• Welcome to ลงประกาศฟรี โพสฟรี โปรโมทเว็บไซด์ให้ติดอันดับ SEO ด้วย PBN.
 

poker online

ปูนปั้น

Menu

Show posts

This section allows you to view all posts made by this member. Note that you can only see posts made in areas you currently have access to.

Show posts Menu

Topics - Cindy700

#2861
ศูนย์วิจัย SPALI คาดตลาดที่อยู่อาศัยปี 65 ฟื้นใกล้เคียงก่อนเกิดโควิด แต่ยังเผชิญปัจจัยเสี่ยงฉุดกำลังซื้อ

ศูนย์วิจัยบมจ.ศุภาลัย (SPALI) คาดว่าตลาดที่อยู่อาศัยยังคงเผชิญกับความท้าทายจากปัจจัยด้านเศรษฐกิจของไทยที่แม้ว่าในปี 65 จะคาดการณ์ว่าการเติบโตจะดีขึ้นเล็กน้อยในอัตราราว 3% ตามการกลับมาเปิดประเทศเพื่อรับนักท่องเที่ยว และการกลับมาดำเนินกิจกรรมทางเศรษฐกิจอย่างเต็มรูปแบบอีกครั้ง แต่กิจการท่องเที่ยวที่ส่วนใหญ่ก่อนการแพร่ระบาดโควิด-19 นั้นยังคงหายไป คาดว่าหายไปราว 3/4 ส่วนจากสถานการณ์ปกติ จะเป็นปัจจัยเสี่ยงที่ทำให้ภาวะเศรษฐกิจและกำลังซื้อไม่สามารถกลับสู่ค่าเฉลี่ยได้ในระยะสั้น นอกจากนี้ ราคาน้ำมันที่ไม่อาจสูงขึ้นต่อไปอีกในปี 65 หรือแม้แต่ลดลง ก็ยังเป็นแรงกดดันในทางลบต่อภาคการค้าระหว่างประเทศ แม้ว่าการส่งออกจะยังคงดีอยู่ก็ตาม ปัจจัยข้างต้นจะส่งผลกระทบต่อไปเป็นสัดส่วนต่อกำลังซื้อในตลาดที่อยู่อาศัย

ภายใต้ข้อสมติฐานที่ว่า GDP ในปี 65 จะมีอัตราการเจริญเติบโต 3% และไม่มีการระบาดของโควิด-19 ระลอกใหม่ จึงพยากรณ์ได้ว่าอัตราการขายของตลาดจะสามารถกลับมาอยู่ที่ระดับ 34% ซึ่งต่ำกว่าปี 61 แต่สูงกว่าปี 62 หรือปีก่อนการระบาดของโควิด-19 เล็กน้อย อย่างไรก็ตามจากข้อมูลในอดีตแสดงให้เห็นว่าอุปทานส่วนเพิ่มในแต่ละปี ตั้งแต่ปี 2555-2562 จะอยู่ในช่วงประมาณ 110,000-130,000 หน่วย/ปี แต่ในภาวะเช่นปี 65 คาดว่าอุปทานน่าจะอยู่ในช่วง 90,000-100,000 หน่วย โดยจากการประมาณการจากแบบจำลอง สามารถบ่งบอกได้ว่าภาวการณ์ขายมีความเป็นไปได้ในระดับกลางที่จะกลับมาที่ 100,000 หน่วยได้อีกครั้ง หรืออีกนัยหนึ่งคือ ภาวะตลาดมีแนวโน้มที่จะกลับไปสู่ปี 62 หรือปีก่อนการเกิดโควิด-19

ขณะที่รายงานตลาดที่อยู่อาศัยในช่วงครึ่งแรกของปี 64 ชี้ว่าภาวะการขายขยายตัวเล็กน้อยจากปี 63 เนื่องมาจากการแพร่ระบาดโควิด-19 ที่ยังคงอยู่และทวีความรุณแรงกว่าปีก่อนหน้าอย่างเห็นได้ชัดตามตัวเลขผู้ติดเชื่อใหม่ แม้ว่าสถานการณ์จะมีความคล้ายคลึงกันจากการบังคับใช้มาตการล๊อคดาวน์เป็นระยะเวลา 1 ไตรมาสเท่ากัน แต่การแพร่ระบาดระลอกใหม่ส่งผลกระทบอย่างรุนแรงต่อเศรษฐกิจไทย โดยเฉพาะในช่วงไตรมาสที่สาม ทำให้การฟื้นตัวของธุรกิจที่อยู่อาศัยต้องถูกเลื่อนออกไปอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ แม้ว่าปัจจัยที่อยู่เบื้องหลังอาจไม่แน่ชัด เมื่อพิจารณาสถานการณ์ที่เริ่มคลี่คลายตัวจากการที่ประเทศไทยสามารถลดจำนวนผู้ติดเชื้อรายใหม่เพิ่มมากขึ้น การเปิดประเทศและกิจกรรมทางเศรษฐกิจที่ปรับตัวดีขึ้นจาก ปีที่ผ่านมา สอดคล้องกับผลผลิตมวลรวมที่ขยายตัวกว่าปี 63 โดยเปรียบเทียบ ความเป็นไปได้ที่ผู้ประกอบการคุ้ยเคยกับสภาพตลาดและปรับตัวมากขึ้น ถือได้ว่าเป็นสัญญานในทิศทางบวกต่อการฟื้นตัวของตลาดที่อยู่อาศัย

การบังคับใช้มาตรการป้องกันสถานการณ์การแพร่ระบาดจากภาครัฐ การปิดห้างร้านและจำกัดกิจกรรมทางเศรษฐกิจหลายประเภทโดยเฉพาะในกลุ่มธุรกิจท่องเที่ยวและที่เกี่ยวเนื่อง เป็นสาเหตุหลักที่ทำให้ในปี 64 อุปสงค์โดยรวมในตลาดที่อยู่อาศัยยังไม่กลับเข้ามาในตลาด การปรับตัวของผู้ประกอบการที่ต่างชะลอการเปิดตัวสินค้าใหม่อย่างต่อเนื่องในห้วงสองปีที่ผ่านมา จึงทำให้อุปทานในตลาดเพิ่มขึ้นเพียงเล็กน้อย คาดการณ์ว่ายอดขายที่อยู่อาศัยรวมในปี 64 น่าจะอยู่ในระดับที่ประมาณ 76,000 หน่วย

ภาวการณ์ขายของสินค้ารายประเภท อาจกล่าวได้ว่าสูงขึ้นสำหรับบ้านเดี่ยวและทาวน์เฮาส์ แต่กลุ่มอาคารชุดไม่มีทิศทางที่ชัดเจน สินค้าประเภทบ้านเดี่ยวเป็นกลุ่มที่ได้รับผลกระทบน้อยที่สุดเมื่อเปรียบเทียบกับที่อยู่อาศัยทุกประเภท คาดการณ์ว่ายอดขายได้ในปี 64 จะอยู่ที่ระดับประมาณ 11,000 หน่วย เป็นที่สังเกตได้ว่ายอดขายของบ้านเดี่ยวนั้นมียอดขายได้ทรงตัวแม้อยู่ในช่วงวิกฤติ แสดงถึงความต้องการที่อยู่อาศัยจริงที่ยังคงมีอยู่อย่างต่อเนื่องจากกลุ่มที่มีกำลังซื้อในระดับกลางกึ่งบน เมื่อพิจารณาระดับราคาที่ของที่อยู่อาศัยที่ขายได้แล้ว พบว่ากลุ่มทาวน์เฮาส์กลับขายได้เพิ่มขึ้นทุกระดับราคา ซึ่งเป็นเรื่องที่น่าแปลกเนื่องจากผู้ซื้อในกลุ่มนี้ควรจะเป็นผู้ที่ได้รับผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจ โดยเฉพาะจากการถูกปฏิเสธสินเชื่อจากสถาบันการเงิน คาดการณ์ว่ายอดขายในปีนี้สำหรับที่อยู่อาศัยประเภททาวน์เฮาส์จะอยู่ที่ประมาณ 28,000 หน่วย เมื่อเทียบกับ ปี 63 ที่ประมาณ 20,000 หน่วย

ในส่วนสินค้าประเภทอาคารชุดเป็นผลิตภัณฑ์ที่ได้รับผลกระทบมากที่สุด โดยยอดขายได้ของอาคารชุดในปี 63 ถดถอยเหลือประมาณครึ่งหนึ่งจากสภาวะปกติ การประกาศใช้มาตรการ LTV ในช่วงต้นปี 62 ทำให้อุปสงค์เริ่มชะลอตัวอยู่ก่อนแล้ว จำนวนหน่วยขายของอาคารชุดในปีนี้จึงคาดว่าจะยังทรงตัว โดยในปี 64 ประมาณการยอดขายได้ที่ระดับประมาณ 28,000 หน่วย จากการชะลอเปิดตัวโครงการใหม่ที่คาดว่าจะเริ่มกลับเข้ามาเติมอุปทานในตลาดอีกครั้งตั้งแต่ปี 65 เป็นต้นไป และการผ่อนคลายมาตการจำกัดการปล่อยสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัย ทำให้ยังคงมีความเป็นไปได้ในด้านต่ำที่ยอดขายอาคารชุดจะเติบโตได้เทียบเคียงกับสภาวะก่อนเกิดวิกฤติ หรือราว 50,000 หน่วย
#2862
WHO เตือนโอมิครอนไม่ใช่สายพันธุ์สุดท้าย ขณะติดเชื้อทั่วโลกพุ่งไม่หยุด

