีนี้ หลายประเทศได้มีการฉีดวัคซีนกันไปแล้ว แม้จะไม่สามารถสร้างให้เกิด Herd Immunity หรือภูมิคุ้มกันหมู่ได้อย่างทฤษฎี แต่ประเทศในแถบยุโรป และหลายรัฐในอเมริกา ก็เริ่มปลดล็อคและหันมาทำการค้าการขายกันได้มากขึ้น แม้จะไม่มากเหมือนในช่วงเวลาก่อนการระบาดของโควิดก็ตาม อัญมณีและเครื่องประดับก็มีแนวโน้มจะกลับมาสร้างความสดใสให้กับผู้บริโภค หลังจากที่ต้องเก็บตัวอยู่กับบ้านมาเป็นเวลาแรมปี

บ้านเราซึ่งเป็นแหล่งค้าพลอยอันดับโลก พลอยได้รับอานิสงค์ของการเปิดให้ทำการค้าขายด้วย โดยพลอยร่วงของบ้านเราก็ทำการเจียระไน และส่งออกไปยังต่างประเทศโดยเฉพาะในทางยุโรปเพิ่มสูงขึ้น โดยเฉพาะส่งไปยังสหราชอาณาจักร สูงขึ้นถึงร้อยละ 53.71 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน (มกราคม - พฤษภาคม 2563) ในทำนองเดียวกันตลาดอย่างประเทศออสเตรเลีย ไทยเราก็ขายไปให้เขาได้สูงขึ้นถึงร้อยละ 456.21 มากถึงสี่เท่าครึ่งทีเดียว ตลาดเก่าและตลาดใหม่ ที่เพิ่มสูงขึ้นนี้มีทั้งตลาดที่ยังคงมีอัตราการติดเชื้อสูง และมีทั้งประเทศที่มีอัตราการระบาดยังคงต่ำอยู่ ซึ่งทำให้ทิศทางของพลอยสีบ้านเรานั้นมีทางรอดจากทั้งสองตลาดนี้ได้

สุเมธ ประสงค์พงษ์ชัย ผู้อำนวยการสถาบันวิจัยและพัฒนาอัญมณีและเครื่องประดับแห่งชาติ
สุเมธ ประสงค์พงษ์ชัย ผู้อำนวยการสถาบันวิจัยและพัฒนาอัญมณีและเครื่องประดับแห่งชาติ


มาถึงพระเอกของตลาดเครื่องประดับกันบ้าง เรามีชื่อเสียงด้านการผลิตและส่งออกเครื่องประดับเงินมาอย่างยาวนาน การฟื้นตัวของเศรษฐกิจในประเทศที่สามารถควบคุมโควิด หรือปรับเปลี่ยนการดำรงชีวิตให้อยู่กับไวรัสตัวนี้ได้ ทำให้ผู้คนเริ่มกลับมาใช้ชีวิตเกือบเป็นปกติ โดยมีการปรับพฤติกรรมแบบ New normal ส่งผลให้การส่งออกเครื่องประดับเงินของบ้านเรานั้น มีทิศทางสดใสขึ้นแบบอาทิตย์ขึ้นในยามเช้าทีเดียว โดยเฉพาะเครื่องประดับเงินที่ส่งออกไปยังสหรัฐอเมริกา ออสเตรเลีย สหราชอาณาจักร และ ญี่ปุ่น เพิ่มขึ้นโดยรวมถึงร้อยละ 20.26 นำเม็ดเงินมูลค่าถึง 620.91 ล้านเหรียญสหรัฐ เข้ามาในเมืองไทย พอให้ผู้ผลิตสินค้าเครื่องประดับเงินพอได้หายใจคล่องขึ้น

แต่จากการลองสำรวจ พบว่า แนวโน้มผู้บริโภคสินค้าเครื่องประดับเงิน จะซื้อสินค้าที่มีขนาดและราคาย่อมเยาลง ดังนั้นผู้ประกอบการเครื่องเงินจึงต้องประคับประคองตัวด้วยการออกแบบผลิตภัณฑ์ใหม่ๆให้ถูกใจตลาดมากแบบยิ่งขึ้น และเมื่อราคาต่อชิ้นถูกลง แน่นอนว่าระดับของอายุผู้ใช้เครื่องประดับเงินก็น่าจะขยายวงกว้างมากขึ้นอีกด้วย

