• Welcome to ลงประกาศฟรี โพสฟรี โปรโมทเว็บไซด์ให้ติดอันดับ SEO ด้วย PBN.
 

poker online

ปูนปั้น

Menu

Show posts

This section allows you to view all posts made by this member. Note that you can only see posts made in areas you currently have access to.

Show posts Menu

Topics - Hanako5

#3461



และร่วมกันนำองค์ความรู้ที่ได้จากงานวิจัยไปต่อยอดสู่การใช้ประโยชน์ทั้งในเชิงนโยบาย เชิงสาธารณะ และเชิงพาณิชย์ ตลอดจนถ่ายทอดเทคโนโลยีและส่งเสริมความร่วมมือทางวิชาการกับภาคส่วนต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง โดยที่ผ่านมาแต่ละหน่วยงานได้มีการดำเนินงานในการวิจัยพัฒนาและส่งเสริมในเรื่องของกัญชงมาอย่างต่อเนื่อง


นายวิรัตน์ ปราบทุกข์ ผู้อำนวยการสถาบันวิจัยและพัฒนาพื้นที่สูง เปิดเผยว่า สถาบันวิจัยและและพัฒนาพื้นที่สูง (องค์การมหาชน) หรือ สวพส. ร่วมกับ มูลนิธิโครงการหลวง สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้วิจัยและพัฒนากัญชง (Hemp) เพื่อให้เป็นพืชเศรษฐกิจบนพื้นที่สูง มาอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ ปี พ.ศ.2549 จนถึงปัจจุบัน ผลการวิจัยและพัฒนา ทำให้จากอดีตที่แม้แต่การใช้ประโยชน์ตามภูมิปัญญาและวิถีของชนเผ่าม้ง เพื่อทำเครื่องนุ่งห่มและใช้สอยในครัวเรือนนั้น ยังผิดกฎหมาย คือ พ.ร.บ.ยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. 2522 มีข้อมูลและองค์ความรู้ที่นำมาสู่แก้ไขกฎหมาย เพื่อส่งเสริมกัญชงเป็นพืชเศรษฐกิจ  

โดยอาศัยความร่วมมือของหลายภาคส่วน และผลการวิจัยและพัฒนาจำนวนไม่น้อย นับจากปีพ.ศ. 2549-จนถึงปัจจุบัน กว่า 15 ปี เริ่มจากการพัฒนาพันธุ์เพื่อให้มีสารเสพติดต่ำกว่าที่กฎหมายกำหนด การพัฒนาวิธีการเพาะปลูก การแก้กฎหมาย และสร้างการตลาด เพื่อให้สามารถปลูกเป็นอาชีพได้จริง ในช่วงแรกๆ มุ่งการใช้ประโยชน์จากเส้นใยสำหรับในครัวเรือน ต่อมาขยายการศึกษาวิจัยสู่การใช้ประโยชน์จากแกน ลำต้น เมล็ด และเส้นใยในเชิงอุตสาหกรรม และนำไปสู่การศึกษาวิจัยที่มุ่งการใช้ประโยชน์ครอบคลุมทุกส่วน ทั้งเส้นใย เมล็ด และช่อดอก สำหรับอาหาร เวชสำอาง และการแพทย์ ในขณะนี้ โดยมีผลงานที่สำคัญคือ

ระยะที่ 1 ปี พ.ศ.2549-2554 ปรับปรุงและขึ้นทะเบียนพันธุ์ 4 พันธุ์ เป็นพันธุ์ที่มีปริมาณ THC ต่ำกว่า 0.3% คือ RPF1, RPF2, RPF3 และ RPF4 ควบคู่กับวิจัยและพัฒนาวิธีการเพาะปลูกที่เหมาะสม ได้แก่ ระยะปลูก ช่วงเวลาปลูก อายุเก็บเกี่ยว และระบบการปลูกเฮมพ์อย่างถูกต้องตามกฎหมาย การแปรรูปผลิตภัณฑ์ การตลาด และนำข้อมูลไปสู่การจัดทำแผนยุทธศาสตร์การส่งเสริมการปลูกเฮมพ์เป็นพืชเศรษฐกิจบนพื้นที่สูง (2552-2556) แผนปฏิบัติการพัฒนาเฮมพ์บนพื้นที่สูง ระยะ 5 ปี (พ.ศ.2553-2557) และแผนปฏิบัติการพื้นที่นำร่องส่งเสริมการปลูกเฮมพ์ใน 5 จังหวัด ได้แก่ จังหวัดเชียงใหม่น่าน เชียงราย ตาก และเพชรบูรณ์


ระยะที่ 2 ปี พ.ศ.2555-2559 สวพส. ร่วมกับหน่วยงานต่าง ๆ วิจัยและพัฒนาตามแผนยุทธศาสตร์การส่งเสริมการปลูกเฮมพ์เป็นพืชเศรษฐกิจบนพื้นที่สูง ได้แก่ กองควบคุมวัตถุเสพติด สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา ดำเนินการเพื่อแก้ไขกฎหมายให้สามารถปลูกเฮมพ์ได้อย่างถูกต้องตามกฎหมาย สถาบันสำรวจและติดตามการปลูกพืชเสพติด สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (ป.ป.ส.) พัฒนาระบบควบคุมการปลูกที่เหมาะสม และสนับสนุนการดำเนินงานของสถาบันพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (Institute of Small and Medium Enterprises Development, ISMED) กระทรวงอุตสาหกรรม ดำเนิน "โครงการส่งเสริมและพัฒนาอุตสาหกรรมเฮมพ์อย่างสร้างสรรค์แบบครบวงจร" เพื่อพัฒนาผลิตภัณฑ์จากส่วนต่างๆ ของกัญชงที่เชื่อมโยงสู่ภาคปฏิบัติในโรงงานอุตสาหกรรมเกษตรแปรรูป และ สวพส. ได้ศึกษาวิจัยต่อเนื่อง ในด้านการศึกษาระบบส่งเสริมการปลูกภายใต้ระบบควบคุม ในพื้นที่นำร่อง 5 จังหวัด

การพัฒนาระบบการผลิตเมล็ดพันธุ์เฮมพ์ภายใต้ระบบควบคุม การพัฒนาชุดตรวจปริมาณ THC ภาคสนาม (THC test kit) ร่วมกับกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ การวิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์จากเส้นใยเฮมพ์ที่สอดคล้องกับความต้องการของตลาด เช่น เสื้อผ้าเครื่องนุ่งห่ม เฟอร์นิเจอร์ วัสดุก่อสร้าง การวิจัยและพัฒนาต้นแบบอาหารสุขภาพจากเมล็ดเฮมพ์ เช่น น้ำมันในแคปซูล และโปรตีนอัดเม็ด ซึ่งพบว่าเมล็ดกัญชงที่มีอยู่ในปัจจุบัน 4 พันธุ์ มีน้ำมัน 28.06-29.62 % และเมื่อสกัดด้วยวิธีการบีบเย็นจะได้ผลผลิตน้ำมัน 22.29% ซึ่งมีกรดไขมันได้แก่โอเมก้า 3, โอเมก้า 6 และโอเมก้า 9 เท่ากับ 20.91, 58.23, 9.74 กรัมต่อน้ำมันเฮมพ์ 100 กรัม และมีโปรตีนที่ในกากเมล็ดเฮมพ์ 33.25 % 


ระยะที่ 3 ปี พ.ศ.2560-ปัจจุบัน มุ่งศึกษาวิจัยเพื่อปรับปรุงพันธุ์และพัฒนาเทคโนโลยีการเพาะปลูก ในการเพิ่มผลผลิตและคุณภาพผลผลิตให้สอดคล้องกับความต้องการใช้ประโยชน์ โดยร่วมมือกับสถาบันการศึกษา หน่วยงานรัฐ และเอกชน เพื่อขยายผลและผลักดันเฮมพ์เป็นพืชเศรษฐกิจใหม่ของไทยตามนโยบายรัฐบาล ทั้งด้านเส้นใย อาหาร เวชสำอาง และการแพทย์ เช่น ร่วมกับสำนักงานวิจัยและพัฒนาการทางทหาร กองทัพบก และกรมพลาธิการทหารบก วิจัยและพัฒนาเครื่องแต่งกายทหารจากเส้นใยเฮมพ์ 3 ชนิด คือ ชุดพราง เสื้อยืด และถุงเท้า กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข โดยศูนย์วิทยาศาสตร์การแพทย์ที่ 1 เชียงใหม่ พัฒนาชุดตรวจวัดปริมาณ THC อย่างง่าย (THC strip test) ซึ่งมีค่าใช้จ่ายน้อยกว่าการส่งตัวอย่างตรวจในห้องปฏิบัติการ ประมาณ 15-25 เท่า รวมทั้งการถ่ายทอดและเผยแพร่ความรู้ให้กับเกษตรกร ภาครัฐ และเอกชน ผ่านการจัดฝึกอบรม สัมมนา ศึกษา ดูงาน ผลงานทางวิชาการ เอกสาร และคู่มือต่างๆ

ข้อจำกัดที่สำคัญของการสนับสนุนให้กัญชงเป็นพืชเศรษฐกิจของประเทศไทยคือ ข้อมูล พันธุ์ และ การเตรียมการด้านการตลาด ซึ่งกฎหมายเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว และเปิดโอกาสให้ใช้ประโยชน์ได้กว้างขวางยิ่งขึ้น แต่ข้อมูลที่มีอยู่ในปัจจุบัน เป็นผลการวิจัยที่เน้นใช้ประโยชน์จากเส้นใยเป็นหลัก จึงยังไม่สมบูรณ์มากพอสำหรับวัตถุประสงค์อื่นๆ ซึ่งความสนใจปลูกขณะนี้ส่วนใหญ่มุ่งใช้ประโยชน์จาก CBD และเมล็ด และข้อจำกัดที่สำคัญมากอีกประการหนึ่ง คือเมล็ดพันธุ์ที่ยังผลิตได้ปริมาณน้อยมากสำหรับปี พ.ศ.2564 นี้ 

เพราะมีการผลิตจำนวนน้อยเพื่อใช้ในงานวิจัย ไม่สอดคล้องกับความต้องการเพิ่มขึ้นอย่างกระทันหัน ทั้งนี้จะสามารถการผลิตเมล็ดพันธุ์ให้พอเพียงได้เร็วที่สุด คือในปี พ.ศ.2565 การใช้ข้อมูลและเมล็ดพันธุ์นำเข้าจากต่างประเทศอาจจะเป็นอีกช่องทางหนึ่ง แต่อย่างไรก็ตามคงต้องทำอย่างรอบครอบ โดยมีการศึกษาทดลองก่อนนำมาใช้อย่างจริงจัง
#3462



ยังคงเดินหน้าช่วยเหลือสังคมอย่างต่อเนื่อง สำหรับนางเอกหน้าหวาน มิน พีชญา วัฒนามนตรี ที่ก่อนหน้านี้ลงครัวทำอาหารไปมอบให้กับคนงานที่แคมป์ก่อสร้างต่างๆ ในกรุงเทพมหานคร

แต่ล่าสุดนางเอกคนดังก็ครีเอทไอเดียเจ๋งช่วยประชาชนที่เดือดร้อนกับพิษโควิด-19 แบบคูณสอง กับการเหมาอาหาร ขนมและเครื่องดื่มจากพ่อค้าแม่ค้าที่ขายของไม่ได้เพื่อแจกจ่ายให้กับผู้เดือดร้อนจากโรคระบาดดังกล่าวได้กินฟรีรอบกรุงฯค่ะ

"กับโครงการนี้จริงๆ มินได้มีโอกาสทำมาพักนึงแล้วค่ะ คือตอนแรกอย่างที่ทุกคนได้เห็นว่ามินทำอาหารแจกพี่ๆ น้องๆ ที่แคมป์คนงาน แต่ตอนนี้เราก็ลองปรับมาดูว่าเราสามารถช่วยอะไรได้มากกว่านั้นไหม


มินเลยลองเปลี่ยนจากการทำอาหารเองมาเป็นการซื้ออาหาร ไปเหมาอาหารจากพ่อค้าแม่ค้าที่ขายของไม่ได้ดีกว่า แล้วมินก็เอาของที่ซื้อมาแจกจ่ายให้กับพี่ๆ น้องๆ ประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากพิษโควิดแทน

ถือว่าเราได้ช่วยคนแบบสองต่อเลยค่ะ เพราะบางร้านค้าขายของไม่ได้เลย บางร้านก็ขายได้แต่ก็ไม่พอค่าเช่าที่ แถมพ่อค้าแม่ค้าบางคนยังมีลูกเล็กๆ ที่ต้องเลี้ยงดูอีก

คือเราเห็นแล้วก็สงสารพ่อค้าแม่ค้าทุกคนค่ะ เราเลยมาช่วยตรงจุดนี้ เพราะพอเราซื้อของเค้า เหมาของเค้าพ่อค้าแม่ค้าเองก็ยิ้มได้ มีเงินกินเงินใช้เลี้ยงดูครอบครัว

มินเห็นเค้ามีความสุขเราเองก็ดีใจ ส่วนคนที่มารับของที่เราซื้อไว้ทุกคนก็ยิ้มได้ ได้กินของอร่อย ได้ยินแค่คำขอบคุณเราเองก็ปลื้มใจเช่นกันค่ะ


เพราะเรารู้ว่าตอนนี้พี่ๆ น้องๆ บางคนก็ตกงาน บางคนทำงานเป็นรายวัน ตอนนี้โรงงานปิดก็ขาดรายได้ บางคนก็โดนลดเงินเดือน เราก็ถือว่าเราได้ช่วยให้เค้ามีความสุข ได้อิ่มท้องในแต่ละวัน

เราเองก็มีความสุขมากแล้วค่ะ เพราะถ้าทุกคนมีข้าวกินในแต่ละวัน ทุกคนก็จะมีแรงต่อสู้กับปัญหาที่จะเข้ามาและมินก็คิดว่าจะทำโครงการดีๆ แบบนี้ไปเรื่อยๆ จนกว่าสถานการณ์ทุกอย่างจะดีขึ้นค่ะ" 
#3463



นายวิศิษฐ์  ศรีสุวรรณ์ อธิบดีกรมส่งเสริมสหกรณ์ เปิดเผยว่า ขณะนี้เกษตรกรชาวสวนผลไม้ในภาคใต้กำลังประสบปัญหาช่องทางจำหน่ายเงาะและมังคุด เนื่องจากในช่วงปลายเดือนกรกฎาคม - สิงหาคม เป็นฤดูกาลที่ผลผลิตในภาคใต้ออกมาพร้อมกัน จนเกิดการกระจุกตัวและราคาตกต่ำ

 โดยเฉพาะในปีนี้สถานการณ์โควิด – 19 กำลังระบาด มีการล็อกดาวน์ทำให้พ่อค้าไม่สามารถเข้าไปตั้งล้งเพื่อรับซื้อมังคุดจากเกษตรกรได้  ซึ่งนางสาวมนัญญา ไทยเศรษฐ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ได้มอบหมายให้กรมส่งเสริมสหกรณ์เร่งหาทางช่วยเหลือและบรรเทาความเดือดร้อนของเกษตรกรโดยด่วน เบื้องต้น จึงได้สั่งการให้สหกรณ์จังหวัดทุกจังหวัดประสานเครือข่ายสหกรณ์ในแต่ละพื้นที่ สั่งซื้อเงาะและมังคุดจากสหกรณ์ที่เป็นแหล่งผลิตในภาคใต้ กระจายสู่ผู้บริโภคของแต่ละจังหวัด