องค์การอนามัยโลก (WHO) เตือนว่า เชื้อไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์โอมิครอนจะไม่ใช่สายพันธุ์สุดท้ายในการแพร่ระบาดครั้งนี้ แม้ว่าการแพร่ระบาดของสายพันธุ์โอมิครอนในบางประเทศจะเริ่มลดลงแล้วก็ตาม พร้อมเตือนว่าจำนวนผู้ติดเชื้อทั่วโลกที่ระดับสูงมีแนวโน้มจะนำไปสู่การกลายพันธุ์เป็นไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์ใหม่

แพทย์หญิงมาเรีย แวน เคอร์คอฟ หัวหน้าด้านเทคนิคของ WHO กล่าวว่า "เรากำลังได้ยินผู้คนจำนวนพูดว่า โอมิครอนจะเป็นไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์สุดท้ายและทุกอย่างจะจบลงหลังจากนี้ และนั่นไม่จริง เพราะไวรัสนี้กำลังแพร่ระบาดอย่างรุนแรงทั่วโลก"

สำนักข่าวซีเอ็นบีซีรายงานว่า จำนวนผู้ติดเชื้อใหม่เพิ่มขึ้น 20% ทั่วโลกเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยมีจำนวนผู้ติดเชื้อรวมเกือบ 19 ล้านราย แต่แพทย์หญิงแวน เคอร์คอฟระบุว่า จำนวนผู้ติดเชื้อใหม่ที่ไม่ได้รายงานอาจทำให้จำนวนตัวเลขจริงสูงกว่านี้มาก

ดร.บรูซ ไอล์วาร์ด เจ้าหน้าที่อาวุโสของ WHO เตือนว่า การแพร่ระบาดที่ระดับสูงทำให้ไวรัสมีโอกาสมากขึ้นที่จะแบ่งตัวและกลายพันธุ์ ซึ่งเพิ่มความเสี่ยงที่จะเกิดไวรัสสายพันธุ์ใหม่

"เรายังไม่เข้าใจอย่างแท้จริงถึงผลที่ตามมาของการปล่อยให้สิ่งนี้ดำเนินต่อไป" ดร.ไอล์วาร์ดกล่าว "จนถึงตอนนี้ สิ่งที่เราเห็นส่วนใหญ่ในพื้นที่ซึ่งควบคุมการแพร่ระบาดไม่ได้นั้นคือการเผชิญกับไวรัสสายพันธุ์ที่เกิดขึ้นใหม่ และความไม่แน่นอนครั้งใหม่ที่เราต้องรับมือเมื่อเราก้าวไปข้างหน้า"
แพทย์หญิงแวน เคอร์คอฟกล่าวว่า ตอนนี้ไม่ใช่เวลาที่จะผ่อนคลายมาตรการด้านสาธารณสุข เช่น การสวมหน้ากากอนามัยและการเว้นระยะห่างทางสังคม พร้อมเรียกร้องให้รัฐบาลยกระดับมาตรการดังกล่าวเพื่อควบคุมโควิด-19 ให้ดีขึ้น และป้องกันการแพร่ระบาดในอนาคตเมื่อมีสายพันธุ์ใหม่เกิดขึ้น
#2863
 สายน้ำมันใส ปั้มเบรก

คลิกที่รูปภาพเพื่อซื้อสินค้า
6.5 x 10



คลิกที่รูปภาพเพื่อซื้อสินค้า
6.5 x 10



สายน้ำมันใส GP

การใช้แรงงานท่อทนสารเคมี ที่ท่อสามารถใช้งานได้มากกว่าสารเคมี แต่ว่ายังสามารถทนต่อน้ำมัน หรือไอน้ำ สารเคมีได้ อยู่ที่ตามคุณลักษณะเนื้อยาง ที่โมเลกุลยางในการผลิตงานให้เป้นท่อที่ทำจากยางที่ใช้งานมาตรฐานที่ผู้ใช้งานจริงอยาก ที่พวกเราเลือกขนาดที่นิยม ในขนาด OD ID ให้ได้เลือกไปใช้งาน เพื่อใช้งานในการส่งอาการ ของเหลวผ่านระบบท่อจำพวกนี้ หรือจะนำไปร้อยในการคุ้มครองป้องกันรั่วซึม ก็สามารถทำเป็นอย่างยอดเยี่ยม เพราะเหตุว่าเป็นสิ่งที่มีความเหนียวนิ่มยืดหยุ่นก้าวหน้า
ขนาด = 5x8MM รูใน X รูนอก (ใส่รถยนต์หัวฉีด ปกติ แล้วก็รถคาบูเคเหลี่ยม กลม แดช)
ขนาด = 6.5x10MM รูใน X รูนอก (ใส่กระปุกปั้มลอยได้)
ขนาด = 8x12MM รูใน X รูนอก (คาบูใหญ่ คาบูหัวใจ)

คลิกที่ข้อความเพื่อซื้อสินค้า

สายน้ำมันใส ปั้มเบรก

#2864
กรีนพีซชี้ภาคยานยนต์จีนไม่น่าบรรลุเป้าหมาย Net Zero ทันปี 2603

กรีนพีซ (Greenpeace) กลุ่มรณรงค์ด้านสิ่งแวดล้อม กล่าวในวันนี้ว่า ภาคยานยนต์ขนาดมหึมาของจีนมีแนวโน้มจะปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ถึงจุดสูงสุดภายในปี 2570 แต่ไม่น่าจะบรรลุเป้าหมาย Net Zero ของจีนทันภายในปี 2603

กรีนพีซประมาณการตัวเลขไว้ในรายงานการวิจัยว่า การปล่อยก๊าซคาร์บอนทั้งหมดของภาคยานยนต์จีนมีแนวโน้มที่จะอยู่แถวระดับ 1.75 พันล้านตัน จากนั้นจะลดลงต่อเนื่อง 11% ภายในปี 2578

อย่างไรก็ดี กรีนพีซกล่าวว่า หากจีนต้องการบรรลุเป้าหมาย Net Zero ภายในปี 2603 จีนจะต้องลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนอย่างน้อย 20% ภายในปี 2578 โดยต้องมีรถยนต์ปลอดมลพิษคิดเป็น 63% ของยอดขายรถยนต์ทั้งหมดภายในปี 2573 และ 87% ภายในปี 2578

นายเป่า หัง หัวหน้าโครงการกรีนพีซเอเชียประจำกรุงปักกิ่ง กล่าวว่า "คำตอบในอุดมคติคือ ผู้ผลิตรถยนต์ในจีนต้องเลิกใช้เครื่องยนต์สันดาปภายในโดยถาวรภายในปี 2573"

อนึ่ง จีนระบุในแผนพัฒนาภาคยานยนต์ปี 2564-2578 เมื่อช่วงปลายปี 2563 ว่า รถยนต์ไฟฟ้าล้วน (EV) น่าจะคิดเป็น 20% ของยอดขายรถยนต์ทั้งหมดภายในปี 2568 และหลังจากนั้นรถ EV จะกลายเป็นรถยนต์ "กระแสหลัก" ภายในปี 2578

คณะรัฐมนตรีของจีนกล่าวในแผนปฏิบัติการลดการปล่อยมลพิษเมื่อปีที่แล้ว โดยระบุว่า ยอดขายรถยนต์พลังงานสะอาดใหม่น่าจะอยู่ที่ประมาณ 40% ของยอดขายรวมภายในปี 2573

ทั้งนี้ ข้อมูลจากทางการจีนบ่งชี้ว่า ยอดขายรถ EV ที่ใช้แบตเตอรี่ของจีน, รถยนต์ไฟฟ้าปลั๊กอินไฮบริด (PHEV) และรถที่ใช้เซลล์เชื้อเพลิงไฮโดรเจนนั้นพุ่งขึ้น 157.5% แตะระดับ 3.52 ล้านคันในปี 2564
#2865
กราบขอบพระคุณลูกค้าทุกท่าน
ที่ให้การสนับสนุนอย่างต่อเนื่อง

กล่องสุ่ม ของกิน (ได้สินค้ามากกว่า50ชิ้น มูลค่ากว่า 1,750.-)  
กินเล่น กับแกล้ม  ก็อร่อยทุกห่อ การันตรี ไม่มีของค้างเก่าเก็บ 
มีอายุ2เดือนขึ้นไป ทุกห่อ   ปีใหม่นี้ ขาดไม่ได้นะค่ะ  
**รับ 100 กล่องเท่านั้น  สนใจทักแชทพิมพ์ กล่องสุ่ม999.-
เฉลี่ยเพียงชิ้นละไม่ถึง20.-  ลุ้นทองในกล่อง

https://www.facebook.com/mooyimyim.aroy.d/
หมูแผ่น,หมูแผ่นกรอบ,หมูแผ่นทอด,ขายส่งขนม,หมูแผ่นนครปฐม






 
#2867
นายกญี่ปุ่นแถลงต่อสภาฯ ขออุทิศตนสกัดโอมิครอนซึ่ง "น่ากลัวกว่าที่คาด"

สำนักข่าวเกียวโดรายงานว่า นายกรัฐมนตรีฟูมิโอะ คิชิดะ ของญี่ปุ่น ประกาศอุทิศตนเพื่อสกัดโควิด-19 ในญี่ปุ่น ท่ามกลางยอดผู้ติดเชื้อที่เพิ่มขึ้นจากสายพันธุ์โอมิครอน โดยขอให้ประชาชนร่วมมือกันเอาชนะโควิดที่เห็นชัดแล้วว่า "น่ากลัว" กว่าที่คาด