หันมาดูการสนับสนุนจากภาครัฐ จะเห็นได้ว่าเราพยายามจะต่อรองกับนานาชาติในภาพรวม เป็นลักษณะข้อตกลงทางการค้าทวิภาคี หรือพหุภาคี หรือถ้าจะเรียกให้เข้าใจง่ายๆ ก็คือ รัฐบาลของเราไปตกลงกับรัฐบาลผู้นำเข้าสินค้าของเราให้ลดข้อจำกัดในการนำเข้าลง เช่น ลดภาษี หรือส่งเสริมให้มีการซื้อขายแบบจับคู่ เราซื้อเขา เขาซื้อเรา

แต่ทว่า การตกลงกันในระดับรัฐบาล ต่อ รัฐบาล ในวันนี้ก็อาจจะยังไม่พอ จึงได้มีความพยายามที่จะลงลึกและกว้างลงไปถึงการไปเจรจากับระดับเมืองกันเลยทีเดียว ล่าสุด เรารู้ว่าชาวโคฟุ เมืองยามานาชิ ประเทศญี่ปุ่น ซึ่งอยู่ในภูมิภาคชูบุ แหล่งปลูกองุ่นเคียวโฮ ที่มีชื่อเสียงไปทั่วโลก โดยเฉพาะสถานที่มีชื่อเสียงอย่างทะเลสาบคาวากุจิโกะ ที่มีจุดถ่ายรูปฟูจิซัง หรือภูเขาไฟฟูจิอันสวยงาม ดินแดนอันมีมนต์เสน่ห์แห่งนี้ยังมีความสามารถเรื่องการทำตัวเรือนเครื่องประดับ และเป็นแหล่งผลิตเครื่องประดับชั้นนำของญี่ปุ่น ที่มีช่างฝีมือมากมาย อีกทั้งเมืองแห่งนี้ยังมีชื่อเสียงด้านการทำคริสตัลที่อย่างยาวนาน



การมีข้อตกลงระหว่างรัฐบาลไทย และเมืองโคฟุ นั้นเท่ากับเป็นการเข้าไปล้วงถึงตับ ล้วงถึงแหล่ง ของคนที่ต้องนำเอาพลอยไปใช้จริง แนวโน้มเช่นนี้ จึงเป็นกลยุทธ์ที่เรียกกันว่า "เปิดโอกาสการค้า พัฒนาพันธมิตรเมืองรอง" อันจะทำให้เราสามารถเจรจาโดยตรงกับคนใช้งาน ไม่ต้องผ่านชั้นขั้นตอนต่างๆ ให้เสียเวลา เพราะการค้าต้องทำอย่างรวดเร็ว การยิงลูกตรงเพื่อไปตุงตาข่ายฝ่ายผู้ซื้อแบบนี้ช่วยให้เราสามารถสร้างยอดขายได้อย่างไม่ยากนัก

การลงนามความร่วมมือเชิงลึกในระดับเมืองของประเทศที่มี FTA กันแบบเดิม บวกกับนโยบายการรุกคืบแบบ พันธมิตรเมืองรอง ทำให้การแลกเปลี่ยนองค์ความรู้ การผลิต การถ่ายทอดเทคโนโลยีระหว่าง SME ทั้งสองประเทศเป็นไปอย่างรวดเร็ว ตรงเป้า และเชื่อได้ว่านี่ไม่ได้เป็นเพียงคู่เจรจาเดียวที่จะเกิดขึ้น แต่จะเกิดขึ้นกับเมืองรองอื่นๆ โดยตรงต่อไป