โดยให้สหกรณ์ต้นทาง 6 จังหวัด ได้แก่ ชุมพร ระนอง นครศรีธรรมราช สุราษฎร์ธานี พังงา และยะลา เปิดจุดรวบรวมเงาะ มังคุดจากเกษตรกรและสมาชิก เน้นผลไม้ที่ได้คุณภาพมาตรฐาน GAP ก่อนนำมาคัดเกรดบรรจุลงกล่อง และเร่งจัดส่งให้สหกรณ์ที่เป็นตลาดปลายทางเพื่อให้ถึงผู้บริโภคโดยเร็ว

เบื้องต้น มีสหกรณ์ในภาคเหนือ และภาคตะวันออกเฉียงเหนือได้ เปิดรับพรีออเดอร์เงาะและมังคุด ซึ่งมีผู้บริโภคให้ความสนใจทยอยสั่งซื้อผ่านเครือข่ายสหกรณ์อย่างต่อเนื่อง โดยมีสหกรณ์หลัก ๆ ที่เป็นตัวกลางรวบรวมผลผลิต เช่น สหกรณ์การเกษตรพระพรหม จำกัด สหกรณ์การเกษตรเพื่อการตลาดลูกค้า ธ.ก.ส.นครศรีธรรมราช จำกัด สหกรณ์การเกษตรพรหมคีรี จำกัด จ.นครศรีธรรมราช สหกรณ์การเกษตรเมืองสุราษฎร์ธานี จำกัด

สหกรณ์การเกษตรบ้านนาสาร จำกัด จ.สุราษฎร์ธานี กลุ่มเกษตรกรทำสวนปากจั่น อ.กระบุรี จ.ระนอง สหกรณ์การเกษตรเพื่อการตลาดลูกค้าธ.ก.ส.พังงา จำกัด จ.พังงา สหกรณ์รวมใจการเกษตร จำกัด สหกรณ์การเกษตรหลังสวน จำกัด  จ.ชุมพร และชุมนุมสหกรณ์การเกษตรยะลา จำกัด สหกรณ์การเกษตรเพื่อการตลาดลูกค้า ธ.ก.ส.ยะลา จำกัด จังหวัดยะลา โดยมีสหกรณ์ปลายทางอยู่ที่จังหวัดเชียงใหม่ พะเยา นครราชสีมา มหาสารคาม ร้อยเอ็ด อุบลราชธานี ยโสธร ราคามังคุดขายส่งเฉลี่ยกิโลกรัมละ 25 – 35 บาท และเงาะ ราคาขายกิโลกรัมละ 30 บาท 

ทั้งนี้  กรมฯได้ตั้งเป้าหมายกระจายมังคุดผ่านเครือข่ายสหกรณ์ไม่น้อยกว่า 5,216 ตัน และกระจายเงาะไม่น้อยกว่า  3,329 ตัน พร้อมจัดสรรเงินกู้ดอกเบี้ยต่ำจากกองทุนพัฒนาสหกรณ์ วงเงิน 122  ล้านบาทเพื่อให้สหกรณ์กู้ยืมเป็นทุนหมุนเวียนรับซื้อผลผลิตจากสมาชิกและเกษตรกรในราคานำตลาด  เพื่อดึงราคาผลไม้ในพื้นที่ให้อยู่ในระดับที่เหมาะสมและเป็นธรรมแก่พี่น้องเกษตรกร


ส่วนการขนส่งผลไม้ ในปีที่ผ่าน ๆ มา กรมฯได้อุดหนุนงบประมาณจัดซื้อตะกร้าบรรจุผลไม้และรถบรรทุกสินค้าให้เครือข่ายสหกรณ์ ใช้ในการขนส่งผลผลิตการเกษตร ทำให้การจัดส่งสินค้าในเครือข่ายสหกรณ์เป็นไปอย่างสะดวกรวดเร็วทันใจและช่วยยืดอายุของผลผลิตให้ยาวนานก่อนถึงมือผู้บริโภค ผู้ที่สนใจจะอุดหนุนผลไม้สหกรณ์ภาคใต้ สามารถสั่งซื้อผ่านเครือข่ายสหกรณ์ในจังหวัดของท่าน  สำหรับส่วนกลางในเขตกรุงเทพและปริมณฑล สามารถสั่งซื้อกับทางชุมนุมสหกรณ์การเกษตรแห่งประเทศไทย จำกัด โทร. 081-823 3639
#3464
สำหรับการประชุมหรือ เรียนออนไลน์ โปรแกรมมีให้ใช้งานหลากหลายมากๆ ครับ แต่วันนี้ ทางผู้เขียนอยากแนะนำโปรแกรม Zoom หรือชื่อในการค้นหาคือ Zoom meeting นั่นเองครับทำไมโปรแกรม Zoom meeting ถึงมีคนนิยมใช้ทั่วโลก ..?สาเหตุส่วนใหญ่ก็คือ มันตอบโจทย์ ใช้งานง่าย แชร์สกรีนได้ทั้งภาพและมิเดีย แต่ที่ผู้เขียนชอบที่สุดก็น่าจะเป็นการใช้งานแบนด์วิทอินเตอร์เน็ตน้อยมากเมื่อเทียบกับ โปรแกรมอื่นๆ เพราะความเร็วเน็ตในแต่ละที่ก็แตกต่างกัน แล้วแต่ผู้ใช้งานด้วย อันนี้สามารถช่วยได้มากทีเดียว


 การเข้าใช้งาน zoom join ก่อนที่เราจะเข้าใช้งาน Zoom เราจะต้อง sign in เพื่อสมัครก่อนครับ โดยไปที่https://zoom.us/signin   แล้วกด Sign in อาจเลือกเป็น sign in ด้วย google หรือ Facebook ก็ได้นะครับ





 1.      ผ่านทางหน้าเว็ป https://zoom.us/signin
 2.      ผ่านโปรแกรมที่ดาวน์โหลดติดตั้งไว้ในเครื่อง (ทั้งคอมพิวเตอร์ , Notebook , Tablet , มือถือ)ในทีนี้ ผู้เขียน เลือกที่จะเข้าแบบที่ 2 นะครับ เพราะมันง่ายดี เลือกโปรแกรม zoom meeting ในคอมฯของคุณเปิดขึ้นมาจะเป็นหน้าต่างแบบนี้ครับ เข้าใช้งานด้วย Email ที่สมัครไว้ครับ ก็จะสามารถใช้งานได้แล้วครับผม
#3465




เมื่อเร็วๆนี้ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี(ครม.)รับทราบผลการประชุมคณะกรรมการนโยบายการพัฒนาเขตเศรษฐกิจพิเศษ (กพศ.) ครั้งที่ 1/2564 และมอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการ ตามที่สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) เสนอ

     สาระสำคัญประกอบด้วยการขับเคลื่อนการพัฒนาเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษ 10 แห่งได้แก่ เขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษตาก สงขลา สระแก้ว ตราด หนองคาย นครพนม มุกดาหาร เชียงราย กาญจนบุรี และนราธิวาส 

โดยกำหนดกรอบการพัฒนา ได้แก่ ประกอบด้วยการรับฟังความคิดเห็นจากภาคส่วนต่าง ๆ สิทธิประโยชน์โดยมีหลักเกณฑ์การพิจารณา เช่น ต้องเชื่อมโยงการพัฒนาตั้งแต่ 3 จังหวัดขึ้นไป พื้นที่มีศักยภาพและความพร้อมในการพัฒนา และเครือข่ายกิจกรรมทางเศรษฐกิจสามารถเชื่อมโยงในลักษณะของห่วงโซ่มูลค่า 

เขตเศรษฐกิจพิเศษกำลังเป็นอีกเครื่องมือดึงดูดการลงทุนเพื่อเป็นกลไกพื้นเศรษฐกิจหลังโควิด ซึ่งนอกตากเขตพัฒนาพิเศษภาคตะว้ันออก(อีอีซี) แล้วจากนี้จะมีเขตศก.พิเศษกระจายอยู่ในทุกภูมิภาคของประเทศด้วย 
#3466



รายงานข่าวจากบริษัทศูนย์วิจัยกสิกรไทย จำกัด เปิดเผยว่า ภาพรวมเงินให้สินเชื่อและดอกเบี้ยค้างรับสุทธิของธนาคารพาณิชย์จดทะเบียนในประเทศ 19 แห่ง (ธ.พ.ไทย) ณ สิ้นเดือน มิ.ย. 2564 ขยับขึ้นจากเดือนก่อนหน้าประมาณ 7.84 หมื่นล้านบาท ซึ่งทำให้ศูนย์วิจัยกสิกรไทยประเมินว่า อัตราการเติบโตของสินเชื่อระบบธ.พ.ไทยน่าจะปิดสิ้นไตรมาส 2/2564 ที่ระดับประมาณ 4.4% YoY เทียบกับ 4.6% YoY ในไตรมาสที่ 1/2564

โดยแม้จะเริ่มชะลอตัวลง แต่ก็ยังไม่มากนัก เพราะได้รับแรงประคองทิศทางกลับมาบางส่วนจากการขยายตัวต่อเนื่องของสินเชื่อใน 2 ส่วนหลัก ได้แก่ (1) สินเชื่อกลุ่มธุรกิจขนาดใหญ่เพื่อเสริมสภาพคล่องและใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนในช่วงสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด 19 และ (2) สินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัย โดยเฉพาะในกลุ่มลูกค้าที่ยังคงมีกำลังซื้อ กลุ่มที่อยู่อาศัยแนวราบราคาประมาณ 1-3 ล้านบาท และ 3-5 ล้านบาท ตามลำดับ 

อย่างไรก็ตาม หากขาดแรงส่งของสองกลุ่มสินเชื่อดังกล่าวที่มาจากลูกค้าที่ยังมีขีดความสามารถในการกู้เงินและสามารถบริหารจัดการผลกระทบจากโควิดได้นั้น คาดว่าจะเห็นตัวเลขอัตราการขยายตัวของสินเชื่อที่ชะลอตัวอย่างชัดเจนขึ้น นำโดยสินเชื่อเอสเอ็มอี และสินเชื่อรายย่อยประเภทอื่นๆ อาทิ สินเชื่อเช่าซื้อ และสินเชื่อเพื่อการอุปโภคบริโภค

เงินฝากเติบโตในอัตราชะลอลงเช่นกัน โดยส่วนหนึ่งอาจเป็นเพราะเทียบกับฐานที่สูงในช่วงเดียวกันปีก่อน  

สำหรับภาพรวมเงินรับฝากของระบบธ.พ.ไทย ณ สิ้นเดือน มิ.ย. 2564 ลดลงจากเดือนก่อนหน้า 1.09 แสนล้านบาท นับเป็นการปรับลดลงครั้งแรกในรอบ 5 เดือน โดยเป็นการปรับตัวลงในเกือบทุกธนาคาร ส่วนหนึ่งอาจเป็นผลของการนำเงินฝากไปลงทุนในตัวเลือกที่ให้ผลตอบแทนสูงกว่า ประกอบกับมีการทยอยเบิกใช้สภาพคล่องเพื่อรองรับสถานการณ์โควิด 19 ทั้งในส่วนของภาคธุรกิจและผู้ฝากเงินรายย่อย ซึ่งทำให้ภาพรวมเงินฝาก ณ สิ้นไตรมาส 2/2564 ชะลอการขยายตัวลงมาที่ 4.0% YoY เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน จากอัตราการขยายตัวที่ 5.0% YoY ในไตรมาสที่ 1/2564


นอกจากนี้หากพิจารณาเงินฝากในกลุ่มผู้ฝากเงินรายย่อย จะพบว่า เงินฝากกลุ่มรายย่อยยังเติบโตในอัตราใกล้เคียงกับภาพรวมเงินฝากทั้งระบบ

อย่างไรก็ดี ภาพเงินฝากรายย่อยอาจแบ่งออกได้เป็น 2 กลุ่ม ได้แก่ 1) เงินฝากรายย่อยในกลุ่มที่วงเงินต่อบัญชีสูงกว่า 1 ล้านบาท (สัดส่วน 65% ของเงินฝากรายย่อยโดยรวม) ซึ่งประคองการเติบโตได้สูงกว่าเงินฝากรายย่อยในภาพรวม และ 2) เงินฝากรายย่อยในกลุ่มที่วงเงินต่อบัญชีไม่เกิน 1 ล้านบาท (สัดส่วน 35% ของเงินฝากรายย่อยโดยรวม) ที่มีอัตราการเติบโตที่ชะลอลงอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะในกลุ่มวงเงินต่อบัญชีไม่เกิน 50,000 บาท และกลุ่มวงเงินต่อบัญชีเกินกว่า 50,000 บาทแต่ไม่เกิน 100,000 บาท  ซึ่งอาจสะท้อนภาพการนำเงินฝากบางส่วนมาใช้เพื่อประคองสถานการณ์ในช่วงโควิด-19


ในช่วงครึ่งหลังของปี 2564 ศูนย์วิจัยกสิกรไทย คาดว่า ความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจจะทำให้ความต้องการสินเชื่อจากกลุ่มลูกค้าที่ยังพอมีรายได้หรือศักยภาพนั้น เป็นไปอย่างระมัดระวัง ทำให้การเติบโตของสินเชื่อปิดสิ้นปี 2564 ในอัตราการเติบโตใกล้เคียงระดับกลางปีที่ประมาณ 4.5% ซึ่งชะลอลงจากที่ขยายตัว 5.8% ในปี 2563

ทั้งนี้ ศูนย์วิจัยกสิกรไทย ประเมินว่า ยอดคงค้างสินเชื่อของระบบธ.พ.ไทยในครึ่งหลังของปี 2564 มีโอกาสขยายตัวได้ต่อเนื่อง เพียงแต่แรงหนุนสำคัญยังมาจากมาตรการช่วยเหลือลูกหนี้ของสถาบันการเงิน ทั้งในส่วนของการปล่อยสินเชื่อเพื่อช่วยเหลือด้านสภาพคล่องกับกลุ่มลูกค้าธุรกิจ และการเร่งอนุมัติสินเชื่อผ่านโครงการสินเชื่อฟื้นฟู

ขณะที่การช่วยเหลือลูกหนี้ผ่านมาตรการพักชำระหนี้และปรับโครงสร้างหนี้ น่าจะส่งผลทำให้การชำระคืนหนี้ช้าลง และลดแรงกดดันต่อยอดคงค้างสินเชื่อในภาพรวม อย่างไรก็ดี การปล่อยสินเชื่อใหม่ในส่วนอื่นๆ น่าจะเริ่มชะลอลง เนื่องจากสถานการณ์โควิดในประเทศยังมีความไม่แน่นอนสูง ซึ่งทำให้ทั้งฝั่งลูกค้าชะลอความต้องการสินเชื่อเพื่อลงทุนออกไป ขณะที่ฝั่งสถาบันการเงินยังคงต้องประเมินความเสี่ยงด้านเครดิตจากการปล่อยสินเชื่ออย่างระมัดระวัง 
#3467