นายคิชิดะกล่าวสุนทรพจน์ด้านนโยบายครั้งแรกเมื่อเริ่มการประชุมสภาไดเอทสมัยสามัญ 150 วัน โดยมุ่งคลายความวิตกของประชาชนเกี่ยวกับประเด็นการแพร่ระบาดของโควิด-19 สายพันธุ์โอมิครอน โดยให้สัญญาว่าจะแจกจ่ายวัคซีนเข็มบูสเตอร์ให้เร็วขึ้น จัดฉีดวัคซีนในเด็กเล็ก และจัดให้มีบริการรักษาพยาบาลที่จำเป็นสำหรับผู้ป่วยหนัก ในขณะที่ยอดผู้ติดเชื้อกำลังพุ่งแบบก้าวกระโดด

นอกเหนือจากโควิด-19 แล้ว นายคิชิดะยังตั้งเป้าหมายบรรลุความเป็นกลางทางคาร์บอนในฐานะตัวขับเคลื่อนการเติบโตของเศรษฐกิจญี่ปุ่น พร้อมเผยแผนการสร้าง "ชุมชนปลอดมลพิษ" ทั่วทั้งเอเชีย

นอกจากนี้ นายคิชิดะจะผลักดันทุนนิยมรูปแบบใหม่โดยย้ำถึงความสำคัญของการกระจายความมั่งคั่ง โดยเฉพาะผ่านการปรับขึ้นค่าแรงของธุรกิจต่าง ๆ ในเชิงรุก เนื่องจากอัตราค่าแรงในปัจจุบันยังไม่ขยับไปไหน

นายคิชิดะแถลงต่อรัฐสภาว่า "ตัวผมเองได้ยินประชาชนชาวญี่ปุ่นเขาพูดมาว่า ?ไม่เอาอีกแล้ว รับไม่ไหวแล้ว? แต่เราต้องระวังว่าศัตรูที่มองไม่เห็นตัวนี้น่ากลัวกว่าที่คาดไว้มากนัก"

"เป็นอีกครั้งที่ผมขอความร่วมมือจากทุกท่าน ก้าวข้ามวิกฤตของชาติครั้งนี้ไปด้วยกันให้ได้" นายคิชิดะกล่าว
#2868
อดไปต่อ! ผลงานอันย่ำแย่ของ เอฟเวอร์ตัน ยุค เบนิเตซ

ในที่สุด ราฟาเอล เบนิเตซ ก็โดนปลดออกจากการเป็นผู้จัดการทีม เอฟเวอร์ตัน ทั้งที่เพิ่งเข้ามารับตำแหน่งเมื่อช่วงซัมเมอร์ที่ผ่านมา โดยเกมสุดท้ายของเขาคือการนำทีมออกไปแพ้ นอริช ซิตี้ สโมสรในกลุ่มหนีตกชั้น 1-2 เมื่อวันเสาร์ที่ 15 มกราคม ที่ผ่านมา
    เดิมที เบนิเตซ ก็โดนกระแสต่อต้านจากแฟน. "ทอฟฟี่สีน้ำเงิน" ตั้งแต่ช่วงแรกๆ ที่เข้มารับตำแหน่งแล้ว โทษฐานที่เขาเคยเป็นกุนซือ ลิเวอร์พูล คู่ปรับร่วมเมืองของ เอฟเวอร์ตัน มาก่อน แถมยังเคยพูดจาเชิงดูหมิ่น เอฟเวอร์ตัน เมื่อหลายปีก่อนอีก ซึ่งช่วงหลายวันที่ผ่านมา เบนิเตซ ก็โดนกองเชียร์ เอฟเวอร์ตัน ขับไล่มากกว่าเดิมจนสุดท้ายก็ต้องตกงานในที่สุด

    แน่นอนว่าแฟน.คงไม่ได้ถึงขั้นหวังว่า เบนิเตซ จะทำให้ทีมมีลุ้นแชมป์ได้ในทันที แต่สิ่งที่ออกมาก็ยังถือว่าต่ำกว่าความคาดหวังของหลายคน ลองไปดูกันดีกว่าว่าผลงานอันน่าผิดหวังของ เอฟเวอร์ตัน ภายใต้การคุมทีมของ เบนิเตซ มันมีอะไรบ้าง

    - การผ่าน.
    สมัยที่ยังคุม ลิเวอร์พูล นั้น เบนิเตซ ได้รับคำชมมากพอตัวกับการทำให้เกมรุกของทีมเดินหน้าได้อย่างไหลลื่น ซึ่งส่วนหนึ่งที่ "หงส์แดง" ของเขาทำผลงานได้ดีมันเป็นเพราะ ลิเวอร์พูล ในตอนนั้นมีการเคลื่อน.กันได้อย่างยอดเยี่ยมชนิดที่ทำให้คู่แข่งแย่ง.ได้ยาก

 

    น่าเสียดายที่ เบนิเตซ ทำอย่างนั้นกับทีมฝั่งสีน้ำเงินของย่านเมอร์ซี่ย์ไซด์ไม่ได้ จนถึงตอนนี้ทีมของเขาผ่าน.ในลีกเข้าเป้า 72.6 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งถือเป็นทีมที่ทำอย่างนี้ได้แย่ที่สุดเป็นอันดับ 4 ของ พรีเมียร์ลีก ประจำฤดูกาลนี้ มีเพียง เบิร์นลี่ย์, วัตฟอร์ด และ เบรนท์ฟอร์ด ที่ทำได้แย่กว่าพวกเขา

    นอกจากนี้ เอฟเวอร์ตัน ยังมีจังหวะจ่าย.พลาดจนทำให้.หลุดออกจากสนามไปเองตั้ง 211 ครั้ง และมันก็ไม่มีทีมไหนใน พรีเมียร์ลีก ประจำซีซั่น 2021-22 อีกแล้วที่จะทำผทลงานด้านนี้ได้แย่กว่าพวกเขา โดยอันดับ 2 ในชาร์ตนี้คือ ไบรท์ตัน แอนด์ โฮฟ อัลเบี้ยน แต่พวกเขาทำพลาดแบบนี้ไป 187 หน น้อยกว่าทีมของ เบนิเตซ บานเบอะ

    - การครอง.
    17.3 ครั้งต่อ 1 เกม คือค่าเฉลี่ยการจับ.ลั่นไปเองจนส่งผลให้ทีมเสียการครอง.ของ เอฟเวอร์ตัน ในฤดูกาลนี้ ซึ่งพวกเขาก็ถือเป็นทีมที่ทำผลงานตรงจุดนี้ได้แย่ที่สุดเป็นอันดับ 3 ของลีกเลยทีเดียว โดยที่ 1 คือ คริสตัล พาเลซ ที่ทำไป 18.5 ครั้ง ตามมาด้วย ลีดส์ ที่ทำไป 17.9 หน
 

    - เกมรับ
    จนถึงตอนนี้ เอฟเวอร์ตัน มีจังหวะที่เล่นพลาดจนนำไปสู่การเสียประตูในลีกถึง 6 ครั้ง ซึ่งพวกเขาถือเป็นทีมที่ทำพลาดแบบนี้มากที่สุดเป็นอันดับ 5 ของลีกร่วมกับ แมนฯ ยูไนเต็ด, ไบรท์ตันฯ และ พาเลซ

  

    ยิ่งไปกว่านั้น ถึงแม้ เอฟเวอร์ตัน จะเป็นทีมที่มีค่าเฉลี่ยการสกัดโดน.ต่อ 1 เกมสูงเป็นอันดับ 3 ของลีก ที่จำนวน 18.7 ครั้ง แต่ในนขณะเดียวกันพวกเขาก็เป็นทีมที่โดนคู่แข่งเลี้ยงผ่านมากเป็นอันดับ 1 ของลักด้วย ที่จำนวน 11.1 หนต่อเกมเลยทีเดียว

    - แต้ม
    จากการลงเล่นเกมลีก 12 นัดหลังสุดนั้น เอฟเวอร์ตัน ของ เบนิเตซ แพ้ไปถึง 9 เกม ซึ่งนั่นก็ทำให้ปัจจุบันพวกเขามีเพียง 19 คะแนนจากการลงเล่น 19 นัด คิดเป็นค่าเฉลี่ยแล้วเกมละ 1 คะแนนเท่านั้น


    ทั้งนี้ นี่นับเป็นจำนวนแต้มที่ต่ำที่สุดเมื่อถึงช่วงกลางฤดูกาลของ เอฟเวอร์ตัน นับตั้งแต่ซีซั่น 2005-06 ด้วย โดยตอนนั้นพวกเขาเก็บไป 17 แต้มหลังจากผ่านไปครึ่งทาง โดยสุดท้ายในฤดูกาลนั้น เอฟเวอร์ตัน จบด้วยการเป็นอันดับที่ 11 ของตารางคะแนน
#2869
'ลูกากู'เค้นฟอร์ม! เชลซีเฮสถานเดียวเยือนไบรท์ตันหวังทวงรองฝูง

'สิงห์บลูส์' เชลซี ตกรั้งอันดับสามแล้ว เกมนี้ต้องชนะเท่านั้นหากอยากกลับรองฝูงอีกครั้ง โรเมลู ลูกากู ขอยิงกลบคำวิจารณ์ฝ่าฟอร์มแย่นำบุก 'นกนางนวล' ไบรท์ตัน ที่ผลงานระยะหลังไร้พ่าย 4 เกมติด ในการแข่งขันฟุต.พรีเมียร์ลีก อังกฤษ คืนวันอังคารที่ 18 มกราคม 2565
ปรีวิวพรีเมียร์ลีก อังกฤษ
วันอังคารที่ 18 มกราคม 2565
ไบรท์ตัน (9) - เชลซี (3)
เวลา : 03.00 น. ถ่ายทอดสด : ทรู พรีเมียร์ลีก เอชดี 1
สนาม : เอแม็กซ์ สเตเดี้ยม 