ไทยรวมพลังฝ่าฟันวิกฤติด้วยธุรกิจอัญมณีและเครื่องประดับ ที่ร่วมประสานการขับเคลื่อนโดย หน่วยงานภาครัฐ สมาคมการค้า สมาคมผู้ผลิต และประสานความร่วมมือจากสถาบันแห่งชาติด้านอัญมณี อย่างสถาบันวิจัยและพัฒนาอัญมณีและเครื่องประดับแห่งชาติ (องค์การมหาชน) หรือ GIT น่าจะทำให้อุตสาหกรรมอัญมณีและเครื่องประดับของไทยฝ่าวิกฤตินี้ไปได้ อย่างไรก็ดีการโต้คลื่นเศรษฐกิจในปัจจุบัน เราจำเป็นต้องปรับตัวอย่างรวดเร็วในทุกด้าน การควบคุมค่าใช้จ่าย และพัฒนาด้านแรงงานให้มีประสิทธิภาพ จะเป็นทิศทางสู่การรอดจากวิกฤติครั้งนี้ได้อย่างแน่นอน
#3455
3in1 led 36pcs 1w led flat par light DJ DMX512 Stage Lighting   

ไฟเวที LED FLAT PAR สุดคุ้มการใช้ ปาร์ตี้, ดิสโก้, KTV, ผับ, ร้านอาหาร, สวน, สวนสาธารณะ, พลาซ่า เพิ่มความตื่นตาตื่นใจ ด้วยชุดไฟ วิบวับ  แค่ 990 บาท 

- 1 หลอดมีหลาย สี  RGB MiXED COLOR
- วัตต์: ประมาณ 36 x  วัตต์
- แรงดันไฟฟ้า: 110-220 - v
-แหล่งพลังงาน: AC
- สามารถใช้ได้กับเครื่องควบคุมสัญญาณไฟ DMX512 
- รูปแบบไฟเปลี่ยนได้ถึง 7 แบบ ได้แก่ ปล่อยอัตโนมัติ เปลี่ยนตามจังหวะดนตรี master-slave
- รับประกัน 1 เดือน

สนใจ ติดต่อสอบถามหรือสั่งซื้อสินค้า
โทร : 094-5102033
LINE :@gentech
หรือคลิก https://lin.ee/eYs6pVN


#ป้ายNeonflex #ป้ายไฟสั่งทำ #ป้ายเชียร์ #ป้ายร้าน #ป้ายไฟดัด #ป้ายไฟled
#lighting #ไฟled #ledonhome #ป้ายไฟ #ป้ายไฟร้าน #ราคาป้ายไฟ #อุปกรณ์ไฟ
#โคมไฟ #ไฟตกแต่ง #ไฟประดับ #ไฟดาวไลน์led #วิธีเปลี่ยนหลอดled #วิบวับ #laser






#3456
การดูแลสุขภาพอนามัยเป็นเรื่องที่จำเป็นอย่างมาก  ยิ่งในยุคปัจจุบันการมีบุคลิกภาพที่ดีมักจะนำมาซึ่งโอกาสที่ดีกว่าเสมอ บุคลิกภายนอกจึงเป็นสิ่งสำคัญเป็นปราการด่านแรกที่จำทำให้คุณประสบความสำเร็จได้ ไม่ว่าคุณจะเป็นเพศใด ทำงานลักษณะไหน เชื่อว่าล้วนแต่ต้องการมีบุคลิกภาพที่ดี แลดูสะอาดชวนมองด้วยกันทั้งนั้น  ชุดมีดโกนหนวดอเนกประสงค์พร้อมใบมีด36ใบมีด จึงเหมาะที่คุณจะเลือกมาเป็นตัวช่วยให้ทั้งคุณผู้ชายและคุณผู้หญิงได้มีบุคลิกภาพที่ดีขึ้น ด้วยคุณสมบัติที่ใช้งานง่าย  สะอาด สะดวกรวดเร็วและรับรองในความคุ้มค่าคุ้มราคาที่สุดด!!
สั่งซื้อ https://razor69.lnwshop.com
#3457


Team Thailand จะแข่งแล้ว มาร่วมกดอิโมจิ และส่งข้อความให้กำลังใจนักกีฬาเทควันโดทีมชาติไทยทั้ง 2 คน ก่อนแข่งนัดสำคัญวันพรุ่งนี้  ในการแข่งขัน Olympic Games Tokyo 2020