นายอรรถนพ พันธุกำเหนิด ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ซิซซา กรุ๊ป จำกัด ผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์เพื่อการลงทุนรูปแบบ กล่าวว่า หลังจากที่ภาครัฐเปิดโครงการ "ภูเก็ต แซนด์บ็อกซ์" เกือบ 1 เดือนที่ผ่านมานั้น ยังไม่สามารถตอบได้ว่าโมเดลดังกล่าวช่วยเหลือผู้ประกอบการภูเก็ตได้มากน้อยเพียงใด เพราะยังไม่มีการประเมินจากภาครัฐในส่วนของภาคธุรกิจอสังหาริมทรัพย์นั้น แทบจะไม่เกิดประโยชน์ เพราะชาวต่างชาติหวังเข้ามาท่องเที่ยวเพียงอย่างเดียว ไม่มีเจตนาเข้ามาลงทุนแต่อย่างใด ในขณะที่ชาวต่างชาติบางส่วน ที่ซื้อบ้านหลังที่ 2 ไว้ที่ภูเก็ตก่อนหน้านี้ ก็ไม่สามารถเข้าพักได้ทีเดียว เนื่องจากต้องไปกักตัวในโรงแรมในระบบที่ภาครัฐจัดเตรียมไว้ให้ก่อน 14 วัน จึงเป็นข้อจำกัดที่ทำให้ชาวต่างชาติไม่อยากเดินทางเข้ามาในประเทศไทยในช่วงนี้ ซึ่งมองว่าภาครัฐยังขาดความพร้อมและการวางแผนที่รัดกุม

ทั้งนี้การเปิด "ภูเก็ต แซนด์บ็อกซ์" มีข้อดีคือได้ทดลองเปิดดู หากผลเสียมีมากกว่า ธุรกิจทั่วไปยังไม่ได้รับผลประโยชน์ และนักท่องเที่ยวยังถูกจำกัดการทำกิจกรรมอยู่ ก็ยังรู้สึกไม่เกิดผลดีกับภาพรวมของภูเก็ต ซึ่งมองว่า ต้องหยุดเรื่องการติดเชื้อให้ลดน้อยลงที่สุดก่อน หากนำวัคซีนที่มีคุณภาพเข้ามาได้ ก็จะสามารถเปิดทุกกิจกรรมให้นักท่องเที่ยวได้ ทั้งนี้ภาครัฐต้องแก้ไขปัญหา ประเมินข้อดี ข้อเสียก่อน เพื่อให้ทุกอย่างรัดกุมมากกว่านี้

"นักท่องเที่ยวพอมาถึงประเทศไทยและได้ยินข้อมูลด้านลบ เพราะในภูเก็ตยังมีการติดเชื้ออยู่ ทำให้นักท่องเที่ยวได้รับการติดเชื้อไปด้วย ทำให้บรรยากาศรู้สึกไม่ปลอดภัย และนักท่องเที่ยวเกิดความกังวล ทำให้รีบเดินทางกลับประเทศ ส่วนคนที่กำลังจะมาภูเก็ตก็รอดูท่าทีก่อน โมเดลนี้ไม่ถือว่าล้มเหลว ถือว่าเป็นจุดเริ่มต้น เพื่อเริ่มทดลองและได้เห็นปัญหา ซึ่งก็ต้องนำปัญหานั้นมาแก้ไข แต่ไม่ทราบว่าภาครัฐมีการแก้ไขมากน้อยเพียงใด หากเปิดประเทศไม่ได้ แต่สามารถเปิดภูเก็ตได้ เพราะช่วงไฮซีซั่นก็ต้องมีชาวต่างชาติกลับมาอย่างแน่นอน ซึ่งควรแก้ปัญหาด้วยการหาวัคซีนมาฉีดให้คนในภูเก็ตให้หมด และคลายกฎให้นักท่องเที่ยว รวมไปถึงทำประชาสัมพันธ์ระดับโลกว่าภูเก็ตมีอัตราการติดเชื้อต่ำ ซึ่งภาครัฐอาจมองในมุมที่ต่างจากผู้ประกอบการเพราะประเทศไทยไม่ได้ใช้ระบบการทำการตลาดไปทั่วโลก ให้ชาวต่างชาติรับรู้ว่าภูเก็ตมีความพร้อมแล้ว แต่สิ่งที่รัฐขาดคือความเป็นอินเตอร์เนชั่นแนล ทำให้การประชาสัมพันธ์การเปิด 'ภูเก็ต แซนด์บ็อกซ์' ไม่เป็นไปในทิศทางที่จะเป็น แต่ก็ยังมีเวลาที่จะแก้ไขได้ก่อนที่จะถึงช่วงไฮซีซั่น ซึ่งเชื่อว่าจะมีนักท่องเที่ยวกลับมาภูเก็ตอย่างแน่นอน" นายอรรถนพ กล่าว

สำหรับ ผู้ประกอบการอสังหาฯในภูเก็ตมีความต่างกันพอสมควร เพราะไม่ได้เป็นสมาชิกในสมาคมอสังหาริมทรัพย์ภูเก็ตทุกคน ซึ่งมีทั้งผู้ประกอบการที่สร้างบ้านเพื่อขาย และลงทุน มีทั้งคนไทยและต่างชาติ ดังนั้นจึงอยากจะฝากถึงรัฐบาล ในการช่วยภาคธุรกิจอสังหาฯและท่องเที่ยว หากมีการทำประชาสัมพันธ์เมืองภูเก็ต ก็ควรที่จะดึงงบประมาณบางส่วนให้ภูเก็ตเป็นเมืองท่องเที่ยวระดับโลกนักท่องเที่ยวมาแล้วรู้สึกประทับใจ ระบบราชการต้องมีความเป็นอินเตอร์เนชั่นแนล รวมไปถึงควรตัดวงจรกลุ่มที่ขูดรีดชาวต่างชาติ และคนไทยด้วยกันออกไปให้หมด และควรมีงบบำรุงสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญ อีกทั้งเพื่อความยั่งยืนของภูเก็ตควรเปิดโอกาสให้นักลงทุนเข้ามาร่วมทุนกับภาครัฐเพื่อดึงดูดนักท่องเที่ยวเข้ามาในภูเก็ตมากขึ้น

"การที่จะดึงให้ชาวต่างชาติเข้ามาลงทุนในภูเก็ต ภาครัฐควรมีการแก้ไขกฎหมายต่างๆ อาทิ 1. ดึงนักลงทุนมาลงทุนอสังหาฯด้วยการแก้ไขสิทธิกฎหมายการเช่าที่ดินจากเดิม 30 ปี เป็น 90 ปี , 2. เปิดโอกาสให้ชาวต่างชาติถือครองกรรมสิทธิ์คอนโดได้ 100% จากเดิม 49% , 3. การลงทุนกิจการในภูเก็ตไม่ควรคิดมาตรการด้านภาษีรายได้ โดยไม่หักภาษีชาวต่างชาติ เพื่อให้นำเงินออกนอกประเทศได้ ซึ่งจะทำให้เกิดเงินสะพัด ภาคธุรกิจมีการเติบโต และ 4.หากชาวต่างชาติที่มีการลงทุนเกิน 30 ล้านบาท ควรให้วีซ่าเกิน 30 ปีไปเลย หากสามารถปลดกฎพวกนี้ได้ ราคาที่ดินภูเก็ตจะพุ่งขึ้นเป็น 2-3 เท่าตัวอย่างแน่นอน และทำให้เกิดการจ้างงาน เงินสะพัด เพราะที่ยุโรป อเมริกาก็ทำกันมาก ซี่งอยากให้รัฐเข้าใจและพัฒนาอย่างจริงจัง" นายอรรถนพ กล่าว

ในส่วนของ "ซิซซา กรุ๊ป" นั้นในช่วงวิกฤติการแพร่ระบาดของโควิต-19 ได้พยายามประคับประคองธุรกิจให้อยู่ได้ ทั้งส่วนของการพัฒนาอสังหาฯเพื่อการขายและธุรกิจโรงแรม รวมไปถึงพยายามหารายได้เพิ่มขึ้น ด้วยการจัดแคมเปญต่างๆหรือมีการลดราคาสินค้า เพื่อดันยอดขายเพิ่มขึ้น อีกทั้งหาช่องทางหรือเปิดธุรกิจใหม่ๆเพื่อสร้างรายได้ เช่น การร่วมทุนกับกลุ่มพันธมิตรเปิดตัวโครงการ "Natai Medical Center & Resort" ที่จะขายแพ็กเกจให้กับนักลงทุนล่าสุดเพื่อเป็นการกระตุ้นยอดขายในช่วงไตรมาส 3/2564 บริษัทได้นำโครงการ "วินแดม แกรนด์ ในหาน บีช ภูเก็ต" มาจัดโปรโมชั่น "Pay Less Get TRIPLE" ซื้อ 1 ได้ถึง 3 ต่อ คุ้มค่าเหนือทุกเงื่อนไข กับการลงทุนแบบ Unit Ownership
#3468


แม้ในห้วงวิกฤติเศรษฐกิจที่มีผลจากการหดตัวลงของการค้าทั่วโลก เนื่องจากการแพร่ระบาดของเจ้าไวรัสโควิด-19 ที่ทำเอาการค้าอัญมณีและเครื่องประดับหัวทิ่มหัวตำไปตามๆกัน ไม่จำเพาะแต่บ้านเราที่ถือเป็นผู้ส่งออกรายใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งของโลก ทั้งการขายอัญมณีพลอยก้อน พลอยร่วง (พลอยที่ยังไม่เข้าตัวเรือนเป็นเครื่องประดับ) และที่นำโด่งกว่าใครๆก็คือการเป็นผู้ผลิตและส่งออกเครื่องประดับเงิน ซึ่งถือเป็นผู้ส่งออกรายใหญ่ที่สุดของโลกอีกด้วย

นับตั้งแต่โควิด-19 ทำพิษมาตั้งแต่ต้นปี 2563 จนถึงสิ้นปี 2563 การค้าเครื่องประดับและอัญมณีดิ่งหัวลงสวนทางกับการแพร่กระจายของไวรัส เพราะในปีที่ผ่านมาทั้งโลกยังคงตระหนกกับการกลายพันธุ์ของไวรัส และจำนวนผู้ติดเชื้อที่เพิ่มขึ้น

มาในปีนี้ หลายประเทศได้มีการฉีดวัคซีนกันไปแล้ว แม้จะไม่สามารถสร้างให้เกิด Herd Immunity หรือภูมิคุ้มกันหมู่ได้อย่างทฤษฎี แต่ประเทศในแถบยุโรป และหลายรัฐในอเมริกา ก็เริ่มปลดล็อคและหันมาทำการค้าการขายกันได้มากขึ้น แม้จะไม่มากเหมือนในช่วงเวลาก่อนการระบาดของโควิดก็ตาม อัญมณีและเครื่องประดับก็มีแนวโน้มจะกลับมาสร้างความสดใสให้กับผู้บริโภค หลังจากที่ต้องเก็บตัวอยู่กับบ้านมาเป็นเวลาแรมปี

บ้านเราซึ่งเป็นแหล่งค้าพลอยอันดับโลก พลอยได้รับอานิสงค์ของการเปิดให้ทำการค้าขายด้วย โดยพลอยร่วงของบ้านเราก็ทำการเจียระไน และส่งออกไปยังต่างประเทศโดยเฉพาะในทางยุโรปเพิ่มสูงขึ้น โดยเฉพาะส่งไปยังสหราชอาณาจักร สูงขึ้นถึงร้อยละ 53.71 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน (มกราคม - พฤษภาคม 2563) ในทำนองเดียวกันตลาดอย่างประเทศออสเตรเลีย ไทยเราก็ขายไปให้เขาได้สูงขึ้นถึงร้อยละ 456.21 มากถึงสี่เท่าครึ่งทีเดียว ตลาดเก่าและตลาดใหม่ ที่เพิ่มสูงขึ้นนี้มีทั้งตลาดที่ยังคงมีอัตราการติดเชื้อสูง และมีทั้งประเทศที่มีอัตราการระบาดยังคงต่ำอยู่ ซึ่งทำให้ทิศทางของพลอยสีบ้านเรานั้นมีทางรอดจากทั้งสองตลาดนี้ได้

สุเมธ ประสงค์พงษ์ชัย ผู้อำนวยการสถาบันวิจัยและพัฒนาอัญมณีและเครื่องประดับแห่งชาติ
สุเมธ ประสงค์พงษ์ชัย ผู้อำนวยการสถาบันวิจัยและพัฒนาอัญมณีและเครื่องประดับแห่งชาติ


มาถึงพระเอกของตลาดเครื่องประดับกันบ้าง เรามีชื่อเสียงด้านการผลิตและส่งออกเครื่องประดับเงินมาอย่างยาวนาน การฟื้นตัวของเศรษฐกิจในประเทศที่สามารถควบคุมโควิด หรือปรับเปลี่ยนการดำรงชีวิตให้อยู่กับไวรัสตัวนี้ได้ ทำให้ผู้คนเริ่มกลับมาใช้ชีวิตเกือบเป็นปกติ โดยมีการปรับพฤติกรรมแบบ New normal ส่งผลให้การส่งออกเครื่องประดับเงินของบ้านเรานั้น มีทิศทางสดใสขึ้นแบบอาทิตย์ขึ้นในยามเช้าทีเดียว โดยเฉพาะเครื่องประดับเงินที่ส่งออกไปยังสหรัฐอเมริกา ออสเตรเลีย สหราชอาณาจักร และ ญี่ปุ่น เพิ่มขึ้นโดยรวมถึงร้อยละ 20.26 นำเม็ดเงินมูลค่าถึง 620.91 ล้านเหรียญสหรัฐ เข้ามาในเมืองไทย พอให้ผู้ผลิตสินค้าเครื่องประดับเงินพอได้หายใจคล่องขึ้น

แต่จากการลองสำรวจ พบว่า แนวโน้มผู้บริโภคสินค้าเครื่องประดับเงิน จะซื้อสินค้าที่มีขนาดและราคาย่อมเยาลง ดังนั้นผู้ประกอบการเครื่องเงินจึงต้องประคับประคองตัวด้วยการออกแบบผลิตภัณฑ์ใหม่ๆให้ถูกใจตลาดมากแบบยิ่งขึ้น และเมื่อราคาต่อชิ้นถูกลง แน่นอนว่าระดับของอายุผู้ใช้เครื่องประดับเงินก็น่าจะขยายวงกว้างมากขึ้นอีกด้วย

หันมาดูการสนับสนุนจากภาครัฐ จะเห็นได้ว่าเราพยายามจะต่อรองกับนานาชาติในภาพรวม เป็นลักษณะข้อตกลงทางการค้าทวิภาคี หรือพหุภาคี หรือถ้าจะเรียกให้เข้าใจง่ายๆ ก็คือ รัฐบาลของเราไปตกลงกับรัฐบาลผู้นำเข้าสินค้าของเราให้ลดข้อจำกัดในการนำเข้าลง เช่น ลดภาษี หรือส่งเสริมให้มีการซื้อขายแบบจับคู่ เราซื้อเขา เขาซื้อเรา