     เกรแฮม พ็อตเตอร์ กุนซือไบรท์ตัน พาทีมเสมอคริสตัล พาเลซ 1-1 ในเกมล่าสุด ทำให้ไม่แพ้มา 5 เกมแล้ว

     ความพร้อมเกมนี้ 'น้าพ็อตเตอร์' ไม่มีปัญหาอะไรรบกวนเพิ่มเติม ขาดแต่พวกที่ไม่พร้อมอยู่ก่อนแล้ว ไม่ว่าจะเป็นเอน็อค เอ็มเวปู (เอ็นหลังหัวเข่า), ลูอิส ดังค์ (เข่า) และ เจเรมี่ ซาร์เมียนโต้ (เอ็นหลังหัวเข่า) ที่เดี้ยงทั้งหมด รวมไปถึงอีฟส์ บิสซูม่า (มาลี) ที่ไปทำศึกแอฟริกัน เนชั่นส์ คัพ

     แต่การจัดทัพอาจมีปรับบ้างเล็กน้อย ทาริค แลมพ์ตีย์ และ โซลลี่ มาร์ช มีลุ้นเบียดโยเอล เฟลท์มัน และ ปาสกาล โกรสส์ ลงตัวจริงเช่นกัน

     โธมัส ทูเคิ่ล กุนซือเชลซี พาทีมแพ้แมนฯ ซิตี้ 0-1 ในเกมล่าสุด เป็นการแพ้นัดแรกในรอบ 12 เกมรวมทุกรายการ

     สภาพทีมเกมนี้ 'น้าทูเคิ่ล' ยังชวดใช้งานอันเดรียส คริสเตนเซ่น ที่ติดโควิด รวมไปถึงเทรโวห์ ชาโลบาห์ (เอ็นหลังหัวเข่า), รีซ เจมส์ (เอ็นหลังหัวเข่า) และ เบน ชิลเวลล์ (เข่า) ที่เดี้ยงยาวอยู่ก่อนแล้ว เช่นเดียวกับเอดูอาร์ เมนดี้ (เซเนกัล) ประตูมือ 1 ที่ไปทำศึกแอฟริกัน เนชั่นส์ คัพ

     การจัดทัพก็เชื่อว่าน่าจะมีปรับ จอร์จินโญ่, เมสัน เม้าน์ท และ คัลลัม ฮัดสัน-โอดอย ที่เป็นสำรอง ก็น่าจะสลับมาออกสตาร์ทตามปกติ หรืออาจรวมไปถึงติโม แวร์เนอร์ ด้วยก็เป็นไปได้

นักเตะที่คาดว่าจะลงสนาม

ไบรท์ตัน (4-1-3-2) : โรเบิร์ต ซานเชซ - ทาริค แลมพ์ตีย์, อดัม เว็บสเตอร์, แดน เบิร์น, มาร์ก กูกูเรย่า - โซลลี่ มาร์ช, อดัม ลัลลาน่า, อเล็กซิส แม็ค อัลลิสเตอร์ - ยาคุบ โมเดอร์ - นีล โมเปย์, เลอันโดร ตรอสซาร์

ผู้จัดการทีม : เกรแฮม พ็อตเตอร์

เชลซี (3-4-2-1) : เกป้า อาร์ริซาบาลาก้า - อันโตนิโอ รือดิเกอร์, ติอาโก้ ซิลวา, มาล็อง ซาร์ - เซซ่าร์ อัซปิลิกวยต้า, มาเตโอ โควาซิช, จอร์จินโญ่, มาร์กอส อลอนโซ่ - คัลลัม ฮัดสัน-โอดอย, เมสัน เม้าน์ท - โรเมลู ลูกากู

ผู้จัดการทีม : โธมัส ทูเคิ่ล
#2870
สบน. เผยพันธบัตรออมทรัพย์ รุ่นส่งความสุข วันแรกขายแล้ว 2.7 หมื่นลบ.

นางแพตริเซีย มงคลวนิช ผู้อำนวยการสำนักงานบริหารหนี้สาธารณะ (สบน.) เปิดเผยว่า วันนี้เป็นวันแรกของการจำหน่ายพันธบัตรออมทรัพย์พิเศษ รุ่นส่งความสุข อายุ 3 ปี อัตราดอกเบี้ยแบบขั้นบันไดเฉลี่ย 1.90% ต่อปี วงเงิน 30,000 ล้านบาท โดยได้เปิดการจำหน่ายให้กับประชาชนที่มีอายุ 60 ปีขึ้นไป รายละไม่เกิน 5 ล้านบาท ตั้งแต่เวลา 08.30 น.ที่ผ่านมา และได้รับความสนใจเป็นอย่างมาก โดยสามารถจำหน่ายได้แล้ว ประมาณ 27,000 ล้านบาท

ทั้งนี้ สำหรับวงเงินที่เหลืออีก 3,000 ล้านบาท จะเปิดจำหน่ายให้กับผู้สูงอายุในวันพรุ่งนี้ (18 ม.ค.) อีก 1 วัน จากนั้นจะเปิดจำหน่ายให้กับประชาชนทั่วไปในวันที่ 19 ม.ค. 65 เวลา 08.30 น. ต่อไป

ผู้อำนวยการ สบน. กล่าวว่า ผู้สนใจสามารถสอบถามวิธีการจัดจำหน่ายพันธบัตรออมทรัพย์ ผ่านช่องทาง Counter Internet Banking และ Mobile Banking ของธนาคารตัวแทนจำหน่ายทั้ง 4 แห่ง ได้แก่ ธนาคารกรุงเทพ (BBL) ธนาคารกรุงไทย (KTB) ธนาคารกสิกรไทย (KBANK) และธนาคารไทยพาณิชย์ (SCB) เพื่อความสะดวกและสามารถทำธุรกรรมได้อย่างปลอดภัย ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป
#2871
BAY คาดกรอบเงินบาทสัปดาห์นี้ที่ 33.00-33.50 จับตาข้อมูลเศรษฐกิจจีน

กลุ่มงานโกล.มาร์เก็ตส์ ธนาคารกรุงศรีอยุธยา (BAY) เผยมุมมองทิศทางค่าเงินบาทในสัปดาห์นี้ว่า มีแนวโน้มเคลื่อนไหวในกรอบ 33.00-33.50 บาท/ดอลลาร์ เทียบกับสัปดาห์ที่ผ่านมา เงินบาทปิดแข็งค่าที่ 33.21 บาท/ดอลลาร์ หลังซื้อขายในกรอบ 33.14-33.74 บาท/ดอลลาร์ เงินดอลลาร์อ่อนค่าเมื่อเทียบกับทุกสกุลเงินสำคัญในสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยดัชนีดอลลาร์แตะระดับต่ำสุดในรอบ 2 เดือน

ขณะที่ถ้อยแถลงของประธานธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) และข้อมูลเงินเฟ้อสอดคล้องกับการคาดการณ์ก่อนหน้านี้ของตลาดที่ว่าเฟดมีแนวโน้มจะปรับขึ้นดอกเบี้ยอย่างน้อย 3 ครั้งในปีนี้ ค่าเงินดอลลาร์จึงขาดปัจจัยหนุนใหม่ๆ ทั้งนี้ ดัชนีราคาผู้บริโภคเดือนธันวาคมของสหรัฐฯ พุ่งขึ้น 7.0% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า ซึ่งเป็นการปรับขึ้นครั้งใหญ่ที่สุดในรอบเกือบ 40 ปี

ทางด้านดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) เดือนธันวาคมของสหรัฐฯ เพิ่มขึ้นในอัตราที่ชะลอลงเมื่อเทียบกับเดือนพฤศจิกายน ส่งผลให้นักลงทุนคาดว่าปัญหาด้านห่วงโซ่อุปทานอาจเริ่มคลายตัวลงและอัตราเงินเฟ้ออาจผ่านจุดสูงสุดไปแล้ว ขณะที่ท้ายสัปดาห์ สหรัฐฯ รายงานยอดค้าปลีกเดือนธันวาคมลดลงเกินคาด แต่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรปรับตัวสูงขึ้น ทั้งนี้ นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิในตลาดหุ้นและพันธบัตรไทย 5,278 ล้านบาท และ 27,041 ล้านบาท ตามลำดับ

กลุ่มงานโกล.มาร์เก็ตส์ฯ มองว่า ตลาดจะให้ความสนใจกับข้อมูลเศรษฐกิจจีน ซึ่งรวมถึงจีดีพีไตรมาส 4/64 การผลิตภาคอุตสาหกรรมและยอดค้าปลีกเดือนธันวาคม เพื่อประเมินสัญญาณการชะลอตัวและโมเมนตัมต่อเนื่องในช่วงต้นปีนี้ นอกจากนี้คาดว่าธนาคารกลางญี่ปุ่น (บีโอเจ) จะคงดอกเบี้ยไว้ที่ระดับติดลบ 0.1% ตามเดิมหลังการประชุมวันที่ 18 มกราคม อย่างไรก็ตาม บีโอเจอาจปรับเพิ่มประมาณการเงินเฟ้อตามราคาพลังงานในตลาดโลกที่สูงขึ้น