มาร่วมแสดงความคิดเห็นเชิงบวก และส่งมอบกำลังใจก่อนแข่งไปถึงน้องๆ เพื่อเป็นกำลังใจและแรงผลักดันในการแข่งขัน เราจะไม่ปล่อยให้น้องๆต้องสู้เพียงลำพัง เพราะเราคือทีมเดียวกัน #TeamThailand

ติดตามการแข่งได้ตามวันและเวลาดังต่อไปนี้

วันเสาร์ที่ 24 กรกฎาคม 2564

น้องเทนนิส เริ่มแข่งเวลา 09.38 น. (เวลาไทย)

ฝ่ายหญิง รุ่น -49 กก. สนาม 1 คู่ที่ 8

คู่แข่ง (รอผลคู่ที่ 1)

น้องจูเนียร์ เริ่มแข่งเวลา 10.48 น. (เวลาไทย)

ฝ่ายชาย รุ่น -58 กก. สนาม 1 คู่ที่ 13

คู่แข่งจากประเทศออสเตรเลีย Khalil Safwan

ร่วมเชียร์และส่งกำลังใจให้กับน้องๆ พาชัยชนะกลับมาฝากคนไทยไปด้วยกัน ผ่านการถ่ายทอดสดทางทีวิดิจิตอล 2 ช่อง คือ GMM 25 และ JKN 18 และทางออนไลน์ AIS Play ช่อง 3

#Tokyoolympics #Olympics #Tokyo2020 #Taekwondo #TeamThailand #Thailand #Tokyo #TaekwondoAssociationofThailand #สมาคมกีฬาเทควันโดแห่งประเทศไทย
#3458


เปิดห้องเรียนศัพท์ดังจากหนังดี เฮฮาที่หน้าจอไปกับรายการ  "ซีนเด็ด...ภาษาหนัง (Movie Language)" จากช่อง MONO29 (โมโนทเวนตี้ไนน์) โดยวันอาทิตย์ที่ 25 ก.ค.2564 เวลา 17.55 น. สองพิธีกรมาสเตอร์ด้านภาษา "ครูคริส-คริสโตเฟอร์ ไรท์" และ "ครูเต้-สุผจญ กลิ่นสุวรรณ"  พร้อมเปิดคอร์สแกะศัพท์ภาษาอังกฤษ จากภาพยนตร์คลาสสิคขึ้นหิ้ง เรื่อง "คุณพ่อมนุษย์หิมะ (Jack Frost)" สุดยอดภาพยนตร์ดราม่า ครอบครัวสร้างแรงบันดาลใจในเมืองหิมะ นำทีมโดยนักแสดงแถวหน้าแห่งฮอลลีวู้ด "ไมเคิล คีตัน" เมื่อปาฏิหาริย์เกิดขึ้นจริง ความตายไม่อาจพรากช่วงเวลาแห่งความสุขของครอบครัวที่แสนอบอุ่นได้ เกิดเป็นบทบาทสุดเฉิดฉาย เต็มอิ่มไปกับศัพท์ภาษามากมาย พร้อมประโยคน่าใช้น่าฟังเอาใจคอหนังอีกเพียบ

พิธีกรคู่หู "ครูคริส-ครูเต้" ทะลุจอเข้าไปรับความหนาวในเมืองหิมะ มนุษย์หิมะ "Snowman (สโนวแมน)" ที่เกิดอุบัติเหตุ "Accident (แอค-ซิเด็นท)"  ทางรถยนต์ทำให้เขาเสียชีวิต รอคอย ปาฏิหาริย์ "Miracle (มิราเคิล)"  ที่ลูกชายขอพรให้พ่อฟื้นคืนชีพอีกครั้ง  สองคุณพ่อพิธีกร ยกประโยคคำสอนอาทิ  "Hey, life is full of setbacks. Look at me. I'm a snowdrift with arms. You can give up or you can keep firing the puck bud."  มาแปลพบข้อคิดดีๆ จากหนังดัง ศัพท์เด็ดๆ ประโยคโดนๆ ได้อีกมากมาย ในรายการ "ซีนเด็ด...ภาษาหนัง (Movie Language)" ในวันอาทิตย์ที่ 25 ก.ค.นี้ เวลา 17.55 น.  ทางทีวีดิจิตอลหมายเลข 29 และ แอพพลิเคชั่น MONO29  http://bit.ly/2GE0XdR 
#3459