แต่ทว่า การตกลงกันในระดับรัฐบาล ต่อ รัฐบาล ในวันนี้ก็อาจจะยังไม่พอ จึงได้มีความพยายามที่จะลงลึกและกว้างลงไปถึงการไปเจรจากับระดับเมืองกันเลยทีเดียว ล่าสุด เรารู้ว่าชาวโคฟุ เมืองยามานาชิ ประเทศญี่ปุ่น ซึ่งอยู่ในภูมิภาคชูบุ แหล่งปลูกองุ่นเคียวโฮ ที่มีชื่อเสียงไปทั่วโลก โดยเฉพาะสถานที่มีชื่อเสียงอย่างทะเลสาบคาวากุจิโกะ ที่มีจุดถ่ายรูปฟูจิซัง หรือภูเขาไฟฟูจิอันสวยงาม ดินแดนอันมีมนต์เสน่ห์แห่งนี้ยังมีความสามารถเรื่องการทำตัวเรือนเครื่องประดับ และเป็นแหล่งผลิตเครื่องประดับชั้นนำของญี่ปุ่น ที่มีช่างฝีมือมากมาย อีกทั้งเมืองแห่งนี้ยังมีชื่อเสียงด้านการทำคริสตัลที่อย่างยาวนาน



การมีข้อตกลงระหว่างรัฐบาลไทย และเมืองโคฟุ นั้นเท่ากับเป็นการเข้าไปล้วงถึงตับ ล้วงถึงแหล่ง ของคนที่ต้องนำเอาพลอยไปใช้จริง แนวโน้มเช่นนี้ จึงเป็นกลยุทธ์ที่เรียกกันว่า "เปิดโอกาสการค้า พัฒนาพันธมิตรเมืองรอง" อันจะทำให้เราสามารถเจรจาโดยตรงกับคนใช้งาน ไม่ต้องผ่านชั้นขั้นตอนต่างๆ ให้เสียเวลา เพราะการค้าต้องทำอย่างรวดเร็ว การยิงลูกตรงเพื่อไปตุงตาข่ายฝ่ายผู้ซื้อแบบนี้ช่วยให้เราสามารถสร้างยอดขายได้อย่างไม่ยากนัก

การลงนามความร่วมมือเชิงลึกในระดับเมืองของประเทศที่มี FTA กันแบบเดิม บวกกับนโยบายการรุกคืบแบบ พันธมิตรเมืองรอง ทำให้การแลกเปลี่ยนองค์ความรู้ การผลิต การถ่ายทอดเทคโนโลยีระหว่าง SME ทั้งสองประเทศเป็นไปอย่างรวดเร็ว ตรงเป้า และเชื่อได้ว่านี่ไม่ได้เป็นเพียงคู่เจรจาเดียวที่จะเกิดขึ้น แต่จะเกิดขึ้นกับเมืองรองอื่นๆ โดยตรงต่อไป

ไทยรวมพลังฝ่าฟันวิกฤติด้วยธุรกิจอัญมณีและเครื่องประดับ ที่ร่วมประสานการขับเคลื่อนโดย หน่วยงานภาครัฐ สมาคมการค้า สมาคมผู้ผลิต และประสานความร่วมมือจากสถาบันแห่งชาติด้านอัญมณี อย่างสถาบันวิจัยและพัฒนาอัญมณีและเครื่องประดับแห่งชาติ (องค์การมหาชน) หรือ GIT น่าจะทำให้อุตสาหกรรมอัญมณีและเครื่องประดับของไทยฝ่าวิกฤตินี้ไปได้ อย่างไรก็ดีการโต้คลื่นเศรษฐกิจในปัจจุบัน เราจำเป็นต้องปรับตัวอย่างรวดเร็วในทุกด้าน การควบคุมค่าใช้จ่าย และพัฒนาด้านแรงงานให้มีประสิทธิภาพ จะเป็นทิศทางสู่การรอดจากวิกฤติครั้งนี้ได้อย่างแน่นอน
#3469
3in1 led 36pcs 1w led flat par light DJ DMX512 Stage Lighting   

ไฟเวที LED FLAT PAR สุดคุ้มการใช้ ปาร์ตี้, ดิสโก้, KTV, ผับ, ร้านอาหาร, สวน, สวนสาธารณะ, พลาซ่า เพิ่มความตื่นตาตื่นใจ ด้วยชุดไฟ วิบวับ  แค่ 990 บาท 

- 1 หลอดมีหลาย สี  RGB MiXED COLOR
- วัตต์: ประมาณ 36 x  วัตต์
- แรงดันไฟฟ้า: 110-220 - v
-แหล่งพลังงาน: AC
- สามารถใช้ได้กับเครื่องควบคุมสัญญาณไฟ DMX512 
- รูปแบบไฟเปลี่ยนได้ถึง 7 แบบ ได้แก่ ปล่อยอัตโนมัติ เปลี่ยนตามจังหวะดนตรี master-slave
- รับประกัน 1 เดือน

สนใจ ติดต่อสอบถามหรือสั่งซื้อสินค้า
โทร : 094-5102033
LINE :@gentech
หรือคลิก https://lin.ee/eYs6pVN


#ป้ายNeonflex #ป้ายไฟสั่งทำ #ป้ายเชียร์ #ป้ายร้าน #ป้ายไฟดัด #ป้ายไฟled
#lighting #ไฟled #ledonhome #ป้ายไฟ #ป้ายไฟร้าน #ราคาป้ายไฟ #อุปกรณ์ไฟ
#โคมไฟ #ไฟตกแต่ง #ไฟประดับ #ไฟดาวไลน์led #วิธีเปลี่ยนหลอดled #วิบวับ #laser






#3470
การดูแลสุขภาพอนามัยเป็นเรื่องที่จำเป็นอย่างมาก  ยิ่งในยุคปัจจุบันการมีบุคลิกภาพที่ดีมักจะนำมาซึ่งโอกาสที่ดีกว่าเสมอ บุคลิกภายนอกจึงเป็นสิ่งสำคัญเป็นปราการด่านแรกที่จำทำให้คุณประสบความสำเร็จได้ ไม่ว่าคุณจะเป็นเพศใด ทำงานลักษณะไหน เชื่อว่าล้วนแต่ต้องการมีบุคลิกภาพที่ดี แลดูสะอาดชวนมองด้วยกันทั้งนั้น  ชุดมีดโกนหนวดอเนกประสงค์พร้อมใบมีด36ใบมีด จึงเหมาะที่คุณจะเลือกมาเป็นตัวช่วยให้ทั้งคุณผู้ชายและคุณผู้หญิงได้มีบุคลิกภาพที่ดีขึ้น ด้วยคุณสมบัติที่ใช้งานง่าย  สะอาด สะดวกรวดเร็วและรับรองในความคุ้มค่าคุ้มราคาที่สุดด!!
สั่งซื้อ https://razor69.lnwshop.com
#3471


Team Thailand จะแข่งแล้ว มาร่วมกดอิโมจิ และส่งข้อความให้กำลังใจนักกีฬาเทควันโดทีมชาติไทยทั้ง 2 คน ก่อนแข่งนัดสำคัญวันพรุ่งนี้  ในการแข่งขัน Olympic Games Tokyo 2020

มาร่วมแสดงความคิดเห็นเชิงบวก และส่งมอบกำลังใจก่อนแข่งไปถึงน้องๆ เพื่อเป็นกำลังใจและแรงผลักดันในการแข่งขัน เราจะไม่ปล่อยให้น้องๆต้องสู้เพียงลำพัง เพราะเราคือทีมเดียวกัน #TeamThailand

ติดตามการแข่งได้ตามวันและเวลาดังต่อไปนี้

วันเสาร์ที่ 24 กรกฎาคม 2564

น้องเทนนิส เริ่มแข่งเวลา 09.38 น. (เวลาไทย)

ฝ่ายหญิง รุ่น -49 กก. สนาม 1 คู่ที่ 8

คู่แข่ง (รอผลคู่ที่ 1)

น้องจูเนียร์ เริ่มแข่งเวลา 10.48 น. (เวลาไทย)

ฝ่ายชาย รุ่น -58 กก. สนาม 1 คู่ที่ 13

คู่แข่งจากประเทศออสเตรเลีย Khalil Safwan

ร่วมเชียร์และส่งกำลังใจให้กับน้องๆ พาชัยชนะกลับมาฝากคนไทยไปด้วยกัน ผ่านการถ่ายทอดสดทางทีวิดิจิตอล 2 ช่อง คือ GMM 25 และ JKN 18 และทางออนไลน์ AIS Play ช่อง 3

#Tokyoolympics #Olympics #Tokyo2020 #Taekwondo #TeamThailand #Thailand #Tokyo #TaekwondoAssociationofThailand #สมาคมกีฬาเทควันโดแห่งประเทศไทย
#3472


เปิดห้องเรียนศัพท์ดังจากหนังดี เฮฮาที่หน้าจอไปกับรายการ  "ซีนเด็ด...ภาษาหนัง (Movie Language)" จากช่อง MONO29 (โมโนทเวนตี้ไนน์) โดยวันอาทิตย์ที่ 25 ก.ค.2564 เวลา 17.55 น. สองพิธีกรมาสเตอร์ด้านภาษา "ครูคริส-คริสโตเฟอร์ ไรท์" และ "ครูเต้-สุผจญ กลิ่นสุวรรณ"  พร้อมเปิดคอร์สแกะศัพท์ภาษาอังกฤษ จากภาพยนตร์คลาสสิคขึ้นหิ้ง เรื่อง "คุณพ่อมนุษย์หิมะ (Jack Frost)" สุดยอดภาพยนตร์ดราม่า ครอบครัวสร้างแรงบันดาลใจในเมืองหิมะ นำทีมโดยนักแสดงแถวหน้าแห่งฮอลลีวู้ด "ไมเคิล คีตัน" เมื่อปาฏิหาริย์เกิดขึ้นจริง ความตายไม่อาจพรากช่วงเวลาแห่งความสุขของครอบครัวที่แสนอบอุ่นได้ เกิดเป็นบทบาทสุดเฉิดฉาย เต็มอิ่มไปกับศัพท์ภาษามากมาย พร้อมประโยคน่าใช้น่าฟังเอาใจคอหนังอีกเพียบ

พิธีกรคู่หู "ครูคริส-ครูเต้" ทะลุจอเข้าไปรับความหนาวในเมืองหิมะ มนุษย์หิมะ "Snowman (สโนวแมน)" ที่เกิดอุบัติเหตุ "Accident (แอค-ซิเด็นท)"  ทางรถยนต์ทำให้เขาเสียชีวิต รอคอย ปาฏิหาริย์ "Miracle (มิราเคิล)"  ที่ลูกชายขอพรให้พ่อฟื้นคืนชีพอีกครั้ง  สองคุณพ่อพิธีกร ยกประโยคคำสอนอาทิ  "Hey, life is full of setbacks. Look at me. I'm a snowdrift with arms. You can give up or you can keep firing the puck bud."  มาแปลพบข้อคิดดีๆ จากหนังดัง ศัพท์เด็ดๆ ประโยคโดนๆ ได้อีกมากมาย ในรายการ "ซีนเด็ด...ภาษาหนัง (Movie Language)" ในวันอาทิตย์ที่ 25 ก.ค.นี้ เวลา 17.55 น.  ทางทีวีดิจิตอลหมายเลข 29 และ แอพพลิเคชั่น MONO29  http://bit.ly/2GE0XdR 
#3473


นายวรวุฒิ กาญจนกูล นายกสมาคมธุรกิจรับสร้างบ้าน กล่าวว่า ทางสมาคมฯได้ทำการสำรวจและทำแบบสอบถามไปยังกลุ่มตัวอย่างผู้บริโภคจำนวนกว่า 400 ราย พบว่าสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 มีผลต่อการตัดสินใจในการปลูกสร้างบ้านมากถึง 72% ส่วนที่เหลือ 28% ไม่มีผลต่อการตัดสินใจในการปลูกสร้างบ้าน ข้อมูลดังกล่าวคาดว่าเป็นกลุ่มบ้านราคาแพงซึ่งตลาดยังพอไปได้ต่างจากบ้านขนาดเล็กหรือตลาดทั่วไป ระดับราคาไม่เกิน 5 ล้านบาท การแพร่ระบาดของโควิด-19 มีผลต่อการตัดสินใจปลูกสร้างบ้านมาก ด้วยเหตุนี้อาจเป็นอีกเหตุผลหนึ่งที่ทำให้บริษัทรับสร้างบ้านที่เดิมเน้นตลาดทั่วไป ราคาไม่เกิน 5 ล้านบาท ได้ขยับมาจับตลาดบ้านราคาแพงตั้งแต่ 10 ล้านบาทขึ้นไป


เมื่อถามว่าต้องการจะปลูกสร้างบ้านพร้อมเข้าอยู่ใช้เวลาในการปลูกสร้างกี่ปีนั้น พบว่าพร้อมปลูกสร้างไม่เกิน 6 เดือนคิดเป็นสัดส่วน 24% และใช้เวลามากกว่า 6 เดือนถึง 2 ปีคิดเป็นสัดส่วน 65% และ ใช้เวลา 2-3 ปี คิดเป็นสัดส่วน 11% ตามลำดับ แสดงให้เห็นว่าผู้ที่ต้องการสร้างบ้านส่วนใหญ่ จะไปสร้างบ้านในปี 2565- 2566 ซึ่งเป็นช่วงที่การแพร่ระบาดของโควิด-19 น่าจะคลี่คลาย ส่วนทำเลที่เลือกปลูกสร้างบ้านนั้น 3 ทำเลที่ต้องการปลูกสร้างมากสุดคือ อันดับหนึ่งยังเป็นพื้นที่ในกรุงเทพมหานคร/ปริมณฑลคิดเป็นสัดส่วน 37% อันดับสองและอันดับสามคือ ภาคกลาง และภาคใต้ คิดเป็นสัดส่วน 18% จากสัดส่วนนี้แสดงให้เห็นว่าความต้องการของลูกค้ากลุ่มรับสร้างบ้านกว่า 55% ยังอยู่ในพื้นที่กรุงเทพและปริมณฑล รวมถึงภาคกลาง

พร้อมกันนี้จากแบบสอบถามที่ได้จากกลุ่มผู้บริโภคที่ยังตัดสินใจในการปลูกสร้างบ้านกับบริษัทที่เป็นสมาชิกของสมาคมฯ ถึง 84.2% นั้นสะท้อนภาพได้ว่าผู้บริโภคยังมีความเชื่อมั่น ดังนั้นทางสมาคมธุรกิจรับสร้างบ้าน ได้ตัดสินใจเลื่อนการจัดงาน "รับสร้างบ้านและวัสดุ Expo 2021" จากเดิมจะจัดในเดือนสิงหาคม ไปเป็นช่วงไตรมาสสุดท้ายของปี 2564

แต่เพื่อเป็นการช่วยเหลือสมาชิกสมาคมฯ จึงได้จัดงาน งานรับสร้างบ้าน Online 2021 ในรูปแบบ Virtual Online Exhibition เน้นสร้าง Data Base ผู้ที่ต้องการปลูกสร้างบ้านกลุ่มใหม่ ๆ ได้มากขึ้นโดยจะกำหนดการจัดงานขึ้นระหว่างวันที่ 27 ส.ค. - 6 ก.ย.2564 นี้ ขึ้นมาก่อน ซึ่งคาดหวังว่ากิจกรรมที่จัดขึ้นนี้จะกระตุ้นการตลาดและการขายก่อนการจัดงานในช่วงปลายปี ขณะเดียวกันผู้บริโภคกลุ่มเป้าหมายสามารถเข้าถึงได้ง่าย สะดวกต่อการเข้าชม ป้องกันการระบาดของโรคระบาด โดยเฉพาะโควิด-19 อีกทั้งยังสร้างมิติใหม่ช่วยให้ภาพลักษณ์ของสมาคมธุรกิจรับสร้างบ้านมีความทันสมัยมากขึ้น รวมถึงกลุ่มบริษัทรับสร้างบ้านต่างจังหวัด จะมีโอกาสเข้าร่วมกิจกรรมกับสมาคมฯ ได้มากขึ้นเช่นกัน
#3474