อนึ่ง BAY คาดว่าแรงขายดอลลาร์ในช่วงนี้ สะท้อนการปรับสถานะการลงทุนและปัจจัยทางด้านเทคนิคเป็นสำคัญ อีกทั้งตลาดไม่แน่ใจว่าในระยะ 2-3 ปีข้างหน้าเฟดจะสามารถขึ้นดอกเบี้ยไปสู่จุดสูงสุดของวัฏจักรนี้ที่ 2.5% ตามที่เฟดเคยประมาณการไว้ได้หรือไม่

สำหรับปัจจัยในประเทศ ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย ระบุว่าการฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทยในปี 2565 ยังเปราะบาง โดยคาดว่าการระบาดของสายพันธุ์โอมิครอนจะกระทบจีดีพีราว 0.3% ขณะที่เศรษฐกิจจะกลับไปสู่ระดับก่อนเกิดโรคระบาดในไตรมาส 1/66 ขณะที่ ธปท.ไม่กังวลกับเงินเฟ้อในประเทศ ส่วนการปรับขึ้นดอกเบี้ยและการคุมเข้มนโยบายการเงินของเฟด รวมถึงธนาคารกลางชั้นนำของโลกจะมีผลต่อตลาดการเงิน แต่ผลต่อเศรษฐกิจไทยในภาพรวมจะค่อนข้างจำกัด ท่าทีดังกล่าวสนับสนุนมุมมองของกรุงศรีที่ว่าดอกเบี้ยนโยบายของไทย จะถูกตรึงไว้ที่ระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 0.5% ตลอดปีนี้
#2872
SCC ร่วมมือกลุ่มคูโบต้าตั้ง 'เกษตรอินโน' บริการ-โซลูชั่นการเกษตรครบวงจร

บมจ.ปูนซิเมนต์ไทย (SCC) เปิดเผยว่า บริษัท ซิเมนต์ไทย โฮลดิ้ง จำกัด (CHC) ซึ่งเป็นบริษัทย่อยที่ SCC ถือหุ้นทั้งหมด ได้เข้าทำสัญญาร่วมทุนกับบริษัท สยามคูโบต้าคอร์ปอเรชั่น จำกัด (SKC) และบริษัท Kubota Corporation (KBT) จัดตั้ง บริษัท เกษตรอินโน จำกัด ซึ่งมีทุนจดทะเบียน 70 ล้านบาท โดย CHC มีสัดส่วนถือหุ้นร้อยละ 51 และ SKC และ KBT มีสัดส่วนถือหุ้นร้อยละ 25 และ 24 ตามลำดับ

การร่วมทุนตั้ง บริษัท เกษตรอินโน จำกัด สอดคล้องกับกลยุทธ์ของเอสซีจีในการใช้นวัตกรรมเพื่อส่งเสริมการเติบโตทางเศรษฐกิจของประเทศและพัฒนาคุณภาพชีวิตของคนไทย โดยบริษัทร่วมทุนนี้จะดำเนินธุรกิจการบริการและโซลูชั่นทางการเกษตรแบบครบวงจรในประเทศไทย เพื่อต่อยอดการนำเทคโนโลยีและนวัตกรรมสมัยใหม่เพื่อยกระดับความสามารถ ประสิทธิภาพ คุณภาพของภาคการเกษตร คาดว่าบริษัทร่วมทุนนี้จะเริ่มดำเนินการได้ในไตรมาส 1/65
#2873
TKC แรงรับยุคดิจิทัลโซลูชั่น พร้อมเทรด SET 17 ม.ค.นี้ โบรกฯ มองปี 65 โตฉุดไม่อยู่ หลังตุน Backlog กว่า 2.3 พันลบ.

TKC กระแสแรงเกินต้าน พร้อมเทรดตัวแรกของปีใน SET 17 มกราคมนี้ หลังผลตอบรับการจองซื้อหุ้น IPO ล้นชนิดที่เรียกว่าผู้บริหารปลื้มสุดๆ หลังได้แรงหนุนจากนักลงทุนที่เชื่อมั่นบริษัทฯ ได้อานิสงส์เทรนด์ขาขึ้นยุคเทคโนโลยีดิจิทัล เงินที่ได้จากการระดมทุนใช้เดินหน้าขยายธุรกิจ ปักธงหนึ่งในผู้นำโครงการรับเหมาแบบเบ็ดเสร็จในระบบโทรคมนาคม และไอซีที รวมทั้ง ระบบคลาวด์ Smart Solutions และ Cyber Security ที่กำลังเติบโตก้าวกระโดด ด้านโบรกฯ มองหุ้นน้องใหม่ TKC เนื้อหอมฟุ้ง เพราะอยู่ในธุรกิจที่เป็นเทรนด์ของโลก และมีปัจจัยพื้นฐานแข็งแกร่ง ณ Q3/64 ตุน Backlog ในระดับสูงราว 2,346 ล้านบาท ยังไม่รวม Q4/64 ที่ได้งานเพิ่มใส่กระเป๋า มองปี 65 ติดปีกหลัง IPO อัพฐานทุนเสริมแกร่งการเข้าประมูลงานโครงการขนาดใหญ่ โบรกแนะช่วงราคาเหมาะสม TKC 28 - 30.50 บาท

นายสยาม เตียวตรานนท์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท เทิร์นคีย์ คอมมูนิเคชั่น เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) หรือ TKC กล่าวว่า บริษัทฯ พร้อมเข้าซื้อขายวันแรกในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) วันที่ 17 มกราคม 2565 นี้ โดยใช้ชื่อย่อ "TKC" มั่นใจว่าจะเป็นหนึ่งในหุ้นน้องใหม่ที่เข้าซื้อขายใน SET ที่ได้รับการตอบรับที่ดีจากนักลงทุน โดยศักยภาพในธุรกิจให้บริการรับเหมา ออกแบบ วางระบบ จัดหาอุปกรณ์ ติดตั้ง ทดสอบ และบำรุงรักษาระบบงานวิศวกรรมในสายงานระบบโทรคมนาคม ระบบสื่อสารข้อมูล และระบบความปลอดภัยสาธารณะ ที่มีความเชี่ยวชาญเกือบ 20 ปี พร้อมวางกลยุทธ์มุ่งสู่การเป็นที่หนึ่งในธุรกิจดิจิทัลโซลูชั่น ครอบคลุมด้านโทรคมนาคมและไอซีที มุ่งเน้นธุรกิจที่เป็นเมกะเทรนด์ในอนาคต เช่น ธุรกิจระบบ Smart Solutions, Smart Logistics ธุรกิจ Cyber Security โฟกัสที่อินฟราสตรัคเจอร์ ระบบคลาวด์แบบไฮบริด อุปกรณ์โดรน ที่เกี่ยวกับสมาร์ทฟาร์มมิ่ง โดรนที่เกี่ยวกับโลจิสติกส์ ทำแผนที่ โดยตั้งเป้าหมายจะเป็นผู้นำด้านเหล่านี้ในอีก 1-3 ปีข้างหน้า

ขณะที่ในปี 2565 นี้ คาดว่าจะเป็นอีกปีที่ TKC สามารถทำผลงานได้อย่างโดดเด่น จากภาพรวมงานประมูลที่จะออกมาประมาณ 10,000 ล้านบาท และจาก Backlog ไตรมาส 3/64 สูงราว 2,346 ล้านบาท ยังไม่นับรวมไตรมาส 4/64 ที่ได้ประมูลงานใหม่เข้ามาเพิ่มเติม ซึ่งเงินที่ได้จากการเสนอขายหลักทรัพย์ราว 1,404 ล้านบาท จะนำไปใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนในการประกอบธุรกิจ สนับสนุนฐานทุนให้แข็งแกร่งขึ้น ทำให้มีความพร้อมในการเข้าไปประมูลงานโครงการขนาดใหญ่ และการรับรู้รายได้ต่อเนื่องภายในปี 2565-2566

น.ส.เดือนพรรณ ลีลาวิวัฒน์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ไพโอเนีย แอดไวเซอรี่ จำกัด ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงิน กล่าวว่า TKC เป็นธุรกิจที่มีความน่าสนใจอย่างมาก เนื่องจากอยู่ในเทรนด์อุตสาหกรรมที่กำลังเติบโต ได้รับอานิสงส์จากนโยบายการลงทุนของรัฐบาลและเอกชน ที่มุ่งเน้นการนำเทคโนโลยีดิจิทัลมาขับเคลื่อนธุรกิจและการพัฒนาประเทศ บริษัทฯ ยังมีจุดแข็งจากความเชี่ยวชาญของผู้บริหาร และทีมงาน ส่งผลให้ได้รับความไว้วางใจดูแลงานโครงการรับเหมาแบบเบ็ดเสร็จจากพันธมิตรทางธุรกิจ ทั้งภาครัฐ และเอกชน รวมไปถึงกลุ่มเจ้าของผลิตภัณฑ์โครงข่ายและรับเหมาโทรศัพท์เคลื่อนที่ในประเทศ เช่น Huawei, BBTEC, ZTE, Ericsson, Nokia เป็นต้น ซึ่งกลุ่มลูกค้าเหล่านี้มีแผนจะประมูลงานโครงการขนาดใหญ่ต่อเนื่อง จึงเป็นโอกาสของ TKC เข้าไปมีส่วนร่วมในความสำเร็จ และจะเป็นหุ้นน้องใหม่ที่อยู่ในความสนใจของนักลงทุนในระยะยาว