นายวรวุฒิ กาญจนกูล นายกสมาคมธุรกิจรับสร้างบ้าน กล่าวว่า ทางสมาคมฯได้ทำการสำรวจและทำแบบสอบถามไปยังกลุ่มตัวอย่างผู้บริโภคจำนวนกว่า 400 ราย พบว่าสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 มีผลต่อการตัดสินใจในการปลูกสร้างบ้านมากถึง 72% ส่วนที่เหลือ 28% ไม่มีผลต่อการตัดสินใจในการปลูกสร้างบ้าน ข้อมูลดังกล่าวคาดว่าเป็นกลุ่มบ้านราคาแพงซึ่งตลาดยังพอไปได้ต่างจากบ้านขนาดเล็กหรือตลาดทั่วไป ระดับราคาไม่เกิน 5 ล้านบาท การแพร่ระบาดของโควิด-19 มีผลต่อการตัดสินใจปลูกสร้างบ้านมาก ด้วยเหตุนี้อาจเป็นอีกเหตุผลหนึ่งที่ทำให้บริษัทรับสร้างบ้านที่เดิมเน้นตลาดทั่วไป ราคาไม่เกิน 5 ล้านบาท ได้ขยับมาจับตลาดบ้านราคาแพงตั้งแต่ 10 ล้านบาทขึ้นไป


เมื่อถามว่าต้องการจะปลูกสร้างบ้านพร้อมเข้าอยู่ใช้เวลาในการปลูกสร้างกี่ปีนั้น พบว่าพร้อมปลูกสร้างไม่เกิน 6 เดือนคิดเป็นสัดส่วน 24% และใช้เวลามากกว่า 6 เดือนถึง 2 ปีคิดเป็นสัดส่วน 65% และ ใช้เวลา 2-3 ปี คิดเป็นสัดส่วน 11% ตามลำดับ แสดงให้เห็นว่าผู้ที่ต้องการสร้างบ้านส่วนใหญ่ จะไปสร้างบ้านในปี 2565- 2566 ซึ่งเป็นช่วงที่การแพร่ระบาดของโควิด-19 น่าจะคลี่คลาย ส่วนทำเลที่เลือกปลูกสร้างบ้านนั้น 3 ทำเลที่ต้องการปลูกสร้างมากสุดคือ อันดับหนึ่งยังเป็นพื้นที่ในกรุงเทพมหานคร/ปริมณฑลคิดเป็นสัดส่วน 37% อันดับสองและอันดับสามคือ ภาคกลาง และภาคใต้ คิดเป็นสัดส่วน 18% จากสัดส่วนนี้แสดงให้เห็นว่าความต้องการของลูกค้ากลุ่มรับสร้างบ้านกว่า 55% ยังอยู่ในพื้นที่กรุงเทพและปริมณฑล รวมถึงภาคกลาง

พร้อมกันนี้จากแบบสอบถามที่ได้จากกลุ่มผู้บริโภคที่ยังตัดสินใจในการปลูกสร้างบ้านกับบริษัทที่เป็นสมาชิกของสมาคมฯ ถึง 84.2% นั้นสะท้อนภาพได้ว่าผู้บริโภคยังมีความเชื่อมั่น ดังนั้นทางสมาคมธุรกิจรับสร้างบ้าน ได้ตัดสินใจเลื่อนการจัดงาน "รับสร้างบ้านและวัสดุ Expo 2021" จากเดิมจะจัดในเดือนสิงหาคม ไปเป็นช่วงไตรมาสสุดท้ายของปี 2564