ความเคลื่อนไหวดัชนีหุ้นไทยวานนี้ (20 ก.ค.) เปิดตลาดปรับตัวลงต่อเนื่อง โดยร่วงหนักช่วงปิดตลาดภาคเช้าลดลง 25.39 จุด อยู่ที่ 1,530.62 จุด ก่อนรีบาวด์ในช่วงบ่าย กลับมาปิดตลาดที่ 1,538.86 จุด ลดลง 17.15 จุด หรือ 1.10% มูลค่าซื้อขาย 92,956.58 ล้านบาท

นักลงทุนสถาบันในประเทศขายสุทธิ 5,410.89 ล้านบาท นักลงทุนต่างประเทศขายสุทธิ 811.83 ล้านบาท บัญชีหลักทรัพย์ซื้อสุทธิ 1,062.54 ล้านบาท และนักลงทุนทั่วไปในประเทศซื้อสุทธิ 5,160.17 ล้านบาท

นายวัชระ แก้วสว่าง นักลงทุนรายใหญ่ ที่เน้นกลยุทธ์การลงทุนเชิงเทคนิค กล่าวว่า สถานการณ์โควิด-19 ส่งผลให้ดัชนีปรับตัวลงหลุดแนวรับทางเทคนิคต่อเนื่อง ตั้งแต่แนวรับ 1,585 จุด และล่าสุดแนวรับ 1,546 จุด โดยตนมองแนวรับดัชนีถัดไปที่ 1,515-1,500 จุด ตามลำดับ และในกรณีเลวร้ายที่สุดไม่ควรหลุด 1,483 จุด เพราะจะส่งผลให้ตลาดหุ้นพลิกกลับไปเป็นขาลง

ขณะที่การลงทุนส่วนตัวได้ลดน้ำหนักลงทุนหุ้นไทยตั้งแต่ดัชนีหลุดแนวรับ 1,585 จุดไปแล้ว ส่วนโอกาสที่ดัชนีจะปรับขึ้นอีกครั้งจะเกิดขึ้นต่อเมื่อจำนวนผู้ติดเชื้อโควิด-19 ที่รักษาหายเพิ่มขึ้นสูงกว่าจำนวนผู้ติดเชื้อรายวัน


นายนิเวศน์ เหมวชิรวรากร นักลงทุนรายใหญ่แบบเน้นคุณค่า (นักลงทุนวีไอ) กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยปรับลงตอบรับความเสี่ยงที่สถานการณ์โควิด-19 ลุกลามและมีการติดเชื้อเพิ่ม รวมถึงความกังวลมาตรการล็อกดาวน์อาจมีความเสี่ยงต้องขยายออกไปอีก อย่างไรก็ดี เชื่อว่าท้ายที่สุดสถานการณ์จะสงบลงได้ เพราะโควิด-19 เป็นวิกฤติที่ประเทศขนาดใหญ่เผชิญเช่นกัน จึงมีการส่งต่อความช่วยเหลือมายังประเทศขนาดเล็กเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดการแพร่ระบาดซ้ำ ขณะที่การฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19 เป็นอีกหนึ่งปัจจัยสำคัญที่จะช่วยให้วิกฤติจบลง

ส่วนแนวโน้มตลาดหุ้นในระยะสั้นคาดว่านักลงทุนจะยังขายหุ้นเพราะตื่นตระหนก และมีความเสี่ยงที่ดัชนีอาจหลุดแนวรับ 1,500 จุด แต่เชื่อว่าจะสามารถปรับขึ้นได้ในระยะถัดไป

ดังนั้นสำหรับนักลงทุนที่ลงทุนในระยะยาวยังสามารถลงทุนได้ เพราะบริษัทจดทะเบียน (บจ.) ขนาดใหญ่ในตลาดหุ้นไม่ได้เจ็บหนักจากโควิด-19 แต่สำหรับกลุ่มที่ถูกผลกระทบจากการระบาดโดยตรง เช่น กลุ่มท่องเที่ยว และกลุ่มโรงแรม ยังไม่แนะนำลงทุน เพราะหากสถานการณ์โควิด-19 ลากยาวจะเป็นความเสี่ยงให้ถึงจุดหนึ่งหุ้นกลุ่มนี้ต้องเพิ่มทุนหรือดำเนินการด้วยวิธีอื่นๆ เพื่อให้ผ่านพ้นช่วงวิกฤติซึ่งจะส่งผลกระทบต่อผู้ถือหุ้น


 นายสาห์รัช ชัฏสุวรรณ ผู้อำนวยการสายการตลาด และที่ปรึกษาการลงทุน บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.)ทิสโก้ จำกัด เปิดเผยว่า หุ้นไทยปรับฐานรอบนี้ จากการแพร่ระบาด โควิด -19 สายพันธุ์เดลต้าที่รุนแรงขึ้นทั่วโลกและไทย โดยยอดผู้ติดเชื้อในไทยยังไม่เห็นจุดสูงสุด และยกระดับมาตรการล็อกดาวน์ ยังต้องติดตามผลในช่วง 2 สัปดาห์ถึง1 เดือน ว่ายอดผู้ติดเชื้อในไทยจะลดลงได้หรือไม่

       ประกอบกับตลาดหุ้นทั่วโลกปรับฐานลงมาหลังจากปรับขึ้นมาต่อเนื่องก่อนหน้านี้ และค่อนข้างอ่อนไหวต่อปัจจัยการระบาดของโควิดสายพันธุ์เดลต้าทั่วโลกกดดันการฟื้นตัวเศรษฐกิจทั่วโลก  ทำให้มีผลต่อราคาตลาดหุ้นในสหรัฐและยุโรป แต่อย่างไรก็ตามความรุนแรงการระบาดรอบนี้ไม่รุนแรงเท่าปีก่อน เพราะสหรัฐและยุโรป มีประชากรที่ได้รับวัคซีนไปมากกว่าครึ่งของประชากรแล้ว ทำให้อัตราการเสียชีวิตและยอดผู้ติดเชื้อรายใหม่ยังอยู่ระดับต่ำ และเป็นปัจจัยสนับสนุนให้เฟดน่าจะยังคงใช้นโยบายการเงินผ่อนคลายต่อไป มีโอกาสเลื่ือนการลดคิวอีออกไปได้  

        ดังนั้น เรายังมองว่า ตลาดหุ้นไทยปรับฐานรอบนี้แค่ระยะสั้นและไม่น่ากลัว เท่าช่วงเดียวกันปีก่อน และเป็นโอกาสในการเข้าลงทุนหากดัชนีรอบนี้ยังยืนที่ระดับ 1,530 จุด บวกลบต่อได้ โดยยังมีอัพไซด์ปลายปีนี้คาดไว้ที่1,600 จุด  กลุ่มหุ้นที่น่าสนใจลงทุนขณะนี้เปลี่ยนโหมดมาเป็นหุ้นที่มีแนวโน้มเติบโตและปรับตัวลงกว่า คือ กลุ่มเทคโนโลยี  และกลุ่มส่งออก ที่ได้ประโยชน์จากผลประกอบการปรับตัวดีต่อเนื่องจากเงินบาทอ่อนค่าและการส่งออกขยายตัวสูง 

       แต่การเข้าลงทุนหุ้นไทยยังต้องระมัดระวังรอความชัดเจนของสถานการณ์คุมการแพร่ระบาดรอบนี้ เพราะตอนนี้ยังคาดเดายากว่ายอดผู้ติดเชื้อรายวันจะทะลุ 20,000คนหรือไม่ยังเป็นความเสี่ยงต่อตลาดหุ้นไทย

       นายวิริยะชัย จิตตวัฒนรัตน์   รองผู้อำนวยการฝ่าย กลยุทธ์การลงทุน ไพรเวทเมเนจท์เม้นท์ ธนาคารกรุงไทย กล่าวว่า เราแนะนำนักลงทุนปรับลดน้ำหนักการลงทุน (Underweight)หุ้นไทย โดยคาดแนวโน้มหุ้นไทยมีแนวรับทางเทคนิคที่ 1,500จุด    หลังจากการระบาดอย่างหนักของ โควิด-19 สายพันธุ์ เดลต้า รอบล่าสุดส่งผลไปถึงการประกาศล็อดดาวน์  ทำให้เรามองว่าเศรษฐกิจไทยมีแนวโน้มซบเซาหนักและยาวนานกว่า โดยมีความเป็นไปได้ที่เศรษฐกิจไทยในปีนี้อาจจะไม่ขยายตัวเลย ซึ่งสุดท้ายจะสะท้อนในการเติบโตของกำไรของบริษัทจดทะเบียนที่แย่ลงในช่วงไตรมาส 3 และ 4 ของปีนี้   แต่สิ้นปีนี้ยังมองแนวโน้มดัชนีที่ 1,600จุด หากสามารถคุมการแพร่ระบาดคลี่คลายได้และตลาดต่างประเทศปรับฐานระยะสั้น 

นายณัฐพล คำถาเครือ ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์การลงทุน บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) หยวนต้า (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า ดัชนีหุ้นไทยวานนี้ปรับตัวลงต่อเนื่องจากวันทำการแรกของสัปดาห์ (19 ก.ค.) โดยถูกกดดันจากการขยายมาตรการล็อกดาวน์และจำนวนผู้ติดเชื้อโควิด-19 ยังทรงตัวสูงที่ 1.1 หมื่นราย รวมถึงแรงขายตามข่าว (Sell on Fact) ภายหลังบริษัทจดทะเบียน (บจ.) ประกาศกำไรไตรมาส 2 ปี 2564 นอกจากนี้ ยังเป็นการปรับลงล้อกับตลาดหุ้นต่างประเทศที่ปิดลบจากความกังวลไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์เดลต้า และราคาน้ำมันดิบที่ปรับตัวลงแรง

อย่างไรก็ดี ระยะข้างหน้าคาดว่าดัชนีหุ้นจะเริ่มปรับลงอย่างจำกัด เพราะกลุ่มหุ้นขนาดใหญ่ที่มีน้ำหนักต่อดัชนีสูง ราคาหุ้นได้ปรับลงไปมากแล้วในช่วงที่ผ่านมา เช่น กลุ่มพลังงาน กลุ่มธนาคาร และกลุ่มหุ้นที่เกี่ยวกับการเปิดเศรษฐกิจ (Reopening) และประเมินแนวรับดัชนีที่ 1,530 จุด และถัดไปที่บริเวณ 1,510-1,500 จุด ตามลำดับ ดังนั้น การลงทุนจึงแนะนำสะสมหุ้นบริเวณแนวรับเพื่อรอขายในช่วงที่ดัชนีฟื้นตัว

"เราไม่คิดว่าตลาดหุ้นจะปรับตัวลงต่อเนื่องแบบไม่มีแนวรับ เพราะได้แรงหนุนจากกำไรบจ.ไตรมาส 2 ที่ออกมาดี รวมถึงปัจจัยบวกจากเงินเยียวยาเศรษฐกิจของรัฐบาล และความคืบหน้าการนำเข้าวัคซีน ยกเว้นในกรณีเลวร้ายที่กิจกรรมทางเศรษฐกิจในภาคการผลิตต้องหยุดนิ่ง คาดว่าดัชนีจะหลุดแนวรับ 1,500 จุด และเลวร้ายสุด 1,300 จุดอาจเอาไม่อยู่"
#3475
การซื้อชุดมีดโกนหนวดอเนกประสงค์พร้อมใบมีด36ใบมีด เพียงการซื้อหนึ่งครั้งคุณสามารถใช้ได้อย่างยาวนานและช่วยให้คุณประหยัดได้มากกว่าการซื้อใบมีดครั้งละชิ้นอย่างมากกก!! 
สั่งซื้อ https://bit.ly/3xo5p8qชุดมีดโกนหนวดอเนกประสงค์พร้อมใบมีด36ใบมีด ยังเหมาะกับท่านที่เปิดให้บริการด้านร้านตัดผมแก่ลูกค้า จะช่วยเพิ่มความมั่นใจในความสะอาดและปลอดภัยให้กับลูกค้าได้เป็นอย่างดี ช่วยให้ลูกค้าเลือกที่จะเข้ามาใช้บริการร้านของคุณได้ง่ายขึ้น  และยังเหมาะกับคุณผู้หญิงที่ชอบการกำจัดขนเป็นประจำ  สามารถใช้ได้กับทุกส่วนทั่วเรือนร่างไม่ว่าจะเป็นใต้วงแขน แขน ขา บิกินี  ก็สามารถโกนได้เนียนเรียบ ไม่ระคายเคืองผิว ไม่ทำให้ผิวสวยของคุณผู้หญิงหมองคล้ำ  ไม่เป็นตอๆ เรียบเนียนทุกการสัมผัส       ที่สำคัญยังใช้ง่าย สะดวก และรวดเร็วอีกด้วย
สั่งซื้อ https://bit.ly/3xo5p8q
#3476
111-Lotto 111  ตัวแทนจำหน่าย ล็อตเตอรี่ออนไลน์ รายใหญ่ของ มังกรฟ้าล็อตเตอรี่ออนไลน์  ปรับเปลี่ยนรูปแบบการซื้อล็อตเตอรี่แบบใหม่  ยุค new normal




ไม่ต้องไปหน้าแผง ไม่ต้องเสียเวลาก้มหาเลข ไม่ต้องไปลุ้นว่าจะมีเลขที่อยากได้มั้ย แค่แอดไลน์ หาเรา บอกเลขที่ต้องการ เลขเด็ด เลขดัง แจ้งโอนเงิน จะได้รับ SMS ยืนยัน




ถ้าถูกรางวัลสามารถขึ้นเงินได้จริง ได้รับเงินจริงไม่เกิน 24 ชม โดยปกติใช้เวลาเพียง 3 ชั่วโมงหลังผลสลากกินแบ่งรัฐบาลออกเท่านั้น 

ขั้นตอนการซื้อ ล็อตเตอรี่ออนไลน์ กับเรานั้น ง่ายๆ มาก มี 2 แบบให้เลือกแล้วแต่สะดวก

1. แอดไลน์ @111-lotto หรือคลิกทีนี่ เพื่อ คุยกับแอดมินโดยตรงและทำการสั่งซื้อและโอนเงินผ่านไลน์ มีเจ้าหน้าที่แนะนำทุกขั้นตอน 

111-lotto รีบแอดไลน์เพื่อเลือกเลขรางวัลก่อนใคร

Add Line : @111-lotto





2. สั่งซื้อผ่านระบบ 111-lotto ล็อตเตอรี่ของของมังกรฟ้าล็อตเตอรี่ออนไลน์ ด้วยตัวเอง จะทำที่ไหน เมื่อไหร่ เวลาไหนก็ได้ Add Line : @111-lotto


 


 
#3477


โควิด-19 ระบาดไม่หยุด! กลับหนักข้อขึ้นเรื่อยๆ รัฐสั่ง "ล็อกดาวน์" หวังอยู่บ้าน หยุดเชื้อ เพื่อชาติ! อีกครั้ง ภาคธุรกิจสู้วิกฤติมาราธอนข้ามปี นาทีนี้หลังผิงฝา ต้องฮึดต่อ หากยกธงขาว กิจการอาจล้มเป็นโดมิโน่ แต่จะต่อกรอาวุธต้องพร้อม ฟังกูรูตลาดแนะ

โรคโควิด-19 ยังระบาดทั่วโลก และไทย โดยในประเทศตัวเลขผู้ติดเชื้อทะลุ "หมื่นคน" ทำให้จำนวนผู้ป่วยเพิ่มขึ้นเป็นเงาตามตัว ส่วนตัวเลข "ผู้เสียชีวิต" ล่าสุด ณ วันที่ 17 ก.ค.2564 อยู่ที่ 141 ราย นับเป็นความสูญเสียที่ไม่มีใครต้องการให้เกิดขึ้น 

ทั้งนี้ สถานการณ์แพร่ระบาดของไวรัสมฤตยูที่ยังคงเลวร้าย ทำให้รัฐงัดไม้แข็งมาใช้ โดยเฉพาะการกลับมา "ล็อกดาวน์" ในพื้นที่สีแดงเข้มเพิ่มเป็น 13 จังหวัด เช่น กรุงเทพฯและปริมณฑล ทำให้ธุรกิจห้างร้านหลายประเภทถูกสั่ง "ปิดให้บริการ" อีกครั้ง 

ขณะเดียวกันวันที่ 17 ก.ค.ที่ผ่านมา ยังมีรายงานข่าวว่า ศูนย์บริหารสถานการณ์แพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (ศบค.)ที่มี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีเป็นผู้อำนวยการ อาจพิจารณาเพิ่มความเข้มข้นของมาตรการ ด้วยการขยายพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวดจาก 10 จังหวัดเป็น 22 จังหวัด พร้อมปรับเวลาเคอร์ฟิวเป็น 20.00 - 03.00 น. 