ด้าน นายวรนันท์ ถาวรนันท์ กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์ คิงส์ฟอร์ด จำกัด ในฐานะผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่าย กล่าวว่า หุ้นอนาคตไกลแบบ TKC มีปัจจัยพื้นฐานโดดเด่น เป็นอีกลักษณะหุ้นที่นักลงทุนกำลังมองหา ทำให้การเสนอขาย IPO ของ TKC ในช่วงที่ผ่านมาจำนวน 78 ล้านหุ้นประสบความสำเร็จ โดยกำหนดราคาหุ้นละ 18 บาท คิดเป็นอัตราส่วนราคาต่อกำไรสุทธิ (P/E) เท่ากับ 17.54 เท่า เป็นระดับราคาที่น่าสนใจ นับเป็นอีกบริษัทน้องใหม่ IPO ที่เนื้อหอมตั้งแต่วันแรกที่เปิดจองซื้อ และมีผู้แสดงความสนใจเกินกว่าจำนวนที่จัดสรร

"ปี 2565 มองว่า TKC พร้อมเติบโตได้อย่างมีนัยสำคัญ จากการทยอยส่งมอบงานในมือ (Backlog) ที่แข็งแกร่ง หลังโครงการต่างๆ เริ่มฟื้นตัว และอั้นมาจากสถานการณ์โควิดในปี 2564 ที่ผ่านมา รวมทั้งนโยบายการลงทุนตามแผนการพัฒนาไปสู่เศรฐกิจดิจิทัล และการเข้าสู่ยุค Thailand 4.0 เทคโนโลยีเข้ามาพลิกโฉมภาคอุตสาหกรรมครั้งใหญ่เป็น Global megatrend โดยเฉพาะหลังได้รับผลกระทบของ COVID-19 ทำให้มีการก่อสร้างระบบเครือข่ายและอุปกรณ์สื่อสารชนิดต่างๆ เพื่อรองรับการใช้งานที่เพิ่มขึ้น และเป็นโอกาสของ TKC ในการจัดหาอุปกรณ์ ติดตั้ง วางระบบเครือข่ายโทรคมนาคม และความปลอดภัยสาธารณะ ได้รับอานิสงส์การเติบโตในครั้งนี้เช่นกัน ด้านบทวิเคราะห์จากบริษัทหลักทรัพย์ มอง TKC มีความโดดเด่น และน่าจับตามอง ประเมินช่วงราคาเหมาะสมอยู่ที่ 28.00 - 30.50 บาท" นายวรนันท์กล่าว
#2874
เจาะลึก 'CRISIS' ภาวะวิกฤตบนโลกออนไลน์ รู้เร็ว รับมือก่อน พร้อมระวังแบรนด์ไร้วิกฤต ตลอดปีเสือ

ในยุคที่เวลากว่าครึ่งของผู้บริโภคถูกใช้ไปบนโลกออนไลน์ ทิศทางการสร้างแบรนด์ยุคใหม่จึงถูกเบนเข็มเข้าสู่ออนไลน์ด้วยเช่นกัน ทว่าในบางครั้งที่แบรนด์เคลื่อนไหวอย่างไม่ระวัง จนสร้างความไม่พอใจให้แก่ผู้บริโภค ผลลัพธ์ที่เกิดบนโลกออนไลน์ก็กลายเป็นบาดแผลให้แบรนด์เจ็บตัวไปอีกนานเลยทีเดียว

การจัดการภาวะวิกฤต (Crisis Management) คือเครื่องมือในการบริหารที่ทุกแบรนด์ต่างคุ้นชิน และหยิบนำมาใช้เพื่อหยุดยั้งเหตุการณ์ไม่คาดคิดที่อาจส่งผลเสียกับธุรกิจของตัวเอง ย้อนกลับไปในยุคที่มิติของข่าวสารจำกัดไว้เพียงหนังสือพิมพ์หรือโทรทัศน์ การจัดการวิกฤตที่ดีที่สุดขอเพียงแบรนด์บอกเล่าความจริงกับสื่อก่อนข้อความหรือภาพจะถูกส่งไปยังผู้บริโภค แต่ในปัจจุบันที่อินเทอร์เน็ตพัฒนาจนสร้างโลกไร้พรมแดนขึ้นมาได้ มิติของการสื่อสารก็ได้ขยายตัวอย่างไร้ขอบเขต และเดินทางได้อย่างรวดเร็วทั้งสื่อมวลชนที่เป็นสื่อและผู้บริโภคที่กลายมาเป็นผู้สื่อด้วยตนเอง (Netizens) ส่งผลให้เหตุการณ์เล็กๆ น้อยๆ สามารถลุกลามเป็นวิกฤตขนาดใหญ่ได้รวดเร็วเกินกว่าแบรนด์จะตั้งตัว

เมื่อข้อความหรือคำพูดที่ต่อว่าแบรนด์ถูกพิมพ์ลงไปในคอมเมนต์ ไม่ว่าจะเล็กน้อยแค่ไหนก็อาจเป็นจุดเริ่มวิกฤตของแบรนด์ได้ เพราะประโยคเหล่านั้นสามารถดึงให้คนที่มีประสบการณ์ใกล้เคียงกัน (Me - too) เข้ามามีส่วนร่วม (Engage) และสร้างจำนวนคอมเมนต์มากขึ้นเรื่อยๆ จนทำให้เรื่องราวนั้นเข้าไปอยู่ในกระแสสนใจของคนจำนวนมาก ซึ่งหากประโยคนั้นถูกส่งต่อโดยอินฟลูเอนเซอร์ หรือผู้มีอิทธิพลทางความคิด (Influencer) และอาจรวมถึงกลุ่มสื่อมวลชน กราฟของความรุนแรงก็จะพุ่งสูงขึ้นจากการกระจายคำพูดออกไป ตามจำนวนผู้ติดตามที่เข้ามาเห็นข้อความอีกนับไม่ถ้วน

'Online Crisis เป็นสิ่งที่ต่างออกไปจาก crisis ในอดีต ความเร็วของอินเทอร์เน็ตเสริมด้วยการรายงานและการมีส่วนร่วมของ Netizens ทำให้ Online Crisis มีการกระจายอย่างรวดเร็ว ไร้ทิศทางและบางครั้งก็ห่างไกลจากความจริงที่เกิดขึ้น เพราะมีเรื่องของอารมณ์เข้ามาเกี่ยวข้องด้วย' ประโยคที่บอกเล่าความต่างของภาวะวิกฤตในอดีตและปัจจุบัน จาก คุณพงษ์ทิพย์ เทศะภู ประธานสายงานประชาสัมพันธ์ บริษัท เรียล สมาร์ท จำกัด Digital Super Agency เจ้าแรกของเมืองไทย คุณพงษ์ทิพย์ พีอาร์ตัวแม่ที่คร่ำหวอดในวงการพีอาร์เมืองไทยกว่า 25 ปี ทำให้เราได้เห็นภาพกลุ่มคนนับร้อยนับพันเปลี่ยนบทบาทจากผู้รับสารเป็นผู้ส่งสารกลับโดยทันที ส่งให้วิกฤตของแบรนด์ลุกลามรวดเร็ว จนการแก้ไขปัญหาที่เคยได้ผลในอดีตกลับแก้ไขไม่ได้แม้เรื่องเล็กๆ น้อยๆ และทำให้ภาพของแบรนด์ติดลบในสายตาผู้บริโภคติดค้างบนโลกออนไลน์

แม้ว่าการเติบโตของดิจิทัลจะจุดให้วิกฤตเล็กๆ ลุกลามใหญ่โตจนบางครั้งแก้ไขยาก แต่ก็เป็นเทคโนโลยีดิจิทัลอีกเช่นกัน ที่ได้สร้างเครื่องมือสำหรับ 'ระวัง' การเกิดภาวะวิกฤตบนโลกออนไลน์ได้อย่างอยู่หมัด เช่น บริษัท เรียล สมาร์ท เองก็มีเครื่องมือสำหรับฟังความเคลื่อนไหวบนโลกออนไลน์ 'Real Listening Service' แบบเรียลไทม์ หรือเครื่องมือที่ใช้สำหรับวัดความรุนแรงของวิกฤต - Crisis Threat Level ที่มีความสามารถในการวิเคราะห์ข้อมูลเรียลไทม์และการมีส่วนร่วม (engagement) ในแต่ละห้วงเวลาแสดงให้เห็นว่าโพสต์หรือคอมเมนต์ที่พูดถึงแบรนด์ มีจำนวนข้อความมากน้อยเท่าใด มีผู้เห็นข้อความกี่คน มีอินฟลูเอนเซอร์เข้ามาดูหรือไม่และมีการแชร์ต่อไปหรือไม่อย่างไรก่อนไปจบที่น้ำหนักของความรุนแรงอยู่ในระดับใด

ทั้งนี้ คุณพงษ์ทิพย์ ยังได้กล่าวเสริมอีกว่า 'ที่เรียล สมาร์ท เราใช้เครื่องมือต่างๆ ที่เราคิดขึ้นมาจากการใช้เทคโนโลยีรวมกับประสบการณ์ในการบริหารจัดการภาวะวิกฤตเพื่อเป็นการ 'ระวัง' การที่แบรนด์จะถูกผลกระทบ หรือได้รับความเสียหายเชิงภาพลักษณ์ เราแนะนำลูกค้าอย่างใกล้ชิดและทำงานร่วมกันเพื่อให้การตัดสินใจจัดการกับวิกฤตเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ และการสื่อสารที่ออกมามีสาระมากที่สุด เหมาะสมที่สุด'