แต่เพื่อเป็นการช่วยเหลือสมาชิกสมาคมฯ จึงได้จัดงาน งานรับสร้างบ้าน Online 2021 ในรูปแบบ Virtual Online Exhibition เน้นสร้าง Data Base ผู้ที่ต้องการปลูกสร้างบ้านกลุ่มใหม่ ๆ ได้มากขึ้นโดยจะกำหนดการจัดงานขึ้นระหว่างวันที่ 27 ส.ค. - 6 ก.ย.2564 นี้ ขึ้นมาก่อน ซึ่งคาดหวังว่ากิจกรรมที่จัดขึ้นนี้จะกระตุ้นการตลาดและการขายก่อนการจัดงานในช่วงปลายปี ขณะเดียวกันผู้บริโภคกลุ่มเป้าหมายสามารถเข้าถึงได้ง่าย สะดวกต่อการเข้าชม ป้องกันการระบาดของโรคระบาด โดยเฉพาะโควิด-19 อีกทั้งยังสร้างมิติใหม่ช่วยให้ภาพลักษณ์ของสมาคมธุรกิจรับสร้างบ้านมีความทันสมัยมากขึ้น รวมถึงกลุ่มบริษัทรับสร้างบ้านต่างจังหวัด จะมีโอกาสเข้าร่วมกิจกรรมกับสมาคมฯ ได้มากขึ้นเช่นกัน
#3460


ความเคลื่อนไหวดัชนีหุ้นไทยวานนี้ (20 ก.ค.) เปิดตลาดปรับตัวลงต่อเนื่อง โดยร่วงหนักช่วงปิดตลาดภาคเช้าลดลง 25.39 จุด อยู่ที่ 1,530.62 จุด ก่อนรีบาวด์ในช่วงบ่าย กลับมาปิดตลาดที่ 1,538.86 จุด ลดลง 17.15 จุด หรือ 1.10% มูลค่าซื้อขาย 92,956.58 ล้านบาท

นักลงทุนสถาบันในประเทศขายสุทธิ 5,410.89 ล้านบาท นักลงทุนต่างประเทศขายสุทธิ 811.83 ล้านบาท บัญชีหลักทรัพย์ซื้อสุทธิ 1,062.54 ล้านบาท และนักลงทุนทั่วไปในประเทศซื้อสุทธิ 5,160.17 ล้านบาท

นายวัชระ แก้วสว่าง นักลงทุนรายใหญ่ ที่เน้นกลยุทธ์การลงทุนเชิงเทคนิค กล่าวว่า สถานการณ์โควิด-19 ส่งผลให้ดัชนีปรับตัวลงหลุดแนวรับทางเทคนิคต่อเนื่อง ตั้งแต่แนวรับ 1,585 จุด และล่าสุดแนวรับ 1,546 จุด โดยตนมองแนวรับดัชนีถัดไปที่ 1,515-1,500 จุด ตามลำดับ และในกรณีเลวร้ายที่สุดไม่ควรหลุด 1,483 จุด เพราะจะส่งผลให้ตลาดหุ้นพลิกกลับไปเป็นขาลง

ขณะที่การลงทุนส่วนตัวได้ลดน้ำหนักลงทุนหุ้นไทยตั้งแต่ดัชนีหลุดแนวรับ 1,585 จุดไปแล้ว ส่วนโอกาสที่ดัชนีจะปรับขึ้นอีกครั้งจะเกิดขึ้นต่อเมื่อจำนวนผู้ติดเชื้อโควิด-19 ที่รักษาหายเพิ่มขึ้นสูงกว่าจำนวนผู้ติดเชื้อรายวัน


นายนิเวศน์ เหมวชิรวรากร นักลงทุนรายใหญ่แบบเน้นคุณค่า (นักลงทุนวีไอ) กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยปรับลงตอบรับความเสี่ยงที่สถานการณ์โควิด-19 ลุกลามและมีการติดเชื้อเพิ่ม รวมถึงความกังวลมาตรการล็อกดาวน์อาจมีความเสี่ยงต้องขยายออกไปอีก อย่างไรก็ดี เชื่อว่าท้ายที่สุดสถานการณ์จะสงบลงได้ เพราะโควิด-19 เป็นวิกฤติที่ประเทศขนาดใหญ่เผชิญเช่นกัน จึงมีการส่งต่อความช่วยเหลือมายังประเทศขนาดเล็กเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดการแพร่ระบาดซ้ำ ขณะที่การฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19 เป็นอีกหนึ่งปัจจัยสำคัญที่จะช่วยให้วิกฤติจบลง