การล็อกดาวน์ตัวเองอยู่บ้านมากขึ้นของประชาชน ธุรกิจถูกปิด แน่นอนมีผลกระทบตามมามากมายอย่างที่ทราบกัน ประชาชนเมื่อไม่ได้ออกมาทำหากิน หรือโอกาสไปทำงานน้อยลง บางกลุ่มก้อนอาจเดือดร้อนหนัก ขาดรายได้จุนเจือครอบครัว ส่วนกิจการหลากเซ็กเตอร์หากถูกจำกัดการทำธุรกิจ ย่อมขาดกระแสเงินสดไปหล่อเลี้ยงองค์กร สุ่มเสียงให้แขวนอยู่บนเส้นด้าย เพราะหลายบริษัทมีภาระต้องแบกรับ ทั้งต้นทุนคงที่จากค่าจ้าง เงินเดือนพนักงาน ค่าดำเนินงาน ค่าเช่าที่ ฯ 

เรียกว่ารอบตัวเต็มไปด้วย "ข่าวลบ" ที่อาจซ้ำเติมสถานการณ์ให้ "หดหู่" ยิ่งขึ้น ผู้คนทั้งโลกและไทยต่างตั้งความหวังห้วงเวลาวิกฤตินี้จะผ่านไปได้ด้วยดีโดยเร็ว แต่สถานการณ์เหล่านี้ล้วนเป็นเรื่องที่ยากคาดเดาจะเห็นเมื่อไหร่ นาทีความหวังพึ่งพา "วัคซีน" จากรัฐเพื่อฉีดให้ประชาชนครอบคลุมโดยเร็วยังกลายเป็นประเด็นกังขา การหวังให้คนไทยรวมพลัง "สามัคคี" สู้โควิด-19 ยังมีแตกแถวให้เห็น แต่การมานั่งก่นด่าอาจเพียงช่วยระบาย ควบคู่สะท้อนปัญหาให้รัฐรับรู้ เพราะที่สุดทุกคนอยากก้าวพ้นความมืดมิดนี้ให้ได้ 

แม้สารพันปัญหาเกิดขึ้น ในมิติด้านธุรกิจการค้าขาย ผู้ประกอบการที่เดือดร้อนจากโรคระบาด มาตรการรัฐ ต้องดิ้นปรับตัวแล้วปรับตัวเล่า ตีลังกาห้าตลบ แต่ข้ามคืนมักเจอประกาศใหม่ๆจาก ศบค. กทม.เป็นตัวแปรสร้างความมึนงงให้ธุรกิจจนต้องพับแผน เฟ้นหาไอเดียใหม่เอาตัวรอด แต่ยังไม่เพียงพอ เพราะความไม่แน่นอนยังเกิดขึ้นเป็นระยะ 

จังหวะนี้นักการตลาดไม่เพียงจุดตะเกียงในความมืดเพื่อให้กำลังใจตัวเองคนรอบข้าง แต่แสงสว่างจากตะเกียงยังมาพร้อม "กลยุทธ์" คำแนะนำในการหา "ช่องทาง" ที่ยังพอให้ดิ้นทำเงินด้วย 

สมาคมการตลาดแห่งประเทศไทย(MAT) ชวนถกหัวข้อ "Next Move After Pandemic มุมมองการตลาดยุค post COVID-19" และค้นหาคำตอบถึงโลกการตลาดหลังโรคระบาดจะมีอะไรเปลี่ยนแปลง ลูกค้าจะเปลี่ยนจากเดิมหรือไม่ แล้วนักการตลาดจะปรับตัวอย่างไรให้รอด!! รวมถึง "ทางรอดเอสเอ็มอี" ที่มีเคล็ดลับฝ่าวิกฤติด้วย Head hand heart เทคนิครอดยุคโควิด โดยมีกูรูแบ่งปันแนวคิด 


++หาโอกาสจากความเปลี่ยนแปลง

 หากเปรียบการทำธุรกิจในช่วงโควิดระบาดเกือบ 2 ปี อาจเหมือนนั่งเครื่องเล่นโรลเลอร์โคสเตอร์หรือรถไฟเหาะตีลังกา นี่คือมุมมองของ ลักขณา ลีละยุทธโยธิน ประธานมูลนิธิเพื่อการศึกษา สมาคมการตลาดแห่งประเทศไทย เนื่องจากการแพร่ระบาดของไวรัสเกิดเป็นคลื่นถาโถมครั้งที่ 1 2 และ 3 ลากยาวจนถึงปัจจุบัน ทำให้ภาคธุรกิจ การใช้ชีวิตของผู้คน "ขาดความมั่นใจ" 

กิจกรรมหลายอย่างถูกจำกัด ไม่สามารถทำได้ในช่วงไวรัสระบาด แต่มนุษย์เป็นสิ่งมีชีวิตที่ "ปรับตัว" เก่งไม่จำนนต่ออุปสรรคต่างๆ นั่นจึงเห็นพฤติกรรมผู้บริโภคเปลี่ยนรับวิถีปกติใหม่(New normal) ไม่ว่าจะเป็นเที่ยวทิพย์ ชิลทิพย์ การไปทำงานที่บริษัทไม่ได้ เทคโนโลยีเป็นเครื่องมือที่มีบทบาทยิ่งขึ้น และตอกย้ำยุคดิจิทัลพนักงานสามารถทำงานได้ที่ไหนก็ได้ในโลก 

ปัจจัยข้างต้นยังสะท้อนการเปลี่่ยนแปลงของตลาด มีผลต่อการซื้อขายสินค้าและบริการ ซึ่ง "ลักขณา" ชี้โอกาสทางการตลาดจะเกิดกับสินค้าเทคโนโลยี เช่น คอมพิวเตอร์ มือถือ โน้ตบุ๊ค อุปกรณ์ไฟส่องหน้าให้สวยใสเมื่อประชุมออนไลน์ ฯ สิ่งเหล่านี้ยังสามารถทำเงินได้ในยามวิกฤติ 

"เรากำลังก้าวสู่อีกยุค แม้โควิดหมดไป พฤติกรรมและสิ่งเหล่านี้จะยังคงอยู่" ดังนั้นแบรนด์ไม่แค่หาช่องว่างทำตลาดให้ได้ในระยะสั้น แต่ต้องวางเกมกลยุทธ์ระยะยาวเพื่อคว้าขุมทรัพย์ทางการตลาดให้ได้เพื่อฟื้นธุรกิจ 

ผู้บริโภคเปลี่ยนแบรนด์ไม่ปรับได้อย่างไร การสื่อสารตลาด ต้องรวดเร็วฉับไว ยุคนี้หากช้าอาจไม่ทันการณ์ไม่ทันกิน ขณะเดียวกันผู้บริโภคอยู่บ้านมากขึ้น การลงโฆษณาต่างๆ ต้องเลือกเวลาให้เหมาะเจาะ ก่อนโควิดระบาดคนออกไปทำงานนอกบ้าน เลิกงานใช้เวลาเดินทางอีกพักใหญ่จะถึงบ้าน จึงจะมีเวลามาเสพคอนเทนท์ ดังนั้นแบรนด์ต้องหา "เวลา" ที่ใช้ให้เจอเพื่อสื่อสารกับกลุ่มเป้าหมาย ยิ่งกว่านั้นการเห็นโฆษณา คอนเทนท์เดิมๆซ้ำ อาจเบื่อและกลายเป็นโจทย์ที่นักการตลาดต้องแก้เพิ่มเติม 

การเพิ่มทักษะใหม่ๆ กลายเป็นสิ่งที่กูรูการตลาดกระทุ้งให้คนวงการตื่นตัวตระหนักเสมอ โดยเฉพาะโควิดเร่งให้ "เทคโนโลยี ดิจิทัล" มีอิทธิพลกลายเป็นส่วนหนึ่งในการทำธุรกิจค้าขาย เข้าไปอยู่ในชีวิตประจำวันผู้คน การมีทักษะด้านดังกล่าวจึงจำเป็นอย่างยิ่ง 

"วันนี้ต้องปรับใจยอมรับว่าโลกไม่เเหมือนเดิม การใช้ชีวิตแบบเดิมไม่ได้ และโอกาสเกิดมาพร้อมการเปลี่ยนแปลงดังกล่าว" 

ปฏิเสธไม่ได้ว่าการล็อกดาวน์ ปิดหน้าร้าน ทำให้ช่องทางขายที่เป็นทางเลือกและ "ทางรอด" คือ ออนไลน์ หากวันนี้ธุรกิจไม่รุกเข้าไปไม่แค่ตกขบวน แต่จะไม่มี "รายได้" มาทดแทนส่วนที่หายไปด้วย "ลักขณา" ยกตัวอย่างสินค้าอุปโภคบริโภคบางแบรนด์ที่เคยคิดว่าเปิดหน้าร้านขายออนไลน์ลำบาก แต่วิกฤติโรคระบาดที่บีบคั้นกลายเป็นเร่งให้ช่องทางดังกล่าวเติบโตมีสัดส่วนยอดขาย 16% จากเดิม 2% แม้กระทั่งธุรกิจ "เดลิเวอรี่" ที่เฟื่องฟูขั้นสุด หากผู้ประกอบการไม่ลงสนามนี้ธุรกิจอาจอยู่ไม่ได้ 

การตีลังกาคิดหลายตลบอาจเหนื่อยยากไปบ้าง แต่เธอย้ำว่า ทุกคนต้องรอด เพราะความต้องการสินค้าของผู้บริโภคไม่หายไปไหน แค่เปลี่ยนรูปแบบ ช่องทางซื้อเท่านั้น 

"นาทีนี้ต้องอดทนไม่ยอมแพ้ เราต้องรอด ต้องแก้เกม หาข้อมูลพฤติกรรมผู้บริโภคเสมอ เพื่อให้เราขยับธุรกิจตามกลุ่มเป้าหมายได้ ขณะที่่สังคมเต็มไปด้วยข่าวลวง คนทำงานต้องมีสติใช้เหตุผลพิจารณาสิ่งไหนน่าเชื่อถือ ถูกต้อง การตื่นตัวต้องมีคลอด เพราะการแข่งขันเกิดขึ้นตลอด ตัดสินใจให้ดีในเวลาที่ถูกต้อง เพราะจากนี้ไปความไม่แน่นอนจะเกิดตลอด ที่ขาดไม่ได้การทำตลาดยุคนี้ต้องทำเพื่อส่วนร่วมด้วย"  

++ช้าเร็วถึงเส้นชัยแน่!

สุพัตรา เป้าเปี่ยมทรัพย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร เมรากี้ จำกัด อดีตแม่ทัพพฤษา เรียลเอสเตท และยูนิลีเวอร์ ประเทศไทย ได้ผันตัวมาตั้งบริษัทให้คำปรึกษาแก่ธุรกิจใหญ่ 5 หมวดหมู่ทั้งอาหาร เครื่องดื่ม ค้าปลีก และวัสดุก่อสร้าง ฯ ฉายภาพธุรกิจเวลานี้ปัญหาหนักที่กำลังเผชิญทุกรายคือลูกค้าหาย รายได้ไม่มี และต้องแบกภาระค่าใช้จ่ายรอบด้าน 

"กระแสเงินสด" คือสิ่งสำคัญยิ่ง แต่สถานการณ์ไม่เอื้อให้ทำเงิน ซ้ำร้ายกำไรหด ผู้ประกอบการบางรายแบกภาระหนี้สินเพิ่ม แต่ห้วงเวลายากเหล่านี้เชื่อว่าต้องรอดไปได้ 

"โควิดระบาดเวฟ 3 คงสุด ต้องต่ำสุดแล้ว ต้องเอาให้ผ่านและรอดให้ได้" เมื่อฮึดสู้แล้ว การคิดเร็วทำเร็ว ปรับตัวเป็นทางอออก แม้บางรายไม่รู้จะปรับตัวอย่างไร แต่อยากให้ลองค้นหาพ้นสวรรค์ในตัว ตั้งสติ ให้เกิดปัญหาหาจุดแข็งที่มีแล้วดึงออกมาใช้ให้ประโยชน์ให้ได้ 


"ผู้นำต้องมี Agility ปรับตัว คล่องแคล่วว่องไว รู้ว่าเป็นช่วงลำบากแต่อย่าดูถูกตัวเองว่าทำอะไรไม่เป็น ตอนนี้รอโอกาส ฟ้าลิขิตไม่ได้ ต้องกระโจนทำสิ่งใหม่ๆ" ทั้งนี้ หลายคนค้นพบความสามารถทำสิ่งใหม่ในช่วงวิกฤติ ไม่ว่าจะเป็นการทำอาหารเพื่อส่งขายเดลิเวอรี่ การพลิกจากเจ้าของกิจการ มนุษย์เงินเดือน ไปทำการเกษตรสร้างรายได้หลักแสนบาทต่อเดือน การขายสินค้าออนไลน์ เป็นต้น  