การสื่อสารออกไปหาผู้บริโภคหรือผู้ที่ได้รับผลกระทบในห้วงเวลาวิกฤต เป็นเรื่องละเอียดอ่อนจึงต้องอาศัยประสบการณ์ และข้อมูลจริงที่อ่านจากเรียลไทม์ 'การชี้แจงภาวะวิกฤตบนโลกออนไลน์ ไม่ใช่จะพูดอะไรก็ได้หรือจบลงแค่คำขอโทษ ทุกคำพูดที่พูดออกมาแล้วจะผูกมัดตัวแบรนด์อยู่ตลอด ผู้พูดต้องตอบคำถามสังคมด้วยข้อมูลที่เป็นข้อเท็จจริง มีทางออกที่ดีสำหรับปัญหาที่เกิดขึ้น และที่สำคัญต้องสื่อสารเชิงกลยุทธ์' คุณพงษ์ทิพย์ กล่าว

ด้วยปัจจัยมากมายที่เกิดขึ้นจากการเปลี่ยนแปลงบนโลกออนไลน์ ทำให้ภาวะวิกฤตในยุคดิจิทัลได้กลายเป็นปัญหาที่ขยายตัวได้รวดเร็วและยากต่อการแก้ไข บริษัท เรียล สมาร์ท จำกัด ในฐานะ Digital Super Agency แห่งแรกของประเทศไทย ผู้ให้บริการบริหารการสื่อสารการตลาดดิจิทัลแบบครบวงจร จึงตอบต่อโจทย์ของแบรนด์หรือองค์กรธุรกิจต่างๆ ในการให้บริการดูแลจัดการทุกภาวะวิกฤตของแบรนด์ ไล่ตั้งแต่การใช้เครื่องมือในการมอนิเตอร์ริ่ง ข้อความบนโลกออนไลน์ วิเคราะห์ความรุนแรงของวิกฤต ช่วยเหลือแบรนด์ในการสื่อสารออกไปสู่ผู้บริโภค เพื่อจัดการกับวิกฤตอย่างเหมาะสม และใช้เครื่องมือในการเฝ้าระวังไม่ให้เกิดวิกฤตซ้ำขึ้นอีก ช่วยให้แบรนด์สามารถเติบโตบนโลกออนไลน์ด้วยภาพลักษณ์ที่ดีและมีประสิทธิภาพ
#2875
SCB 10X ลงทุนรอบ Series B ใน Sygnum แบงก์สินทรัพย์ดิจิทัลครบวงจรแห่งแรกของโลก

เอสซีบี เท็นเอกซ์ (SCB 10X) ประกาศร่วมลงทุนใน Sygnum ธนาคารสินทรัพย์ดิจิทัลแห่งแรกของโลกที่ได้รับใบอนุญาตการธนาคารในสวิตเซอร์แลนด์และใบอนุญาตบริการตลาดทุนในสิงคโปร์ ในการระดมทุนรอบ Series B ร่วมกับกลุ่มนักลงทุนชั้นนำระดับโลก นำโดย Sun Hung Kai & Co. Limited (SEHK: 86) พร้อมด้วย SBI Holdings, Meta Investments, Animoca Brands และ WeMade

การระดมทุนครั้งนี้ส่งผลให้ Sygnum มีมูลค่าบริษัทหลังการลงทุน (Post-Money Valuation) สูงถึง 800 ล้านดอลลาร์สหรัฐ จากผลประกอบการที่เติบโตอย่างก้าวกระโดด เช่น รายได้ของกลุ่มที่เติบโตกว่า 10 เท่า จำนวนลูกค้าสูงถึงเกือบ 1,000 ราย และมีสินทรัพย์ภายใต้การจัดการกว่า 2 พันล้านดอลลาร์ นับเป็นการระดมทุนครั้งสำคัญเพื่อมุ่งเน้นการพัฒนาบริการสินทรัพย์ดิจิทัลเพื่อรองรับการเติบโตของ Web 3.0 (อินเทอร์เน็ตที่เน้นการทำงานแบบไม่รวมศูนย์) ให้แก่ลูกค้าสถาบัน พร้อมขยายขอบเขตการให้บริการสู่ตลาดใหม่ๆ ผ่านความร่วมมือกับพันธมิตรทั่วโลก โดย SCB 10X ได้มีการลงทุนคร้งแรกใน Sygnum เมื่อปี 63

นางมุขยา พานิช Chief Venture and Investment Officer ของ SCB 10X ในเครือธนาคารไทยพาณิชย์ (SCB) กล่าวว่า SCB 10X มุ่งเน้นลงทุนด้าน Disruptive Technology ในบริษัทเทคโนโลยีและสตาร์ทอัพทั่วโลก เราให้ความสนใจอยากมากกับเทคโนโลยีการเงินแห่งโลกอนาคต เช่น Blockchain, Digital Asset และ DeFi เนื่องจากเราเล็งเห็นว่าเทรนด์เหล่านี้จะเข้ามามีบทบาทสำคัญในอนาคต โดยเฉพาะ DeFi ที่ได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นและมีการเติบโตอย่างก้าวกระโดดในปีที่ผ่านมา

การระดมทุนรอบนี้ของ Sygnum จะมุ่งขยายการให้บริการสินทรัพย์ดิจิทัลที่เกี่ยวข้องกับ Web 3.0 เช่น การให้บริการการลงทุนและ Staking ในเหรียญ DeFi กับนักลงทุนสถาบัน เราจึงร่วมสนับสนุนและเป็นหนึ่งในผู้ลงทุนต่อเนื่องในการระดมทุนรอบ Series B ของ "Sygnum" ธนาคารสินทรัพย์ดิจิทัลแห่งแรกของโลก ผู้นำด้านการให้บริการด้านสินทรัพย์ดิจิทัลแบบครบวงจร พร้อมขยายขอบเขตการให้บริการไปทั่วโลก

นายมาเทียส อิมบาค์ก (Mathias Imbach) ผู้ร่วมก่อตั้ง และ Group CEO ของ Sygnum กล่าวว่า การลงทุนในสินทรัพย์ดิจิทัลกำลังได้รับความนิยมอย่างรวดเร็ว เมื่อนักลงทุนมีความต้องการในการลงทุนเพิ่มมากขึ้น การให้บริการด้านการลงทุนในสินทรัพย์ดิจิทัลที่ได้รับการกำกับดูแลจากหน่วยงานตามกฎหมายอย่าง Sygnum จึงมีความจำเป็น เพื่อมาช่วยดูแลการลงทุนให้เกิดความปลอดภัยในทรัพย์สินของนักลงทุนโดยการระดมทุนในครั้งนี้ของ Sygnum นับเป็นก้าวสำคัญในการขยายธุรกิจไปทั่วโลก และมีเป้าหมายสำคัญเพื่อช่วยให้ทุกคนสามารถเป็นเจ้าของสินทรัพย์ดิจิทัลได้อย่างมั่นใจและเชื่อถือได้
#2876
ภาวะตลาดหุ้นออสเตรเลีย: S&P/ASX 200 ปิดลบ 80.50 จุด หลังจนท.เฟดส่งสัญญาณขึ้นดบ.

ดัชนี S&P/ASX 200 ตลาดหุ้นออสเตรเลียปิดร่วงลงกว่า 1% ในวันนี้ โดยตลาดถูกกดดันจากความกังวลเกี่ยวกับแนวโน้มการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของสหรัฐ หลังจากเจ้าหน้าที่หลายคนของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ได้ออกมาส่งสัญญาณว่า เฟดอาจจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเดือนมี.ค.นี้

ดัชนี S&P/ASX 200 ปิดที่ 7,393.90 จุด ลดลง 80.50 จุด หรือ -1.08% และดัชนี All Ordinaries ปิดที่ 7,717.10 จุด ลดลง 80.40 จุด หรือ -1.03%

เจ้าหน้าที่หลายคนของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ได้ออกมาแสดงความเห็นในเชิงสนับสนุนให้เฟดปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเดือนมี.ค.เพื่อสกัดเงินเฟ้อ ซึ่งรวมถึงนางลาเอล เบรนาร์ด หนึ่งในคณะผู้ว่าการเฟด, นายชาร์ลส์ อีแวนส์ ประธานเฟดสาขาชิคาโก, นายแพทริก ฮาร์เกอร์ ประธานเฟดสาขาฟิลาเดลเฟีย และนางแมรี ดาลี ประธานเฟดสาขาซานฟรานซิสโก

นางเบรนาร์ดได้กล่าวต่อคณะกรรมาธิการด้านการธนาคารประจำวุฒิสภาสหรัฐเมื่อวานนี้ว่า เฟดอยู่ในสถานะที่พร้อมที่จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย โดยเฟดจะดำเนินการทันทีที่โครงการซื้อพันธบัตรตามมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) ยุติลง

ถ้อยแถลงของนางเบรนาร์ดถือเป็นการส่งสัญญาณถึงความเป็นไปได้ที่ว่า เฟดอาจจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมวันที่ 15-16 มี.ค.นี้ เนื่องจากคณะกรรมการเฟดได้ประกาศไว้ก่อนหน้าว่าจะเพิ่มการปรับลดวงเงินในโครงการ QE เป็นเดือนละ 3 หมื่นล้านดอลลาร์ เริ่มตั้งแต่เดือนม.ค. 2565 โดยการปรับลดวงเงิน QE ของเฟดจะเพิ่มขึ้น 2 เท่าจากเดิมเดือนละ 1.5 หมื่นล้านดอลลาร์ ซึ่งจะส่งผลให้เฟดยุติการทำ QE ในเดือนมี.ค. 2565
#2877
ราคาบ้านใหม่ในจีนเดือนธ.ค.ลดในอัตราที่ชะลอลง ชี้อุปสงค์เริ่มมีเสถียรภาพ