ส่วนแนวโน้มตลาดหุ้นในระยะสั้นคาดว่านักลงทุนจะยังขายหุ้นเพราะตื่นตระหนก และมีความเสี่ยงที่ดัชนีอาจหลุดแนวรับ 1,500 จุด แต่เชื่อว่าจะสามารถปรับขึ้นได้ในระยะถัดไป

ดังนั้นสำหรับนักลงทุนที่ลงทุนในระยะยาวยังสามารถลงทุนได้ เพราะบริษัทจดทะเบียน (บจ.) ขนาดใหญ่ในตลาดหุ้นไม่ได้เจ็บหนักจากโควิด-19 แต่สำหรับกลุ่มที่ถูกผลกระทบจากการระบาดโดยตรง เช่น กลุ่มท่องเที่ยว และกลุ่มโรงแรม ยังไม่แนะนำลงทุน เพราะหากสถานการณ์โควิด-19 ลากยาวจะเป็นความเสี่ยงให้ถึงจุดหนึ่งหุ้นกลุ่มนี้ต้องเพิ่มทุนหรือดำเนินการด้วยวิธีอื่นๆ เพื่อให้ผ่านพ้นช่วงวิกฤติซึ่งจะส่งผลกระทบต่อผู้ถือหุ้น


 นายสาห์รัช ชัฏสุวรรณ ผู้อำนวยการสายการตลาด และที่ปรึกษาการลงทุน บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.)ทิสโก้ จำกัด เปิดเผยว่า หุ้นไทยปรับฐานรอบนี้ จากการแพร่ระบาด โควิด -19 สายพันธุ์เดลต้าที่รุนแรงขึ้นทั่วโลกและไทย โดยยอดผู้ติดเชื้อในไทยยังไม่เห็นจุดสูงสุด และยกระดับมาตรการล็อกดาวน์ ยังต้องติดตามผลในช่วง 2 สัปดาห์ถึง1 เดือน ว่ายอดผู้ติดเชื้อในไทยจะลดลงได้หรือไม่

       ประกอบกับตลาดหุ้นทั่วโลกปรับฐานลงมาหลังจากปรับขึ้นมาต่อเนื่องก่อนหน้านี้ และค่อนข้างอ่อนไหวต่อปัจจัยการระบาดของโควิดสายพันธุ์เดลต้าทั่วโลกกดดันการฟื้นตัวเศรษฐกิจทั่วโลก  ทำให้มีผลต่อราคาตลาดหุ้นในสหรัฐและยุโรป แต่อย่างไรก็ตามความรุนแรงการระบาดรอบนี้ไม่รุนแรงเท่าปีก่อน เพราะสหรัฐและยุโรป มีประชากรที่ได้รับวัคซีนไปมากกว่าครึ่งของประชากรแล้ว ทำให้อัตราการเสียชีวิตและยอดผู้ติดเชื้อรายใหม่ยังอยู่ระดับต่ำ และเป็นปัจจัยสนับสนุนให้เฟดน่าจะยังคงใช้นโยบายการเงินผ่อนคลายต่อไป มีโอกาสเลื่ือนการลดคิวอีออกไปได้  

        ดังนั้น เรายังมองว่า ตลาดหุ้นไทยปรับฐานรอบนี้แค่ระยะสั้นและไม่น่ากลัว เท่าช่วงเดียวกันปีก่อน และเป็นโอกาสในการเข้าลงทุนหากดัชนีรอบนี้ยังยืนที่ระดับ 1,530 จุด บวกลบต่อได้ โดยยังมีอัพไซด์ปลายปีนี้คาดไว้ที่1,600 จุด  กลุ่มหุ้นที่น่าสนใจลงทุนขณะนี้เปลี่ยนโหมดมาเป็นหุ้นที่มีแนวโน้มเติบโตและปรับตัวลงกว่า คือ กลุ่มเทคโนโลยี  และกลุ่มส่งออก ที่ได้ประโยชน์จากผลประกอบการปรับตัวดีต่อเนื่องจากเงินบาทอ่อนค่าและการส่งออกขยายตัวสูง 