ท่ามกลางความไม่แน่นอน การลดเรื่อง "เป้าหมาย" ยอดขาย กอบโกยความมั่งคั่งอาจต้องเบรกไว้บ้าง หันไปโฟกัสพนักงาน ให้กำลังกันเพื่่อรอดไปด้วยกันก่อน ลองทำในสิ่งที่ริเริ่มได้แม้จะเป็นเรื่องเล็กๆ แต่ทุกอย่างต้องไม่ลืมที่จะ "สร้างแบรนด์" ให้ผู้บริโภคกลุ่มเป้าหมายรับรู้ เมื่อโรคระบาดหนักข้อขึ้น โรงพยาบาลสนามมีคนไข้ และบุคลากรทางการแพทย์จำนวนมาก ทำให้เห็นน้ำใจคนไทยช่วยบริจาค ธุรกิจร้านอาหารสามารถทำข้าวกล่องเมนูง่ายไม่ซับซ้อนในราคายุติธรรมป้อนโรงพยาบาลสนาม ติดชื่อแบรนด์ เบอร์ติดต่อ หากโดนใจจะมีโอกาสขยายตลาดได้

ร้านค้าทั่วไป หรือโชห่วย ปรับตัวเดลิเวอรี่ ส่งตามบ้านเรือนลูกค้าในรัศมี 3-5 กิโลเมตร หรือส่งภายใน 5-10 นาที การหาความต้องการตลาดที่ต่างจากคู่แข่ง พอสร้างความได้เปรียบร้านสะดวกซื้อ ห้างค้าปลีกขนาดใหญ่ เหล่านี้เป็นหนทางช่วยเพิ่มยอดขายได้ 

"การปรับตัว อย่าดูที่เงินเป็นหลัก ธุรกิจเริ่มต้นจากเล็กเสมอ อย่าดูถูกเงินน้อยย เก็บเบี้ยใต้ถุนร้าน เพื่อรอโอกาสเปิด"    

อย่างไรก็ตาม หากสารพันปัญหาที่เผชิญทำให้คิดไม่ออก หาทางปรับตัวไม่ได้ "สุพัตรา" แนะให้เขียนแผนที่ความคิด(Mind Map) คิดอะไรได้ให้เขียนไปเรื่อยๆ แจกแจงความคิด และยังเหมือนเป็นการระบาย ล้างสมองให้โล่ง ที่ช่วยให้ปิ๊งไอเดียและหาทางออกได้ด้วย  

อย่างไรก็ตาม ตอนนี้ไม่ใช่แค่ดูแลธุรกิจให้รอด การทำร่างกายให้แข็งแรงสำคัญสุด ยิ้มสู้กับทุกปัญหาถาโถม เพราะช้าเร็วเชื่อว่าธุรกิจไปถึงเส้นชัยแน่นอน "แพ้ไม่ได้ เร็วช้าถึงเส้นชัยที่ต้องการแน่ ต้องชนะแน่ วิกฤตินี้แพ้ไม่ได้"  

++จุดตะเกียงดีกว่าด่าความมืด

ดั่งใจถวิล  อนันตชัย ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายปฏิบัติการ และกรรมการผู้จัดการ บริษัท อินเทจ (ประเทศไทย) จำกัด มองนักการตลาด ผู้ประกอบการ ทุกภาคส่วนต้องอยู่ท่ามกลางวิกฤติโรคระบาดเกือบ 2 ปี สิ่งสำคัญทุกคนต้องจุดตะเกียงดีกว่าด่าความมืด เพราะโรคระบาดที่เกิดขึ้นคาดการณ์ไม่ได้จะมาราธอนแค่ไหน จึงไม่ใช่เวลาที่จะรอแสงสว่างปลายอุโมงค์

ทั้งนี้ ห้วงเวลาโรคระบาดยังอยู่ การตระหนักความจำเป็นในชีวิตหรือ "อิคิไก"ไ สามารถปรับประยุกต์ใช้กับแบรนด์ นักการตลาด และผู้บริโภคอย่างดี โดยต้องมาพิจารณา 4 มิติ 1.รู้ความปรารถนาหรือแพชชั่นของตัวเอง 2.มีแพชชั่นแล้วเก่ง มีสามารถหรือไม่ 3.การวางเป้าหมายและทำให้เกิดขึ้นจริง และ4.สิ่งทำสร้างประโยชน์ให้ภาคส่วนไหนบ้าง สิ่งเหล่านี้ช่วยทำให้จุดมุ่งหมายของแบรนด์หรือBrand Purpose ใหญ่ขึ้น 

ขณะเดียวกันนักการตลาดต้องทำตัวเป็นฟองน้ำ ซึมซับสิ่งที่เห็นรอบตัว โดยเฉพาะพฤติกรรมผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงไป เพื่อนำเสนอสินค้าและบริการตอบโจทย์กลุ่มเป้าหมายไดไ้แม่นยำ กรณีศึกษาแบรนด์ "ซิซซ์เล่อร์" ที่ปรับตัวเปิดร้านคีออสบนสถานีรถไฟฟ้า เสิร์ฟอาหารให้ผู้บริโภค ที่มานั่งในร้านไม่ได้ ปรับเมนู ราคาให้เหมาะกำลังซื้อ สร้างการเติบโตยยอดขาย 

 "ทุกคนต้องร่วมมือกันมากขึ้นไม่แค่แบรนด์ แต่ผนึกกับผู้บริโภคได้ด้วยในการทำสิ่ง

ต่าง ๆ เช่น การสร้างแพลตฟอร์ม เปิดพื้นที่ให้ขายสินค้าร่วมกัน สร้างความหวัง แสงสว่างให้ตัวเองเพื่อเดินไปข้างหน้า"  

++ระวัง  แต่ต้องเร็วทันกระแส 

เอกก์ ภทรธนกุล ภาควิชาการตลาด คณะพาณิชยศาสตร์และการบัญชี จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กล่าวว่า บางประเทศที่ฉีดวัคซีนให้ประชาชนครบ 2 เข็ม ทำให้ผู้บริโภคเริ่มกลับมาใช้ชีวิตปกติสะท้อนถึงการถวิลหาสิ่งที่เคยทำในชีวิตประจำวัน ดังนั้น นักการตลาดจึงเตรียมลงทุน ลงแรง และเทใจเพื่อทำกิจกรรมการตลาดอีกครั้ง ส่วนไทยที่ต้องเตรียมพร้อมรับคือการเปลี่ยนวิธีคิด 3 ประการ ได้แก่ 1.เลิกยึดติดตัวเลขการเติบโต ซึ่งเป็นสุดยอดความปรารถนาของนักการตลาด ควรปรับตัวเพื่อ "อยู่รอดให้เป็น" 
#3478

"เจ้ย อภิชาติพงศ์" ถือโอกาส"คอลเอาท์" เรื่องการบริหารจัดการสถานการณ์โควิดในประเทศไทย ระหว่างขึ้นรับรางวัล "Jury Prize" ใน "เทศกาลหนังเมืองคานส์" จากภาพยนตร์เรื่อง "Memoria"

'อภิชาติพงศ์ วีระเศรษฐกุล' หรือ 'เจ้ย' ผู้กำกับภาพยนตร์ชาวไทย สร้างชื่อใน 'เทศกาลภาพยนตร์เมืองคานส์' อีกครั้งเมื่อ Memoria ภาพยนตร์เรื่องล่าสุดของเขาได้รางวัล 'The Jury Prize' หรือรางวัลขวัญใจกรรมการ จาก Cannes Film Festival ครั้งที่ 74 ที่เพิ่งประกาศไปสด ๆ ร้อนๆ เมื่อเวลาประมาณตีหนึ่งของวันที่ 18 กรกฎาคม 2564 ตามเวลาประเทศไทย โดย Memoria ได้รับรางวัลนี้ร่วมกับภาพยนตร์เรื่อง Ahed's Knee ของผู้กำกับชาวอิสราเอล Nadav Lapid

หากจะพูดว่าอภิชาติพงศ์เป็นผู้กำกับชาวไทยที่ไปโลดแล่น และโด่งดังในต่างแดนมากกว่าในประเทศบ้านเกิดก็คงไม่ผิด เพราะเขาเป็นคนทำหนังนอกระบบ และมักทำผลงานออกมาในแนวทดลอง ใช้นักแสดงที่ไม่ได้เป็นมืออาชีพ ทำให้หนังของเขาถูกจริตคนที่ชอบภาพยนตร์สายประกวด หรือหนังอาร์ตมากกว่า

ความเก่งกาจของอภิชาติพงศ์ฉายออกมาให้เห็นตั้งแต่ในภาพยนตร์สารคดียาวเรื่องแรกของเขา 'ดอกฟ้าในมือมาร' (Mysterious Object at Noon) พ.ศ. 2543 ที่ได้เข้าร่วมเทศกาลภาพยนตร์นานาชาติจำนวนมาก และได้รางวัลมาครองถึง 4 รางวัล แถมยังได้รับเลือกให้เป็นหนึ่งในภาพยนตร์ที่ดีที่สุดประจำปี 2543 โดยนิตยสาร The village voice

ชื่อเสียงของอภิชาติพงศ์โด่งดังมากขึ้นเมื่อภาพยนตร์เรื่อง 'สุดเสน่หา' (Blissfully Yours) ได้รับรางวัล Un Certain Regard ในเทศกาลภาพยนตร์เมืองคานส์ประจำปี พ.ศ. 2545 และถูกจัดเป็นหนึ่งในภาพยนตร์ที่ดีที่สุดที่คานส์โดยนิตยสาร Le Cahiers du Cinema

ตามมาด้วย 'สัตว์ประหลาด!' (Tropical Malady) พ.ศ. 2547 กับรางวัล Jury Prize ซึ่งเป็น 'ภาพยนตร์ไทยเรื่องแรก' ที่ได้รับคัดเลือกในสายประกวดหลักของเทศกาลภาพยนตร์เมืองคานส์อีกด้วย และ 'แสงศตวรรษ' (Syndromes and A Century) พ.ศ. 2549 กับรางวัลภาพยนตร์ยอดเยี่ยม Lotus du Meuilleur Film-Grand Prix ในงานเทศกาลภาพยนตร์จากเอเชีย ครั้งที่ 9 ประเทศฝรั่งเศส

ก่อนที่จะมาถึงจุดพีคเมื่อภาพยนตร์เรื่อง 'ลุงบุญมีระลึกชาติ' (Uncle Boonmee Who Can Recall His Past Lives) (พ.ศ. 2553) ได้รับรางวัล 'ปาล์มทองคำ' ซึ่งเป็นรางวัลสูงสุดจากเทศกาลภาพยนตร์เมืองคานส์ ครั้งที่ 63

เรียกได้ว่าอภิชาติพงศ์เป็น 'ผู้กำกับขาประจำ' ของเทศกาลภาพยนตร์เมืองคานส์กันเลยทีเดียว เพราะนอกจากจะมีหนังเข้าประกวด และได้รับรางวัลเป็นว่าเล่นแล้ว เขายังได้รับเลือกให้เป็นหนึ่งในคณะกรรมการตัดสินรางวัล (ในส่วนของภาพยนตร์สายหลัก) ประจำเทศกาลภาพยนตร์เมืองคานส์ ปี ค.ศ. 2008 อีกด้วย

แล้วในเทศกาลภาพยนตร์เมืองคานส์ครั้งที่ 74 นี้ อภิชาติพงศ์ก็สร้างชื่อเสียงให้กับตัวเอง และประเทศไทยอีกครั้งเมื่อภาพยนตร์เรื่อง Memoria ได้รับรางวัล Jury Prize (รางวัลพิเศษจากคณะกรรมการ) ไปครอง ซึ่งก็ไม่เป็นที่น่าแปลกใจเท่าไรนัก เพราะในการฉายรอบปฐมทัศน์เมื่อวันที่ 15 กรกฎาคมที่ผ่านมา หลังจากที่หนังจบลง ผู้ชมในโรงต่างพากันลุกขึ้นยืนปรบมือให้กับอภิชาติพงศ์เป็นเวลานานถึง 14 นาที ก่อนที่เจ้าตัวจะกล่าวคำว่า Long Live Cinema หรือ "ภาพยนตร์จงเจริญ" ออกมา


ส่วนตอนที่ขึ้นไปรับรางวัล Jury Prize และกล่าวคำปราศัยบนเวทีนั้น อภิชาติพงศ์ได้ถือโอกาสใช้เวทีระดับโลกอย่างเทศกาลภาพยนตร์นานาชาติเมืองคานส์ 'คอลเอาท์' ถึงสถานการณ์ในประเทศว่า

"ผมโชคดีที่ได้มายืนอยู่ที่นี่ในขณะที่เพื่อนร่วมชาติของผมจำนวนมากไม่อาจเดินทางได้ พวกเขาจำนวนไม่น้อยต้องทุกข์แสนสาหัสจากโรคระบาด เพราะการบริหารจัดการผิดพลาดเรื่องทรัพยากร การสาธารณสุข และการเข้าถึงวัคซีน

ผมอยากจะเรียกร้องรัฐบาลไทย รัฐบาลโคลอมเบีย รวมถึงรัฐบาลประเทศอื่น ๆ ที่ตกอยู่ในสถานการณ์คล้ายคลึงกัน ขอให้ตื่นขึ้น และทำงานเพื่อประชาชนของพวกคุณ เดี๋ยวนี้"
#3479


สถานการณ์การระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) ในประเทศไทยยังมีแนวโน้มรุนแรงต่อเนื่อง จำนวนผู้ติดเชื้อรายวันที่ทรงตัวในระดับสูง ซึ่งการแพร่ระบาดระลอกนี้ทวีความรุนแรงจากการกลายพันธุ์ของไวรัสสายพันธุ์ใหม่ "เดลต้า"

ส่งผลให้สำนักวิจัยหลายแห่งปรับลดคาดการณ์เศรษฐกิจไทยลงจากเดิมคาดจะเติบโตได้ราว 3% เหลือเติบโตไม่ถึง 1% และในกรณีเลวร้ายเหลือ 0% ล่าสุดวานนี้ (15 ก.ค.) ในรายงาน "เส้นทางสู่การฟื้นตัวทางเศรษฐกิจ" โดยธนาคารโลก ได้ปรับลดคาดการณ์จีดีพีไทยปี 2564 เหลือเติบโต 2.2% จากคาดการณ์เดิมในเดือน มี.ค.2564 ที่คาดว่าจะเติบโต 3.4% เนื่องจากผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 ระลอกที่สามที่มีต่อการบริโภคภาคเอกชนและแนวโน้มนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เดินทางเข้ามาในจำนวนที่ต่ำมากจนถึงสิ้นปีนี้

เกียรติพงศ์ อริยปรัชญา นักเศรษฐศาสตร์อาวุโส ธนาคารโลกประจำประเทศไทย กล่าวว่า การบริโภคภาคเอกชนคาดว่าจะขยายตัวเพียงเล็กน้อยที่ 2.4% เพราะถูกผลกระทบจากมาตรการลดและจำกัดการเคลื่อนย้าย ความคืบหน้าในการฉีดวัคซีน และการสูญเสียรายได้ แม้จะได้รับมาตรการช่วยเหลือทางสังคมบางส่วนแล้วก็ตาม 

ขณะที่การท่องเที่ยวปี 2564 คาดว่าจะมีนักท่องเที่ยวเดินทางเข้ามาในประเทศไทยเพียง 6 แสนคน จากเดิมคาดการณ์ไว้ที่ 4-5 ล้านคน และต่ำกว่าในปี 2562 ซึ่งเป็นปีก่อนเกิดโควิด-19 ที่มีนักท่องเที่ยวเดินทางเข้ามาในประเทศสูงถึง 40 ล้านคน