สำนักงานสถิติแห่งชาติ (NBS) รายงานในวันนี้ (15 ม.ค.) ว่า ราคาบ้านใหม่ของจีนลดลงในอัตราที่ชะลอลงในเดือนธ.ค.เมื่อเทียบกับเดือนพ.ย. โดยบ่งชี้ถึงอุปสงค์ที่มีเสถียรภาพ ซึ่งได้แรงหนุนจากการผ่อนปรนการควบคุมการปล่อยกู้ และการส่งเสริมการขายของบริษัทอสังหาริมทรัพย์

ทั้งนี้ ราคาบ้านใหม่โดยเฉลี่ยใน 70 เมืองใหญ่ของจีน ลดลง 0.2% ในเดือนธ.ค. โดยชะลอการลดลงเมื่อเทียบกับเดือนพ.ย.ซึ่งลดลง 0.3%

สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า ตลาดอสังหาริมทรัพย์ของจีนชะลอตัวลงนับตั้งแต่เดือนมิ.ย. 2564 เนื่องจากหน่วยงานควบคุมด้านกฎระเบียบของจีนได้ปรับเพิ่มมาตรการควบคุมภาคอสังหาริมทรัพย์ ซึ่งส่งผลให้บริษัทที่มีหนี้สินในระดับสูงประสบกับภาวะผิดนัดชำระหนี้
#2878

เกม พรีเมียร์ลีก นัด สเปอร์ส เจอ อาร์เซน่อล วันอาทิตย์นี้ โดนเลื่อนเรียบร้อย หลังนักเตะ 'ปืนใหญ่' ติดโควิดและบาดเจ็บหลายราย
    ฟุต. พรีเมียร์ลีก คู่ที่ ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์ จะเปิดบ้านพบ อาร์เซน่อล ในศึก ลอนดอน ดาร์บี้ แมตช์ วันอาทิตย์ที่ 16 มกราคมนี้ ต้องเลื่อนการแข่งขันออกไปแล้ว ตามรายงานจาก ดิ แอธเลติก และ เดอะ มิร์เรอร์ สื่ออังกฤษ เมื่อวันเสาร์ที่ 15 ม.ค. ที่ผ่านมา

    หลังการประชุมบอร์ด พรีเมียร์ลีก เมื่อช่วงเช้าวันเสาร์ที่ผ่านมา ได้ข้อสรุปให้เลื่อนเกมนี้ หลังจาก อาร์เซน่อล ยื่นเรื่องร้องขอเข้ามา เพราะมีนักเตะทีมชุดใหญ่ไม่เพียงพอลงเล่น เนื่องจากทั้งติดเชื้อไวรัสโควิด-19 และบาดเจ็บ รวมทั้งยังมีคนที่ไปเล่น แอฟริกา คัพ ออฟ เนชั่นส์ อีกด้วย

    ทั้งนี้ เกม สเปอร์ส พบ อาร์เซน่อล โดนเลื่อนเป็นคู่ที่สองในสัปดาห์นี้ หลังจากที่ก่อนหน้านี้เกม เบิร์นลี่ย์ เปิดบ้านพบ เลสเตอร์ วันเสาร์ที่ 15 ม.ค. ก็ถูกเลื่อนเช่นกัน เพราะนักเตะเจ้าถิ่นติดโควิด และบาดเจ็บหลายราย

 
#2879

ดัชนีดาวโจนส์ฟิวเจอร์พุ่งขึ้นกว่า 100 จุดในวันนี้ ขานรับตัวเลขดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) ที่ต่ำกว่าคาดการณ์

ณ เวลา 21.10 น.ตามเวลาไทย ดัชนีดาวโจนส์ฟิวเจอร์บวก 121 จุด หรือ 0.33% สู่ระดับ 36,281 จุด

กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า ดัชนี PPI ซึ่งเป็นมาตรวัดเงินเฟ้อจากการใช้จ่ายของผู้ผลิต พุ่งขึ้น 9.7% ในเดือนธ.ค. เมื่อเทียบรายปี ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่ที่มีการรวบรวมข้อมูลดังกล่าวในเดือนพ.ย.2553 แต่ต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 9.8% หลังจากดีดตัวขึ้น 9.6% ในเดือนพ.ย.

เมื่อเทียบรายเดือน ดัชนี PPI ปรับตัวขึ้น 0.2% ในเดือนธ.ค. ต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 0.4% หลังจากดีดตัวขึ้น 0.8% ในเดือนพ.ย.

ดัชนี PPI พื้นฐาน ซึ่งไม่นับรวมหมวดอาหารและพลังงาน ปรับตัวขึ้น 0.4% ในเดือนธ.ค. เมื่อเทียบรายเดือน ต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 0.5% หลังจากดีดตัวขึ้น 0.7% ในเดือนพ.ย.

ส่วนการเปิดเผยตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐในวันนี้ กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยตัวเลขผู้ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกเพิ่มขึ้น 23,000 ราย สู่ระดับ 230,000 รายในสัปดาห์ที่แล้ว ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนพ.ย.2564 และสวนทางนักวิเคราะห์ที่คาดว่าจะลดลงสู่ระดับ 200,000 ราย

ตัวเลขผู้ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกสูงกว่าระดับ 215,000 ราย ซึ่งเป็นค่าเฉลี่ยต่อสัปดาห์ในช่วงก่อนเกิดการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ในสหรัฐ

ขณะเดียวกัน กระทรวงแรงงานสหรัฐรายงานว่า จำนวนชาวอเมริกันที่ยังคงขอรับสวัสดิการว่างงานต่อเนื่องลดลง 194,000 ราย สู่ระดับ 1.56 ล้านราย ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนมิ.ย.2516
#2880


คริสเตียโน่ โรนัลโด้ กองหน้าทีม แมนฯ ยูไนเต็ด ไม่มีชื่อลงเล่นให้ทีมเป็นนัดที่สองติดต่อกันในเกม พรีเมียร์ลีก บุกไปเยือน แอสตัน วิลล่า เมื่อวันเสาร์ที่ 15 ม.ค. เช่นเดียวกับ มาร์คัส แรชฟอร์ด หัวหอกอีกรายที่หายไปจากทีม
     ดาวยิงทีมชาติโปรตุเกสไม่มีส่วนร่วมในศึก เอฟเอคัพ รอบสามที่ ผีแดง เปิดบ้านพิชิต สิงห์ผงาด 1-0 ในเกมล่าสุดของสโมสรโดย ราล์ฟ รังนิก กุนซือชาวเยอรมันยืนยันว่าสตาร์ดังมีอาการบาดเจ็บรบกวน

    อย่างไรก็ดี ในการเตรียมความพร้อมของทีม โรนัลโด้ ลงซ้อมได้ท่ามกลางรายงานข่าวว่าเจ้าตัวผละออกไปจากสนามก่อนเวลาเนื่องจากบาดเจ็บ

    กระทั่งก่อนเกมที่ วิลล่า พาร์ค รังนิก ก็เผยรายชื่อทีมออกมาโดยไม่มี "ซีอาร์เซเว่น" ทั้งในโผตัวจริงและตัวสำรอง

    พร้อมกันนี้ แรชฟอร์ด ซึ่งฟอร์มตกอย่างหนักก็ไม่มีส่วนร่วมเช่นกันโดยผู้จัดการทีมวัยดึกระบุว่าทั้งสองมีอาการบาดเจ็บ

    "คริสเตียโน่ ลงเล่นไม่ได้เนื่องจากเจ็บสะโพก และไม่ได้ซ้อมเมื่อวันศุกร์ หวังว่าเขาจะเล่นได้ในวันพุธ (เยือน เบรนท์ฟอร์ด)" รังนิก เอ่ย

    "มาร์คัส เจ็บขาเมื่อวันพฤหัสบดี เรารอจนถึงบ่ายวันศุกร์ แต่การเยียวยาไม่ช่วยให้เขาดีขึ้น"

    กระนั้นก็ตาม เดลี่ สตาร์ ตั้งข้อสังเกตว่า โรนัลโด้ น่าจะโดนดร็อปมากกว่าบาดเจ็บจากการให้สัมภาษณ์เมื่อกลางสัปดาห์เกี่ยวกับทีมเมทที่ไม่สู้ดีเท่าไหร่

    ต่อการปราศจากทั้งสองกองหน้า รังนิก เลือกส่ง แอนโธนี่ เอลังก้า ลงเล่นคู่กับ เอดินสัน คาวานี่ และใส่ชื่อนายทวารเป็นตัวสำรองสองรายทั้ง ดีน เฮนเดอร์สัน และ ทอม ฮีตัน

    พร้อมกันนี้ อเล็กซ์ เตลเลส กับ เนมานย่า มาติช ก็ได้เสียบแทน ลุค ชอว์ กับ สกอตต์ แม็คโทมิเนย์ ที่ถูกแบน

    ด้าน แอสตัน วิลล่า ส่ง ลูกาส์ ดีญ แบ็คซ้ายตัวใหม่ลงสนามทันที ขณะที่ ฟิลิปเป้ คูตินโญ่ ที่ถูกยืมมาจาก บาร์ซ่า นั่งเป็นสำรองร่วมกับ แอชลีย์ ยัง อดีตกองหลัง ผีแดง ที่กลับไปรับใช้สโมสรแห่งมิดแลนด์อีกรอบ