       แต่การเข้าลงทุนหุ้นไทยยังต้องระมัดระวังรอความชัดเจนของสถานการณ์คุมการแพร่ระบาดรอบนี้ เพราะตอนนี้ยังคาดเดายากว่ายอดผู้ติดเชื้อรายวันจะทะลุ 20,000คนหรือไม่ยังเป็นความเสี่ยงต่อตลาดหุ้นไทย

       นายวิริยะชัย จิตตวัฒนรัตน์   รองผู้อำนวยการฝ่าย กลยุทธ์การลงทุน ไพรเวทเมเนจท์เม้นท์ ธนาคารกรุงไทย กล่าวว่า เราแนะนำนักลงทุนปรับลดน้ำหนักการลงทุน (Underweight)หุ้นไทย โดยคาดแนวโน้มหุ้นไทยมีแนวรับทางเทคนิคที่ 1,500จุด    หลังจากการระบาดอย่างหนักของ โควิด-19 สายพันธุ์ เดลต้า รอบล่าสุดส่งผลไปถึงการประกาศล็อดดาวน์  ทำให้เรามองว่าเศรษฐกิจไทยมีแนวโน้มซบเซาหนักและยาวนานกว่า โดยมีความเป็นไปได้ที่เศรษฐกิจไทยในปีนี้อาจจะไม่ขยายตัวเลย ซึ่งสุดท้ายจะสะท้อนในการเติบโตของกำไรของบริษัทจดทะเบียนที่แย่ลงในช่วงไตรมาส 3 และ 4 ของปีนี้   แต่สิ้นปีนี้ยังมองแนวโน้มดัชนีที่ 1,600จุด หากสามารถคุมการแพร่ระบาดคลี่คลายได้และตลาดต่างประเทศปรับฐานระยะสั้น 

นายณัฐพล คำถาเครือ ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์การลงทุน บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) หยวนต้า (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า ดัชนีหุ้นไทยวานนี้ปรับตัวลงต่อเนื่องจากวันทำการแรกของสัปดาห์ (19 ก.ค.) โดยถูกกดดันจากการขยายมาตรการล็อกดาวน์และจำนวนผู้ติดเชื้อโควิด-19 ยังทรงตัวสูงที่ 1.1 หมื่นราย รวมถึงแรงขายตามข่าว (Sell on Fact) ภายหลังบริษัทจดทะเบียน (บจ.) ประกาศกำไรไตรมาส 2 ปี 2564 นอกจากนี้ ยังเป็นการปรับลงล้อกับตลาดหุ้นต่างประเทศที่ปิดลบจากความกังวลไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์เดลต้า และราคาน้ำมันดิบที่ปรับตัวลงแรง

อย่างไรก็ดี ระยะข้างหน้าคาดว่าดัชนีหุ้นจะเริ่มปรับลงอย่างจำกัด เพราะกลุ่มหุ้นขนาดใหญ่ที่มีน้ำหนักต่อดัชนีสูง ราคาหุ้นได้ปรับลงไปมากแล้วในช่วงที่ผ่านมา เช่น กลุ่มพลังงาน กลุ่มธนาคาร และกลุ่มหุ้นที่เกี่ยวกับการเปิดเศรษฐกิจ (Reopening) และประเมินแนวรับดัชนีที่ 1,530 จุด และถัดไปที่บริเวณ 1,510-1,500 จุด ตามลำดับ ดังนั้น การลงทุนจึงแนะนำสะสมหุ้นบริเวณแนวรับเพื่อรอขายในช่วงที่ดัชนีฟื้นตัว

"เราไม่คิดว่าตลาดหุ้นจะปรับตัวลงต่อเนื่องแบบไม่มีแนวรับ เพราะได้แรงหนุนจากกำไรบจ.ไตรมาส 2 ที่ออกมาดี รวมถึงปัจจัยบวกจากเงินเยียวยาเศรษฐกิจของรัฐบาล และความคืบหน้าการนำเข้าวัคซีน ยกเว้นในกรณีเลวร้ายที่กิจกรรมทางเศรษฐกิจในภาคการผลิตต้องหยุดนิ่ง คาดว่าดัชนีจะหลุดแนวรับ 1,500 จุด และเลวร้ายสุด 1,300 จุดอาจเอาไม่อยู่"