ทั้งนี้ ในกรณีเลวร้ายหากมาตรการล็อกดาวน์ลากยาวในไตรมาส 3 ปี 2564 (ก.ค.-ก.ย.) ธนาคารโลกคาดว่าการเติบโตของเศรษฐกิจในปีนี้จะอยู่ที่ 1.2% และ 2.1% ในปี 2565

อย่างไรก็ตามปัจจัยหนุนจากการส่งออกสินค้าและมาตรการทางการคลังที่จะออกมาจะเป็นกลไกสำคัญในการผลักดันกิจกรรมทางเศรษฐกิจโดยรวม โดยการส่งออกสินค้าและบริการยังคงเพิ่มขึ้นต่อเนื่องจากอุปสงค์ที่ฟื้นตัวในกลุ่มประเทศคู่ค้าหลักของไทย ตามทิศทางการฟื้นตัวของอุปสงค์โลกต่อชิ้นส่วนยานยนต์ อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ เครื่องจักรกล และผลผลิตทางการเกษตร โดยคาดว่าการส่งออกปีนี้จะเติบโต 7.3%

ส่วนมาตรการทางการคลัง ล่าสุด ในเดือน พ.ค.ที่ผ่านมา รัฐบาลประกาศอนุมัติ พ.ร.ก.กู้เงินเพิ่มเติมอีก 5 แสนล้านบาท เพื่อจะใช้ในการช่วยเหลือครัวเรือน และคาดว่าจะกระตุ้นจีดีพีให้เพิ่มขึ้นได้อีกประมาณ 1.5% เมื่อเทียบกับกรณีฐานที่คาดไว้ ขณะที่ความกังวลระดับหนี้สาธารณะของไทยที่คาดว่าจะเพิ่มสูงขึ้นมาในปีนี้ที่ 59.3% และปี 2565 ที่ 62.1% ซึ่งมากกว่าเพดานหนี้ที่กฎหมายระบุไว้ที่ 60% แต่ความเสี่ยงต่อความยั่งยืนทางการคลังของไทยยังอยู่ในระดับที่บริหารจัดการได้ เพราะส่วนใหญ่เป็นหนี้ที่เป็นเงินตราภายในประเทศ อีกทั้งหากเทียบกับประเทศอื่นๆ ประเทศไทยยังมีระดับเงินทุนสำรองที่ค่อนข้างสูง

ขณะที่ข้อกังวลของธนาคารโลก คือ การให้ความช่วยเหลือแก่ประชาชนในกลุ่มเปราะบาง สะท้อนจากระดับหนี้ครัวเรือนที่อยู่ในระดับสูงจาก 80% มาอยู่ที่ 90% โดยหลักมาจากรายได้ที่หายไปในช่วงโควิด-19 ส่งผลให้ภาระหนี้ต่อรายจ่ายปรับตัวเพิ่มขึ้น ซึ่งมาตรการเยียวยาและมาตรการสนับสนุนจากภาครัฐมีส่วนสำคัญอย่างยิ่ง โดยแนะนำรัฐบาลควรดูแลให้ความช่วยเหลือกลุ่มเป้าหมายอย่างมีประสิทธิภาพเพื่อจำกัดภาระทางการคลังโดยรวม เพราะการระบาดของโควิด-19 ทั่วโลกยังคาดเดาได้ยาก

นอกจากนี้ยังมีความเสี่ยงจากความมีประสิทธิภาพของวัคซีนต่อไวรัสสายพันธุ์ใหม่ และความไม่มีประสิทธิภาพหรือไม่สมบูรณ์ในการดำเนินการตามแผนด้านการคลัง เหล่านี้อาจมีผลให้การฟื้นตัวของเศรษฐกิจช้าลง

"หากอัตราการฉีดวัคซีนของประชากรอยู่ในดับนี้ไปจนถึงสิ้นปี 2564 คาดว่าประมาณ 70% ของประชากรจะได้รับวัคซีนอย่างน้อย 1 เข็มภายในสิ้นปีนี้ และจะได้รับวัคซีนครบ 2 เข็มภายในกลางปี 2565 และจะส่งผลให้กิจกรรมทางเศรษฐกิจกลับมาฟื้นตัวเท่ากับก่อนเกิดโควิด-19 ในช่วงต้นปีหน้าเป็นต้นไป"

เกียรติพงศ์ กล่าวอีกว่า ธนาคารโลกคาดว่ากิจกรรมทางเศรษฐกิจจะไม่กลับไปอยู่ในระดับก่อนการระบาดจนถึงปี 2565 ขณะที่การฟื้นตัวคาดว่าจะเป็นไปอย่างช้าๆ และไม่สม่ำเสมอ โดยคาดการณ์จีดีพีปี 2565 จะปรับขึ้นสูงอยู่ที่ 5.1% 

อย่างไรก็ตามประมาณการดังกล่าวตั้งอยู่บนสมมติฐานที่สำคัญ 3 ประการได้แก่ 1.ความก้าวหน้าของอัตราการฉีดวัคซีนในประเทศ 2.ความเพียงพอของการได้รับวัคซีนโควิด-19 ทั่วโลกดีขึ้นจนทำให้การท่องเที่ยวระหว่างประเทศกลับมาฟื้นตัวได้ และ 3. ความสามารถในการเบิกจ่ายงบประมาณ 5 แสนล้านบาท

เดวิด มัลพาส ประธานธนาคารโลก คาดว่า ภูมิภาคเอเชียตะวันออกและแปซิฟิกไม่รวมจีนปีนี้ เศรษฐกิจขยายตัว 4% ลดลงจาก 4.4% ที่เคยคาดการณ์ไว้ในเดือน มี.ค. เนื่องจากหลายประเทศ เช่น เมียนมาเศรษฐกิจดิ่งลงกว่าคาด

หากรวมจีนเข้าไปด้วย ธนาคารโลกคาดว่าเศรษฐกิจเอเชียตะวันออกและแปซิฟิกปีนี้จะขยายตัว 7.7% สูงกว่า 7.4% ที่เคยคาดการณ์ไว้ในเดือน มี.ค. ส่วนจีนปีนี้เติบโต 8.5%

มัลพาส กล่าวด้วยว่า ความเร็วในการฉีดวัคซีนของชาติต่างๆ ยังคงเป็นความเสี่ยงต่อแนวโน้มการเติบโต หลายประเทศในภูมิภาคไม่มีทีท่าว่าสามารถฉีดวัคซีนให้ประชากรได้ครบโดสก่อนปี 2567

"ความสำคัญเฉพาะหน้าของประเทศกำลังพัฒนาคือประชาชนฉีดวัคซีนได้ทั่วถึงสอดรับกับแผนการฉีด"

ประธานธนาคารโลก กล่าวด้วยว่า เขากังวลเรื่องการฟื้นตัวไม่เท่ากันในการฟื้นตัวสองระดับประเทศกำลังพัฒนาฟื้นตัวหลังเขตเศรษฐกิจพัฒนาแล้ว ที่แกร่งกว่าเนื่องจากประชาชนฉีดวัคซีนครบโดสมากกว่า

"นี่คือเหตุผลว่า ทำไมเราถึงให้ความสำคัญมากกับการขยายการเข้าถึงวัคซีน" มัลพาส ระบุ ไม่กี่วันก่อนเขาเพิ่งประกาศว่า ธนาคารโลกเพิ่มงบประมาณซื้อและฉีดวัคซีนป้องกันโควิดจาก 1.2 หมื่นล้านดอลลาร์เป็น 2 หมื่นดอลลาร์เพื่อแจกจ่ายให้แก่ประเทศกำลังพัฒนาที่ตอนนี้กำลังต้องการวัคซีนอย่างมาก
#3480

(15 ก.ค.64) จากกรณี องค์การเภสัชกรรม (อภ.) ออกแถลงการณ์วันที่ 14 ก.ค. ที่ผ่านมา เรื่องแจ้งความเอาผิด นพ.บุญ วนาสิน ประธานกรรมการ บริษัท ธนบุรี เฮลท์แคร์ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ THG ฐานหมิ่นประมาทด้วยการโฆษณา เป็นเหตุให้องค์การเภสัชฯได้รับความเสียหาย กรณีเผยแพร่ข้อมูลอันเป็นเท็จการจัดซื้อวัคซีน "โมเดอร์นา" นั้น
 
ฝ่าย นพ.บุญ ประกาศลั่นว่า "หากองค์การเภสัชฯ ฟ้องผม จะเป็นเรื่องที่ดี เพราะเอกสารต่าง ๆ ขององค์การเภสัชฯ จะได้ถูกเปิดเผย (แฉ) กลางศาล มีหมดว่าซื้อเท่าไหร่ อย่างไร"
 
แน่นอนว่า เมื่อนพ.บุญ ซึ่งมีชื่อเสียงอยู่แล้ว ตกเป็นข่าวดังอีกครั้ง หลายคนจึงสนใจเรื่องประวัติของนายแพทย์คนนี้ รวมถึง "อาณาจักรธุรกิจ" ที่อยู่ในการบริหารของกลุ่มบริษัท THG ของเขาด้วย
 
กรุงเทพธุรกิจ ได้สำรวจข้อมูลเพิ่มเติมจากเว็บไซต์กรมพัฒนาธุรกิจการค้าและเว็บไซต์ของบริษัท พบว่า บริษัทนี้ก่อตั้งโดย นพ.บุญและกลุ่มแพทย์ เมื่อวันที่ 13 ส.ค. 2519 ในชื่อเดิมว่า บริษัท โรงพยาบาลธนบุรี จำกัด ก่อนจดทะเบียนแปรสภาพเป็นบริษัทมหาชนและจดทะเบียนเปลี่ยนชื่อบริษัทเป็น บริษัท โรงพยาบาลธนบุรี จำกัด (มหาชน) ในปี 2537
ใครถือหุ้นใหญ่ THG
 
ตั้งแต่นั้นมา THG เติบโตและขยายกิจการเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ ข้อมูลเว็บไซต์ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) ระบุว่า มูลค่าบริษัท THG ณ วันที่ 13 ก.ค. 2564 อยู่ที่ 25,048 ล้านบาท โดยปัจจุบันมีผู้ถือหุ้นใหญ่อันดับ 1 เป็น บริษัท โรงพยาบาลรามคำแหง จำกัด (มหาชน) ซึ่งถืออยู่ 17.19% และอันดับ 2 คือ นางจารุวรรณ วนาสิน ซึ่งเป็นคู่สมรสของ นพ.บุญ ถืออยู่ 13.96%
 
ส่วน นพ.บุญ ข้อมูลจากเว็บไซต์ ธนบุรี เฮลท์แคร์ กรุ๊ป ระบุว่า ถือหุ้นอยู่ในอันดับ 13
ข้อมูลจากเว็บไซต์เดียวกัน เผยว่า นพ.บุญ สำเร็จการศึกษา แพทยศาสตรบัณฑิต จาก มหาวิทยาลัยมหิดล และยังได้วุฒิบัตรเพื่อแสดงความรู้ความชำนาญในการประกอบ วิชาชีพสาขาอายุรศาสตร์ และทางเดินอาหาร จาก มหาวิทยาลัย John Hopkins ในสหรัฐด้วย
 
 
ปัจจุบัน นพ.บุญ วัย 82 ปี นั่งเก้าอี้ ประธานกรรมการบริษัท THG โดยมี นพ.ธนาธิป ศุภประดิษฐ์ เป็นประธานกรรมการบริหาร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และรองประธานกรรมการ
 
ผลประกอบการ 3 ปีหลังสุด
 
ขณะที่ข้อมูลจากกรมพัฒนาธุรกิจการค้า พบว่า ผลประกอบการย้อนหลัง 3 ปีล่าสุดของ THG แยกเป็นดังนี้
 
ปี 2563
รายได้ : 7,315 ล้านบาท
กำไร : 62 ล้านบาท
 
ปี 2562
รายได้ : 8,232 ล้านบาท
กำไร : 462 ล้านบาท
 
ปี 2561 ล้านบาท
รายได้ : 7,094 ล้านบาท
กำไร : 348 ล้านบาท
 
ส่วนในไตรมาสแรกของปี 2564 บริษัทรายงานว่า มีรายได้ 1,584 ล้านบาท ขาดทุน 214 ล้านบาท
 
ธุรกิจการแพทย์ที่ THG ถือหุ้นเกิน 50%
 
นอกจากนี้ จากการสำรวจข้อมูลยังพบว่า บรรดาธุรกิจเกี่ยวกับ "บริการทางการแพทย์" ที่ THG ถือหุ้นอยู่เกิน 50% ประกอบด้วย 6 บริษัท ดังนี้
 
1. บริษัท ทันตสยาม จำกัด
ทุน 31.93 ล้านบาท จำนวน 3,174,930 หุ้น (99.42%)
2. บริษัท ศูนย์หัวใจ โรงพยาบาลธนบุรี จำกัด
ทุน 100 ล้านบาท จำนวน 9,998 หุ้น (99.98%)
3. บริษัท ธนราษฎร์ทุ่งสง จำกัด -- ประกอบกิจการโรงพยาบาลเอกชน ใน จ.นครศรีธรรมราช
ทุน 600 ล้านบาท จำนวน 30,669,250 หุ้น (51.11%)
4. บริษัท โรงพยาบาล ราษฎร์ยินดี จำกัด (มหาชน) -- กิจการโรงพยาบาลเอกชน อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา
ทุน 430 ล้านบาท จำนวน 244,734,031 หุ้น (56.91%)
5. บริษัท โรงพยาบาลธนบุรี บำรุงเมือง จำกัด -- กิจกรรมโรงพยาบาล
ทุน 1,223 ล้านบาท จำนวน 48,926,453 หุ้น (99.99%)
6. บริษัท โรงพยาบาลอุตรดิตถ์ธนบุรี จำกัด -- โรงพยาบาลเฉพาะทาง
ทุน 120 ล้านบาท จำนวน 11,999,700 หุ้น (99.99%)
 
ขณะเดียวกัน คาดว่าชื่อของ "นพ.บุญ" จะยังคงอยู่ในความสนใจของสังคมต่อไปอีก หลัง นพ.บุญ เปิดเผยกับบีบีซีไทยว่า ในวันที่ 15 ก.ค. บริษัทจะลงนามสัญญาเพื่อนำเข้าวัคซีนต้านโควิด-19 กับ บริษัท ไบออนเทค ที่มีโรงงานผลิตวัคซีนไฟเซอร์ในเยอรมนี โดยจะมีหน่วยงานรัฐที่มีสิทธินำเข้าวัคซีนร่วมลงนามด้วย ซึ่งคาดว่าจะเปิดเผยชื่อหลังจากการลงนามแล้วเสร็จ
 
การลงนามสัญญาที่จะเกิดขึ้นในวันที่ 15 ก.ค. ถือเป็นขั้นตอนสุดท้ายในการยืนยันจำนวนวัคซีนที่สั่งซื้อและนำเข้า หลังจากกระบวนการต่าง ๆ ดำเนินการมาเป็นเวลาหนึ่งเดือนแล้ว ส่วนงานด้านเอกสารสำคัญ คำสั่งซื้อ ร่างสัญญาต่าง ๆ เตรียมไว้พร้อมแล้ว
 
"เหลือเพียงแค่ทางด้านสหรัฐ เท่านั้นว่าจะอนุมัติตามที่ขอไป 20 ล้านโดส ในระยะแรกหรือไม่" นพ.บุญ กล่าวกับบีบีซีไทย เมื่อวันที่ 14 ก.ค.